คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 : ตอนจบ
พินิจพิเคราะห์ผู้มีรูปร่างส่วนสูงพอ ๆ กับเขาที่เพิ่งทรุดตัวนั่งเคียงข้างหญิงสาว
หนุ่มน้อยนั่นดูท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมเสียเหลือเกิน...
การันต์เลือกจะหย่อนกายลงนั่งตัวตรงบนเก้าอี้เดี่ยว ฝั่งตรงข้ามฉลองขวัญ ขณะอีกฝ่ายขยับกายโน้มตัวมาข้างหน้า มือหนึ่งเท้าคาง อีกมือหนึ่งพาดไว้บนเข่านิ้วเรียวสวยกระดิกไหวไม่อยู่เฉย
เสื้อสีชมพูนั่น คอกว้างเหลือเกินจนเผยให้เห็นอกอิ่ม เขามองมันอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนรีบถอนสายตา ทว่าชั่ววินาทีนั้นทันได้เห็นหล่อนยิ้มเยาะใส่
“ฉันอยากได้บ้านของฉันคืน”
หล่อนใจกล้ากว่าเขาคิด คำพูดตรงไปตรงมา ล็อกเป้าในสิ่งที่ต้องการ ทำให้ชายหนุ่มเผยยิ้มหยามหยันออกมาอย่างเสียไม่ได้ “คุณต้องการจะซื้อบ้านหลังนี้หรือครับ”
หญิงสาวชักสีหน้า นัยน์ตาจับจ้องเขาเข้มเขม็ง ก่อนลุกขึ้นยืน “ทำไมฉันต้องซื้อ ในเมื่อบ้านหลังนี้มันควรจะเป็นของฉัน ผู้ที่มีสิทธิ์โดยชอบธรรม”
“สิทธิ์อะไรหรือครับ” เขาย้อนถาม ลุกยืนประจันหน้า
“สิทธิ์ของความเป็นลูก สิทธิ์ของความเป็นหลานของคุณตา” กังวานเสียงกร้าวร้าวกลืนหายชั่วขณะ เมื่ออีกฝ่ายเดินไปยังรูปคู่บุรุษสตรี ที่วางติดกันกับรูปคุณนวลปราง ก่อนหันมาทางเขา “คุณคงไม่รู้ว่าคุณตายกบ้านหลังนี้ให้ฉันเป็นของขวัญในวันที่ฉันเกิด”
“เรื่องนี้ผมไม่ทราบ และถึงแม้ผมจะทราบ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม เพราะบ้านหลังนี้ผมได้มันมาโดยชอบธรรม คุณนวลปรางมอบให้ผมก่อนท่านเสีย”
ชายหนุ่มหยุดพูดมองฉลองขวัญนิ่ง เห็นหล่อนจ้องเขาเขม็งก็กล่าวอย่างไม่ยี่หระต่อ “และเท่าที่ผมรู้ ท่านได้เขียนจดหมายไปแจ้งกับคุณและคุณพ่อของคุณก่อนท่านจะเสีย หากคุณจะเรียกร้องสิทธิ์ต้องการบ้านที่คุณกล่าวอ้างว่าคุณอาคมยกให้คุณ ทำไมคุณไม่เรียกร้องสิทธิ์นั้นก่อนที่คุณนวลปรางจะตายล่ะครับ”
“เพราะฉันไม่รู้” หญิงสาวแก้ตัว เดินเข้ามาใกล้ กลิ่นน้ำหอมฉุนชวนคลื่นเหียนโชยมา “ถ้าฉันรู้ ไม่มีวันที่ฉันจะยอมให้แม่เอาบ้านของฉันไปบำเรอคุณแน่นอน”
“บำเรอ” ทวนคำเสียงเข้ม “คุณกำลังพูดจาดูถูกคุณแม่คุณอยู่นะครับ”
“ฉันไม่ได้ดูถูก” หล่อนแย้ง สายตามองมาอย่างดูแคลน “ฉันพูดตามที่รู้มา ใคร ๆ เขาก็พูดกัน ว่าคุณเป็นอะไรกับแม่”
“แล้วคุณก็เชื่อตามที่ใคร ๆ เขาพูดกัน คุณนี่ช่างหูเบา เชื่อคนง่าย ไม่ต่างอะไรกับ...” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้น
“ไม่ต่างกับอะไร” อีกฝ่ายเสียงเข้มกว่าเดิม ดวงตาวาวโรจน์ เหมือนกองเพลิงลุกพึ่บ “จะเปรียบฉันเป็นอะไรก็พูดมาให้จบ จะมาทำเป็นพูดทิ้ง ๆ ค้าง ๆ คาราคาซังทำไม ฉันไม่ชอบ” ตอนท้ายหล่อนทั้งสะบัดเสียงทั้งตวัดตาควับ
“ผมไม่สนว่าคุณจะชอบหรือไม่ ความรู้สึกของคุณมันไม่เกี่ยวกับผม” การันต์มองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังพยายามควบคุมตนเอง กำปั้นน้อยสองข้างนั้นเดี๋ยวกำเดี๋ยวคลาย หล่อนยังเด็กนัก ฉลองขวัญเอ๋ย
“ตอนนี้คุณกับคุณวงศกรพักอยู่ที่ไหน” เขาเปลี่ยนเรื่องพูด
“เรายังไม่มีที่พักครับ เพิ่งมาถึงกันเมื่อเช้า” วงศกรตอบ
“ถ้างั้นเชิญคุณทั้งสองพักที่นี่ จะพักกี่วันก็ได้ ถือว่าผมให้ของขวัญเป็นที่พักสำหรับการมาฮันนีมูนกัน” การันต์เลือกจะต่อบทสนทนากับชายหนุ่มวัยอ่อนเยาว์กว่า ท่าทางของเขาดูสุภาพ จนน่าตะขิดตะขวงใจ “คุณทั้งสองเพิ่งจะแต่งงานกันใช่ไหมครับ เพราะเท่าที่ผมทราบ เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว คุณฉลองขวัญยังเป็นโสด”
“ขอบคุณมากครับ” วงศกรตอบ ส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ทว่าไม่ช่วยแถลง คลี่คลายความสงสัยของเขา
ส่วนอีกคนไร้คำชี้แจงยังไม่พอ หล่อนยังกล้าดีอีก
“นี่มันบ้านฉัน ทำไมต้องให้คุณเชิญ ฉันไม่ได้มาพัก แต่ฉันจะมาอยู่ อยู่ไปจนกว่าคุณจะคืนมันให้ฉัน” หยุดพูด ก่อนหรี่ตาจับผิด “ฉันว่า...”
การันต์ผงะ ทันทีฉลองขวัญเดินเข้ามาใกล้จนเกือบชิด เขาแพ้กลิ่นน้ำหอม โดยเฉพาะกลิ่นที่หล่อนใช้ตอนนี้ มันเหม็นอึนจนรู้สึกวิงเวียน
“ดูคุณจะรู้เรื่องฉันมากกว่าที่ฉันคิด” ยิ้มมุมปากเยาะหยันหญิงสาวพลิกตัวกลับ ก้าวเดินห่าง ดูเหมือนหล่อนจะไม่ทันได้สังเกตความผิดปกติของเขา
...ช่างดีเหลือเกิน ชายหนุ่มลอบระบายลมหายใจโล่ง
“ช่างเถอะ...ฉันไม่สนหรอกว่าคุณจะรู้จักฉันมากน้อยแค่ไหน” หยุดฝีเท้าแล้วก็พลิกตัวเร็วกลับมาประจันหน้าอีก
“เอาเป็นว่าฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่วันนี้ รบกวนบอกคนของคุณให้จัดห้องให้ฉันกับกรด้วย” พูดจบฉลองขวัญเดินไปยังรูปถ่ายของคุณอาคมกับคุณนงคราญ อึดใจต่อจากนั้น มือเรียวยาวของหล่อนหยิบมันขึ้นมา “รูปนี้ฉันจะเอาไปไว้ห้องนอนฉัน คิดว่าคุณคงไม่มีปัญหาอะไร”
การันต์นิ่งเงียบแทนคำตอบ ก็แค่รอดูว่าหล่อนจะกล่าวอะไรต่อ
“แต่ถึงคุณจะมีปัญหา” หล่อนยักไหล่ “ฉันก็ไม่สน รูปตากับยายของฉัน มันเป็นสิทธิ์ของฉัน”
เรียกร้องสิทธิ์เหลือเกินนะแม่คุณ ชายหนุ่มเริ่มจะอดรนทนไม่ไหว คิดนึกอย่างหมั่นไส้แกมมันเขี้ยว หากฉลองขวัญรู้ว่ายังมีสิทธิ์อีกอย่างหนึ่ง หล่อนจะเรียกร้องมันไหม ละสายตาจากเรือนร่างชวนเหลียวหลัง มองไปยังอีกบุรุษพลันใจหน่วง คนได้ชื่อว่าเป็นสามีกำลังลุกขึ้นยืน ขณะหญิงสาวก้าวเท้าไปหา
“กรเรารีบไปเอากระเป๋ากันเถอะ” เรียวปากอิ่มขยับ จังหวะสายตาเย่อหยิ่งปรายมาทางเขา “เดี๋ยวใครบางคนจะเอามันไปโยนทิ้งนอกบ้าน”
อีกฝ่ายจูงมือวงศกรตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง แต่มีหรือชายหนุ่มจะปล่อยผ่านง่าย ๆ
“คงไม่มีใครเขาทำอย่างที่คุณคิดหรอกครับ คนบ้านนี้เขารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร”
“ดีค่ะ ฉันก็หวังว่าคนบ้านนี้เขาจะรู้จริง ๆ ว่าอะไรควรไม่ควร”
“เชิญคุณสองคนรออยู่ที่นี่สักครู่ ผมจะไปบอกเด็กให้จัดห้องให้คุณสองคน แล้วให้นำกระเป๋ามาให้ด้วย คุณสองคนจะได้ไม่ลำบาก” เดินไปยังกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าทางเข้าออก หากยังไม่ทันได้ก้าวผ่านพ้นธรณีประตูจำต้องหยุดชะงักฝีเท้าตนเองเหตุมีเสียงไล่หลังมา
“หวังว่าคุณคงไม่ให้ฉันเข้าไปอยู่ในห้องรับแขกหรอกนะ...คุณการันต์ พฤกษ์ชัย”
ชื่อของเขา หล่อนใช้เสียงหนักเสียจนอยากให้เน้นชื่อเขาทุกครั้งเวลาเอ่ยไปให้ตลอดเหลือเกิน… เหยียดยิ้ม ก่อนจะพลิกตัวเดินย้อนไปหา หยุดยืนตรงหน้าของหญิงสาว จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีนิล แววตานั้นไหววูบแค่เพียงนิด จากนั้นกลับมาแข็งกร้าว ดื้อรั้น ถือดีดังเดิม
ริมฝีปากหยักหนาขยับขึ้นลง “ผมคงไม่ปล่อยให้คนที่ประกาศตัวว่าเป็นลูกสาวคุณนวลปราง แต่แม้กระทั่งจะอยู่เก็บอัฐิของแม่ยังไม่ทำ ต้องไปนอนห้องรับแขกหรอกครับ”
ความคิดเห็น