คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : คนเลี้ยงม้า : ช่วงกลาง
ทำไมฉัตรวารินถึงเป็นคนแบบนี้ อยากจะพัก แต่ใจมันอดไม่ไหว ว่าแล้วเข้าเนื้อหาดีกว่าค่ะ❤️❤️❤️❤️❤️
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
"คะนายแม่"
"ตอนแรกพี่ดอกไม้ของเราเหมือนจะไม่ตั้งข้อแม้อะไรกับว่าที่ลูกเขยของฉันเยอะ แต่ต่อจากนั้นก็ตามมาเป็นสิบ ถ้าฉันจะขอร้องเธอ" อ่อนเสียงลงในตอนท้าย ก่อนจะพลิกตัวหันหลัง โยนผ้าในมือไปบนเตียงดังตุ้บ ขาขวาก้าวนำยังเก้าอี้ ค้อมตัว ใช้สองนิ้วคีบริมผ้าอีกผืนออกแรงดึง แล้วสะบัดแรงจนละอองเล็ก ๆ ลอยฟุ้งหยอกเอินเล่นกับลำแสงลอดผ่านช่องหน้าต่าง กระจายคลุ้งกลิ่นระคายเคือง พาให้ใคร ๆ ต้องรีบยกมือปิดปากปิดจมูก กระทั่งตัวคนกระทำยังหลุดไอแค่ก ๆ ทำหน้ายู่ ครู่หนึ่งพลิกตัวกลับ นายแม่กรองผกามองไปที่ร่างเพรียวระหงนิ่ง ๆ พลางขยับปาก "ให้ช่วยจัดที่หลับที่นอนให้คุณชาย ฝุ่นผงปัดกวาดให้ดีอย่าให้มีเหลือ... "
ยั้งคำ หลุกหลิกดวงเนตรสีสนิมเหมือนจะครุ่นคิด อึดใจตวัดเลื่อนสายตามาทางเขา ทว่าราวกับบุปผชาติจะรู้ใจแม่ หญิงสาวรีบดักคอ
"ไม่ได้นะแม่ แม่จะให้คุณชายไปพักที่เรือนของแม่ไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ เอ็งจะใจจืดใจดำมากไปแล้วนะ ก็แค่คืนนี้" หันรีหันขวางประหนึ่งจะสะกดจิตสะกดใจ ทว่าคงพลุ่งพล่านเกินรั้ง ครั้นกลับมาเผชิญหน้าลูกสาวดวงหน้างามยิ่งถมึงทึงขึงเครียด "เอ็งดูสิ นานเท่าไหร่แล้ว จะร่วมปีแล้วนะนังดอกไม้ ที่ของพวกนี้ไม่มีใครใช้งานมัน แล้วแม่ก็ไม่เชื่อว่าโปรยปรายมันจะหยิบจับเช็ดถูถ้าไม่มีใครสั่ง หรือเอ็งทำหึ โปรยปราย"
"มะ ไม่ค่ะ นายแม่ โปรยปรายไม่ได้แตะจับอะไรของฟากนั้นเลยค่ะนายแม่ ก็นายแม่เคยสั่ง"
" เพราะฉันเคยเคยสั่งไง ฉันถึงรู้ คุณชายคะ"
"ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมเคยออกพื้นที่กับคณะวิจัยมานักต่อนัก ฝุ่นผงแค่นี้เรื่องเล็กน้อยครับ อีกอย่าง" เหลือบมองไปทางชายร่างอ้อนแอ้น ชำเลืองตาไปทางบุปผชาติ ดึงสายตากลับมาประสานสบคนหวังดี หวั่นโน่นเกรงนี่ ชายหนุ่มรีบกล่าวต่อ "เรื่องทำความสะอาด จัดที่หลับที่นอนอย่าให้โปรยปรายต้องลำบากด้วยเลยครับ ผมทำได้ ขออนุญาตเถอะนะครับคุณน้า"
"แต่ถ้าท่านชายรู้เข้า"
"เรื่องนั้นคุณน้าไม่ต้องกังวลครับ ในเมื่อท่านตาเอ่ยปากฝากฝังขอให้คุณน้ารับผมมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ท่านตาย่อมรู้ดีว่าผมควรจะต้องทำอะไรบ้าง ขออนุญาตอีกครั้งนะครับคุณน้า"
" แต่... " ขบเม้มปาก ขมวดคิ้วมุ่นชั่วขณะ สตรีร่างมีน้ำมีนวลผินหน้าไปทางบุปผชาติ " เอ็งกับแม่ควรจะพบกันครึ่งทาง"
"ก็ครึ่งทางอยู่นี่ไงแม่ แม่บอกให้หนูให้โอกาสคุณชาย หนูก็ยอม แม่จะครึ่งทางอะไรอีก"
"แต่แม่ขอร้องเอ็งเพียงอย่างเดียวเองนะ ส่วนเอ็งน่ะ... "
"อ่ะ หยวน ๆ" กะหลับกะเหลือกตา หญิงสาวขยับกลีบปากเรื่อย "แม่จะครึ่งทางอะไรกับหนู บอกมา"
"ให้คุณชายร่วมโต๊ะอาหารกับเรา "
"มื้อไหน"
"ทุกมื้อ"
"ทุกมื้อ" เสียงสูง มองเขาทางปรายตาปราดเดียว บุปผชาติวกสายตากลับไปทางคนที่ต้องการให้หล่อนยืดหยุ่นข้อตกลง "ถ้าทุกมื้อเฉพาะกับแม่ หนูก็ไม่มีปัญหานะ"
"ไม่ได้ ต้องทุกมื้อกับเอ็งด้วย"
"นั้นหนูไม่ดีล"
"ไม่ดีลไม่ได้ เอ็งต้องดีล"
"หนูบอกไม่ดีลก็ไม่ดีลสิ ทำไมต้องบังคับ คุณชายคะ" หันขวับกลับมาทางเขา อำพันเจียรนัยวับวามของหญิงสาวเต็มไปด้วยประกายขัดขืน "คุณชายชอบนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนที่ไม่เต็มใจจะร่วมโต๊ะหรือคะ"
" ไม่ชอบหรอก แต่กับเธอฉันยินดีจะข้ามผ่านจุดนั้นไปเสีย แต่เอาเถอะ" เลื่อนสายตากลับไปหาเจ้าของไร่ "รบกวนคุณน้าอย่าได้ต่อรองอะไรกับบุปผชาติเพื่อผมอีกเลยครับ เธอสบายใจอย่างไร ก็ขอให้เป็นความสบายใจของเธออย่างนั้น นี่ก็เย็นมากแล้ว" ก้มหน้าพลิกข้อมือดูนาฬิกาเงยกลับ ก่อนจะกล่าววาจาเรียบเชียบต่อไปด้วยกังวานเสียงแหบต่ำของเขาอีก "คงไม่เป็นการเสียมารยาท หากจะขออนุญาต... "
"ผมเองก็ต้องขออนุญาตคุณชายเหมือนกัน ป่านนี้นังเหมยครางหงิ๋ง ๆ เรียกหาแล้ว" ราวกับจะเข้าใจเขามากกว่าใคร ดวงตากลมลึกทอแสงอ่อน เมื่อชายหนุ่มหันไปตามเสียงประสานสบสายตาด้วย ครู่หนึ่งซี้ดปาก ขยับตัวหันหน้า ชายร่างผอมกระหร่องเหยียดยิ้มอย่างกับจะเยาะหยันระคนเย้ายั่วอยู่ในทีใส่เพื่อนสนิท ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะเรื่อย "แยกย้ายทางใครทางมันดีกว่าครับคุณหญิงรัตนาวดี เจ้ามานพ ปล่อยนายแม่กลองกับคุณดอกไม้มัน"
ก้าวขายาว ๆ แทบไม่กี่ก้าวก็ถึงบานประตูไม้ แต่แทนที่อดีตอัยการวรวุฒิจะเอื้อมมือออกแรงผลักมันออกกลับชะงักตัว หันไปทางดวงหน้าแฉล้มผุดผ่องราวกับผู้หญิง "ช่วยคุณชายเธอจัดที่นอนด้วยนะนังโปรยปราย"
"ค่ะ ค่ะ น้าเหว่ย" ตอบรับเสียงระรัว ชม้ายตามาทางนี้ หลบวูบในเสี้ยววินาทีถัดมา ผินหน้าไปทางบุปผชาติ ต่อเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ายินยอมด้วย กลีบปากบางเฉียบเสี้ยวในรัศมีสายตาของเขาค่อย ๆ คลี่ยิ้ม ครั้นย้อนไปเผชิญหน้ากับเจ้านายเหนือหัว ร่างบอบบางก็เปล่งกังวานเสียงทุ้มดัดหวาน "นายแม่ นายแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยวโปรยปรายจะจัดการปัดฝุ่นไร ทำความสะอาดที่หลับที่นอน ตู้โต๊ะเก้าอี้ ให้ว่าที่ลูกเขยของนายแม่อย่างเรี่ยมเร้เลย..."
ทว่าดูเหมือนเจ้าของไร่ทิพย์วารีจะยังไม่พึงใจ หรืออาจจะเร้นซ่อนมิดชิดไว้ภายใต้สีหน้าราวกับคนไม่อยากรับซองกฐิน หนึ่งในกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเลยชะงักปากเสียดื้อ ๆ มือไม้ขยับไหวประหนึ่งร่ายรำประกอบคำพูดก่อนนี้หยุดเคลื่อนที่ค้างเติ่งกลางอากาศ ก่อนปล่อยร่วงแนบลำตัว เอียงคอ กระมิดกระเมี้ยน ยิ้มเฝื่อน ดวงตารีเล็กกลอกกลิ้งหลุกหลิก เรียกร้องต้องการตัวช่วย
แวบนั้น ขณะชายวัยกลางคนส่ายหน้าระอา นายตำรวจหนุ่มมีท่าทีนิ่งเฉย หญิงรัตนาวดีเหมือนเด็กน้อยผู้ไม่รู้อิโหน่รู้อิเหน่ใครว่าอย่างไรตามนั้นไปก่อน เขากำลังจะเผยอปาก บุปผชาติก็ตั้งท่าจะพูดด้วย หากความว่องไวไม่เท่านายแม่กรองผกา
"หวังว่าจะฉันจะวางใจเธอได้ นอกจากปัดกวาดความสะอาด ก็ช่วยคุณชายเธอขึงม่านด้วย นั่นอยู่ตรงนั้น" พเยิดหน้าไปทางตะกร้าหวายบนพื้นที่อัยการวรวุฒิวางไว้ตั้งแรกเริ่มเข้าห้อง สตรีวัยกลางคนหันมาทางเขา
"อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายเนื้อสบายตัวเถอะค่ะคุณชาย มาเหนื่อย ๆ วุ่นวายโน่นนี่ไม่มีหยุด อะไรอื่นปล่อยให้โปรยปรายมันทำไปอย่าได้เป็นกังวล" ชำเลืองตาแลไปทางผู้เป็นลูกสาว พลางปากยังพูดเรื่อย "หากสะดวกเชิญคุณชายไปทานมื้อเย็นด้วยกันนะคะ ถ้าไม่ก็ให้โปรยปรายมันเดินไปบอก คุณน้าจะได้จัดสำรับใส่ปิ่นโตให้โปรยปรายมันถือกลับมา คุณน้าขอตัวนะคะ" สิ้นคำถอนใจเฮือก เสมือนหนึ่งต้องการจะทิ้งทวนความหนักอึ้งเต็มหัวใจของตัวเอง ร่างอวบอิ่มค้อมศีรษะสุภาพ ก่อนจะสาวเท้าไม่รั้งรออะไรอีก จากนั้นไม่นานภายในเรือนพักคนเลี้ยงม้าก็เหลือเพียงเขากับโปรยปราย
ค่อย ๆ ปิดบานไม้ ขณะยังพยายามเมียงมองออกไปด้านนอก เมื่อลงกลอน กดปุ่มล็อกนิ่มนวล ร่างบอบบางขยับก้าวตรงมาเลิกชายผ้าม่านสอดส่ายสายตาอีก ครั้นดูเหมือนจะมั่นใจว่าไม่มีใครย้อนกลับมาให้ขวัญผวา ชายผ้าม่านร่วงดิ่งกวัดไกว เสียงพรูลมหายใจโล่งดังขึ้นตามมา
กระตุกยิ้มพลางส่ายหน้า เขาขยับตัวเดินเนิบนาบ หากอีกฝ่ายคงจะนึกได้พุ่งตัวเร็ว ถามลุกลี้ลุกลน
"อาจารย์คะ อาจารย์ไม่ได้บอกอะไรกับใครใช่ไหมคะ"
ระริกพริ้มพรายเปล่งประกายในดวงตาดุจพลอยนิลเจียรนัยของเขาประหนึ่งกำลังหัวเราะ ขณะประสานสบสายตาคนยืนกางแขนกางขาขวางประตูห้องน้ำ ชายหนุ่มยกมือตบไหล่ขวาคนคุ้นเคยกันด้วยความบังเอิญเบา ๆ ตอบกลับเรียบเชียบ "มั้ง ตอนนี้ขอครูปลดปล่อยก่อนได้ไหม อั้นจนอั้นจะไม่ไหวอยู่แล้ว"
+++++++++++++++++++
แม่ลูกทะเลาะกันตลอดศก
เขียนไปก็เหนื่อยแทน แต่ถ้าได้กำลังใจจากคนอ่านฉัตรวารินก็ชุ่มชื่นหัวใจขึ้น
ความคิดเห็น