ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหมือน(ไม่)​รัก

    ลำดับตอนที่ #3 : โดนดัดหลัง : ครึ่งจบ

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 62



    บทที่ 1 ครึ่งจบ มาเสิร์ฟรัว ๆ ขณะยังมีต้นฉบับอยู่ในมือ จะพยายามสม่ำเสมอ อ่านให้สนุกนะคะ ❤️❤️❤️❤️❤️


    ผักผลไม้บนแผง บริเวณทางเข้าตลาดพรประภาจากด้านหลังเริ่มโหรงเหรงแล้วเมื่อเดินมาถึง หญิงสาวยิ้มร่า ทักคนโน้นคนนั้นอย่างสนิทสนม ทว่าไม่ได้อุดหนุน ด้วยของจำพวกนี้บางชนิดบางอย่าง​คนรับหน้าที่ คือป้าคำจันที่มาจ่ายตลาดทุกเช้าตรู่กับลุงอินทาผู้เป็นสามี

    จริง ๆ ตั้งใจจะมากับทั้งคู่ แต่เจ้าแฝดสองคนก่อปัญหา ตื่นแล้วก็ไม่ยอมอาบน้ำแต่งตัว วิ่งคึกวนปร๋อไปทั่วห้อง ราวกับสุนัขประสบอุบัติเหตุเพิ่งใช้วีลแชร์ครั้งแรก จนหล่อนเวียนหัวจะเป็นลมเอาดื้อ ๆ

    พอจับอาบน้ำได้ ทั้งคู่ยังแผลงฤทธิ์ไม่เลิก ภายในห้องน้ำระเนระนาดไปหมด

    ยิ่งตอนใส่เสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึง แทบรากเลือดทีเดียว

    จนเสร็จพร้อมกันหมด หล่อนจูงแฝดแสบซ่าซ้ายขวาออกมาหน้าเรือนใหญ่ไม่ทันได้ผ่อนลมหายใจ ก็ต้องวิ่งทุลักทุเลตะโกนโหวกเหวก

    ทว่าไม่เป็นผลอะไร ไฟท้ายรถสองดวงถูกความมืดกลืนกินในเวลาต่อมา

    บุปผชาติล้มเลิกแผนพาลูกซื้อเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับเด็กไปแล้ว แต่เมื่อชุดสวมใส่ของขยลกับฑิฆัมพร​เปรอะเปื้อนจนตั้งเปลี่ยนรอบที่สี่ หล่อนก็กรี๊ดลั่น มวลหมู่นกสะดุ้งบินหนีพึ่บพั่บทีเดียว

    ตู้ทั้งตู้ ไม่มีแม้สักชุด แม่เอาอะไรให้ลูกหล่อนกิน คนในไร่ก็ด้วย หญิงสาวพาแฝดแสบซ่าตรงไปลานจอดรถ หากคำตอบที่ได้คือ กุญแจต้องไปเอาจากนายแม่

    นายแม่ของทุกคนไม่มีทางให้หล่อนรู้ จึงพาลูกไปหาโจ๋จ๋า ทำความตกลงกันเรียบร้อย บุปผชาติกลับขึ้นเรือน หยิบผ้าทำจากเส้นใยพิเศษ หนาทนทาน น้ำหนักเบา ออกมาจากลิ้นชักสองผืน ทว่าเมื่อย้อนไปที่คอกม้าก็พบว่า ยายของขยลกับฑิฆัมพรยืนจังก้าเท้าสะเอวหน้าโมโหสุดขีดอยู่

    “นึกว่าพี่ดอกไม้จะไม่มาเสียแล้ว” สารภียิ้มหวาน ไม่แต่เพียงเดินนวยนาดพาร่างออกมาหน้าแผงเสื้อผ้าของหล่อน หากยังหอบเอากลิ่นกุหลาบหวานละมุนรวยรื่นมาเตะจมูกของบุปผชาติด้วย “เห็นป้าคำจันกับลุงอินทาบอกว่าพี่ดอกไม้ไม่ตื่น”

    นั่นให้มันได้อย่างนั้น ทั้งแม่ทั้งคนของแม่ขายหล่อนตลอด ขายเรื่องจริงไม่ว่า ขายเรื่องมโนนี่สิ

    “ใครว่าไม่ตื่น พี่ตื่นตั้งแต่ตีสี่ แต่เจ้าแฝดน่ะสิ”

    “อย่างนี้แหละพี่ เด็กน่ะ กำลังซน แล้วยิ่งพี่มีลูกแฝดด้วย”

    “ไม่ได้ซนธรรมดาน่ะสิ ซนนรก” หลุดคำไม่ควร ยกมือปิดปากหันซ้ายขวา เห็นเหล่าบรรดาแม่ค้าเงี่ยหูตั้งใจฟังหล่อนลดมือลง “ถ้าใครเอาคำของหนูเมื่อกี้ไปฟ้องนายแม่ หนูจะไม่มาอุดหนุนใครอีก”

    “วุ้ยคุณดอกไม้ ใครจะฟ้องนายแม่ได้ทุกช็อต มันก็ต้องมีหลุดกันบ้างหรอกหน่า ใช่ไหมพวกเรา”

    “ใช่​ ๆ” ผู้ทำมาขายที่ไม่อยากสูญเสียลูกค้าคนสำคัญ พยักหน้ายกทีมสนับสนุนคำของหญิงวัยกลางคนอวบ นมใหญ่ สะโพกใหญ่

    “น่ารักมาก” บุปผชาติยิ้มหวาน “รางวัล หยิบของคนละชิ้นใส่ถุงกระดาษให้หนูเลย”

    ไม่รีรอ พวกเขาต่างกระวีกระะวาด ขณะหล่อนหันกลับไปคุยด้วยกับสารภี

    “ไหนล่ะเสื้อผ้าเด็กที่บอกว่ามาใหม่”

    “อยู่นี่จ้ะพี่ดอกไม้” แม่ค้าหุ่นเนื้อนมไข่เดินกลับเข้าหลังแผง แหวกม่านเสื้อผ้าที่แขวนโชว์ไล่ระดับจากเพดานลงมาจนเกือบจะระพื้น ก่อนจะก้มตัวโก้งโค้งรื้อหาสินค้านำเสนอ

    เห็นบั้นท้ายได้รูปสวยเต่งตึง คุณแม่ลูกแฝดไม่พลาดผิวปากวีดวิ้ว ทันทีทันใจบรรดาแม่ค้าต่างหัวเราะร่วน ส่วนเจ้าตัวโดนแซวเขินอายย่อเข่าหนีบขาต่อว่า

    “พี่ดอกไม้อ่ะ”

    “ก็ก้นสารภีสวย”

    “สวยก็ไม่เห็นต้องแซวกันเลยนี่จ๊ะ” เสียงเล็กเสียงน้อยน่ารัก สารภียกตัวยืนค่อมหลังเล็กน้อย ก่อนจะพลิกตัวกลับมาพร้อมด้วยลังกระดาษในมือ “นี่จ้ะหนูสั่งที่มันเป็นเซ็ตเด็กแฝดชายหญิงให้พี่โดยเฉพาะเลยจ้ะ พี่เลือกดูเลย ใส่ไม่ได้เอามาเปลี่ยนได้

    รับลังกระดาษสีน้ำตาล ที่มีชุดเด็กบรรจุเรียงเรียบร้อยอยู่ครึ่งค่อนมาจากมือสารภีแล้ว หล่อนตั้งอกตั้งใจเลือก ขมวดคิ้วยุ่ง ไม่แน่ใจในขนาดนิดหน่อย ทว่าท้ายสุดเหมาทั้งหมดที่มี สารภีเองก็ใจดีให้เป็นของแถมสองชุด

    ชำระเงินกระเป๋าพร่อง หญิงสาวบอกให้คนมีอาชีพรับจ้างขน นำของที่ซื้อทั้งหมดไปส่งให้มานพ ส่วนหล่อนเดินตัวปลิว ตรงเข้าร้านเครื่องเขียนสองคูหาติดกัน​ตั้งอยู่ริมถนน ฝั่งตรงข้ามทางเข้าตลาดพรประภาด้านหน้า

    “วังนี้ลื้อจะมาซื้ออาลายให้แฝกสองคงอ่ะอาหลอกไม้”

    “ดอกไม้อาม่า ไม่ใช่หลอกไม้” บุปผชาติแย้ง ทั้งรู้ดีว่าอาม่าเจ้าของร้านเครื่องเขียนใหญ่แห่งอำเภอสมมุติ ที่นั่งโน้มตัว วางศอกทั้งสองข้างมือประสานกันบนโต๊ะไม้แผ่นเดียวความสูงประมาณหนึ่งร้อยสิบเซนติเมตร คอยต้อนรับลูกค้า ไม่มีวันเรียกชื่อหล่อนถูก

    “เออ ๆ” หญิงชราเชื้อสายจีนพยักหน้ารัว ๆ “หลอกไม้ หลอกไม้ ลื้อจะซื้ออาลายล่ะ”

    ส่ายหน้าแล้วก็ล้วงกระดาษจดรายการออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้อีกฝ่าย ด้วยว่าร้านนี้ห้ามรื้อห้ามเลือก ทว่ารูปแบบ คุณภาพสินค้าไม่มีคำว่าผิดหวัง “นี่จ้ะ”

    หญิงชราผมขาวโพลนทั้งศีรษะ ดูสะอาดสะอ้านอยู่เป็นนิจ ยื่นมือข้างหนึ่งรับ ก่อนจะสวมแว่นสายตาที่มีสายโซ่เงินเส้นเล็ก ๆ คล้องคอ อ่านเสร็จร่างผอมบางเอี้ยวตัวเรียกลูกจ้าง “อาหยู มาเอาบายรายกางไปจักของให้คุงหลอกไม้”

    สั่งความเสร็จ เจ้าของร้านหันกลับมามองหล่อนลอดแว่น “จ่ายตังเลยมั้ยอาหลอกไม้”

    บุปผชาติพยักหน้า จากนั้นล้วงปึกเงินในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง “บอกให้อาหยูเอาของไปส่งให้จ่ามานพตรงป้อม ทางเข้าตลาดด้านหลังนะอาม่า”

    “ล่าย ๆ”

    เสร็จจากร้านเครื่องเขียนบุปผชาติตะเวนซื้อของจำเป็นต่อ รวมทั้งของเล่นชิ้นใหม่ให้ลูกด้วย ต่อเมื่อกลับไปยังจุดนัด ก็พบว่าคนรับงานจากแม่ของหล่อนหายไปเสียแล้ว

    ขณะหันซ้ายแลขวา เผื่อไม่จริงอย่างลางสังหรณ์ ชายอ้วนเตี้ยในชุดกางเกงสแลคสีดำกลางเก่ากลางใหม่ เชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า มีกระเป๋าสะพายหนักอึ้งติดตัวเป็นประจำ เดินอุ้ยอ้ายตรงมาทางหล่อน

    “จ่ามานพบอกว่า” ไม่มีคำว่าพูดพร่ำทำเพลง คนคอยเก็บค่าเช่าแผงในตลาดทำหน้าที่ผู้ส่งสารที่ดีทันที “นายแม่ให้เอาแต่ของไปส่ง ส่วนคุณดอกไม้ก็ว่าจ้างรถรับจ้างเอา”

    “อะไรนะ”

    “จ่ามานพบอกว่า นายแม่ว่าคุณดอกไม้ซื้อของไม่ประมาณตัว”

    “อะไรนะ”

    “จ่ามานพบอกว่า นายแม่ว่าถ้าคุณดอกไม้มีปัญหา...”

    “พอ ๆ” หญิงสาวโบกมือห้ามระรัว ก่อนจะหันไปทางจุดจอดรถรับจ้าง “ไหนล่ะ รถรับจ้าง”

    “อ่อ สงสัยไปกินข้าวกันหมด”

    เหลือบมองคนพูดเสียงคีย์เดียวขุ่นขวาง บุปผชาติยกมือปาดเหงื่อ ก่อนจะกระทืบเท้าเดินไปบนถนน

    เป็นคราวซวยหรือเพราะแม่ ตลอดทางย่ำเท้ามาตั้งไกลไม่มีรถให้โบกเลย จนเลือกจะปรับเปลี่ยนอารมณ์เซ็ง ๆ ให้กลายเป็นรื่นเริง

    เริ่มด้วยฮัมเพลง ต่อด้วยเขย่งก้าวกระโดดออกอาการลัลล้า หล่อนคงจะบ้าไปแล้ว แต่ก็ยังดีกว่าตกเป็นทาสอารมณ์ทะมึนดำไม่ใช่หรือ แต่ขอจัดชุดใหญ่หน่อย

    กำหมัดยกสองมือแนบอก งอตัว ก้มหัว ซอยเท้าถี่อยู่กับที่ เปล่งเสียงกรี๊ดลั่น ให้นก​ ให้กา​ ให้จิ้งเหลน​ ให้งูเห่าในรู​ ให้วัวให้ควายกำลังเคี้ยวเอื้อง​ ให้ต้นไม้ใบหญ้า​ สายลมแผ่ว​ ดวงอาทิตย์​ส่องจ้า​ มวลเมฆน้อยลอยล่องสะดุ้งโหยงเล่น​ แล้วก็กลับคืนสภาพปกติ “ฟู่”

    ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากพร้อมทั้งหายใจหอบ ขณะตามองทิวเขาเห็นอยู่ไกล ๆ

    ไม่ทันมืดหรอก หล่อนจะถึงบ้าน อะไร ๆ ในชีวิตแต่ก่อนเลวร้ายกว่าเยอะยังผ่านมาได้ แค่นี้จิ๊บ ๆ

    ตบปัดมือแรง ๆ ราวกับจะขจัดสิ่งชั่วร้ายไกลออกจากตัว คุณแม่ลูกแฝดสูดลมหายใจลึกเรียกขวัญกำลังใจ ก้าวเดินต่อด้วยท่วงท่านักกีฬาเดินทน จวบจนกระทั่ง

    เอ๊ะ เอ๊ะ ชะเง้อ ชะง้า โยกตัวซ้ายขวา ความเร็วฝีเท้าลดลง 

    ยิ่งเข้าใกล้ คิ้วยิ่งขมวดเข้าหากัน เสียงดนตรีในหัวใจเริ่มบรรเลงจังหวะเร่งเร้า ครั้นชักแน่ใจในความคิด ดวงตาเบิ่งกว้างสดใสมีชีวิตชีวา จากนั้นเรียกได้ว่าหล่อนปรี่เข้าหาผู้ชายทีเดียว




    ❤️❤️❤️❤️❤️






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×