คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : The Forgotten Realm
แสงสลัวของรุ่งสางค่อยๆแทรกผ่านเปลือกตาที่หนักอึ้ง ดานีนรู้สึกถึงความเย็นของดินชื้นๆที่แนบอยู่ใต้ร่างกาย เปลือกตาของเธอขยับช้าๆ ขณะที่ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทุกข้อต่อ ทุกกล้ามเนื้อ ทุกบาดแผลราวกับเตือนถึงความเหนื่อยล้าที่เกินขีดจำกัด เสียงน้ำไหลกระทบฝั่งเบาๆดังก้องในหู ชวนให้รู้สึกเหมือนเธอกำลังติดอยู่ในวังวนของความอ่อนล้าที่ไม่มีวันสิ้นสุด
หญิงสาวพยายามฝืนลืมตา แต่ภาพที่เห็นกลับพร่าเลือนและเบลอเหมือนมองผ่านม่านหมอกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ดานีนหอบหายใจหนัก พยายามรวบรวมพลังเฮือกสุดท้าย แต่ความเหนื่อยล้ากลับถาโถมใส่เธอจนดวงตาค่อยๆปิดลงอีกครั้ง
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ดานีนฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ทุกอย่างเริ่มปรากฏชัดเจน เพดานไม้เก่าที่เต็มไปด้วยรอยแตก กระท่อมเล็กๆ ที่มีกลิ่นไม้ผสมกับกลิ่นชื้นของแม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆ ชวนให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยและลึกลับในคราวเดียวกัน ชายชรานั่งข้างเตียงในชุดผ้าลินินยาวสีน้ำตาล คาดด้วยสายเชือกป่านที่เอว ใบหน้าเหี่ยวย่นเปื้อนรอยยิ้มบางๆแฝงด้วยแววตาที่อ่านยาก ขณะที่กลิ่นสมุนไพรแห้งลอยอบอวลในอากาศ ดานีนรู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยท่ามกลางความเหนื่อยล้าของร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
“ฟื้นแล้วหรือ?” เสียงแหบแห้งของชายชราดังขึ้น น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนคนที่ไม่ได้พูดคุยกับใครมานานแสนนาน
ดานีนพยายามหายใจเข้าลึก แต่ปอดของเธอเหมือนจะต้านแรงอากาศไม่ไหว เธอพยายามขยับริมฝีปาก แต่ออกมาเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบา “ที่นี่… ที่ไหนคะ?”
ชายชราหัวเราะเบาๆ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงเยาะเย้ย แต่เป็นเสียงของความเห็นใจปนความอ่อนล้า เขายื่นถ้วยน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำใสเย็นให้ ดานีนรับมาด้วยมือสั่นเทา จิบลงไปทีละน้อย รสชาติน้ำจืดธรรมดาที่ทำให้ลำคอของเธอโล่งขึ้น
“ข้าเจอเจ้าหมดสติอยู่ริมน้ำ” ชายชราเอ่ยขึ้นขณะที่สายตาของเขาจ้องมองออกไปไกล “คงเป็นกระแสน้ำพัดเจ้ามาที่นี่ โชคดีที่ยังมีลมหายใจ แต่บางคนอาจบอกว่านี่ไม่ใช่โชคดี”
ดานีนขมวดคิ้วเล็กน้อย ความทรงจำเกี่ยวกับการหลบหนี ความเจ็บปวด ความหนาวเย็นของสายน้ำไหลเชี่ยวและภาพของกาเบรียลที่ถูกกระแสน้ำซัดพัดหายไปยังคงติดตรึงอยู่ในความคิด มันเหมือนฝันร้ายที่ไม่อาจสลัดหลุด แม้เธอจะพยายามบอกตัวเองว่าเธอยังโชคดีมีลมหายใจอยู่ก็ตาม
“แล้วที่นี่คือที่ไหนคะ?” เธอถามเสียงแหบแห้ง
ชายชราหันกลับมา รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น “ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านเงา หรือที่ที่คนภายนอกเรียกว่า ‘ดินแดนที่ถูกลืม’”
“ดินแดนที่ถูกลืม…” ดานีนทวนคำ สายตาของเธอไล่สำรวจไปรอบๆห้องเล็กที่มีเพียงเครื่องเรือนเก่าแก่และเรียบง่าย ผนังไม้เก่าที่ดูเหมือนพร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ เสียงน้ำไหลแผ่วเบาดังมาจากที่ไกลๆ ทำให้เธอรู้สึกได้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำ แต่กลับถูกปิดบังจากสายตาผู้คนภายนอก ราวกับสถานที่แห่งนี้เป็นความลับที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ในเงามืดของโลกใบนี้
เขาเริ่มเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านแห่งนี้ สถานที่ที่ผู้คนเคยหลบหนีจากความโหดร้ายของสงครามและภัยอันตรายต่างๆ หมู่บ้านซ่อนเร้นที่ไม่มีใครกล้าตามมา เป็นที่ลี้ภัยสำหรับผู้สิ้นหวัง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ที่นี่ก็กลายเป็นดินแดนที่ถูกลืมเลือน เพราะความลับมากมายที่ฝังรากลึกไว้ ไม่มีใครกล้ากลับไปเผชิญความจริงและไม่มีใครกล้าเข้ามาท้าทายโชคชะตา
“เจ้าอาจต้องพักที่นี่จนกว่าจะฟื้นตัว” ชายชรากล่าว น้ำเสียงอ่อนโยนขณะมองดูแผลบนร่างกายนางด้วยสายตาเวทนา “ในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครถามถึงอดีตของใคร หากเจ้าพร้อมพูด ข้าจะฟัง แต่หากเจ้าต้องการลืม ทุกคนที่นี่ก็จะปล่อยให้มันเลือนหายไปกับสายลม… เช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่ผ่านมา”
ดานีนหลับตาลงช้าๆ ความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดในใจยังไม่หายไป แต่บางอย่างในแววตาของชายชราผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยที่ไม่ได้สัมผัสมานาน บางทีในดินแดนที่ถูกลืมแห่งนี้ อาจมีความหวังเล็กๆ รอให้เธอไขว่คว้า เพื่อที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้งและเริ่มต้นใหม่
วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในหมู่บ้านเงา หญิงสาวต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะลุกจากเตียงได้ ร่างกายของเธอปวดระบมทุกครั้งที่ขยับตัว แต่การดูแลอย่างเงียบงันและความเอื้ออาทรของชายชราในกระท่อมไม้หลังเล็กๆก็ช่วยประคับประคองเธอให้ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นได้ เขาไม่เคยเอ่ยถามถึงอดีตของเธอ แม้ในแววตาจะเต็มไปด้วยคำถามที่ถูกเก็บงำไว้ก็ตาม ดานีนรับรู้ถึงความเงียบที่อบอุ่นนั้น ซึ่งไม่กดดัน แต่กลับช่วยให้เธอเริ่มรู้สึกถึงที่พักพิง
ในเช้าวันหนึ่ง แสงแดดอ่อนๆสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้ขนาดเล็กในกระท่อม ชายชราชวนเธอออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านด้วยกัน เขาเล่าถึงผู้คนในหมู่บ้านที่หลีกหนีจากพวกโจรสลัดและความทุกข์ยาก บ้างมาเพราะความผิดพลาดที่ทำไปในอดีต บ้างมาเพราะแสวงหาความเงียบสงบในที่ที่คนเลือกทิ้งอดีต ดานีนรับฟังอย่างเงียบๆขณะที่เดินผ่านบ้านเรือนที่สร้างจากไม้เก่าเรียบง่ายที่ตั้งเรียงรายหลายหลัง
ชายชราแนะนำตัวเองว่าเขาชื่อ ‘ราเมน’ ชายผู้มีอายุเกินครึ่งศตวรรษ มีความรู้มากมายจากการเดินทางในอดีต แต่เลือกจะใช้ชีวิตเงียบๆในหมู่บ้านแห่งนี้ “ข้ารู้ดีว่าเจ้ายังมีคำถามมากมาย” ราเมนพูดขณะที่พาเธอไปยังทุ่งเล็กๆ ที่ชาวบ้านปลูกผักและสมุนไพร “แต่ที่นี่ เราอยู่กันวันต่อวันและปล่อยให้อดีตเป็นเพียงเงา”
เธอพยายามปรับตัวให้กลมกลืนกับชีวิตในหมู่บ้านเงา เริ่มต้นด้วยการช่วยงานเบาๆ เช่นเก็บสมุนไพรกับราเมน เรียนรู้การปลูกผักและจับปลาในลำธารใกล้ๆ ทุกเช้าราเมนจะตื่นขึ้นพร้อมกับแสงแรกของวันและพาเธอออกไปทำงานที่เงียบสงบแต่มากด้วยความหมาย เธอได้เห็นวิถีชีวิตเรียบง่ายของคนที่ต้องการหนีจากโลกภายนอก และในความเงียบนี้ ดานีนได้เรียนรู้ที่จะฟังเสียงหัวใจตัวเองอีกครั้ง
วันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองกำลังจัดสมุนไพร ราเมนหันมามองเธอ “เจ้าคงเคยผ่านเรื่องที่หนักหนามาสินะ” ดวงตาของเขาฉายแววที่บอกว่ารู้และเข้าใจโดยไม่ต้องถาม
ดานีนพยักหน้า “ข้า…ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง” น้ำเสียงของเธอสั่นไหว ขณะเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างกระท่อม ดวงตาสะท้อนภาพพงไพรที่ทอดตัวไกลสุดสายตา ราวกับหวังให้ความทุกข์ทั้งหมดถูกกลืนหายไปในความเงียบสงบของธรรมชาติ
ราเมนยิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องรีบร้อน ความเจ็บปวดต้องใช้เวลาในการสมานแผล เจ้าจะดีขึ้นอีกครั้งเมื่อพร้อมก้าวเดินต่อไป”
นับแต่นั้นมา หญิงสาวค่อยๆฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ เธอได้พบเจอผู้คนในหมู่บ้านที่มีเรื่องราวหลากหลาย บางคนเปิดใจเล่าเรื่องราวความผิดพลาดในชีวิตที่ผ่านมา บางคนเลือกจะปิดปากเงียบ คล้ายกับเธอที่ยังไม่พร้อมจะพูดถึงความสูญเสียและเรื่องราวที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง การจากลาโลกใบเดิม มารดาของเธอที่ยังคงรออยู่ คำพูดของบิดาหรือลุงเอเดรียนที่ยังคงคลุมเครือและกาเบรียล ชายหนุ่มที่เธอไม่อาจลืมได้
ชีวิตในหมู่บ้านเงาทำให้ดานีนเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน แม้ว่าความทรงจำจากโลกใบเดิมและเหตุการณ์ของกาเบรียลจะยังคงตามหลอกหลอนเธอในยามค่ำคืนก็ตาม ราเมนกลายเป็นที่พึ่งพิง เป็นครูและเป็นผู้ฟังที่ดีของดานีน เขาสอนเธอเกี่ยวกับการใช้สมุนไพร การปลูกพืชและการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแต่ทรงคุณค่า บ่อยครั้งที่ทั้งคู่จะนั่งอยู่ริมลำธาร มองแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าผ่านแมกไม้โดยไม่ต้องเอ่ยคำใด เพียงแค่การอยู่ด้วยกันในความเงียบ ก็ทำให้ดานีนรู้สึกว่าความโดดเดี่ยวที่เธอแบกรับเริ่มเบาบางลง
หญิงสาวเริ่มเข้าใจแล้วว่าการฟื้นตัวนั้นไม่ใช่เพียงการรักษาร่างกาย แต่คือการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภารกิจที่รออยู่ข้างหน้า การยอมรับความจริงและเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ของการที่เธอต้องมาอยู่ในร่างของโคลอี้ ความหวังในค้นพบคำตอบของโชคชะตาที่บิดาเคยกล่าวถึง ในหมู่บ้านเงานี้เธอมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่ภารกิจและความลับที่ยังรอการเปิดเผยคือสิ่งที่เธอจะต้องเผชิญในไม่ช้า
ชายชราผมหงอกขาวนั่งเคียงข้างกับหญิงสาวร่างบอบบาง ผมยาวสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไหวไปตามสายลมที่พัดผ่าน ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมลำธาร สายน้ำใสไหลเอื่อยๆ พัดพาก้อนกรวดเล็กๆ ให้กลิ้งไปตามกระแสน้ำ ลมเย็นที่พัดผ่านพาเอากลิ่นชื้นของดินและเสียงน้ำกระทบโขดหินมากระทบโสตประสาทของทั้งคู่ ดานีนที่เงียบมาหลายวันมองออกไปยังทิศทางที่สายน้ำไหลไป สายตาเต็มไปด้วยความคิดคำนึง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเอ่ยคำถามที่เก็บไว้ในใจมาตลอด
“ท่านตา… ท่านรู้เรื่องอาณาจักรนี้มากแค่ไหนคะ?” ดานีนเอ่ยขึ้น เสียงของเธอแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่น
ราเมนเงยหน้าขึ้นจากงานจักสานที่อยู่ในมือ “เจ้าสงสัยอะไรรึ เด็กน้อย?” เขาถามกลับ น้ำเสียงเรียบง่ายแต่เปิดโอกาสให้นางเล่าออกมา
“ข้ารู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวมีเงื่อนงำ” หญิงสาวตอบ ดวงตาจ้องมองลำธารตรงหน้า “ข้า… ข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ข้ารู้ว่าโลกนี้ไม่ใช่ที่ของข้าจริงๆ ข้าจำสิ่งที่พ่อเคยบอกได้เลือนราง จำเรื่องผู้พิทักษ์ จำคำพูดที่ข้าต้องทำบางสิ่งสำคัญให้ลุล่วง และ… และข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่เหมือนกับข้า ราวกับเงาสะท้อน แต่ชีวิตของนางไม่ใช่ของข้า”
ราเมนพยักหน้าเบาๆ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “อาณาจักรนี้มีประวัติศาสตร์มากมายที่ถูกซ่อนเร้น มีตำนานและความลับที่คนมากมายไม่เคยล่วงรู้ หากเจ้าเป็นผู้ถูกเลือก หรือถูกพาให้มาที่นี่เพื่อทำอะไรสักอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าใครจะเข้าใจ ข้าก็เชื่อว่าเจ้าจะพบคำตอบนั้นในท้ายที่สุด”
ดานีนก้มหน้าลง สัมผัสได้ถึงความหนักอึ้งของโชคชะตาที่วางอยู่บนบ่า “แต่ข้ากลัว… กลัวว่าจะทำผิดพลาด กลัวว่าจะทำลายสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ”
“ทุกคนย่อมกลัว” ราเมนเอ่ยปลอบ “แต่ความกลัวนั้นเองที่จะผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า เพื่อค้นหาความจริงที่เราตามหาและเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้ในวันที่มืดมนที่สุด”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย “โลกแห่งนี้…ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางของผู้คนที่มีพลังพิเศษ พวกเขาเรียกตนเองว่า ‘ผู้พิทักษ์’ มีหน้าที่ปกป้องสมดุลของโลก… พลังที่พวกเขาครอบครองมีทั้งพลังแห่งแสง สายลม สายน้ำและธาตุต่างๆ แต่ละคนมีพันธะสัญญาที่ไม่อาจละเมิดได้”
ดานีนฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นปนสงสัย “แล้ว…เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาคะ?”
ราเมนถอนหายใจลึก ดวงตาแฝงความเศร้าเมื่อเริ่มเล่าเรื่องราว “เมื่ออาณาจักรที่ก่อตั้งขึ้นเติบโตถึงจุดสูงสุด ความทะเยอทะยานและความโลภก็เพิ่มพูนตามไปด้วย ผู้พิทักษ์บางคนลืมพันธะหน้าที่ที่พวกเขามี ใช้พลังในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว สงครามภายในจึงปะทุขึ้นและยืดเยื้อจนทำให้อาณาจักรแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ผู้พิทักษ์ที่ยังซื่อสัตย์ถูกล่อลวง บ้างถูกทำลาย บ้างต้องหลบซ่อนและหายไปในเงามืด”
เขาหยุดไปชั่วครู่ ราวกับครุ่นคิดถึงบางสิ่งที่แสนไกลก่อนจะกล่าวต่อ “ตำนานบางเรื่องเล่าต่อกันว่าความวุ่นวายของโลกนี้เกิดขึ้นจาก ‘รอยแยกของประตูมิติ’ ที่พวกผู้พิทักษ์ซึ่งลืมหน้าที่ของตนปล่อยให้พลังชั่วร้ายหลั่งไหลเข้ามาในโลก สร้างความโกลาหลและความรุนแรงที่เกินจะควบคุมได้ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจนักว่าประตูมิติหรือโลกอื่นๆ นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ นี่เป็นเพียงเรื่องราวที่ข้าได้ฟังจากคำบอกเล่าของผู้อื่นเท่านั้น”
“แล้วตอนนี้… ยังมีผู้พิทักษ์เหลืออยู่ไหมคะ?” ดานีนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ราวกับบางสิ่งภายในตัวเธอกำลังตื่นขึ้นจากการหลับใหล
“ยังมีอยู่” ราเมนตอบ “แต่พวกเขาเลือกที่จะซ่อนตัว ไม่เปิดเผยตัวเองอีกต่อไป กลัวว่าอดีตจะซ้ำรอย กลุ่มผู้พิทักษ์ที่เหลือรอดอยู่มักจะใช้ชีวิตเงียบๆ หรือไม่ก็รอคอยเวลาที่จะกลับมาทำหน้าที่ของพวกเขาอีกครั้ง หากมีสิ่งใดที่ทำลายสมดุลหรือคุกคามอาณาจักร”
ดานีนก้มหน้าลง พยายามรวบรวมความคิดที่วุ่นวาย โลกที่พ่อและลุงของเธอเคยพูดถึง อาจเกี่ยวพันกับภาระหน้าที่นี้ บางทีเธออาจเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์เหล่านั้น แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้อะไรเลย? หรือมีบางอย่างปิดกั้นความทรงจำของเธอไว้?
ราเมนนั่งเงียบอยู่ชั่วครู่หลังจากที่เล่าเรื่องจบ ดวงตาอ่อนล้าของเขาจับจ้องเด็กสาวที่ยังคงจมอยู่ในความคิด สีหน้าและแววตาของนางสะท้อนทั้งความสับสน ความสงสัย ราวกับไฟที่กำลังลุกโชนแต่ยังหาหนทางไม่พบ
ชายชราเอ่ยขึ้นความฉงน “ดูเหมือนเจ้าจะสนใจเรื่องของผู้พิทักษ์มาก หรือว่าเจ้าเชื่อว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริงๆ?”
ดานีนสะดุ้งเล็กน้อย ไม่ตอบในทันที ดวงตาของเธอหลบแสงที่ลอดผ่านใบไม้ก่อนจะสบตากับราเมน “ข้า…ไม่แน่ใจนัก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความลังเล “แต่พ่อและลุงของข้าเคยพูดถึงภารกิจบางอย่างและข้ารู้สึกว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ข้าไม่สามารถจดจำได้ทั้งหมด แต่ในใจข้ารู้สึกว่ามันสำคัญ”
ราเมนฟังเงียบๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นปรากฏรอยยิ้มบางๆ ที่ผสมผสานระหว่างความสงสัยและความเข้าใจ “เจ้าคงไม่ได้หลงเข้ามาในเรื่องราวนี้โดยบังเอิญ” เขากล่าวช้าๆ “บางทีการค้นหาคำตอบนี้จะนำทางเจ้าไปสู่สิ่งที่เจ้าตามหา แต่หนทางของผู้พิทักษ์ไม่เคยราบรื่นหรือปลอดภัยหรอกนะ”
ดานีนพยักหน้า ดวงตาของเธอแน่วแน่ “หากมันคือสิ่งที่ข้าต้องทำ ข้าก็พร้อมจะก้าวเดินไป ไม่ว่าหนทางนั้นจะเป็นอย่างไร”
เขามองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความห่วงใย “ในโลกที่เต็มไปด้วยปริศนาและเงามืด การเลือกที่จะค้นหาความจริงไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดาย ข้าหวังว่าเจ้าจะเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่อาจรออยู่”
ดานีนหลับตาลง พยายามเรียบเรียงความคิดที่ยุ่งเหยิง ในใจเธอเหมือนความจริงบางอย่างกำลังค่อยๆ ถูกเปิดเผยและเชื่อมโยงกันชัดเจนยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น