ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC HARRY POTTER] DISCOMBOBULATE (oc) รีไรท์

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter1 - New friend

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 64


     

     

    Chapter 1 - New friend

     

     

    ‘… I said, "If you kiss me I might let it happen" I swear on my life that I've been a good girl Tonight, I don't wanna be her…'

     

    เสียงสายเรียกเข้าดังขึ้นมาจากโทรศัพท์เครื่องหรูที่ถูกทับไว้ด้วยหมอนใบใหญ่ ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดังรบกวนเวลานอนของเธอ ใครมันโทรมาเวลานี้กันเนี่ย มือเล็กสอดมือไปใต้หมอนที่อยู่บนหัวเพื่อหาโทรศัพท์เมื่อเธอหาเจอก็นำมันมากดปิดเครื่องไปโดยไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าใครโทรมา เด็กหญิงรู้แค่ว่าเวลานี้ยังไม่เช้าและมันคือ เวลา นอน 

    มีหลายคนที่ชอบทักเธอเรื่องการนอนโดยไม่หนุนหมอน บอกว่าเดี๋ยวเป็นแบบนั้นนะแบบนี้นะ แล้วถามว่าเธอฟังไหม ก็ไม่

    นอนไม่หนุนหมอนนี่แปลกหรอ 

     

     

    แสงแดดช่วงเช้าส่องแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องนอนทางระเบียงที่ถูกม่านซึ่งทำมาจากผ้าลินินสีฟ้าอ่อนปิดกั้นไว้ ภายในห้องนอนกว้างตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน สีดำและสีทองอย่างลงตัว พื้นที่ภายในถูกแบ่งสัดส่วนออกจากกันอย่างชัดเจน ร่างเล็กบนเตียงขนาดคิงไซต์ลุกขึ้นนั่งเมื่อถูกแสงแดดรบกวน เด็กหญิงค่อยๆปรือตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ตาสีฟ้าน้ำทะเลกวาดสายตามองรอบๆห้องก่อนจะค่อยๆนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน 

     

    มีคนโทรมา?

     

    แล้วเธอปิดเครื่องหนี!

     

    ฟีโอน่าเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามีนเดียวที่ชอบโทรมาหาเธอเวลากลางคืน แอนดิว ฟอกซ์ พ่อมดลูกผสมหมาป่า ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอเนื่องจากแม่ของชายหนุ่มเป็นพี่สาวพ่อเด็กหญิง แอนดิวในความรู้สึกของฟีโอน่าเขาเปรียบเสมือนน้องชายที่ไม่รู้จักโต ทั้งเอาแต่ใจ งี่เง่า แถมยังชอบป่วนประสาทเป็นที่สุด ซึ่งในความเป็นจริงแอนดิวอายุมากกว่าเธอ1ปี 

    หวังว่าเขาคงไม่จะทำอะไรแปลกๆนะ

    เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดเครื่องก่อนจะลงจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอมีนัดกับเพื่อนไปที่ตรอกไดแอกอน 

     

     

    “…เพราะง่วงนอนมาก เธอก็เลยเลือกที่จะตัดสายโทรศัพท์ฉันแทนการที่จะรับสายน่ะหรอฟี” ฟีโอน่าได้แต่นั่งฟังเสียงบ่นที่ดังออกมาจากปลายสาย เธอฟังเขาบ่นมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่ชายเธอคงตัดสายทิ้งไปนานแล้ว

    หรือจริงๆเธอเองไม่ควรโทรกลับแต่แรกนะ -_-

    “โถ พี่ชายพี่ไม่เข้าใจหรอกก็คนมันง่วงนอนอะ พี่นั่นแหละโทรมาทำไมเวลาคนจะนอน” เด็กหญิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

    “เหอะ จริงๆมันก็ไม่ได้สำคัญหรอกนะแค่ฉันไปเจอหนังสือโบราณเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเวทมนตร์ทางฝั่งแอฟริกา ใช่สิ ยังมีตำราแปลกๆอีกสามสี่เล่มด้วย ฉันคงโทรมาเสียเปล่าแล้วล่ะ แย่จัง” 

    หนังสือโบราณ? 

    “พระเจ้า พี่พูดจริงใช่ไหม”

    “ฉันจะโกหกเธอทำไม ตอนนี้ฉันมาดูงานกับพ่อที่แอฟริกาพอดี บังเอิญมีร้านหนังสือด้วยเห็นว่าเธอชอบอ่านเลยจะซื้อไปให้น่ะ” แอนดิวตอบน้องสาวสุดน่ารักของตน ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ว่าคนที่อยู่ปลายสายนั้นตื่นเต้นขนาดไหน การอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรกอีกหนึ่งอย่างของฟีโอน่า เด็กนี่ชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็กเธอเป็นเด็กหัวไวและความจำดี ตอนอายุแค่8ขวบก็พูดได้เกือบสิบภาษาไม่นับรวมกับภาษาเงือกและวีล่า

    “แจ๋ว พี่ชายฉันน่ารักที่สุด เอาไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงเหล้าพี่นะ” น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเจอสิ่งที่ถูกใจ

    “เฮ้ ๆ เธอพึ่งอายุแค่นี้เองนะ เอาเถอะฉันมีธุระต่อ เดี๋ยวจะรีบส่งหนังสือไปให้แล้วกันในนั้นมีเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเวทมนตร์การซ่อนกลิ่นนางเงือกด้วย”

    “ขอบคุณพี่มาก เจอกันที่ฮอกวอตส์นะคะ” เธอเอ่ยลาจบสายก็ถูกตัดไปทันที แววตาร่างเล็กฉายความกังวลออกมาเล็กน้อยก่อนจะหายไป

     

     

     

     

    ตรอกไดแอกอน

     

     ร้านไอศกรีมของฟลอเรียน ฟอร์เตสคิว

     

    ร้านไอศกรีมของฟลอเรียน ฟอร์เตสคิวตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านสัตว์วิเศษที่มีสัตว์เลี้ยงแปลกๆมากมายให้เลือกซื้อ ซึ่งทั้งสองร้านตั้งอยู่ฝั่งเหนือของตรอกไดแอกอน ดูเหมือนจะไม่ไกลแต่มันก็ทำให้เธอเดินหลง

    ทุกคนงงใช่ไหม เธอเองก็งงเหมือนกัน

    ก็ไม่คิดว่าการเดินอยู่ดีๆแล้วแค่เสี้ยววิที่บังเอิญไปนึกถึงเรื่องขนมหวานจะทำให้ไปเดินหลงอยู่ในตรอกน็อกเทิร์น มันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แต่ก็เป็นไปแล้ว โชคดีที่มีคนเรียกแล้วพาเธอเดินออกมาก่อน ส่วนคนที่ช่วยเธอเอาไว้นั้นเด็กหญิงเองก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันใครจะคาดคิดว่าจะได้เจอกับครอบครัวมัลฟอยล่ะจริงไหม 

    “ขอบคุณนะคะ” เธอกล่าวขอบคุณ เดรโดก มัลฟอย ที่เดินนำลูกชายอย่าง สกอร์เปียส มัลฟอย มาด้วยพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยพอเป็นมารยาท สมกับเป็นตระกูลมัลฟอยจริงๆ จะว่าไปสองพ่อลูกนี่ก็หล่อดีเหมือนกันนะเนี่ย ดูท่าทางทำตัวไม่ถูกของมัลฟอยคนลูกแล้วก็ได้แต่นึกเอ็นดู

    “ไม่เป็นไร วันหลังก็อย่าไปเดินในตรอกอีกล่ะ คุณ…” เมื่อเธอเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็พูดแนะนำตัวออกไป “ฟีโอน่า เดอไวน์  ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณมัลฟอย” เมื่อกล่าวจบร่างเล็กก็ก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการแสดงถึงการให้เกียรติแก่อีกฝ่าย

    “อ่อ ลูกสาวของวาริคกับกีจีสินะ นี่ สกอร์เปียส มัลฟอย ลูกชายฉันเอง” ใช่สินะคุณเดรโกเป็นรุ่นพี่พ่อเธอสามปี 

    “ใช่ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะสกอร์เปียส" ไหนๆก็เจอกันแล้ว ตีสนิทเป็นเพื่อนก็ไม่เสียหายนี่นา ได้เพื่อนเพิ่มดีกว่าได้ศรัตรูนี่จริงไหมคะ ว่าแล้วเธอก็ทำการยิ้มโชว์ฟันขาวที่มีเขี้ยวเล็กด้วย สกอร์เปียสที่ไม่รู้จะต้องทำยังไงก็หันมองหน้าพ่อที่ยังทำมีหน้านิ่งๆอยู่เหมือนเดิม ให้ตายสิเมอร์ลิน ทำไมแม่เขาไม่มาด้วยนะ 

    “เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักฟีโอน่า” น้ำเสียงสำเนียงบริติชจ๋าไม่แตกต่างจากผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาจากปากของมัลฟอยคนลูกอย่างไม่เบามาก แต่ก็ไม่ได้ปิดบังอาการประหม่าที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด น่าแกล้งชะมัด “พอดีหนูนัดเพื่อนไว้ที่ร้านนี้ หนูขอถือโอกาสนี้เลี้ยงไอศกรีมขอบคุณด้วยเลยคุณมัลฟอยจะว่าอะไรไหมคะ” 

    “ได้สิ” พูดจบ เดรโก มัลฟอย ก็เดินนำเด็กทั้งสองคนเข้าไปภายในร้าน ระหว่างนั้นก็มีหลายคนที่มองมาอย่างให้ความสนใจ ผมสีบอร์นซีดกับนัยน์ตาสีฟ้าในโลกผู้วิเศษต่างพากันรู้ดีว่ามีเพียงแค่ตระกูลมัลฟอยเท่านั้น ยีนเด่นก็งี้แหละ 

    เดรโก มัลฟอย ไม่สนสายตารอบข้างเขาแค่รู้สึกสะดุดตากับเด็กผู้หญิงคนนี้แค่นั้นอีกอย่างคือเขาอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวได้มีเพื่อนใหม่ และเป็นเพื่อนที่เรียกได้ว่าเพื่อนจริงๆ ไม่เหมือนกับเขาสมัยเรียนที่ฮอกวอตส์ แต่นั่นมันก็คืออดีตที่ผ่านมาแล้ว อดีตที่เป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเดรโก เขาไม่ต้องการให้ลูกเป็นแบบเขา ไม่ต้องการระแวง ไม่ต้องคอยคิดว่าจะทำตัวสมกับเป็นทายาทของตระกูลมัลฟอยไหม เขาแค่ต้องการให้ลูกชายได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ

     

     

    สกอร์เปียสได้แต่มองความวุ่นวายตรงหน้าอย่างงุนงงแล้วนึกย้อนกลับไป เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วพ่อของเขาบอกว่าจะไปธุระแล้วทิ้งเขาไว้กับเด็กที่พึ่งจะเจอกันครั้งแรก เด็กชายได้แต่มองกลุ่มเพื่อนใหม่อย่างจนใจ แค่กินไอศกรีมมันจำเป็นต้องทะเลาะกันจนวุ่นวายขนาดนี้ไหม

    “เฮ้ พวกเธอหยุดแย่งถ้วยไอศกรีมกันไปมาได้แล้ว” รีอานนา โรเซอเดล เอ่ยปรามเพื่อนๆด้วยความหงุดหงิดก่อนจะวางช้อนลงอย่างเสียไม่ได้ เด็กชายหนึ่งเดียวในกลุ่มได้แต่ทำหน้าเลิกลั่กไม่กล้ากินต่อ ส่วนคนอื่น ๆก็พากันหยุดแย่งแล้วนั่งลงกินอย่างสงบเสงี่ยม เห็นทีคงมีแต่เฮคาที ซีบิล ทรีลอนีย์ ไวท์ฟิลด์ ที่นั่งกินไอศกรีมโดย ไม่สนใจเพื่อนคนอื่น ๆ

    “เธอทำที่รักฉันตกใจหมดแล้วนะ” ฟีโอน่าพูดขึ้นเมื่อท่าทีของเด็กชายที่นั่งข้างๆ ส่วนสกอร์เปียสที่ถูกเรียกว่าที่รักก็ได้แต่จนใจยอมรับอีกตามเคย “เรียกเขาว่าที่รัก เขาเต็มใจหรือเปล่ายะ” มาริต้าเอ่ยล้อเพื่อนสาวที่เรียกคนอื่นว่าที่รักอย่างไม่อายอะไร 

    “พวกเธอนี่เสียเสียมารยาทชะมัด โดยเฉพาะแกเจ๊ฟี” เลย์ลา วิลเลียสร์ คุณหนูประจำกลุ่มเอ่ยเตือนทั้งๆที่เมื่อกี้ตัวเธอเองก็พึ่งจะร่วมวงในการแย่งถ้วยไอศกรีม

    “แหม่ ขอโทษได้ไหมล่ะ ขอโทษนะคะคุณพี่” ร่างเล็กเอ่ยตอบอย่างทีเล่นทีจริงเรียกเสียงหัวเราะให้เพื่อนคนอื่นส่วนเลย์ลาได้แต่ส่งค้อนกลับมาให้เพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง

    “พวกเธอรู้จักกันได้ยังไงหรอ” สกอร์เปียสถามออกไปอย่างสงสัย ส่วนคนที่ถูกถามต่างพากันหันมองเด็กหนุ่มอย่างไม่เชื่อหู 

    “หืม เมื่อกี้คุณชายพูดว่ายังไงนะ” อิสตร้า บาเลนเซียก้า คนที่เงียบที่สุดในกลุ่มถึงขั้นพูดขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ก็ตั้งแต่ที่เด็กหญิงเข้ามาภายในร้านแล้วเจอกับคุณชายมัลฟอยเขาก็เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ถามก็ไม่พูด แล้วอยู่ๆก็เอ่ยถามขึ้นมาใครจะไม่แปลกใจ

    “อยากรู้จริงหรอ…”  ไอริสถามกลับคนที่นั่งตรงข้ามพร้อมกับยิ้มแปลกๆ สกอร์เปียสที่ถูกถามกลับมาแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ถามออกไปแบบนั้น "หึ" ฟีโอน่าหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูเด็กชายที่นั่งข้างๆด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา คำตอบที่ได้รับทำเอาเขาถึงกับนั่งนิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ส่วนอีกเจ็ดคนที่เหลือก็ต่างพากันหัวเราะแล้วนั่งตักไอศกรีมกินต่อจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักเดรโกกลับมารับลูกชายกลับ พวกเธอเอ่ยลากับสกอร์เปียสอย่างเป็นกันเองนั่นเป็นอีกครั้งที่เด็กชายรู้สึกประหม่าและดีใจอยู่ลึกๆ

     

     

    เดรโก มัลฟอย มองลูกชายที่เอาแต่เหม่อตั้งแต่ออกมาจากร้านไอศกรีมของฟลอเรียน สกอร์เปียสนึกถึงคำตอบที่ออกมาจากปากเล็กน้ำเสียงหวานใสยังตราตึงอยู่ในสมองของเขาไม่เลือนหายไป

    ‘เจอกันตอนถูกทำโทษดัดมารยาทอ่ะ ก็เลยรู้จักกัน’ 

    ‘ทำโทษดัดมารยาท?'

    ‘ก็…ตามนั้นแหละ’

    หึ ยัยแสบ สกอร์เปียสไม่รู้เลยว่าตัวเองผล็อยยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเขานึกถึงความแสบและซนของเพื่อนใหม่ที่ตัวเด็กชายเองก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้มีโอกาสแบบนี้ 

    แอสโตเรียที่เดินกำลังคุยอยู่กับสามีอย่างเดรโกเมื่อเห็นลูกยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุก็รู้สึกแปลกใจ เธอหันมองหน้าสามีอย่างสงสัยเดรโกที่เห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มก่อนจะโอบภรรยาสาวเข้าหาแล้วก้มกระซิบบอกเธอโดยไม่สนใจว่ามีลูกชายนั่งอยู่ด้วยแม้แต่น้อย

    “เอ่อ.. พ่อครับ-_-” 

     

     

    ฟีโอน่านั่งอ่านหนังสือบนเตียงนอนโดยข้างๆเด็กหญิงนั้นมีเพื่อนสาวอย่างไอริสที่วันนี้มาขออาศัยนอนด้วยที่คฤหาสน์ของเธอ ร่างเล็กสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสาวก็อดเป็นห่วงไม่ได้ พวกเธอรู้จักกันมาก่อนที่จะสนิทกับคนอื่น ไอริสเป็นประเภทที่ไม่ชอบพูดพร่ำเพื่อแต่ก็ไม่ได้เงียบขนาดอิสตร้า ยัยนี่วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆได้ดีเสมอ 

    “แกเป็นอะไรริส” ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถามอีกฝ่ายออกไปเมื่อไอริสนั้นยังคงทำหน้าทำตาเครียดไม่เลิก “เกี่ยวกับการที่แกขอมานอนที่นี่ด้วยใช่ไหม” ไอริสไม่ตอบแต่เลือกที่จะพยักหน้าแทน ฟีโอน่าเองก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเพราะเธอไม่อยากทำให้เพื่อนรู้สึกกดดัน อยากเล่าเมื่อไหร่ก็เล่าแล้วกัน

    “เมื่อวันก่อน ฉันบังเอิญไปได้ยินพวกผู้ใหญ่ในตระกูลพูดขึ้นเกี่ยวกับสงครามฮอกวอตส์ มันจะไม่แปลกเลยเว้ย ถ้าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับผู้หญิงที่ถูกระเบิดชื่อออกจากผังตระกูล” ไอริสเอ่ยออกมาหลังจากที่ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบมาหลายนาที

    “วาเนเซีย เดอวาลเดน คนที่พวกเราแอบไปหาข้อมูลน่ะหรอ” คราวนี้เธอปิดหนังสือที่อยู่ในมือก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวอย่างจริงจัง

    “ใช่… ไม่มีใครเอ่ยถึงเธอเลย ฉันพึ่งมาคิดได้ว่าฉันเป็นคนเดียวที่ถูกห้ามไม่ให้เดินไปโซนทางตะวันตกของคฤหาสน์ แค่เฉียดใกล้นิดเดียวพวกเขาก็พร้อมใจกันที่หายตัวมาหาพาฉันออกจากตรงนั้นทันที” 

    “แปลก พวกเขามีเรื่องปิดบังแก แต่เรื่องอะไรล่ะ..” ฟีโอน่าขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย 

    “นั่นแหละ…ความลับเรื่องอะไร” 

    นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหันมาสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ทั้งสองคนต่างก็พากันจมอยู่ในห้วงความคิดตน

     

    _______________________________

     

    มาร์เควส แบล็กเฮล แม็กแกลลาร์ด

    _______________________________________

     

    ไรท์มาอัพตอนใหม่แล้วนะคะ จะพยายามแต่งให้กระชับและไม่ยืดเยื้อเนื้อหาที่สุดนะคะ

    1 ตอนของไรท์ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 7500-9000 ตัวอักษร นะคะ 

    ไรท์อยากรู้ว่านักอ่านอยากให้ตอนจบเนี่ยจบในช่วงที่เรียนเลยไหม เพราะไรท์เองยังไม่ได้คิดตอนจบไว้ค่ะ

    แต่ไรท์เองมีความคิดนึงที่ว่าตอนจบอาจจะเป็นช่วงทำงานเลยเนื่องจากปมของเรื่องที่ไรต์วางไว้ด้วยส่วนหนึ่ง

    ฟีโอน่า ชื่อของนางเอกเรา มีความหมายว่า ขาว,สีขาว 

    ก็เปรียบกับน้องที่ตอนนี้ยังเป็นสีขาวพอโตขึ้นประสบการณ์ต่างๆก็จะคอยเป็นสีสันอื่น ๆที่เติมแต่งเข้าไปในสีขาวนี้

    ส่วนอิมเมจอิพี่มาร์เควสนั้น มีใครจำเขาได้ไหมคะ พ่อหนุ่มน้อยที่เคยแสดงเป็น ทอม ริดเดิล ตอนเด็กนั่นเองค่าา

    ช่วงนี้หลายคนได้เรียนออนไลน์กันใช่ไหมคะ ไรท์เองก็ด้วยค่ะ ยังไงก็สู้ๆนะคะทุกคน ไรท์เป็นกำลังใจให้นะคะ

     

     นี่ไอจีนางไปติดตามกันได้นะคะ    https://www.instagram.com/hero_ft/

     

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×