ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหมือน(ไม่)​รัก

    ลำดับตอนที่ #39 : คนเลี้ยงม้า : ช่วงจบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 227
      8
      20 พ.ย. 62




    หากความบังเอิญไม่มีอยู่จริง​ ป่านนี้​ก็คงไม่รู้ตัวว่าได้กลายเป็นคุณพ่อลูกแฝดชายหญิง​วัยกำลังจะเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้ว​ และถ้าหากไม่ใช่เพราะเหตุบังเอิญ​ ถึงวันนี้ก็คงไม่รู้ว่าเจ้าของดวงหน้าพริ้มพรายสะดุดตา​ คอยแต่จะอ้อยอิ่งอยู่ในความทรงจำซ้อนทับดวงหน้าคู่หมาย​หม่นเศร้าของเขา​ นับตั้งแต่แรกพบเมื่อค่ำวันนั้นที่ร้านอาหารกลางใจเมือง​ กระทั่งเผลอไผลแบ่งใจเป็นสองภาคมีอะไรลึกซึ้งด้วยคือคน​ ๆ​ เดียวกัน​ บุปผชาติ​ แต่หล่อน

    หล่อนจะรู้เช่นเขาไหม​ 

    คงไม่... 

    เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ตรงคอหอย​ ขณะยืนค้อมตัว​ เท้าแขนกับอ่างเซรามิกทรงรี​ หน้าเงยประสานสบนัยน์ตาร้าวรานของเงาสะท้อนในกระจก​ 

    แต่เพียงครู่เดียวอัญมณีสีนิลคู่ฝ่ายตรงข้ามก็เปล่งประกายแข็งกร้าวขึ้น

    เขาจะทำให้หล่อนรัก​ 

    รักมากกว่าชายอีกคนที่หล่อนเคยรัก​และอาจจะยังรักอยู่

    กระดูกขากรรไกรใต้แก้มตอบขึ้นเป็นสัน​ และดำเนินเรื่อยเช่นนั้น​ แม้มือข้างหนึ่งจะกำลังเลื่อนหมุนก๊อก​ ตัวโน้มไปข้างหน้า​ ทว่าเมื่อสายน้ำไหลซู่รินรด​ทอนความดุเดือดในห้วงความคิดและหัวใจ​จนชุ่มฉ่ำทั่วทั้ง​ศีรษะ​ ประสาทตึงเครียดไปทุกส่วนของร่างกายก็ค่อย​ ๆ​ คลาย ชายหนุ่มยืนปล่อยใจปล่อยตัวอย่างนั้น​ ​จวบกระทั่งหูได้ยินเสียงเคาะประตูดังระรัว​ เรียวคิ้วเข้มข้างขวาของเขาเลิกขึ้น​

    ไม่ได้ส่งเสียงถามหรือตอบกลับ​ นอกจากจะถ่มความชื่นเย็นระคนอุ่นออกจากปากแล้วกะพริบตาถี่​ ผงกศีรษะ​ ยกตัว​ หันซ้ายหันขวา​ เอื้อมมือไปด้านข้างยังราวแขวน​ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ​ 

    สะบัดศีรษะแรง​ เรือนผมเปียกชุ่มสยายเหวี่ยง​ กระเด็นกระดอนหยดน้ำแปะแหมะผิวกระจก​ พื้นกระเบื้อง​ตู้ชั้น​ เขายกมือเสยผมปรกหน้าผาก​ เชิดคาง​ขึ้น​ นันย์ตากร้าวคมปลาบของชายหนุ่มในกระจกประสานสบด้วยนิ่ง​ ๆ​ ประเดี๋ยวหนึ่ง​ กลีบปากหยักหนาได้รูปทั้งเขาและฝ่ายตรงข้ามเหยียดยิ้ม

    พลิกตัว​ ก้าวเท้า​ อึดใจเอื้อมมือจับลูกบิดหมุน​ ออกแรงดึง หากคนที่อยู่ด้านนอกไม่ใช่โปรยปราย

    "บุปผชาติ" อึกอัก​ อุ่นเรื่อขึ้นสีหน้าราวกับหนุ่มแรกรุ่นบังเอิญปะหน้าสาวแอบชอบ​ หันรีหันขวาง​ แล้วก้าวถอย​ เอื้อมมือหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเรือนผมตัวเองอย่างเร่งรีบ​ พลางย้อนกลับไปเผชิญกับหล่อน

    "คุณชายอาบน้ำแล้วหรือคะ" ไล่เรื่อยสายตามองเขาทั่วตัวขณะถาม​ อำพันคู่สวยเปล่งประกายอัศจรรย์​ ชั่วอึดใจบุปผชาติเบี่ยงตัว ก้าวถอยหลัง​ "แม่ให้ดิฉันเอาชุดผ้าขนหนูมาให้" 

    ชะโงกหน้า​ มองตามมือหล่อนชี้ตรงยังเบาะเก้าอี้ของชายอ้อนแอ้น​ ก่อนจะกวาดตาทั่วห้อง​ คิ้วขวาของเขาเลิกขึ้น​อีก "โปรยปรายล่ะ"

    "กำลังสะบัดผ้าอยู่ข้างนอกค่ะ" สิ้นคำหล่อนจับจ้องเขานิ่ง​ ราวกับจะกำลังคิดใคร่ครวญอะไรอยู่​ ชายหนุ่มพยายามเดินทางเข้าไปสู่ความลุ่มลึกผ่านสายตาอ่อนแสงนั้น​ ทว่ามันยาก​ ยากจนไม่น่าเชื่อว่าดีกรีดอกเตอร์ของเขาจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

    "ทำไมคะคุณชาย​"

    "ทำไมอะไรหรือ" เริ่ดคิ้ว​ เมื่อจู่​ ๆ​ บุปผชาติก็ถามขึ้น

    "ทำไมต้องทำอย่างนี้" 

    "ถ้าเธอรู้สึกอะไรกับใคร​ จนไม่อยากจะลิ้มรสความรู้สึกอ้างว้างในหัวใจอีก​ เธอจะไม่ตั้งคำถามนี้กับฉัน​ ฝากขอบคุณคุณน้าเรื่องผ้าขนหนู​ และขอบใจเธอที่อุตส่าห์ฝืนใจย้อนเดินเอามาให้" 

    "ไม่เป็นไรค่ะ​ ฝืนใจแต่ก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงนัก​ ดิฉันขอตัวก่อน"

    สิ้นเสียงสะบัด​ อีกฝ่ายพลิกตัวก้าวเท้าพรวดพราด​ ​ แต่ก่อนหล่อนจะจากไปอีก​ เขารีบเปล่งกังวานเสียง

    "ฉันขอโทษบุปผชาติ"

    "ไม่มีอะไรที่คุณชายต้องขอโทษดิฉัน​" ชะงักตัว​ ทว่าหญิงสาวไม่ได้หันกลับมา​"คนควรเอ่ยคำนั้นมากกว่าคือตัวดิฉันเอง​ ดิฉันขอตัวอีกครั้งนะคะ" 

    หล่อนจากไปแล้วเช่นทุกครั้ง​ ทิ้งไว้เพียงเงาร่าง​ กรุ่นกลิ่นหอมละมุนประทับอยู่ในความทรงจำเช่นผ่านมา​ ทว่าวันนี้เขาเปลี่ยนไป​ เติบโตขึ้น​ ไม่ใช่คนใช้ชีวิตตามวิสัยหนุ่มที่มีแต่ความสุขและปราศจากซึ่งความกังวลเช่นในอดีต​ แล้ว... 

    ใจกำลังจะกระหวัดถึงชายหนุ่มอีกคนวัยเดียวกัน​ พลันห้วงความคิดกระตุก​ สะบั้นขาด

    ขณะจับจ้องตรงเบื้องหน้าตามเสียง​ตาไม่กะพริบ​ ชายอ้อนแอ้นก็รีบพาร่างกลับเข้ามาภายตัวในบ้านพลาง​ส่งเสียงทุ้มดัดหวานซ้ำ

    "อาจารย์คะ​ อาจารย์บอกอะไรพี่ดอกไม้ไปหรือเปล่าค่ะ" 

    ประสานสบนัยน์ตาเปล่งประกายอยากรู้ระคนกริ่งเกรง​ เขาผุดยิ้ม

    โปรยปรายไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา​ แต่เปรมปรีด์น่ะใช่​ ชายหน้าสวยตรงหน้า​ เข้ากรุงไปเยี่ยมพี่สาวร่วมพ่อ​ อะไรบางอย่างทำให้ถูกชะตาคราพบกันครั้งแรก​ เมื่อเขาอาสาให้ความช่วยเหลือเปรมปรีด์ที่กำลังง่วนอยู่กับการสรุปผลงานวิจัยกับหมู่คณะ​ ทำหน้าที่สารถีไปรับอีกฝ่ายที่สถานีเดินรถ

    โปรยปราย​อยู่อำเภอสมมุติ​ โปรยปรายทำงานอยู่ที่ไร่ทิพย์วารี​ โปรยปรายเล่าว่าลูกสาวนายแม่กรองผกามีลูก​แฝดชายหญิงวัยกำลังน่ารัก​ ทั้ง​ ๆ​ ที่ไม่เคยผ่านการแต่งงาน

    และก่อนหน้ากว่าสามปีเขารู้ว่าแท้จริงหญิงสาวสวยเฉี่ยวเต็มไปด้วยจริตจะก้านคนนั้นคือหล่อน​ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังเอิญอย่างน่าอัศรรย์ใจ

    ลักลอบถ่ายคลิป​ หลอกล่อเด็กน้อยสองคน​ ใช้เล่ห์เพทุบายกับบุปผชาติจนพี่หญิงวารัตดาได้สิ่งส่งตรวจนำไปเข้าห้องปฏิบัติการ คือผลงานชิ้นโบว์แดงของโปรยปรายที่เขายอมทุ่มเงินก้อนโต​ แม้อีกฝ่ายไม่ได้เรียกร้องอะไรนัก

    ถ้าไม่มีโปรยปราย

    "ว่าไงคะอาจารย์​ อาจารย์ได้บอกอะไรพี่ดอกไม้หรือเปล่าคะ" 

    "มั้ง" พูดกลั้วหัวเราะ​ ก่อนจะส่ายหน้าใส่คนลุกลี้ลุกลน​ แสดงท่าทางเหมือนจะเผยพิรุธเป็นนิสัย​ แล้วก็ก้าวเท้าตรงไปยังตะกร้าหวาย​ "ครูว่าเรามาช่วยกันขึงม่าน จัดที่หลับที่นอนของครูกันดีกว่า" 



    อัปตอนคนเลี้ยงม้าจบ สมใจคนอ่านหรือเปล่าไม่รู้ แต่ใจฉัตรวารินที่มันค้าง ๆ คา ๆ นั้นคลี่คลาย ว่างก็ทักมาบ้างนะคะ❤️❤️❤️❤️❤️










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×