ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค้นจ้าวอสูร (Legacy of Carthia)

    ลำดับตอนที่ #1 : -1-

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 50


    -1-

    คืนเดือนหงาย พระจันทร์ส่องสว่าง ก่อให้เกิดแสงสีเงินวาววับสะท้อนอยู่บนผิวน้ำอันราบเรียบของทะเลสาบ อาเลดจ์ แลดูงดงามและลึกลับในเวลาเดียวกัน

    ห่างจากทะเลสาบไปไม่ไกล ตรงบริเวณที่ชายป่ามาบรรจบกับพื้นดินอ่อนนุ่มริมน้ำ ได้ปรากฏร่างของเด็กสาวผู้หนึ่งขึ้น ด้วยลมหายใจแผ่วเบาถี่กระชั้น เธอค่อยๆ เอนร่างพิงต้นสนสูง ไหล่ขาวผ่องเปลือยเปล่าเสียดสีกับเปลือกไม้เก่าแก่ขรุขระ ทว่าเด็กสาวก็มิได้ใส่ใจ นัยน์ตาสีเขียวอ่อนของเธอจับจ้องไปยังผืนน้ำแน่วแน่ ราวกับต้องการจะเก็บภาพของทะเลสาบยามค่ำคืนไว้ในความทรงจำตลอดไป

    ด้วยรอยยิ้มเลือนรางตรงมุมปาก เด็กสาวนึกในใจ ถึงแม้ว่าข้าอาจไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะไปถึง...แต่ข้าก็จะพยายาม เพราะว่านั่นคือบ้านของข้า...บ้านที่มีคนรักของข้ารออยู่

    เธอกัดฟัน สูดอากาศเข้าปอดลึก บังคับตัวเองให้ก้าวเท้าไปข้างหน้า ความเจ็บปวดหนักหน่วงแล่นขึ้นมาให้รู้สึกเป็นระยะ ลูกธนูก้านยาวสีดำสนิทที่ปักอยู่ตรงโคนขาและสีข้างของเด็กสาวนั่นเองคือสาเหตุ เลือดสีแดงคล้ำเหนียวเหนอะหนะชุ่มร่าง

    ด้วยอาการโซซัดโซเซไม่ต่างอะไรกับคนเมา เด็กสาวค่อยๆ ก้าวเดินลงมาตามทางลาดที่นำไปสู่ทะเลสาบ ทิ้งหยดเลือดหยดเล็กๆ เอาไว้เบื้องหลัง สายตาพร่าเลือนราวกับกำลังเดินอยู่กลางหมอก อย่างไรก็ตาม เด็กสาวก็รู้สึกได้ว่าความเข้มแข็งและพละกำลังค่อยๆ ฟื้นฟูกลับคืนมาทีละน้อย นอกจากนี้ เธอยังได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาของทะเลสาบ... ปลอบโยนและให้กำลังใจเธอ

    อย่ายอมแพ้...ลีเซีย ทะเลสาบว่า อีกเพียงห้าสิบก้าว...ลงสู่ผืนน้ำ เจ้าก็จะปลอดภัยในอ้อมแขนของข้า แผลของเจ้าจะสมานตัว จิตใจได้รับการเยียวยา แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

    ความซาบซึ้งแผ่ซ่านไปทั่วจิตใจของ รูซัลก้า* สาว ผู้มีนามว่า ลีเซีย มันมาพร้อมกับความรู้สึกเสียใจที่เอ่อล้นและบาดลึก น้ำตาของพรายน้ำตนสุดท้ายแห่งทะเลสาบอาเลดจ์ปริ่มขอบตา เธอไม่เคยนึกตำหนิความโง่เง่าของตนเองหนักหน่วงเท่าครั้งนี้เลย ท่ามกลางสถานการณ์ที่เหล่าปีศาจทั่วทั้งอาณาจักรกำลังถูกไล่ล่า เธอควรจะรู้ดีเกินกว่าสาวเท้าเข้าไปในหมู่บ้าน เพียงเพื่อนอนกับมนุษย์เลวๆ คนหนึ่งเท่านั้น

    ข้าปล่อยให้ราคะเข้าครอบงำความยั้งคิดจนหมด ลีเซียรำพึงอย่างขมขื่น บางที...ความตายที่เดนคนพวกนั้นหยิบยื่นให้อาจจะสาสมกับข้าแล้วก็เป็นได้

    ทะเลสาบยังคงปลอบประโลม พรายน้อยเอ๋ย...เจ้าคือรูซัลก้า เจ้าเองก็รู้ดีในสิ่งที่เจ้าเป็น การกระทำของเจ้าไม่สมควรถูกตำหนิ ตัณหา...ความใคร่...ความต้องการคือธรรมชาติของเจ้า โอ...บุตรีแห่งลิลิธ จงรีบก้าวมาหาข้าเถิด

    ความเจ็บปวดค่อยๆ บรรเทาลง เบื้องหน้าลีเซีย...ผืนน้ำกว้างใหญ่เป็นประกายปรากฏให้เห็นเต็มสองตา เด็กสาวถึงกับสะอึกสะอื้นออกมาด้วยอารมณ์สะเทือนใจ “เจ้าคือรักเดียวของข้า” คำพูดหลุดจากปากเธอในที่สุด “ได้โปรดยกโทษให้ความโง่เขลาของข้าด้วยเถิด...อาเลดจ์”

    ลมทะเลสาบพัดปะทะร่างเปล่าเปลือยของลีเซีย ลูบไล้ผิวกายเธอแผ่วเบานุ่มนวล

    ข้าหาได้โกรธเคืองเจ้าไม่ พรายน้อย ทะเลสาบกล่าว แต่ถ้าหากมันจะทำให้เจ้าสบายใจขึ้น ข้าก็ขอบอกกับเจ้าว่า ข้ายินดียกโทษให้...ด้วยความเต็มใจ

    “ขอบคุณ...อาเลดจ์...ขอบคุณ”

    เป็นคำพูดสุดท้ายของพรายสาว ก่อนที่ลูกธนูจะพุ่งทะลุทรวงอก...ตามด้วยลำตัว ลีเซียสำลักออกมา ร่างล้มลงฟาดพื้น

    ในวินาทีนั้น ทะเลสาบได้แต่จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้น ตกตะลึงและงงงัน

    ข้ากำลังจะตาย รูซัลก้าสาวคำนึงขณะทอดร่างอยู่บนพื้น น้ำเสียงที่บอกตัวเองราบเรียบเกินคาดจนเธอรู้สึกแปลกใจ แต่ว่าข้าต้องไป...คนรักของข้ากำลังรออยู่

    อย่างเข้มแข็ง ลีเซียค่อยๆ ยันร่างท่อนบนขึ้น สายตาจ้องมองไปเบื้องหน้า เธอจิกมือลงกับพื้น แม้จะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็พยายามคืบคลานต่อไปไม่หยุดยั้ง ท่าทางไม่ต่างอะไรกับงูที่ถูกหวดจนหลังหัก

    ทะเลสาบกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ผืนน้ำสงบราบเรียบถูกแทนที่โดยระลอกคลื่นโหมซัดรุนแรง กระแสลมกรรโชกเข้าใส่ทุกสิ่งทุกอย่างบนชายฝั่ง แมกไม้ไหวเอนเสียดสีกันดังเอี๊ยดอ๊าด ความโกรธแค้นระคนโศกเศร้าเสียใจของทะเลสาบแผ่ไปทั่วอาณาบริเวณ 

    ตรงชายป่า...หมวกล่าสัต-ว์ปลิวจากศีรษะล้านเลี่ยนของนักล่าคนหนึ่ง ลอยหายไปในหมู่สน เขาเหลียวมองมันด้วยความเสียดาย ทว่านักล่าอีกคนยังคงยืนนิ่ง สายตาไม่ละจากภาพเหยื่อผู้ถูกลูกธนูปักทั่วร่างดิ้นรนกระเสือกกระสน

    ค่อยๆ ลดคันศรในมือลง “จะเอายังไงกับมันดีขอรับ” นักล่าผู้นั้นหันไปหาชายในชุดคลุมดำยาว...นักบวชแห่ง โมนาฮาน ร่างผอมหุ้มกระดูก เส้นเอ็นปูดโปน

    นักบวชพยักหน้าน้อยๆ รอยยิ้มโฉดชั่วปรากฏบนใบหน้าแห้งเหิ่ยว

    ลีเซียพาร่างของเธอไปถึงชายฝั่งติดทะเลสาบที่สูงพ้นขึ้นมาจากผิวน้ำ ตอนที่รองเท้าบู้ทหนาหนักเปื้อนโคลนย่ำลงบนมือเธอ เสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบ เด็กสาวหวีดร้องออกมา แต่ดูเหมือนยังไม่หนำใจพวกนักล่า รองเท้าบู้ทคู่เดิมซัดเข้าให้ที่ชายโครง ส่งเธอพลิกนอนหงาย สำลักรุนแรงจากเลือดที่คั่งในปอด

    “นังพรายโสโครก” มนุษย์ไว้เคราร่างหนาคนหนึ่งโน้มตัวลง มันถ่มน้ำลายใส่เด็กสาวผู้สิ้นท่า “แกฆ่าน้องชายข้า ริยำเอ๊ย !”

    เธอเงยหน้าขึ้นมอง สบสายตาถมิงทึงปราศจากความปรานี แววตาของมัจจุราช “ข้า...เปล่า” ยากลำบากเหลือเกินในการเค้นเสียงออกมา “ไม่ตาย...แค่ดูดกลืน...พลังชีวิตเขา...ไม่นาน...ก็ฟื้น” ลีเซียพยายามชี้แจง แม้เธอจะคิดว่ามันไม่มีประโยชน์อันใดเลยก็ตาม

    อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าพวกนักล่าจะประหลาดใจและยินดีกับข้อเท็จจริงนี้ ต่างหันหน้าสบตากัน ท่าทางโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด นักบวชแห่งโมนาฮานเอื้อมมือแห้งเกร็งเหมือนผีดิบไปตบไหล่ชายไว้เครา

    “องค์เทพยดาทรงคุ้มครองนะ...ธีโอดอร์” นักบวชว่า

    “ขอบพระคุณท่านมาก” นักล่าผู้นั้นเอ่ยแผ่วๆ ก่อนพุ่งความสนใจไปหาลีเซียอีกครั้ง

    “เจ้าไม่ได้โกหกพวกเราใช่ไหม รูซัลก้า” เขาคาดคั้น “น้องข้าปลอดภัยใช่ไหม”

    ไม่มีการหลบสายตา ปราศจากการมดเท็จ ลีเซียพยักหน้า “ข้า...รับรอง...ได้”

    ความเงียบเข้าปกคลุมริมฝั่งทะเลสาบ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นเหวี่ยงมันลงมา

    พวกมันคิดว่าข้าฆ่าน้องชายเจ้าหมีดำเคราเฟิ้มนี่ ! เด็กสาวร่ำร้องในใจ ขณะที่ทะเลสาบเงี่ยหูฟังเรื่องราวด้วยใจจดจ่อ ให้ตายสิ ! พวกมันตามล่าข้าเพราะเหตุนี้เอง เพราะว่าข้ายอมให้อ้ายหนุ่มนั้นขึ้นคร่อมจนหมดเรี่ยวหมดแรง สลบไสลไม่ได้สติ แต่เอาเถอะ...โชคยังดีที่ข้าไม่ใจเสาะตายเสียก่อนจะได้ทันบอกความจริงนี้ให้พวกมันรู้ ทีนี้จะได้เลิกแล้วต่อกันเสียทีล่ะนะ...มนุษย์เอ๋ย ก็แค่ความเข้าใจผิดเท่านั้นเอง

    กระแสลมกรรโชกสงบลง เช่นเดียวกับเกลียวคลื่นในเวิ้งทะเลสาบอาเลดจ์

    ไม่มีใครกล่าวอะไร ทั้งทางฝ่ายนักล่าและเหยื่อผู้บาดเจ็บ ลีเซียจับตามองพวกเขา ประสาทเต้นตุบๆ รอคอยคำพูดที่จะยุติเรื่องราวบ้าๆ นี่ลง

    และเธอก็ได้รับมัน

    ศีรษะของนักบวชแห่งโมนาฮานบิดไปทางชายหัวล้าน แลดูเหมือนโครงกระดูกชวนสยองขวัญ มันกระแอมให้ลำคอโล่ง ก่อนจะเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “ในเมื่อไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลแล้ว เราก็รีบจัดการธุระเสียให้เสร็จเถอะ”

    ไม่มีเวลาให้ลีเซียได้ตั้งตัว...เมื่อค้อนหัวเหล็กของอ้ายหัวล้านกระหน่ำลงบนศีรษะเธอ ตามด้วยลำตัว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บดขยี้กระดูกแทบทุกชิ้นและอวัยวะแทบทุกส่วนในร่างจนแหลกเหลวในพริบตา...ไม่มีเสียงกรีดร้องเล็ดลอดออกมาแม้แต่คำเดียว

    เมื่อนักล่าจอมโหดโยนอาวุธในมือลงบนพื้น รูซัลก้าสาวผู้งดงามก็จากโลกนี้ไปแล้วตลอดกาล เหลือไว้แต่เพียงเศษซากของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่ตัวเธออยู่ริมทะเลสาบ...เท่านั้นเอง

    นักบวชแห่งโมนาฮานเบือนสายตาจากภาพตรงหน้า มิใช่เพราะความสะอิดสะเอียน แต่เพราะความเร้าใจได้จบสิ้นลงแล้วต่างหาก

    “ปีศาจร้ายต้องถูกขจัดให้สิ้นจากแผ่นดิน” มันพูดกับสองนักล่า ด้วยสำเนียงราวเทศนา "มันเป็นพระประสงค์ขององค์เทพยดา และองค์กษัตริย์แห่งหมู่เรา พวกเจ้าคงเข้าใจดีสินะ”

    ชายไว้เคราแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “ไม่มีปัญหาขอรับ...งานนี้เร้าใจกว่าเป็นพ่อค้าขายอาวุธเยอะ” มันกล่าวเสียงสั่น กระเหิ้ยนกระหือรือกับการฆ่าที่ผ่านพ้นไป “น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เช็ดนังนั่นเหมือนเจ้าปีเตอร์ ก่อนส่งมันกลับคืนนรก”

    “อีพรายจะทำเจ้าหมดแรงเสียเปล่าๆ” อ้ายหัวล้านเปิดปาก เทเหล้าในกระติกลงคออั้กๆ “ยังมีอีกหลายงานในละแวกนี้ เก็บท่อนซุงของเจ้าไว้กระทุ้งตัวอื่นเหอะว่ะ”

    “นั่นสินะ”

    ผู้ที่เรียกตนเองว่ามนุษย์ทั้งสามแผดเสียงหัวเราะไปพร้อมกัน...หัวเราะโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ แม้ว่าคลื่นสูงจากทะเลสาบอาเลดจ์ที่คลุ้มคลั่งจะกวาดพวกมันลงสู่ก้นบึ้งของห้วงน้ำแล้วก็ตาม

    ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิญญาณของพวกมันจะต้องถูกกักขังอยู่ใต้ท้องทะเลสาบตลอดกาล

    คำอธิบาย

    Rusalka - แม่มดที่อาศัยอยู่ในทะเลสาป ถือเป็นหนึ่งใน Succubus ที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กหญิงวัยรุ่น มีนัยตาสีเขียวเป็นประกาย ผู้ชายที่ถูกเธอล่อลวงจะต้องตายในอ้อมกอดของเธอ วิญญาณของเหยื่อจะถูกฉุดลงสู่ก้นบึ้งของทะเลสาปชั่วนิรันดร์ คนไทยอาจรู้จักในนาม ผีพราย

    ** ลีเซียเป็นรูซัลก้าอายุน้อย ดังนั้นจึงยังไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะสูบพลังชีวิตของบุรุษจนทำให้ถึงแก่ความตายได้ ** ::

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×