คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : บทเรียนที่ 47 ปราณกระบี่สายที่สิบสอง - เป่าหิมะ
บทเรียนที่ 47 ปราณกระบี่สายที่สิบสอง เป่าหิมะ
‘ หมับ ’ มือทั้งสองข้างของโคทาโร่จับยึดกระบี่ดวงดาว และดาบเพลิงอัคคีของดีว่า และโซเฟียไว้ได้อย่างทันถ่วงที
จากนั้นทั้งดีว่า และโซเฟียก็รู้สึกได้ถึงพลังกดดันมหาศาลขุมหนึ่งที่แผ่พุ่งออกมาจากตัวของโคทาโร่ แต่ถึงกระนั้นแม้ทั้งสองคนจะพยายามฉุดดึงอาวุธประจำกายของตนเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถสลัดหลุดออกมาได้เลยแม้แต่น้อย
‘ แบบนี้คงไม่ได้การแล้ว ’ ดีว่ารับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เพราะเขาเคยเจอกับผู้ที่ใช้ลมปราณสายฟ้ามาหลายคนแล้ว ซึ่งจุดเด่นของผู้ใช้ลมปราณสายฟ้านั้นอยู่ที่พลังทำลายที่รุนแรง และรวดเร็วชนิดที่คู่ต่อสู้ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทีเดียว
และทันใดนั้นเองก่อนที่ดีว่าจะได้ทันคิดอะไรต่อนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังลมปราณสายฟ้าที่แผ่พุ่งเข้ามาใส่ร่างของตนอย่างมหาศาล
“ คุณโซเฟียรีบปล่อยมือเร็วครับ ! ” ดีว่าร้องเตือน แต่ดูท่าว่าจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว
‘ อัสนีคลั่ง !!! ’
พลังลมปราณสายฟ้าอันมหาศาลพุ่งไหลไปตามอาวุธเข้าสู่ร่างของทั้งคู่ในทันที
โซเฟียที่ไม่มีพื้นฐานด้านพลังลมปราณเลย รู้สึกชาไปทั้งตัว เรี่ยวแรงเริ่มหายไปทีละน้อยๆ จากนั้นร่างกายรู้สึกเหมือนกำลังจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ
“ ถ้ายังไม่อยากจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ละก็ประกาศยอมแพ้ซะ ! ” โคทาโร่กล่าวเสียงหนักแน่นราวกับเทพไรจินที่กำลังอยู่ในสภาพเกรี้ยวโกรธสุดขีด
“ มะ ไม่มีทาง ” โซเฟียปิดตากัดฟันแน่น แต่ถึงกระนั้นยิ่งมาร่างกายก็ยิ่งรู้สึกว่าจะเริ่มรับไม่ไหวแล้ว ทุกส่วนของร่างกายขณะนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป อาการเหน็บชาได้รามไปทั่วร่าง และพุ่งจนถึงศีรษะ สมองรู้สึกชาไปหมด จากนั้นสติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางไปทุกขณะ
“ ยอมแพ้ดีกว่าน่า ไม่อย่างนั้นเป็นอะไรไปก็อย่าข้าหาว่าไม่เตือนนะเจ้านินจาเงาอัคคี ” มาซาซึมุที่นอนอยู่กล่าวเตือน
“ พี่โซ ! ” ซิลเวียร้องเสียงสั่น “ ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยมือเถอะคะ แล้วรอบหน้าหนูจะเป็นคนจัดการมันให้เอง ! ”
“ โซเฟีย ! ” วีวี่ก็ใจหายไม่แพ้กัน แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดให้โซเฟียยอมแพ้ดีไหม เพราะเธอรู้นิสัยของโซเฟียดีว่าเป็นพวกที่ไม่ชอบยอมแพ้อะไรง่ายๆเสียด้วย ยิ่งบอกให้ยอมแพ้บางทีเธออาจจะยิ่งฮึดสู้ก็ได้ ในตอนนี้เธอก็ทำได้เพียงแต่ภาวนาเช่นเดียวกับตอนที่โซเฟียถูกโกจิบีบคอนั่นเอง
‘ มะ ไม่ไหวแล้ว ’ โซเฟียสติเลื่อนลอย รู้สึกว่าตนกำลังจะล้มวูบลงแล้ว ‘ ขอโทษด้วยนะทุกคน ’
‘ ฟ้าว ’
แต่ทันใดนั้นขณะที่ร่างกายกำลังจะล้มลงก็รู้สึกเหมือนกับมีพลังสายหนึ่งแล่นเข้ามาในร่างของตน ช่วยขับไล่พลังลมปราณสายฟ้าให้ค่อยๆหมดไปทีละนิดๆ ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงก็เริ่มกลับมามีพลังอีกครั้ง
และเมื่อลืมตาขึ้นก็ต้องพบว่าพลังลมปราณสายนั้นเป็นพลังลมปราณจากดีว่านั่นเอง
ดีว่าที่มือขวายังคงจับกระบี่อยู่นั้น กำลังใช้มือซ้ายโคจรพลังลมปราณสกัดกั้นพลังของโคทาโร่ไปพลาง และใช้พลังลมปราณสายที่ห้า ‘ สลายพลัง ’ ช่วยโซเฟียไปพลางด้วยเช่นกัน
“ จังหวะนี้แหละครับ รีบดึงดาบเพลิงอัคคีออกมาเร็วครับ ! ” ดีว่ากล่าวอย่างเหน็ดเหนื่อย จากนั้นตั้งสมาธิเค้นพลังลมปราณเฮือกหนึ่งออกไปให้ได้มากที่สุด เพื่อสกัดพลังสายฟ้าที่มือด้านซ้ายของโคทาโร่เพื่อให้โซเฟียมีโอกาสดึงดาบเพลิงอัคคีออกมาได้
‘ ควับ ! ’ โซเฟียไม่รอช้าเมื่อรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเริ่มกลับมา และพลังสายฟ้าจากมือข้างซ้ายของทาโร่หายไปวูบหนึ่งก็รีบชักดาบเพลิงอัคคีออกมาทันที
“ อะไรกัน เป็นไปได้ยังไง ” มาซาซึมุตกใจสุดขีด เพราะไม่เคยมีใครสามารถสลัดหลุดจากอัสนีคลั่งของ โคทาโร่ได้เลยแม้แต่คนเดียว แถมยังไม่เพียงแต่สลัดหลุด แต่ยังสามารถโคจรพลังต่อสู้กับเทพอัสนีไรจินโอได้อีก
‘ เจ้าหมอนี่ไปเอาพลังลมปราณมหาศาลมาจากที่ไหนกัน ทั้งๆที่พลังก็น่าจะหมดไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เรอะไง ?! ’ รูเกียร์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน ทั้งนี้เพราะเขาทราบดีว่าลมปราณแต่ละสาย และแต่ละครั้งที่ดีว่าได้ใช้ไปนั้นต้องสูญเสียพลังไปมากน้อยแค่ไหน ยิ่งการใช้ลมปราณสลายพลัง กับศรสวรรค์แล้วยิ่งมากเป็นพิเศษ หนำซ้ำยังต้องช่วยโคจรพลังต้านไปยังแขนอีกข้างหนึ่งของโคทาโร่เพื่อช่วยโซเฟีย และรักษาอาการเหน็บชาให้แล้วด้วย นับว่าตอนนี้ดีว่าไม่น่าจะมีพลังเหลือพอที่จะสู้ต่อได้อีกแล้ว
‘ ฟับ ! ’ ดาบเพลิงอัคคีถูกจุดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะฟันใส่โคทาโร่ที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
โคทาโร่ขณะกำลังจะคว้าจับดาบเพลิงอัคคีไว้อีกครั้งหนึ่งนั้น จู่ๆก็รู้สึกว่ามือซ้ายของตนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขึ้นมา
“ บ้าน่า ! ” โคทาโร่คำราม
‘ ฟับ ! ’
ดาบเพลิงอัคคีฟันใส่ไหล่ข้างซ้ายของโคทาโร่เต็มๆ ก่อนที่ร่างของโคทาโร่จะรีบพุ่งตัวถอยหลังออกไปในทันที
‘ เกร้ง ’
กระบี่ดวงดาวร่วงหล่นสู่พื้น ตามด้วยดีว่าที่ต้องทรุดลงหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า
“ เป็นอะไรรึเปล่า ” โซเฟียถามอย่างเป็นกังวล
“ มะ ไม่เป็นไร ” ถึงจะพูดเช่นนั้นแต่อาการของดีว่าในตอนนี้ดูไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่สู้กับจินเจ และโกจิเลยแม้แต่น้อย “ ระ ระวังครับ !!! ”
‘ วี้ดๆๆๆๆๆ ’
เสียงสัญญาณแสบแก้วหูดังขึ้นจากนั้นเงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่โซเฟียอย่างรวดเร็ว
‘ HYPER RIDER KICK ! ’
ด้วยความเร็วในระดับนี้ไม่มีทางที่โซเฟียจะหลบได้ทันแน่นอน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจยกดาบเพลิงอัคคีขึ้นมารับการโจมตีแทน
“ เจ้านินจาเงาอัคคีเอ๋ย ดาบเล็กๆเพียงแค่นั้นไม่มีทางต้านทานพลังของเทพไรจินโอได้หรอกนะครับ อย่าว่าแต่ดาบของเจ้าเลย ต่อให้เป็นดาบยักษ์ของสเวนก็เถอะ ” มาซาซึมุแย้มยิ้ม
‘ วูบ ’
และในพริบตานั้นเองเงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาบังร่างของโซเฟียไว้ก่อนที่โซเฟียจะถูกแรงกระแทกจากร่างนั้นกระเด็นถอยหลังล้มลงไปไกลพอสมควร
‘ ฟู่ ’
ควันลอยออกจากบริเวณรอบๆตัวของโคทาโร่ ซึ่งกำลังยืนประสานอินเหมือนเช่นเคย
‘ ทำไมกัน ปกติเมื่ออยู่ในร่างเทพไรจินโอคุณโคทาโร่สามารถโคจรพลังได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัวนี่น่า แถมเมื่อใช้ท่าออกไปแล้วไม่จำเป็นต้องโคจรพลังลมปราณซ้ำอีกครั้งนี่น่า แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้
. ’
มาซาซึมุยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
“ ไม่น่าเชื่อนะครับเมื่อสักครู่นี้ผู้แข่งขันดีว่าสามารถเอาตัวเข้ารับการโจมตีแทนผู้เข้าแข่งโซเฟียได้อย่างฉิวเฉียด แต่ดูท่าอาการของผู้แข่งขันดีว่าจะย่ำแย่แล้วละครับ ” เด็กชายนักประกาศหน้านิ่งกล่าวเสียงเรียบ
“ โอ๊ย ” โซเฟียเอามือกุมหัวด้วยความเจ็บปวด แรงกระแทกเมื่อสักครู่นี้ขนาดว่าดีว่าเข้ามาช่วยกันแทนแล้วยังรุนแรงจนเธอรู้สึกได้เลยว่าหากเธอโดนเตะเข้าไปเต็มๆคงจะลุกขึ้นไม่ได้ตั้งแต่แบบดีว่าแน่นอน
“ ดะ ดีว่า ! ” เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็ต้องพบว่าดีว่ากำลังคุกเข่าไออย่างทรมาน “ ไหวไหม ” เธอรีบวิ่งเข้าไปดูอาการทันที
“ แค่ก แค่ก ” ดีว่ายังคงไอไม่หยุด ลูกเตะเมื่อสักครู่ตรงเข้าที่หน้าอกของเขาเต็มๆ มือข้างขวากุมหน้าอกราวกับร่างจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ “ มะ ไม่เป็นไร
” พูดยังไม่ทันจบคำก็ล้มฟุบลงไปกับพื้นทันที ความปวดร้าวในร่างกายเกินกว่าที่จะทนรับไหว ทั้งนี้เพราะลูกเตะเมื่อสักครู่นี้หนักหน่วงกว่าครั้งแรกหลายเท่าตัว แถมยังแฝงพลังลมปราณสายฟ้าที่ทำให้พลังลมปราณในร่างกายแตกซ่านเข้าไปอีกด้วย
‘ เราเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าหมอนั่นถึงสามารถลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง ’ รูเกียร์สะเหยะยิ้ม ‘ ที่แท้ตอนที่รับการโจมตีของนินจาสายฟ้านั่นครั้งแรก มันคงรู้ว่าตนเองไม่สามารถหลบการโจมตีได้ทัน เลยตัดสินใจภายในชั่วพริบตาโคจรปราณกระบี่สายที่เจ็ด ลมหวน เพื่อสะท้อนการโจมตีกลับใส่ผู้โจมตีด้วยสินะ ( ปราณกระบี่สายที่เจ็ด ลมหวน : เป็นปราณกระบี่ที่เกิดจาการสร้างลมปราณในตัวเองให้คล้ายกับเกราะ เพื่อสะท้อนพลังจากการโจมตีของคู่ต่อสู้ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่โคจรลมปราณจะไม่ได้รับความเสียหายไปด้วย แต่จะได้รับความเสียหายเต็มๆเพียงแต่ความเสียหายที่จะสะท้อนกลับไปยังผู้โจมตีนั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของผู้ใช้ ) จากนั้นก็คงใช้ปราณกระบี่สายที่สอง ต่อปราณ เพื่อช่วยรักษาความบาดเจ็บที่ได้รับไปด้วยสินะ ถึงได้อยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ ’
‘ ถึงจะเป็นการใช้พลังลมปราณที่ดูสิ้นเปลืองไปหน่อยก็เถอะ แต่สามารถใช้ได้ตรงกับสถานการณ์ และมาจนถึงจุดนี้ได้ก็นับว่าไม่เสียทีที่ได้ยศปราณกระบี่ไร้เงาแล้วละ ’ รูเกียร์แย้มยิ้ม ‘ แต่ทำไมกันนะ ความรู้สึกหงุดหงิดที่บอกไม่ถูกนี่มันมาจากไหนกัน ทั้งเรื่องที่ว่ามันสามารถใช้ท่าศรสวรรค์สองครั้งติดต่อกันด้วยท่าที่ไม่น่าจะโคจรพลังลมปราณได้ และเรื่องที่มันสามารถรับการโจมตีของนินจาคนนั้นได้หลายครั้งทั้งๆที่พลังลมปราณน่าจะหมดไปตั้งนานแล้วด้วย ’
‘ หึ หรือว่าเราจะเริ่มสนใจมือกระบี่ปลายแถวคนนี้ขึ้นมาแล้วกันนะ ’ รูเกียร์เค้นหัวเราะ บางทีที่เขารู้สึกหงุดหงิดอาจจะเป็นเพราะอยากจะลองสู้กับดีว่าดูสักครั้งก็เป็นได้ แต่ดูจากสภาพในตอนนี้แล้วคงไม่มีอะไรให้ลุ้นอีกแล้ว
‘ แค่ก แค่ก ’ ดีว่ารู้สึกเวียนหัวไปหมด ภาพเบื้องหน้าค่อยๆมืดลงทีละน้อยๆ สติค่อยๆเลือนราง คงเป็นผลมาจากการใช้พลังลมปราณไปในจำนวนมาก ประกอบกับได้รับการโจมตีที่รุนแรงมากๆเข้าถึงสองครั้งด้วยกัน
‘ ไม่ไหว พลังลมปราณที่มีอยู่ก็ใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว ไม่สิน่าจะเรียกได้ว่าใช้ไปจนน่าจะเกินขีดจำกัดไปแล้วด้วยซ้ำ ’
ยิ่งคิดความเจ็บปวดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ฝึกกระบี่มานี่ก็เป็นในไม่กี่ครั้งที่เขาพบกับคู่ต่อสู้ที่สามารถทำให้เขาล้มได้ถึงขนาดนี้
“ ดีว่าๆ ” โซเฟียไม่สนอะไรทั้งสิ้น พยายามเขย่าตัวเรียกสติดีว่า แต่ดูเหมือนว่าดีว่าในตอนนี้จะทรมานจนแทบจะตั้งสติไม่ไหวแล้ว
‘ ยอมแพ้ดีไหมนะ ’ ความคิดหนึ่งพุดเข้ามาในหัวของเธอ จากนั้นเมื่อมองไปยังเบื้องหน้าก็พบว่าโคทาโร่ยืนประสานอินอยู่ เพียงแต่ในครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกเพราะดูอาการออกว่า เหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นโซเฟียจึงตัดสินใจใช้พลังเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นหยิบดาบเพลิงอัคคีขึ้นมา
‘ รอก่อนนะดีว่า เราขอสู้ด้วยพลังชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดก่อนแล้วจะรีบพาไปรักษานะ ’
เมื่อลุกขึ้นยืนได้ก็หลับตาลงตั้งสมาธิถือดาบเพลิงอัคคีไว้เหนืออกพักหนึ่ง
‘ถ้าจะต้องแพ้ก็ขอทำให้ถึงที่สุดก่อนก็แล้วกัน ’
จากนั้นตวัดดาบเพลิงอัคคีลงกับพื้น และพริบตานั้นดาบเพลิงอัคคีก็กลับขึ้นมาลุกโชติช่วงอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับแววตาของเธอที่เป็นประกายไม่แพ้กับเพลิงที่กำลังลุกอยู่
มองขึ้นไปยังจอแสดงพลังชีวิตก็พบว่า พลังชีวิตของเธอเหลืออยู่ 200 หน่วย ส่วนดีว่านั้นเหลือ 50 หน่วย และโคทาโร่เหลืออยู่ 1,200 หน่วย แม้จะรู้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้แล้วก็ตาม แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมแพ้เธอจึงขอสู้ให้ถึงที่สุดก่อน
‘ เพลงดาบอัศวิน กระบวนท่าบุกทะลวง (Charge)’
มือซ้ายของเธอยืนไปด้านหน้าเพื่อเป็นศูนย์ตั้งเล็งเป้าหมายไปยังคู่ต่อสู้ ส่วนมือขวาง้างดาบไว้เล็งไปยังเป้าหมาย จากนั้นเมื่อตั้งท่าเรียบร้อยแล้วก็พุ่งตัวเข้าไปหาโคทาโร่ด้วยในทันที ราวกับอัศวินที่กำลังขี่ม้าฝ่าวงล้อมเพื่อแลกชีวิตเข้าจัดการกับแม่ทัพของข้าศึกก็มิปาน
“ คะ คุณโคทาโร่ !!! ” มาซาซึมุตะโกนเรียก ทำให้โคทาโร่ที่กำลังหลับตาประสานอินไม่เสร็จสมบรูณ์ดีอยู่ลืมตาขึ้นมาทันที
“ มะ มาแล้วรึ ” จากนั้นมือซ้ายของโคทาโร่ก็วาดอักษรกลางอากาศ ก่อนที่จะชักนินจาเคนออกจากข้างเอวด้วยความรวดเร็วเตรียมรับการโจมตีของโซเฟีย
‘ เช้ง ! ’
ดาบเพลิงอัคคีเกือบจะทะลวงแทงเข้าใส่หน้าอกของโคทาโร่ได้แล้ว แต่ถูกโคทาโร่ใช้นินจาเคนที่มีความหนามากกว่าฟันขนาบข้างสวนไปจนถึงที่กันมือของดาบได้เสียก่อน
‘ เกร้ง ’
โซเฟียไม่รอช้าควงดาบเพลิงอัคคีเป็นวงสลัดนินจาเคนของโคทาโร่ออก ก่อนที่จะหมุนดาบไปมาเพื่อหลอกล่อโคทาโร่ ซึ่งนั่นก็คือ การใช้กระบวนท่า ดาบอัคคีเริงระบำนั่นเอง
‘ ระ รวดเร็วจริงๆ นี่เราเป็นอะไรของเรานะ จู่ๆก็รู้สึกว่าพลังในตัวมันหายๆไปยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่เราก็ใช้เทพสถิตร่างแล้วแท้ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าทุกครั้งที่เตะใส่เจ้ามือกระบี่คนนั้นร่างกายมันเจ็บปวดแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทั้งๆที่ปกติเราก็ใช้เวลาในการโคจรลมปราณเพียงไม่นานแท้ๆ แถมยังไม่เคยมีใครที่โดนเราเตะใส่แล้วลุกขึ้นมาสู้ได้อีก แต่เจ้ามือกระบี่นั่นกลับลุกขึ้นมาได้ถึงสองครั้ง มันเป็นเพราะอะไรกัน ทั้งยังสลายพลังของเราไปวูบหนึ่งได้ด้วย มันเป็นปีศาจหรือยังไงกัน ’
โคทาโร่ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่ก็รู้สึกสายตาเริ่มพล่ามัวไปเสียแล้ว นั่นเป็นผลมาจากเพลิงบนดาบ และกระบวนท่าที่หมุนดาบไปมาของโซเฟียนั่นเอง หากยังจ้องต่อไปเรื่อยๆตาจะเริ่มพล่ามัวจนสุดท้ายสายตาจะมืดไปขณะหนึ่ง เช่นเดียวกับที่นักรบเกราะเหล็กไอร่อนเคยโดนมาแล้ว
‘ ไม่ยอมหรอกน่า ฮิงะจะต้องไม่ผ่ายแพ้ ’ โคทาโร่ตั้งสติจากนั้นรวบรวมแรงฮึดสู้ปัดป้องดาบเพลิงอัคคีกลับไปอย่างหนักหน่วง
‘ อีกอย่างด้วยพลังที่เราเหลืออยู่ในตอนนี้ก็จัดการผู้หญิงคนนี้ได้สบายๆ ส่วนเจ้ามือกระบี่นั่นในสภาพอย่างนั้นก็คงจะสู้ไม่ไหวอีกแล้วละ แต่ทำไมกันความรู้สึกไม่มั่นใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนมันถึงได้เกิดขึ้นมาได้นะ ’
พริบตานั้นโคทาโร่พุ่งตัวถอยหลัง มือซ้ายวาดอักษรกลางอากาศ และประสานอิน ก่อนที่เสียงสัญญาณแสบแก้วหูจะดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
‘ ไม่หรอกเราไม่มีทางแพ้ ! ก็แค่เวลาในการใช้เทพสถิตร่างกำลังจะหมดแล้วก็เท่านั้นเอง ’
สายฟ้าปรากฏขึ้นบนนินจาเคน จากนั้นโซเฟียก็รู้แล้วว่าตนเองกำลังจะเจอกับอะไร เธอจึงรีบเปลี่ยนกระบวนท่าจากดาบอัคคีเริงระบำเป็นเวลาแห่งรุ่งอรุณในทันที เพื่อใช้รับการโจมตีที่รวดเร็วในระยะประชิด
“ มาลองดูกันสิว่า เทพสถิตร่างกับเวลาแห่งรุ่งอรุณใครจะเร็วกว่ากัน ” โซเฟียแย้มยิ้ม ในแววตาแฝงความเชื่อมั่น และความท้าทายอยู่หลายส่วน แต่ถึงกระนั้นเธอก็รู้ดีว่าโคทาโร่รวดเร็วถึงเพียงไหน ยิ่งอยู่ในร่างเทพไรจินโอแล้วด้วย ขนาดปกติดีว่ายังรับได้เพียงสามดาบเท่านั้น
“ ได้เลย เทพไรจินโอไร้ผู้ต่อต้านอยู่แล้ว เตรียมตัวรับความผ่ายแพ้เสียเถิด !!! ” โคทาโร่คำรามก่อนที่จะกดปุ่มไปยังนินจาเคนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษของตนเอง
‘ วี้ดๆๆๆๆ ’
‘ HYPER Rider Slash !!! ’
พริบตานั้นนินจาเคนในมือของโคทาโร่ตวัดออกด้วยความรวดเร็วห้าครั้งติดต่อกัน ความรวดเร็วนั้นพอๆกับตอนที่ไซโคร แนชใช้รีเฟรกชั่นโหมดเลยทีเดียว
ภาพเบื้องหน้าเรียกได้ว่าแทบจะทำให้คนดูเกือบจะลืมหายไปชั่วขณะเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการรุกรับกันอย่างรวดเร็ว และสวยงามอย่างมากภายในชั่วพริบตา
‘ เช้ง ’
ดาบแรกประสานกันโดยที่โซเฟียยังสามารถป้องกันตัวเองได้
‘ เช้ง ’
โซเฟียตวัดดาบจากขวาไปซ้ายวกขึ้นไปตีกับนินจาเคนที่ฟาดลงมาอย่างหนักหน่วง
‘ เช้ง เช้ง ! ’
ทั้งคู่ตวัดดาบไปมาสองครั้งติดกันก่อนที่จะตัดสินกันด้วยดาบสุดท้าย โดยโซเฟียตัดสินใจว่าจะต้องเอาชนะภายในดาบนี้ให้ได้ เธอจึงไม่สนการป้องกันของตัวเองอีกต่อไป ดาบนี้ตั้งใจแทงเข้าที่จุดตายเพียงจุดเดียว ซึ่งก็คือบริเวณคอหอยของโคทาโร่นั่นเอง ส่วนโคทาโร่นั้นตัดสินใจใช้สองมือฟาดนินจาเคนลงบริเวณศีรษะของโซเฟีย
พริบตานั้นดาบเพลิงอัคคีที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงพุ่งก็ตรงเข้าใส่คอหอยของโคทาโร่ทันที ขณะที่นินจาเคนที่เต็มไปด้วยอัสนีคลั่งก็กำลังพุ่งเข้าใส่ศีรษะของโซเฟียเช่นกัน
และแล้วพริบตาแห่งการตัดสินก็มาถึง
.
‘ เช้ง’
ดาบเพลิงอัคคีแทงใส่ชุดเกราะของโคทาโร่เต็มๆ เพียงแต่จุดนั้นไม่ใช่คอหอยดังที่โซเฟียต้องการ แต่เป็นบริเวณหน้าอกข้างขวา
‘ ฟับ ! ’
นินจาเคนฟันเฉียดไหล่ขวาของโซเฟียไปอย่างหวุดหวิด
จากนั้นต่างคนต่างก็ถอยห่างออกจากกันเพื่อไปตั้งหลักในทันที
ที่เป็นเช่นนี้เพราะในพริบตานั้นโคทาโร่ตัดสินใจเอียงตัวหลบเสียก่อน เผื่อว่าตนเองไม่สามารถโจมตีโดนก่อน เพราะพลังชีวิตก็ยังมีมากกว่าถึง 1,200 หน่วย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าไม่ควรที่จะเสี่ยงโดยไม่คุ้ม เมื่อเป็นเช่นนี้ความรวดเร็วจึงตกไปวูบหนึ่ง และแม้จะอยู่ในสภาวะเทพสถิตร่างก็ตาม แต่เพลงดาบเวลาแห่งรุ่งอรุณก็ไม่ใช้ท่าที่เชื่องช้า และประมาทได้แต่อย่างใด พลังชีวิตของโคทาโร่จึงลดลงไปเหลือ 800 หน่วย
และโคทาโร่ก็รู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในร่างกายของตน นั่นเป็นผลมาจากการใช้เทพสถิตร่างนั่นเอง การใช้เทพสถิตร่างความจริงนั้นก็ไม่ต่างจากการใช้รีเฟรกชั่นโหมดสักเท่าไหร่นัก เพียงแต่เป็นการฝึกฝนคนละวิธี ซึ่งวิธีของฮิงะที่ใช้นั้นจะต้องสิ้นเปลืองพลังงานของร่างกายมากกว่า ในขณะที่ความรวดเร็วนั้นแทบจะพอๆกัน แต่พลังโจมตีที่ได้ก็มากกว่าเช่นกัน
ซึ่งในตอนนี้โคทาโร่เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้ว เพราะเทพสถิตร่างก็ส่งผลต่อสมองเช่นกัน เพราะเป็นการใช้ลมปราณสายฟ้าควบคุมการทำงานของสมองให้สามารถขยับร่างกายได้รวดเร็วขึ้น
“ คุณโคทาโร่รีบจัดการทั้งสองคนนั้นเถอะครับ ก่อนที่ร่างกายจะรับไม่ไหวไปมากกว่านี้ ” มาซาซึมุเตือนสติ
“ อืม ขอบใจมาก เอาละได้เวลาตัดสินกันจริงๆจังๆสักทีนะ ” โคทาโร่สายตามุ่งมั่นสลัดทิ้งซึ่งความกังวล และเจ็บปวดทั้งหมดให้ออกไปก่อนที่จะประสานอินแน่นิ่ง ค่อยๆวาดอักษรกลางอากาศก่อนที่สัญญาณเตือนจะดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ดังกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
โซเฟียเองใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า การรับการโจมตีห้าดาบเมื่อสักครู่ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความรวดเร็ว และพลังสมาธิอย่างมากเท่านั้น แต่ต้องใช้แรงในการรับการโจมตีและตวัดดาบออกแต่ละดาบด้วย แถมยังเวลาในการต่อสู้ที่ค่อนข้างยาวนาน และได้รับการโจมตีหลายต่อหลายครั้งทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
แต่เธอก็ตัดสินใจไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะต้องพยายามให้ถึงที่สุด ดังนั้นเธอจึงรวบรวมสมาธิ และแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อตัดสินกับโคทาโร่
‘ ถ้าครั้งนี้เรายังไม่สามารถโจมตีเข้าที่จุดตายของโคทาโร่ได้ เราก็คงแพ้แล้วละ ’ โซเฟียสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ต้องลืมตาขึ้นเพราะเสียงสัญญาณเตือนที่แสบแก้วหูที่สุดเท่าที่เคยฟังมา
‘ แฮ่กแฮ่ก ’ ดีว่าที่ล้มลงอยู่หลังจากพยายามตั้งสติอยู่พักหนึ่งร่างกายก็เริ่มรับรู้ถึงสิ่งรอบข้างได้บ้างแล้ว ในขณะนี้เขาได้ยินเสียงสัญญาณที่แสบแก้วหูกว่าเมื่อสักครู่นี้ นั่นคงแสดงว่าการตัดสินแพ้ชนะกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
‘ สัญญาณเตือนครั้งก่อนหน้านี้ดังขึ้น แต่คุณโซเฟียยังไม่ล้มลง แสดงว่าคุณโซเฟียสามารถรับการโจมตีของฝั่งนั้นได้สินะ ’ ดีว่าสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามโคจรลมปราณที่มีอยู่ทั้งหมดขึ้นมา
‘ แล้วเราละ ขนาดคุณโซเฟียยังไม่ยอมตัดใจจนถึงที่สุดเลย เราเองก็จะต้องไม่ยอมแพ้เช่นกัน เพราะเรายังมีคู่ต่อสู้ที่จะต้องสู้ด้วยให้ได้ตามที่สัญญาไว้กับพี่อยู่ เราจะต้องไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องวิถีกระบี่หรืออะไรในตอนนี้เราไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแล้ว ตอนนี้เราคิดเพียงแต่ว่าจะต้องไม่ทำให้คุณโซเฟียต้องมาแพ้เพราะเราเหมือนครั้งที่แล้วให้ได้ ’
จากนั้นดีว่าก็ลืมตาขึ้นมา ภาพเบื้องหน้าบีบคั้นให้เขาต้องรีบคว้ากระบี่ดวงดาวที่หล่นอยู่ข้างๆขึ้นมาในทันที ความเหนื่อยล้า หรือความเจ็บปวดในร่างกายในตอนนี้คล้ายหายไปหมดสิ้นชั่วขณะ
‘ ไม่ได้การแล้วละ ครั้งนี้คุณโซเฟียไม่มีทางรับการโจมตีได้แน่นอน ’ ดีว่าเมื่อคว้ากระบี่ดวงดาวได้ก็รีบโคจรพลังลมปราณในทันที
โซเฟียเองก็รู้สึกได้ว่าด้านหลังของตนเองมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ซึ่งก็คงจะเป็นดีว่าที่ลุกขึ้นมายืนได้แล้วนั่นเอง ทำให้เธอยิ้มออกมาได้เล็กน้อย แต่ในขณะนี้เธอไม่มีเวลาที่จะให้หันหลังกลับไปชมดูอีกแล้ว เพราะวินาทีแห่งการตัดสินกำลังรออยู่เบื้องหน้านี้แล้ว หากเสียสมาธิไปเพียงวูบหนึ่งก็คงไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองอีก
‘ ONE !’
โคทาโร่กดหมุนหัวเข็มขัดรูปตัว H ตนเอง จากนั้นเอามือกดไปยังปุ่มบนนินจาเคน
‘ นะ นี่คุณโคทาโร่เอาจริงถึงขนาดจะใช้เจ้านั่นเชียวหรือเนี่ย ’ มาซาซึมุที่นอนดูอยู่ถึงกับเหงื่อไหล คิดจะห้ามก็คงห้ามไม่ได้เพราะเขาก็รู้นิสัยของโคทาโร่ดี ดังนั้นจึงได้แต่ภาวนาว่าการตัดสินในครั้งนี้จะจบโดยไว เพราะพลังที่โคทาโร่ใช้นั้นเกิดกว่าขีดจำกัดของร่างกายอย่างมาก
‘ TWO ! ’
สายฟ้าปรากฏบนเกราะขาของโคทาโร่ และเริ่มพลั่งพรูขึ้นมาบนนินจาเคน ส่วนโซเฟียก็ตั้งท่าบุกทะลวงหมายจัดการโคทาโร่ให้ได้ภายในดาบเดียว
‘ THREE !’
เสียงสัญญาณร้องถี่จนถึงขีดสุดตามด้วยเสียงขานรับจากเข็มขัดของโคทาโร่
“ MAXIMIUM POWER !!! ”
สายฟ้าอันบ้าคลั่งปรากฏขึ้นไปทั่วนินจาเคนของโคทาโร่
“ สุดยอดดาบสังหารฮิงะ ไรจินซึรุกิ !!! ”
ก่อนที่ร่างอันรวดเร็ว และทรงพลังของหัวหน้าชมรมนินจาโรงเรียนฮิงะจะพุ่งตัวเข้าใส่โซเฟียด้วยความเร็วสูงที่สุดเท่าที่เคยจู่โจมมา
โซเฟียแม้จะตั้งท่าเตรียมรอรับการโจมตีอยู่แล้วก็อดที่จะทึ่งไม่ได้ เพราะเพียงแค่โคทาโร่ดีดตัวออกเท่านั้นร่างอันทรงพลังของโคทาโร่ และพลังกดดันมหาศาลขุมหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจนถึงหน้าของเธอแล้ว โดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
‘ รวดเร็วเกินไป ! ’ โซเฟียมีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้นในตอนนี้ แต่เธอก็ไม่คิดที่จะหลับตาหรือหลบเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ล้วนแต่ไม่ทันแล้วทั้งสิ้น ภาพนินจาเคนที่กำลังตวัดใส่ร่างของเธออย่างรวดเร็ว และทรงพลังกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะจิต
แต่ในขณะที่ภาพเบื้องหน้าดีว่ากลับเป็นภาพของชายชราร่างสมส่วนในชุดขาวยาวผู้หนึ่ง ชายผู้นี้มีคิ้วสีขาว ไว้เคราขาโพลนยาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ ท่าทางสงบนิ่ง กำลังหลับตาคล้ายกำลังฟังเสียงพูดคุยของสายลมยามเย็นอยู่
“ ในที่สุดเจ้าก็สามารถฝึกฝนปราณกระบี่ได้ถึงสิบสองสายจนสำเร็จได้แล้วสินะ ” ชายชราผู้นั้นทอดถอนใจ
“ ครับผม ” เด็กหนุ่มในชุดเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินกล่าวขึ้น แม้สีหน้าจะดูอิดโรยจากการฝึกฝนอยู่บ้าง แต่ใบหน้ากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดีที่ตัวเองสามารถฝึกฝนปราณกระบี่ถึงสายที่สิบสองได้ จากนั้นจู่ๆเด็กหนุ่มก็รู้สึกร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจนถึงกับทรุดลงในทันที
แต่ขณะที่เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังจะล้มลงถึงพื้นนั้นก็รู้สึกเหมือนมีลมหอบหนึ่งพัดผ่านร่าง จากนั้นร่างกายรู้สึกว่ากลับมามีเรี่ยวแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อหันหน้าไปก็ต้องพบว่าเป็นชายชราผู้นั้นเองที่เข้ามาจี้จุดถ่ายทอดพลังลมปราณให้ ความเคลื่อนไหวของชายชรานั้นช่างแผ่วเบา นุ่มนวล และรวดเร็วราวกับสายลมจริงๆ
“ ขอบคุณมากครับ ท่านผู้เฒ่า ” เด็กหนุ่มกล่าว
“ นั่นเป็นผลมาจากการใช้ลมปราณสายที่สิบสองยังไงละ ” ชายชราลูบเคราพลางกล่าว “ เป็นปราณกระบี่ที่ทำให้แม้แต่สายลมที่อ่อนโยนก็แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธอันทรงพลัง และแสนจะร้ายแรงได้ แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียพลังลมปราณจำนวนมาก จนอาจถึงขั้นหมดสติเลยก็เป็นได้ ”
“ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะใช้ไม่ใช่หรอครับ ” เด็กหนุ่มถาม
“ หึ เด็กน้อยเอ๋ย ” ชายชราหัวเราะ “ ปราณกระบี่สายนี้นับว่าอันตรายที่สุดในบรรดาปราณกระบี่ทั้งสิบสองสาย ซ้ำยังเป็นภัยต่อทั้งตัวผู้ใช้และคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก ดังนั้นเจ้าจำจำไว้ให้ดีว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจงอย่านำมันมาใช้อันขาด ” แม้จะกล่าวเรียบๆ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง
“ รับทราบครับ ผมจะไม่นำมันมาใช้ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ ” เด็กหนุ่มรับคำ
“ ดี ดีมาก ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ ” ชายชราหัวเราะอย่างภาคภูมิ “ แต่ที่สำคัญกว่านั้นเจ้ารู้ไหมว่ามันคืออะไร ”
“ ที่สำคัญกว่านั้น
. ” เด็กหนุ่มหยุดคิด สายลมพัดผ่านเขาไปมา “ ที่สำคัญกว่านั้นใช่เป็นปราณกระบี่สายที่สิบสามหรือเปล่าครับ ”
“ ฮ่าๆๆ ปราณกระบี่สายที่สิบสามอย่างนั้นหรอ ” ชายชราหัวเราะลั่น “ ดูท่ายังห่างไกลนัก ยังห่างไกลนัก ”
“ ขอโทษด้วยครับ ” เด็กหนุ่มก้มหัวอย่างผิดหวัง
“ ไม่เป็นไรหรอกนะ จงอย่าไปยึดติดกับทุกสิ่ง ในโลกนี้ไม่มีถูกผิด มีแต่ความจริงเท่านั้น ” ชายชรายิ้มอย่างอิ่มเอิบ “ เอาเป็นว่าเมื่อเจ้าได้คำตอบเมื่อไหร่ค่อยลองมาบอกข้าใหม่แล้วกัน เมื่อถึงเวลานั้นข้าอาจจะลองพิจารณาเจ้าดูใหม่ว่าจะมีคุณสมบัติพอที่จะครอบครองเทพกระบี่ประกายแสงได้รึเปล่า ”
“ ขอบพระคุณมากครับ ” เด็กหนุ่มก้มหัว ถือกระบี่คาราวะ
เมื่อพูดถึงเทพกระบี่ประกายแสง เด็กหนุ่มก็เกิดอาการดีใจขึ้นมาทันที ทั้งนี้เพราะมันได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดกระบี่ประจำชมรมที่ท่านผู้เฒ่า หรืออาจารย์ได้สั่งให้ช่างตีกระบี่มือดีผู้หนึ่งตีขึ้นมา ว่ากันว่าผู้ที่ได้ครองครอบจะได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของท่านผู้เฒ่า ทั้งนี้มันยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึงฝีมือและถือเป็นเกรียติอย่างสูงของมือกระบี่ด้วย แต่ทั้งนี้ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นมันเลยแม้แต่คนเดียว จะมีก็เพียงการบอกเล่าลักษณะของมันไปต่างๆกันมา บางคนก็ว่ามันอัดพลังลมปราณมหาศาลจำนวนเอาไว้ หากได้ใช้มันจะได้เป็นผู้มีพลังลมปราณเป็นเลิศจนถึงขั้นสามารถใช้ปราณกระบี่ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยทีเดียว
แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่ท่านผู้เฒ่าเฝ้าสอนนักเรียนมานักต่อนักแล้วยังไม่ปรากฏว่าจะใครมีสามารถผ่านด่านฝึกฝนของท่านผู้เฒ่าไปได้เลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่คนที่มีฝีมือมากกว่าเขาซึ่งก็คือ พี่ชายของเขาก็ตาม
“ ว่าแต่ท่านผู้เฒ่าครับ ปราณกระบี่สายที่สิบสามนี่มันเป็นอย่างไรหรือครับ ทำไมถึงไม่ยอมสอนผมละครับ ” เด็กหนุ่มถาม
“ ฮ่าๆๆๆ ปราณกระบี่สายที่สิบสามน่ะหรอ ” ชายชราหัวเราะ “ ปราณกระบี่สายที่สิบสามน่ะมันไม่มีหรอก ไม่สิ ความจริงปราณกระบี่นะมันไม่มีสักสายหรอกนะ ! ” เป็นคำตอบเรียบๆสั้นๆ แต่ทำให้เด็กหนุ่มมึนงงไปเลยทีเดียว
‘ ปราณกระบี่ที่จริงมันไม่มีสักสาย ถ้าอย่างนั้นแล้วทั้งหมดที่เราฝึกมามันคืออะไรกันละ ?! ’
“ พูดไปตอนนี้เจ้าก็คงจะไม่เข้าใจหรอกนะ เจ้าจงลองไปหาคำตอบด้วยตัวเองเถอะ ” ชายชราแย้มยิ้ม “ แต่ก็อย่าลืมซะละที่ข้าได้สอนเจ้าไปทั้งหมด จงจำให้ขึ้นใจ และอย่าใช้วิชากระบี่ในการรังแกพูดอื่นเป็นอันขาด ”
“ ครับผม ขอบคุณมากครับ ” เด็กหนุ่มคาราวะให้กับชายชราอีกครั้ง จากนั้นเมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นก็ต้องพบว่าชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้หายไปเสียแล้ว เหลือไว้เพียงแค่สายลมที่นุ่มนวลหอบหนึ่ง และเสียงหัวเราะที่ค่อยๆเลื่อนลอยไปไกลแล้ว
และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ดีว่ายังคงจำได้จนถึงทุกวันนี้ วันนั้นวันที่เขาได้รับฉายา ปราณกระบี่ไร้เงา และได้รับการเลื่อนยศให้ใส่ชุดเสื้อคลุมสีเพลิงได้นั่นเอง
“ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ท่านอาจารย์ ” ดีว่ากล่าวเสียงค่อย จากนั้นตั้งกระบี่ขึ้นตรงระดับสายตา ก่อนที่จะรวบรวมพลังลมปราณเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาใช้
‘ ตั้งท่าโคจรลมปราณแบบนั้น อย่าบอกนะว่าจะใช้มัน ! ’ รูเกียร์ที่ดูอยู่ถึงกับอดตะลึงไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะดีว่าไม่ควรใช้ แต่เป็นไม่น่าจะใช้ออกได้แล้วต่างหาก
‘ จำไว้ถ้าไม่จำเป็นจงอย่านำมันมาใช้เป็นอันขาด ’
‘ ปราณกระบี่สายที่สิบสองเป็นปราณกระบี่สายที่อันตรายที่สุด ทั้งต่อผู้ที่ใช้มันและผู้ที่ได้รับ ’
คำพูดของท่านผู้เฒ่าลอยเข้ามาในหัวของดีว่า ขณะกำลังโคจรลมปราณ
‘ ดังหมู่ดาวเคลื่อนคล้อย ลอยตะวัน
ปราณสิบสองพลันใช้ออกดังใจหมาย
พิฆาตทั้งผู้ใช้ ผู้โดนทำลาย
สูญสิ้นหมายทั้งสิ้น ทุกสิ่งอัน ’
พริบตานั้นดีว่าพลันลืมตาขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่นินจาเคนห่างจากตัวของโซเฟียเพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น
“ ปราณกระบี่สายที่สิบสอง เป่าหิมะ จงสำเดช ณ บัดนี้ !!! ”
ดีว่าไม่ได้ใช้กระบี่แทงออกเช่นทุกครั้ง ทั้งยังไม่ต้องเคลื่อนไหว แต่ดีว่าเพียงยืนตัวตรงอย่างสงบนิ่ง ถือกระบี่ดวงดาวตรงไว้ที่ระดับสายตา จากนั้นเพียงแค่เป่าลมเบาๆไปยังปลายกระบี่
เป็นเพียงการเป่าปากเบาๆเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
.
สายลมนั้นแม้มิอาจรวดเร็วเทียบเท่าสายฟ้า แต่ความอ่อนโยน และพลังในการเปลี่ยนแปลงของมันนั้นลึกซึ้งกว่าสายฟ้าอยู่มากนัก
พริบตานั้นเองโซเฟียที่ยืนอยู่ก็รู้สึกได้ถึงพลังสายลมหอบหนึ่ง แต่ครั้งนี้ผิดแปลกกว่าปราณกระบี่ทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่ใช่ปราณกระบี่ที่รุนแรง หรือเต็มไปด้วยพลังทำลายแต่อย่างใด กลับกันมันเต็มไปด้วยความนุ่มนวลอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่เชื่องช้าและไม่รวดเร็วเกินไป
โคทาโร่เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในขณะที่จิตสังหารรวมอยู่ที่ดาบเดียว จู่ๆก็รู้สึกถึงสายลมอันอ่อนโยนสายหนึ่งพัดเข้าใส่ร่างของตน ก่อนที่จะพบว่าสายลมอันอ่อนโยนสายนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังลมปราณทำลายล้างอันร้ายแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา
จู่ๆร่างกายก็คล้ายจะดับสูญไปในทันที ลมปราณสายฟ้าที่โคจรไว้แตกซ่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซ้ำยังมีความรู้สึกหนึ่งมีแว่บขึ้นมาในหัว คือ ร่างกายชาจนไม่เกือบจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้ว
หนาวเหน็บเหลือเกิน
จากนั้นสติที่มีอยู่ก็ค่อยๆเลือนรางไปทีละนิดๆ
..
‘ เกร้งๆ ปัก ! ’
ร่างของโคทาโร่หยุดการเคลื่อนไหวในทันที ก่อนที่นินจาเคนในมือจะร่วงหล่นลงกับพื้น ตามด้วยร่างอันไร้สติของโคทาโร่ที่ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที
“ กะ เกิดอะไรขึ้น ” โซเฟียที่คิดว่าต้องโดนนินจาเคนฟันใส่แล้วสงสัยขึ้นมา
“ คุณโคทาโร่ !!! ” มาซาซึมุตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง
“ หวังว่าคงจะไม่เป็นอะไรนะครับ เพราะผมโคจรลมปราณสายที่สอง - ต่อปราณเข้าไปให้แล้วนะ ” ดีว่ามองอย่างเป็นกังวล จากนั้นเริ่มรู้สึกว่าสติของตัวเองก็กำลังจะหมดลงไปเช่นกัน
‘ เกร้ง ’
กระบี่ดวงดาวในมือของดีว่าร่วงหล่นลงกับพื้น ทำเอาโซเฟียหันกลับไปมองด้านหลังทันที และก็พบว่าร่างของดีว่าค่อยๆทรุดลงไปกับพื้นเช่นเดียวกันกับโคทาโร่
“ ดีว่า ! ” โซเฟียรีบวิ่งเข้าไปประคองดีว่าที่ล้มลงอยู่ ภายใต้หน้ากากป้องกันนั้นสีหน้าของดีว่าแฝงทั้งรอยยิ้ม และความรู้สึกผิดไปในเวลาเดียวกัน
นี่หรือพลังทำลายล้างของปราณกระบี่สายที่สิบสอง เป่าหิมะ ปราณกระบี่ที่ได้ชื่อว่าร้ายแรงที่สุดในบรรดาปราณกระบี่ทั้งสิบสองสาย พิฆาตทั้งผู้ใช้ ผู้โดนทำลาย
“ ปราณกระบี่สายที่สิบสองเป็นปราณกระบี่ที่ไม่ได้ใช้สร้างความบาดเจ็บให้แก่ร่างกายของคู่ต่อสู้แต่อย่างใด มันเป็นพลังลมปราณที่อ่อนโยนที่สุด แต่แฝงไปด้วยพลังทำลายที่น่ากลัวที่สุด โดยผู้ใช้จะต้องตัดปราณในร่างของตนออกให้หมด เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายของตนเองให้ได้มากที่สุด ” ภาพชายชราชุดขาวกล่าวอย่างอ่อนโยน แต่สีหน้าแฝงความจริงจังอยู่หลายส่วน
“ ลดอุณหภูมิให้ได้มากที่สุดหรอครับ ” เด็กหนุ่มชุดสีน้ำเงินถามซ้ำ “ แล้วต้องลดให้ได้ถึงกี่องศาหรอครับ ”
“ ต้องลดให้ได้จนถึงขั้นสามารถเป่าลมให้กลายเป็นหิมะได้ ” ชายชราทอดถอนหายใจ “ ดังนั้นผู้ที่โดนพลังปราณสายนี้เข้าไปลมปราณในร่างกายจะแตกซ่าน อุณหภูมิในร่างจะลดลงจนต่ำกว่าศูนย์องศาชั่วขณะหนึ่ง สติจะเลือนลอยไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ”
“ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ควรฝึกมันนะสิครับ ” เด็กหนุ่มชุดสีน้ำเงินถามอย่างตกใจ
“ หากเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอข้าก็คงจะไม่สอนเจ้าหรอก ทุกอย่างในโลกนี้ก็ล้วนเป็นอาวุธได้ ทั้งนี้มันก็แค่ขึ้นอยู่กับจิตเจตนาของผู้ใช้ก็เท่านั้นเอง ” ชายชรายิ้มอย่างอ่อนโยน “ เพราะฉะนั้นหากเจ้าสามารถเรียนรู้ปราณกระบี่สายที่สิบสองได้สำเร็จ และสักวันหนึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มันจริงๆ จงอย่าลืมที่จะใช้ลมปราณสายที่สอง ต่อปราณ ใส่ให้กับเขาด้วยละ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ทำให้เพียงหมดสติไปขณะหนึ่งเท่านั้น ”
“ ครับ ผมจะไม่ลืมเด็ดขาด ” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างมั่นใจ
‘ อาจารย์ครับผมยังคงรักษาสัญญานั้นไว้ได้ใช่ไหมครับ
’ ดีว่ายิ้ม ก่อนที่ภาพชายชรานั้นจะยิ้มให้แก่เขา พร้อมที่สติเริ่มเลือนลอย และหมดลงไปในที่สุด
____________________________________________
ความคิดเห็น