ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Let's change! ตอนจบนั้น เปลี่ยนฉันให้รักเธอ

    ลำดับตอนที่ #12 : Defeat in the Night

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ย. 67


    สายฝนโปรยละอองปกคลุมประภาคารสีดำสนิทที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล คล้ายเงาร่างผู้เฝ้ามองเหตุการณ์ในความมืดมิด เสียงคลื่นซัดกระแทกกำแพงหินดังก้องสะท้อนทั่วอากาศที่เงียบงัน ฟ้าอึมครึมปกคลุมผิวน้ำที่ปั่นป่วนเบื้องล่าง นกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งบินฝ่าสายฝน แม้ปีกจะหนักอึ้งจากหยาดน้ำที่เกาะอยู่ ทว่าความมุ่งมั่นในภารกิจทำให้มันยังคงร่อนลงบนขอบหน้าต่างชั้นบนสุดของประภาคารได้สำเร็จ

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดทหารเรือรีบคว้ากระดาษเล็กๆ ที่ผูกติดมากับขานกพิราบ เขาเปิดออกด้วยความรีบร้อน ดวงตาเพ่งมองข้อความที่เปียกชื้นจากละอองฝน ‘เร่งด่วน โจมตีหมู่บ้านเมอเรียส’

    ผมสีดำพลิ้วไหวตามแรงลมที่พัดผ่านหน้าต่าง เผยให้เห็นแววตาเคร่งเครียดและมุ่งมั่น เขาหันไปสบตาชายหนุ่มผมสีทองที่ยืนรอคำสั่งอยู่ใกล้ๆ “อัสติน! เตรียมพร้อมเรือพยาบาล อาจมีคนบาดเจ็บจำนวนมาก”

    อัสติน แพทย์ประจำกองเรือรบ รีบพยักหน้ารับคำสั่ง “รับทราบ”

    “เตรียมเรือพร้อมบุก แจ้งหน่วยลาดตระเวนและส่งทหารไปเตือนหมู่บ้านใกล้เคียง เฝ้าระวังการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”

    “รับทราบครับ!” ทหารอีกคนที่รอรับคำสั่งอยู่ใกล้ๆทำความเคารพก่อนรีบหมุนตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว 

    อัสตินขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาฉายแววครุ่นคิด “มันแปลก... ปกติพวกโจรสลัดไม่เคยบุกถี่ขนาดนี้มาก่อน จะต้องมีอะไรบางอย่างที่พวกเรายังไม่รู้” เขาเอ่ยก่อนจะทำความเคารพแล้วก้าวออกจากห้องเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ

    “เหมือนพวกมันไม่เกรงกลัวกฎหมายอีกแล้ว” คาออสพึมพำ ดวงตาสีเข้มจ้องมองแผนที่บนโต๊ะอย่างเคร่งเครียด หัวคิ้วยุ่งเหยิงเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ แผนที่ที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายจุดบุกของพวกโจรสลัด เส้นทางที่พวกมันล่าเหยื่อ ทิ้งร่องรอยแห่งความโหดร้ายไว้ราวกับท้าทาย ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งได้ แม้แต่กองทัพที่เขาเป็นผู้นำก็ยังต้องยอมรับว่าพวกมันกล้าหาญเกินคาด

     

    “เรือพร้อมแล้วครับ ท่านผู้การ!”

    คาออสพยักหน้ารับ ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องทหารหนุ่มที่รายงานด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ ความตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วประภาคาร

    อัสตินที่เพิ่งกลับมาจากการเตรียมเสบียงเวชภัณฑ์และการเตรียมเรือพยาบาลหันมาสบตากับคาออส ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล “มีอีกเรื่องที่ข้าได้ยินจากชาวบ้าน... พวกโจรสลัดไม่ได้แค่ปล้นสะดมเหมือนทุกที แต่ดูเหมือนพวกมันกำลังค้นหาอะไรบางอย่างในทุกบ้าน รื้อค้นทุกซอกทุกมุม เหมือนว่ามีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงบางอย่าง”

    คาออสหยุดชะงัก แววตาครุ่นคิดปรากฏบนใบหน้า ราวกับพยายามปะติดปะต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะสั่งการอย่างเด็ดขาด “ส่งนกพิราบไปแจ้งหน่วยลาดตระเวนทางใต้ แล้วอีกตัวให้ส่งไปหาวัลดัส บอกให้เขาระวังตัว มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล”

    ฝนยังคงโปรยปรายลงมา คาออสสวมเสื้อคลุมกันฝนแล้วก้าวลงบันไดวนของประภาคาร ความมืดและความหนาวเหน็บแผ่ปกคลุม ความรู้สึกคาดไม่ถึงหนักอึ้งราวกับลางร้ายที่ซ่อนอยู่ในสายลมและคลื่นที่โหมกระหน่ำ เสียงคลื่นยิ่งดังสนั่นเมื่อคาออสก้าวลงสู่พื้นเบื้องล่าง มองดูเรือรบสามลำและเรือพยาบาลเล็กๆที่ทอดสมอรออยู่ เหมือนเงาตะคุ่มกลางทะเลที่พร้อมจะออกไล่ล่าฝ่ามรสุม คลื่นลมที่กระหน่ำบ่งบอกถึงบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น บางสิ่งที่อาจเปลี่ยนชะตากรรมของหมู่บ้านและท้องทะเลทั้งหมด

     

    “จมมันให้หมด!” เสียงคำรามของวาลวิซดังก้องไปทั่วห้องกัปตัน หมัดใหญ่กระแทกลงบนโต๊ะไม้เก่าด้วยความเกรี้ยวกราด ทำให้แผนที่และเอกสารกระจัดกระจายไปทั่ว ดวงตาข้างเดียวที่เหลืออยู่ฉายแววอำมหิต ขณะที่รอยแผลเป็นที่พาดผ่านดวงตาข้างซ้ายที่บอดสนิทปูดนูนขึ้นอย่างน่าเกลียด ร่องรอยจากการปะทะกับคาออสในอดีต เตือนใจถึงวันอันโหดร้ายนั้น วันที่เขาได้แต่ยืนมองบิดาถูกลากตัวเข้าคุกโดยไร้หนทางช่วยเหลือ

    “ทุกหมู่บ้าน ทุกเรือประมง ให้ไอ้คาออสรู้ว่าใครคือผู้ครองทะเลใต้!”

    “แต่หัวหน้า…” เฮนรี่กระซิบเสียงสั่นเล็กน้อย “การเผาหมู่บ้านเมอเรียสอีกแห่ง… มันอาจดึงให้พวกกองทัพเรือหลวงแห่มากันหมด…”

    วาลวิซตวัดสายตาเยียบเย็นไปยังเฮนรี่ รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นที่มุมปาก “นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ ให้พวกมันรู้ซะบ้างว่าการกระทำของไอ้ผู้การนั้นแลกมาด้วยอะไร มันจะต้องรู้ว่าการจับบิดาข้ามีผลอย่างไรตามมา”

    วาลวิซก้าวไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังท้องทะเลที่มืดครึ้มและปั่นป่วนด้วยพายุคลื่น ผ่านช่องกระจกที่เปิดออกเพียงเล็กน้อย เขาเห็นเด็กชายตัวน้อยนั่งขดตัวอยู่ใต้ท้องเรือ เด็กน้อยที่ถูกจับมาโดยความบังเอิญระหว่างการโจมตีหมู่บ้านอัซซัม ความวุ่นวายและเสียงกรีดร้องยังคงดังก้องในความทรงจำ ดวงตาข้างเดียวของวาลวิซหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ราวกับมีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกกว่าความต้องการแก้แค้น บางสิ่งที่แม้แต่ลูกเรือที่ภักดีที่สุดของเขาก็ยังไม่อาจล่วงรู้

    “และเด็กคนนี้…” เขาพึมพำ มุมปากยิ้มบางๆ “มันมีบางอย่างพิเศษ ข้าสัมผัสได้”

    “เราจะใช้มันต่อรองกับไอ้ผู้การนั่นหรือ?”  เฮนรี่ถามเสียงเบา

    “ไม่… ยังไม่ใช่” วาลวิซหัวเราะเบาๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความพอใจ “มันมีค่ามากกว่านั้น แต่เราต้องรอ… รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม”

    วาลวิซหยิบแผ่นกระดาษสีเหลืองเก่าขึ้นมา แผนที่ที่เขาลักลอบขโมยมาจากหอสมุดหลวงในระหว่างการปะทะครั้งนั้น “ไอ้คาออส... คิดว่าตัวเองฉลาด คิดว่าจับบิดาข้าได้เพราะฝีมือ” เขากล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย้ยหยันปนความเคียดแค้น

    “แต่มันไม่เคยรู้เลยว่าครั้งนั้นข้าตั้งใจให้มันจับ เพราะคุกหลวงนั่นแหละ คือที่เดียวที่ข้าจะเข้าถึงความลับบางอย่างได้” ดวงตาของเขาวาววับด้วยความเหี้ยมเกรียม สะท้อนความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหลุดจากเป้าหมาย เสียงลมและคลื่นกระหน่ำทะเลเหมือนสอดรับกับความคิดอันแฝงเร้น ขณะที่ริมฝีปากยังคงยกยิ้มอย่างน่าสะพรึง

    ทันใดนั้น เสียงตะโกนดังลั่นจากดาดฟ้าเรือ “หัวหน้า! มีเรือรบทางการกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา!”

    วาลวิซยิ้มเหี้ยม ดวงตาวาวโรจน์ดั่งเพลิงแค้นที่สุมอยู่ในอกมานาน “ดี ปล่อยให้มันตามมา ให้มันคิดว่ากำลังจะควบคุมทุกอย่างได้”

    เขาหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องเรือรบสามลำที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา แล่นไปตามน่านน้ำที่โหมซัดคลื่นลมรุนแรงราวกับเงาแห่งความตายที่กำลังจู่โจม วาลวิซกำมือแน่น เสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาเย้ยหยันแทรกซึมในอากาศ

    “ข้าจะทำให้เจ้าสูญเสียทุกสิ่ง คาออส… ทุกอย่าง... เหมือนที่เจ้าทำกับข้า!”

    เสียงหัวเราะเย็นเยียบของวาลวิซดังสะท้อนไปทั่วห้อง มุมปากของเขายกขึ้นอย่างสะใจ สายฟ้าพาดผ่านท้องฟ้าสีหม่น เปล่งประกายวาบในความมืดดั่งสัญญาณแห่งการล้างแค้น

    “ไปเตรียมเรือ” เขาสั่งเฮนรี่เสียงกร้าว “พาข้าไปยังจุดที่เตรียมการณ์ไว้ ทำให้มันคิดว่ากำลังจะตามพวกเราทัน!”

    ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารีบวิ่งออกไปเตรียมเรือตามคำสั่ง ทิ้งวาลวิซยืนอยู่ในห้องกับแผนการอันโหดเหี้ยมที่รอคอยเวลาอันเหมาะสมมานาน เขาจ้องมองแผนที่ที่ถือในมือ พลางกระซิบกับตัวเองราวกับพูดกับศัตรูที่ยังมองไม่เห็น

    “เจ้าคิดว่าชนะข้าในศึกครั้งก่อน” เขากระซิบเสียงเย็นชา นิ้วค่อยๆลูบรอยแผลเป็นที่พาดผ่านตาซ้าย “แต่คราวนี้ สงครามจะจบลงตามกฎของข้าและจะไม่มีใครรอดพ้น มันจะเป็นชัยชนะของข้า... เพียงผู้เดียว!”

     

    เปลวไฟลุกโชนท่วมหมู่บ้านเมอเรียส ควันดำลอยตลบอบอวลในความมืด เรือรบสามลำของกองทัพเวียนน่าแล่นฝ่าคลื่นลมกลางดึก ขณะที่สายฝนกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย

    “เร็วเข้า!” คาออสตะโกนสั่ง มือกำราวเรือแน่นจนข้อนิ้วขาว “เราต้องไปให้ทัน!”

    เรือรบทั้งสามลำและเรือพยาบาลแล่นฝ่าคลื่นเข้าใกล้ชายฝั่งมากขึ้น แต่เมื่อแสงไฟจากเรือสาดส่องลงมา ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนชะงักงัน บ้านเรือนถูกเผาเป็นจุณ ร่างของชาวบ้านนอนเกลื่อนกลาดทั่วพื้นดินเปื้อนเลือดแดงฉาน

    คาออสยืนนิ่ง จ้องภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง “ไม่...” เสียงกระซิบแทบขาดหาย “อีกแล้ว...”

    “ท่านผู้การ!” เสียงตะโกนจากยอดเสาดังขึ้น “มีเรือธงแดงสามลำกำลังแล่นออกจากอ่าวครับ!”

    คาออสหันขวับไปมองทันที ใบเรือสีแดงสดของเรือธงแดงปรากฏอยู่ที่ขอบฟ้า มันกำลังแล่นลับไปในความมืด ฝ่าสายฝนและคลื่นลมที่โหมกระหน่ำราวกับจะท้าทายโชคชะตา ชายหนุ่มรู้ดีว่าการไล่ล่าท่ามกลางทะเลปั่นป่วนแบบนี้เสี่ยงอันตรายแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก

    “ตามไป! ทุกลำ เตรียมพร้อมการไล่ล่า!”

    อัสตินที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ข้างๆขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ชาวบ้าน… อาจยังมีผู้รอดชีวิต”

    “ส่งเรือพยาบาลเข้าไปช่วย” คาออสตัดสินใจ “ที่เหลือตามข้ามา... คราวนี้พวกมันต้องหนีไม่รอด”

    เรือรบสามลำแล่นตามเรือโจรสลัดออกไปในความมืดมิด ท้องทะเลปั่นป่วนจากพายุใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะสว่างวาบในความมืด

    “มันแปลก…” ทหารนายหนึ่งพูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจ “ปกติพวกโจรสลัดไม่เคยทิ้งร่องรอยให้ตามชัดเจนเช่นนี้”

    คาออสนิ่งไป ครุ่นคิด... ใช่ ทุกอย่างดูง่ายเกินไป แต่ความแค้นและความรู้สึกผิดที่มาไม่ทันอีกครั้งทำให้เขาตัดสินใจไล่ตามต่อ

    เรือรบของพวกเขาแล่นลึกเข้าสู่ช่องแคบระหว่างเกาะเล็กๆสองเกาะ หมอกหนาทึบเริ่มก่อตัวรอบๆ บดบังทัศนวิสัยอย่างรวดเร็ว ฟ้าผ่ากระหน่ำสลับกับเสียงคลื่นกระทบโขดหิน เส้นทางที่ยากลำบากนี้ทำให้ทหารเรือเริ่มรู้สึกถึงลางร้ายที่ซ่อนอยู่

    “ผู้การครับ!” เสียงตะโกนดังมาจากเรืออีกลำ “ระวัง! มีหินโสโครกด้านหน้า!”

    เสียงเตือนนั้นสายเกินไป! เสียงดังสนั่นดังก้องไปทั่ว เรือรบลำที่สองพุ่งชนหินโสโครกอย่างจัง น้ำทะเลไหลทะลักเข้ามาในท้องเรืออย่างรวดเร็ว นายทหารตำแหน่งต้นหนพยายามบังคับหัวเรือแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์

    “กับดัก…” คาออสตระหนักได้ในทันที แต่ช้าเกินกว่าจะถอยออกจากเขตอันตราย

    เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องมาจากความมืด มันเป็นเสียงของวาลวิซ กัปตันเรือธงแดงที่เฝ้ารอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน เงามืดของเรือลำใหญ่ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกหนา เรือธงแดงทั้งห้าลำล้อมเรือรบของคาออสไว้ทุกทิศทาง

    “คิดถึงข้าไหม คาออส?” เสียงของวาลวิซดังก้อง ขณะที่แสงจากไฟฉายสาดลงมาเผยให้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยแผลเป็น “ข้ารอวันนี้มานาน… วันที่จะได้เห็นเจ้าและกองเรือของเจ้าจมลงไปใต้ทะเล!”

    ทันใดนั้น ธนูไฟพุ่งออกมาจากเรือโจรสลัดพร้อมเสียงระเบิดดังก้อง ใบเรือของกองทัพเริ่มลุกไหม้ ทหารวิ่งวุ่นพยายามดับไฟ แต่พายุฝนที่หนักหน่วงกลับกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นทุกความพยายาม

    “ถอย!” คาออสตะโกนก้องเสียงแหบพร่า แต่เสียงคำสั่งของเขามาช้าเกินไป เรือโจรสลัดสองลำแล่นเข้ามาประกบปิดทุกเส้นทางหนี เสียงดาบกระทบดาบก้องกังวานไปทั่วเรือ เลือดสาดกระเซ็นลงบนดาดฟ้า ขณะที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด คาออสตวัดดาบต่อสู้ด้วยความโกรธแค้น ดวงตาวาวโรจน์ แต่พวกโจรสลัดที่กรูกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เขารับรู้ทันทีว่านี่คือกับดักที่ถูกวางไว้อย่างแยบยลและไร้ทางหนี

    วาลวิซปรากฏตัวขึ้นที่ดาดฟ้าเรือ ดวงตาเยาะเย้ยมองลงมา “ข้าเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ครั้งก่อน คาออส เจ้าอาจฉลาด แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เจ้ารอดในวันนี้ ความหยิ่งผยองของเจ้าเองจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าต้องพินาศ”

    เปลวไฟลุกโชนท่วมเรือ ควันดำทำให้หายใจไม่ออก ทหารหลายนายล้มลงทีละคน ขณะที่คาออสได้แต่มองดูทุกอย่างพังทลายลงตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง

    “ถอย!” เขาตะโกนสุดเสียง “… กระโดดลงน้ำเดี๋ยวนี้!”

    เสียงน้ำกระเซ็นจากทหารที่กระโดดลงสู่ทะเลทีละคน สายฝนกระหน่ำและคลื่นลมบ้าคลั่งทำให้การเอาตัวรอดยิ่งยากลำบาก ขณะที่เสียงหัวเราะของวาลวิซยังคงดังก้องอยู่ไกลๆ

    “ไปบอกทุกคนซะ ท่านผู้การคนเก่ง…” วาลวิซตะโกนตามหลัง “ว่าทะเลทางใต้เป็นของใคร!”

    คาออสว่ายน้ำฝ่าคลื่นแรง มองดูเรือรบของตัวเองจมลงในความมืดราวกับถูกกลืนหายไปในทะเล หัวใจเขาแทบสลาย นี่คือความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยประสบ แต่ลึกลงไปในใจ เขารู้ว่ามันยังไม่จบและนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเกมแก้แค้นที่ซับซ้อนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     

    คำว่า ‘ไร้ความสามารถ!’ ยังดังก้องอยู่ในหัว ขณะที่คาออสก้าวออกจากห้องประชุมของสมาพันธ์ฯ ความเงียบภายนอกดูขัดแย้งกับบรรยากาศภายในที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความขุ่นเคือง ขุนนางผู้เฒ่าวัลเดนฟิสต์ยืนท่ามกลางกลุ่มขุนนางที่สีหน้าแสดงความไม่พอใจและผิดหวังอย่างชัดเจน ราวกับตอกย้ำคำกล่าวหาที่เพิ่งถูกประณาม ชายหนุ่มยืนอยู่เพียงลำพัง รู้สึกถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก

    “เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจนักหรือ คิดว่าจะจับวาลวิซได้ เพราะเคยจับบิดามันได้!” คำพูดของวัลเดนฟิสต์กรีดลึกลงไปในใจ ราวกับมีดที่บาดลึก ทิ้งความเจ็บแสบและความอัปยศที่ยากจะลืมเลือน

    คาออสยืนตรง แต่นัยน์ตาเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ราวกับมีน้ำหนักที่หนักหนากดทับลงไป ภาพของลูกเรือที่ล้มตาย ภาพชาวบ้านที่หมดลมหายใจ เสียงกรีดร้องที่ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำและรอยยิ้มเยาะเย้ยของวาลวิซที่ดูจะจดจำได้ทุกครั้งเมื่อหลับตาลง

    “ข้าคิดว่า…” คาออสพยายามเอ่ยคำอธิบาย แต่เสียงของเขาถูกกลบด้วยการตัดบทอย่างเฉียบขาด

    “สภาลงมติแล้ว” ประธานสมาพันธ์ฯ เอ่ยเสียงเรียบและเย็นชา “เจ้าจะถูกส่งไปประจำการที่ประภาคารเขตหก… จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง”

    ใครๆต่างก็รู้ดีว่าเขตหกนั้นไม่มีอยู่ในแผนที่ฐานทัพจริง มันเป็นเพียงจุดอ้างว้างที่อยู่ห่างไกลที่สุดจากศูนย์กลางของอาณาจักร พื้นที่ที่แทบจะไร้ประโยชน์และไม่มีใครเหลียวแล เหมือนการเนรเทศอันแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับทุกคนต้องการลบเขาออกจากสายตาไปชั่วนิรันดร์

    “และอีกเรื่อง…” วัลเดนฟิสต์พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะที่สายตาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าไม่กะพริบ “ตำแหน่งผู้การของเจ้าจะถูกระงับ เจ้าจะดำรงเพียงตำแหน่งทหารเรือยศจ่าเท่านั้น จนกว่าเจ้าจะพิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้ง”

    เสียงนั้นเหมือนเป็นประกาศสิ้นสุดทุกสิ่ง คาออสก้มหน้าลง รับรู้ถึงน้ำหนักของความผิดพลาดที่ตามมาทุกฝีก้าว เขาเดินออกจากห้องประชุมไปอย่างคนที่แทบจะไร้วิญญาณ เสียงซุบซิบนินทาของเหล่าขุนนางและทหารคนอื่นๆดังตามหลัง แต่เขากลับรู้สึกถึงความว่างเปล่า ความเจ็บปวดที่เกินบรรยาย

    จากผู้การหนุ่มอนาคตไกล ผู้ได้รับคำชื่นชมและความหวังจากคนทั้งกองทัพ กลายเป็นเพียงตัวตลกในสายตาของเหล่าขุนนางและทหารที่เคยเคารพ ทุกย่างก้าวของเขาหนักอึ้งด้วยความอับอายและความเจ็บปวด แรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาราวกับจะบดขยี้ทุกความฝันที่เคยสั่งสม

    การรับใช้ชาติที่เขาเคยทุ่มเททั้งชีวิตบัดนี้ถูกทำลายลงในชั่วข้ามคืน ภารกิจที่เคยเป็นเกียรติกลายเป็นภาระที่เขาแบกรับไว้คนเดียว บาดแผลจากความล้มเหลวครั้งนี้เจ็บลึกยิ่งกว่าทุกแผลที่เคยประสบในสนามรบ

    คาออสเพียงเดินออกจากห้องประชุมด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เหลือเพียงเงาแห่งความผิดหวังที่เคลื่อนไหวไปในความเงียบ ทุกสายตาที่เคยมองด้วยความศรัทธาบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสมเพช ชายหนุ่มร่างสูงที่เคยสง่างามกลายเป็นเพียงนักรบที่ถูกลืม ทิ้งไว้กับความผิดพลาดและความสูญเสียที่ถูกผู้คนจดจำแทน

     

    ห้องทำงานในประภาคารเขตหกเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดกระทบฝั่งและเสียงนกนางนวลที่โผบินในความว่างเปล่าของท้องฟ้า คาออสเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาจับจ้องไปยังแผนที่บนโต๊ะ แผนที่เก่าที่มีรอยวงกลมซ้ำไปซ้ำมาตรงตำแหน่งซากเรือรบของเขาที่จมลง ตำแหน่งแห่งความล้มเหลว

    อัสตินยืนมองคาออสจากมุมประตู แม้แต่เขายังแทบจำเพื่อนผู้การที่เคยองอาจและมั่นใจในตัวเองไม่ได้ คาออสที่เขารู้จักเคยเป็นชายที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ แต่บัดนี้เขากลับกลายเป็นเพียงเงาของตัวเอง เงียบงันและแฝงไปด้วยความสิ้นหวังที่อัสตินไม่เคยเห็นมาก่อน

    “ท่านผู้การ” อัสตินเอ่ยเรียกเสียงเบา แผ่นหลังของคาออสดูอ่อนล้า มือยังคงจับเอกสารตรงหน้าไว้อย่างไม่สนใจ

    “ข้าไม่ใช่ผู้การอีกแล้ว อัสติน” คาออสตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความอ่อนล้า “วางไว้ตรงนั้นเถอะ”

    อัสตินเผลอกำจดหมายในมือแน่น ไม่รู้จะพูดสิ่งใดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจเพื่อนสนิท แม้เขาจะเป็นแพทย์และผู้ช่วยที่ติดตามคาออสมาโดยตลอด แต่ในช่วงเวลานี้ เขารู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำให้เพื่อนผู้จมอยู่กับความผิดหวังสามารถหายเจ็บปวดได้

    “มีจดหมายจากท่านเอริค” อัสตินลังเลเล็กน้อย

    คาออสชะงัก มือที่กำลังเขียนรายงานหยุดนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย “ทิ้งมันไว้..กับจดหมายอื่นๆ”

    อัสตินมองกองจดหมายที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ สีหน้าฉายแววครุ่นคิด หลังจากวางจดหมายในมือลง เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ น้ำเสียงแฝงความห่วงใย “ข้าจะอยู่ที่นี่เสมอ… ข้าไม่รู้ว่าข้าจะช่วยอะไรได้มากแค่ไหน แต่หากเจ้าต้องการ… ข้าพร้อมจะรับฟัง”

    คาออสยังคงเงียบ ไม่ตอบคำใด ดวงตาของเขาจ้องมองแผนที่บนโต๊ะอย่างเหม่อลอย เส้นผมสีดำตกลงมาปรกหน้าผาก ปิดบังดวงตาไว้จนไม่มีใครสามารถมองเห็นความรู้สึกในนั้นได้ อัสตินยืนมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เขาทำได้เพียงเฝ้ามองเพื่อนสนิทจมอยู่ในเงามืดของความสิ้นหวัง โดยไม่สามารถช่วยฉุดดึงให้พ้นจากวังวนนี้ได้

    เขารู้ดีว่าคาออสไม่ได้เสียใจเพราะการถูกปลดจากตำแหน่ง แต่เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง การวู่วามที่นำไปสู่ความสูญเสียของเหล่าทหารผู้ภักดีต่างหาก นั่นเป็นบาดแผลที่กัดกินจิตใจของเขาอย่างเงียบงัน

    ภาพของคาออสที่นั่งนิ่งอยู่ในความมืด เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วเป็นพื้นหลัง ทอดเงาลงบนแผ่นหลังที่เคยสง่างามของผู้การหนุ่ม

    ในใจลึกๆ อัสตินยังคงเชื่อว่าสักวัน เวลาจะเยียวยาความเจ็บปวดนี้ ชายหนุ่มที่เคยมุ่งมั่นคนนั้นจะสามารถทิ้งความผิดพลาดไว้เป็นบทเรียนและลุกขึ้นสู้ต่อไป แม้วันนี้จะดูมืดมนและสิ้นหวัง แต่เขารู้ว่าเพื่อนของเขาไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาไปตลอดชีวิต

    ‘เจ้าจะกลับมายืนหยัดอีกครั้ง’  อัสตินคิดเงียบๆกับตัวเอง ‘และเมื่อถึงวันนั้น ข้าจะอยู่เคียงข้าง… เพื่อช่วยเหลือเจ้าเหมือนเช่นเคย’

    อัสตินเดินออกไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แต่ยังมีแสงแห่งความหวังที่แฝงไว้ รอคอยวันที่คาออสจะกลับมาเป็นชายที่เขาเคยรู้จักอีกครั้ง

    คาออสลูบแผลเป็นที่แขนซ้าย บาดแผลจากการต่อสู้อาจสมานได้ด้วยเวลา แต่บาดแผลในใจกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาจำได้ทุกภาพของเรือที่ลุกไหม้ เสียงต่อสู้ของเหล่าทหารที่ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำและความเย้ยหยันในดวงตาของวาลวิซ

    สายลมเย็นจากหน้าต่างพัดผ่านเข้ามา กลิ่นเกลือทะเลและไอชื้นของคลื่นทำให้ความทรงจำอันขมขื่นลอยเข้ามาในความคิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คาออสก้มมองแผนที่อีกครั้ง ท้องทะเลที่เคยเป็นสนามรบของเขาบัดนี้กลายเป็นเพียงพื้นที่แห่งความทรงจำที่ยากจะลบเลือน

    เขาต้องอยู่ที่นี่ในประภาคารเงียบเหงา ห่างไกลจากสายตาผู้คน ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่ไม่เคยหยุดซัดฝั่ง ราวกับเตือนถึงความผิดพลาดของเขาที่จะคอยหลอกหลอน จนกว่าเขาจะได้รับการให้อภัย หรืออย่างน้อย จนกว่าเขาจะสามารถให้อภัยตัวเองได้

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×