ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหมือน(ไม่)​รัก

    ลำดับตอนที่ #7 : เผชิญหน้า : ครึ่งจบ

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 62



    วันนี้มาเร็วหน่อย​ ตอนสามครึ่งจบค่ะ​ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ​ ❤️❤️❤️❤️❤️


    “นั่นสิ คุณแม่ก็ว่าไม่น่าจะนานขนาดนั้นนะจ๊ะ คุณชายท่านไปที่มนวรรธตั้งหลายครั้งหลังจากเรียนจบ และหนูก็ไปที่วังของท่านหลายครั้งด้วยหลังจากนั้น หนูลืมไปแล้วหรือจ๊ะ บุปผา”

    อยากให้คนทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัดสมมุติ ที่รู้จักนายแม่กรองผกา เจ้าของไร่ทิพย์วารี และโรงงานผลิตน้ำแร่ทิพย์วารีเป็นอย่างดี หรือพอคุ้นหน้าคุ้นตา ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอยู่บ้าง มาอยู่ตรงนี้เหลือเกิน บทบาทการแสดงของแม่หล่อนเทียบชั้นดาราตุ๊กตาทองหลายสมัยทีเดียว เยี่ยมยอดมาก ไม่สิยิ่งกว่าเยี่ยมยอด

    บุปผชาติพบอีกว่า ไม่เฉพาะกิริยาท่าทาง คำพูดคำจา สำบัดสำเนียงเท่านั้น ที่นายแม่กรองผกาคืนกลับเป็นตัวท่าน เมื่อครั้งยังอยู่ใต้ร่มมนวรรธ หากแต่การแต่งกายก็ด้วย

    ตลอดเวลา นับจากท่านแยกกันอยู่กับพ่อ หล่อนเข้าใจว่าแม่บริจาคเสื้อผ้าจำพวกนี้ไปเสียหมดแล้ว หญิงสาวมองเสื้อคอปาดเผยช่วงคออวบอูมเนื้อบางลายดอกมีโบว์ใหญ่ ๆ ตรงชายด้านขวา มองกางเกงผ้าพริ้วสีชมพูมุก เอวเล็กกว่าปลายขา มองหัวรองเท้าแหลม ๆ สีขาวอมชมพู แล้วเลื่อนสายตากลับมามองหน้าแม่

    อ้ะ เกือบเผลอตัวผงะฉากหลบ ทันทีประสานสบกับสายตาด่ากราดแต่นึกได้ วูบเดียวนัยน์ตาสีสนิมคู่นั้นปรับเปลี่ยนเป็นรักใคร่อ่อนโยน

    “ว่าไงจ๊ะบุปผา หนูลืมไปแล้วหรือลูก” สิ้นคำคนพูดผินหน้าเล็กน้อยขมุบขมิบริมฝีปากอิ่มแดงชาดจับใจความไม่ได้ แล้วก็กลับมามองหล่อนพร้อมกับเลิกคิ้วข้างเดียว “ว่าไงจ๊ะ”

    “ค่ะ ดิฉันคงลืมไปจริง ๆ อย่างคุณแม่ว่า ต้องขออภัยคุณชายด้วยนะคะพอดีเพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ เลย...”

    “ฉันเข้าใจ ระยะทางจากตรงที่เธอวิ่งหนีจนมาถึงบ้านทิพย์วารีแสนจะรื่นรมย์นี่ใช่ว่าจะใกล้ หากบวกกับจุดเริ่มเดินเท้าของเธอ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ารวมกันแล้วจะสักกี่กิโลเมตร”

    “ทำไมพี่ชายไม่เห็นบอกว่าเจอบุปผาก่อนหน้า เจอที่ไหน ตอนไหนคะ” คนเป็นน้องหันไปซักไซ้ไล่เลียงคนเป็นพี่ “แล้วทำไมบุปผาต้องวิ่งหนี หนีทำไมนี่... นี่พี่ชายใช้สายตาดุบุปผาอีกแล้วใช่ไหมคะ”

    “พี่หรือจะกล้า บุปผาของเธอเขาไม่ใช่เด็กหน้าซีดตัวเซียว คอยแต่จะหลบตาคนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” คุณชายปาริวรรตแก้ต่างเสียงขรึม “เขาเป็นดอกไม้งามกลิ่นหอมกรุ่นละมุนที่ทั้งแกร่งและกล้า ในคราเดียวกันเขาก็น่าทะนุถนอม หากใครคิดจะเด็ดดอมดม คนผู้นั้นคงต้องทำความรู้จักหลายแง่หลายมุมของบุปผาของเธอให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจากทรนงว่าเป็นเสือใครจะกล้าหยาม อาจจะกลายเป็นแมวถูกทิ้งข้างถนนได้ง่าย ๆ” 

    เว้นจังหวะแปรสายตาคมปลาบจากหล่อนไปทางน้องสาวของเขาชายหนุ่มเปล่งวาจาต่อ “ที่พี่พูดว่าบุปผาของเธอวิ่งหนี พี่หมายถึงว่า บุปผาของเธออาจจะลืมหน้าคู่หมายคนนี้เสียแล้ว เขาจึงกริ่งเกรงภยันตรายไว้ก่อน เมื่อเห็นคนประสบเหตุยางล้อรถแตกเป็นคนต่างถิ่น ต่อให้มีน้ำใจช่วย...”

    บุปผชาติอาจจะได้ยินคนพูดมีนัยมีกระแซะย้ำ บุปผาของเธอ ให้ได้นับต่ออีกหลายประโยค หากคุณหญิงรัตนาวดีกับนายแม่กรองผกาจะไม่แทรกเสียงของตนเองขึ้นมาพร้อมกัน​เสียก่อน

    คนหนึ่งตื่นเต้นทันทีนึกได้ ​ ​​“ฮ้า​ เป็นบุปผานี่เองที่รัตนาวดีเห็นวิ่งหลังไว​ ๆ​ ทำไมนะถึงไม่เอะใจ” 

    อีกคนส่งสารชัดเจนในถ้อยคำ “รถคุณชายยางแตกหรือคะ เป็นไปได้อย่างไร 

    และผู้ที่ให้นึกฉงนก็แย่งแสงสปอร์ตไลท์ฉายไปที่ตนเองอย่างเนียน ๆ ถนนเส้นจากตัวอำเภอมาที่นี่ ถึงแม้จะเป็นถนนดินแดงไร้ความเจริญ ทว่าทั้งหน่วยงานราชการกับชาวบ้านก็ช่วยกันทำนุบำรุงรักษา โดยเฉพาะชาวบ้าน...” 

    น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อกำลังบอกเล่าอีกทั้งแววในดวงตาสีสนิมก็ด้วย “ตรงไหนเป็นหลุม แม้จะเล็กตื้นเพียงใด พวกเขาจะรีบหาดินมาถมเกลี่ยปาด ต้นไม้ต้นหญ้าริมทางถ้ารกชัฏ ชาวบ้านเขาร่วมแรงร่วมใจช่วยกันตัด ขยงขยะนี่ก็คอยช่วยกันดูช่วยกันเก็บ หากจะสังเกตสักนิด คุณชายจะรู้เลยว่าพื้นถนนดินแดงที่นี่มันราบเรียบอย่างไม่มีที่อื่นเสมอเหมือน คุณชายบอกว่ารถยางแตก ทราบไหมคะแตกด้วยสาเหตุอันใด”

    “แตกด้วยเรือใบใหม่เอี่ยมครับ”

    “อะไรนะคะ” อย่าว่าแต่แม่ของหล่อนจะตกใจยกมือทาบอก กระทั่งบุปผชาติเองยังคาดไม่ถึง “เรือใบใหม่เอี่ยมเป็นไปได้อย่างไรกัน ดอกไม้”

    หื้อ เบิ่งตาโตส่ายหน้ายิก​ ขณะคุณหญิงรัตนาวดี กับดาราฉายมีปฏิกิริยาท่าท่างพิศวง กับพฤติกรรมเปลี่ยนฉับพลันราวพายุของหญิงวัยกลางคน ผู้ยังดูอ่อนเยาว์เสมือนหนึ่งสาววัยสามสิบกว่า ที่เผลอลืมตัวหันมากราดเกรี้ยวกับหล่อนผู้เป็นลูกสาว ส่วนคุณชายปาริวรรต...

    แม้จะเป็นแต่เพียงแวบเดียว แต่เขาได้ยิ้มผ่านพลอยนิลเจียรนัยคู่สวย

    “บุปผา คุณแม่ไม่ได้หมายความว่าหนูทำนะจ๊ะ มันเป็นอะไรที่อิมพอสซิเบิ้ลมาก” พลันนึกได้นายแม่กรองผกาก็สวมบทบาทอีก “ที่พุ่งเป้ามาทางหนูเพราะหนูเพิ่งไปตลาดมา อาจจะรู้เรื่องรู้ราวว่ามีใครคิดเล่นพิเรนทร์บ้าง เห็นมานพบอกว่าชัยวัฒน์เพิ่งกลับมาบ้านไม่ใช่หรือจ๊ะ” เอียงคอนิดหนึ่งอีกฝ่ายเลิกคิ้วข้างเดียวใช้สายตากดดันอีก

    “หนูไม่คิดว่าชัยวัฒน์กับเพื่อน ๆ จะมีเอี่ยว ถึงกลุ่มน้อง ๆ จะเกเรบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ใครที่ชอบทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน”

    “ถ้าหนูยืนยันเช่นนั้น” ซ่อนความไม่เชื่อมิดชิดแล้ว ผู้พูดหันไปแย้มยิ้มกับคนอื่น ๆ ก่อนจะขยับกลีบปากขึ้นลงอีก “คุณชายปาริวรรตไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้คนคิดเล่นพิเรนทร์จะต้องโดนกำราบ ชาวอำเภอสมมุติไม่มีทางยอมปล่อยผ่านง่าย ๆ หรอกค่ะ”

    คนอำเภอสมมุติ หรือนายแม่กรองผกากันแน่ที่ไม่ยอมปล่อยผ่าน ไม่ว่าใครก็แล้วแต่เล่นพิเรนทร์โรยเรือใบ ถนนเส้นไหนไม่โรย มาโรยเส้นมาบ้านทิพย์วารีโดนหนักแน่ ทว่าใครกันริอ่าน หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น หากไม่ทันได้ไล่เลียงรายชื่อผู้ต้องสงสัย พลันคนยืนนิ่งเงียบเสมือนหนึ่งไร้ตัวตน เปล่งกังวานเสียงหวานขึ้น

    “คุณน้าคะ นี่ใจคอคุณน้าจะไม่เชิญคุณชายปาริวรรตเข้าบ้านจริง ๆหรือคะ”

    “อุ้ยตาย” คนถูกถามยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆ มีจริต “ต้องขอบคุณหนูดาราฉายที่เตือนคุณน้ามาสองรอบแล้ว มัวแต่ดีใจคุยเพลินเลยลืมเสียสนิท แต่ทำตัวไร้มารยาทแทรกผู้ใหญ่เขาคุยกันนี่...” เว้นจังหวะนิดหนึ่งราวกับจะให้ใคร่ครวญมองสำรวจ กังวานเสียงดัดหวานดังขึ้นต่อ “ท่านหญิงกนกเลขาไม่เคยสอนนะจ๊ะหนูดาราฉาย”

    ใช้สายตากรีดลึกเยี่ยงแม่สามีกับหญิงสาวร่างงามระหง แต่งตัวสไตล์เก๋ไก๋ด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดัง​ ซึ่งกำลังยืนหน้าตึง​ ชั่วขณะ คนเคยบอบช้ำในหัวใจ อันเกิดจากสามีและมารดาของอีกฝ่ายปรับเปลี่ยนแววตา ก่อนจะยิ้มอ่อนโยนบางเบาหันไปทางผู้ที่ท่านยินดีต้อนรับ “เชิญค่ะคุณชายปาริวรรต คุณหญิงรัตนาวดี บ้านค่อนข้างเล็กคับแคบ อาจจะรกหูรกตาไปบ้าง คุณชายกับคุณหญิงอย่านำไปเป็นตะกอนกวนขุ่นอารมณ์เลยนะคะ นี่ถ้าคุณน้าทราบล่วงหน้า คุณน้าจะเกณฑ์คนในไร่กับคนที่โรงงานมาช่วยกันจัดเก็บให้เรียบร้อยกว่านี้ เชิญค่ะ”

    “คุณแม่คะ” เมื่อนายแม่กรองผกาขยับตัว จะพาผู้มาเยือนเข้าบ้าน บุปผชาติก็นึกได้ และราวกับจะล่วงรู้ความคิดของหล่อน

    “บุปผา แม่ว่าก่อนหนูจะเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลอะ ๆ นี่ แวะไปหาโจ๋จ๋าหน่อยก็ดีนะจ๊ะ เห็นมันเซื่อง ๆ หงอย ๆ ตอนที่กลับมากับจ่ามีเดช”

    “โจ๋จ๋า” น้ำเสียงของคุณหญิงรัตนาวดีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อีกทั้งลูกแก้วสีน้ำตาลเข้มยังระยับวิบวับพริ้มพราย ดั่งดวงดาวนับหมื่นนับแสนแข่งกันกะพริบแสง “ใช่ ม้าของบุปผาที่เคยส่งรูปให้รัตนาวดีดูใช่ไหมจ๊ะ ขอรัตนาวดีไปหาโจ๋จ๋าด้วยคนสิ น้า”

    “อย่าเลยค่ะคุณหญิงรัตนาวดี ที่คอกมันเหม็น คนดูแลขอลาไปช่วยที่บ้านเกี่ยวข้าว นี่ก็ร่วมอาทิตย์แล้วยังไม่กลับมา เอาไว้พรุ่งนี้ คุณน้าจะจ้างพิเศษคนงานในไร่มาทำความสะอาดคอก ไม่ก็ให้บุปผาพาโจ๋จ๋ามาหาคุณหญิงรัตนาวดีตอนแดดไม่ทันร้อนจะดีกว่านะคะ จริงสิ” 

    ราวกับจะนึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญอีกอย่าง โดยทำเป็นไม่เห็นสีหน้าแสดงความผิดหวัง เสมือนเด็กอดเที่ยวของเจ้าของเรือนร่างอรชร ในชุดเสื้อกระโปรงสีสดใสเหมือนท้องฟ้ากระจ่างมีเมฆขาวลอยล่อง 

    “ไม่ทราบคุณชายกับคุณหญิงจะพักที่นี่กี่วันคะ”

    “คงจะรบกวนคุณน้ากับบุปผชาติเพียงคืนเดียวเท่านั้นละครับ มอบของฝากแก่บุปผชาติเรียบร้อย พรุ่งนี้ผมกับทุกคนก็เห็นจะต้องขอตัวกลับ ด้วยต่างก็มีภาระหน้าที่ของตัวเอง​ ใช่ไหมหญิงรัตนาวดี” ตอนท้ายชายหนุ่มหันไปทางน้องสาวของเขาราวกับจะบีบคั้น

    “ค่ะ”

    เห็นคุณหญิงรัตนาวดีตอบกลับเสียงแผ่วระคนอ่อนเศร้า บุปผชาติลืมตัว 

    “เมื่อไหร่หญิงรัตนาวดีสะดวก หญิงรัตนาวดีก็มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่สิ จะอยู่เป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนก็ได้”

    “จริงนะบุปผา”

    “จริงสิ บ้านทิพย์วารียินดีต้อนรับหญิงรัตนาวดีและพี่หญิงวารัตดาเสมอ”

    “แล้วฉัน เธอไม่ยินดีต้อนรับหรือบุปผชาติ”

    “หากคุณชายสะดวกใจ ดิฉันมีหรือจะไม่ยินดี” ตอบกลับไปเช่นนั้นทว่าในใจ โอ้ย! ไม่ต้องมาหรอกคุณชาย แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว ลูกเต้าพาหลบกันพัลวัล นี่แม่หลอกให้ไปเล่นซ่อนแอบกับใครที่ไหนก็ไม่รู้

    เผยยิ้มผ่านสายตาวูบหนึ่ง ขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาของหล่อน อีกฝ่ายพูดเรียบเชียบต่อ “อะไรหรือที่ทำให้เธอคิดว่าฉันไม่สะดวกใจ”

    “ไม่รู้สิคะ” แสร้งชายตามองไปทางดาราฉายอย่างรวน ๆ

    มีเสียงระบายลมหายใจยาว ลอยมากับสายลมแผ่ว ก่อนกังวานเสียงกร้าวเชือดเฉือนจะดังขึ้น “ฉันว่าคนที่ไม่สะดวกใจน่าจะเป็นเธอมากกว่า บุปผชาติ”

    “เอ่อ คุณชายคะ คุณน้าว่า เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ” เป็นนายแม่กรองผการับบทห้ามทัพก่อนศึกจะเริ่ม “นี่ก็จะใกล้เย็นย่ำ ไร่ทิพย์วารีมีดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวยุงชุมเหลือเกิน เดี๋ยวกระเป๋าเสื้อผ้า คุณน้าจะให้นายอินทามาจัดการขนจากรถเอาเข้าบ้านให้นะคะ เชิญค่ะ เชิญค่ะ บุปผา ก่อนออกจากคอกม้าดูลมฟ้าอากาศให้ดีด้วยนะลูก เผื่อฝนจะตก”

    สั่งความหล่อนแล้วสตรีวัยกลางคนหันไปยิ้มหวานกับคนหน้าขรึม ทว่าไม่ขรึมจริง ดวงตาคมกริบคู่นั้นกำลังตวัดมาค้อนหล่อน

    “คือดินฟ้าอากาศที่นี่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้น่ะค่ะคุณชาย เห็นฟ้าโล่งฟ้าโปร่งอย่างนี้ บทจะตกก็ตกไม่ลืมหูลืมตาเชียว ไปสิบุปผา อย่าลืมที่คุณแม่สั่งนะ ห้ามวิ่งตากฝน หนูยิ่งกระหม่อมบางอยู่ด้วย”

    “ค่ะคุณแม่” รับคำแล้วบุปผชาติรีบสาวเท้ายาว ไม่ได้ให้ความสนใจคู่หมายที่เปลี่ยนมาเป็นคู่งอนอีก ไม่แม้แต่จะชายตาแลส่งท้ายด้วย



    ❤️❤️❤️❤️❤️



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×