โรงเรียนมหาโจร

ลำดับตอนที่ #69 : บทเรียนที่ 63 ศึกตัดสินมือกระบี่ปะทะจอมเทพ

บทเรียนที่ 63  ศึกตัดสินมือกระบี่ปะทะจอมเทพ

อีกมุมหนึ่งในห้องประลองอาวุธโรงเรียนไอแซก ก่อนที่โซเฟียจะวิ่งไปหาวา ด้านบนเวทีดีว่ากับไซเมตต่างยืนรอท่าทีกันอยู่ แต่เพียงการเผชิญหน้าของทั้งคู่ก็สร้างความตื่นเต้นให้ผู้คนทั้งห้องจนแทบลืมหายใจแล้ว

สายฟ้าที่พรั่งพรูจากสนับมือรูปกางเขนทั้งสองข้างของไซเมตยังคงสร้างความกดดันอย่างไม่ขาดสาย หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงต้องยอมศิโรราบต่อแรงกดดันอันมหาศาลนี้ไปแล้ว แต่ดีว่าที่ไร้ซึ่งลมปราณกลับยืนหยัดได้อย่างสงบนิ่ง อาจเป็นเพราะเทพกระบี่ประกายแสงที่กุมมั่นอยู่ในมือก็เปล่งพลานุภาพออกมาไม่แพ้กัน เพียงแต่สงบนิ่ง ลึกล้ำกว่า

“ อยากไปดูวาแข่งหรอ ” จู่ๆไซโคร แนชก็ถามขึ้นราวกับรู้ทัน

“ แหะๆ ” โซเฟียพยักหน้า

“ ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปซะสิ ”

ขณะที่โซเฟียกำลังลังเลว่าจะไปดีไหม ก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นจากด้านหลัง

“ ขอนั่งด้วยคนสิ ”

เจ้าของเสียงไม่รอให้อนุญาติก็ทิ้งตัวลงยังที่นั่งข้างๆไซโคร แนช เห็นเป็นเด็กหนุ่มท่าทางอิดโรย ผมยุ่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ โซเฟียจ้องมองอยู่พักหนึ่งก็ยังมองไม่ออกว่าเป็นใครจนกระทั่งไซโคร แนชเอ่ยปากขึ้นโดยที่ยังไม่ทันได้มองหน้าด้วยซ้ำ

“ สภาพดูไม่ได้เลยนะตอนที่ไม่ใส่หมวกเนี่ย ”

“ ก็นิดนึงแหละ ” เด็กหนุ่มเกาหัว ที่แท้คือ เกก้าดีนที่ฟื้นมาจากห้องพยาบาลแล้ว แต่ด้วยสภาพที่โดนวาจัดการไปไม่หน้าจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ ทำเอาโซเฟียประหลาดเล็กน้อยว่าไซโคร แนชรู้ได้อย่างไรกัน หรือพวกที่ฝึกวิชานี้มีอะไรประหลาดๆที่สามารถส่งถึงกันได้

“ ว่าแต่ก็ฟื้นตัวเร็วดีนี่ ”

“ ไม่รู้สิ ” เกก้าดีนเอ่ยอย่างคนปกติที่ไม่กระหายการต่อสู้ บุคลิกผิดกับตอนที่ใส่หมวกลิบลับ “ ผมตื่นมาก็เจอบาทหลวงใส่แว่นท่าทางแปลกๆบอกว่า ใช้รีเจเนอเรเตอร์ช่วยรักษาให้แล้ว แต่ต้องถอดหมวกสักพักเพราะมันจะทำให้กระแสเลือดไม่ไหลเวียน ”

ไซโคร แนชยิ้มแหยงๆ ไม่บอกก็รู้ว่าต้องเป็นหลวงพ่อแอนเดอร์สันอาจารย์ประจำชมรมของเขาแน่นอน

“ ว่าแต่เจ้ารู้ไหมว่านั่งผิดฝั่งอยู่น่ะ ”

เกก้าดีนนิ่งก่อนจะเอ่ยปากสั้นๆว่า

“ นั่นสินะ ”  

“ แหะๆ ดูเหมือนว่ารุ่นพี่จะมีเพื่อนนั่งดูด้วยแล้ว ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ ”  โซเฟียรีบชิงจังหวะที่ทั้งคู่กำลังงกันอยู่ลุกออกไป ทิ้งให้ไซโคร แนชมองเกก้าดีนอย่างเอือมระอา

“ ขอโทษด้วยนะ แต่ไม่ว่ายังไงฝ่ายที่ชนะก็คือ ฝั่งผม ” เกก้าดีนทำลายความเงียบ ส่วนไซโคร แนชสะแหยะยิ้ม เขาไม่กล้าต่อคำเพราะทราบถึงพลานุภาพของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัตถ์ของพระเจ้าดี แต่ถึงกระนั้นดีว่าที่ไร้ซึ่งลมปราณกลับทำให้เขารู้สึกมั่นใจได้อย่างประหลาด

‘ ขอร้องละ ไม่ว่ายังไงช่วยเอาชนะให้ได้ด้วยเถอะ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ความฝันที่ได้เจอกับเธอคนนั้นก็คง………..’

ขณะกำลังคิดอยู่นั้นเสียงการปะทะกันครั้งแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อไซเมตสืบเท้าพร้อมต่อยหมัดขวาที่เต็มไปด้วยสายฟ้าอันเกรี้ยวกราดใส่ดีว่า แต่ถูกเทพกระบี่ประกายแสงปัดไว้ได้ ทว่าหมัดซ้ายก็หนุนเนื่องต่อเนื่องซัดใส่ดีว่าอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว แต่ไม่ว่าจะจู่โจมมากี่หมัดดีว่าก็สามารถใช้เทพกระบี่ประกายแสงตั้งรับไว้ได้หมด

“ เป็นไปได้ยังไงกัน ” เกก้าดีนอุทาน “ กระบี่เล่มนั้นสามารถต้านทานหมัดที่อัดแน่นไปด้วยลมปราณสายฟ้าที่มีพลังไม่ด้อยไปกว่าก็อดสเต้นท์ได้ยังไง ”

แม้แต่ไซโคร แนชเองก็เช่นกัน หมัดแต่ละหมัดที่ไซเมตต่อยออกนั้นมีพลังไม่ด้อยไปกว่าครั้งที่สเวนอัศวินนักฆ่าใช้ดาบยักษ์ฟาดใส่ตนเลย ไม่แน่ว่าอาจจะมีพลังมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ทั้งๆที่ดีว่าสูญเสียพลังลมปราณไปแล้ว แต่กลับใช้เทพกระบี่ประกายแสงปัดป้องได้ราวกับมีเวทมนต์  

ที่แท้เทพกระบี่ประกายแสงซ่อนเร้นพลังมหาศาสไว้เท่าใดกันแน่

“ เก่งมาก ” แม้แต่ไซเมตก็อดชมเชยไม่ได้ แม้ว่านี่จะเป็นการแข่งครั้งแรกของเขา แต่จากที่เคยฝึกซ้อมมาไม่เคยมีใครตั้งรับเขาได้นานขนาดนี้มาก่อน “ แต่ว่า………….”

ทันใดนั้นไซเมตเปลี่ยนท่าร่างหมุนตัวเตะเท้าออกอย่างรวดเร็ว ท่าจู่โจมต่อเนื่องนี้ไม่เพียงรวดเร็ว ยังอยู่เหนือความคาดหมายของทุกผู้คนอีกด้วย

‘ ปัก ’

เท้าของไซเมตตวัดใส่ขมับของดีว่า ทำเอาดีว่าหมุนคว้างกลางอากาศกระเด็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนไซเมตกลับมาตั้งท่าอย่างสง่างาม มือซ้ายจับข้อมือขวาชาจต์พลัง พริบตานั้นสายฟ้าพรั่งพรูจากมือซ้ายไปรวมที่ด้านขวาก่อนที่ไซเมตจะพุ่งเข้าหาดีว่าที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ

“ ไม่รอดแน่ ” เกก้าดีนฉีกยิ้ม

การเคลื่อนไหวของไซเมตรวดเร็วเกินไป ทว่าพริบตานั้นก่อนที่มือขวาซึ่งเต็มไปด้วยสายฟ้าจะได้คว้าจับดีว่าที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศนั้น เทพกระบี่ประกายแสงก็จี้สวนกลับมาทำให้ไซเมตต้องหดมือกลับในบัลดล

ผลคือ ไซเมตต้องชะงักกลางคันโดยที่ตัวเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีการโจมตีสวนในสภาวะเช่นนี้ได้ แต่การที่ไซเมตสามารถหยุดสภาวะร่างของตนได้ทันก็นับว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ส่วนดีว่าหลังจากลอยคว้างกลางอากาศก็พริ้วตัวหมุนตัวมาตั้งท่าได้อีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเป็นเพียงแค่การแสดงโชว์เท่านั้น

“ เป็นไปได้ยังไงกัน ” เกก้าดีนอุทาน เห็นแน่ชัดว่าดีว่าถูกลูกถีบของไซเมตเข้าที่หัวอย่างจัง หากไม่หมดสติก็ควรจะมึนงงเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ แต่ทั้งนี้ดีว่ากลับยังสามารถแทงกระบี่ออกในสภาวะเช่นนั้นได้อีก นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของทุกผู้คนจริงๆ

“ น่าสนใจจริงๆ ” ไซเมตเค้นหัวเราะ “ ที่แท้เมื่อสักครู่นี้ไม่ได้โดนเตะเข้าจริงๆสินะ ”

ดีว่าไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มรับ

‘ ดีว่าเจ้าเคยเห็นจิ้งจอกเวลามันล่าเหยื่อไหม มันแสร้งทำตัวอ่อนแอให้เหยื่อที่แข็งแกร่งกว่าตายใจ จึงค่อยอาศัยช่วงเวลาที่เหยื่อตายใจที่สุด จัดการสังหารในคราเดียว ’ เสียงผู้อาวุโสเสี่ยงดังขึ้นมา คล้ายภาพซ้อน

 เมื่อสักครู่นี้ที่ดีว่าใช้ออกคือ หนึ่งในวิชาใหม่ที่ได้รับการถ่ายทอดมาคือ จิ้งจอกพรางกายเป็นการหลอกล่อคู่ต่อสู้ว่าตนเองกำลังโดนเล่นงาน แล้วอาศัยจังหวะที่คู่ต่อสู้เผลอจู่โจมกลับในทันที แต่ถึงกระนั้นไซเมตก็ยังไม่หลงกล

“ แต่ก็ยังถูกคุณอ่านออกจนได้ ”

ทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกนับถือในฝีมือกันและกันขึ้นมา โดยไม่ต้องบอกกล่าวมากความ

“ ทั้งๆที่วันก่อนโดนซัดจนอยู่ในสภาพแบบนั้นแล้วแท้ๆ ตอนนี้ยังสามารถรับมือชั้นได้ขนาดนี้ ไม่เคยรู้สึกสนุกขนาดนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ ” ไซเมตกล่าวจบสายฟ้ามือขวาก็ไหลกลับมาที่มือข้างซ้าย “ งั้นช่วยเล่นสนุกกับชั้นให้นานกว่านี้หน่อยก็แล้วกันนะ ”

จากนั้นไซเมตก็พุ่งเข้าใส่ดีว่าอีกครั้ง จากนั้นพุ่งหมัดขวาใส่ดีว่า พอดีว่าใช้กระบี่ปัดป้องมือซ้ายก็รีบคว้าจับกระบี่ดีว่าในทันที แต่ดีว่ารู้ทันรีบชักกระบี่กลับ แต่ทันใดนั้นเองเทพกระบี่ประกายแสงก็เกิดหนักอึ้งขึ้นมาราวกับถูกดูดเข้าไป

‘ อ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า !!! ’

สายฟ้าในมือซ้ายเมื่อทำปฎิกิริยากับสนับมือเหล็กรูปกางเกงก็แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังมหาศาลที่พร้อมจะดูดทุกศาสตราวุธเข้าหาผู้ใช้ราวกับอ้อมกอดของพระเจ้า เป็นหนึ่งในวิชาทำลายอาวุธคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของก็อดแฮนด์เลยทีเดียว

ไซโคร แนชที่ดูอยู่ยังอดใจหายไม่ได้ เพราะวิชานี้ต่อให้เป็นยอดอาวุธเช่น ดาบทมิฬของจีดาบคลั่ง หรือดาบยักษ์ของสเวนก็ไม่อาจต่อต้านได้ต้องถูกดูดเข้ามาหมดสิ้น

“ ช่างเป็นวิชาที่น่าขยะแขยงเสียจริงๆ ” รูเกียร์ส่ายหน้า ‘ ใช้ปราณกระบี่สายที่ห้าสลายพลังก็สิ้นเรื่องแล้ว หรือไม่ก็ใช้ปราณกระบี่สายที่หกพายุสลาตันซัดเจ้านั่นให้กระเด็นเสียก็สิ้นเรื่อง ’

ถึงแม้รูเกียร์จะไม่ค่อยชอบดีว่า แต่หากเปรียบกันโดยส่วนตัวแล้วดีว่าเป็นผู้ใช้กระบี่เหมือนกัน ส่วนไซเมตเป็นผู้ฝึกลมปราณสายฟ้า ส่วนตัวลึกๆรู้สึกไม่ยอมรับผู้ที่ฝึกลมปราณสายฟ่าอยู่แล้ว ดังนั้นลอบเชียร์ดีว่าอยู่ในใจ

แต่ทันใดนั้นได้ได้ยินเสียงเค้นหัวเราะอันเย็นชาจากชายชุดดำหน้ากากปริศนา ทำให้รูเกียร์ต้องเงียบไป

ส่วนบนเวทีดีว่ามีเวลาให้ตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น และโดยสภาวะเช่นนี้แล้วเขาไม่อาจใช้ลมปราณได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะเขาไม่เหลือพลังลมปราณอีกแล้ว แต่เป็นเพราะภายใต้พลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้ไม่ว่าคิดจะใช้ลมปราณอันใดออกก็จะไร้ผลทั้งสิ้น เว้นแต่จะเป็นผู้ที่มีพลังลมปราณมหาศาลเท่านั้นถึงจะใช้ออกมาได้ แต่ถึงกระนั้นพลานุภาพที่ใช้ออกก็จะลดลงเหลือเพียงแค่ครึ่งนึงเท่านั้น

พริบตานั้นดีว่าโคจรพลังลมปราณที่มีอยู่อันน้อยนิดออก จากนั้นเทพกระบี่ประกายแสงพลันสำแดงพลานุภาพ จู่ๆก็เกิดกระแสลมมหาศาลแผ่พุ่งออกจากตัวกระบี่ทลายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกหมดสิ้นดีดมือของไซเมตกลับไปอย่างน่าอัศจรรย์ จากนั้นทั้งสองแยกออกจากกันอีกครั้งหนึ่ง

‘ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ’ ไซเมตประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครสามารถทำลายอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้าลงได้ ซ้ำยังเป็นผู้ที่สูญเสียลมปราณเช่นดีว่าอีก ดังนั้นเพ่งเล็งไปยังเทพกระบี่ประกายแสง ใช่แล้วต้องเป็นกระบี่เล่มนั้นอย่างแน่นอนที่แฝงพลังมหาศาลอันใดอยู่ ดังนั้นไม่รีบพลีพล่ามอีกต่อไป

เทพกระบี่ประกายแสงมิใช่ศาสตราวุธทั่วๆไป แต่เป็นสุดยอดศาสตราวุธในยอดศาสตราวุธ วิธีการหล่อหลอมและจัดทำล้วนแล้วแต่เป็นความลับทั้งสิ้น ดังนั้นส่วนประกอบของตัวกระบี่มิใช่ทำขึ้นจากเหล็กเพียงอย่างเดียว พลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจึงไม่อาจแสดงพลังได้เต็มร้อย

ส่วนดีว่าเขาทราบดีว่าตนเองทำอะไรลงไป เมื่อครู่นี้ที่ใช้ออกไม่ใช่ลมปราณของเขาเอง แต่เป็นการอาศัยพลังลมปราณที่ท่านผู้เฒ่า หรือผู้อาวุโสเสี่ยงอัดไว้ใส่เทพกระบี่ประกายแสงให้ ซึ่งหากใช้พลังลมปราณจากเทพกระบี่ประกายแสงออกจนหมดสิ้น นั่นเท่ากับว่าเขาจะไม่เหลืออะไรให้ต่อกรกับไซเมตอีกต่อไป เนื่องจากที่ดีว่ายังสามารถโคจรลมปราณอยู่ได้เป็นเพราะพลังลมปราณที่มีอยู่ในเทพกระบี่ประกายแสงคอยช่วยค้ำจุนไว้ ทุกครั้งที่ต้านทานพลังหมัดของไซเมตก็ล้วนเป็นพลังลมปราณในเทพกระบี่ประกายแสงต้านรับไว้ทั้งสิ้น

หากคาดการณ์คร่าวๆแล้ว ตอนนี้พลังลมปราณที่อัดอยู่ในเทพกระบี่ประกายแสงน่าจะเหลืออยู่อีกสักเจ็ดส่วนได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเทพกระบี่ประกายแสงจะช่วยต้านทานพลังของไซเมตได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะเมื่อพลังที่แฝงอยู่ในกระบี่ลดลง พลังในการต้านรับหรือจู่โจมก็จะลดลงไปด้วย ทั้งยังส่งผลให้ปราณรักษาที่อยู่ในกระบี่ลดลงทำให้ร่างกายของดีว่าต้องรับภาระหนักขึ้นไปตามลมปราณที่หายไป ดังนั้นการใช้ปราณจากกระบี่ก็ถือเป็นดาบสองคมเช่นกัน

หากเปลี่ยนคู่ต่อสู้เป็นผู้อื่น ดีว่ายังพอเห็นทางที่เอาชัยในสามสิบกระบวนท่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าไซเมตดีว่าไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้เขาไม่มีทางถอยเด็ดขาด เขายังมีสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ว่าจะเป็นคำสัญญาที่ให้ไว้กับไซโคร แนชหรือแม้แต่ตัวเองก็ตาม ดังนั้นตั้งท่ากระบี่ขึ้น

‘ สงสัยคงต้องลองวิชาใหม่ดูหน่อยแล้ว ’

ว่าแล้วดีว่าก็กรีดวาดท่ากระบี่ไปมา ดูสง่างามแต่กลับประหลาดพิกล เพราะสำหรับรูเกียร์แล้วนั่นเป็นท่ากระบี่ที่มั่วซั่วที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยก็ว่าได้ บ้างเป็นท่าในกระบวนเพลงหนึ่งจู่ๆก็กลายเป็นท่ากระบี่อีกกระบวนเพลงหนึ่ง สลับสับเปลี่ยนไปมาอย่างน่าเวียนหัว แต่สำหรับไซเมตแล้วล้วนไม่สนใจอันใดทั้งสิ้น เขาเพียงตั้งการ์ดเตรียมรับมือเท่านั้น

จากนั้นเมื่อการร่ายรำกระบี่หยุดลงเทพกระบี่ประกายแสงคล้ายแผ่พลานุภาพรัศมีออกมารอบๆตัวดีว่า

‘ ประสานเพลงกระบี่ !!! ’

ครั้งนี้เป็นดีว่าเป็นฝ่ายบุกก่อน ซึ่งผิดวิสัยของดีว่าที่มักเป็นฝ่ายตั้งรับและรอจังหวะสวนกลับ ครานี้เทพกระบี่ประกายแสงแทงใส่ไซเมตด้วยกระบวนท่าถามจันทรา ภายในหนึ่งกระบี่แฝงการโจมตีเช่นสามกระบี่แต่ก็ถูกไซเมตตั้งรับไว้ได้อย่างสวยงาม จากนั้นดีว่าหักข้อมือเปลี่ยนเป็นท่าตะวันลาลับซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ไม่น่าจะใช้ต่อกันได้เลยแม้แต่น้อย สร้างความประหลาดใจให้แก่รูเกียร์อย่างถึงที่สุด

‘ กระบวนท่าถามจันทราเป็นการใช้กระบี่โจมตีเพื่อเปิดทางหาจุดอ่อนคู่ต่อสู้ ความจริงควรจะใช้ต่อด้วยกระบวนท่าเบิกทางศาสตรา แต่กลับใช้กระบวนท่าตะวันลาลับซึ่งเป็นกระบวนท่าถอยแถมชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าจันทรากับตะวันไม่ควรจะใช้คู่กันเพราะเป็นปรปักษ์ต่อกัน เจ้านี่บ้าไปแล้วหรือยังไง จะสร้างความเสื่อมเสียแก่มือกระบี่ไปถึงไหนกัน ’

รูเกียร์นั่งดูอย่างมีน้ำโห แต่ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ เมื่อกระบวนเพลงที่ดีว่าใช้ออกกลับแสดงพลานุภาพออกมาได้อย่างน่าประหลาด

เทพกระบี่ประกายแสงเมื่อแทงออกก็ถูกไซเมตปัดป้องได้อย่างง่ายดาย ถึงกับแทบจะถูกคว้าจับเอาไว้ได้ด้วยท่าอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้า หากดีว่าไม่ได้ชักกระบี่จับเป็นกระบวนท่าตะวันลาลับแต่ใช้ต่อด้วยกระบวนท่าเบิกทางศาสตราก็คงจะเสร็จไซเมตไปแล้ว

ทุกกระบวนยิ่งใช้ออกยิ่งไม่นับเป็นกระบวนยิ่งขึ้น สร้างความรำคาญใจให้แก่มือกระบี่ชั้นหนึ่งเช่น รูเกียร์อย่างยิ่ง ทว่าด้านซากุระกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอกลับเห็นสิ่งที่รูเกียร์ไม่อาจเห็นได้ในตอนนี้

‘ กระบวนท่าที่มั่วซั่วพวกนั้นกลับใช้ออกได้อย่างเหมาะสมที่สุด ในกระบวนท่าที่ปกติมีแต่รุกกลับมีรับ ในกระบวนท่าที่รับกลับมีรุกอยู่ นี่ไม่ใช่การใช้กระบวนท่ามั่วแล้ว แต่ว่ามันคืออะไรกันแน่ ’

‘ เพลงกระบี่ในทั่วหล้า ความจริงไม่มีแม้แต่กระบวนเพลงเดียว เป็นคนเราบัญญัติขึ้นทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าจงลืมกระบวนท่าที่ร่ำเรียนมาเสียให้หมด ’ คำสอนของผู้อาวุโสเสี่ยงดังขึ้นอีกครั้ง แต่ดีว่าไม่อาจลืมกระบวนท่าทั้งหมดได้ จึงได้แต่นำมาประยุกต์ใช้เป็นการประสานเพลงกระบี่เท่านั้น

แต่ที่น่าขนลุกกว่านั้นคือ ความสามารถในการตั้งรับของไซเมตที่ไม่ว่าดีว่าจะผลิกแพลงเพลงกระบี่ขนาดไหนก็ยังคงไม่เปิดช่องโหว่ให้เลยแม้แต่น้อย

“ ร้ายกาจมากใช่ไหมละครับ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า ” เกก้าดีนยิ้มให้ไซโคร แนชแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจ เพียงจดจ่อกับการต่อสู้ของดีว่าด้วยใจลุ้นระทึก

หากเปรียบเทียบทั้งสามยศในชมรมนักสู้ศักดิ์สิทธิ์แล้วผู้ที่โดดเด่นในด้านการโจมตีคือ ครูเซเดอร์ ถัดมาคือ ก็อดแฮนด์ซึ่งมีความสามารถในการตั้งรับสูงที่สุด และสุดท้ายคือ พาลาดินซึ่งมีครบทั้งสองด้านทว่าฝึกฝนได้ยากที่สุด

ไซโคร แนชเองเพียงทราบว่าก็อดแฮนด์มีความสามารถในการตั้งรับสูง แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีความสามรถมากถึงเพียงนี้ หารู้ไม่ว่าไซเมตคือหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถฝึกได้ถึงแก่นของก็อดแฮนด์ นับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของชมรมนักสู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งโรงเรียนเกเบรียลเลยก็ว่าได้

‘ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขนาดเราใช้วิชาใหม่ถึงสองวิชาแล้วยังไม่สามารถทำอะไรชายคนนี้ได้ ช่างแข็งแกร่งจริงๆ ’

 ดีว่าคิดขณะกำลังปัดป่ายกระบี่ ซึ่งความจริงการประสานเพลงกระบี่ และวิชาจิ้งจอกพรางกายของดีว่ายังทำได้ไม่สมบรูณ์นักเนื่องจากใช้เวลาฝึกฝนเพียงแค่ไม่ถึงสองวัน จึงไม่อาจสำแดงพลานุภาพได้อย่างเต็มที่

แต่ถึงกระนั้นผลจากการใช้กระบี่ออกอย่างไม่หยุดยั้งของดีว่าก็เริ่มทำให้การ์ดอันแข็งแกร่งของไซเมตเริ่มทลายลง ไซเมตแม้จะพยายามคว้าจับกระบี่สักกี่ครั้งก็ไม่อาจทำได้ ราวกับโดนเล่นกล ทำได้เพียงแค่ปัดป้องกระบี่เท่านั้น

ในที่สุดไซเมตก็เผยช่องโหว่ เมื่อแขนทั้งสองข้างตกลงด้วยความเหนื่อยล้า อย่างไรเพียงแค่มือเปล่าที่ใส่สนับมือเมื่อตั้งรับยอดกระบี่อยู่ระยะหนึ่งย่อมต้องเกิดอาการเหนื่อยล้าลงบ้าง และดีว่าก็ไม่ปล่อยให้โอกาสเพียงหนึ่งในร้อยนั้นหลุดมือเด็ดขาด

‘ เอาละนะ ’ ดีว่าแทงเทพกระบี่ประกายแสงหลอกให้ไซเมตรวมพลังขึ้นมาตั้งรับอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันลอบโคจรลมปราณอย่างรวดเร็ว เมื่อปัดการ์ดของไซเมตลงได้อย่างสมบรูณ์ก็ซัดลมปราณอันมหาศาลใส่กลางตัวของไซเมตทันที

“ ปราณกระบี่สายที่สิบเอ็ดปลิดดาว !”

ลมปราณพลังโจมตีมหาศาลพุ่งพวยใส่ร่างของไซเมตอย่างจัง

ปราณกระบี่สายที่สิบเอ็ด – ปลิดดาว ความรุนแรงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าลมปราณกระบี่สายที่สิบสองแม้แต่น้อย แต่ต่างกันตรงที่ลมปราณสายนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้และผู้ถูกใช้รู้สึกหนาวเหน็บจนถึงขั้นหมดสติ แต่จะเป็นการใช้ลมปราณพลังมหาศาลเพียงครั้งเดียวอัดใส่คู่ต่อสู้ ราวกับดาวตกที่เฉิดฉายบนท้องฟ้าวูบหนึ่งถูกปลิดลง หรือจะให้พูดในอีกมุมหนึ่งก็คือ เป็นการใช้กระบี่สุญญากาศสิบเอ็ดครั้งติดต่อกันในครั้งเดียวนั่นเอง ผลจากการใช้จะทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถโคจรลมปราณได้อีกพักหนึ่ง ทำให้ไม่นิยมที่จะใช้ออกนักดังที่ทราบกันดีว่ายิ่งใช้ลมปราณขั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ ความสามารถในการใช้ต่อหรือพลังลมปราณที่ต้องสูญเสียจากการใช้ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่ดีว่าใช้ปราณกระบี่สายที่สิบสอง เป่าหิมะในการต่อสู้ครั้งก่อนเนื่องจากสภาพร่างกายของเขาไม่พร้อมที่จะสู้ต่ออีกแล้ว ต่อให้ใช้ปราณกระบี่ปลิดดาวไปก็ไม่อาจโคจรลมปราณได้อีก จึงต้องใช้ลมปราณสายที่รุนแรงที่สุดที่สามารถใช้ได้เพื่อช่วยเหลือโซเฟีย

หากเปรียบไซเมตเป็นดั่งดาราที่เฉิดฉาย ยามนี้เมื่อเผชิญหน้ากับปราณกระบี่สายที่สิบเอ็ดปลิดดาวก็คงต้องดับวูบไปสมชื่อ อย่าว่าแต่ไซเมตต่อให้เป็นไซโคร แนชหรือเกก้าดีนยามไม่ทันระวังตัวก็ต้องทรุดแน่นอน

‘ ใช้ได้นี่ ’ รูเกียร์ลอบชมเชย ส่วนซากุระกับไซโคร แนชเพียงนิ่งเงียบ

‘ สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลยแฮะ ’  ไซโคร แนชสูดหายใจเข้าลึกๆ

ร่างของไซเมตที่โดนปลิดดาวซัดใส่ยังคงยืนอยู่อย่างแน่นิ่ง ไม่ทราบเป็นเช่นไรบ้าง

ดีว่าเพียงแต่ท่ากระบี่ไม่โจมตีซ้ำ เนื่องจากทราบดีว่าผู้ที่ถูกลมปราณสายนี้ซัดใส่จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด แต่การที่ไซเมตยังคงยืนอยู่ได้นับเป็นเรื่องน่าแปลกประหลาดมากสำหรับเขา

‘ ระวังเจ้าหมอนี่ให้ดี ’ ขณะกำลังคิดถึงคำพูดของไซโคร แนชอยู่นั้น ร่างที่ยืนแน่นิ่งของไซเมตก็ขยับวูบอย่างรวดเร็ว  มือขวาที่เต็มไปด้วยสายฟ้าที่พรั่งพรูขึ้นในพริบตาต่อยใส่ท้องของดีว่าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ซัดร่างของดีว่ากระเด็นล้มลงกับพื้น จากนั้นร่างกายรู้สึกซาด้าน ไม่อาจขยับตัวได้ราวกับถูกตะปูหลายร้อยเล่มตรึงร่างไว้กับพื้น

“ พันธะของพระผู้เป็นเจ้า !! ” เกก้าดีนฉีกยิ้มอย่างผู้มีชัย “ ผู้ที่โดนท่านี้เข้าไปจะไม่สามารถขยับร่างได้พักหนึ่ง ซึ่งก็หมายความว่าเพื่อนของคุณได้กลายเป็นคนตายไปแล้วยังไงละ เอาละเตรียมรับชีวิตใหม่จากผู้ที่ได้ชื่อว่าหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าเสียเถิด ”

แม้เกก้าดีนจะสงบลงเมื่อไม่มีหมวก แต่อาการที่ปรากฏขึ้นตอนนี้ก็สร้างความรำคาญใจให้ไซโคร แนชได้ไม่น้อย เพียงแต่จิตใจของไซโคร แนชไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว

พันธะของพระผู้เป็นเจ้าเป็นท่าที่จะทำให้คู่ต่อสู้เกิดอาการชาไปทั่วร่างกายจนไม่สามารถขยับตัวได้พักหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับรีเฟล็กชั่นของเกก้าดีนที่ใช้กับวาเมื่อครั้งก่อน แต่ต่างกันตรงที่รีเฟล็กชั่นใช้เพื่อทำลายลมปราณของคู่ต่อสู้ด้วย กล่าวคือรีเฟล็กชั่นจะส่งผลต่อคู่ต่อสู้กับผู้ที่มีลมปราณในระดับสูงเท่านั้น และเป็นวิชาที่มีแต่ครูเซเดอร์เท่านั้นถึงจะใช้ออกได้ ดังนั้นวาจึงรอดตัวเพราะหากไม่มีลมปราณเลยเมื่อถูกรีเฟล็กชั่นเข้าก็จะเหมือนกับร่างกายถูกไฟช็อตแค่วูบหนึ่งเท่านั้น ส่วนพันธะของพระผู้เป็นเจ้าเป็นวิชาเฉพาะของผู้ที่เป็นหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นเพียงการตรึงคู่ต่อสู้ไว้ครู่หนึ่งเพื่อให้ผู้ใช้เตรียมท่าจัดการคู่ต่อสู้ หรือเพื่อหยุดพักชั่วคราว ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ถูกใช้สูญเสียลมปราณแต่อย่างใด

“ เป็นไปได้ยังไง ” รูเกียร์ถึงกับอุทาน “ ผู้ที่ถูกปลิดดาวเข้าไปจังๆขนาดนั้น กลับสามารถโจมตีกลับมาได้ ” จากนั้นครุ่นคิด หรือเป็นเพราะดีว่าฝึกฝนไม่ถึงขั้น หรือเพราะผลข้างเคียงจากการถูกตนโจมตีไปเมื่อวันก่อนจึงไม่สามารถใช้ลมปราณได้อย่างเต็มที่ ขณะกำลังจะกล่าวอะไรก็ถูกเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งหยุดไว้

“ นี่คือความสามารถของผู้ฝึกลมปราณสายฟ้ายังไงละ รูเกียร์ ” ชายชุดดำในหน้ากากแฟนท่อมกล่าว

“ คงจะสงสัยสินะ ”

ไซเมตลูบท้องของตัวเองราวกับรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ เมื่อสักครู่นี้คือ หนึ่งในสุดยอดความสามารถของชั้นละ กายาเหล็ก ซึ่งจะทำให้การใช้ลมปราณทุกชนิดไร้ผลต่อชั้นผู้ซึ่งได้ชื่อว่าหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้ายังไงละ แต่ก็ต้องยอมรับว่าลมปราณเมื่อสักครู่นี้รุนแรงจริงๆ ขนาดกายาเหล็กของชั้นยังรู้สึกเจ็บขึ้นมานิดๆเลย ”

‘ เมื่อสักครู่นี้แกล้งทำเป็นเปิดช่องโหว่เพื่อจะที่เผด็จศึก เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางทำลายกระบวนท่ามั่วซั่วพวกนั้นได้อย่างนั้นหรอ ?! ’ รูเกียร์ถึงกับเหงื่อตก ‘ แต่การที่มันกล้าวัดกับปราณกระบี่สายที่สิบเอ็ดแบบนั้นช่างบ้าบิ่นเสียจริงๆ ส่วนเรื่องที่มันสามารถรับปลิดดาวไว้ได้โดยไม่เป็นอะไรเลยมันเป็นไปได้ยังไงกัน เจ้านี่มันปีศาจชัดๆ ’

ไซเมตสืบเท้าเข้าหาดีว่าแต่ยังเว้นระยะไว้หลายสิบก้าว จากนั้นหยุดลงยื่นมือขวาไปด้านหน้า

“ และในฐานะที่นายเป็นคู่ต่อสู้ที่ชั้นนับถือมากที่สุด ชั้นจะให้เกรียตินายได้ลิ้มรสคำว่า หัตถ์ขวาของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง ”

 “ ฮ่าๆ แกมันก็บ้าไม่ต่างกับชั้นเลยนะ ” เกก้าดีนหัวเราะ

“ หรือว่านั่นคือ ” เป็นครั้งแรกที่ไซโคร แนชเอ่ยปากพูดหลังจากเงียบไปนาน

“ ใช่แล้วละครับ ” เกก้าดีนยิ้มชั่วร้าย “ ท่าโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหัตถ์ขวาของพระเจ้า Ashura – อาชูร่า (หัตถ์แห่งการทำลายล้าง) ยังไงละครับ ”

“ จงหลับในนิทราอันเป็นนิรันดร์และกลับสู่อ้อมพระหัตถ์ของผู้เป็นเจ้าซะเถอะ ! ”

เสียงกล่าวแผ่วเบา แต่สักพักสายฟ้าเกรี้ยวกราดราวกับจะถล่มฟ้าทลายดินก็บังเกิดขึ้นที่มือขวาของไซเมตส่งเสียงเปรี้ยงปร้างข่มทุกผู้คนให้ยอมศิโรราบต่อพลังอันร้ายกาจนั้น

“ Ashura – หัตถ์แห่งการทำลายล้างเอ๋ย จงส่งวิญญาณเพื่อนข้าไปสู่ห้วงนิทราอันเป็นนิรันดร์ด้วยเถิด ! ”

ทันใดนั้นสายฟ้าเปรี้ยงปร้างเกินสะกดข่ม ไซเมตกระโดดพุ่งตัวชกใส่ร่างที่ไม่สามรถขยับได้ของดีว่าอย่างไร้ความปราณี

‘ จบแล้วอย่างนั้นเรอะ ’ ไซโครแนชใจหล่นวูบ ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะสลัดหลุดจากพันธะของพระผู้เป็นเจ้าและตั้งรับหมัดพลังสูงนั้นได้ นับประสาอะไรกับดีว่าที่ไม่สามารถใช้ลมปราณได้

ทว่าท่าทางดิ้นรนของดีว่ากลับสร้างความหวังให้โซโคร แนชได้อย่างประหลาด

‘ สัญญาที่ให้ไว้ต่อให้ต้องสูญเสียลมปราณทั้งหมดไป ผมก็จะรักษาเอาไว้ให้ได้ครับ ’

เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง ดีว่าโคจรลมปราณอีกครั้ง จากนั้นเทพกระบี่ประกายแสงคล้ายตอบสนองต่อความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของดีว่า ก่อเกิดเป็นพลังลมปราณอันอ่อนนุ่มห่อหุ้มไปทั่วร่างสลายพันธะสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าออกไปหมดสิ้น จากนั้นกระบี่ให้มือตวัดเป็นท่าตั้งรับในบัลดล

“ อะไรกัน ” เกก้าดีนอุทาน

“ ปราณกระบี่สายที่สิบ – ปราการสวรรค์ ” ดีว่าเปล่งเสียง รีดเร้นลมปราณจำนวนมหาศาลออกจากเทพกระบี่ประกายแสงเพื่อตั้งรับ

พริบตานั้นการเผชิญหน้าของสุดยอดหมัดทำลายล้างกับสุดยอดลมปราณแห่งการป้องกันก็เกิดขึ้น

‘ ป้างงงงง !!! ’

สนับมือเหล็กรูปกางเขนที่เต็มไปด้วยสายฟ้าแห่งการทำลายล้างซัดใส่เทพกระบี่ประกายแสงที่โคจรด้วยลมปราณกระบี่สายที่สิบปราการสวรรค์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการป้องกัน

พริบตานั้นเสียงของการปะทะกันครั้งใหญ่ก็ดังกึกก้องไปทั่วห้อง

ดีว่ากัดฟันแน่น เท้าซ้ายถอยรน แม้จะเป็นสุดยอดลมปราณสายป้องกัน ทว่าพลังของอาชูร่ารุนแรงเกินไป พริบตาบเหนื่องจากไม่สามารถต้านทานหมัดอันรุนแรงของไซเมตได้อีก เผยช่องโหว่ไหล่ขวาขึ้น

‘ ปัก !

ทั้งคนทั้งกระบี่กระเด็นกระดอนไปอย่างไม่เป็นท่า ส่วนไซเมตยืนหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า เนื่องจากการใช้อาชูร่าที่มีพลังทำลายล้างสูงหนึ่งครั้งจำเป็นต้องใช้พลังลมปราณสายฟ้าจำนวนมหาศาล และจะไม่สามารถโคจรลมปราณได้ระยะหนึ่ง ดังนั้นการใช้อาชูร่าแต่ละครั้งผู้ใช้จะต้องมั่นใจว่าสามารถปิดฉากคู่ต่อสู้ได้แล้วเท่านั้น

ดีว่าร้องด้วยความเจ็บปวด ไหล่ขวาที่ถูกต่อยเข้าอย่างจังแม้กระทั่งอยู่ภายใต้ชุดเกราะป้องกันยังรู้สึกเจ็บชาสุดทนทาน เมื่อกระบี่ไม่อยู่ในมือดีว่าในตอนนี้ก็เท่ากับคนธรรมดาเท่านั้น ไม่สามารถโคจรพลังลมปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บได้

“ game over ” เกก้าดีนกางแขนปรบมือ “ โดนเข้าไปขนาดนี้ ต่อให้ยังลุกขึ้นมาได้อีก แต่แขนขวาซึ่งเป็นด้านถนัดก็ถูกทำลายลงแล้ว คงไม่สามารถจับกระบี่ได้อีก บอกเพื่อนร่วมทีมของคุณให้ยอมแพ้แล้วรีบไปรักษาตัวจะดีกว่านะครับ ”

‘ ชิ ’ไซโคร แนชแยกเขี้ยว

‘ ยัง ยังหรอกน่า ’ ดีว่ากล้ำกลืนความเจ็บปวดค่อยๆพยุงตัวพร้อมใช้มือขวาเอื้อมไปเก็บกระบี่ขึ้นมา ขณะจะตั้งท่ารู้สึกเจ็บแปลบสุดทนทาน ไม่สามารถยกกระบี่ขึ้นมาได้ ต้องสูดหายใจเข้าลึกโคจรลมปราณผ่านแขนขวาเพื่อขอยืมลมปราณที่ยังหลงเหลืออยู่จากเทพกระบี่ประกายแสง ทว่าพลังในการรักษาแทบไม่เป็นผล

ดีว่าก้มหน้าเค้นหัวเราะ

‘ จบกันแค่นี้งั้นเรอะ’

ที่แท้เทพกระบี่ประกายแสงเสียพลังลมปราณที่ใช้กับการตั้งรับจนเกือบหมดสิ้น แม้กระทั่งใช้ปราณกระบี่สายที่สองต่อปราณยังไม่หลงเหลือพอจะรักษาอาการบาดเจ็บของไหล่ขวาได้  พลังลมปราณที่เหลืออยู่ในตอนนี้เพียงพอให้ดีว่าฝืนยังยืนอยู่ได้ และใช้ออกได้เพียงแค่ปราณกระบี่ไร้เงาอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

ไซเมตถึงกับทึ่งที่ดีว่ายังสามารถลุกขึ้นมาได้อีก

“ นายนี่สุดยอดจริงๆเลยนะ แต่ชั้นว่านายควรจะไปรักษาอาการบาดเจ็บนั่นก่อนจะดีกว่านะ หากฝืนสู้ต่อไหล่ขวาของนายอาจจะใช้ไม่ได้อีกนานเลยนะ ”

“ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ผมยังมีสัญญาที่ต้องรักษาไว้ให้ได้ แล้วก็……” ดีกว่าพูดพลางเปลี่ยนกระบี่ไปอยู่ในมือซ้าย “ ผมไม่ได้ใช้กระบี่เป็นแค่มือขวาข้างเดียวหรอกนะครับ ”

ที่แท้ดีว่าฝึกปรือกระบี่ทั้งมือซ้ายและขวาไว้ก่อนหน้านี้เผื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม้คาดฝันแบบนี้ขึ้น ทั้งนี้เพราะพี่ชายของเขาเคยผ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้เมื่อปีที่แล้วเนื่องจากโดนเล่นงานมือข้างที่ถนัดไปนั่นเอง

‘ ไม่เพียงแต่สงบเยือกเย็นได้ในทุกเหตุการณ์ แต่ยังสุขุมรอบคอบได้ถึงขนาดนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ’ ซากุระลอบชมเชย ‘ แต่ว่าอย่างไรมือข้างที่ไม่ถนัดก็ไม่อาจเปล่งพลังได้เท่ากับข้างที่ถนัดหรอกนะ การจะเอาชนะคู่ต่อสู้ระดับนี้ได้ด้วยมือข้างที่ไม่ถนัดเท่ากับว่ามีโอกาสเป็นสิบเปอร์เซนต์เท่านั้น ’

ดีว่าตั้งท่ากระบี่ในมือซ้ายขึ้นอย่างอาจหาญแม้ไหล่ขวาจะตกห้อยอย่างหมดสภาพก็ตาม ชี้ไปยังหน้าของไซเมต พลังสมาธิไม่ได้ลดทอนลงไปเลยแม้แต่น้อย

“ เอาละได้เวลาปิดเกมสักที ” ดีว่ากล่าว จากนั้นพุ่งตัวเข้าใส่ไซเมตอย่างรวดเร็ว

‘ อะไรกัน ขนาดแขนขวาใช้การไม่ได้แล้ว ยังมีความมั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเรอะ ถ้าอย่างนั้นจะจัดการให้นายไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลยละกัน ’

ว่าแล้วไซเมตก็พุ่งตัวพร้อมเหวี่ยงหมัดขวาใส่ดีว่า เห็นแน่ชัดว่าหมัดนี้ต้องซัดถูกดีว่าที่มีท่าร่างเหมือนคนเสียศูนย์เป็นแน่แท้ แต่ในพริบตานั้นเองกระบี่ในมือซ้ายดีว่าก็เขี่ยพื้นยันตัวพุ่งเฉียงหลบหมัดขวาของไซเมตได้อย่างหวุด

อาศัยช่องโหวในการโจมตีดีว่าก็วาดกระบี่สวนฟันใส่กลางลำตัวของไซเมตได้สำเร็จ ทำให้พลังชีวิตของไซเมตลดลงไปถึง 1,000 หน่วยเพราะถือว่าฟันถูกจุดชีวิต

‘ ร้ายกาจมาก อาศัยจังหวะที่เราโจมตีพลาดแล้วสวนกลับในทันที ทั้งๆที่ใช้แขนข้างที่ไม่ถนัดได้งั้นรึ?! ’

การโจมตีของดีว่าเรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายของทุกผู้คนจริงๆ ต่อให้ไซเมตไม่ได้อยู่ในสภาวะหลังจากใช้อาชูร่าซึ่งต้องเสียพลังลมปราณสายฟ้าไปครู่หนึ่งก็ตาม ก็ยังไม่แน่ว่าจะหลุดรอดไปจากการโจมตีสวนกลับอย่างกระทันหันเมื่อครู่ได้

แต่ไซเมตไม่ยอมแพ้ตั้งสติจากนั้นหมุนตัวเตะกลับหลังในทันที ทว่าดีว่ากลายเป็นสายลมพุ่งตัวเลียดเท้าของไซเมตหลบการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด มิเพียงเลียดตัวตามเท้าแต่ถึงกับทิ้งตัวลงกับพื้นตามสภาวะท่าเตะด้วยซ้ำ จากนั้นตวัดกระบี่ในท่านอนใส่เท้าอีกข้างของไซเมต

กระบี่นี้มิได้รุนแรงเพียงแต่จี้ได้ถูกจุด ไซเมตที่ยังไม่สามารถโคจรลมปราณสายฟ้าได้ถึงกบัเสียศูนย์ล้มลงตามในทันที

ดีว่าไม่รอให้ร่างของไซเมตล้มลงถึงพื้นดีก็กลิ้งตัวกับพื้นใช้เทพกระบี่ประกายแสงยันตัวขึ้น จากนั้นแทงใส่ร่างที่ล้มลงของไซเมต ไซเมตแม้จะเสียศูนย์ล้มลงแต่ก็รีบกลิ้งตัวหลบในทันที หากเปลี่ยนเป็นดีว่าในสภาพที่ยังไม่ศูนย์เสียลมปราณไซเมตในสภาพที่เพิ่งใช้อาชูร่าไปไม่มีทางหลบรอดเป็นแน่

ถึงกระนั้นกระบี่ในมือซ้ายของดีว่าก็ยังจ้วงแทงอย่างรวดเร็วไม่แพ้คนสภาพปกติที่ไม่ได้ฝึกวิชาเลยทีเดียว

‘ ปัก ’

เทพกระบี่ประกายแสงแทงถูกไหล่ซ้ายของไซเมต แต่ทว่าก็ถูกไซเมตคว้าจับเอาไว้ได้ ทางหนึ่งดึงกลับอีกทางหนึ่งดึงรั้งไว้ โชคยังดีที่ไซเมตยังไม่สามารถโคจรพลังลมปราณได้ มิเช่นนั้นหากถูกใช้ท่าอ้อมกอดแห่งพระผู้เป็นเจ้าในตอนนี้ดีกว่าต้องผ่ายแพ้แล้วอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นแรงยึดจับของไซเมตก็หาได้น้อยแต่อย่างใด

โชคยังดีที่ไซเมตล้มลงอยู่อย่างไรการยึดจับยังไม่มั่นคงเท่ากับตอนยืน ดีว่าที่ลึกซึ้งในเพลงกระบี่มีหรือจะปล่อยให้กระบี่ตัวเองหลุดมือไปได้ง่ายๆ พลิกกระบี่ไปมาทั้งใช้แรงหลอกล่ออยู่ครู่หนึ่งก็ฉวยกระบี่หลุดออกจากมือไซเมตได้

ปกติดีว่าจะไม่ซ้ำคู่ต่อสู้ที่ล้มลงอยู่ แต่ในตอนนี้แตกต่างกันออกไป เขาไม่หลงเหลือลมปราณหรือพลังที่จะต่อกรกับไซเมตในสภาวะที่พลังโคจรกลับมาได้เต็มร้อยแล้ว ดังนั้นนี่เป็นเพียงโอกาสสุดท้ายเท่านั้นที่จะจัดการล้มหัตถ์ขวาของพระเจ้าผู้นี้ลงได้

แม้ดีว่าจะจ้วงแทงกระบี่ลงแต่ไซเมตก็กลิ้งหลบรอดได้หลายกระบี่ จากนั้พอดีว่าเผยช่องโหว่ไซเมตก็ดีดตัวลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้งหนึ่ง พุ่งตัวใส่ดีว่าพร้อมซัดหมัดอย่างรวดเร็ว ดีว่าขณะคิดจะใช้แผนสวนกลับเพื่อเผด็จศึกก็ถูกหมัดของไซเมตปิดช่องทางในการหลบหลีกและสวนกลับจนหมดสิ้น

หมัดของไซเมตยิ่งมายิ่งรวดเร็ว เป็นเพราะพลังลมปราณเริ่มกลับมาทีละนิด ทำให้ดีว่าตกอยู่ในสภาวะที่เริ่มเสียเปรียบ ก่อนที่วงล้อมของหมัดจะแคบลง ดีว่าต้องรีบหาหนทางเพื่อพิชิตไซเมตให้ได้

‘ เอาละ ถ้าเป็นอย่างนั้นมาตัดสินกัน ’

หมัดของไซเมตเริ่มมีสายฟ้าปรากฏขึ้นมา แสดงว่าพลังลมปราณสายฟ้าเริ่มกลับมาพร้อมใช้อีกครั้งหนึ่ง พริบตานั้นดีว่าที่ใช้มือซ้ายถือกระบี่ตั้งรับอยู่นั้นก็ตัดสินใจโถมตัวเข้าต่อสู้กับไซเมตในระยะประชิด

‘ เปรี้ยง !!! ’

สายฟ้าเกรี้ยวกราดปรากฏขึ้นบนสนับมือรูปกางเขนทั้งซ้ายและขวาของไซเมตเรียบร้อยแล้ว

“ จงล้มไปซะ ! ”

 ไซเมตกล่าวเสียงแข็ง จากนั้นซัดหมัดใส่ร่างดีว่าที่ฟันกระบี่ในมือซ้ายใส่ตนอย่างรวดเร็ว ทว่าหมัดขวาของไซเมตที่เห็นแน่ว่าจะต้องชกถูกกระบี่กลับชกถูกไหล่ซ้ายของดีว่าอย่างจัง พร้อมกันนั้นร่างของดีว่าก็เสียศูนย์เอียงไปทางขวาทันที

“ จังหวะนี้แหละ !!! ”

ไม่ทราบกระบี่ในมือซ้ายของดีว่ากลับมาอยู่ในมือขวาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดีว่าที่รอจังหวะนี้มานานย่อมไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปได้อย่างแน่ ขณะที่ร่างของดีว่าเสียศูนย์จนเกือบจะเซล้มลงอยู่นั้นมือขวาก็ลอบโคจรลมปราณที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมดขึ้น จากนั้นรีดเล้นพลังลมปราณเฮือกสุดท้ายซัดใส่สีข้างของไซเมตที่ไร้ซึ่งการป้องกันอย่างสุดกำลัง

“ ปราณกกระบี่สายที่หนึ่ง – ปราณกระบี่ไร้เงา  กระบี่สุญญากาศ จงสำแดงเดชซะ !!! ”

‘ ฟ้าว !!! ’

ปราณกระบี่ที่รวดเร็วราวมีดแห่งสายลม พุ่งใส่สีข้างของไซเมตอย่างจัง จากนั้นร่างของหัตถ์ขวาของพระผู้เป็นเจ้าก็กระเด็นล้มลงอย่างหมดท่า ก่อนที่ร่างของเจ้าของกระบี่จะล้มลงตาม

‘ แอ๊ด ’

เสียงออดประกาศชัยชนะดังขึ้นทันที

“ เป็นไปไม่ได้ ” เกก้าดีนกำหมัดจ้องตาค้าง ผู้ชนะคือดีว่าซึ่งไม่มีแม้กระทั่งลมปราณอย่างนั้นรึ

‘ นี่เราแพ้แล้วอย่างนั้นเรอะ ’ ไซเมตที่นอนอยู่คิดขึ้น สายฟ้าที่อยู่ในมือทั้งสองข้างค่อยๆหายไป ‘ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีการโจมตีแบบนี้อยู่จริงๆ เจ้านั่นอาศัยแรงชกของเราเพื่อให้ตัวเองเสียศูนย์จากนั้นก็โจมตีเข้าที่สีข้างของเรา ซึ่งเป็นจุดที่เราไม่สามารถโคจรลมปราณ หรือตั้งท่าปิดป้องได้ในขณะนั้น สุดยอดจริงๆ ฮ่าๆๆๆ ’

“ ผู้ชนะคือ ดีว่าแห่งทีมมิราเคิล โรงเรียนอับดุลอินเตอร์ครับ ” นักประกาศกล่าวออกไมค์เสียงดังกังวาล จากนั้นเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ก็ดังขึ้น แม้จะไม่กึกก้องเพราะกองเชียร์ส่วนใหญ่ล้วนเชียร์โรงเรียนเกเบรียล แต่เสียงปรบมือที่ตามมาล้วนมาจากผู้ชมเกือบทั้งห้องเนื่องจากยอมรับในฝีมือของดีว่าจากใจ

“ ยินดีด้วยนะ นายเป็นสุดยอดคู่ต่อสู้เท่าที่ชั้นเคยได้เจอมา ” ไซเมตยื่นมือให้กับดีว่าที่ล้มอยู่ แต่ว่าสีหน้าของดีว่ากลับปราศจากแววยินดี

“ ขอบคุณครับ คุณเองก็เช่นกัน ” ดีว่ายื่นมือซ้ายรับ แม้จะโดนจะเป็นหมัดธรรมดา แต่ก็แฝงความรุนแรงใช้เล่น ทำเอาไหล่ซ้ายของดีว่าสะเทือนจนรู้สึกปวดนิดเลยทีเดียว

ดีว่าขณะที่ก้มลงเก็บเทพกระบี่ประกายแสงก็พบว่า มีคนยื่นมันมาให้แล้ว

“ ขอบคุณครับรุ่นพี่ ” ดีว่ายิ้มรับเทพกระบี่ประกายแสงมา แต่ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่แฝงอยู่ในนั้นอีก เพราะเมื่อสักครู่นี้เขาเพิ่งใช้ลมปราณที่มีอยู่ทั้งหมดในนั้นออกไป

“ ไม่ต้องขอบคุณหรอก คนที่จะต้องพูดว่าขอบคุณคือข้าต่างหาก ” ไซโคร แนชถึงกับก้มหัวลง ทำเอาดีว่ารีบประคองตัวไซโคร แนชแทบไม่ทัน

“ ดีนะที่ชั้นกลับมาทัน ดีว่านี่เก่งจริงๆเลยว่าไหม ” ไลร่าที่ยืนอยู่ในมุมห้องกล่าวกับผู้หญิงใส่หมวกแก๊ปที่นั่งอยู่บนรถเข็น แต่ผู้หญิงคนนั้นหาได้ตอบคำไม่

“ กลับกันเถอะ ” ผู้หญิงลึกลับกล่าว แม้หมวกจะปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่งของเธอไว้ แต่ไม่อาจบดบังความงดงามของผิวพรรณ และมุมปากอันอวบอิ่มนั้นได้

“ เธอเนี่ยน้า เอาเถอะๆ ”

ก่อนที่ไลร่าจะเข็นหญิงสาวออกจากห้องนั้น หญิงสาวใส่หมวกแก๊ปเพียงชำเลืองไปยังไซโคร แนชอีกรอบหนึ่ง ภายใต้เงาของหมวกกลับซ่อนรอยน้ำตาไว้ได้อย่างมิดชิด

‘ แฮ๊กๆ ’

เสียงครวญครางราวสัตว์ร้ายค่อยๆดังขึ้นทีละนิด เปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องพยาบาลให้ตึงเครียดขึ้นมาทันที

“ นั่นมันเสียงอะไรกัน ” เด็กชายคนหนึ่งพักรักษาตัวจากการแข่งวิ่งกล่าวกับเพื่อน

“ ไม่รู้สิ สงสัยเตียงข้างๆจะเจ็บหนัก เห็นตอนโดนหอบเข้ามาสภาพดูไม่ได้เชียว ฮาๆ ”

ทั้งสองหัวเราะได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาถึงต้นคอ พริบตานั้นม่านที่ถูกกั้นอยู่ระหว่างเตียงก็ถูกแหวกออก พร้อมกับร่างของชายที่คล้ายสัตว์ร้าย ดวงตาแดงกร่ำปรากฏตัวขึ้น คือจีดาบคลั่งที่ฟื้นขึ้นหลังจากได้รับบาดเจ็บนั่นเอง

“ เฮ้ เป็นอะไรรึเปล่าพวก ” เด็กหนุ่มถาม

“ พวกมันอยู่ที่ไหน ” จีดาบคลั่งเพียงถามสั้นๆ แต่น้ำเสียงแฝงรังสีฆ่าฟันอย่างเต็มเปี่ยม

“ ถ้าหมายถึงเพื่อนที่มาส่งนายละก็ สงสัยจะกลับไปหมดแล้วละ ”

“ ไม่ใช่ ” จีดาบคลั่งตวาด

“ พูดกันดีๆก็ได้นิ ” เพื่อนของเด็กหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บตอบกลับแบบไม่พอใจ และนั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง

“ พวกจงหายไปซะ !!! ”  

จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก ภาพสุดท้ายที่จำได้ก็คือ จีดาบคลั่งผลุบตัวลงคลานสี่ขากับพื้นก่อนจะพุ่งตัวทำลายทุกสิ่ง และวิ่งออกจากห้องพยาบาลไปราวกับปีศาจร้าย

“ และผู้ชนะของการแข่งครั้งนี้ก็คือ ทีมโรงเรียนไกเซอร์ด้อมครับ ” นักประกาศโบกมือไปยังซิลเวียร์ จากนั้นเสียงปรบมือและกู่ร้องก็ดังลั่นห้องประลองอาวุธ เนื่องจากซิลเวียร์สามารถล้มคู่ต่อสู้จากโรงเรียนบียูสามคนรวดได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าเธอลงมือยังไงด้วยซ้ำ แต่ซิลเวียร์หาได้สนใจต่อชัยชนะไม่ เธอเพียงกวาดตามองหาโซเฟียเท่านั้น

‘ พี่โซไม่อยู่ ’ ซิลเวียร์กวาดตามองซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ จากนั้นกำหมัดแน่น ‘ ทั้งๆที่สัญญากันไว้แล้วแท้ๆ แต่พี่โซกลับ…..’

หลังจากจับมือกับโรงเรียนบียูเสร็จเรียบร้อย ซิลเวียร์ก็แยกตัวออกมาเพื่อตามหาโซเฟีย แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ หาทราบไม่ว่าโซเฟียไปดูการแข่งของวาที่ห้องแข่งปิงปองนั่นเอง  

ยิ่งคิดว่าโซเฟียไม่ยอมอยู่ดูการแข่งของเธอ ทั้งๆที่เธออุตส่าห์ช่วยถึงขนาดนั้นแล้วแท้ๆซิลเวียร์ก็ยิ่งอารมณ์เสีย และทันใดนั้นเองเธอก็สัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันชนิดหนึ่ง

“ ในที่สุดก็เจอตัวจนได้ ” จีดาบคลั่งที่หมอบคลานอยู่กับพื้นกล่าวอย่างน่ากลัว

“ ไม่ให้พ้น ชั้นกำลังอารมณ์ไม่ดี ” แต่ซิลเวียร์หาได้เกรงกลัวไม่

“ ชิ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าบอกจุดอ่อนของชั้นให้แม่นั่นฟังละก็……..” จีดาบคลั่งกล่าวด้วยความแค้น

“ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ” น้อยคนนักที่จะกล้าจ้องหน้าจีดาบคลั่งในสภาพเช่นนี้

“ ชิ นังหนูกล้าดียังไงถึงพูดกับชั้นแบบนี้ ! ” ด้วยความที่ซิลเวียร์ลอกจุดอ่อนของตนจนกระทั่งต้องพ่ายแพ้ให้กับโซเฟียทำให้จีดาบคลั่งอามรณ์เสียอยู่แล้ว ยังคำพูดเจอซิลเวียร์อีก ทำให้จีดาบคลั่งหมดความอดทนอีกต่อไป ชักดาบจากหลังออกมาพร้อมดีดตัวในสภาวะคลานเข้าหาซิลเวียร์

“ ถ้าอย่างนั้นจงหายไปซะ !!! ”

ซิลเวียร์เพียงทำหน้าขยะแขยง หากเป็นเด็กหญิงคนอื่นเห็นจีดาบคลั่งในสภาพนี้ไม่ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวก็นับว่าแปลกแล้ว

“ ช่องโหว่ของแกมีอยู่สิบห้าจุด ” ซิลเวียร์กระซิบข้างหูจีดาบคลั่งขณะที่สวนกัน

จากนั้นร่างกายของจีดาบคลั่งก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างมหาศาล นี่ไม่ใช่ความเจ็บปวดจากการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่เป็นความเจ็บปวดที่เพียงพอจะทำให้หมดสติภายในพริบตา

“ นะ นี่แก…. ” ร่างที่ลอยขึ้นของจีดาบคลั่งตกลงในทันที

ด้วยความสามารถของจีดาบคลั่งต่อให้เป็นคนทั่วไปก็ไม่มีทางที่จะรับมือได้ง่ายๆ แต่ซิลเวียร์ไม่ทราบใช้เวทมนต์ใดเพียงแค่เดินสวนกับจีดาบคลั่งก็จัดการจีดาบคลั่งได้ราวกับเด็กทารก

“ ชั้นไม่มีเวลามาเล่นกับแกหรอกนะ วันนี้ถือว่าแกโชคดีก็แล้วกัน ” ซิลเวียร์เดินต่อไปทิ้งร่างของจีดาบคลั่งนอนกับพื้นอย่างเจ็บปวด

‘ พี่โซ แล้วพี่จะต้องเสียใจที่ทำกับหนูแบบนี้ ! ’

ผ่านไปราวห้านาทีจีดาบคลั่งค่อยรู้สึกว่าความเจ็บปวดค่อยๆลดลง จึงยันตัวลุกขึ้นจากนั้นวิ่งออกนอกปราสาทราวกับคนบ้า

“ ทำไม ทำไมกัน ! ” จีดาบคลั่งเขวี้ยงดาบทมิฬทิ้ง จากนั้นกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง “ ไม่ว่าจะดีว่า โซเฟีย หรือแค่เด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำไมกัน ทำไมถึงเอาชนะไม่ได้ !!! ”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่แสนจะเยือกเย็นก็ดังขึ้น แม้แต่จีดาบคลั่งที่กำลังคุ้มคลั่งก็ต้องเงียบลง

“ ชิ ใคร แกเป็นใครกัน โผล่หัวออกมาสิ ” จีดาบคลั่งตั้งสติตะโกนเรียก

ทันใดนั้นร่างในชุดคลุมสีดำที่แสนจะสกปรกก็ปรากฏตัวขึ้นจากใต้ต้นไม้ เจ้าของร่างก้มเก็บดาบทมิฬขึ้นมาแสดงให้เห็นถึงมือที่หยาบกร้าน และเล็บนิ้วที่ยาวน่าเกลียดน่ากลัว แต่แฝงไปด้วยพลัง

“ ดาบที่ดี ” น้ำเสียงของร่างนั้นคล้ายภูตผี

จีดาบคลั่งความจริงทิ้งดาบด้วยความโมโหแต่เมื่อเห็นดาบคู่ใจถูกผู้อื่นหยิบฉวยไปก็เกิดอยากเอาคืนขึ้นมาทันที

“ ชิ เอาคืนมานะ ”

“ ฮ่าๆๆ ” ร่างภายใต้ชุดคลุมหัวเราะอย่างปีศาจ “ ถ้าอยากได้ก็จงมาแย่งคืนไปเองสิ ”

จีดาบคลั่งด้วยความคับแค้นใจจากความผ่ายแพ้ยิ่งทวีความบ้าคลั่ง พุ่งตัวหมายชิงดาบคืนในทันที แต่เพียงแค่เริ่มเข้าใกล้ร่างสีดำนั้นก็รู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันอันหนาทึบ แม้กระทั่งร่างกายก็ไม่สามารถขยับได้

“ เป็นอะไรไป แค่นี้ก็กลัวแล้วหรอ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปแล้วนะ ฮ่าๆ ” ร่างนั้นทำท่าจะเดินจากไป

“ ชิ ใครกลัวแกกัน เจ้าแก่ ”

จีดาบคลั่งรีบคว้าเจ้าร่างนั้น ทว่ากลับคง้าถูกอากาศธาตุ

“ หากเข้าใจถึงแก่นแท้ของมรรคาแห่งดาบแล้ว มีหรือจะผ่ายแพ้ให้แก่กระบี่ได้ ” ร่างนั้นกล่าวจากนั้นตะปบร่างของจีดาบคลั่งสามกระบวนท่า ทุกท่าล้วนเป็นจุดตายที่จีดาบคลั่งไม่เคยรู้มาก่อนในชีวิต พร้อมกันนั้นดาบทมิฬก็จี้ปราดราวกับปีศาจร้ายที่มีชีวิต

“ อาศัยความหนักแน่น แข็งแกร่งของดาบทำลายความปราดเปรียวของกระบี่ ปิดช่องทางตีโต้ให้หมดสิ้น ” ร่างปริศนาจี้ดาบทมิฬพร้อมกล่าว

 “ กระบวนท่าดาบเจ็ดดาวรวดเร็ว รุนแรงใช้ทำลายวิชากระบี่สุริยันจันทรา ” ร่างปริศนาร่ายรำดาบอย่างดุดัน

“ ใช้ตัดนางแอ่นทะยานอาศัยความรวดเร็วของผู้ใช้ดาบทำลายกระบวนท่าสวนกลับ ”

“ จากนั้นปลิดชีพผู้ใช้กระบี่ด้วยกระบวนท่าระบำศพซะ ! ”

ทุกกระบวนท่าคล้ายภาพมายา แต่ร้ายกาจราวกับปีศาจร้าย จีดาบคลั่งคล้ายเห็นภาพดีว่าถูกพิชิตชัยขึ้นมาจริงๆ

“ เพลงดาบของเจ้าที่ข้าเห็นมาแม้จะดุดัน แต่ไร้ซึ่งศิลปะเป็นแค่ของหลอกเด็กเท่านั้น ! ” ร่างปริศนาถากถาง แต่เมื่อเห็นการร่ายรำดาบเมื่อสักครู่นี้แล้วจีดาบคลั่งต้องยอมรับว่าเป็นความจริง

นี่เป็นครั้งแรกที่จีดาบคลั่งรู้สึกถึงความสะพรึงกลัวที่แท้จริง จากนั้นร่างปริศนาก็เหวี่ยงร่างของจีดาบคลั่งกระเด็นล้มลง และเขวี้ยงดาบทมิฬทิ้ง

“ ฮ่าๆ เจ้าหนูถ้าอยากเอาชนะดีว่าละก็จงตามข้ามา ”

ร่างปริศนากล่าวจบก็เดินจากไปทันที

“ ชิ แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร เฮ้ เดี๋ยวก่อนสิ ” จีดาบคลั่งแม้ยังไม่หายจากความกลัวแต่ก็รีบหยิบดาบทมิฬวิ่งตามร่างปริศนานั้นไป

‘ สักวันเราจะได้เห็นดีกันว่าเทพกระบี่ประกายแสงของเจ้ากับดาบมารมายาของข้าใครจะเหนือกว่ากัน ?!’ ร่างปริศาฉีกยิ้มชั่วร้าย

____________________________________