คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : หน้าต่างมีหู ประตูมี... : ช่วงจบ
เสิร์ฟตอนจบของตอนนี้ ฉัตรวารินขออนุญาตพักผ่อนรักษาตัวหนึ่งอาทิตย์ อ่านให้สนุกนะคะ❤️❤️❤️❤️❤️
“ระวัง”
ปีกกว้างสีดำสนิทไม่ได้แตะผิวกายหล่อน โดนคนปกป้องหรือเปล่าไม่แน่ชัด หากสัตว์ใช้หูในการมองเห็นยังคงบินว่อนวนคล่องแคล่วพึ่บพั่บ พึ่บพั่บอยู่ ระหว่างนั้นคุณหญิงทุ่งลาเวนเดอร์ประสานเสียงว้าวเกรี๊ยวกร๊าวไม่มีขาด สลับเสียงกรี๊ดบางช่วงจังหวะของดาราฉาย หล่อนเองมีหลุดบ้าง ส่วนคุณชายปาริวรรต
อืม คุณชายปาริวรรตคะ ถอยไปห่าง ๆ บ้างก็ได้ เดี๋ยวนังดอกเอี้ยวตัวไป หลบมาจะเจ็บตัวขึ้นมาอีก
มีเสียงฝีเท้า ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปัง จังหวะหนึ่งสายตาบุปผชาติเหลือบไปเห็น
พรึ่บ!
กรี๊ด!
“เงียบนะดาราฉาย... ชู่ว์อย่าเอ็ดไปค่ะคุณหญิงรัตนาวดี”
แทบจะตวาดกับคนหนึ่ง ส่วนอีกคนนิ่มนวลเหมือนเป่าขลุ่ยกล่อม แหมนายแม่กรองผกานี่ นอกจากจะคิดอ่านทำอะไรคล่องแคล่วเร็วกว่าหนุ่มสาว ยังสองมาตรฐานชัดเจนแรงดีไม่มีตก
ไม่รู้ว่าดาราดับของหล่อนตอนนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร อาจจะกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเหลือกตาคับแค้นอยู่ในความสลัวรางทึมเทาก็เป็นได้ เสียดาย ทำไมฉากนี้ไม่เป็นฉากในการ์ตูนที่ขยลกับฑิฆัมพรชอบดู นึกถึงดวงตาลอยล่องบนหน้าจอดำสนิท คุณแม่ลูกแฝดหลุดหัวเราะคิกเผลอซี้ดปากกลืนน้ำลายซวบ
หึ
อ้ะมีคนขำกว่า บุปผชาติหันขวับไปตามเสียง และนั่นเป็นสิ่งพลาดมหันต์อย่างไม่น่าอภัย แก้มหล่อน
แก้มหล่อน ไอ้คุณชายร้าย ฉวยโอกาสไม่เลิก
ป้าบ เต็มแรงเต็มฝ่ามือทีเดียว ทันทีทันควันเหมือนกัน หลุดเสียงโอ้ยคนโดนตีรวบตัวไม่ยอมตกเป็นกระสอบทรายอีก ฟึดฟัดฮึดฮัดดิ้นขลุกขลัก กังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ชู่ว์ ดอก เอ้ยไม่ใช่ บุปผาอยู่นิ่ง ๆเงียบ ๆ ไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอนกันพอดี”
“ก็คุณชาย”
“ชู่ว์ บอกให้เงียบไม่เข้าใจหรือยังไง”
โดนปรามอีกจำต้องยอมสงบถ้อยสงบคำ แต่ไม่นิ่งเฉยยังขยุกขยิกฮึดฮัดอยู่
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ เธอหันมาเอง”
อ้าปาก ตวัดตามองเจ้าของกังวานเสียงแผ่วเห็นเป็นเงาราง ๆ ก่อนหุบปากสนิทกัดฟันกรอด ใช่ความผิดของหล่อนสินะ ฮึ บุปผชาติสะบัดหน้าพรืด พลันได้รับอิสระคาดไม่ถึง
เสียงขยับตัว อายร้อนของร่างกายชายหนุ่มค่อย ๆ ห่าง ทว่าตัวเขาไม่ได้จากไปไหน ยังอยู่ใกล้ ๆ ข้าง ๆ นี่ กลิ่นน้ำหอมของเขาโชยชวยเข้าจมูก
“ชู่ว์ เงียบ ๆ นะคะ อดทนสักครู่เผื่อค้างคาวมันจะบินออกนอกบ้าน”
สิ้นคำหญิงวัยกลางคน ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน ยินแต่เสียงลมหายใจแผ่ว ลมโชยหวีดหวิวบางขณะ ชั่วระยะเวลาหนึ่งทีเดียว แสงไฟขาวนวลจึงสว่างโร่ แล้วก็เป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดภายในบ้านกับคุณชายปาริวรรตวนสำรวจทั่ว ระหว่างนั้นคุณหญิงรัตนาวดียังตื่นเต้นสนุกไม่เลิก เดินไปเดินมา ยกสองมือประสานค้ำคาง ออกอาการเพ้อฝัน
“รัตนาวดีชอบที่นี่ รัตนาวดีจะมาอีก บุปผากับคุณน้าพูดแล้วว่ายินดีต้อนรับห้ามคืนคำ”
พยักหน้าเนือย ๆ ตอบรับคนที่ทวงสัญญาตาใสไปอย่างนั้นแหละ หากเมื่อได้ยินเจ้าของเสียงเชิดหยิ่งพูดว่า
“บ้านนอกทุรกันดาร ถนนหรือก็ยังเป็นดินแดง แถมยังมีค้างคาวเที่ยวบินเล่นครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวในชีวิตเรา”
บุปผชาติยิ้มเย็น ปรายตามองไปทางดาราฉาย หล่อนยังอยู่ในชุดเดิมเมื่อกินอาหารค่ำ เริ่ดหรูเดรสเข้ารูปคอปาดสีเหลืองมัสตาร์ดขับผิว เผยแขนเรียวเล็ก สั้นคลุมเข่าโชว์น่องสวย
“น่าเสียดายจัง ฉันกำลังจะเอ่ยชวนเธอให้มาที่นี่อีกอยู่พอดี เอาเถอะ ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ชอบบ้านนอก ไม่ชอบถนนดินแดง และไม่ชอบค้างคาว อืม” เม้มปากนิดหนึ่งทำท่าเหมือนจะคิด “แต่สงสัยค้างคาวมันจะชอบระบายสวย ๆ ที่ชุดของเธอ ดูสิเกาะห้อยหัวนิ่งเลย”
ฟังจบเจ้าของดวงหน้าสวยเก๋ค่อย ๆ ก้มมองตัวเองช้า ๆ ทันทีเห็นสิ่งแปลกปลอมติดอยู่กับอาภรณ์
กรี๊ดดดดดดด!
ไม่ใช่แค่แผดเสียงลั่นบ้าน ดังไกลไปถึงไหน ๆ แต่เต้นเร่า ๆ เหมือนตัวอะไรโดนน้ำร้อนลวกเลยทีเดียว พลางกลีบปากอิ่มแดงเลือนจาง ร้องเรียกบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้สั่นระริก
“กรี๊ด คุณชาย คุณชายมันอยู่นี่ มันอยู่นี่ ไอ้ค้างคาวบ้า ปล่อยโบว์ชุดของฉันเดียวนี้นะ คุณชาย คุณชาย มันอยู่นี่ค่ะ คุณชายช่วยดาราฉายด้วย”
ยังคงเต้นเร่า กรี๊ดลั่น ส่วนสุภาพบุรุษผู้เข้มขรึมจริงจังกลายเป็นคนเงอะงะไม่รู้จะประชิดตัวช่วยท่าไหนดี ฟากคนทั้งรักทั้งโปรดสัตว์ปลอบเพื่อนเสียงหวาน
“อยู่นิ่ง ๆ สิ ดาราฉาย ค้างคาวออกจะน่ารักดูสิ มันไม่ทำอะไรเธอหรอก อย่าตกใจไปเลย ทำไมน้าค้างคาวจ๋า ทำไมมาเกาะรัตนาวดีนี่ มามะ มามะ”
ใช่แต่จะร้องเรียกเปล่า ๆ แต่คุณหญิงรัตนาวดี ยังจับโบว์ชุดคลุมของตัวสะบัดโบกเชิญชวน ทำอย่างกับตัวเองเป็นมาธาดอร์กำลังยั่วยวนให้วัววิ่งเข้าหาอย่างไรอย่างนั้น จากที่ขำก๊ากบุปผชาติขำพุ่งเข้าไปใหญ่ ท้องคัดท้องแข็งเลยทีเดียว เสียดายไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคติดตัว ไม่งั้นจะอัดคลิปวีดีโอให้ขยลกับฑิฆัมพรได้พากันหัวเราะเอิ้กอ้ากด้วย
ขณะกำลังรื่นรมย์สุด ๆ คงเป็นหล่อนคนเดียว ไม่ ๆ อาจจะนับรวมสตรีผู้สูงศักดิ์ได้ด้วย ไม้กวาดในมือถือไว้ตั้งนานโดนฉวยกระชาก
ไม่มีใครนอกเสียจากคนต้องการไล่สัตว์ผู้ไม่ได้รับเชิญออกจากบ้านตั้งแต่เริ่มแรกเห็น
ได้อาวุธไปแล้ว นายแม่กรองผกาก็จัดการ ปรี่เข้าหา ปัด ๆ กวาด ๆ ราวกับจะขจัดเสนียดจัญไรออกจากหญิงสาวผู้กำลังเต้นเร่ากรีดร้องไม่ยอมหยุด
ยิ่งเห็นเช่นนั้น ไม่ใช่หัวเราะแค่งอหงาย ตู้ไม้ใกล้ตัวตบป้าบ ๆ อย่างไม่รู้สึกเจ็บ น้ำลายในปากคราวนี้ซี้ดกลับไม่ทัน มันไหลต๊อบหยดลงพื้น ต่อให้เหลือบไปเห็น คนเลิกเงื้อง้ายืนนิ่งมองมายิ้ม ๆ หล่อนก็ยังปลดปล่อยความสุขเต็มที่
พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ ปลายไม้กวาดไล่บี้สัตว์หากินกลางคืนนอนกลางวัน ไม่โดนตัวหรอก เป็นแต่เพียงแรงลมปะทะ แม่ของหล่อนกึ่งเดินกึ่งกระโดด มีคุณหญิงรัตนาวดีวิ่งตามแหงนหน้าสนุกคอยลุ้น พร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์ แต่ไม่ได้เชียร์คนนะ
“ค้างคาวจ๋าหนีเร็ว เดี๋ยวเจ็บตัว”
วนเวียนอยู่ในห้องสักพัก เหมือนเจอแล้วซึ่งทางหนี ทันทีมันหลุดพ้นออกข้างนอก นายแม่กรองผกาเหวี่ยงไม้กวาดทิ้ง ไม่ได้สนว่าจะกระเด็นกระทบเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหน รีบจับราวจับ ดึงหน้าต่างเข้าเกิดเสียงปัง ๆ ติดต่อสี่ครั้ง เสร็จพลิกกายหลังพิงบานกระจกหายใจหอบ ยกมือปาดเหงื่อ
“คุณน้าเก่งจังเลยค่ะ” ยิ้มชื่นชมดวงตาเปล่งประกายระยับ มือขาวเนียนล้วงกระเป๋าชุดนอน “ยาดมส้มโอมือ ตำรับชาววังไหมคะ รัตนาวดีทำเองกับมือ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณหญิง” รับไปหญิงวัยกลางคนรีบนำหลอดสีเงินลายไทยวิจิตรจ่อตรงรูจมูกสูดซืด ๆ
ขณะเสียงกระซิกทางนี้ยังดังอยู่ เหลือบมองคนก้มหน้าก้มตัว เอามือปัด ๆ ดึง ๆ ก้านช่อดอกตองกงหักติดทิ่มแทงชุดสวยพลางบ่นงึมไปถึงราคาแพงแสนแพง ชั่วอึดใจดึงสายตากลับไปทางเดิม
จังหวะเดียวกัน ราวกับเพิ่งนึกได้ คุณหญิงรัตนาวดีหันขวับ วินาทีต่อวินาที สองเท้าก้าวสลับเร็ว ครั้นเรือนร่างอรชรผ่านหน้า มุมปากบุปผชาติกระตุกยิ้ม ต่อจากนั้นหล่อนตรงไปหาคนวัยวุฒิมากสุด
“แม่ เอ่อ คุณแม่ ให้หนูพยุงไปนั่งไหมคะ”
โบกมือข้างที่ว่างส่ายรัว ๆ ใช่ นายแม่กรองผกา ไม่ใคร่ได้รับช่วยเหลือจากใคร เรื่องเดินเหิน ท่านยังแข็งแรง ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ ทุกอย่างขอทำอะไรด้วยตัวเอง
พยักหน้า ถอยห่างมาก้าวหนึ่ง กลับไปมองคนอื่นภายในห้องปราดเดียว หญิงสาวกล่าวต่อเรียบเชียบ
“ดิฉันคิดว่า คุณชายควรจะกลับเข้าห้องได้แล้ว หญิงรัตนาวดีกับเธอด้วยดาราฉาย”
คนหนึ่ง เงยมองเชิด
อีกคนมีชะงักไปนิด ทว่าต่อจากนั้นมือผุดผ่องยังขยับพยายามดึงก้านดอกตองกงอย่างค่อย ๆ ครั้นมันน่าจะหลุดจากเส้นใยย้อมสีหรือไม่ก็เลือกจะตัดใจ สตรีในชุดพร้อมเข้าสู่นิทรา ยกตัวขึ้น หันมาพูดด้วยเอาแต่ใจ
“รัตนาวดีหายง่วงแล้วอยู่คุยกับบุปผากับคุณน้าอีกนิดไม่ได้หรือ”
“หญิงรัตนาดี” เสียงห้าวต่ำกังวานเข้มได้ผลชะงัด ดวงหน้าสดใสสลดวูบ แต่ชั่วอึดใจปรับเปลี่ยนเป็นเง้างอด
ประสานสบนัยน์ตาคร้ามคมคู่นั้น แทนคำขอบคุณไม่ได้เอ่ย คุณแม่ยังโสดหันไปเผยยิ้มอ่อนโยนกับหนึ่งดวงดาวพราวแสงในชีวิต
“เรายังมีเวลาด้วยกันอีกเยอะ หญิงรัตนาวดีจะกอบโกยแต่เพียงวันนี้หรือ”
กำลังบริภาษคนร่วมท้องเกิดก่อนผ่านสายตา ลูกแก้วสีน้ำตาลเข้มตวัดควับ
อูย ช่างหน้ากลัว หล่อนพลาดอีกแล้ว ระยิบระยับพริบพราวสมมาดปรารถนาเชียว ครู่ผ่าน ยิ้มพรายยังไม่เลือนหาย แม้ริมฝีปากหยักอิ่มจะขยับพูด
“รัตนาวดีหายง่วง แต่คุณน้ากับบุปผาคงจะเหนื่อยอยากพักผ่อน เอาเถอะอย่ากระนั้นเลย รัตนาวดีจะยอมกลับห้องแต่โดยดี ไปกันเถอะดาราฉาย นี่ก็ดึกมากแล้วเธอยังต้องใช้เวลาอีกเยอะ ”
“แต่ชุดเรา” คนโดนฉวยมืออิดออด ปรายตา
“ชุดเธอ เดี๋ยว... ”
“เรื่องชุดของเธอ” ขัดจังหวะคุณหญิง บุปผชาติหันไปทางผู้เป็นแม่ อีกฝ่ายพริ้มตาพยักหน้ารับถี่ยิบ ขณะมือยังถือยาดมจ่อจมูกสูดหายใจซืด ๆ อยู่
“เรื่องชุดเธอจดรายละเอียดมา แล้วมันจะส่งถึงหน้าฟร้อนท์คอนโดฯ ที่พักภายในสามวัน”
“แต่ชุดนี้มันเป็นชุดลิมิเต็ด ฉันสั่งตรงจากนอก”
“แล้ว?” เลิกคิ้วประสานสบนัยน์ตากับฝ่ายตรงข้าม “หรือเธออยากได้เป็นค่าเสียหาย ถ้าอย่างนั้นยิ่งดีเลย ฉันกับคุณแม่จะได้ไม่วุ่นวาย”
“พี่ว่าชุดของเธอก็คงไม่เสียหายถึงขั้นใช้งานอีกไม่ได้หรอก อย่าถึงขนาดต้องให้คุณน้ากับบุปผชาติต้องชดใช้เลย ที่สำคัญที่มันมีดอกไม้กวาดติดอยู่นี่ ก็ไม่ใช่เพราะเธอต้องการความช่วยเหลือหรือ”
เว้นจังหวะ เหลือบมองมาทางนี้ “แต่ถ้าเธอต้องการจะให้เข้าลักษณะทำคุณบูชาโทษจริง ๆ พี่เห็นว่าคุณน้ากับบุปผชาติจ่ายแต่เพียงค่าซักรีดก็น่าจะเพียงพอ แต่เอาเถอะ” หันกลับไปยังคนกำลังหน้าเสีย เสียงขรึมสุขุมเปล่งกังวานต่อ “ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเธอ ดาราฉาย”
หล่อนเห็นแต่เพียงเสี้ยวหน้าเรียบเฉย ทว่าแววในดวงตาสีนิลนั้นสุดความสามารถจะเด่นชัด แต่ถ้าให้คาดเดา
บุปผชาติมองคนกำลังก้มหน้าหลบตาเต็ม ๆ ก่อนจะระบายลมหายใจยาวอย่างช่วยไม่ได้ “มีเวลาทั้งคืนให้เธอคิดดาราฉายว่าจะเอายังไงเรื่องชุดของเธอ กลับห้องกับหญิงรัตนาวดีเถิดจะได้พักผ่อน”
“ใช่กลับห้องกันเถอะดาราฉาย เดี๋ยวระหว่างเธอจัดการตัวเอง เราจะช่วยจัดการกับชุดของเธอให้ รับรองปิ๊งเหมือนใหม่”
พยักหน้ายิ้มฝืด ๆ กับคนขันอาสา นัยน์ตาเฉี่ยวเหลือบมองคุณชายปาริวรรตหวั่น ๆ เกรง ๆ ครั้นริมฝีปากหยักหนาเสี้ยวในสายตาบุปผชาติคลี่ยิ้มอ่อนบางราวขนนกไล้ลูบ ดวงหน้าของดาราฉายแช่มชื่นขึ้น หันมามองเจ้าบ้านสองคน หลุกหลิกนัยน์ตาสลับซ้ายขวาชั่วอึดใจ คงจะตัดสินใจได้จึงบอก
“คุณน้ากับบุปผาไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอะไรทั้งนั้น ที่มารบกวนดาราฉายก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” ค้อมศีรษะ หันไปทางผู้เป็นเพื่อน “ขึ้นห้องกันเถอะหญิงรัตนาวดี จะได้ช่วยกันแกะดอกไม้กวาดให้สนุกไปเลย”
ยิ้มกว้างดีใจ เจ้าของเรือนร่างอรชรพยักหน้าถี่ ๆ “ไป ๆ ขอตัวก่อนนะคะคุณน้า ไปแล้วนะบุปผา แล้วอย่าความจำเสื่อมเสียละ”
กริบตา ยักคิ้ว ยิ้มสดใส ตุ๊กตาแสนสวยเกี่ยวแขนเพื่อนสนิทเริงร่าพาเดิน เปิดประตูก่อนออกหันมาย้ำ ลูกแก้วสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายระยับพราวพร่างเหมือนดวงดาวกะพริบแสงอีก
เสียว ๆ แต่ก็ยิ้มตอบ ครั้นสตรีสองคนลับร่าง เสียงฝีเท้าห่าง หันมองเลิกคิ้วใส่คนยังไม่ขยับ
ก้มหน้าหน่อย หัวเราะหึ เขาเงยกลับมาประสานสายตาด้วย ก่อนจะมองไปทางนายแม่กรองผกา
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า” ค้อมศีรษะสุภาพ กลับมาทางหล่อน พลอยนิลเจียรนัยวับแวมล้อแสงระยับ “เรายังมีเวลาด้วยกันอีกเยอะ ฉันไม่จำเป็นต้องกอบโกยแต่เพียงวันนี้ใช่ไหมบุปผชาติ”
หื้อ กำลังอึ้ง ๆ อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ แจ่มใส ตวัดตามองอีกคนภายในห้อง กลับมามองลึกเข้ามาในตาหล่อนด้วย...
ด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว หญิงสาวเผยอปาก จะหันไปทางแม่ ทว่าคอกลายเป็นบานพับสนิมเกาะเสียสนิท เสียงห้าวต่ำกังวานนุ่มทุ้มระรื่นหูขัดจังหวะ
“ฉันขอตัวก่อนนะบุปผชาติ หวังว่าเธอกับคุณน้าจะไม่เข้านอนดึกเกินไปนัก”
สิ้นคำชายหนุ่มพลิกตัวก้าวเท้าเดินรวดเดียว หายไปจากห้อง
ทีนี้หันขวับลื่นพรึบไม่มีคำว่าฝืด ถลึงตา ฟ้องปากสั่นแผ่วเสียง “แม่เห็นไหม แม่เห็นไหม”
“เห็น” เสียงตอบกลับนั้นเบาและเนือย กลับไปสูดยาดมดังซืด ๆ อีก ต่อให้แข็งแรง แต่ท่านคงเหนื่อย
นิ่งเงียบมองอย่างเป็นห่วงบุปผชาติถอนหายใจลึก
ชั่วครู่ผ่าน ลดมือลง พเยิดหน้า หญิงวัยกลางคน พูดแผ่ว ๆ ขึ้น “เอาเถอะ ระหว่างพวกเขายังอยู่ เราก็ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน จากนั้นจะคิดจะอ่านจะทำประการใดก็สุดแท้แต่เอ็ง”
“ไม่จากนั้น” แม้จะร้อนใจ ใจร้อนสุด ๆ แต่ก็โต้ตอบเสียงเบาเกือบเป็นเสียงกระซิบ รู้ทั้งหล่อน ทั้งนายแม่กรองผกา บทสนทนาระหว่างกัน เกี่ยวพันความลับที่ไม่สมควรเป็นความลับ จะดำเนินไปด้วยเสียงปกติสามัญไม่ได้ จนกว่าคนนอกทั้งหลายจะลากลับ “ตอนนี้เลยแม่ โทรไปหาเพื่อนแม่เลย”
“เอ็งจะบ้ารึดอกไม้ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
“ไม่รู้ละ รอพรุ่งนี้ฉุกละหุกไป ถ้าเกิดเพื่อนแม่ไม่สะดวกล่ะ”
เมินหน้า อีกฝ่ายยกหลอดสีเงินมาจ่อจมูกสูดซืดหนึ่งที รับปากตัดรำคาญ “เออ ๆ เดี๋ยวกลับไปบ้านจะโทรให้”
“อ้าว” ขมวดคิ้วฉงน “นี่แม่จะกลับไปนอนเรือนเล็กหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ” เหลือกตามากระแทกเสียง “ไม่นอนบ้านตัวเองจะให้นอนบ้านใคร”
“อ้าว หนูก็นึกว่าจะนอนนี่ เห็นคล้องกุญแจ” พลันตาเบิกกว้าง “นี่หมายความว่าลมกับฟ้าอยู่เรือนเล็กใช่ไหมแม่ โธ่ แล้วทำไมไม่บอกหนู”
มองผู้เป็นแม่ อำพันสีน้ำตาลอ่อนแสงเชื่อมสร้อย อีกฝ่ายตวัดตาค้อน ส่ายหน้า หายใจแรงอกกระเพื่อม
“มีจังหวะที่ไหน พอตามขึ้นห้องจะไปบอก เอ็งมันก็ใจร้อน” ตาขาว ๆ ลูกตาสีสนิมผสานใจปะหลับปะเหลือก
แค่นั้นไม่ต้องแจงอะไรถี่ยิบ พวงแก้มขึ้นสีเรื่อ “งั้นแม่ก็เห็นน่ะสิ”
“เห็นอะไร” มองงง ๆ อึดใจครางอ๋อ “ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องเป็นราวหรอก แค่แวบ ๆ รีบกลัวเอ็งหลุด”
“อ่อ” คราวนี้เป็นหล่อนครางบ้าง “กลับเรือนเล็กได้แล้วละแม่ ป่านนี้ลมกับฟ้างอแงป้าคำจันใจเสียแล้ว”
“อือ” พเยิดหน้า ลดมือลง ยกหลังห่างกระจก “แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ”
ตั้งท่าจะก้าวขา ทว่าเหมือนนึกอะไรได้ เจ้าของดวงหน้าหวานชะงักตัว มองเข้ามาในตาผู้เป็นลูกจริงจัง
“พรุ่งนี้ตีสี่ น้าเหว่ยจะพาลมกับฟ้าไปคอกม้าคุณสำราญ ถ้าเอ็งจะไปดูลูกก็ต้องตื่นก่อนนั้น”
“ไปทำไมคอกม้าคุณสำราญ”
“แม่ว่าแล้วเอ็งต้องลืม” ถอนใจเฮือกเมินตาไปทางอื่น “พรุ่งนี้วันอะไร”
“วันพุธแม่”
“วันที่เท่าไหร่”
“สิบสาม” หญิงสาวนึกได้ จริงสิ พรุ่งนี้เป็นวันเปิดโครงการอาชาบำบัด จะมีเด็ก ๆ พิเศษมาคอกม้าคุณสำราญอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ตายจริงลืมสนิท หน้ายู่เมื่อนึกขึ้นมาได้อีก
เหลือกตามามอง เหมือนรู้ความคิด “เออน่า ไม่ได้ไปวันเปิด ไปวันอื่นก็ได้ โครงการเขาต่อเนื่องทุกวันพุธ นี่แม่ก็เพิ่งตอบตกลงจะให้โจ๋จ๋ากับนิลจ๋าร่วมทำประโยช์นต่อสังคมด้วย”
“อ้าวแม่ทำอะไรไม่ปรึกษาอีกแล้ว โจ๋จ๋านั่นมันม้าหนูนะแม่”
“ม้าเอ็งแล้วไง หรือเอ็งไม่มีน้ำใจ”
ถอนใจ พยักหน้าหงึกหงัก “อือ อือ ตามนั้น ไปแม่ เดี๋ยวหนูไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก” ปฏิเสธพลางหญิงวัยกลางคนก็ก้าวเดิน “เอ็งปิดบ้านปิดช่องเถอะ บอกตามตรง สัญชาตญาตไม่วางใจในตัวแม่มันเคาะกระดิ่งดังแปลก ๆ”
“ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะแม่นั่นแหละ ถ้าบอกเรื่องหนูท้องไปที่ทางมนวรรธตั้งแต่ตอนโน้น เราก็สงบไม่วุ่นวายอย่างนี้หรอก”
“เออ ความผิดของแม่”
ประโยคเนือย ๆ เพลีย ๆ ทำบุปผชาติใจวูบโหวง แท้จริงทุกอย่างไม่ใช่เพราะเจ้าของบ้านทิพย์วารีที่กำลังหยุดฝีเท้า แต่เป็นหล่อนเองต่างหากคิดน้อย บรรลุนิติภาวะแต่เพียงอายุ
“แม่ หนูขอโทษ”
“แม่ก็ขอโทษ ไป แม่เหนื่อยเหลือเกินแล้ว”
ยืนมองตรงชานระเบียง จนความมืดสลัวกลืนกินร่างอวบอิ่ม เห็นเพียงแสงไฟจุดเล็ก ๆ แกว่งไปแกว่งมาบุปผชาติพลิกตัว สูดหายใจลึกเอากลิ่นชื่นรื่นน้ำค้างเข้าปอดเต็ม ๆ ก่อนจะกลับเข้าบ้าน
ไฟโถงทางเดินหล่อนไม่ยุ่ง มันเปิดปิดอัตโนมัติตามระบบเซ็นเซอร์เข้าใกล้ ส่วนจุดอื่น กวาดตามองพลางก้าวเดิน จริงสิ ไม้กวาด
ย้อนไปห้องนั่งเล่น ก้มตัวหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด ปลายด้ามอยู่ใต้ตู้ไม้ที่เหลือด้านนอกเห็นชัดบนพื้น ก่อนจะรีบนำมันกลับไปเก็บที่เดิม ปิดไฟในครัว ตบปัดมือมุมปากกระตุกยิ้ม พาตัวเองออกนอกห้อง หับบานไม้ สาวเท้า ทว่าหลังจากเดินผ่านตู้ลิ้นชักห้าชั้นแกะสลักลวดลายวิถีชาวนาได้เพียงหนึ่งก้าว มีอันชะงักหยุด ค่อย ๆ เอี้ยวตัว
วิบวับ ๆ หมิ่นเหม่ชายขอบ เห็นทางหางตาก่อนหน้า ตอนนี้ชัดเจนมันคืออะไร
❤️❤️❤️❤️❤️
ความคิดเห็น