Historia Summoning: World War of History Army - มหาสงครามกองทัพประวัติศาสตร์ต่างโลก - นิยาย Historia Summoning: World War of History Army - มหาสงครามกองทัพประวัติศาสตร์ต่างโลก : Dek-D.com - Writer
×

    Historia Summoning: World War of History Army - มหาสงครามกองทัพประวัติศาสตร์ต่างโลก

    เมื่อกองทัพจากห้วงเวลาในประวัติศาสตร์ได้ถูกอัญเชิญมายังโลกปัจจุบันที่ก็ได้ถูกอัญเชิญมายังต่างโลกเช่นกัน มหาสงครามครั้งใหม่ของพวกเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    1,010

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    35

    ผู้เข้าชมรวม


    1.01K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    38
    หมวด :  สงคราม
    จำนวนตอน :  12 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  7 ส.ค. 67 / 16:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ (Prologue)


    สงคราม…

    …ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะยุคสมัยใด…สงครามได้ให้กำเนิดศิลปะและวิทยาการต่างๆขึ้นมากมาย แต่การสู้รบก็ยังคงเกิดขึ้นอยต่อเนื่ององอย่างไม่เปลี่ยนแปลง การจบสงครามนี้เพื่อจบสงครามทั้งมวลเป็นเพียงแค่อุดมคติในมนุษย์ที่ใฝ่หาสันติภาพจอมปลอม 

    ประวัติศาสตร์มนุษย์กว่าหลายพันปีได้เกิดสงครามขึ้นมามากมาย จนกระทั่งถึงยุคหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่า “ยุคแห่งความงดงาม” หลังสงครามฟรังโก-ปรัสเซีย วิทยาการและศิลปะการรบในอดีตและปัจจุบัน ณ ขณะนั้นได้ถูกนำมาใช้จัดสอนในโรงเรียนทหารทั่วยุโรปควบคู่กับเกมส์กระดานสงคราม Kriegsspiel วิชาที่จัดสอนศาสตร์แห่งสงครามในรูปแบบการจำลองการรบในประวัติศาสตร์มีชื่อว่า “Kriegstoria” (มาจากคำว่า Kriegs ที่แปลว่า “สงคราม” และ Historia ที่แปลว่า “ประวัติศาสตร์” มารวมกันกลายเป็นคำว่า “สงครามประวัติศาสตร์) 

    ค.ศ.1945 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กีฬา Kriegstoria ก็ได้กลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้นหลังผ่านยุคไฟแห่งสงครามมามากมาย จนถึงขนาดที่สหประชาชาติยังกำหนดให้กีฬานี้มีสถานะเป็นกลางห้ามให้อุดมการณ์ทางการเมืองจากทั้งฝ่ายเสรีและคอมมิวนิสต์ห้ามแทรกแซงโดยเด็ดขาดและจัดให้มีการแข่งขันทุกปีในแต่ละประเทศและระดับโลกในทุก 2ปี 

    ค.ศ.1989 ช่วงปลายสงครามเย็นเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นในแอนตาร์ติการ์ เมื่อเกิดแสงออโรร่าสีม่วงขึ้นพร้อมกองเรือรบและกองทัพมรณะได้เคลื่อนตัวออกมาจากประตูมิติปริศนาทั่วโลกจนทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นทั่วโลก และเป็นครั้งแรกที่เหล่านักเรียนครีกส์โธเรียได้เข้าร่วมรบในสงครามครั้งแรก เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเรียกว่า “สงครามสหพันธมิตรครั้งที่ 8” (War of the Eighth Coalition) หลังจากนั้นก็มีนักเรียนครีกส์โธเรียจำนวนมากจากหลายโรงเรียนเริ่มเข้ามามีบทบาทในการทำสงครามมากยิ่งขึ้น

    ทว่าในปี ค.ศ.2017 ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อกองกำลังนักเรียนครีกส์โธเรียจากชาติต่างๆได้รวมตัวกันก่อสงครามกับสมาพันธ์ครีกส์โธเรียโลกที่กรุงเบอร์ลิน, เยอรมนี สถานที่ให้กำเนิดกีฬาครีกส์โธเรียขึ้นมา สาเหตุของการสู้รบครั้งนี้เกิดจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กรได้แอบยักยอกเงิน, คอร์รัปชั่น, และติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐประจำสหประชาชาติจำนวนมากในโครงการพัฒนาเมืองลอยน้ำที่ชื่อ “The Great Ark” ซึ่งเบื้องลึกเบื้องหลังของเหตุการณ์ในครั้งนั้นคือ การลักพาตัวบุคลากรคนสำคัญซึ่งเป็นนักเรียนครีกส์โธเรียที่ต่อต้านโครงการนี้เป็นส่วนใหญ่ ในทีแรกสหประชาติเลือกที่จะยุบกีฬานี้เพื่อปกปิดปัญหาทั้งหมดที่ตนได้ก่อเอาไว้

    ทว่ามีเรื่องที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจเสียก่อน…

    …ณ มิติอีกด้านหนึ่งที่รู้จักกันในนาม “โลกคู่ขนาน” ที่มีประวัติศาสตร์แตกต่างกันออกไป ยามค่ำคืนอันมืดมิดของทะเลเหนือ กองเรือรบจักรวรรดิรัสเซียจำนวน 5ลำมีเรือธงคือ เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ IRS Sankt Peterburg กำลังทำภารกิจลาดตระเวนในเขตทะเลเหนืออยู่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ประจำเรือจะจับสัญญาณปริศนาขึ้นมาได้ ห่างจากกองเรือไปประมาณ 50ไมล์  

    เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ IRS Sankt-Peterburg (กองทัพเรือจักรวรรดิรัสเซีย)


    ทันทีที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น นักบินได้รีบขึ้นไปประจำกายังบนเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-33 ในทันที เมื่อทุกอย่างพร้อม เครื่องบินขับไล่ไอพ่น Su-33 ทั้งสองลำก็ได้ทะยานออกจากดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบินทันที 

    ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของพวกเขาแทบทำให้พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น…เมฆหมอกสีดำแดงได้ปกคลุมไปทั่วท้องทะเลบริเวณนั้นชนิดกว้างประมาณราว 20กม.เห็นจะได้ ภาพที่ถูกถ่ายส่งกลับไปยังเรือบรรทุกเครื่องบินได้สร้างความประหลาดใจให้กับกัปตันและลูกเรือทุกคนมาก 

    ทันใดนั้นผืนน้ำเบื้องล่างก็เต็มไปด้วยกองเรือรที่หลุกดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ลอยลำอยู่เต็มน่านน้ำ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ เรือรบเหล่านั้นสามารถเรืองแสงทั้งๆที่ไม่น่าเป็นไปได้ ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไปหลังจากที่เครื่องบินรบทั้งสองลำถูกโจมตีโดยอากาศยานซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเครื่อง Hellcat ที่กราดกระสุนปืนลำแสงสีแดงพุ่งเข้ามา

    และหลังจากนั้นเพียงแค่ 2ชั่วโมง ประเทศฝั่งทวีปยุโรป, เอเชีย, แอฟริกา, และโอเชียเนียได้ขาติดต่อกต่อกับประเทศและอาณานิคมของตนในทวีปอเมริกาทั้งหมดอย่างไม่ทราบสาเหตุ และหลังจากนั้น 8ชั่วโมงต่อมา กองทัพจากต่างโลกได้ทำการรุกรานทุกประเทศที่เหลืออยู่ในตอนนี้โดยมุ่งเน้นไปที่เมืองหลวงและเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศเป็นหลัก ดินแดนทั้งจักรวรรดิโลกคู่ขนานและโลกเก่าได้ถูกรุกรานโดยกองทัพผู้อ้างว่าเป็นกองทัพแห่งจักรวรรดิสงครามที่ต้องการจะสร้างสันติภาพและเสถียรภาพให้กับโลกใหม่ที่พวกตนได้พบกัน กองทัพทุกชาติบนโลกต่างขานชื่อใกักองทัพเหล่านี้ว่า “IMPERIUM” กองทัพจักรวรรดิสงครามที่ได้ขยายแสนยานุภาพไปทั่วทุกสารทิศจนยากที่จะมีชาติใดสามารถต้านทานได้

    กองทัพสหประชาชาติและกองทัพสหพันธมิตรต่างฝ่ายต่างปกป้องโลกของพวกตนจากการรุกรานในครั้งนี้ แต่ทุกแนวรบที่พวกเขาส่งทหารออกไปรบต่างก็พบกับความพ่ายแพ้และความปราชัย

    ทว่าท่ามกลางความสิ้นหวัง…แสงแห่งความหวังก็ไม่เคยจากไปไหน กองทัพอีกกลุ่มหนึ่งได้ถูกอัญเชิญไปช่วยกองทัพทั้งสองโลกทำการรบกับกองทัพ IMPERIUM พวกเขาสวมเครื่องแบบทหารและใช้อาวุธที่แตกต่างกันออกไป กองทัพที่ถูกอัญเชิญมาโดยเทพีแห่งสงครามและปัญญา “กองทัพประวัติศาสตร์แห่งฮิสโธเรีย” 

    กองทัพที่รวบรวมเหล่าทหารหาญผู้เจนศึกและอาวุธยุทโธปกรณ์จากประวัติศาสตร์ยุคสมัยต่างๆไว้มากมาย พวกเขาไม่ได้ต่อสู้ร่วมกับกองทัพทั้งฝ่ายสหประชาชาติและฝ่ายสหพันธมิตร หากแต่พวกเขาได้ตัดสินใจร่วมรบกับเหล่านักเรียนครีกส์โธเรียที่ต่อสู้อย่างองอาจและกล้าหาญไม่ต่างจากทหารทั่วไป พวกเขาแม้จะเป็นทหารที่ต่างยุค, ต่างสมัย, ต่างอุดมการณ์, ต่างชาติ, และต่างโลก แต่ ณ บัดนี้สิ่งเหล่านี้จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกเขาเหล่านี้ตอนนี้คือทหารหาญแห่งกองทัพประวัติศาสตร์และเหล่านักเรียนครีกส์โธเรียผู้กล้าที่มีจิตใจนักสู้และนักประวัติศาสตร์ในตัวพร้อมแล้วที่จะจับมือและจับอาวุธร่วมกันต่อสู้และขับไล่กองทัพ IMPERIUM ออกไป ภายใต้การนำของสองขุนพลผู้เป็นผู้นำกองทัพประวัติศาสตร์จากทั้งสองโลกโดยกองทัพประวัติศาสตร์จากโลกคู่ขนานนำโดยนักเรียนนายร้อยวิราห์ วิรากานต์ นักเรียนครีกส์โธเรียทีมชาติไทยและกองทัพประวัติศาสตร์จากโลกเก่านำโดยองค์หญิงคลาร่า อเล็กเซฟน่า โรมานอฟ แกรนด์ดัชเชสแห่งจักรวรรดิรัสเซีย

     

    ตัวละคร/Characters:

     

    1.คลาร่า อเล็กเซฟน่า โรมานอฟ (Klara Alekseevna Romanov / Клара Алексеевна Романов)

    องค์หญิงแห่งจักรวรรดิรัสเซียผู้นำกองทัพประวัติศาสตร์จากโลกเก่าที่ถูกอัญเชิญมาประจำการในแดนโลกคู่ขนาน ภายนอกเธอเป็นผู้หญิงที่สวยงามและดูน่าเกรงขาม แต่ภายในเธอเป็นเด็กสาวผู้อ่อนโยนมาก นอกจากความสามารถทางการทหารแล้ว เธอยังเป็นสายลับและฮีโร่พลังยางยืดนามว่า “Lastika” ด้วย

     

    2.วิลเฮลมิน่า อเล็กซานดร้า เกอร์ทรูด ดีทลินเดอ วอน ปรัสเซีย (Wilhelmina Alexandra Gertrude Dietlinde von Preußen)

    องค์หญิงแห่งจักรวรรดิเยอรมนี เธอเป็นเพื่อนสนิท(ติดตัว)ที่ไม่เคยอยู่ห่างจากคลาร่าเลยสักครั้ง เรียกได้ว่าเธอมีหน้าตาที่ใกล้เคียงกับคลาร่าทุกอย่างต่างกันก็แค่สีผมของเธอที่เป็นสีน้ำตาลบลอนด์ ภายนอกเธอดูเหมือนเด็กสาวน่ารัก แต่ภายในเธอนั้นจิตใจเย็นชามาก มีเพียงแค่คลาร่าเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงใจเธอได้และทำให้เธอยิ้มได้ตลอดเวลา วิลเฮลมิน่าเธอเชี่ยวชาญด้านการรบมาก ทำให้เธอมักมีส่วนร่วมในการวางแผนรบและเธอยังมีพลังเวทย์อีกด้วย

     

    3.อเล็กซานเดอร์ อเล็กซานโดรวิช ซูโวรอฟ (Alexander Alexandrovich Suvorov / Александр Александрович Суворов)

    นายทหารแห่งกองทัพแดงโซเวียตยศพันตรีที่ได้้กลับมาเป็นวัยรุ่นอีกครั้งหลังจากถูกอัญเชิญมายังโลกคู่ขนานยุคปัจจุบัน จากเดิมที่เขาอายุ 32ปีตอนนี้เขากลับมาอายุแค่ 17ปีเท่ากับคลาร่าและสหายทหารของเขาอีกหลายคน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อเล็กซานเดอร์ได้เป็นผู้บังคับการหน่วย Bunkersdorf Kampfgruppe หน่วยทหารชั้นยอดที่รวมสุดยอดหน่วยรบจากกองทัพแดง, กองทัพแวร์มัคค์, และกองทัพฟินแลนด์ที่ขึ้นตรงกับกองกำลังผสมร่วมทวิพันธมิตร เขาและน้องสาวของเขาเป็นทายาทของจอมพลอเล็กซานเดอร์ ซูโวรอฟ จอมพลไร้พ่ายแห่งกองทัพจักรวรรดิรัสเซีย 

     

    4.นาตาชา อเล็กซานโดรฟนา ซูโวโรวา (Natasha Alexandrovna Suvorova / Наташа Александровна Суворова)

    น้องสาวของอเล็กซานเดอร์และนักแม่นปืนประจำหน่วย ปัจจุบันเธออายุ 16ปี สายตาอันคมกริบของเธอนั้นไม่มีอะไรที่สามารถรอดสายตาเธอไปได้ ภายนอกเธอจะดูเย็นชาแต่เธอเป็นคนที่เอาใจใส่ทุกคนมากโดยเฉพาะกับพี่ชายของเธอและสหายใของเองเธออย่างเอวาน่า โซโลโควา

     

    5.วิลเฮล์ม ซิกฟรีดส์ วอน เคลาส์เซอวิซท์ (Wilhelm Siegfried von Clausewitz)

    นายทหารแวร์มัคค์ยศพันตรี เขาเป็นรองผู้บังคับการหน่วย Bunkersdorf Kampfgruppe นายทหาฝ่ายยุทธการมากฝีมือและมักจะชอบลองแผนการรบรูปแบบใหม่อยู่เสมอ ปัจจุบันเขาอายุ 17ปีเท่ากับวิลเฮลมิน่า เขากับวิลเฮลมิน่ามักร่วมกันวางแผนและจัดวางโครงสร้างของกองทัพประวัติศาสตร์ด้วยกันเสมอ นอกจากจะเป็นที่ปรึกษาทางการทหารแล้วเขายังเป็นนักรบที่น่าเกรงขามอีกคนนึง

     

    6.วิราห์ วิรากานต์ (Vira Viragarn)

    นักเรียนครีกส์โธเรียทีมชาติไทย เธอเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Eight Alliance ซึ่งเป็นกลุ่มที่นำนักเรียนครีกส์โธเรียเข้าต่อสู้กับองค์กรสมาพันธ์ครีกส์โธเรียโลกในปี ค.ศ.2015 ซึ่งในตอนนั้นเธอยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายปี 1 และทำหน้าที่เป็นผู้นำหน่วยนักเรียนครีกส์โธเรียทีมชาติไทยร่วมรบคู่กับนักเรียนครีกส์โธเรียทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้นเธอได้เจอทั้งคลาร่าและวิลเฮลมิน่าทีเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาเรียนในโลกแห่งนี้ด้วย ก่อนที่ทั้งสองจะจากไปจนทำให้เธอรู้สึกว่าถูกทิ้งโดยเพื่อนรักสองคนของเธอ ปัจจุบันเธอเป็นผู้นำกองทัพประวัติศาสตร์จากโลกคู่ขนานที่ประจำการอยู่ในโลกเก่า โดยมีเหล่าเพื่อนๆจากต่างโรงเรียนและเพื่อนๆชาวไทยของเธอร่วมรบด้วยกัน

     

    7.ไอริสดิน่า ดาร์จีลิ่ง เดอ เฟลิสเบอต้า (Irisdina Darjeeling de Felisbertha)

    สายลับสาวลูกครึ่งเบลเยี่ยม-อังกฤษ เธอเป็นคนสนิทและสายลับประจำตัวขององค์หญิงโรซาลี่แห่งจักรวรรดิอังกฤษ อดีตเธอเคยเป็นเด็กกำพร้าเนื่องจากพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตในช่วงสงครามเบลเยี่ยม-ดัชต์ ทำให้เธอถูกคัดเลือกให้เข้าเรียนที่โรงเรียนฝึกสอนสายลับจนเธอได้เป็นนักเรียนอันดับหนึ่งของรุ่น หลังจากมาอยู่กับโรซาลี่ในช่วงการรุกรานของกองทัพจากต่างโลก เธอได้เป็นรองผู้บัญชาการของกองทัพประวัติสาสตร์ตะวันตกในการปลดปล่อยอังกฤษ, ฝรั่งเศส, และเยอรมนี เมื่อคราวที่องค์หญิงโรซาลี่ถูกลักพาตัวไป เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารราบยานเกราะเคลื่อนที่เร็วหน่วยแรกสำหรับเป็นหน่วยหัวหอกของการบุก


     

    ประวัติศาสตร์โลกคู่ขนานโดยสังเขป

    -จักรวรรดิรัสเซียเป็นมหาอำนาจของโลกนี้ เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ไม่ขายอลาสก้าให้สหรัฐฯหลังพบแหล่งแร่ธาตุมีค่ามากมายในการปฏิวัติอุตสาหกรรมรัสเซีย การปฏิวัติรัสเซียฝ่ายบอลเชวิคพ่ายแพ้ สหภาพโซเวียตไม่เคยถือกำเนิดมาก่อน

    -จักรวรรดิเยอรมนีไม่ล่าอาณานิคม แต่เป็นชาติที่มีขุมกำลังทหารที่ทรงพลังมากที่สุดในยุโรป ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 และสามารถรวมจักรวรรดิออสเตรียเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวรรดิเยอรมนีได้ในนามของฮับบูรก์ลันด์ ส่วนฮังการีได้รับเอกราชและได้รับการคุ้มครองจากจักรวรรดิเยอรมนีในฐานะราชอาณาจักรฮังการี

    -จักรวรรดิอังกฤษมีสภาพคล้ายกับจักรวรรดิรัสเซียในโลกความเป็นจริง อังกฤษพ่ายแพ้ในสงครามนโปเลียนทั้งที่ทราฟัลการ์และวอเตอร์ลู เกาะอังกฤษตกเป็นจังหวัดส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 1 ในฐานะราชอาณาจักรบริแทนเนีย สมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียกลับมาทวงบัลลังก์ในปี ค.ศ.1870 ในสงครามฟรังโก-ปรัสเซีย อังกฤษพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 และสมาชิกราชวงศ์โดนปฏิวัติโดยพรรคสังคมนิยมอังกฤษและกองกำลัง I.R.A. ของไมเคิล คอลลินส์ ก่อนจะกลับมาเป็นเอกราชอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อผู้นำรัฐบาลพรรครักชาตินำโดยวินสตัน เชอร์ชิลได้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 5 ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งจักรวรรดิอังกฤษอีกครั้ง

    -ฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์หลังพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดของจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 2 ที่หมายจะฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสกลับมาอีกครั้ง

    -สยามปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตย สยามได้ดินแดนกลับคืนมาด้วยความช่วยเหลือของพันธมิตรอย่างจักรวรรดิรัสเซีย, จักรวรรดิเยอรมนี, และสหราชอาณาจักรสแกนดิเนเวีย การปฏิวัติ 2475 ไม่เคยเกิดขึ้นมีเพียงแค่กบฏ 2475 ทั้งหมดต้องโทษประหารชีวิต แต่ภายหลังได้รับการอภัยโทษ และมาเป็นกำลังสำคัญในสงครามสยาม-ญี่ปุ่น

    -จักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ขนาดถึงขั้นชนกับสยามได้ แต่เลือกที่จะหยุดความบ้าคลั่งในการขยายอิทธิพลของตนในช่วงสงครามเย็นและหันไปปรองดองกับชาติเอเชียเพิ่มรวมพลังต่อต้านมหาอำนาจยุโรป ในปี ค.ศ.1936 พลเรือโทอิโซโรกุ ยามาโมโตะนำการรัฐประหารกลุ่มโตเซอิฮาและนำกลุ่มปฏิรูปขึ้นปกครองญี่ปุ่นจนสร้างเสถียรภาพให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่นได้สำเร็จ

    -จีนปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมประชาธิปไตยโดยรัฐบาลผสมของพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งมีเสถียรภาพและมั่นคงกว่า ซึ่งพิสูจน์ได้จากการทำสงครามกับรัสเซียในสงครามรัสเซีย-จีนในช่วงสงครามเย็น 

    -เกาหลีไม่ได้สูญเสียเอกราชให้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น แต่เพราะสงครามกับสหรัฐฯเลยทำให้ระบบจักรพรรดิล้มสลายและขาดความน่าเชื่อถือ รัฐบาลประชาชนเกาหลีภายใต้การนำของพรรครักชาติของจอมพลคิมอิลซุงได้เดินหน้าพัฒนาประเทศให้ทันสมัยมากขึ้น

    -สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้อังกฤษในสงครามประกาศเอกราชครั้งแรก นายพลจอร์จ วอชิงตันยอมจำนนต่อกองทัพอังกฤษ ก่อนที่ต่อมาจะได้รับเอกราชอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของจักรวรรดิฝรั่งเศส หลังพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจอเมริกาตกต่ำและเกิดสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ขึ้น และพ่ายแพ้อีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่ 2 และถูกชาติสัมพันธมิตรแบ่งเค้กประเทศ ภายหลังการปฏิวัติอเมริกา ค.ศ.1962-1972 อเมริกาได้รับเอกราชอีกครั้งในนาม “สาธารณรัฐแห่งสหภาพสังคมนิยมอเมริกา”

    -ชาติละตินอเมริกาไม่เสียดินแดนและคงความยิ่งใหญ่ไว้ได้ จักรวรรดิเม็กซิโกปกครองด้วยระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์ การรัฐประหารของนายพลอันโตนิโอ้ โลเปซ เดอ ซานตา แอนนาล้มเหลว สาธารณรัฐกรันโคลัมเบีย, สาธารณรัฐชิลี, สาธารณรัฐอาร์เจนติน่า, และจักรวรรดิบราซิลรวมตัวกันเป็นกลุ่มแนวร่วมผู้รักชาติแห่งละตินอเมริกาเพื่อป้องกันการแทรกแซงของจักรวรรดินิยม

     

    คำเตือน!!

    นิยายเรื่องนี้มีการอ้างอิงถึงเหตุการณ์, กองทัพ, อาวุธยุทโธปกรณ์, และบุคคลที่มีตัวตนจริงอยู่ในประวัติศาสตร์ไว้ด้วยผทางผู้เขียนไม่มีเจตนาที่จะกล่าวหาว่าร้ายแต่อย่างใด เพียงแค่เป็นการถ่ายทอดมุมมองระหว่างบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์จริงกับบุคคลในยุคปัจจุบันและความแตกต่างระหว่างทฤษฎีประวัติศาสตร์ทางเลือก (Alternative History) เท่านั้น หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น