คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Severed Paths
ทั้งสองรีบวิ่งลงบันไดเวียนของหอคอย เสียงสัญญาณเตือนภัยแผดก้องสะท้อนผ่านทางเดินแคบ แสงจากคบไฟสว่างวาบขึ้นตามแนวกำแพงทีละดวง ราวกับเปลวเพลิงที่เฝ้าจับตาดูการหลบหนีของพวกเขาในความมืด
“ทางนี้!” กาเบรียลตะโกน มือแกร่งคว้าข้อมือดานีนแน่น ก่อนจะพากันวิ่งเข้าไปในทางเดินแคบข้างหอคอย ขณะที่เสียงฝีเท้าของทหารกองปักษาดังกระหน่ำไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด
พวกเขาวิ่งฝ่าความมืดไปยังม้าที่ดานีนขโมยมาซ่อนไว้ใต้เงาต้นไม้ใหญ่ กาเบรียลกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะยื่นมือฉุดดานีนขึ้นมานั่งซ้อนท้าย ทันทีที่นางกอดเอวเขาแน่น ม้าก็พุ่งทะยานออกไปในความมืด เสียงกีบเท้าม้ากระหน่ำกับพื้นดังก้องในความเงียบของราตรี
“เร็วเข้า! พวกเขากำลังตามมา!” ดานีนเอ่ยเร่ง
เสียงตะโกนของทหารกองปักษาดังแว่วมา พร้อมเสียงฝีเท้าม้าที่ควบใกล้เข้ามาทุกขณะ
ม้าควบทะยานออกจากหอคอย มุ่งหน้าเข้าสู่ผืนป่าทึบ เสียงกีบเท้าม้าหลายสิบตัวไล่ตามมาติดๆ แสงคบไฟส่องวูบวาบอยู่ด้านหลัง ดานีนเหลียวมองผ่านไหล่ เห็นหน่วยปักษานับสิบนายกำลังไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด
“จับให้ได้! อย่าให้ท่านหญิงหนีไป!” เสียงตะโกนสั่งการดังก้อง
กาเบรียลดึงบังเหียนให้ม้าพุ่งเข้าพงหญ้าสูง พุ่มไม้หนาทึบสะบัดโบกใส่ใบหน้าระหว่างที่ควบผ่าน ฉึก! ฉึก! ลูกธนูพุ่งปักกับต้นไม้ดังมาจากเบื้องหลัง ดานีนแทบจะแนบลำตัวติดแผ่นหลังของกาเบรียลด้วยความตกใจ
“อย่ายิง! ท่านหญิงอยู่บนหลังม้า!” เสียงตะโกนของผู้บังคับหน่วยปักษาดังก้อง ทำให้ลูกธนูที่กำลังจะถูกปล่อยออกไปต้องชะงักกลางอากาศ แต่แม้จะมีคำสั่งห้าม ทหารบางนายก็ยังคงเล็งธนูไปที่ขาม้า หวังจะทำให้มันสะดุดและชะลอความเร็วลง
“ข้าบอกว่าอย่ายิง!” ผู้บังคับบัญชาหน่วยตะโกนซ้ำ “หากลูกธนูพลาดไปโดนท่านหญิง พวกเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือ!?”
ทหารทั้งหมดจึงได้แต่ควบม้าไล่ตาม พยายามประชิดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ม้าของกาเบรียลวิ่งเร็วเกินกว่าจะตามทัน โดยเฉพาะในเส้นทางที่ขรุขระและมีต้นไม้หนาแน่นเช่นนี้
“ไล่ให้ทัน! อย่าให้พวกเขาไปถึงแม่น้ำได้!” เสียงตะโกนสั่งการดังไล่หลัง ขณะที่ม้าของกาเบรียลและดานีนค่อยๆ ทิ้งระยะห่างออกไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดของราตรี
“ยังอีกไกลไหม!?” เสียงของดานีนดังแข่งกับเสียงลมที่กรีดผ่านใบหู
“ใกล้แล้ว! ถ้าเราข้ามแม่น้ำได้ พวกเขาจะตามเราไม่ทัน!”
เสียงน้ำไหลเริ่มดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเหมือนเป็นสัญญาณแห่งความหวัง แต่เสียงฝีเท้าหนักๆของม้าที่ไล่ตามมาก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่สายลมเย็นพัดวูบผ่านหน้าเธอ หยาดเหงื่อซึมออกมาตามไรผม
ดานีนเหลียวมองไปด้านหลัง เห็นเงาของหน่วยปักษาที่กำลังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ การหลบหนีครั้งนี้ช่างเป็นเดิมพันที่สูงลิ่ว… เดิมพันว่าพวกเขาจะหนีรอดจากการไล่ล่าของเหล่าทหารหลายสิบนายได้หรือไม่?
เมื่อถึงริมแม่น้ำ กาเบรียลไม่ลังเลที่จะควบม้าลงไปสู่กระแสน้ำเย็นเฉียบ แต่คืนนี้กระแสน้ำกลับเชี่ยวกรากกว่าที่คาดไว้ ม้าตัวใหญ่พยายามว่ายทวนกระแสน้ำอย่างสุดกำลัง แต่แรงน้ำที่ถาโถมเข้าใส่กลับรุนแรงเกินต้าน จนมันเสียการทรงตัวในทันใด
“เกาะให้แน่น!” กาเบรียลตะโกนสุดเสียง แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าจะทันตั้งตัว
กระแสน้ำพัดอย่างรุนแรงจนม้าเสียหลัก ดานีนรู้สึกถึงมือที่เกาะเอวกาเบรียลเริ่มลื่นหลุดออกทีละนิด น้ำเย็นจัดกระแทกร่างเธอเต็มแรง ทันใดนั้นเอง เธอก็ถูกกระแสน้ำฉุดดึงจนหลุดออกจากการยึดเกาะ
“กาเบรียล!” ดานีนพยายามเอื้อมมือคว้าร่างเขา แต่กระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาพวกเขาแยกจากกันในชั่วพริบตา เสียงของกาเบรียลที่เรียกชื่อเธอค่อยๆเลือนหายไปกับสายน้ำที่โหมกระหน่ำ ความมืดของราตรีกลืนกินทุกอย่าง แม้แต่เงาของเขาก็ยังมองไม่เห็น เธอได้แต่ดิ้นรนให้ตัวลอยเหนือน้ำ ขณะที่กระแสน้ำเย็นเฉียบพัดพาเธอลอยไกลออกไปเรื่อยๆ ในความมืดมิดไร้ทิศทาง
“ต้องลอยตัวไว้... สูดหายใจ...” เธอพึมพำกับตัวเอง สะบัดแขนขาอย่างสิ้นหวังในกระแสน้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด
กระแสน้ำยังคงพัดพาไปไกลจากจุดเริ่มต้น เสียงลมหวีดหวิวเหนือศีรษะและความมืดที่ล้อมรอบทำให้รู้สึกเหมือนกำลังหลงอยู่ในขุมนรกที่ไม่มีทางออก ดานีนกัดฟันพยายามมองหาสิ่งที่พอจะยึดเกาะได้ แต่ทุกสิ่งถูกกระแสน้ำพัดหายไปหมด
ทันใดนั้น มือของเธอสัมผัสถึงบางสิ่ง... กิ่งไม้ใหญ่ที่ลอยมากับกระแสน้ำ ดานีนรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เฮือกสุดท้ายคว้ามันไว้แน่น แม้แขนจะปวดแปลบราวกับจะฉีกขาด เธอก็ยังกัดฟันกอดกิ่งไม้นั้นไว้ เสียงหอบหายใจหนักหน่วงของเธอผสานไปกับเสียงคลื่นน้ำที่โถมซัดเข้ามาเป็นระลอก
ในระยะไกล ทหารหน่วยปักษาที่มาถึงริมฝั่งได้ทันเห็นภาพสุดท้าย พวกเขาหยุดชะงัก ใบหน้าของพวกเขาฉายแววตกใจอย่างปิดไม่มิดเมื่อเห็นร่างสองร่างที่กำลังต่อสู้กับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก เสียงตะโกนสั่งการดังสะท้อนก้องไปทั่วป่าราตรี แสงคบไฟในมือพวกเขาสั่นไหวตามแรงลมและความรีบร้อน
“รีบลงน้ำช่วยท่านหญิง!” ผู้บังคับบัญชาหน่วยตะโกนเสียงดัง ก่อนจะกระโจนลงสู่กระแสน้ำพร้อมลูกน้อง แม้จะรู้ดีว่าคลื่นน้ำเชี่ยวกรากอาจกลืนกินพวกเขาได้ในชั่วพริบตา
น้ำเย็นจัดพุ่งกระทบผิวราวกับหนามแหลมที่แทงทะลุผ่าน ทหารหน่วยปักษากัดฟันฝ่ากระแสน้ำ แต่ก็แทบไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ง่ายๆ คลื่นซัดกระแทกอย่างดุดัน ดวงตาของพวกเขาเพ่งมองไปยังร่างของหญิงสาวและชายหนุ่มที่ถูกกระแสน้ำพัดพาไกลออกไป ความหวังริบหรี่ลงทุกขณะ แต่พวกเขาไม่หยุด... เพราะนี่คือหน้าที่และคำสาบานที่ไม่มีวันถอดใจ
เสียงฝีเท้าม้าของบาสเตียนที่ควบม้าตามมาอย่างบ้าคลั่งทันเห็นภาพสุดท้ายที่คนทั้งคู่กำลังจะข้ามแม่น้ำ
“โคลอี้! อย่า!” เขาตะโกนสุดเสียง พยายามจะควบม้าเข้าใกล้ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป เขาทำได้เพียงมองดูด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่ร่างของโคลอี้และกาเบรียลหายไปในกระแสน้ำอันโหดร้าย
“ไม่!” เขาร้องลั่น รีบกระโดดลงจากม้าแล้ววิ่งไปตามแนวตลิ่ง พยายามจะมองหาร่างของท่านหญิงในความมืด
“โคลอี้!” เขาตะโกนเรียกชื่อเธอ แต่มีเพียงเสียงน้ำที่ซัดสาดตอบกลับมา ความเย็นชาของกระแสน้ำราวกับลบทุกความพยายามและสิ่งที่เขาคาดหวัง
บาสเตียนกำหมัดแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะจ้องมองไปยังกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก “ข้าต้องช่วยนาง!” เขาตะโกนสุดเสียง เตรียมกระโจนลงน้ำ แต่ทหารนายหนึ่งรีบเข้ามาคว้าตัวเขาไว้แน่น
“อย่าครับท่าน!” เสียงทหารสั่นเครือด้วยความกังวล “กระแสน้ำแรงเกินไป ท่านจะเป็นอันตราย!”
บาสเตียนหันกลับมา ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและความสิ้นหวัง “แล้วเราจะปล่อยให้พวกเขาจมหายไปอย่างงั้นหรือ!?” เสียงของเขาสะท้อนก้องกลางสายลมเย็นยะเยือก
ทหารยังคงจับเขาไว้มั่น “ท่านต้องมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยพวกเขาต่อไป หากกระโดดลงไปตอนนี้ จะไม่มีใครรอดชีวิตได้เลย!” เสียงทหารสั่นเครือ แต่ยังเปี่ยมด้วยความหนักแน่น “ท่านหญิงจะต้องปลอดภัย เพราะความดีของท่านหญิง... โชคชะตาจะต้องคุ้มครองนางแน่นอนครับ!”
บาสเตียนยืนนิ่ง ร่างกายเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงข้างแก้มขณะที่เขาหันไปมองกระแสน้ำที่ยังคงพัดเชี่ยวกราก หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวังริบหรี่และคำสาบานที่ไม่อาจลืมเลือน
เหล่าทหารทุ่มสุดแรงเพื่อช่วยเหลือคนทั้งสอง แต่กระแสน้ำในคืนนี้กลับไม่ปรานี มันหมุนวนและซัดสาดใส่ร่างของทหารทุกนายที่พยายามเข้าใกล้ ราวกับปฏิเสธการช่วยเหลือที่กำลังมาถึง
“แยกกันค้นหาตามแนวแม่น้ำทันที!” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ต้องพบท่านหญิงให้ได้... ต้องพบให้ได้...”
ทหารทุกนายมองตามสายน้ำที่พัดร่างทั้งสองให้ห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและสิ้นหวัง
ในห้องใต้ดินชื้นแฉะของเรือธงแดง นิวตันนั่งกอดเข่าอยู่ในมุมมืด เด็กชายวัยห้าขวบพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ทว่าภาพของบิดาที่ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตากลับวนเวียนซ้ำๆ เหมือนฝันร้ายที่ตื่นจากไปไม่ได้ ความเจ็บปวดและโศกเศร้ากำลังกัดกินหัวใจเล็กๆ ของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะที่น้ำตาหยดแรกไหลรินลงสู่พื้น เขาสังเกตเห็นน้ำในถ้วยไม้กระเพื่อมเบาๆแม้ไม่มีใครแตะต้อง นิวตันกะพริบตาปริบๆ มองมันด้วยความงุนงง… เกิดอะไรขึ้น?
ยิ่งเขาจมลงสู่ความเศร้าโศก ความโกรธที่แฝงอยู่ภายในก็พลุ่งพล่านขึ้นมา น้ำในถ้วยเริ่มกระเพื่อมแรงขึ้น จนกระทั่งน้ำเริ่มเย็นจัดและแข็งตัวเป็นชั้นน้ำแข็งบางๆที่เกาะขอบถ้วย นิวตันสะดุ้ง มองมือตัวเองอย่างตกใจ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสถึงความเย็นเฉียบที่แผ่ซ่านออกมาจากภายใน
ทันใดนั้น เสียงกระซิบบางเบาก็แว่วขึ้นในความคิด เป็นเสียงที่แสนคุ้นเคยแต่กลับดูห่างไกลราวกับสะท้อนมาจากกาลเวลาที่สูญหาย “ไม่ต้องกลัว… พลังของเจ้ากำลังตื่น… เช่นเดียวกับที่มันเคยตื่นขึ้นในบรรพบุรุษผู้พิทักษ์ของเจ้า… ความเจ็บปวดและความสูญเสียได้ปลุกมันขึ้นมาแล้ว…”
นิวตันมองน้ำแข็งในถ้วยด้วยสายตาหวาดกลัวและพรั่นพรึง นี่…เกิดจากข้าเองหรือ? ภายในใจเด็กชายรู้สึกเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา พลังบางอย่างที่เขาไม่เคยรู้ว่ามี อารมณ์ความโศกเศร้าและความสิ้นหวังคล้ายเปลี่ยนไปเป็นพลังที่เขาไม่เข้าใจ
ในขณะเดียวกัน ณ ที่ห่างไกลออกไป หญิงสาวที่กำลังดิ้นรนอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวกราก ท่ามกลางสายน้ำเย็นเฉียบที่ล้อมรอบตัว ดานีนรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง… ความเย็นเฉียบที่แผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจเหมือนลางบอกเหตุ เธอหลับตาลงสัมผัสถึงความเศร้าและความโกรธจากจิตใจเล็กๆ ที่เธอไม่เคยพบมาก่อน ราวกับว่าพลังของผู้พิทักษ์ในตัวเธอได้รับสัญญาณบางอย่างจากพลังดั้งเดิมของสายเลือดเดียวกัน
ดานีนหยุดชะงัก ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ของเธอเอง มันเหมือนเป็นความรู้สึกของคนอื่น ใครบางคนที่กำลังอยู่ในความมืดมิดและความโศกเศร้าอย่างล้ำลึก ความเจ็บปวดที่เข้าถึงจิตวิญญาณ ความรู้สึกที่คุ้นเคยราวกับเสียงกระซิบจากอดีตกาล
ทันใดนั้น ภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในใจ เป็นเด็กชายตัวเล็กที่นั่งกอดเข่าในห้องมืดชื้น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดกลัว ความโกรธและโศกเศร้าแผ่ซ่านออกมา เธอเห็นน้ำในถ้วยไม้ข้างกายเด็กคนนั้นกระเพื่อมแรง ก่อนที่จะกลายเป็นน้ำแข็งด้วยพลังบางอย่าง
“เจ้ามี…พลังเหมือนข้า…” ดานีนกระซิบผ่านจิตใจ ทั้งที่ตัวเธอยังอยู่ในกระแสน้ำ ไม่อาจหยุดกระแสน้ำที่พัดพาเธอไปได้ แต่จิตใจกลับเชื่อมโยงกับเด็กชายอย่างลึกล้ำและไม่อาจตัดขาด
ดานีนพยายามโฟกัสความคิดทั้งหมดไปที่เด็กคนนั้น ส่งพลังแห่งความกล้าและความอบอุ่นผ่านการเชื่อมโยงอันลึกลับ ราวกับอยากจะบอกเขาว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีใครบางคนที่เข้าใจความเจ็บปวดและพลังที่เขาแบกรับ
แม้ร่างของเธอจะถูกกระแสน้ำพัดไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แต่จิตใจของเธอยังคงยึดเหนี่ยวอยู่กับเด็กชายในห้วงลึกของความทรงจำ ดานีนรู้ดีว่าพลังของผู้พิทักษ์ที่กำลังตื่นในตัวเด็กคนนั้นอาจเป็นสิ่งที่เธอตามหามาตลอด ใครสักคนที่เป็นเหมือนกันกับเธอ
นิวตันนั่งตัวสั่นในมุมมืดของห้องใต้ดินเย็นชื้น น้ำแข็งบางๆยังคงเกาะอยู่ที่ขอบถ้วยไม้ข้างกาย แต่เขาไม่กล้ามองหรือแตะต้องมัน ความหวาดกลัวและโดดเดี่ยวทำให้เด็กชายรู้สึกตัวเล็กและอ่อนแอนัก ราวกับทั้งโลกได้หันหลังให้กับเขา
ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกบางอย่างที่แปลกประหลาดก็แผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจ ราวกับมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง มีใครบางคนที่มอบความอบอุ่นและความมั่นใจให้ ทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักคนผู้นี้มาก่อน แต่ความรู้สึกนั้นช่างอบอุ่นและนุ่มนวลอย่างน่าประหลาด เขารู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นวางลงเบาๆบนบ่า ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“เจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง…” เสียงแผ่วเบาเหมือนสายลมกระซิบ น้ำเสียงนั้นอบอุ่นและคุ้นเคย ราวกับเป็นเสียงที่เขารอคอยมาทั้งชีวิต นิวตันหายใจลึกและหลับตาลง ความเศร้าและความกลัวค่อยๆ เบาบางลง
ในใจลึกๆ เขารู้สึกได้ว่าเสียงนั้นเป็นของคนที่เข้าใจเขา คนที่เคยผ่านความเจ็บปวดและความโศกเศร้า… ใครบางคนที่มีพลังที่คล้ายกันและจะไม่ทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง
ดวงตาของนิวตันเปิดขึ้นช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกอันแปลกประหลาด เขาไม่เข้าใจว่าพลังนี้มาจากไหน หรือทำไมเขาถึงมีพลังนี้ แต่ความอบอุ่นจากคนที่เขาไม่รู้จักแต่รู้สึกถึงได้ ทำให้เขากล้ามองน้ำแข็งในถ้วยอีกครั้ง นิวตันยกมือน้อยๆ ของตัวเองแตะลงบนน้ำแข็ง ความหนาวเย็นนั้นยังคงอยู่ แต่ครั้งนี้เขากลับไม่รู้สึกกลัวเหมือนเดิม
“สักวัน… เราจะได้พบกันใช่ไหม?” นิวตันกระซิบ ราวกับจะส่งคำถามไปถึงคนที่มอบความอบอุ่นให้เขาในความมืดนี้
ความคิดเห็น