ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหมือน(ไม่)​รัก

    ลำดับตอนที่ #4 : คู่หมายมา : ครึ่งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 62



    พยายามจะขยันมาเสิร์ฟ บทที่ 2 ครึ่งแรกค่ะ ขอให้อ่านสนุกนะคะ❤️❤️❤️❤️❤️


     

    ว้ายยยยย! โจ๋จ๋าช่วยดอกด้วย ผงะทันทีเจ้าของช่วงบ่าละม้ายคล้าย เงยหน้ายกมือเสยผมชุ่มเหงื่อ จากกำลังก้าวไปข้างหน้า ถอยหลังกรูดหักเฉียง แรกฮึกเหิมสวมบทราษฎรใจดี แปรเปลี่ยนกลายเป็นผู้ร้ายตั้งใจหนี 

    หล่อนจะหลบพ้นได้ง่าย ๆ ไร้ร่องรอยเหมือนเงาวิ่งผ่าน ถ้าเพียงแต่

    หญิงสาวชะงักตัวกึก หันเลิกลั่กทันทีสำนึกได้

    บริเวณแถบนี้ไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์เสริมส่ง ด้วยฟากบุรุษผู้นั้นเป็นทุ่งนาผ่านการเก็บเกี่ยวแล้วสุดลูกหูลูกตา ฟากตรงข้ามเป็นที่ดินเจ้าของไม่เคยมาดูมาใส่ใจ ทว่าเตียนโล่งด้วยชาวบ้านเอาวัวมาปล่อยเล็มหญ้า ส่วนถนนเบื้องหน้าเบื้องหลัง ต่อให้มีต้นไม้ใหญ่ริมทาง แต่ต้นใกล้สุดมันห่างเกินไป แถมสุมทุมพุ่มไม้รกเรื้อ ตัวช่วยอย่างดีก็ดันเพิ่งโดนกำจัด ยิ่งเล็งเห็นโอกาสริบหรี่ ไอ้ที่ทำท่าจะหายโมโหจ่ามีเดช กับนายแม่กรองผกา เป็นอันเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีก

    หยึยยย สะดุ้งโหยง ตาเบิกโพลงยิ่งกว่าเห็นผีอย่างไม่อาจระยับยั้งไว้ได้ เมื่อสายตาดันปะทะสายตา เสี้ยวอึดใจ พลอยนิลเจียรนัยคู่ของฝ่ายตรงข้ามเปล่งประกายฉายแววพิศวง เรียวคิ้วเข้มข้างขวาเลิกขึ้น ส่วนหล่อน

    “คือ... คือ” อ้าปากพะงาบ ๆ พลันลมแรงผ่าวร้อนพัดมากระทบผิวฉ่ำเหงื่อวูบหนึ่ง พาให้ถนนตรลบไปด้วยฝุ่นสีส้ม ๆ กลิ่นระคาย ๆ เคืองจมูก ดวงหน้า เรือนผม ศอกพาดหลังคารถ ปะแจในมือเลือนรางอยู่ในม่านตา บุปผชาติก็หันขวับยกมือชี้โบ้ชีเบ้ยังทางทอดยาว “ต้องรีบกลับบ้าน แม่ถือไม้เรียวรออยู่ ขอโทษที่ไม่อาจช่วย”

    ว่าแล้วเผ่นแผล็ว สวมวิญญาณนักวิ่งลมกรดทีเดียว หันไปมองเช็คระยะ ขณะแรงหอบเพิ่มกำลัง หัวใจเต้นระรัว เหงื่อโซมกาย สะบัดตัวปลิวร่วง ภาพนั้นยังอยู่ ต่อให้เล็กลงไปมาก แต่มันยังอยู่

    เขาไม่ได้โผล่มาย่านละแวกนี้ลำพัง ชายกระโปรงสะบัดไหวนั่น

    ฝีเท้าของหล่อนพุ่งไปข้างหน้าเร็วกว่าเดิม ราวกับกำลังเห็นเส้นชัย ทั้ง ๆที่หมายยังอยู่อีกไกลลิบ วิ่งไปก็นึกโมโหคนใจร้าย

    จะดัดหลังหักลำอะไรทำไมไม่เป็นวันอื่น คอยดูคืนนี้ก่อนเถอะ หล่อนจะเสี้ยมเจ้าแฝดสองคนให้จัดการยายเสียให้เข็ด

    ผ่านมาสักระยะ ลมแรงปะทะใบหน้าบางจังหวะ เรี่ยวแรงของหล่อนถดถอยเต็มที ทว่ายังกัดฟันวิ่งอยู่

    ความเร็วนั้นผ่อนลงหน่อย ด้วยก่อนนี้หันไปข้างหลัง ท้องถนนว่างเปล่าแล้ว แต่ถึงจะเห็นเช่นนั้นก็หาได้วางใจ

    ประสบเหตุยางล้อรถแตก ถอดเปลี่ยน เดี๋ยวก็มา แรงคนหรือจะสู้แรงเครื่องยนต์ ใช้เวลาไม่เท่าไรตามทันแน่ ว่าแต่พวกเขาจะไปไหน ไปบ้านใคร คงไม่ใช่บ้านหล่อน คิ้วเรียวขมวดมุ่น

    แต่สุดทางมันก็ไม่มีบ้านใครนี่ ดวงตาเบิ่งกว้าง

    ไม่ ๆ ๆ

    ส่ายศีรษะระรัว ผิวเนื้อเต้นระริกอยู่แล้วยิ่งระริกเข้าไปใหญ่ พลันเหมือนสวรรค์โปรด เสียงนั่น นัยน์ตาสวยดุจอำพันลุกวาว

    ไม่ใช่เสียงลม เสียงใบไม้ไหวลู่หวีดหวิว เสียงน้ำเซาะตลิ่ง เสียงนกโฉบเสียงตะโกนก้องหรือเสียงวัวคราง แต่เป็นเสียงแตร็ก ๆ

    ช่างจะมาบ้านใคร บ้านหล่อน หรือหลงทาง นับจากนี้นังดอกจะขึ้นไปจำศีลบนยอดเขา หอบเอาเจ้าแฝดสองคนไปด้วย วาดแผนในใจเบ็ดเสร็จ เท้าพาตัวเบี่ยงไปอยู่กลางถนน

    สักพัก เหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาว ร่างผอมกะหร่อง ผึ่งผายองอาจบนมอเตอร์ไซต์รุ่นเก๋ากึ๊กสีดำ ที่แทบจะเหลือแต่โครงค่อย ๆ แหวกเปลวแดดร้อนระอุ ฝ่าม่านฝุ่นออกมา บุปผชาติรวบแรงกำลังเร่งฝีเท้าอีกยก ก่อนจะหยุดกึก ยืนจังก้า ยกแขนโบกไขว้

    เอี๊ยดดดดด...

    ชายหน้าตอบ ผมเผ้าสีดอกเลายุ่งเหยิงระคอระหูกาง มีสภาพหัวทิ่มเลยทีเดียว แต่หลังจากยกตัวเงยหน้า เจ้าของดวงตากลมลึกเห็นใกล้ ๆ ไม่เคยชัด ขยับริมฝีปากหนาเผยฟันซ้อนไม่เป็นระเบียบทันที “เล่นแผลง ๆ อีกแล้วนะครับคุณดอกไม้”

    “ไม่ได้เล่น กลับหัวรถเร็วน้าเหว่ย” หญิงสาวโต้กลับเสียงระรัว ก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองข้างหลัง ฝุ่นหนาลอยคว้างตามแรงลมพาใจระทึก ขณะอีกฝ่ายปฏิบัติตามไม่อิดออด

    ครู่เดียวหล่อนกระโดดขึ้นคร่อมซ้อนหลัง ทว่ายังไม่ทันได้อะไรต่อ ก็ต้องวี้ดว้ายกังวานก้อง มือคว้าหมับเอวมีแต่กระดูกของโซเฟอร์ ที่เพิ่งเอาคืนด้วยการยกล้อหน้าทำเหมือนวัยรุ่น

    “น้าเหว่ย” เสียงดุค้อนควัก

    ส่วนเจ้าของไหล่ตั้งระริกสั่น หัวเราะเอิ้กอ้ากดังลั่น เคลื่อนมือทั้งสองมาจับเหล็กขึ้นสนิมข้างตัวมอเตอร์ไซด์แน่นแล้ว บุปผชาติขัดจังหวะสะใจของอีกฝ่ายขุ่นขวาง “ไปได้แล้วน้าเหว่ย”

    ชายในเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตเปรอะเปื้อน กางเกงขาสามส่วนสีขี้เถ้ากระดำกระด่าง สวมรองแตะหูคีบตรงปลายส้นโดนตัดไปทำเชื้อไฟข้างละนิด ค่อย ๆ นำพาพาหนะคู่ใจของแกเคลื่อนไปข้างหน้าทั้ง ๆ ยังหัวเราะคิกคัก

    หล่อนโมโห แต่ก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว ช่วงเวลาต่อมาหลังจากหยุดขำแล้ว เสียงแหบห้าวดังขึ้น

    “คุณดอกไม้หนีใครมาอีกหรือครับ”

    บุปผชาติไม่ตอบ แต่ปล่อยมือจากเหล็กข้างตัวรถ ยกขึ้นมากอดอก นั่งรับลมสบาย ๆ ตามองวิวทิวทัศน์คุ้นเคย

    “ไม่น่าจะใช่จ่ามีเดช นังโจ๋มันเพิ่งจะถึงบ้านตอนผมออกมา”

    “โจ๋จ๋าถึงบ้านแล้วหรือน้าเหว่ย” ถามย้ำถึงเพื่อนรัก แต่อีกฝ่ายยังสันนิษฐานต่อ

    “คุณชัชชาติยังอยู่มาเลย์ ปลัดสมยศก็เพิ่งเข้ากรุง​ คนใหม่หรือครับคุณดอกไม้”

    ใครว่าคนใหม่ คนเก่าตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ต่างหาก คำตอบนั้นอยู่ในใจ ขณะริมฝีปากขบเม้มแน่น แต่ทำไมพี่หญิงวารัตดาไม่เห็นบอก หญิงรัตนาวดีก็ด้วยหล่อนเพิ่งคุยกับทั้งคู่เมื่อคืนนี้เอง หัวคิ้วของบุปผชาติแทบชนกัน นัยน์ตาไหวระริกกลิ้งหลุกหลิก



    ❤️❤️❤️❤️❤️


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×