ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทเรียนที่ 8 ตัดสินแพ้ชนะ
                                          บทเรียนที่ 8  ตัดสินแพ้ชนะ
        พรีสไซโยนลูกปิงปองขึ้นสูงมาก  เหมือนกับว่าเขาต้องการจะเสริฟ์ลูกเท็นนิสก็ไม่ปาน    ลูกปิงปองหลังจากลอยขึ้นสูงจนเกือบจะถึงเพดาน    ก็ค่อยๆ ล่วงลงมาเป็นเส้นตรงราวกับว่า  ได้ถูกบังคับทิศทางเอาไว้แล้ว 
          “ ค่อยดูให้ดีลูกเสริฟ์ไม้ตายของเรา  ลูกวาร์ป !!!! ” 
          ลูกปิงปองเพียงแค่สัมผัสไม้ของพรีสไซเท่านั้นก็หายไปในทันที  ได้ยินเพียงแค่เสียงกระทบไม้และกระเด้งใส่โต๊ะ    แต่ว่าไม่สามารถมองเห็นลูกได้เลย              วา พยายามมองหาลูกแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว    อยู่ดีๆ ลูกปิงปองก็ปรากฎออกมาที่มุมขวาของวา        วาไม่สามารถรับลุกได้เลยเพราะมันมีความเร็วมากเกินกว่าที่จะรับได้     
          ลูกปิงปองกระเด็นออกไปไกลจากโต๊ะพอสมควร    ส่วนวานั้นยังคงยืนอึ้งอยู่กับโต๊ะ        พรีสไซเริ่มหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง     
          “ อะไรกันๆ  แค่นี้ก็รับไม่ได้แล้วหรอ  แต่อย่างว่านะ  ถ้านายรับได้สิเราถึงจะแปลกใจ        รีบไปเก็บลูกมาสิ    อย่าทำตัวเป็นพวกเกลือสิ  ”
        วา กำลังจะเดินไปเก็บลูกแต่เด้กผู้หญิงคนที่ให้วายืมไม้ก็หยิบลุกมาให้เขาแล้ว  ดุเหมือนว่าเธอมีอะไรจะบอกกับเขาด้วย
       
        “ เออ คือ เรามีวิธีรับลูกเสริฟ์ของพรีสไซ  นายสนใจไหม ”            เด็กหญิงค่อยๆ กระซิบ
        “ อย่าเพิ่งดูถูกกันมากไปสิครับ  คอยดุต่อไปก็แล้วกัน ”
          วา รับลูกมาจากนั้นก็โยนไปให้พรีสไซเสริฟ์      พรีสไซก็ตั้งท่าเสริฟ์เหมือนเดิมโดยค่อยๆ  โยนลูกให้สูงขึ้นไปตามเดิม      ในที่สุดลูกเสริฟ์ไม้ตายของพรีสไซก็แผลงฤทธิ์ออกมาอีกที        เมื่อลูกกระทบไม้มันก็หายไปอีกเหมือนคราวที่แล้ว        วาพยายามที่จะตั้งรับลูกอย่างเต็มที่คราวนี้มันโผ่ลออกมาทางซ้ายของโต๊ะ    ความเร็วของมันออกจะเร็วกว่าการเสริฟ์ครั้งเมื่อตะกี้เสียอีก            ลูกปิงปองกระเด็นออกไปอีกครั้งหนึ่ง  ดูเหมือนว่าวาไม่สามารถที่จะรับลุกเสริฟ์ของพรีสไซได้เลย
        เกมดำเนินไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดวาก็ได้เป็นฝ่ายเสริฟ์เหมือนคะแนนอยู่ที่ 1 ต่อ 4        ลูกเสริฟ์ของวานั้นก็มีความแรงอยู่ระดับหนึ่ง  เพียงแต่ว่ามันยังไม่แรงพอที่จะทำให้พรีสไซรับไม่ได้          กลับกันพรีสไซกลับรับลูกของเขาได้อย่างง่ายดาย      บางครั้งวายังถูกตบกลับมา    เขาไม่สามารถทำคะแนนได้อีกเลยนอกจากลูกแรกที่เขาโต้กลับไปได้   
        เกมดำเนินไปเรื่อยๆ  ดูเหมือนว่าพรีสไซเริ่มจะอ่อนๆ  ให้วาบ้างแล้วแต่ถึงอย่างนั้นวาก็ยังไม่สามารถทำคะแนนได้เลย      ในที่สุดคะแนนของพรีสไซก็นำวามาจนถึง  14 ต่อ 1            เด็กผู้หญิงคนที่ให้วายืมไม้เริ่มมีอาการเบื่อเล็กน้อยเนื่องจากวาไม่ยอมที่จะรับฟังวิธีรับลูกเสริฟืของพรีสไซ      ตานี้เป็นตาเสริฟ์ของพรีสไซ   
          “ ที่แท้นายมันก็เป็นไอ้พวกเกลือด้วยสินะ ”           
          วา ไม่ตอบแต่กลับยิ้ม  มันเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่    ขณะที่พรีสไซทำท่าทีว่าจะเสริฟ์ลูกต่อไปนั้นวาก็พูดออกมาขัดจังหวะไว้ว่า 
       
            “ ช้าก่อน ที่ผ่านมาน่ะ  เรายังไม่ได้เอาจริงเลยนะ  แค่ลองทนสอบฝีมือของนายดูก็เท่านั้นเอง    ต่อจากตานี้ละก็นายเตรียมรับมือดีๆได้ ”          เขาพูดปนหัวเราะไปด้วย
          “ อย่ามาทำเป็นปากดีไปเลย  ผลแพ้ชนะมันเห็นกันชัดๆ อยู่แล้ว  ”        พอพรีสไซพูดจบท่าทางจากจับไม้ของวาก็เปลี่ยนไป            จากท่าจับธรรมดาเปลี่ยนเป็นการจับแบบที่เรียกว่า  การจับแบบไม้จีน    มันเป็นการจับไม้โดยใช้การตีด้วยหน้าไม้เพียงด้านเดียว    ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งในการจับไม้ 
          พรีสไซมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยจนถึงกับต้องยักคิ้วให้กับวา          ส่วนวานั้นอมยิ้มเล็กน้อย
        “ คิดว่าการเปลี่ยนวิธีการจับไม้จะสามารถเอาชนะเราได้ก็ลองดูเอาละนะ ”
        “ หึหึ นายมีฝีมือเท่าไหร่ก็จงใช้ออกมาให้หมดเถอะ!  ”              ท่าทางการเล่นของวาเปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจนดูเขามีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมมาก        พรีสไซนั้นไม่รอช้าโยนลูกปิงปองขึ้นไปทันที      แต่คราวนี้วากลับไม่ทำท่าเตรียมตัวรับลูกเลย    แม้แต่มองลูกวายังแทบจะไม่มองเลยทีเดียว           
        เมื่อลูกปิงปองกระทบกับไม้ก็หายไปอีกครั้งเหมือนกันทุกคราว    แต่คราวนี้ไม่ทันที่ลูกจะปรากฎออกมาวาก็สะบัดไม้ของเขาออกไป    แต่ทว่าเขาไม่ได้สะบัดไม้มัว  ไม้เหมือนสะบัดออกไปเกิดเสียง เป๊อะ !      ซึ่งก็หมายความว่าไม้ของวาตีถูกลูกปิงปองได้โดยที่เขายังไม่ต้องมองเลยด้วยซ้ำ        พรีสไซถึงกับต้องตะลึงเล็กน้อยเพราะลุกปิงปองได้หายไปเสียแล้ว        แต่เมื่อเขาได้สติลูกปิงปองก็ตกลงไปตรงมุมขวาของเขาเสียแล้ว      มันตกลงตรงเส้นสีขาวพอดี    ซึ่งไม่มีทางที่จะรับได้ทันแน่นอน  และมันก็เป็นเช่นนั้นพรีสไซไม่สามารถรับมันได้ 
        ลูกปิงปองแทนที่จะกระเด็นตรงออกไปกลับกระเด้งโค้งตรงไปที่หน้าของพรีสไซ    ลูกปิงปองกระเด็นใส่แว่นของเขาเต็มๆ    ทำให้แวนนั้นเกือบที่จะหลุดออกมาเลยทีเดียว          จากนั้นลูกปิงปองก็ค่อยๆ ล่วงลงสู่พื้นแล้วมันก็ค่อยๆ  หยุดนิ่งลง       
        คนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  ไม่เว้นแม้แต่โซเฟียที่ไม่เคยมีอะไรทำให้ประหลาดใจได้ง่ายๆ  แต่คราวนี้ถึงกลับยืนนิ่งอยู่สักพักหนึ่งเหมือนกัน      คนทั้งห้องแทบจะกลายเป็นเสือใบ้นิคไปเสียแล้ว    แต่ในที่สุดความเงียบก็หายไปเมื่อพรีสไซหัวเราะเสียงดังพร้อมกับค่อยๆ เก็บลูกขึ้นมา
        “ ฮ่าๆ ที่แท้ก็มีฝีมือเหมือนกัน  แต่ว่าการที่ชนะเพียงแค่ 2 ลูกก็ใช่ว่าจะสามารถเอาชนะเราได้หรอกนะ    เตรียมรับมือให้ดี ”
        “ ก็บอกแล้วไงว่า  นายมีฝีมือเท่าไหร่ก็จงใช้ออกมาให้หมดเสียเถอะ  ก่อนที่จะเสียใจภายหลัง หึหึ ”      วา พูดเหมือนกับเป็นคนละคนกับที่แพ้ไป 14 ลูกเมื่อสักครู่นี้       
     
        พรีสไซเป็นฝ่ายเสริฟ์อีกครั้งหนึ่ง  การเสริฟ์คราวนี้ดูจะรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มากขึ้น    คงเพราะคำพูดของวานั่นเอง        แต่ว่าแม้การเสริฟ์จะแรงขึ้นเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้วารู้สึกกลัวเลยสักนิด    เขาสามารถรับมันได้อย่างง่ายดาย    บางครั้งเขาถึงกับสามารถตบกลับไปได้เอาดื้อๆ        เล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตาเสริฟ์ของวาบ้าง    เหมือนกับจะเป็นการเอาคืน  วาโยนลูกขึ้นไปสูงเหมือนกับที่พรีสไซโยน 
        “ คอยดูนะต่อไปนี้คือ  ลูกวาร์ป ของจริงละ  ”   
        เมื่อไม้กระทบกับลูกปิงปองก็หายไปเพียงแต่ว่ามันเร็วกว่าที่พรีสไซตีมาก    คนทั้งห้องถึงกับตะลึงอีกครั้ง      นี่ไม่ใช่การตีเลียนแบบธรรมดาซะแล้ว  มันเป็นการตีที่เหนือกว่าอีกขั้นหนึ่งต่างหาก      มิว นั้นถึงกับดีใจจนออกอาการกระโดดโลดเต้นที่เห็นเพื่อนของเขาสามารถพลิกเกมได้ 
        “ สุดยอดจริงๆ สมแล้วที่เป็นหัวหน้าวง    ตีได้เจ็บใจวัยรุ่นจริงๆ ”        มิว ตะโกนบอกพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้แก่วา    ส่วนโซเฟียนั้นได้แต่อมยิ้ม  ดูเหมือนว่าเธอเองก็จะต้องประเมินฝีมือวาใหม่เสียแล้ว        ยิ่งเด็กหญิงคนที่ให้วายืมไม้ไม่ยิ่งต้องพูดถึงตาของเธอแทบจะเป็นกรายเลยทีเดียวเชียว     
        พรีสไซนั้นถึงกับต้องกัดฟัน  เขาแทบจะคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาทำให้เขาหน้าเสียได้ขนาดนี้เลย    เขาไม่สามารถที่จะโต้กับวาได้เลย  หรือถึงแม้ว่าจะโต้ได้บ้างก็ไม่สามารถทำคะแนนได้อีกเลยนับตั้งแต่วาเปลี่ยนท่าทางการจับไม้        เกมดำเนินไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดวาก็สามารถทำคะแนนตามทันแถมยังทำคะแนนนำห่างไปเรื่อยๆ  จนเป็น 19 ต่อ 14   
      “ พอก่อนๆ ”         
      “ ทำไมละ  ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะกันเลยไม่ได้หรอ  นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าคะแนนแค่ 2-3 แต้มไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้  นี่ก็ห่างกันแค่ 5 คะแนนเองนะ  ”
      “ เรายอมแพ้แล้ว ”             
 
      เมื่อพรีสไซพูดคำนั้นออกไปคนทั้งห้องแทบจะตะลึงไปอีกครั้งไม่น่าเชื่อว่า  รองประธานชมรมผู้ไม่เคยผ่ายแพ้แก่ใครง่ายๆ    จะต้องมาแพ้ให้แก่นักเรียนนอกชมรมคนหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก       
        มิว ถึงกับต้องร้องไชโยดังๆ เมื่อได้ยินคำว่า “ เรายอมแพ้แล้ว “        ส่วนโซเฟียนั้นก็ปรบมือให้แก่วา    ทางด้านเสือใบ้นิคก็พลอยปรบมือตามโซเฟียไปด้วย          พรีสไซค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ  วาจากนั้นก็ยื่นมือออกมาซึ่งเมื่อวาเห็นเขาก็ยืนมือออกไปจับมือของพรีสไซด้วย    แสดงว่าทั้งสองยอมรับกันและกันแล้ว   
      “ เอาละ ต่อจากนี้ท่านายต้องการจะเล่นปิงปองเมื่อไหร่ละก็นายสามารถจะมาเล่นที่ชมรมของเราได้ทุกเมื่อเลยนะ ”
      “ ขอบใจนะ  แต่นายจะว่าอะไรไหม  ถ้าเราจะขอให้เพื่อนของเราเข้ามาเล่นด้วย ”
      “ ได้เลยตามสบาย  แต่ถ้าว่างๆ ละก็โอกาสหน้ามาเจอกันใหม่นะ    คราวหน้าเราไม่ยอมแพ้แน่ๆ ” 
      พรีสไซค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะอื่นซึ่งเมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลงทุกคนในห้องต่างก็มีท่าทีกลับมาเหมือนเดิมแล้วก็เล่นปิงปองกันต่อตามปกติ  มีบ้างแอบมองมาที่วานิดหน่อย                  ส่วนท่าทีของวาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อเกมจบลง    หลังจากวาพุดคุยกับพรีสไซเสร็จ  เด็กหญิงคนที่ให้วายืมไม้ก็เดินเข้าไปหาเขา      เมื่อวาเห็นดังนั้นก็นึกขึ้นได้
   
        “ ลืมไปเสียสนิทเลย ขอบคุณมากนะ  สำหรับไม้ปิงปอง  เราคงไม่ชนะหรอก ถ้าไม่ได้เธอให้ยืมไม้ ”
        “ ไม่เป็นไรค่ะ ”      เด็กหญิงคนนั้นมีท่าทางอายๆ  จากนั้นก็รับไม้คืนมาจากวา 
      “ เธออยู่ชมรมนี้ด้วยหรอ ”
      “ ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยเก่งหรอก  ส่วนใหญ่ก็นั่งดูพวกเขาเล่นกันอะค่ะ ”
      “ ลืมแน่ะนำตัวไป เราชื่อวานะ  ส่วนผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชื่อโซเฟีย    ผู้ชายคนที่ใส่แว่นท่าทางไร้ซึ่งอารมณ์ชื่อนิค  ส่วนคนที่ท่าทางฮาเฮๆ นั้นชื่อมิวนะ  ”
        “ ส่วนเราชื่อ  ระริน นะ ”
        “ อืม เราขอตัวก่อนนะ  จะไปเล่นปิงปองกับเพื่อนๆ  ตรงโน้นน่ะ ”
      “ ค่ะ ว่าแต่มีไม้กันหรือยังละค่ะ ”
      “ เกือบลืมไปเลย  เราจะหาไม้ได้จากไหนหรอ ”
      “ เดี๋ยวเราไปเอามาให้นะ ”
      “ ขอบใจนะ  งั้นเราไปรออยู่ตรงนั้นนะ ”
        วาเดินกลับไปหาพวกเพื่อนๆ ของเขา  ส่วนระรินก็เดินไปหาไม้ปิงปองมาให้วา      เมื่อวาเดินไปถึง มิวก็ชูนิ้วโป้งให้กับเขาอีกครั้งหนึ่ง 
        “ สุดยอดมากเลย  ไม่น่าเชื่อว่านายจะสามารถเอาชนะหมอนั่นได้  สะใจจริงๆ  คิดถูกแล้วที่ตามนายมา ”
      “ เราว่านายเก่งกว่าเราอีกนะเนี่ย  ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ  ตอนแรกทำเสียใจหายเลยนะ ”        โซเฟียชมวา  ซึ่งวาก็ตอบกลับว่า
      “ ไม่จริงหรอก  เรายังไม่ได้เห็นฝีมือของเธอเลยนะ ”
      “ เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว  แล้วก็จะรู้ว่าเราไม่เก่งจริงๆ ”
        เสือใบ้นิคเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แสดงความดีใจด้วยกับวา    แต่วาก็รู้ได้ว่าเสือใบ้นิคก็ดีใจกับเขาเหมือนกัน   
        “ เออ ว่าแต่นายรู้จักกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้หรอ  เขาถึงให้นายยืมไม้ ”
      “ ป่าวหรอก  พอดีเขาเอามาให้เรายืมเองน่ะ ”
      “ เราว่าเขาต้องแอบชอบนายแน่เลย เพื่อน”    มิว ทำตาเจ้าเล่ห์      วารู้สึกเขินนิดหน่อยจึงถามกลบเกลื่อนไปว่า      “ ว่าแต่ เมื่อกี้เขาเป็นรองประธานชมรมใช่ไหม ”     
      “ อืม ใช่แล้วละ ”     
      “ งั้นประธานชมรมที่นายว่าอยู่ที่ไหนหรอ ”
      “ เราก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ  แต่ว่าไม่เจอก็ดีแล้วละ ”        มิว พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียง ฮะแฮ่มดัง  มาจากทางด้านหลังของเขา          “ งั้นก็ต้องเสียใจด้วยนะ ”        เมื่อเขาหันหลังกลับไปก็พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  ใส่แว่นดูเคร่งขรึมท่าทางไร้อารมณ์    อาจจะพอๆ กับเสือใบ้นิคเลยก็ได้  เพียงแต่ว่า สายตาของเขาดูไร้ซึ่งวิญญาณ    ทำให้ดูน่ากลัวกว่าเสือใบ้นิคอยู่มาก       
      “ นายคงจะไม่ได้หมายความว่า นายคือ ประธานชมรมปิงปองหรอกใช่ไหม ”        วา มีสีหน้าประหลาดใจ
      “ ย่อมต้องใช่ ”       
      “ ท่าจะแย่แล้วละ  คนๆ นี้คือประธานชมรมที่ชื่อ โซลีนจริงๆ ละ ”        มิว แอบมากระซิบข้างๆ  หูของวา
      “ งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จัก  เราชื่อวานะ ”            โซลีนไม่แสดงสีหน้าของความเป็นมิตรสักเท่าไหร่    อาจเพราะว่าเขาดูไร้ความรู้สึกอยู่ตอดเวลากระมัง    หรือาจจะเรียกได้อีกอย่างว่า  เสือใบ้นิค ภาคพูดได้จะดีกว่า
     
      “ จากที่ดูนายเล่นมาก็ต้องขอชมฝีมือของนายนะ  แต่ว่าถ้านายแข่งกับเราตอนนี้ละก็  คาดว่าคงไม่สามารถจะเอาชนะเราได้หรอก ”        โซลีน พูดด้วยท่าทางเย็นชา  มันเหมือนเป็นคำพูดท้าทายวาอย่างมาก  ซึ่งวาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร  เพียงแต่ยิ้มสะเหยะอย่างท้าทายกลับไป   
      “ แต่ว่าถ้ายังไม่ลอง จะรู้ได้ยังไงจริงไหม ”    วา พูดกลับท่าทางเขาอยากจะแข่งกับโซลีนอยู่เหมือนกัน 
    “ ใช่แล้ว เพื่อนเราไม่มีทางแพ้ง่ายๆ หรอก หรือว่าเมื่อกี้นายไม่ได้เห็น ”    มิว ดูเหมือนจะถือหางวาเต็มที่   
      แต่คำพูดของโซลีนกลับทำให้ทั้งสองคนถึงกับตะลึงไปสักพักหนึ่ง  “ ก็เพราะว่า เห็นน่ะสิ ”      การที่โซลีนพูดอย่างนี้แสดงว่า    เขามั่นใจเต็มที่ว่า ฝีมือของวาไม่สามารถจะเอาชนะเขาได้     
      หลังจากคำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของโซลีนท่าทีของวาก็เริ่มเปลี่ยนไป  เหมือนกับตอนที่เขาแข่งปิงปองกับพรีสไซ    ดูท่าทางเป็นคนละคน    และเขาก็ดูมีความมั่นใจมากขึ้น   
      “ แต่ว่า การดูและพูดกับการแข่งมันออกจะต่างกันอยู่หน่อยนะ  ”    วา ยิ้มท้าทายโซลีน  สายตาที่เขามองไปยังโซลีนนั้นดูมีความมั่นใจสูมาก  ดูเหมือนเป็นคนละคนกับเมื่อสักครู่นี้จริงๆ          แต่โซลีนเองก็ไม่ได้มีอาการแปลกใจแต่อย่างใด     
    “ เอาละ ในเมื่อถ้านายเองก็มั่นใจแล้วละก็  เรามาลองแข่งกันสัก 5 ลูกก่อนจะเป็นยังไง ”
    “ พร้อมอยู่แล้ว ”
    “ งั้นก็เชิญตามมาได้เลย ”
      วา ไม่รอช้ารีบเดินตามโซลีนไปยังโต๊ะปิงปองที่ว่างอยู่ทันที  ซึ่งก็เป็นขณะเดียวกันกับที่ระรินนำไม้ปิงปองมาให้แก่พวกของวาพอดี        ระรินทำท่าประหลาดใจเล็กน้อย  แต่ก็รีบเดินตามวาไปในทันที พร้อมกับไม้ปิงปอง 3-4 ไม้ที่ยังหอบอยู่
      “ การแข่งครั้งนี้ดูท่าทางจะสนุกกว่า คู่เมื่อกี้แน่เลย  เรารีบตามไปดูกันดีกว่า  ว่าไหมคุณเสือใบ้นิค ”      โซเฟียพูดพร้อมกับยิ้มให้เสือใบ้นิค  ซึ่งสีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด   
    เมื่อทั้งสองคนเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว  ก็เป็นที่น่าแปลกใจที่คนในห้องเกือบทั้งห้องก็ต่างพากันหันมาสนใจที่โต๊ะปิงปองโต๊ะเดียวกันหมด        บางคู่ถึงกับหยุดเล่นเพื่อจะเดินเข้ามาดูใกล้ๆ    รู้สึกว่า  คนจะให้ความสนใจกับการแข่งครั้งนี้มากกว่าครั้งแรกที่วาแข่งเสียอีก      คงจะเป็นเพราะ การแข่งครั้งนี้ถึงกับเป็นประธานชมรมแข่งเองเลยก็ได้     
      โซลีนค่อยๆ หยิบไม้ปิงปองออกมาจากที่ใส่ซึ่งคาดไว้ที่ข้างๆ เอวของเขา    ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดไม้ของเขานั้นดูมีพลังกว่าทุกไม้ที่วาเคยเห็นมา    มีแรงกดดันที่แผ่ขยายมาจนวารู้สึกได้จากไม้ปิงปองอันนั้น        แต่วาเองก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวเกรงแม้แต่น้อย        ระรินค่อยๆ เดินเข้ามาหาวาพร้อมกับส่งไม้ปิงปองของเธอไปให้วา 
      “ อย่าประมาทนะค่ะ  ไม่เคยมีใครเอาชนะเขาได้เลย  ”
      “ รับรองได้  ขอโทษทีนะที่ต้องยืมอีกครั้งหนึ่ง ”       
      “ ไม่เป็นไรค่ะ  สู้เขานะค่ะ ”            พูดเสร็จระรินก็รีบก้มหน้า  จากนั้นก็วิ่งออกไปยืนดูอยู่ห่างๆ     
      ในที่สุดทั้งคู่ก็พร้อมแล้ว  และก็ดูเหมือนว่า คนทั้งห้องก็พร้อมแล้วเหมือนกันที่จะดูการแข่งขันของทั้งคู่    โซเฟียยืนกอดอกดูอยู่ห่างๆ  กับเสือใบ้นิคและก็มิว      ซึ่งดูท่าทางของมิวจะลุ้นสุดขีดเลยทีเดียว  ทั้งๆ ที่การแข่งก็ยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย     
          วาและโซลีนยืนประจันหน้ากับข้ามโต๊ะปิงปองอยู่สักครู่หนึ่ง    จนกระทั่งพรีสไซเป็นผู้เดินมายื่นลูกปิงปองให้แก่วา      ก่อนที่พรีสไซจะเดินออกไปยืนห่างๆ  นั้น เขาก็ได้พูดกับวาไว้ว่า  “ งานนี้ยากแน่เพื่อน  นายได้เป็นเกลือแน่  ” 
          เมื่อวาได้ลูกปิงปองมาอยู่ในมือแล้ว  เขาก็พร้อมแล้วที่จะแข่ง    การจับไม้ของวานั้นเป็นการจับแบบไม้จีนเลย    ซึ่งดูเหมือนว่าวาก็ไม่ได้ประมาทโซลีนเช่นกัน              วา ชี้ไม้ตรงไปที่โซลีน พร้อมกับถามก่อนที่จะเสริฟ์ 
   
          “ นายเองพร้อมแล้วหรือยัง ”      โซลีนไม่ได้ตอบหากแต่พยักหน้า  ท่าทางการจับไม้ของโซลีนเป็นการจับแบบธรรมดา  มือข้างที่ใช้ คือ มือข้างขวา        หลังจากพยักหน้าเรียบร้อยแล้ว  วาก็เริ่มเสริฟ์ลูกของเขาออกไปด้วยความเร็งสูง    ซึ่งโซลีนก็โต้กลับมาได้โดยไม่ยากเย็น    ทั้งสองคนโต้กันไปมาด้วยกันอย่างสูสี  ทำให้คนดูนั้นแทบจะตะลึงไปตามๆ กัน        ดูเหมือนว่าถ้าคนใดคนหนึ่งช้าไปเพียงเสี่ยววินาทีเดียว  ก็จะต้องแพ้ไปอย่างแน่นอน 
          การโต้ลูกค่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ  จนบางคนอาจจะมองแทบไม่ทันเลยทีเดียว    แต่สำหรับทั้งสองคนนี้แล้ว  ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่เพียงการอุ่นเครื่องเล่นเท่านั้นเอง      เพราะการตีของทั้งสองคนนั้นไม่ได้ใส่เทคนิคอะไรไปเลย    เหมือนกับการเตี๋ยมกันไว้ก่อนแล้ว           
        จนกระทั่งพรีสไซกระดกแว่นกรอบสี่เหลี่ยมอันหนาของเขาขึ้น  ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ท่าทางการตั้งรับลูกของโซลีนเปี้ยนไป๋    บางคนอาจจะไม่ได้ทันสังเกตแต่สำหรับวาเองแล้ว    ย่อมเห็นได้ชัดที่สุด        โซลีนนำมือข้างขวาของเขาง้างไปทางข้างหลัง            เมื่อวาตีลูกของเขาออกไปถึงฝั่งของโซลีน    โซลีนก็หวอดไม้ของเขาขึ้นไปที่ลูกปิงปอง    ลูกปิงปองกระเด็นตรงกลับไปด้วยความเร็วสูงแต่พอมันข้ามเน็ทปิงปองไปแล้ว    กลับกลิ้งลงเรียบกับโต๊ะไปเรื่อยๆ  จนกระเด็นออกไปนอกโต๊ะ      ซึ่งวาไม่สามารถรับมันได้เลย  เนื่องจากระดับลูกมันเรียบกับพื้นตลอดและไม่ยอมกระเด้งขึ้นมาเลย    แถมระดับยังอยู่ต่ำเท่ากับเอวเขาด้วย     
          การตีลูกเมื่อสักครู่เมื่อกี้สร้างความประหลาดใจให้กับวาเป็นอย่างมาก  ซึ่งก็คงไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวแน่    คนทั้งห้องถึงกับอึ้งไปตามๆ  กัน      โซเฟียทำปากจุ๊ๆ  เล็กน้อยเมื่อเห็นการตีอันน่าทึ่งของโซลีน            วาค่อยๆ เดินไปเก็บลูกปิงปองที่กระเด็นออกไปไกลมากจนชนกำพงห้อง   
      “ ลูกนั้นมันเป็นลูกอะไรกันเนี่ย    ทำไมมันถึงน่ากลัวขนาดนี้ ”      มิว ยืนพูดกับตัวเองลอยๆ    เหมือนกับเป็นการบ่นกับตัวเอง        ซึ่งเมื่อระรินที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ห่างจากเขานัก  ได้ยินคำถามลอยๆ ของมิวเข้าไปก็รีบตอบไปทันที        “ ลูกนั้นก็คือ ลูกอันเดอร์กลาว  หนึ่งในท่าไม้ตายของประธานชมรม  ซึ่งไม่เคยมีใครรับมันได้เลยละค่ะ  ”        มิวถึงกับแปลกใจเล็กน้อยที่ระรินตอบคำถามของเขา  ซึ่งตอนแรกๆ  เขาก็ไม่ได้คิดจะให้ใครตอบอยู่แล้ว  แต่ไหนๆ  เมื่อมีคนพูดด้วยก็ขอถามต่อหน่อยก็แล้วกัน 
        “ อ่าวเธอเองหรอ    ว่าแต่ไอ้ลูกเมื่อกี้ทำไมมันถึงได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ ”
        “ ที่ลูกเมื่อกี้ชื่อว่า ลูกอันเดอร์กลาว ก็เพราะว่าการวิ่งของลูกนั้นเมื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามแล้ว  มันจะไม่มีทางกระเด้งขึ้นไปให้คู่ต่อสู้มีโอกาสที่จะตีโต้กลับไปได้เลยละค่ะ  แถมลูกยังมีความเร็วสูงอีกต่างหาก    ตั้งแต่เห็นมาก็ยังไม่เคยมีใครรับลูกนั้นของประธานชมรมได้เลยละค่ะ  ”     
      “ อืม งั้นหรอ ”        มิว ไม่พูดอะไรต่อ  ได้แต่มองไปที่โต๊ะปิงปองเพื่อดูการแข่งขันต่อไป   
      “ ลูกเมื่อกี้น่ากลัวดีนะ ”      วา พูดพร้อมกับยิ้มให้กับโซลีน  ซึ่งโซลีนก็ไม่ได้แสดงอาการภูมิใจออกมาเลยแม้แต่น้อย   
      “ บอกแล้วว่า  นายไม่สามารถจะเอาชนะเราได้ในตอนนี้หรอก ”          เมื่อวาได้ยินคำพูดนั้นทำให้เขาต้องหลับตานิ่งไปสักพักเหมือนกับนึกอะไรสักอย่างได้      จากนั้นภาพความทรงจำในอดีตของเขาก็เริ่มเข้ามาในหัวของเขา
      เสียงลูกปิงปองค่อยๆ  กระเด้งกับพื้นช้าๆ  จนในที่สุดมันก็ค่อยๆ นิ่งลงไปกับพื้น          เด็กหนุ่มคนหนึ่งถึงกับหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งย่องๆ กับพื้น            ตรงข้ามกับเด็กชายคนนั้นก็คือ เด็กชายอีกคนหนึ่ง    เด็กชายคนนั้นผูกผ้าโพกหัวสีดำ    มีแววตาแห่งความมุ่งมั่นสูง      ดูเหมือนทั้งห้องนั้นจะมีเพียงแค่เด็กชายสองคนนี้เท่านั้น    และแน่นอนห้องๆ  นั้นก็คือห้องปิงปองนั้นเอง     
        “ ลุกขึ้นมาสิ  นายยังเอาชนะเราไม่ได้เลยนะ ”    เด็กชายที่มีผ้าโพกหัวสีดำตะโกนบอกเด็กชายอีกคนหนึ่ง    ทำให้เด็กชายอีกคนหนึ่งต้องค่อยๆเก็บลูกปิงปองและ  ลุกขึ้นมา              เด็กชายคนที่หยิบลูกปิงปองขึ้นมาพร้อมกับท่าทางเหน็ดเหนื่อยอย่างมากก็คือ วา! นั่นเอง      นี่ก็คือความจำในอดีตของวานั่นเอง    มันเป็นตอนก่อนที่เขาจะย้ายมาที่โรงเรียนใหม่ของเขา            ซึ่งเด็กชายที่มีผ้าโพกหัวสีดำก็คือ ลมดำ  เพื่อนคนสนิทคนหนึ่งของวานั่นเอง   
        “ ดูเหมือนว่า  ทำยังไงเราก็เอาชนะนายไม่ได้อยู่ดีแหละ    เราขอยอมแพ้ ” 
        “ ไหนนายบอกว่า จะเอาชนะเราให้ได้ยังไงละ ”       
        “ ตอนนี้เราเอาชนะนายไม่ได้จริงๆ  แต่สักวันเราจะเอาชนะนายให้ได้ ”   
      “ ก็ได้เราจะรอวันนั้น  วันที่นายจะสามารถเอาชนะเราได้  แต่เราอยากบอกอะไรนายไว้บางอย่าง    บางครั้งการฝืนสู้กับคนที่เราไม่มีทางชนะได้เลยมันก็เป็นการเสียแรงไปเปล่าๆ    สู้เก็บแรงไว้ไปฝึกแล้วค่อยมาเอาชนะยังจะดีกว่า    เหมือนที่เขาบอกว่า  สิบปีแก้แค้นยังไม่สายยังไงละ ” 
      “ อืม ขอบคุณนะ แล้วเราจะมาเอาชนะนายให้ได้เลยคอยดู ”   
        ลมดำไม่ตอบหากแต่ยิ้มให้กับวา    วาก็ยิ้มให้กับลมดำ  นั่นเป็นการพ่ายแพ้ที่ทำให้วาต้องจดจำไปอีกนาน    บางครั้งการจะเอาชนะใครให้ได้    ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเอาชนะในตอนนั้นให้ได้เสมอไป      สำคัญที่ว่า  ตัวเราเองฝึกซ้อมให้เต็มที่แล้วหรือยัง   
        ทั้งสองคนค่อยๆ เดินออกจากห้องปิงปองของโรงเรียน  ซึ่งเมื่อออกมาแล้วก็เป็นเวลาหกโมงเย็นเสียแล้ว    เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ก็ต่างกลับบ้านกันไปหมดแล้ว    ยังเหลือพวกที่เล่นบอลอยู่ในสนามโรงเรียนหรือพวกที่ยังเรียนพิเศษต่ออยู่บ้าง         
        วานั่งพักอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆ ตึกสีแดงใหญ่ตึกหนึ่ง    ในขณะที่ลมดำค่อยๆ  ถือกระป๋องน้ำอัดลมกระป๋องหนึ่งยื่นมาให้แก่วา 
        “ ขอบใจนะ ”  วาค่อยๆ รับน้ำอัดลมมาจากนั้นก็เปิดมันออกแล้วก็ค่อยๆ ดื่มมันทำให้เขาหายเหนื่อยไปได้นิดหน่อย        “ ว่าแต่เป็นยังไงบ้างละ  ตารางการแข่งขันปิงปองระหว่างสถาบัน    จะเริ่มเมื่อไหร่หรอ ”    ลมดำทำท่าคิดอยู่สักครู่หนึ่งจากนั้นก็ค่อยๆ ตอบวา
        “ ก็คงประมาณปลายๆ ปีนี้แหละ  นายสนใจจะเข้าร่วมด้วยไหมละ ”
        “ ไม่ละ เรายังชนะนายไม่ได้เลย  แล้วเราจะไปสู้กับใครได้ ”
      “ นายเอาชนะเราไม่ได้  ก็ไม่ได้หมายความว่า  นายจะเอาชนะคนอื่นไม่ได้นี่    ฝึกอีกหน่อยก็เก่งแล้วละ ”
      “ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  เรายังไม่แน่ว่าจะสามารถคัดตัวออกมาเป็นตัวจริงได้  แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้กะว่าจะแข่งกับใครอยู่แล้ว  ”
      “ อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย        อย่างนายเป็นได้ยิ่งกว่าตัวจริงเสียอีกนะ ”    ลมดำพูดเสร็จก็รีบดื่มน้ำอัดลมของเขาต่อ    เมื่อดื่มไปได้สักพักก็รีบพูดต่อ  เพื่อไม่ให้ขาดตอน    “ แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ  อย่างนายไม่ต้องคัดตัวหรอกเราให้นายเป็นตัวจริงเลยละ  เอาไหม ” 
      “ งั้นก็ต้องขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน ”   
      “ รีบๆ หน่อยละกัน  ถ้าขาดนักปิงปองอันดับ 3  ของโรงเรียนอย่างนาย    โรงเรียนเราก็คงจะแย่เหมือนกันนะ ”
      วา ไม่พูดอะไรต่อเพียงแต่ดื่มน้ำต่อให้หมดกระป่อง  พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า    ท้องฟ้าช่วงเย็นๆ  น่าดูยิ่งกว่าช่วงเที่ยงที่อากาศร้อนๆ เป็นนัก            แต่หลังจากนั้นวาก็ไม่ได้ลงเข้าไปเป็นตัวจริงในการแข่งขันปิงปองของโรงเรียน    เพราะโดนไล่ออกฐานมาสายเสียก่อน
      วา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น  หลังจากนึกคำพูดในอดีตของลมดำที่บอกกับเขาได้ว่า    สิบปีแก้แค้นกยังไม่สาย    การที่สู้กับคนที่เราไม่มีวันชนะก็เท่ากับเป็นการเสียแรงเปล่า  ควรไปฝึกเพื่อจะสามารถมาเอาชนะทีหลังยังสู้ดีเสียกว่า        เมื่อคิดได้ดังนั้นวาจึงพูดบอกโซลีนไปว่า 
      “ เราขอยุติการแข่งเพียงแค่นี้ก่อน  วันนี้นายชนะ ”      คนทั้งห้องถึงกับต้องประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง  อาจจะยกเว้นโซเฟียและก็เสือใบ้นิค    ซึ่งเข้าใจวาดี      “ ดูเหมือนนายจะเข้าใจแล้วสินะ ”      โซลีนพูดและค่อยๆ เก็บไม้ปิงปองของเขากลับไปยังที่ใส่ไม้ข้างเอวของเขาเหมือนเดิม 
      “ อะไรกันนายยังเหลืออีกต้องสี่ลูกไม่ใช่หรอ  ทำไมไม่ลองสู้ต่อละ ”        มิว เป็นคนตะโกนบอกวาด้วยความเสียดาย    ซึ่งโซเฟียก็แตะไหล่ของมิวพร้อมกับส่ายหน้า  หมายความว่า  อย่าไปห้ามเขาเลย    ซึ่งมิวก็หยุดพูด    ถึงจะอยากให้วาแข่งต่อก็ตาม       
      วา ค่อยๆ เดินไปหาระรินพร้อมกับยื่นไม้ให้  แล้วยิ้ม  “ ขอโทษนะ  แต่ว่าวันนี้เอาชนะไม่ได้จริงๆ  ”    ระรินรับไม้มาท่าทางยังสงสัยอยู่ที่ทำไมวาไม่สู้ต่อ  แล้วบอกว่าเอาชนะไม่ได้จริงๆ    “ ไม่เป็นไรค่ะ  แต่ว่าทำไมถึงบอกว่าเอาชนะไม่ได้จริงๆ  ละค่ะ  ทั้งที่ก็ยังไม่ได้แพ้สักหน่อย ”         
      วายิ้มให้กับระรินจากนั้นก็พูดขึ้นว่า    “ บางครั้งการตัดสินแพ้ชนะมันก็ง่ายเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้นะ ” 
     
      จากนั้นวาก็ค่อยๆ เดินไปหาเพื่อนๆ ของเขา  ซึ่งโซเฟียเป็นคนแรกที่ทักวา      “ แหม เก่งเหมือนกันนะ    แต่ก็น่านับถือนะที่ยอมแพ้มาก่อน  ”     
      “ ไม่เห็นจะน่านับถือตรงไหนเลย ”  วาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม 
      “ ลูกผู้ชายยากนักที่จะพูดคำว่า ยอมแพ้ได้ง่ายๆ  คนบางคนยอมตายยังดีกว่าที่จะยอมแพ้    แต่นายสามารถพูดออกมาได้แสดงว่า  นายยอมรับตัวเองและพร้อมที่จะปรับปรุงจริงไหม  ถึงได้บอกยังไงละว่า นายเก่ง ”          คำพูดของโซเฟียครั้งนี้ทำให้วาถึงกับเขินไปเลยทีเดียว    ดูเหมือนว่าจะจริงด้วย  ซึ่งวาก็ได้แต่ยิ้มไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้          ซึ่งหลังจากโซเฟียพูดไปไม่นานนักมิวก็รีบถามวา         
      “ ทำไมนายถึงยอมแพ้มาก่อนละ  นายสู้เจ้านั่นได้อยู่แล้วนะ ”
      “ คือ เราคิดว่าตอนนี้เรายังไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอก ”          วา พูดด้วยท่าทางสงบ  ไม่เหมือนกับก่อนที่จะแข่ง  มิวเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ     
   
      โซลีนค่อยๆ เดินเข้ามาหาวา    ซึ่งมิว โซเฟีย และเสือใบ้นิคก็หันไปมองตามเหมือนกับว่าอยากจะรู้ว่า  โซลีนมีอะไรจะพูดกับวา
      ” เรามีเรื่องที่อยากจะพูดกับนายสักหน่อย ”
      “ มีอะไรก็ว่ามาได้เลย ” 
      “ จากการแข่งเมื่อสักครู่นี้  ทำให้เราเริ่มสนใจในตัวนายขึ้นมาเยอะเลย    เราเลยต้องการจะถามนายว่า  นายต้องการจะลงแข่งเป็นตัวจริงของโรงเรียนเราไหม ”        วา ทำท่าครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง  “ ตัวจริงที่นายว่านี้  เป็นการแข่งอะไรหรอ ”
      “ นายไม่รู้หรอกหรือ ว่าทุกๆ ปีจะมีการแข่งขันกีฬาระหว่างสถาบัน  โรงเรียนเราก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่จะเข้าแข่งด้วย ” 
      “ ไอ้การแข่งขันระหว่างสถาบัน  เราพอรู้นะ  แต่ไม่คิดว่าโรงเรียนเราจะลงกับเขาด้วย    พอดีเราเพิ่งย้ายมาใหม่น่ะ  ”
      “ อ๋อหรอ  นายเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่หรอ  มิหน้าละถึงได้กล้าเข้ามาในห้องชมรมเรา    แต่ว่าแต่ว่านายจะเข้าร่วมกับเราไหม  เป็นตัวจริง 1 ใน 5 คนที่จะลงแข่ง ”
      วา เอามือลูบคางพร้อมกับคิดต่อ    การแข่งขันระหว่างสถาบันทำให้วานึกอะไรดีๆ ออกมาได้  ใช่แล้วสิ่งที่เขาเคยไปพูดกับลมดำเพื่อนของเขาไว้  “ สักวันเราจะต้องเอาชนะนายให้ได้ ”    หรือนี่ฟ้าได้กำหนดมาแล้วว่า  จะให้เขาถูกไล่ออกมาเพื่อไปแข่งกับเพื่อนของตัวเอง  คิดมาแล้วก็น่าขำ 
 
      “ เอาเลยสิ โอกาสอย่างนี้นานๆ ทีนะเนี่ย ”    โซเฟีย เชียร์ให้วาลงแข่ง    “ ใช่แล้ว เอาเลย ” มิวก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สนับสนุนวาให้ลงแข่ง      และในที่สุดวาก็ตัดสินใจได้ 
      “ โอเค เราตกลงว่าแต่เมื่อไหร่ละ  การแข่งถึงจะเริ่มขึ้น ”
      “ ก็ประมาณอีก 2-3 เดือนนี้แล้วละ  เพราะฉะนั้นช่วงเวลาหลังเลิกเรียนทุกวันนายควรจะมาฝึกที่ห้องนี้ด้วยนะ  ”        “ แล้วพวกเราจะมาเล่นด้วยได้หรือเปล่าละ ” มิวเป็นคนถาม    ซึ่งโซลีนก็อนุญาต  “ ได้เลย งั้นจากนี้เชิญพวกนายเล่นกันตามสบายเลยนะ  เราขอตัวก่อนละ  ”
     
      ก่อนที่โซลีนจะเดินไปก็ได้บอกเวลานัดซ้อมให้กับวา  ซึ่งเขาจะต้องมาซ้อมอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง  หลังเลิกเรียน  โดยที่วาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเองก็ว่างอยู่แล้ว     
    “ อย่ามัวแต่ซ้อมปิงปองจนลืมการซ้อมวงไปละ  ท่านหัวหน้าวง ”    มิว ทักวาเมื่อเห็นว่าเขาจะต้องซ้อมปิงปองทุกเย็น     
      “ เราเกือบลืมไปแน่ะ ว่าต้องซ้อมวง    แล้วเรื่องซ้อมวงเราต้องตอนไหนละ ”
    “ ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดก็ได้  พรุ่งนี้เราจะบอกอีกทีก็แล้วกันนะ  ก็คงจะต้องเป็นตอนเลิกเรียนแล้วเหมือนกันแหละ    เอาเป็นว่าตอนนี้เราไปเล่นปิงปองกันให้สนุกก่อนดีกว่า ”        มิว รีบเดินไปหาโต๊ะปิงปองที่กำลังว่างอยู่  พร้อมกับตะโกนเรียก    “ พวกนายก็รีบมาเร็วๆ สิ  แต่ที่แน่ๆ เราไม่เล่นกับนายแน่วา    เพราะนายเก่งเกินไป  ฮ่าๆ ”           
      หลังจากนั้นพวกวาก็เล่นปิงปองไปกันอีกสักพักหนึ่ง  โดยที่ระรินเองเป็นคนนำไม้มาให้พวกวาเล่นอีกครั้งหนึ่ง    ดูเหมือนว่าระรินเองก็แอบชอบวาเสียแล้ว    ซึ่งไม่ใช่มิวคนเดียวที่ดูออก แต่โซเฟียและเสือใบ้นิคก็ดูออกเหมือนกัน        เมื่อถามไปถามมาจึงได้รู้ว่า  ระรินอยู่ ม.4 ซึ่งอายุน้อยกว่าพวกวาประมาณปีหนึ่ง   
        เมื่อเล่นกันไปได้สักพักหนึ่ง  พวกของวาก็ออกมาจากห้องชมรมปิงปอง    โดยที่ระรินเองก็ตามมาด้วย  ดูเหมือนว่าเธอไม่ค่อยจะกล้ามองหน้าเสือใบ้นิคนัก  เหตุผลคงเพราะเธอกลัวความเงียบของเสือใบ้นิคกระมัง 
        จนในที่สุดทุกคนก็เดินมาจนถึงหอพัก วา มิว และเสือใบ้นิค  จึงบอกลาโซฟียและระรินเพื่อแยกเข้าหอพักของแต่ละคน 
     
        ขณะนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ  ท้องฟ้าเป็นสีมืดครึ้ม  ลมเย็นๆ พัดมาทำให้น่าสูดหายใจเข้าลึกๆ  สักหลายๆ ครั้ง          เด็กทั้งสามคนกำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง   
      “ อากาศเริ่มจะหนาวแล้วนะครับพี่ลมดำ ”    เด็กชายดูท่าทางเรียบร้อยคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
      “ นั่นสินะ  แล้วรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร ”    ลมดำเด็กชายที่ชอบนำผ้าสีดำมาโพกหัวสีดำมาใส่ถามกลับไป 
      “ ไม่รู้สิครับ ”  เดฌ็กคนนั้นส่ายหัวอย่างสงสัย        “ โธ่ นายนี่ไม่รู้เลยหรอว่า  มันหมายความว่า อีกไม่นานเราจะต้องแข่งปิงปองกับโรงเรียนอื่นๆ กันแล้วยังไงละ ”    เด็กชายอีกคนเป็นคนบอก  ซึ่งทำให้เด็กชายคนนั้นหายสงสัย 
      “ ใช่แล้วละ  ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องแข่งกันแล้วละ  ”  ลมดำ พูดพร้อมกับถอนหายใจเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่างได้  “ พูดถึงการแข่งปิงปองแล้ว  ทำให้พี่คิดถึงเพื่อนพี่คนหนึ่งนะ ”       
      “ ใครหรอครับ  ” 
      ” เขาเป็นเพื่อนของพี่คนหนึ่ง  แต่ก่อนถ้าว่างก็จะเล่นปิงปองกัน    พี่เคยชวนเขาให้ลงแข่งด้วยละ  เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาได้ออกไปจากโรงเรียนนี้แล้วละ ”
      “ เขาคงเก่งน่าดูเลยนะครับ  แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้วละครับ ”
    “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ  เขายังไม่ติดต่อมาหาพี่เลย  พี่อยากเล่นปิงปองกับเขาอีกสักครั้งหนึ่งจัง ”  ลมดำพูดพร้อมกับนั่งลงไปที่ม้านั่งตรงป้ายรถเมล์  ซึ่งไม่มีใครนั่งอยู่เลย  เด็กตั้งสองเมื่อเห็นลมดำนั่งก็ต่างนั่งตาม 
    “ แล้วพี่กับเขาใครเก่งกว่ากันละครบ  เพื่อนพี่คนนั้นน่ะครับ ”    เด็กชายอีกคนท่าทางมาดมั่นเป็นคนถาม
    “ ตอนนี้พี่ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน  แต่ก่อนพี่อาจจะเก่งกว่าเขานะ  แต่ตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  ไม่แน่นะพี่อาจจะได้เจอกับเขาในการแข่งระหว่างสถาบันก็ได้นะ    แต่เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ว่าพี่อาจจะแพ้เขาก็ได้  ”
    “ แหม ถ้าขนาดพี่ลมดำเล่นแพ้อย่างนี้  ใครจะไปชนะได้ละครับ  แต่ฟังพี่ลมดำพูดแล้วผมชักอยากจะเจอพี่คนนั้นบ้างจังเลยนะครับ ”
    “ ถ้าจะเอาชนะเขาได้ต้องฝึกหนักอีกเยอะนะ  เรย์    เพราะว่าเขาเป็นคนที่เก่งอันดับ 3 ของโรงเรียนเราเลยทีเดียวละ    แล้วอีกอย่างหนึ่ง  ฉายาในด้านการเล่นปิงปองของเขาก็ คือ  ปีศาจ ! ” 
      คำพูดของลมดำทำให้เด็กทั้งสองคนถึงกับตะลึงไปตามๆ กัน    ฉายา ปีศาจ มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่    ยังไม่ทันที่เด็กทั้งสองคนจะถามหรือพูดอะไรรถเมล์ก็มาถึงหน้าป้ายเสียแล้ว   
    “ รถเมล์มาแล้วพี่ต้องไปก่อนนะครับ ”    ลมดำโบกมือให้กับเด็กทั้งสองคนพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปบนรถเมล์  ปล่อยให้เด็กทั้งสองคนนั้นงงกับฉายา  ปีศาจ อยู่ต่อไป   
      ขณะที่วากำลังเดินเพื่อไปขึ้นลิฟท์ในหอพักนั้นเขาก็ต้องจามออกมาหนึ่งครั้ง    “ ฮัด เช่ย !” 
      “ เป็นอะไรไปเจออากาศแค่นี้ก็ไม่สบายเสียแล้วหรือไง ”  มิวเป็นคนถาม 
      “ ไม่หรอก สงสัยคนนินทา ฮ่าๆ ”    วา พูดทำให้มิวต้องหัวเราะตามไปด้วย  ปล่อยให้เสือใบ้นิคนิ่งอยู่คนเดียว   
        ในที่สุดประตูลิท์ฟก็ค่อยๆ เปิดออก  ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปภายในลิฟท์    ประตูลิฟท์ค่อยๆ ปิดลง    ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเด็กทั้งสามคนได้        หมดไปอีกวันหนึ่งสำหรับโรงเรียนใหม่จองเขาแล้วสินะ    วาได้แต่คิดกับตัวเอง    อีกไม่กี่เดือนเขาจะต้องแข่งปิงปองระดับสถาบันแล้วหรือเนี่ย      เขาเองก็ไม่เคยลงแข่งมาก่อน  แล้วถ้าบังเอิญเขาต้องไปแข่งกับลมดำละ  เขาจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่    คงต้องอยู่ที่ตัวของเขาเองแล้ว  ว่าจะฝึกซ้อมมากขนาดไหน      โรงเรียนแห่งนี้ช่างมีเรื่องมากมายให้กับเขาเสียจริงๆ      แต่เขาก็เริ่มรู้เรื่องชอบโรงเรียนนี้มากขึ้นทุกวัน        ไม่ใช่แค่โรงเรียนเท่านั้น  เพื่อนใหม่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกรักโรงเรียนนี้มากขึ้นด้วย
        ถ้านายลงแข่งเราคงจะได้พบกันอีกครั้งนะลมดำ    และเวลานั้นเองจะเป็นเวลาที่บอกว่า  เราจะทำตามคำพูดที่ให้นายไว้ได้หรือไม่    วาคิดกับตัวเองขณะที่ประตูลิฟท์ค่อยๆ  เปิดออก
     
                                      _________________________________________
        พรีสไซโยนลูกปิงปองขึ้นสูงมาก  เหมือนกับว่าเขาต้องการจะเสริฟ์ลูกเท็นนิสก็ไม่ปาน    ลูกปิงปองหลังจากลอยขึ้นสูงจนเกือบจะถึงเพดาน    ก็ค่อยๆ ล่วงลงมาเป็นเส้นตรงราวกับว่า  ได้ถูกบังคับทิศทางเอาไว้แล้ว 
          “ ค่อยดูให้ดีลูกเสริฟ์ไม้ตายของเรา  ลูกวาร์ป !!!! ” 
          ลูกปิงปองเพียงแค่สัมผัสไม้ของพรีสไซเท่านั้นก็หายไปในทันที  ได้ยินเพียงแค่เสียงกระทบไม้และกระเด้งใส่โต๊ะ    แต่ว่าไม่สามารถมองเห็นลูกได้เลย              วา พยายามมองหาลูกแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว    อยู่ดีๆ ลูกปิงปองก็ปรากฎออกมาที่มุมขวาของวา        วาไม่สามารถรับลุกได้เลยเพราะมันมีความเร็วมากเกินกว่าที่จะรับได้     
          ลูกปิงปองกระเด็นออกไปไกลจากโต๊ะพอสมควร    ส่วนวานั้นยังคงยืนอึ้งอยู่กับโต๊ะ        พรีสไซเริ่มหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง     
          “ อะไรกันๆ  แค่นี้ก็รับไม่ได้แล้วหรอ  แต่อย่างว่านะ  ถ้านายรับได้สิเราถึงจะแปลกใจ        รีบไปเก็บลูกมาสิ    อย่าทำตัวเป็นพวกเกลือสิ  ”
        วา กำลังจะเดินไปเก็บลูกแต่เด้กผู้หญิงคนที่ให้วายืมไม้ก็หยิบลุกมาให้เขาแล้ว  ดุเหมือนว่าเธอมีอะไรจะบอกกับเขาด้วย
       
        “ เออ คือ เรามีวิธีรับลูกเสริฟ์ของพรีสไซ  นายสนใจไหม ”            เด็กหญิงค่อยๆ กระซิบ
        “ อย่าเพิ่งดูถูกกันมากไปสิครับ  คอยดุต่อไปก็แล้วกัน ”
          วา รับลูกมาจากนั้นก็โยนไปให้พรีสไซเสริฟ์      พรีสไซก็ตั้งท่าเสริฟ์เหมือนเดิมโดยค่อยๆ  โยนลูกให้สูงขึ้นไปตามเดิม      ในที่สุดลูกเสริฟ์ไม้ตายของพรีสไซก็แผลงฤทธิ์ออกมาอีกที        เมื่อลูกกระทบไม้มันก็หายไปอีกเหมือนคราวที่แล้ว        วาพยายามที่จะตั้งรับลูกอย่างเต็มที่คราวนี้มันโผ่ลออกมาทางซ้ายของโต๊ะ    ความเร็วของมันออกจะเร็วกว่าการเสริฟ์ครั้งเมื่อตะกี้เสียอีก            ลูกปิงปองกระเด็นออกไปอีกครั้งหนึ่ง  ดูเหมือนว่าวาไม่สามารถที่จะรับลุกเสริฟ์ของพรีสไซได้เลย
        เกมดำเนินไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดวาก็ได้เป็นฝ่ายเสริฟ์เหมือนคะแนนอยู่ที่ 1 ต่อ 4        ลูกเสริฟ์ของวานั้นก็มีความแรงอยู่ระดับหนึ่ง  เพียงแต่ว่ามันยังไม่แรงพอที่จะทำให้พรีสไซรับไม่ได้          กลับกันพรีสไซกลับรับลูกของเขาได้อย่างง่ายดาย      บางครั้งวายังถูกตบกลับมา    เขาไม่สามารถทำคะแนนได้อีกเลยนอกจากลูกแรกที่เขาโต้กลับไปได้   
        เกมดำเนินไปเรื่อยๆ  ดูเหมือนว่าพรีสไซเริ่มจะอ่อนๆ  ให้วาบ้างแล้วแต่ถึงอย่างนั้นวาก็ยังไม่สามารถทำคะแนนได้เลย      ในที่สุดคะแนนของพรีสไซก็นำวามาจนถึง  14 ต่อ 1            เด็กผู้หญิงคนที่ให้วายืมไม้เริ่มมีอาการเบื่อเล็กน้อยเนื่องจากวาไม่ยอมที่จะรับฟังวิธีรับลูกเสริฟืของพรีสไซ      ตานี้เป็นตาเสริฟ์ของพรีสไซ   
          “ ที่แท้นายมันก็เป็นไอ้พวกเกลือด้วยสินะ ”           
          วา ไม่ตอบแต่กลับยิ้ม  มันเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่    ขณะที่พรีสไซทำท่าทีว่าจะเสริฟ์ลูกต่อไปนั้นวาก็พูดออกมาขัดจังหวะไว้ว่า 
       
            “ ช้าก่อน ที่ผ่านมาน่ะ  เรายังไม่ได้เอาจริงเลยนะ  แค่ลองทนสอบฝีมือของนายดูก็เท่านั้นเอง    ต่อจากตานี้ละก็นายเตรียมรับมือดีๆได้ ”          เขาพูดปนหัวเราะไปด้วย
          “ อย่ามาทำเป็นปากดีไปเลย  ผลแพ้ชนะมันเห็นกันชัดๆ อยู่แล้ว  ”        พอพรีสไซพูดจบท่าทางจากจับไม้ของวาก็เปลี่ยนไป            จากท่าจับธรรมดาเปลี่ยนเป็นการจับแบบที่เรียกว่า  การจับแบบไม้จีน    มันเป็นการจับไม้โดยใช้การตีด้วยหน้าไม้เพียงด้านเดียว    ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งในการจับไม้ 
          พรีสไซมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยจนถึงกับต้องยักคิ้วให้กับวา          ส่วนวานั้นอมยิ้มเล็กน้อย
        “ คิดว่าการเปลี่ยนวิธีการจับไม้จะสามารถเอาชนะเราได้ก็ลองดูเอาละนะ ”
        “ หึหึ นายมีฝีมือเท่าไหร่ก็จงใช้ออกมาให้หมดเถอะ!  ”              ท่าทางการเล่นของวาเปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจนดูเขามีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมมาก        พรีสไซนั้นไม่รอช้าโยนลูกปิงปองขึ้นไปทันที      แต่คราวนี้วากลับไม่ทำท่าเตรียมตัวรับลูกเลย    แม้แต่มองลูกวายังแทบจะไม่มองเลยทีเดียว           
        เมื่อลูกปิงปองกระทบกับไม้ก็หายไปอีกครั้งเหมือนกันทุกคราว    แต่คราวนี้ไม่ทันที่ลูกจะปรากฎออกมาวาก็สะบัดไม้ของเขาออกไป    แต่ทว่าเขาไม่ได้สะบัดไม้มัว  ไม้เหมือนสะบัดออกไปเกิดเสียง เป๊อะ !      ซึ่งก็หมายความว่าไม้ของวาตีถูกลูกปิงปองได้โดยที่เขายังไม่ต้องมองเลยด้วยซ้ำ        พรีสไซถึงกับต้องตะลึงเล็กน้อยเพราะลุกปิงปองได้หายไปเสียแล้ว        แต่เมื่อเขาได้สติลูกปิงปองก็ตกลงไปตรงมุมขวาของเขาเสียแล้ว      มันตกลงตรงเส้นสีขาวพอดี    ซึ่งไม่มีทางที่จะรับได้ทันแน่นอน  และมันก็เป็นเช่นนั้นพรีสไซไม่สามารถรับมันได้ 
        ลูกปิงปองแทนที่จะกระเด็นตรงออกไปกลับกระเด้งโค้งตรงไปที่หน้าของพรีสไซ    ลูกปิงปองกระเด็นใส่แว่นของเขาเต็มๆ    ทำให้แวนนั้นเกือบที่จะหลุดออกมาเลยทีเดียว          จากนั้นลูกปิงปองก็ค่อยๆ ล่วงลงสู่พื้นแล้วมันก็ค่อยๆ  หยุดนิ่งลง       
        คนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ  ไม่เว้นแม้แต่โซเฟียที่ไม่เคยมีอะไรทำให้ประหลาดใจได้ง่ายๆ  แต่คราวนี้ถึงกลับยืนนิ่งอยู่สักพักหนึ่งเหมือนกัน      คนทั้งห้องแทบจะกลายเป็นเสือใบ้นิคไปเสียแล้ว    แต่ในที่สุดความเงียบก็หายไปเมื่อพรีสไซหัวเราะเสียงดังพร้อมกับค่อยๆ เก็บลูกขึ้นมา
        “ ฮ่าๆ ที่แท้ก็มีฝีมือเหมือนกัน  แต่ว่าการที่ชนะเพียงแค่ 2 ลูกก็ใช่ว่าจะสามารถเอาชนะเราได้หรอกนะ    เตรียมรับมือให้ดี ”
        “ ก็บอกแล้วไงว่า  นายมีฝีมือเท่าไหร่ก็จงใช้ออกมาให้หมดเสียเถอะ  ก่อนที่จะเสียใจภายหลัง หึหึ ”      วา พูดเหมือนกับเป็นคนละคนกับที่แพ้ไป 14 ลูกเมื่อสักครู่นี้       
     
        พรีสไซเป็นฝ่ายเสริฟ์อีกครั้งหนึ่ง  การเสริฟ์คราวนี้ดูจะรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มากขึ้น    คงเพราะคำพูดของวานั่นเอง        แต่ว่าแม้การเสริฟ์จะแรงขึ้นเท่าไหร่ก็ไม่ทำให้วารู้สึกกลัวเลยสักนิด    เขาสามารถรับมันได้อย่างง่ายดาย    บางครั้งเขาถึงกับสามารถตบกลับไปได้เอาดื้อๆ        เล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตาเสริฟ์ของวาบ้าง    เหมือนกับจะเป็นการเอาคืน  วาโยนลูกขึ้นไปสูงเหมือนกับที่พรีสไซโยน 
        “ คอยดูนะต่อไปนี้คือ  ลูกวาร์ป ของจริงละ  ”   
        เมื่อไม้กระทบกับลูกปิงปองก็หายไปเพียงแต่ว่ามันเร็วกว่าที่พรีสไซตีมาก    คนทั้งห้องถึงกับตะลึงอีกครั้ง      นี่ไม่ใช่การตีเลียนแบบธรรมดาซะแล้ว  มันเป็นการตีที่เหนือกว่าอีกขั้นหนึ่งต่างหาก      มิว นั้นถึงกับดีใจจนออกอาการกระโดดโลดเต้นที่เห็นเพื่อนของเขาสามารถพลิกเกมได้ 
        “ สุดยอดจริงๆ สมแล้วที่เป็นหัวหน้าวง    ตีได้เจ็บใจวัยรุ่นจริงๆ ”        มิว ตะโกนบอกพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้แก่วา    ส่วนโซเฟียนั้นได้แต่อมยิ้ม  ดูเหมือนว่าเธอเองก็จะต้องประเมินฝีมือวาใหม่เสียแล้ว        ยิ่งเด็กหญิงคนที่ให้วายืมไม้ไม่ยิ่งต้องพูดถึงตาของเธอแทบจะเป็นกรายเลยทีเดียวเชียว     
        พรีสไซนั้นถึงกับต้องกัดฟัน  เขาแทบจะคิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาทำให้เขาหน้าเสียได้ขนาดนี้เลย    เขาไม่สามารถที่จะโต้กับวาได้เลย  หรือถึงแม้ว่าจะโต้ได้บ้างก็ไม่สามารถทำคะแนนได้อีกเลยนับตั้งแต่วาเปลี่ยนท่าทางการจับไม้        เกมดำเนินไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดวาก็สามารถทำคะแนนตามทันแถมยังทำคะแนนนำห่างไปเรื่อยๆ  จนเป็น 19 ต่อ 14   
      “ พอก่อนๆ ”         
      “ ทำไมละ  ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะกันเลยไม่ได้หรอ  นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าคะแนนแค่ 2-3 แต้มไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้  นี่ก็ห่างกันแค่ 5 คะแนนเองนะ  ”
      “ เรายอมแพ้แล้ว ”             
 
      เมื่อพรีสไซพูดคำนั้นออกไปคนทั้งห้องแทบจะตะลึงไปอีกครั้งไม่น่าเชื่อว่า  รองประธานชมรมผู้ไม่เคยผ่ายแพ้แก่ใครง่ายๆ    จะต้องมาแพ้ให้แก่นักเรียนนอกชมรมคนหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก       
        มิว ถึงกับต้องร้องไชโยดังๆ เมื่อได้ยินคำว่า “ เรายอมแพ้แล้ว “        ส่วนโซเฟียนั้นก็ปรบมือให้แก่วา    ทางด้านเสือใบ้นิคก็พลอยปรบมือตามโซเฟียไปด้วย          พรีสไซค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ  วาจากนั้นก็ยื่นมือออกมาซึ่งเมื่อวาเห็นเขาก็ยืนมือออกไปจับมือของพรีสไซด้วย    แสดงว่าทั้งสองยอมรับกันและกันแล้ว   
      “ เอาละ ต่อจากนี้ท่านายต้องการจะเล่นปิงปองเมื่อไหร่ละก็นายสามารถจะมาเล่นที่ชมรมของเราได้ทุกเมื่อเลยนะ ”
      “ ขอบใจนะ  แต่นายจะว่าอะไรไหม  ถ้าเราจะขอให้เพื่อนของเราเข้ามาเล่นด้วย ”
      “ ได้เลยตามสบาย  แต่ถ้าว่างๆ ละก็โอกาสหน้ามาเจอกันใหม่นะ    คราวหน้าเราไม่ยอมแพ้แน่ๆ ” 
      พรีสไซค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะอื่นซึ่งเมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลงทุกคนในห้องต่างก็มีท่าทีกลับมาเหมือนเดิมแล้วก็เล่นปิงปองกันต่อตามปกติ  มีบ้างแอบมองมาที่วานิดหน่อย                  ส่วนท่าทีของวาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อเกมจบลง    หลังจากวาพุดคุยกับพรีสไซเสร็จ  เด็กหญิงคนที่ให้วายืมไม้ก็เดินเข้าไปหาเขา      เมื่อวาเห็นดังนั้นก็นึกขึ้นได้
   
        “ ลืมไปเสียสนิทเลย ขอบคุณมากนะ  สำหรับไม้ปิงปอง  เราคงไม่ชนะหรอก ถ้าไม่ได้เธอให้ยืมไม้ ”
        “ ไม่เป็นไรค่ะ ”      เด็กหญิงคนนั้นมีท่าทางอายๆ  จากนั้นก็รับไม้คืนมาจากวา 
      “ เธออยู่ชมรมนี้ด้วยหรอ ”
      “ ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยเก่งหรอก  ส่วนใหญ่ก็นั่งดูพวกเขาเล่นกันอะค่ะ ”
      “ ลืมแน่ะนำตัวไป เราชื่อวานะ  ส่วนผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชื่อโซเฟีย    ผู้ชายคนที่ใส่แว่นท่าทางไร้ซึ่งอารมณ์ชื่อนิค  ส่วนคนที่ท่าทางฮาเฮๆ นั้นชื่อมิวนะ  ”
        “ ส่วนเราชื่อ  ระริน นะ ”
        “ อืม เราขอตัวก่อนนะ  จะไปเล่นปิงปองกับเพื่อนๆ  ตรงโน้นน่ะ ”
      “ ค่ะ ว่าแต่มีไม้กันหรือยังละค่ะ ”
      “ เกือบลืมไปเลย  เราจะหาไม้ได้จากไหนหรอ ”
      “ เดี๋ยวเราไปเอามาให้นะ ”
      “ ขอบใจนะ  งั้นเราไปรออยู่ตรงนั้นนะ ”
        วาเดินกลับไปหาพวกเพื่อนๆ ของเขา  ส่วนระรินก็เดินไปหาไม้ปิงปองมาให้วา      เมื่อวาเดินไปถึง มิวก็ชูนิ้วโป้งให้กับเขาอีกครั้งหนึ่ง 
        “ สุดยอดมากเลย  ไม่น่าเชื่อว่านายจะสามารถเอาชนะหมอนั่นได้  สะใจจริงๆ  คิดถูกแล้วที่ตามนายมา ”
      “ เราว่านายเก่งกว่าเราอีกนะเนี่ย  ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ  ตอนแรกทำเสียใจหายเลยนะ ”        โซเฟียชมวา  ซึ่งวาก็ตอบกลับว่า
      “ ไม่จริงหรอก  เรายังไม่ได้เห็นฝีมือของเธอเลยนะ ”
      “ เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว  แล้วก็จะรู้ว่าเราไม่เก่งจริงๆ ”
        เสือใบ้นิคเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แสดงความดีใจด้วยกับวา    แต่วาก็รู้ได้ว่าเสือใบ้นิคก็ดีใจกับเขาเหมือนกัน   
        “ เออ ว่าแต่นายรู้จักกับเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้หรอ  เขาถึงให้นายยืมไม้ ”
      “ ป่าวหรอก  พอดีเขาเอามาให้เรายืมเองน่ะ ”
      “ เราว่าเขาต้องแอบชอบนายแน่เลย เพื่อน”    มิว ทำตาเจ้าเล่ห์      วารู้สึกเขินนิดหน่อยจึงถามกลบเกลื่อนไปว่า      “ ว่าแต่ เมื่อกี้เขาเป็นรองประธานชมรมใช่ไหม ”     
      “ อืม ใช่แล้วละ ”     
      “ งั้นประธานชมรมที่นายว่าอยู่ที่ไหนหรอ ”
      “ เราก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ  แต่ว่าไม่เจอก็ดีแล้วละ ”        มิว พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียง ฮะแฮ่มดัง  มาจากทางด้านหลังของเขา          “ งั้นก็ต้องเสียใจด้วยนะ ”        เมื่อเขาหันหลังกลับไปก็พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง  ใส่แว่นดูเคร่งขรึมท่าทางไร้อารมณ์    อาจจะพอๆ กับเสือใบ้นิคเลยก็ได้  เพียงแต่ว่า สายตาของเขาดูไร้ซึ่งวิญญาณ    ทำให้ดูน่ากลัวกว่าเสือใบ้นิคอยู่มาก       
      “ นายคงจะไม่ได้หมายความว่า นายคือ ประธานชมรมปิงปองหรอกใช่ไหม ”        วา มีสีหน้าประหลาดใจ
      “ ย่อมต้องใช่ ”       
      “ ท่าจะแย่แล้วละ  คนๆ นี้คือประธานชมรมที่ชื่อ โซลีนจริงๆ ละ ”        มิว แอบมากระซิบข้างๆ  หูของวา
      “ งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จัก  เราชื่อวานะ ”            โซลีนไม่แสดงสีหน้าของความเป็นมิตรสักเท่าไหร่    อาจเพราะว่าเขาดูไร้ความรู้สึกอยู่ตอดเวลากระมัง    หรือาจจะเรียกได้อีกอย่างว่า  เสือใบ้นิค ภาคพูดได้จะดีกว่า
     
      “ จากที่ดูนายเล่นมาก็ต้องขอชมฝีมือของนายนะ  แต่ว่าถ้านายแข่งกับเราตอนนี้ละก็  คาดว่าคงไม่สามารถจะเอาชนะเราได้หรอก ”        โซลีน พูดด้วยท่าทางเย็นชา  มันเหมือนเป็นคำพูดท้าทายวาอย่างมาก  ซึ่งวาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร  เพียงแต่ยิ้มสะเหยะอย่างท้าทายกลับไป   
      “ แต่ว่าถ้ายังไม่ลอง จะรู้ได้ยังไงจริงไหม ”    วา พูดกลับท่าทางเขาอยากจะแข่งกับโซลีนอยู่เหมือนกัน 
    “ ใช่แล้ว เพื่อนเราไม่มีทางแพ้ง่ายๆ หรอก หรือว่าเมื่อกี้นายไม่ได้เห็น ”    มิว ดูเหมือนจะถือหางวาเต็มที่   
      แต่คำพูดของโซลีนกลับทำให้ทั้งสองคนถึงกับตะลึงไปสักพักหนึ่ง  “ ก็เพราะว่า เห็นน่ะสิ ”      การที่โซลีนพูดอย่างนี้แสดงว่า    เขามั่นใจเต็มที่ว่า ฝีมือของวาไม่สามารถจะเอาชนะเขาได้     
      หลังจากคำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของโซลีนท่าทีของวาก็เริ่มเปลี่ยนไป  เหมือนกับตอนที่เขาแข่งปิงปองกับพรีสไซ    ดูท่าทางเป็นคนละคน    และเขาก็ดูมีความมั่นใจมากขึ้น   
      “ แต่ว่า การดูและพูดกับการแข่งมันออกจะต่างกันอยู่หน่อยนะ  ”    วา ยิ้มท้าทายโซลีน  สายตาที่เขามองไปยังโซลีนนั้นดูมีความมั่นใจสูมาก  ดูเหมือนเป็นคนละคนกับเมื่อสักครู่นี้จริงๆ          แต่โซลีนเองก็ไม่ได้มีอาการแปลกใจแต่อย่างใด     
    “ เอาละ ในเมื่อถ้านายเองก็มั่นใจแล้วละก็  เรามาลองแข่งกันสัก 5 ลูกก่อนจะเป็นยังไง ”
    “ พร้อมอยู่แล้ว ”
    “ งั้นก็เชิญตามมาได้เลย ”
      วา ไม่รอช้ารีบเดินตามโซลีนไปยังโต๊ะปิงปองที่ว่างอยู่ทันที  ซึ่งก็เป็นขณะเดียวกันกับที่ระรินนำไม้ปิงปองมาให้แก่พวกของวาพอดี        ระรินทำท่าประหลาดใจเล็กน้อย  แต่ก็รีบเดินตามวาไปในทันที พร้อมกับไม้ปิงปอง 3-4 ไม้ที่ยังหอบอยู่
      “ การแข่งครั้งนี้ดูท่าทางจะสนุกกว่า คู่เมื่อกี้แน่เลย  เรารีบตามไปดูกันดีกว่า  ว่าไหมคุณเสือใบ้นิค ”      โซเฟียพูดพร้อมกับยิ้มให้เสือใบ้นิค  ซึ่งสีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด   
    เมื่อทั้งสองคนเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว  ก็เป็นที่น่าแปลกใจที่คนในห้องเกือบทั้งห้องก็ต่างพากันหันมาสนใจที่โต๊ะปิงปองโต๊ะเดียวกันหมด        บางคู่ถึงกับหยุดเล่นเพื่อจะเดินเข้ามาดูใกล้ๆ    รู้สึกว่า  คนจะให้ความสนใจกับการแข่งครั้งนี้มากกว่าครั้งแรกที่วาแข่งเสียอีก      คงจะเป็นเพราะ การแข่งครั้งนี้ถึงกับเป็นประธานชมรมแข่งเองเลยก็ได้     
      โซลีนค่อยๆ หยิบไม้ปิงปองออกมาจากที่ใส่ซึ่งคาดไว้ที่ข้างๆ เอวของเขา    ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดไม้ของเขานั้นดูมีพลังกว่าทุกไม้ที่วาเคยเห็นมา    มีแรงกดดันที่แผ่ขยายมาจนวารู้สึกได้จากไม้ปิงปองอันนั้น        แต่วาเองก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวเกรงแม้แต่น้อย        ระรินค่อยๆ เดินเข้ามาหาวาพร้อมกับส่งไม้ปิงปองของเธอไปให้วา 
      “ อย่าประมาทนะค่ะ  ไม่เคยมีใครเอาชนะเขาได้เลย  ”
      “ รับรองได้  ขอโทษทีนะที่ต้องยืมอีกครั้งหนึ่ง ”       
      “ ไม่เป็นไรค่ะ  สู้เขานะค่ะ ”            พูดเสร็จระรินก็รีบก้มหน้า  จากนั้นก็วิ่งออกไปยืนดูอยู่ห่างๆ     
      ในที่สุดทั้งคู่ก็พร้อมแล้ว  และก็ดูเหมือนว่า คนทั้งห้องก็พร้อมแล้วเหมือนกันที่จะดูการแข่งขันของทั้งคู่    โซเฟียยืนกอดอกดูอยู่ห่างๆ  กับเสือใบ้นิคและก็มิว      ซึ่งดูท่าทางของมิวจะลุ้นสุดขีดเลยทีเดียว  ทั้งๆ ที่การแข่งก็ยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย     
          วาและโซลีนยืนประจันหน้ากับข้ามโต๊ะปิงปองอยู่สักครู่หนึ่ง    จนกระทั่งพรีสไซเป็นผู้เดินมายื่นลูกปิงปองให้แก่วา      ก่อนที่พรีสไซจะเดินออกไปยืนห่างๆ  นั้น เขาก็ได้พูดกับวาไว้ว่า  “ งานนี้ยากแน่เพื่อน  นายได้เป็นเกลือแน่  ” 
          เมื่อวาได้ลูกปิงปองมาอยู่ในมือแล้ว  เขาก็พร้อมแล้วที่จะแข่ง    การจับไม้ของวานั้นเป็นการจับแบบไม้จีนเลย    ซึ่งดูเหมือนว่าวาก็ไม่ได้ประมาทโซลีนเช่นกัน              วา ชี้ไม้ตรงไปที่โซลีน พร้อมกับถามก่อนที่จะเสริฟ์ 
   
          “ นายเองพร้อมแล้วหรือยัง ”      โซลีนไม่ได้ตอบหากแต่พยักหน้า  ท่าทางการจับไม้ของโซลีนเป็นการจับแบบธรรมดา  มือข้างที่ใช้ คือ มือข้างขวา        หลังจากพยักหน้าเรียบร้อยแล้ว  วาก็เริ่มเสริฟ์ลูกของเขาออกไปด้วยความเร็งสูง    ซึ่งโซลีนก็โต้กลับมาได้โดยไม่ยากเย็น    ทั้งสองคนโต้กันไปมาด้วยกันอย่างสูสี  ทำให้คนดูนั้นแทบจะตะลึงไปตามๆ กัน        ดูเหมือนว่าถ้าคนใดคนหนึ่งช้าไปเพียงเสี่ยววินาทีเดียว  ก็จะต้องแพ้ไปอย่างแน่นอน 
          การโต้ลูกค่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ  จนบางคนอาจจะมองแทบไม่ทันเลยทีเดียว    แต่สำหรับทั้งสองคนนี้แล้ว  ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่เพียงการอุ่นเครื่องเล่นเท่านั้นเอง      เพราะการตีของทั้งสองคนนั้นไม่ได้ใส่เทคนิคอะไรไปเลย    เหมือนกับการเตี๋ยมกันไว้ก่อนแล้ว           
        จนกระทั่งพรีสไซกระดกแว่นกรอบสี่เหลี่ยมอันหนาของเขาขึ้น  ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ท่าทางการตั้งรับลูกของโซลีนเปี้ยนไป๋    บางคนอาจจะไม่ได้ทันสังเกตแต่สำหรับวาเองแล้ว    ย่อมเห็นได้ชัดที่สุด        โซลีนนำมือข้างขวาของเขาง้างไปทางข้างหลัง            เมื่อวาตีลูกของเขาออกไปถึงฝั่งของโซลีน    โซลีนก็หวอดไม้ของเขาขึ้นไปที่ลูกปิงปอง    ลูกปิงปองกระเด็นตรงกลับไปด้วยความเร็วสูงแต่พอมันข้ามเน็ทปิงปองไปแล้ว    กลับกลิ้งลงเรียบกับโต๊ะไปเรื่อยๆ  จนกระเด็นออกไปนอกโต๊ะ      ซึ่งวาไม่สามารถรับมันได้เลย  เนื่องจากระดับลูกมันเรียบกับพื้นตลอดและไม่ยอมกระเด้งขึ้นมาเลย    แถมระดับยังอยู่ต่ำเท่ากับเอวเขาด้วย     
          การตีลูกเมื่อสักครู่เมื่อกี้สร้างความประหลาดใจให้กับวาเป็นอย่างมาก  ซึ่งก็คงไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวแน่    คนทั้งห้องถึงกับอึ้งไปตามๆ  กัน      โซเฟียทำปากจุ๊ๆ  เล็กน้อยเมื่อเห็นการตีอันน่าทึ่งของโซลีน            วาค่อยๆ เดินไปเก็บลูกปิงปองที่กระเด็นออกไปไกลมากจนชนกำพงห้อง   
      “ ลูกนั้นมันเป็นลูกอะไรกันเนี่ย    ทำไมมันถึงน่ากลัวขนาดนี้ ”      มิว ยืนพูดกับตัวเองลอยๆ    เหมือนกับเป็นการบ่นกับตัวเอง        ซึ่งเมื่อระรินที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ห่างจากเขานัก  ได้ยินคำถามลอยๆ ของมิวเข้าไปก็รีบตอบไปทันที        “ ลูกนั้นก็คือ ลูกอันเดอร์กลาว  หนึ่งในท่าไม้ตายของประธานชมรม  ซึ่งไม่เคยมีใครรับมันได้เลยละค่ะ  ”        มิวถึงกับแปลกใจเล็กน้อยที่ระรินตอบคำถามของเขา  ซึ่งตอนแรกๆ  เขาก็ไม่ได้คิดจะให้ใครตอบอยู่แล้ว  แต่ไหนๆ  เมื่อมีคนพูดด้วยก็ขอถามต่อหน่อยก็แล้วกัน 
        “ อ่าวเธอเองหรอ    ว่าแต่ไอ้ลูกเมื่อกี้ทำไมมันถึงได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ ”
        “ ที่ลูกเมื่อกี้ชื่อว่า ลูกอันเดอร์กลาว ก็เพราะว่าการวิ่งของลูกนั้นเมื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามแล้ว  มันจะไม่มีทางกระเด้งขึ้นไปให้คู่ต่อสู้มีโอกาสที่จะตีโต้กลับไปได้เลยละค่ะ  แถมลูกยังมีความเร็วสูงอีกต่างหาก    ตั้งแต่เห็นมาก็ยังไม่เคยมีใครรับลูกนั้นของประธานชมรมได้เลยละค่ะ  ”     
      “ อืม งั้นหรอ ”        มิว ไม่พูดอะไรต่อ  ได้แต่มองไปที่โต๊ะปิงปองเพื่อดูการแข่งขันต่อไป   
      “ ลูกเมื่อกี้น่ากลัวดีนะ ”      วา พูดพร้อมกับยิ้มให้กับโซลีน  ซึ่งโซลีนก็ไม่ได้แสดงอาการภูมิใจออกมาเลยแม้แต่น้อย   
      “ บอกแล้วว่า  นายไม่สามารถจะเอาชนะเราได้ในตอนนี้หรอก ”          เมื่อวาได้ยินคำพูดนั้นทำให้เขาต้องหลับตานิ่งไปสักพักเหมือนกับนึกอะไรสักอย่างได้      จากนั้นภาพความทรงจำในอดีตของเขาก็เริ่มเข้ามาในหัวของเขา
      เสียงลูกปิงปองค่อยๆ  กระเด้งกับพื้นช้าๆ  จนในที่สุดมันก็ค่อยๆ นิ่งลงไปกับพื้น          เด็กหนุ่มคนหนึ่งถึงกับหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งย่องๆ กับพื้น            ตรงข้ามกับเด็กชายคนนั้นก็คือ เด็กชายอีกคนหนึ่ง    เด็กชายคนนั้นผูกผ้าโพกหัวสีดำ    มีแววตาแห่งความมุ่งมั่นสูง      ดูเหมือนทั้งห้องนั้นจะมีเพียงแค่เด็กชายสองคนนี้เท่านั้น    และแน่นอนห้องๆ  นั้นก็คือห้องปิงปองนั้นเอง     
        “ ลุกขึ้นมาสิ  นายยังเอาชนะเราไม่ได้เลยนะ ”    เด็กชายที่มีผ้าโพกหัวสีดำตะโกนบอกเด็กชายอีกคนหนึ่ง    ทำให้เด็กชายอีกคนหนึ่งต้องค่อยๆเก็บลูกปิงปองและ  ลุกขึ้นมา              เด็กชายคนที่หยิบลูกปิงปองขึ้นมาพร้อมกับท่าทางเหน็ดเหนื่อยอย่างมากก็คือ วา! นั่นเอง      นี่ก็คือความจำในอดีตของวานั่นเอง    มันเป็นตอนก่อนที่เขาจะย้ายมาที่โรงเรียนใหม่ของเขา            ซึ่งเด็กชายที่มีผ้าโพกหัวสีดำก็คือ ลมดำ  เพื่อนคนสนิทคนหนึ่งของวานั่นเอง   
        “ ดูเหมือนว่า  ทำยังไงเราก็เอาชนะนายไม่ได้อยู่ดีแหละ    เราขอยอมแพ้ ” 
        “ ไหนนายบอกว่า จะเอาชนะเราให้ได้ยังไงละ ”       
        “ ตอนนี้เราเอาชนะนายไม่ได้จริงๆ  แต่สักวันเราจะเอาชนะนายให้ได้ ”   
      “ ก็ได้เราจะรอวันนั้น  วันที่นายจะสามารถเอาชนะเราได้  แต่เราอยากบอกอะไรนายไว้บางอย่าง    บางครั้งการฝืนสู้กับคนที่เราไม่มีทางชนะได้เลยมันก็เป็นการเสียแรงไปเปล่าๆ    สู้เก็บแรงไว้ไปฝึกแล้วค่อยมาเอาชนะยังจะดีกว่า    เหมือนที่เขาบอกว่า  สิบปีแก้แค้นยังไม่สายยังไงละ ” 
      “ อืม ขอบคุณนะ แล้วเราจะมาเอาชนะนายให้ได้เลยคอยดู ”   
        ลมดำไม่ตอบหากแต่ยิ้มให้กับวา    วาก็ยิ้มให้กับลมดำ  นั่นเป็นการพ่ายแพ้ที่ทำให้วาต้องจดจำไปอีกนาน    บางครั้งการจะเอาชนะใครให้ได้    ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเอาชนะในตอนนั้นให้ได้เสมอไป      สำคัญที่ว่า  ตัวเราเองฝึกซ้อมให้เต็มที่แล้วหรือยัง   
        ทั้งสองคนค่อยๆ เดินออกจากห้องปิงปองของโรงเรียน  ซึ่งเมื่อออกมาแล้วก็เป็นเวลาหกโมงเย็นเสียแล้ว    เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ก็ต่างกลับบ้านกันไปหมดแล้ว    ยังเหลือพวกที่เล่นบอลอยู่ในสนามโรงเรียนหรือพวกที่ยังเรียนพิเศษต่ออยู่บ้าง         
        วานั่งพักอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆ ตึกสีแดงใหญ่ตึกหนึ่ง    ในขณะที่ลมดำค่อยๆ  ถือกระป๋องน้ำอัดลมกระป๋องหนึ่งยื่นมาให้แก่วา 
        “ ขอบใจนะ ”  วาค่อยๆ รับน้ำอัดลมมาจากนั้นก็เปิดมันออกแล้วก็ค่อยๆ ดื่มมันทำให้เขาหายเหนื่อยไปได้นิดหน่อย        “ ว่าแต่เป็นยังไงบ้างละ  ตารางการแข่งขันปิงปองระหว่างสถาบัน    จะเริ่มเมื่อไหร่หรอ ”    ลมดำทำท่าคิดอยู่สักครู่หนึ่งจากนั้นก็ค่อยๆ ตอบวา
        “ ก็คงประมาณปลายๆ ปีนี้แหละ  นายสนใจจะเข้าร่วมด้วยไหมละ ”
        “ ไม่ละ เรายังชนะนายไม่ได้เลย  แล้วเราจะไปสู้กับใครได้ ”
      “ นายเอาชนะเราไม่ได้  ก็ไม่ได้หมายความว่า  นายจะเอาชนะคนอื่นไม่ได้นี่    ฝึกอีกหน่อยก็เก่งแล้วละ ”
      “ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  เรายังไม่แน่ว่าจะสามารถคัดตัวออกมาเป็นตัวจริงได้  แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้กะว่าจะแข่งกับใครอยู่แล้ว  ”
      “ อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย        อย่างนายเป็นได้ยิ่งกว่าตัวจริงเสียอีกนะ ”    ลมดำพูดเสร็จก็รีบดื่มน้ำอัดลมของเขาต่อ    เมื่อดื่มไปได้สักพักก็รีบพูดต่อ  เพื่อไม่ให้ขาดตอน    “ แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ  อย่างนายไม่ต้องคัดตัวหรอกเราให้นายเป็นตัวจริงเลยละ  เอาไหม ” 
      “ งั้นก็ต้องขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน ”   
      “ รีบๆ หน่อยละกัน  ถ้าขาดนักปิงปองอันดับ 3  ของโรงเรียนอย่างนาย    โรงเรียนเราก็คงจะแย่เหมือนกันนะ ”
      วา ไม่พูดอะไรต่อเพียงแต่ดื่มน้ำต่อให้หมดกระป่อง  พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า    ท้องฟ้าช่วงเย็นๆ  น่าดูยิ่งกว่าช่วงเที่ยงที่อากาศร้อนๆ เป็นนัก            แต่หลังจากนั้นวาก็ไม่ได้ลงเข้าไปเป็นตัวจริงในการแข่งขันปิงปองของโรงเรียน    เพราะโดนไล่ออกฐานมาสายเสียก่อน
      วา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น  หลังจากนึกคำพูดในอดีตของลมดำที่บอกกับเขาได้ว่า    สิบปีแก้แค้นกยังไม่สาย    การที่สู้กับคนที่เราไม่มีวันชนะก็เท่ากับเป็นการเสียแรงเปล่า  ควรไปฝึกเพื่อจะสามารถมาเอาชนะทีหลังยังสู้ดีเสียกว่า        เมื่อคิดได้ดังนั้นวาจึงพูดบอกโซลีนไปว่า 
      “ เราขอยุติการแข่งเพียงแค่นี้ก่อน  วันนี้นายชนะ ”      คนทั้งห้องถึงกับต้องประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง  อาจจะยกเว้นโซเฟียและก็เสือใบ้นิค    ซึ่งเข้าใจวาดี      “ ดูเหมือนนายจะเข้าใจแล้วสินะ ”      โซลีนพูดและค่อยๆ เก็บไม้ปิงปองของเขากลับไปยังที่ใส่ไม้ข้างเอวของเขาเหมือนเดิม 
      “ อะไรกันนายยังเหลืออีกต้องสี่ลูกไม่ใช่หรอ  ทำไมไม่ลองสู้ต่อละ ”        มิว เป็นคนตะโกนบอกวาด้วยความเสียดาย    ซึ่งโซเฟียก็แตะไหล่ของมิวพร้อมกับส่ายหน้า  หมายความว่า  อย่าไปห้ามเขาเลย    ซึ่งมิวก็หยุดพูด    ถึงจะอยากให้วาแข่งต่อก็ตาม       
      วา ค่อยๆ เดินไปหาระรินพร้อมกับยื่นไม้ให้  แล้วยิ้ม  “ ขอโทษนะ  แต่ว่าวันนี้เอาชนะไม่ได้จริงๆ  ”    ระรินรับไม้มาท่าทางยังสงสัยอยู่ที่ทำไมวาไม่สู้ต่อ  แล้วบอกว่าเอาชนะไม่ได้จริงๆ    “ ไม่เป็นไรค่ะ  แต่ว่าทำไมถึงบอกว่าเอาชนะไม่ได้จริงๆ  ละค่ะ  ทั้งที่ก็ยังไม่ได้แพ้สักหน่อย ”         
      วายิ้มให้กับระรินจากนั้นก็พูดขึ้นว่า    “ บางครั้งการตัดสินแพ้ชนะมันก็ง่ายเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้นะ ” 
     
      จากนั้นวาก็ค่อยๆ เดินไปหาเพื่อนๆ ของเขา  ซึ่งโซเฟียเป็นคนแรกที่ทักวา      “ แหม เก่งเหมือนกันนะ    แต่ก็น่านับถือนะที่ยอมแพ้มาก่อน  ”     
      “ ไม่เห็นจะน่านับถือตรงไหนเลย ”  วาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม 
      “ ลูกผู้ชายยากนักที่จะพูดคำว่า ยอมแพ้ได้ง่ายๆ  คนบางคนยอมตายยังดีกว่าที่จะยอมแพ้    แต่นายสามารถพูดออกมาได้แสดงว่า  นายยอมรับตัวเองและพร้อมที่จะปรับปรุงจริงไหม  ถึงได้บอกยังไงละว่า นายเก่ง ”          คำพูดของโซเฟียครั้งนี้ทำให้วาถึงกับเขินไปเลยทีเดียว    ดูเหมือนว่าจะจริงด้วย  ซึ่งวาก็ได้แต่ยิ้มไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้          ซึ่งหลังจากโซเฟียพูดไปไม่นานนักมิวก็รีบถามวา         
      “ ทำไมนายถึงยอมแพ้มาก่อนละ  นายสู้เจ้านั่นได้อยู่แล้วนะ ”
      “ คือ เราคิดว่าตอนนี้เรายังไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอก ”          วา พูดด้วยท่าทางสงบ  ไม่เหมือนกับก่อนที่จะแข่ง  มิวเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ     
   
      โซลีนค่อยๆ เดินเข้ามาหาวา    ซึ่งมิว โซเฟีย และเสือใบ้นิคก็หันไปมองตามเหมือนกับว่าอยากจะรู้ว่า  โซลีนมีอะไรจะพูดกับวา
      ” เรามีเรื่องที่อยากจะพูดกับนายสักหน่อย ”
      “ มีอะไรก็ว่ามาได้เลย ” 
      “ จากการแข่งเมื่อสักครู่นี้  ทำให้เราเริ่มสนใจในตัวนายขึ้นมาเยอะเลย    เราเลยต้องการจะถามนายว่า  นายต้องการจะลงแข่งเป็นตัวจริงของโรงเรียนเราไหม ”        วา ทำท่าครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง  “ ตัวจริงที่นายว่านี้  เป็นการแข่งอะไรหรอ ”
      “ นายไม่รู้หรอกหรือ ว่าทุกๆ ปีจะมีการแข่งขันกีฬาระหว่างสถาบัน  โรงเรียนเราก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่จะเข้าแข่งด้วย ” 
      “ ไอ้การแข่งขันระหว่างสถาบัน  เราพอรู้นะ  แต่ไม่คิดว่าโรงเรียนเราจะลงกับเขาด้วย    พอดีเราเพิ่งย้ายมาใหม่น่ะ  ”
      “ อ๋อหรอ  นายเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่หรอ  มิหน้าละถึงได้กล้าเข้ามาในห้องชมรมเรา    แต่ว่าแต่ว่านายจะเข้าร่วมกับเราไหม  เป็นตัวจริง 1 ใน 5 คนที่จะลงแข่ง ”
      วา เอามือลูบคางพร้อมกับคิดต่อ    การแข่งขันระหว่างสถาบันทำให้วานึกอะไรดีๆ ออกมาได้  ใช่แล้วสิ่งที่เขาเคยไปพูดกับลมดำเพื่อนของเขาไว้  “ สักวันเราจะต้องเอาชนะนายให้ได้ ”    หรือนี่ฟ้าได้กำหนดมาแล้วว่า  จะให้เขาถูกไล่ออกมาเพื่อไปแข่งกับเพื่อนของตัวเอง  คิดมาแล้วก็น่าขำ 
 
      “ เอาเลยสิ โอกาสอย่างนี้นานๆ ทีนะเนี่ย ”    โซเฟีย เชียร์ให้วาลงแข่ง    “ ใช่แล้ว เอาเลย ” มิวก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สนับสนุนวาให้ลงแข่ง      และในที่สุดวาก็ตัดสินใจได้ 
      “ โอเค เราตกลงว่าแต่เมื่อไหร่ละ  การแข่งถึงจะเริ่มขึ้น ”
      “ ก็ประมาณอีก 2-3 เดือนนี้แล้วละ  เพราะฉะนั้นช่วงเวลาหลังเลิกเรียนทุกวันนายควรจะมาฝึกที่ห้องนี้ด้วยนะ  ”        “ แล้วพวกเราจะมาเล่นด้วยได้หรือเปล่าละ ” มิวเป็นคนถาม    ซึ่งโซลีนก็อนุญาต  “ ได้เลย งั้นจากนี้เชิญพวกนายเล่นกันตามสบายเลยนะ  เราขอตัวก่อนละ  ”
     
      ก่อนที่โซลีนจะเดินไปก็ได้บอกเวลานัดซ้อมให้กับวา  ซึ่งเขาจะต้องมาซ้อมอย่างน้อยวันละ 2-3 ชั่วโมง  หลังเลิกเรียน  โดยที่วาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเองก็ว่างอยู่แล้ว     
    “ อย่ามัวแต่ซ้อมปิงปองจนลืมการซ้อมวงไปละ  ท่านหัวหน้าวง ”    มิว ทักวาเมื่อเห็นว่าเขาจะต้องซ้อมปิงปองทุกเย็น     
      “ เราเกือบลืมไปแน่ะ ว่าต้องซ้อมวง    แล้วเรื่องซ้อมวงเราต้องตอนไหนละ ”
    “ ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดก็ได้  พรุ่งนี้เราจะบอกอีกทีก็แล้วกันนะ  ก็คงจะต้องเป็นตอนเลิกเรียนแล้วเหมือนกันแหละ    เอาเป็นว่าตอนนี้เราไปเล่นปิงปองกันให้สนุกก่อนดีกว่า ”        มิว รีบเดินไปหาโต๊ะปิงปองที่กำลังว่างอยู่  พร้อมกับตะโกนเรียก    “ พวกนายก็รีบมาเร็วๆ สิ  แต่ที่แน่ๆ เราไม่เล่นกับนายแน่วา    เพราะนายเก่งเกินไป  ฮ่าๆ ”           
      หลังจากนั้นพวกวาก็เล่นปิงปองไปกันอีกสักพักหนึ่ง  โดยที่ระรินเองเป็นคนนำไม้มาให้พวกวาเล่นอีกครั้งหนึ่ง    ดูเหมือนว่าระรินเองก็แอบชอบวาเสียแล้ว    ซึ่งไม่ใช่มิวคนเดียวที่ดูออก แต่โซเฟียและเสือใบ้นิคก็ดูออกเหมือนกัน        เมื่อถามไปถามมาจึงได้รู้ว่า  ระรินอยู่ ม.4 ซึ่งอายุน้อยกว่าพวกวาประมาณปีหนึ่ง   
        เมื่อเล่นกันไปได้สักพักหนึ่ง  พวกของวาก็ออกมาจากห้องชมรมปิงปอง    โดยที่ระรินเองก็ตามมาด้วย  ดูเหมือนว่าเธอไม่ค่อยจะกล้ามองหน้าเสือใบ้นิคนัก  เหตุผลคงเพราะเธอกลัวความเงียบของเสือใบ้นิคกระมัง 
        จนในที่สุดทุกคนก็เดินมาจนถึงหอพัก วา มิว และเสือใบ้นิค  จึงบอกลาโซฟียและระรินเพื่อแยกเข้าหอพักของแต่ละคน 
     
        ขณะนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ  ท้องฟ้าเป็นสีมืดครึ้ม  ลมเย็นๆ พัดมาทำให้น่าสูดหายใจเข้าลึกๆ  สักหลายๆ ครั้ง          เด็กทั้งสามคนกำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง   
      “ อากาศเริ่มจะหนาวแล้วนะครับพี่ลมดำ ”    เด็กชายดูท่าทางเรียบร้อยคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
      “ นั่นสินะ  แล้วรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร ”    ลมดำเด็กชายที่ชอบนำผ้าสีดำมาโพกหัวสีดำมาใส่ถามกลับไป 
      “ ไม่รู้สิครับ ”  เดฌ็กคนนั้นส่ายหัวอย่างสงสัย        “ โธ่ นายนี่ไม่รู้เลยหรอว่า  มันหมายความว่า อีกไม่นานเราจะต้องแข่งปิงปองกับโรงเรียนอื่นๆ กันแล้วยังไงละ ”    เด็กชายอีกคนเป็นคนบอก  ซึ่งทำให้เด็กชายคนนั้นหายสงสัย 
      “ ใช่แล้วละ  ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องแข่งกันแล้วละ  ”  ลมดำ พูดพร้อมกับถอนหายใจเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่างได้  “ พูดถึงการแข่งปิงปองแล้ว  ทำให้พี่คิดถึงเพื่อนพี่คนหนึ่งนะ ”       
      “ ใครหรอครับ  ” 
      ” เขาเป็นเพื่อนของพี่คนหนึ่ง  แต่ก่อนถ้าว่างก็จะเล่นปิงปองกัน    พี่เคยชวนเขาให้ลงแข่งด้วยละ  เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาได้ออกไปจากโรงเรียนนี้แล้วละ ”
      “ เขาคงเก่งน่าดูเลยนะครับ  แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้วละครับ ”
    “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ  เขายังไม่ติดต่อมาหาพี่เลย  พี่อยากเล่นปิงปองกับเขาอีกสักครั้งหนึ่งจัง ”  ลมดำพูดพร้อมกับนั่งลงไปที่ม้านั่งตรงป้ายรถเมล์  ซึ่งไม่มีใครนั่งอยู่เลย  เด็กตั้งสองเมื่อเห็นลมดำนั่งก็ต่างนั่งตาม 
    “ แล้วพี่กับเขาใครเก่งกว่ากันละครบ  เพื่อนพี่คนนั้นน่ะครับ ”    เด็กชายอีกคนท่าทางมาดมั่นเป็นคนถาม
    “ ตอนนี้พี่ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน  แต่ก่อนพี่อาจจะเก่งกว่าเขานะ  แต่ตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  ไม่แน่นะพี่อาจจะได้เจอกับเขาในการแข่งระหว่างสถาบันก็ได้นะ    แต่เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ว่าพี่อาจจะแพ้เขาก็ได้  ”
    “ แหม ถ้าขนาดพี่ลมดำเล่นแพ้อย่างนี้  ใครจะไปชนะได้ละครับ  แต่ฟังพี่ลมดำพูดแล้วผมชักอยากจะเจอพี่คนนั้นบ้างจังเลยนะครับ ”
    “ ถ้าจะเอาชนะเขาได้ต้องฝึกหนักอีกเยอะนะ  เรย์    เพราะว่าเขาเป็นคนที่เก่งอันดับ 3 ของโรงเรียนเราเลยทีเดียวละ    แล้วอีกอย่างหนึ่ง  ฉายาในด้านการเล่นปิงปองของเขาก็ คือ  ปีศาจ ! ” 
      คำพูดของลมดำทำให้เด็กทั้งสองคนถึงกับตะลึงไปตามๆ กัน    ฉายา ปีศาจ มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่    ยังไม่ทันที่เด็กทั้งสองคนจะถามหรือพูดอะไรรถเมล์ก็มาถึงหน้าป้ายเสียแล้ว   
    “ รถเมล์มาแล้วพี่ต้องไปก่อนนะครับ ”    ลมดำโบกมือให้กับเด็กทั้งสองคนพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปบนรถเมล์  ปล่อยให้เด็กทั้งสองคนนั้นงงกับฉายา  ปีศาจ อยู่ต่อไป   
      ขณะที่วากำลังเดินเพื่อไปขึ้นลิฟท์ในหอพักนั้นเขาก็ต้องจามออกมาหนึ่งครั้ง    “ ฮัด เช่ย !” 
      “ เป็นอะไรไปเจออากาศแค่นี้ก็ไม่สบายเสียแล้วหรือไง ”  มิวเป็นคนถาม 
      “ ไม่หรอก สงสัยคนนินทา ฮ่าๆ ”    วา พูดทำให้มิวต้องหัวเราะตามไปด้วย  ปล่อยให้เสือใบ้นิคนิ่งอยู่คนเดียว   
        ในที่สุดประตูลิท์ฟก็ค่อยๆ เปิดออก  ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปภายในลิฟท์    ประตูลิฟท์ค่อยๆ ปิดลง    ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเด็กทั้งสามคนได้        หมดไปอีกวันหนึ่งสำหรับโรงเรียนใหม่จองเขาแล้วสินะ    วาได้แต่คิดกับตัวเอง    อีกไม่กี่เดือนเขาจะต้องแข่งปิงปองระดับสถาบันแล้วหรือเนี่ย      เขาเองก็ไม่เคยลงแข่งมาก่อน  แล้วถ้าบังเอิญเขาต้องไปแข่งกับลมดำละ  เขาจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่    คงต้องอยู่ที่ตัวของเขาเองแล้ว  ว่าจะฝึกซ้อมมากขนาดไหน      โรงเรียนแห่งนี้ช่างมีเรื่องมากมายให้กับเขาเสียจริงๆ      แต่เขาก็เริ่มรู้เรื่องชอบโรงเรียนนี้มากขึ้นทุกวัน        ไม่ใช่แค่โรงเรียนเท่านั้น  เพื่อนใหม่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกรักโรงเรียนนี้มากขึ้นด้วย
        ถ้านายลงแข่งเราคงจะได้พบกันอีกครั้งนะลมดำ    และเวลานั้นเองจะเป็นเวลาที่บอกว่า  เราจะทำตามคำพูดที่ให้นายไว้ได้หรือไม่    วาคิดกับตัวเองขณะที่ประตูลิฟท์ค่อยๆ  เปิดออก
     
                                      _________________________________________
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น