“อาเทียน่า บุตรสาวตระกูลมาร์ติอาร์ นางได้ดระทำการคบชู้ ซึ่งเป็นการทำให้เสื่อมเสียเกียรติต่อวงค์ตระกูล และยังคิดทำการลอบสังหารคนรักของบุตรชายจากตระกูล 1 ใน 3 ของผู้ร่วมก่อตั้งอาณาแห่งนี้โทษของนางคือประหาร!!”
“ประหารเลย!! ประหารหญิงสารเลวคนนั้นซะ!!” เสียงคำด่าทอดังก่องกังวานไปทั่วลานแห่งนี้
“เจ้าจะยอมรับข้อกล่าวหานี้หรือไม่”
“ข้า...ไม่ได้...ทำ”
“มาขนาดนี้แล้วเจ้ายังคิดปฏิเสธอีกงั้นรึเทีย” อ่า...เสียงของดักค์ลาสข้าเคยหลงกับเสียงที่เย็นชาเพียงนี้ได้อย่างไรน่าขันเสียจริงดูสายตาของหญิงที่เจ้ารักนักรักหนามองมาที่ข้าสิ นางกำลังหัวเราะที่ข้ากำลังถูกฆ่าสินะ น่ารังเกียจเสียจริงนังผู้หญิงชั้นต่ำ
“ฮ่าๆๆ” ข้าเคยรักคนแบบนี้หมดหัวใจได้ยังไงนี่ข้าคงเสียสติไปแล้วสินะข้ามันโง่เสียจริง ถ้าข้าเชื่อฟรอสคงไม่เป็นแบบนี้ ทำไมล่ะ ความรักของข้าไม่มีค่าสินะมันถึงทำให้เจ้าอยากกำจัดข้า พระเจ้าทำไมท่านถึงลงโทษข้าเช่นนี้ ท่านไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอ ขอเพียงโอกาสอีกครั้ง แค่ครั้งเดียว ข้าจะไม่เดินเส้นทางนี้อีกเด็ดขาด!!!
“เจ้าหัวเราะอะไรกัน!! เสียสติไปแล้วอย่างงั้นหรอเทีย!!”
“หญิงต่ำเยี่ยงนางต้องคู่กับคนที่โง่เง่าเช่นเจ้าสิถึงจะเหมาะสม” โกรธอีกสิ เจ็บปวดอีกสิ เจ็บปวดให้เท่ากับข้า
“ประหารนางซะจะรอให้นางพล่ามไปถึงเมื่อไร” เหล่าทหารพากันวิ่งเข้ามาจับตัวข้า ให้คุกเข่าลงอย่างเร่งรีบข้าคงมาได้แค่นี้สินะ น่าสมเพชเสียจริง แต่แล้วเมื่อข้าเงยหน้าข้าก็เห็นเขาอยู่ตรงหน้าข้า
“ดูแลตัวเองด้วยนะ...” เสียงของข้าช่างแผ่วเบาแต่ข้าคิดว่ามันคงส่งไปถึงเจ้านะ เจ้าน่ะมาถูกที่ถูกเวลาเสมอเลยนะ เร็น...
“อาเทียน่า บุตรสาวตระกูลมาร์ติอาร์ นางได้ดระทำการคบชู้ ซึ่งเป็นการทำให้เสื่อมเสียเกียรติต่อ
วงค์ตระกูล และยังคิดทำการลอบสังหารคนรักของบุตรชายจากตระกูล 1 ใน 3 ของผู้ร่วมก่อตั้งอาณาแห่งนี้โทษของนางคือประหาร!!”
“ประหารเลย!! ประหารหญิงสารเลวคนนั้นซะ!!” เสียงคำด่าทอดังก่องกังวานไปทั่วลานแห่งนี้
“เจ้าจะยอมรับข้อกล่าวหานี้หรือไม่”
“ข้า...ไม่ได้...ทำ” เสียงของข้ามันอ่อนล้าเหลือเกิน
“มาขนาดนี้แล้วเจ้ายังคิดปฏิเสธอีกงั้นรึเทีย” อ่า...เสียงของดักค์ลาสข้าเคยหลงกับเสียงที่เย็นชาเพียงนี้ได้อย่างไรน่าขันเสียจริงดูสายตาของหญิงที่เจ้ารักนักรักหนามองมาที่ข้าสิ นางกำลังหัวเราะที่ข้ากำลังถูกฆ่าสินะ
น่ารังเกียจเสียจริงนังผู้หญิงชั้นต่ำ
“ฮ่าๆๆ” ข้าเคยรักคนแบบนี้หมดหัวใจได้ยังไงนี่ข้าคงเสียสติไปแล้วสินะข้ามันโง่เสียจริง ความรักของข้าไม่มีค่าสินะมันถึงทำให้เจ้าอยากกำจัดข้า พระเจ้าทำไมท่านถึงลงโทษข้าเช่นนี้ ท่านไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอ ขอเพียงโอกาสอีกครั้ง แค่ครั้งเดียว
“เจ้าหัวเราะอะไรกัน!! เสียสติไปแล้วอย่างงั้นหรอเทียร์!!”
“หญิงต่ำเยี่ยงนางต้องคู่กับคนที่โง่เง่าเช่นเจ้าสิถึงจะเหมาะสม” โกรธอีกสิ เจ็บปวดอีกสิ เจ็บให้มากกว่าที่ข้าเจ็บ ทรมาณมากกว่าที่ข้าเป็น “เจ้า!! ประหารนางซะจะรอให้นางพล่ามไปถึงเมื่อไร!!” เหล่าทหารพากันวิ่งเข้ามาจับตัวข้า ให้คุกเข่าลงอย่างรีบร้อน ข้าคงมาได้แค่นี้สินะ น่าสมเพชเสียจริง แต่แล้วเมื่อข้าเงยหน้าขึ้น
ข้าก็เห็นเขาอยู่ตรงหน้าข้า
“ดูแลตัวเองด้วยนะ...” เสียงของข้าช่างแผ่วเบาแต่ข้าหวังว่ามันคงส่งไปถึงเจ้านะ เจ้าน่ะมาถูกที่ถูกเวลาเสมอเลยนะ เร็น...
“เฮือก!!!” ตุบ! เสียงของบางอย่างหล่นลงพื้น ที่นี่มันที่ไหนกัน ข้าอยู่ที่ไหน ข้าไม่ได้ตายไปแล้วหรือ
“เทียร์...เจ้าเป็นอะไรไป” นั่นดักค์ลาส?...ได้ไง! เขามาอยู่ตรงนี้ได้ไง?! แล้วทำไมข้าถึงใส่ชุดนักเรียน
ปีสาม? หมายความว่ายังไง? เกิดอะไรขึ้น? ปวดหัว…
“เทียร์...” เพี๊ยะ! “อย่ามาแตะต้องตัวข้า!...อึก!” อยู่ ๆ ภาพก็แล่นเข้ามาในหัวข้าให้ความรู้สึกเหมือน
จริงมาก เหมือนจนรู้อยากอาเจียน…
“ข้า...ข้าขอตัวก่อน” ไม่เคยรู้สึกหายใจลำบากขนาดนี้มาก่อนเลย มึนหัวจัง..
“เจ้าเป็นอะไรไปเทียร์…” น้ำเสียงที่ติดหงุดหงิดของเขาฟังแล้วรู้สึกรำคาญสุดๆเลย
“ข้าแค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ข้าขอตัว” ข้าต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ขยะแขยงที่สุดที่ ที่มือนั่น
จะมาสัมผัสตัวข้า มือนั่นที่สั่งประหาร มือที่ทำให้ตัวข้าต้องพบกับจุดจบ…
หลังจากที่เทียร์ปัดมือดักค์ลาส เทียร์ก็วิ่งออกไปพร้อมกับใบหน้าที่ซีดกว่าปกติ นางดูหวาดกลัวสับสนเมื่อเทียร์เดินออกมาได้สักพัก นางก็หยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ใบปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง และนางเจอม้านั่ง สีขาวตัวหนึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ นางจึงตัดสินใจไปนั่งพักสักครู่เพื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น นางสับสนว่าเรื่องราวเหล่านี้คืออะไร มันคือความฝัน อนาคต หรืออดีตกันแน่
“เฮ้อ” ถ้าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือเหตุการณ์จริง หมายความว่าคำขอของข้าเป็นจริง พระเจ้าได้ให้โอกาสกับข้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าต้องเปลี่ยนมัน โชคชะตาที่บิดเบี้ยวนั่น ข้าจะทำลายอนาคตนั่นเอง! จากที่ข้าเห็นตอนนั้นข้าน่าจะอายุ 20 หมายความว่าตอนนี้ข้าอายุ 18 ข้าคิดว่าเหลือคงเวลาอีก 2 ปีที่จะเปลี่ยนมัน ข้าต้องตีตัวออกห่างจากดักค์ลาส และกำจัดนังผู้หญิงชั้นต่ำนั่นให้พ้น ๆ ทาง
“เจ้ากำลังทำหน้าเหมือนจะไปฆ่าใครเลยนะ”
“ว้ายยย!?” ข้ารีบยกมือขึ้นมาปิดหู ใครกันบังอาจมากระซิบข้างหูข้า แล้วเข้ามาใกล้ข้าโดยที่ข้าไม่รู้สึกตัวได้อย่างไร ข้ารีบเงยหน้าขึ้น “เร็นอย่างงั้นหรือ!? เร็นใช่ไหม?” ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย…
“ก็ต้องเป็นข้าน่ะสิ ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร” เขาพูดติดตลก
“ว่าแต่เจ้าเถอะ ทำไมทำหน้าเช่นนั้นละ ไม่น่ารักเลย”
“น่ารักอย่างนั้นหรอ..” ตึกตัก ๆ “เจ้ามันบ้า” ข้าบ่นอุบอิบเบา ๆ
“เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เขาลงมานั่งข้าง ๆ ข้าอย่างถือวิสาสะ ข้าควรจะต่อว่าเขาแท้ๆ แต่ทำไมดวงตาคู่นั้นสะกดให้ข้าจ้องมองและไม่อาจละสายตาไปได้เลย มันทำให้ข้ารู้สึกปลอดภัย…
“ก็แค่คิดว่าข้าไม่ได้รักดักค์ลาสแล้ว”
“นี่หัวเจ้าไปกระแทกอะไรมา” เขาดูไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดเลย
“ไม่เชื่อข้าอย่างงั้นหรอ” ข้าจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น ข้าสัมผัสได้ว่ามันวูบไหวเบาๆ
“ข้าเชื่อทุกอย่างที่เจ้าพูดอยู่แล้วไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร แล้วทำไมถึงเลิกรักละ”
“ข้าเห็นว่าช่วงนี้มีสามัญชนมาวนเวียนใกล้ๆดักค์ลาส แล้วดักค์ลาสดูจะถูกใจไม่ใช่น้อย ดังนั้นข้าเลยคิดว่าดักค์ลาสคงชอบของไม่มีราคามากกว่าข้าที่เเม้แต่เงินทองมหาศาลก็ซื้อข้าไม่ได้”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีนิสัยเช่นนี้อยู่นะ อ้าว! ถ้าอย่างนั้นงานเต้นรำที่จะถึงนี้ เจ้าจะคู่กับใครล่ะ?”
“ข้าก็เลือกใครสักคนที่อยู่ในงานยังไงก็คงมีชายที่ตายถึง ให้ข้าเลือกมากมาย” ข้าตอบด้วยเสียงเรียบ
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็คู่กับข้าสิ” คู่กับเร็นหรอ? เขาพูดอะไรของเขากัน เขากำลังทำให้หัวใจของข้าเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าข้าร้อนไปหมด อากาศยังดีๆอยู่เลยจนถึงเมื่อครู่
“เจ้าพูดอะไรออกมาเจ้ารู้ตัวบ้างไหม!!” ข้าถามพร้อมกับใบหน้าอันแดงก่ำ
“หึ เจ้าตอนเขินน่ารักมาเลยรู้ไหม”
“หยุดแกล้งนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะไปแล้วนะ” ข้าอยากจะหนีไปจากตรงนี้เสียจริงเลย!
“แต่เจ้ายังไม่ได้ให้คำตอบข้าเลยนะว่าจะเป็นคู่เต้นรำกับข้าไหม” เขาคะยั้นคะยอไม่หยุด
“ก็ได้ เพราะว่าตอนนี้ข้าไม่มีคู่เต้นรำหรอกนะ” ใช่!เป็นเพราะว่าข้าไม่มีคู่เลยจำเป็นต้องคู่กับเร็นก็เท่านั้นเองอย่าคิดมากสิใจข้า แล้วเขายิ้มอะไรกันไม่ดีต่อหัวใจข้าเลย
วันงานเต้นรำ
วันนี้แล้วสินะ ตั้งแต่วันนั้นข้าก็หลบหน้าเร็นมาตลอดเลย ข้าไม่สามารถสู้หน้าเขาได้เลย แถมพอสาวใช้ข้ารู้ว่าจะได้เต้นรำกับเร็นก็พากันตื่นเต้นและจับข้าอาบน้ำแต่งตัวตั้งหลายชั่วโมง
“เทียร์! ทางนี้!” แค่ได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าเป็นใคร
“เจ้าเข้ามาในงานนานแล้วหรือ” ข้าหยุดยิ้มไม่ได้เลย
“ข้าเข้ามารอเจ้าน่ะ กลัวว่าเจ้ามาก่อนแล้วจะรอนาน”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมารอข้าเลย” ข้าแสดงสีหน้าความเป็นห่วงแม้ในใจจะแอบดีใจก็ตาม
“เพื่อเจ้าแล้วข้าสามารถทำได้ทุกอย่างนะ” น้ำเสียงที่แสดงถึงความจริงจัง มันทำให้ข้าไม่อาจหยุดยิ้มได้
“ข้าก็อยากจะมีใครสักคนที่สามารถทำทุกอย่างให้ข้าตลอดบ้างจังเลยเจ้าค่ะ”เสียงน่ารำคาญนี้มันเสียงของผู้หญิงชั้นต่ำสินะ “สวัสดีค่ะ ข้าชื่อคาร่าเป็นคู่เต้นรำของท่านดักค์ลาสเจ้าค่ะ”
“ ข้าวอเร็น” ข้าไม่เข้าใจว่าเขาจะตอบนังผู้หญิงชั้นต่ำนี่ทำไมกัน
“ข้าไม่เข้าใจว่าทหารปล่อยให้ผู้หญิงช่นเจ้าเข้ามาในงานได้”คิดว่าจะมาเทียบชั้นกับข้าได้อย่างงั้นหรือ
“อึก..หากข้าทำอะไรไม่เป็นที่พอใจของท่านเทียร์ละก็ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้าแค่ต้องการสนิทกับท่านเพียงเท่านั้น” นี่เจ้ากำลังใช้มารยาใส่ข้าอยู่อย่างงั้นหรือ
“ข้าว่าคำพูดพล่อย ๆ แบบนี้ไม่ควรออกจากปากของเจ้านะเทียร์” ดักค์ลาส..
“ทำไมเทียร์จะพูดไม่ได้ละครับ? เทียร์พูดผิดตรงไหนกันครับ? ข้าคิดว่าไม่ควรมีผู้หญิงที่แย่งคู่หมั้นคนอื่นอยู่ในงานนะครับ” เร็นถามขึ้น
“ปากกล้าเสียจริงนะ!!” ดักค์ลาสตหวาดขึ้น
“ข้าทำอะไรผิดไปมากมายหรือเจ้าคะ ทำไมทั้งสองท่านจึงดูเกลียดชังข้านัก ฮึก!”น้ำตาที่เริ่มคลอ
ของนางช่างปลอมเสียจริง แล้วยังท่าทีที่ไปซบอกนั่นคืออะไรเรียกร้องความสนใจงั้นหรือ
“คาร่าเข้ามาในงานในฐานะคู่เต้นรำของข้าพวก เจ้าไม่มิสิทธิ์พูดเช่นนี้” ทำไมเขาถึงดูไม่ออกนะว่าทั้งหมดมันคือมารยา โง่เง่าเสียจริง
“ข้าควรต่อว่าเจ้ามากว่าสินะดักค์ลาส เป็นคู่หมั้นของข้าแท้ ๆ แต่เจ้ากลับ” ข้าพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่ดังพอที่จะทำให้คนรอบข้างหันมาสนใจได้
“เจ้าจงถอนคำพูดของเจ้าซะเทียร์!” เขาพูดด้วยเสียงที่โกรธ นี่แหละที่ข้าต้องการ
“อย่าทะเลาะกันเพราะข้าเลยเจ้าคะ ถ้าหากท่านเทียร์ไม่พอใจข้าจะออกไปเองเจ้าค่ะ”
“เจ้าก็รู้ตัวดีนี่” “เทียร์!! เจ้าควรหยุดคำพูดน่ารังเกียจนั่นซะ” เพี๊ยะ! เสียงตบหน้าเสียงเพลงในงานหยุดและคนทั้งงานหยุดและจ้องมองมาที่พวกเรา
“อย่าทำร้ายท่านดักค์ลาสนะคะ ทำข้าแทนเถอะเจ้าค่ะ” นังผู้หญิงชั้นต่ำเดินมาข้างหน้าข้า
“ได้สิ” เพี๊ยะ! เสียงตบหน้าดังขึ้น เสียงฮือฮาดังทั่วทั้งงาน พวกเขาเหล่านั้นกำลังนินทาอย่างออกรส
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ ข้ารักเจ้ามาตลอดดักค์ลาสข้าทำทุกอย่างเพื่อเจ้า ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเจ้า
แต่เจ้าหลับไปหลงผู้หญิงมารยานั่น ผู้ที่หวังเพียงแค่สมบัติขอเจ้า เดี๋ยวนางจะทิ้งเจ้าไปเมื่อนางเจอคนที่ดีกว่า
จำคำข้าไว้ดักค์ลาส แล้วก็เอาแหวนหมั้นของเจ้าคืนไปด้วย” เคร้ง! ข้าปาแหวนลงที่พื้นก่อนจะเดินออกมาเร็นตามมาติด ๆ
“เจ็บมือไหมเทียร์” เขา ลูบมือนางเบา ๆ ความอ่อนโยนถูกส่งออกมาทำให้ความรู้สึกแย่ ๆ หายไปหมดเหลือเพียงแต่ความอบอุ่นที่เกิดขึ้นเท่านั้น อึกน้ำตาค่อย ๆไหลลงมา มือใหญ่คว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอด ทำให้ทุกอย่างดูปลอดภัย คำปลอบถูกพูดออกมาเรื่อย ๆ
“ข้าชอบตอนเจ้ายิ้มมากกว่านะเทียร์เห็นเจ้าร้องไห้ใจข้าไม่ดีเลย” เร็นยกมือขึ้นปิดปาก
“หมายความว่ายังไง?” นางเอียงคออย่างสงสัย แต่นางลืมไปรึเปล่าว่านางยังกอดเขาเเน่นอยู่ ริมฝีปากของเร็วจูบลงที่หน้าผากของหญิงสาว
“เร็น!!ทำอะไรเนี่ย” หญิงสาวพยายามดิ้นหนี
“ให้รางวัลเด็กน้อยที่หยุดร้องไห้ยังไงละ” นางผละออกจากกอดแต่ก็ถูกกอดแน่นมากกว่าเดิม
“ปล่อยข้านะ เร็น!!”
“เจ้าเขินข้ายิ่งมีอารมณ์นะเป็นภรรยาข้าเถอะนะ” นางเพียงก้มหน้าแต่กับยังคงกอดเขาอยู่แบบนั้น
“ข้าจะคิดว่าเจ้ามีใจให้ข้านะเทียร์”
“อือ” เพียงคำตอบสั้นๆก็ทำให้ใจของคนฟังพองโตขึ้นมาได้