ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหมือน(ไม่)​รัก

    ลำดับตอนที่ #14 : หน้าต่างมีหู​ ประตูมี... : ช่วงจบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 600
      16
      7 พ.ย. 62


    เสิร์ฟตอนจบของตอนนี้​ ฉัตรวารินขออนุญาตพักผ่อนรักษาตัวหนึ่งอาทิตย์ อ่านให้สนุกนะคะ❤️❤️❤️❤️❤️



    ระวัง” 

    ปีกกว้างสีดำสนิทไม่ได้แตะผิวกายหล่อน โดนคนปกป้องหรือเปล่าไม่แน่ชัด​ หากสัตว์ใช้หูในการมองเห็นยังคงบินว่อนวนคล่องแคล่วพึ่บพั่บ พึ่บพั่บอยู่ ระหว่างนั้นคุณหญิงทุ่งลาเวนเดอร์ประสานเสียงว้าวเกรี๊ยวกร๊าวไม่มีขาด สลับเสียงกรี๊ดบางช่วงจังหวะของดาราฉาย หล่อนเองมีหลุดบ้าง ส่วนคุณชายปาริวรรต

    อืม​ คุณชายปาริวรรตคะ​ ถอยไปห่าง​ ๆ​ บ้างก็ได้​ เดี๋ยวนังดอกเอี้ยวตัวไป​ หลบมาจะเจ็บตัวขึ้นมาอีก​ 

    มีเสียงฝีเท้า​ ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปัง​ จังหวะหนึ่งสายตาบุปผชาติเหลือบไปเห็น

    พรึ่บ!

    กรี๊ด!

    “​เงียบนะดาราฉาย... ชู่ว์อย่าเอ็ดไปค่ะคุณหญิงรัตนาวดี​​” 

    แทบจะตวาดกับคนหนึ่ง​ ส่วนอีกคนนิ่มนวลเหมือนเป่าขลุ่ยกล่อม​ แหมนายแม่กรองผกานี่​ นอกจากจะคิดอ่านทำอะไรคล่องแคล่วเร็วกว่าหนุ่มสาว​ ยังสองมาตรฐานชัดเจนแรงดีไม่มีตก​ 

    ไม่รู้ว่าดาราดับของหล่อนตอนนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร​ อาจจะกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเหลือกตา​คับแค้นอยู่ในความสลัวรางทึมเทาก็เป็นได้ เสียดาย​ ทำไมฉากนี้ไม่เป็นฉากในการ์ตูนที่ขยลกับฑิฆัมพร​ชอบดู​ นึกถึงดวงตาลอยล่องบนหน้าจอดำสนิท​ คุณแม่ลูกแฝดหลุดหัวเราะคิก​เผลอซี้ดปากกลืนน้ำลาย​ซวบ

    หึ 

    อ้ะมีคนขำกว่า​ บุปผชาติหันขวับไปตามเสียง​ และนั่นเป็นสิ่งพลาดมหันต์อย่างไม่น่าอภัย​ แก้มหล่อน​

    แก้มหล่อน​ ไอ้คุณชายร้าย ฉวยโอกาสไม่เลิ​ก

    ป้าบ​ เต็มแรงเต็มฝ่ามือทีเดียว​ ทันทีทันควันเหมือนกัน​ หลุดเสียงโอ้ยคนโดนตีรวบตัว​ไม่ยอมตกเป็นกระสอบทรายอีก​ ฟึดฟัดฮึดฮัดดิ้นขลุกขลัก​ กังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น

    “​ชู่ว์​ ดอก​ เอ้ยไม่ใช่​ บุปผา​อยู่นิ่ง​ ๆเงียบ​ ๆ​ ไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอนกันพอดี​”

    “​ก็คุณชาย​”

    “​ชู่ว์​ บอกให้เงียบไม่เข้าใจหรือยังไง”

    โดนปรามอีกจำต้องยอม​สงบถ้อยสงบคำ แต่ไม่นิ่งเฉยยังขยุกขยิกฮึดฮัดอยู่​ 

    “​ฉันไม่ได้ตั้งใจ​ เธอหันมาเอง​”

    อ้าปาก ตวัดตามองเจ้าของกังวานเสียงแผ่วเห็นเป็นเงาราง​ ๆ​ ก่อนหุบปากสนิทกัดฟันกรอด​ ใช่ความผิดของหล่อนสินะ​ ฮึ​ บุปผชาติสะบัดหน้า​พรืด​ พลันได้รับอิสระคาดไม่ถึง​ 

    เสียงขยับตัว​ อายร้อนของร่างกายชายหนุ่มค่อย​ ๆ​ ห่าง​ ทว่าตัวเขาไม่ได้จากไปไหน​ ยังอยู่ใกล้​ ๆ​ ข้าง​ ๆ​ นี่ กลิ่นน้ำหอมของเขาโชยชวยเข้าจมูก

    “​ชู่ว์​ เงียบ​ ๆ​ นะคะ​ อดทนสักครู่เผื่อค้างคาวมันจะบินออกนอกบ้าน​”​

    สิ้นคำหญิงวัยกลางคน​ ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน​ ยินแต่เสียงลมหายใจแผ่ว​ ​ลมโชยหวีดหวิวบางขณะ ชั่วระยะเวลาหนึ่งทีเดียว​ แสงไฟขาวนวลจึงสว่างโร่​ แล้วก็เป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดภายในบ้านกับคุณชายปาริวรรตวนสำรวจทั่ว​ ระหว่างนั้นคุณหญิงรัตนาวดียังตื่นเต้นสนุกไม่เลิ​ก​ เดินไปเดินมา​ ยกสองมือประสานค้ำคาง​ ออกอาการเพ้อฝัน

    “​รัตนาวดีชอบที่นี่​ รัตนาวดีจะมาอีก​ บุปผากับคุณน้าพูดแล้วว่ายินดีต้อนรับห้ามคืนคำ”

    พยักหน้าเนือย​ ๆ​ ตอบรับคนที่ทวงสัญญาตาใสไปอย่างนั้นแหละ​ หากเมื่อได้ยินเจ้าของเสียงเชิดหยิ่งพูดว่า

    “​บ้านนอกทุรกันดาร​ ถนนหรือก็ยังเป็นดินแดง​ แถมยังมีค้างคาวเที่ยวบินเล่นครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวในชีวิตเรา​”

    บุปผชาติยิ้มเย็น​ ปรายตามองไปทางดาราฉาย​ หล่อนยังอยู่ในชุดเดิมเมื่อกินอาหารค่ำ​ เริ่ดหรูเดรสเข้ารูปคอปาดสีเหลืองมัสตาร์ดขับผิว​ เผยแขนเรียวเล็ก​ สั้นคลุมเข่า​โชว์น่องสวย​ 

    “​น่าเสียดายจัง​ ฉันกำลังจะเอ่ยชวนเธอให้มาที่นี่อีกอยู่พอดี​ เอาเถอะ​ ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ชอบบ้านนอก​ ไม่ชอบถนนดินแดง​ และไม่ชอบค้างคาว อืม​” เม้มปากนิดหนึ่งทำท่าเหมือนจะคิด​ “แ​ต่สงสัยค้างคาวมันจะชอบระบายสวย​ ๆ​ ที่ชุดของเธอ​ ดูสิเกาะห้อยหัวนิ่งเลย”

    ฟังจบเจ้าของดวงหน้าสวยเก๋ค่อย​ ๆ​ ก้มมองตัวเองช้า​ ๆ​ ทันทีเห็นสิ่งแปลกปลอม​ติดอยู่กับอาภรณ์

    กรี๊ดดดดดดด!

    ไม่ใช่แค่แผดเสียงลั่นบ้าน​ ดังไกลไปถึงไหน ๆ​ แต่เต้นเร่า​ ๆ​ เหมือนตัวอะไรโดนน้ำร้อนลวกเลยทีเดียว​ พลางกลีบปากอิ่มแดงเลือนจาง​ ร้องเรียกบุรุษเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้สั่นระริก

    ​“​กรี๊ด​ คุณชาย​ คุณชายมันอยู่นี่​ มันอยู่นี่​ ไอ้ค้างคาวบ้า​ ปล่อยโบว์ชุดของฉันเดียวนี้นะ​ คุณชาย​ คุณชาย​ มันอยู่นี่ค่ะ​ คุณชายช่วยดาราฉายด้วย​”

    ยังคงเต้นเร่า​ กรี๊ดลั่น​ ส่วนสุภาพบุรุษผู้เข้มขรึมจริงจัง​กลายเป็นคนเงอะงะไม่รู้จะประชิดตัวช่วยท่าไหนดี ฟากคนทั้งรักทั้งโปรดสัตว์ปลอบเพื่อนเสียงหวาน​ 

    “​อยู่นิ่ง​ ๆ​ สิ​ ดาราฉาย​ ค้างคาวออกจะน่ารักดูสิ​ มันไม่ทำอะไรเธอหรอก​ อย่าตกใจไปเลย​ ทำไมน้า​ค้างคาวจ๋า ​ทำไมมาเกาะรัตนาวดีนี่​ มามะ​ มามะ​​”

    ใช่แต่จะร้องเรียกเปล่า​ ๆ​ แต่คุณหญิงรัตนาวดี​ ยังจับโบว์ชุดคลุมของตัวสะบัดโบกเชิญชวน​ ทำอย่างกับตัวเองเป็นมาธาดอร์​กำลังยั่วยวนให้วัววิ่งเข้าหาอย่างไรอย่างนั้น​ จากที่ขำก๊ากบุปผชาติขำพุ่งเข้าไปใหญ่​ ท้องคัดท้องแข็งเลยทีเดียว​ เสียดายไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคติดตัว​ ไม่งั้นจะอัดคลิปวีดีโอให้ขยลกับฑิฆัมพร​ได้พากันหัวเราะเอิ้กอ้ากด้วย​ 

    ขณะกำลังรื่นรมย์สุด​ ๆ​ คงเป็นหล่อนคนเดียว​ ไม่​ ๆ​ อาจจะนับรวมสตรีผู้สูงศักดิ์ได้ด้วย ไม้กวาดในมือถือไว้ตั้งนานโดนฉวยกระชาก

    ไม่มีใครนอกเสียจากคนต้องการไล่สัตว์ผู้ไม่ได้รับเชิญออกจากบ้านตั้งแต่เริ่มแรกเห็น​ 

    ได้อาวุธไปแล้ว​ นายแม่กรองผกาก็จัดการ​ ปรี่เข้าหา​ ปัด​ ๆ​ กวาด​ ๆ​ ราวกับจะขจัดเสนียดจัญไรออกจากหญิงสาวผู้กำลังเต้นเร่ากรีดร้องไม่ยอมหยุด​ 

    ยิ่งเห็นเช่นนั้น​ ไม่ใช่หัวเราะแค่งอหงาย​ ตู้ไม้ใกล้ตัวตบป้าบ​ ๆ​ อย่างไม่รู้สึกเจ็บ​ น้ำลายในปากคราวนี้ซี้ดกลับไม่ทัน​ มันไหลต๊อบ​หยดลงพื้น​ ต่อให้เหลือบไปเห็น​ คนเลิกเงื้อง้ายืนนิ่งมองมายิ้ม​ ​ๆ​ หล่อนก็ยังปลดปล่อยความสุขเต็มที่

    พึ่บพั่บ​ พึ่บพั่บ​ ปลายไม้กวาดไล่บี้สัตว์หากินกลางคืนนอนกลางวัน​ ไม่โดนตัวหรอก​ เป็นแต่เพียงแรงลมปะทะ​ แม่ของหล่อนกึ่งเดินกึ่งกระโดด​ มีคุณหญิงรัตนาวดีวิ่งตามแหงนหน้าสนุกคอยลุ้น​ พร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์​ แต่ไม่ได้เชียร์คนนะ 

    “ค้างคาวจ๋าหนีเร็ว​ เดี๋ยวเจ็บตัว​” 

    วนเวียนอยู่ในห้องสักพัก​ เหมือนเจอแล้วซึ่งทางหนี​ ทันทีมันหลุดพ้นออกข้างนอก​ นายแม่กรองผกา​เหวี่ยงไม้กวาดทิ้ง​ ไม่ได้สนว่าจะกระเด็น​กระทบเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหน​ รีบจับราวจับ​ ดึงหน้าต่างเข้า​เกิดเสียงปัง​ ๆ​ ติดต่อสี่ครั้ง​ เสร็จพลิกกายหลังพิงบานกระจกหายใจหอบ​ ยกมือปาดเหงื่อ

    “คุณน้าเก่งจังเลยค่ะ​” ยิ้มชื่นชมดวงตาเปล่งประกายระยับ​ มือขาวเนียนล้วงกระเป๋าชุดนอน “ยาดมส้มโอมือ ตำรับชาววังไหมคะ​ รัตนาวดีทำเองกับมือ​” 

    “ขอบคุณมากค่ะคุณหญิง​” รับไปหญิงวัยกลางคนรีบนำหลอดสีเงินลายไทยวิจิตรจ่อตรงรูจมูกสูดซืด​ ๆ​ 

    ขณะเสียงกระซิกทางนี้ยังดังอยู่​ เหลือบมองคนก้มหน้าก้มตัว​ เอามือปัด​ ๆ​ ดึง​ ๆ​ ก้านช่อดอกตองกงหักติดทิ่มแทงชุดสวยพลางบ่นงึมไปถึงราคาแพงแสนแพง​ ชั่วอึดใจดึงสายตากลับไปทางเดิม​ 

    จังหวะเดียวกัน​ ราวกับเพิ่งนึกได้​ คุณหญิงรัตนาวดี​หันขวับ​ วินาทีต่อวินาที​ สองเท้าก้าวสลับเร็ว​ ครั้นเรือนร่างอรชรผ่านหน้า​ มุมปากบุปผชาติกระตุกยิ้ม​ ต่อจากนั้นหล่อนตรงไปหาคนวัยวุฒิมากสุด 

    “แม่​ เอ่อ​ คุณแม่​ ให้หนูพยุงไปนั่งไหม​คะ” 

    โบกมือข้างที่ว่างส่ายรัว​ ๆ​ ใช่​ นายแม่กรองผกา​ ไม่ใคร่ได้รับช่วยเหลือจากใคร​ เรื่องเดินเหิน​ ท่านยังแข็ง​แรง​ ไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ​ ทุกอย่างขอทำอะไรด้วยตัวเอง​ 

    พยักหน้า​ ถอยห่างมาก้าวหนึ่ง​ กลับไปมองคนอื่นภายในห้องปราดเดียว​ หญิงสาวกล่าวต่อเรียบเชียบ

    “ดิฉันคิดว่า​ คุณชายควรจะกลับเข้าห้องได้แล้ว​ หญิงรัตนาวดีกับเธอด้วยดาราฉาย​” 

    คนหนึ่ง​ เงยมองเชิด​ 

    อีกคนมีชะงัก​ไปนิด​ ทว่าต่อจากนั้นมือผุดผ่องยังขยับพยายามดึงก้านดอกตองกงอย่างค่อย​ ๆ​ ครั้นมันน่าจะหลุดจากเส้นใยย้อมสีหรือไม่ก็เลือกจะตัดใจ​ สตรีในชุดพร้อมเข้าสู่นิทรา​ ยกตัวขึ้น​ หันมาพูดด้วยเอาแต่ใจ​ 

    “รัตนาวดีหายง่วงแล้วอยู่คุยกับบุปผากับคุณน้าอีกนิดไม่ได้หรือ” 

    “หญิงรัตนาดี” เสียงห้าวต่ำกังวานเข้มได้ผลชะงัด​ ดวงหน้าสดใสสลดวูบ​ แต่ชั่วอึดใจปรับเปลี่ยนเป็นเง้างอด​

    ประสานสบนัยน์ตาคร้ามคมคู่นั้น​ แทนคำขอบคุณไม่ได้เอ่ย​ คุณแม่ยังโสดหันไปเผยยิ้มอ่อนโยนกับหนึ่งดวงดาวพราวแสงในชีวิต​ 

    “เรายังมีเวลาด้วยกัน​อีกเยอะ​ หญิงรัตนาวดีจะกอบโกยแต่เพียงวันนี้หรือ”

    กำลังบริภาษคนร่วมท้องเกิดก่อนผ่านสายตา​ ลูกแก้วสีน้ำตาลเข้มตวัดควับ

    อูย​ ช่างหน้ากลัว​ หล่อนพลาดอีกแล้ว​ ระยิบระยับพริบพราวสมมาดปรารถนาเชียว​ ครู่ผ่าน​ ยิ้มพรายยังไม่เลือนหาย​ แม้ริมฝีปากหยักอิ่มจะขยับพูด

    “รัตนาวดีหายง่วง​ แต่คุณน้ากับบุปผาคงจะเหนื่อยอยากพักผ่อน​ เอาเถอะ​อย่ากระนั้นเลย​ รัตนาวดีจะยอมกลับห้องแต่โดยดี​ ไปกันเถอะดาราฉาย​ นี่ก็ดึกมากแล้ว​เธอยังต้องใช้เวลาอีกเยอะ​ ”

    “แต่ชุดเรา​” คนโดนฉวยมืออิดออด​ ปรายตา

    “ชุดเธอ​ เดี๋ยว... ”

    “เรื่องชุดของเธอ” ขัดจังหวะ​คุณหญิง บุปผชาติหันไปทางผู้เป็นแม่  อีกฝ่ายพริ้มตา​พยักหน้ารับถี่ยิบ​ ขณะมือยังถือยาดมจ่อจมูก​สูดหายใจซืด​ ๆ​ อยู่​

    “เรื่องชุดเธอ​จดรายละเอียดมา​ แล้วมันจะส่งถึงหน้าฟร้อนท์คอนโดฯ​ ที่พัก​ภายในสามวัน​”

    “แต่ชุดนี้มันเป็นชุดลิมิเต็ด​ ฉันสั่งตรงจากนอก​”

    “แล้ว?​” เลิกคิ้วประสานสบนัยน์ตากับฝ่ายตรงข้าม​ “หรือเธออยากได้เป็นค่าเสียหาย​ ถ้าอย่างนั้นยิ่งดีเลย​ ฉันกับคุณแม่จะได้ไม่วุ่นวาย​”

    “พี่ว่าชุดของเธอก็คงไม่เสียหายถึงขั้นใช้งานอีกไม่ได้หรอก​ อย่าถึงขนาดต้องให้คุณน้ากับบุปผชาติต้องชดใช้เลย​ ที่สำคัญที่มันมีดอกไม้กวาดติดอยู่นี่​ ก็ไม่ใช่เพราะเธอต้องการความช่วยเหลือหรือ​​” 

    เว้นจังหวะ เหลือบมองมาทางนี้ ​“แต่ถ้าเธอต้องการจะให้เข้าลักษณะทำคุณบูชาโทษจริง​ ๆ​ พี่เห็นว่า​คุณน้ากับบุปผชาติจ่ายแต่เพียงค่าซักรีดก็น่าจะเพียงพอ​ แต่เอาเถอะ​​” หันกลับไปยังคนกำลังหน้าเสีย​ เสียงขรึมสุขุมเปล่งกังวานต่อ​ “ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเธอ​ ดาราฉาย​”

    หล่อนเห็นแต่เพียงเสี้ยวหน้าเรียบเฉย​ ทว่าแววในดวงตาสีนิลนั้นสุดความสามารถจะเด่นชัด​ แต่ถ้าให้คาดเดา​

    บุปผชาติมองคนกำลังก้มหน้าหลบตาเต็ม​ ๆ​ ก่อนจะระบายลมหายใจยาวอย่างช่วยไม่ได้​ “มีเวลาทั้งคืนให้เธอคิดดาราฉาย​ว่าจะเอายังไงเรื่องชุดของเธอ กลับห้องกับหญิงรัตนาวดีเถิด​จะได้พักผ่อน​”

    “ใช่กลับห้องกัน​เถอะดาราฉาย​ เดี๋ยวระหว่างเธอจัดการตัวเอง​ เราจะช่วยจัดการกับชุดของเธอให้​ รับรองปิ๊งเหมือนใหม่​”

    พยักหน้ายิ้มฝืด​ ๆ​ กับคนขันอาสา​ นัยน์ตาเฉี่ยวเหลือบมองคุณชายปาริวรรตหวั่น​ ๆ​ เกรง ๆ​ ครั้นริมฝีปากหยักหนาเสี้ยวในสายตาบุปผชาติคลี่ยิ้มอ่อนบางราวขนนกไล้ลูบ ดวงหน้าของดาราฉายแช่มชื่นขึ้น​ หันมามองเจ้าบ้านสองคน​ หลุกหลิกนัยน์ตาสลับซ้ายขวาชั่วอึดใจ​ คงจะตัดสินใจได้​จึงบอก​ 

    “คุณน้ากับบุปผาไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอะไรทั้งนั้น​ ที่มารบกวน​ดาราฉายก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว​ ขอตัวก่อนนะคะ” ค้อมศีรษะ​ หันไปทางผู้เป็นเพื่อน​ “ขึ้นห้องกันเถอะ​หญิงรัตนาวดี​ จะได้ช่วยกันแกะดอกไม้กวาดให้สนุกไปเลย​”

    ยิ้มกว้างดีใจ​ เจ้าของเรือนร่างอรชรพยักหน้าถี่​ ๆ​ “ไป​ ๆ​ ขอตัวก่อนนะคะคุณน้า​ ไปแล้วนะบุปผา​ แล้วอย่าความจำเสื่อมเสียละ”

    กริบตา​ ยักคิ้ว​ ยิ้มสดใส​ ตุ๊กตาแสนสวยเกี่ยวแขนเพื่อนสนิทเริงร่า​พาเดิน​ เปิดประตูก่อนออกหัน​มาย้ำ ลูกแก้วสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายระยับพราวพร่างเหมือนดวงดาวกะพริบแสงอีก​ 

    เสียว​ ๆ​ แต่ก็ยิ้มตอบ​ ครั้นสตรีสองคนลับร่าง​ เสียงฝีเท้าห่าง​ หันมองเลิกคิ้วใส่คนยังไม่ขยับ

    ก้มหน้าหน่อย​ หัวเราะหึ​ เขาเงยกลับมาประสานสายตาด้วย​ ก่อนจะมองไปทางนายแม่กรองผกา

    “ผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า” ค้อมศีรษะสุภาพ​ กลับมาทางหล่อน​ พลอยนิลเจียรนัยวับแวมล้อแสงระยับ “เรายังมีเวลาด้วยกันอีกเยอะ​ ฉันไม่จำเป็นต้องกอบโกยแต่เพียงวันนี้ใช่ไหมบุปผชาติ”

    หื้อ​ กำลังอึ้ง​ ๆ​ อีกฝ่ายหัวเราะเบา​ ​ๆ​ แจ่มใส​ ตวัดตามองอีกคนภายในห้อง​ กลับมามองลึกเข้ามาในตาหล่อนด้วย... 

    ด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว​ หญิงสาวเผยอปาก​ จะหันไปทางแม่​ ทว่าคอกลายเป็นบานพับสนิม​เกาะเสียสนิท​ เสียงห้าวต่ำกังวานนุ่มทุ้มระรื่นหูขัดจังหวะ

    “ฉันขอตัวก่อนนะบุปผชาติ​ หวังว่าเธอกับคุณน้าจะไม่เข้านอนดึกเกินไปนัก​”

    สิ้นคำชายหนุ่มพลิกตัวก้าวเท้าเดินรวดเดียว​ หายไปจากห้อง​ 

    ทีนี้หันขวับลื่นพรึบไม่มีคำว่าฝืด ถลึงตา​ ฟ้องปากสั่น​แผ่วเสียง​ ​“แม่เห็นไหม​ แม่เห็นไหม​​”

    “เห็น​​” เสียงตอบกลับนั้นเบาและเนือย​ กลับไปสูดยาดมดังซืด​ ๆ​ อีก​ ต่อให้แข็งแรง​ แต่ท่านคงเหนื่อย​

    นิ่งเงียบมองอย่างเป็นห่วงบุปผชาติถอนหายใจลึก​ 

    ชั่วครู่ผ่าน​ ลดมือลง​ พเยิดหน้า​ หญิงวัยกลางคน พูดแผ่ว​ ๆ​ ขึ้น​ “เอาเถอะ​ ระหว่างพวกเขายังอยู่​ เราก็ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน​ จากนั้นจะคิดจะอ่านจะทำประการใดก็สุดแท้แต่เอ็ง​”

    “ไม่จากนั้น​​” แม้จะร้อนใจ​ ใจร้อนสุด​ ๆ​ แต่ก็โต้ตอบเสียงเบาเกือบเป็นเสียงกระซิบ​ รู้ทั้งหล่อน ทั้งนายแม่กรองผกา​ บทสนทนาระหว่างกัน​ เกี่ยวพันความลับที่ไม่สมควรเป็นความลับ​ ​จะดำเนินไปด้วยเสียงปกติสามัญไม่ได้​ จนกว่าคนนอกทั้งหลายจะลากลับ​ “ตอนนี้เลยแม่​ โทรไปหาเพื่อนแม่เลย​”

    “เอ็งจะบ้ารึดอกไม้​ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว​​”

    “ไม่รู้ละ​ รอพรุ่งนี้​ฉุกละหุกไป​ ถ้าเกิดเพื่อนแม่ไม่สะดวกล่ะ​”

    เมินหน้า​ อีกฝ่ายยกหลอดสีเงินมาจ่อจมูกสูดซืดหนึ่งที​ ​รับปากตัดรำคาญ​ “เออ​ ๆ​ เดี๋ยวกลับไปบ้านจะโทรให้​​”

    “อ้าว​​” ขมวดคิ้ว​ฉงน​ ​“นี่แม่จะกลับไปนอนเรือนเล็กหรือ​​”

    “ก็ใช่น่ะสิ​​” เหลือกตามากระแทกเสียง​ ​“ไม่นอนบ้านตัวเองจะให้นอนบ้านใคร”

    “อ้าว​ หนูก็นึกว่าจะนอนนี่​ เห็นคล้องกุญแจ​”​ พลันตาเบิกกว้าง  “นี่หมายความว่าลมกับฟ้าอยู่เรือนเล็กใช่ไหมแม่​ โธ่​ แล้วทำไมไม่บอกหนู​​”

    มองผู้เป็นแม่​ อำพันสีน้ำตาลอ่อนแสงเชื่อมสร้อย​ อีกฝ่ายตวัดตาค้อน​ ส่ายหน้า​ หายใจแรงอกกระเพื่อม

    “มีจังหวะที่ไหน​ พอตามขึ้นห้องจะไปบอก​ เอ็งมันก็ใจร้อน​​” ตาขาว​ ๆ​ ลูกตาสีสนิมผสานใจปะหลับปะเหลือก

    แค่นั้นไม่ต้องแจงอะไรถี่ยิบ​ พวงแก้มขึ้นสีเรื่อ​ “งั้นแม่ก็เห็นน่ะสิ​”

    “เห็นอะไร​”​ มองงง​ ๆ​ อึดใจครางอ๋อ​ “ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องเป็นราวหรอก​ แค่แวบ​ ๆ​ รีบกลัวเอ็งหลุด​”

    “อ่อ​”​ คราวนี้เป็นหล่อนครางบ้าง ​“กลับเรือนเล็กได้แล้วละแม่​ ป่านนี้ลมกับฟ้างอแงป้าคำจันใจเสียแล้ว​​”

    “อือ”​ พเยิดหน้า​ ลดมือลง ยกหลังห่างกระจก​ “แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ​​”

    ตั้งท่าจะก้าวขา​ ทว่าเหมือนนึกอะไรได้​ เจ้าของดวงหน้าหวานชะงักตัว​ มองเข้ามาในตาผู้เป็นลูกจริงจัง​ 

    “พรุ่งนี้ตีสี่​ น้าเหว่ยจะพาลมกับฟ้าไปคอกม้าคุณสำราญ​ ถ้าเอ็งจะไปดูลูกก็ต้องตื่นก่อนนั้น​”

    “ไปทำไมคอกม้าคุณสำราญ​”

    “แม่ว่าแล้วเอ็งต้องลืม​ ถอนใจเฮือกเมินตาไปทางอื่น​ “พรุ่งนี้วันอะไร​”

    “วันพุธแม่​​”

    “วันที่เท่าไหร่​​”

    “สิบสาม​​” หญิงสาวนึกได้​ จริงสิ​ พรุ่งนี้เป็นวันเปิดโครงการอาชาบำบัด​ จะมีเด็ก ๆ​ พิเศษมาคอกม้าคุณสำราญอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก​ ตายจริงลืมสนิท​ หน้ายู่เมื่อนึกขึ้นมาได้อีก​ 

    เหลือกตามามอง​ เหมือนรู้ความคิด ​“​เออน่า​ ไม่ได้ไปวันเปิด​ ไปวันอื่นก็ได้​ โครงการเขาต่อเนื่องทุกวันพุธ​ นี่แม่ก็เพิ่งตอบตกลงจะให้โจ๋จ๋ากับนิลจ๋าร่วมทำประโยช์น​ต่อสังคมด้วย​​”

    “อ้าวแม่ทำอะไรไม่ปรึกษาอีกแล้ว​ โจ๋จ๋านั่นมันม้าหนูนะแม่​​”

    “ม้าเอ็งแล้วไง หรือเอ็งไม่มีน้ำใจ”

    ถอนใจ​ พยักหน้าหงึกหงัก “อือ​ อือ​ ตามนั้น​ ไปแม่​ เดี๋ยวหนูไปส่ง​​​”

    “ไม่ต้องหรอก​​”​ ปฏิเสธพลางหญิงวัยกลางคนก็ก้าวเดิน​ “เอ็งปิดบ้านปิดช่องเถอะ​ บอกตามตรง​ สัญชาตญาตไม่วางใจในตัวแม่มันเคาะกระดิ่งดังแปลก​ ๆ​​​”

    “ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะแม่นั่นแหละ​ ถ้าบอกเรื่องหนูท้องไปที่ทางมนวรรธตั้งแต่ตอนโน้น​ เราก็สงบไม่วุ่นวายอย่างนี้หรอก​​​”

    “เออ​ ความผิดของแม่​​​”

    ประโยคเนือย​ ๆ​ เพลีย​ ๆ​ ทำบุปผชาติใจวูบโหวง​ แท้จริงทุกอย่างไม่ใช่เพราะเจ้าของบ้านทิพย์วารีที่กำลังหยุดฝีเท้า แต่เป็นหล่อนเองต่างหากคิดน้อย​ บรรลุนิติภาวะแต่เพียงอายุ​ 

    “แม่​ หนูขอโทษ​”

    “แม่ก็ขอโทษ​ ไป​ แม่เหนื่อยเหลือเกินแล้ว​​​”

    ยืนมองตรงชานระเบียง​ จนความมืดสลัวกลืนกินร่างอวบอิ่ม​ เห็นเพียงแสงไฟจุดเล็ก​ ๆ​ แกว่งไปแกว่งมาบุปผชาติพลิกตัว​ สูดหายใจลึกเอากลิ่นชื่นรื่นน้ำค้างเข้าปอดเต็ม​ ๆ​ ก่อนจะกลับเข้าบ้าน​ 

    ไฟโถงทางเดินหล่อนไม่ยุ่ง มันเปิดปิดอัตโนมัติตามระบบเซ็นเซอร์เข้าใกล้​ ส่วนจุดอื่น​ กวาดตามองพลางก้าวเดิน​ จริงสิ ไม้กวาด​ 

    ย้อนไปห้องนั่งเล่น​ ก้มตัวหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด​ ปลายด้ามอยู่ใต้ตู้ไม้ที่เหลือด้านนอกเห็นชัด​บนพื้น​ ก่อนจะรีบนำมันกลับไปเก็บที่เดิม​ ปิดไฟในครัว​ ตบปัดมือมุมปากกระตุกยิ้ม​ พาตัวเองออกนอกห้อง​ หับบานไม้​ สาวเท้า​ ทว่าหลังจากเดินผ่านตู้ลิ้นชักห้าชั้นแกะสลักลวดลายวิถีชาวนาได้เพียงหนึ่งก้าว​ มีอันชะงักหยุด​ ค่อย​ ๆ​ เอี้ยวตัว​ 

    วิบวับ​ ๆ​ หมิ่นเหม่ชายขอบ​ เห็นทางหางตาก่อนหน้า​ ตอนนี้ชัดเจน​มันคืออะไร



    ❤️❤️❤️❤️❤️



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×