คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : บทเรียนที่ 58 Prince's surrogate ตัวแทนของเจ้าชาย
บทเรียนที่ 58 Prince's surrogate ตัวแทนของเจ้าชาย
“ ดีว่า ”
ซากุระร้องเรียก จะช่วยก็ไม่ทันเสียแล้ว มังกรพิโรธห้าตัวพุ่งเข้าร่างดีว่าอย่างรวดเร็ว
‘ บัก ’
ดีว่าถึงกับล้มฟุบลงไปกับพื้น
‘ ฟ้าว ! ’
แต่ปราณกระบี่สายที่สิบสองที่ดีว่าใช้ออกไม่ได้หยุดยั้งตามเจ้าของพุ่งตรงเข้าใส่รูเกียร์
‘ หืม ’
รูเกียร์ด้วยความที่รวบรวมสมาธิใช้มังกรพิโรธอยู่ไม่ทันครุ่นคิดว่าดีว่าจะใช้ปราณกระบี่สายที่สิบสองออกมาได้ รีบสลายมังกรพิโรธพร้อมพริ้วร่างหลบ เพราะทราบถึงความร้ายกาจของเป่าหิมะดี
‘ ฟึ่บ ! ’
แต่ดูเหมือนว่าจะเชื่องช้าไปวูบหนึ่งซีกร่างครึ่งซ้ายโดนเป่าหิมะเข้าไปเต็มๆ ทันใดนั้นร่างกายรู้สึกชาวูบ ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปทั่ว
‘ ร้ายกาจจริงๆ แม้กระทั่งเรายังไม่สามารถใช้เป่าหิมะได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ’
รูเกียร์พยายามจะตบคลายจุด ใช้ปราณกระบี่สายที่ห้าสลายพลัง เพียงแต่พอจะโคจรลมปราณก็รู้สึกหนาวเหน็บ ชาวูบไปทั้งตัว
นี่เหมือนจะช่วยให้การต่อสู้ดูชะลอลงไปบ้าง
จีดาบคลั่งล้มกุมท้องดิ้นอยู่กับพื้น ส่วนซากุระรีบเข้าไปดูอาการของดีว่า เพียงแต่ไม่ว่าจะพยายามใช้ลมปราณช่วยยังไงดีว่าก็ยังคงไม่ได้สติฟื้นคืนมา
‘ ชีพจรปราณฉีกขาด ! ’
ซากุระหลังจากจับเส้นชีพจรปราณของดีว่าก็เหงื่อตกรีบสลายม่านบุปผาปกปักษ์ทุ่มเทลมปราณเข้าช่วยดีว่าอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไร้ผล
‘ ตึก ตึก ’
รูเกียร์ที่โดนเป่าหิมะเข้าไป แม้จะไม่หมดสติแต่ก็ไม่สามารถโคจรลมปราณได้ ยังไม่ยอมแพ้พยุงร่างเข้ามาทางดีว่า
“ พอได้แล้ว ” ซิลเวียร์กางแขนห้าม
“ ถอยไปซิลเวียร์ พี่จะต้องสั่งสอนพวกมันที่ทำร้ายเรา ”
“ พี่รูเกียร์เข้าใจผิดแล้วนะ คนที่ชื่อดีว่านั่นพยายามจะช่วยหนูต่างหาก ”
รูเกียร์สีหน้าแปรเปลี่ยน
“ จริงหรือ ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนทำร้ายเรา ” รูเกียร์ชี้กระบี่ไปยังจีดาบคลั่ง และซากุระ
ซิลเวียร์ส่ายหน้า
“ ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไว้หนูจะเล่าให้ฟังทีหลัง พี่รูเกียร์รีบไปดูอาการของดีว่าเถอะ ”
แต่รูเกียร์ปฎิเสธด้วยความเย่อหยิ่ง สอดกระบี่คืนฝัก เดินไปหยิบร่มกระดาษที่ตกอยู่ขึ้นมากางให้ซิลเวียร์
“ ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันได้แล้ว ”
“ ไม่ค่ะ พี่ต้องไปช่วยดูอาการดีว่านะ ”
“ ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็แล้วกันไปสิ ” รูเกียร์กล่าวเย็นชา “ กลับได้แล้ว ”
หากเป็นเรื่องอื่นซิลเวียร์คงจะยอมเชื่อฟังแต่โดยดี และถึงเธอจะไม่ค่อยชอบหน้าดีว่าสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกผิดที่ทำให้ดีว่าและคนอื่นๆต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ
ซิลเวียร์ไม่สนใจคำพูดของรูเกียร์วิ่งออกจากร่มกระดาษไปดูอาการของดีว่า
รูเกียร์กำร่มกระดาษในมือแน่น รู้สึกชาวูบไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะเป่าหิมะ แต่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ซิลเวียร์ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา
“ เป็นยังไงบ้าง ” โซเฟียถามซากุระ แต่ดูจากสีหน้าของซากุระก็พอจะบอกอาการได้ว่าย่ำแย่ขนาดไหน
“ ชีพจรปราณฉีกขาด ” ซากุระเพียกล่าวเบาๆ
“ แล้วมันหมายความว่ายังไง ” โซเฟียถาม ซิลเวียร์ที่ได้ยินก็ทำหน้าตื่นตระหนก
“ อาจจะไม่สามารถใช้ปราณกระบี่ได้อีก หรือถ้าสาหัสหน่อยก็อาจจะถึงแก่ชีวิต ”
“ งั้นรีบพาไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ ” โซเฟียรีบพยุงร่างของดีว่า โดยมีซิลเวียร์ช่วยอีกแรง หิมะตกหนักขนาดนี้ต่อให้เป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงยังอาจไม่สบายได้ ไหนเลยกับดีว่าที่โดนลมปราณอัดจนอาการสาหัสขนาดนี้
“ มันจะมากไปแล้วนะ ” ซากุระเข้าไปต่อว่ารูเกียร์ ไม่ง่ายนักที่เธอจะโมโหได้ถึงขนาดนี้
รูเกียร์ทำนิ่งเฉยมองไปทางอื่น ราวกับซากุระไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น
“ ถ้าคิดจะสั่งสอนเรา ก็เอาชนะเราให้ได้ก่อน ”
“ งั้นก็ได้เลย ” ซากุระชี้กระบี่ไม้ใส่รูเกียร์ เธอไม่เคยรู้สึกโกรธใครถึงขนาดนี้มาก่อน
‘ เช้ง ’
รูเกียร์แม้ร่างซีกซ้ายจะชาวูบ แต่ด้วยความถือดี และทรนงก็ทิ้งร่มกระดาษพร้อมชักกระบี่ของตนออกมาเช่นกัน ด้วยสภาพเช่นนี้หากสู้กันจริงๆ ซากุระย่อมได้เปรียบกว่ารูเกียร์อยู่หกส่วน
“ ฮ่าๆๆ ” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะราวกับปีศาจก็ดังมาจากจีดาบคลั่งที่เพิ่งลุกขึ้นได้
‘ อะไรกัน เจ้าหมอนั่นโดนมังกรพิโรธเข้าไปถึงขนาดนั้น ทำไมถึงยังลุกขึ้นมาได้อีก ’ รูเกียร์ตะลึง
“ แกบังอาจทำชั้นได้ ” เสียงกล่าวด้วยความโกรธ ดาบทมิฬในมือสั่นไหวราวกับอาวุธปีศาจ เมื่อเหลือบมองไปทางดีว่าก็ต้องตกใจ “ แถมยังบังอาจทำร้ายเหยื่อของชั้นอีก ดีว่าเอ๋ย บุญคุณที่ช่วยชั้นไว้คงต้องตอบแทนให้สักหน่อยแล้ว ”
ว่าแล้วจีดาบคลั่งก็ควงดาบทมิฬไปมา จากนั้นบังเกิดพลังลมปราณอันน่ากลัวสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่านขึ้น หากถูกลมปราณสายนี้ซัดใส่คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ๆ
“ รับไปซะ ! ”
พริบตานั้นดาบทมิฬตวัดไปทางรูเกียร์ลมปราณอันทรงพลังก็พุ่งออก มันเป็นลมปราณที่เกิดจากการดูดซับมังกรพิโรธไปหลายตัวนั่นเอง
ซากุระรีบหลบโดยไวไม่สนใจรูเกียร์ที่ไม่สามารถหลบได้ทันเพราะร่างซีกซ้ายชาวูบไม่สามารถโคจรลมปราณพริ้วตัวหลบได้
“ พี่รูเกียร์ ” ซิลเวียร์ทิ้งดีว่าไว้กับโซเฟีย รีบวิ่งเข้าไปช่วยรูเกียร์ แต่ดูยังไงก็ไม่ทันเสียแล้ว
รูเกียร์ยืนตรงเตรียมรับพลังลมปราณอันดุดันสายนั้นด้วยความองอาจ แต่สายตาเหลือบไปทางซิลเวียร์พร้อมยิ้มให้อย่างอบอุ่น
‘ ลมปราณสายนี้ความจริงเกิดจากเรา ก็สมควรแล้วที่เราจะต้องรับไว้ เพียงแต่ซิลเวียร์ พี่อยากจะบอกว่าพี่ขอโทษ
’
“ ข้าแด่เทพอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดประทานความแข็งแกร่งในฐานะหัตถ์ขวาของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด !!! ”
‘ GOD HAND PUNCH !!! ’
‘ ฟ้าว !!! ’
พริบตานั้นร่างของเด็กหนุ่มผมตั้งท่าทางทะมัดแทมง ที่มือขวาใส่ไว้ด้วยสนับมือรูปกางเขนเข้ามากั้นระหว่างรูเกียร์กับลมปราณ จากนั้นเด็กหนุ่มต่อยหมัดขวาใส่ลมปราณอันดุเดือดเหล่านั้นอย่างหนักหน่วง และรวดเร็ว
ลมปราณอันแสนร้ายกาจถูกสลายไปถึงแปดส่วนด้วยการต่อยเพียงครั้งเดียว ส่วนที่เหลือพุ่งเข้าใส่ร่างของเด็กหนุ่มคนนั้น เพียงแต่ร่างนั้นยังคงยืนนิ่งราวคันทวนเหมือนกับไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
การปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผู้นี้ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง ทั้งความสามารถและความรวดเร็วไม่เป็นรองรูเกียร์เลยแม้แต่น้อย
“ กะ แก ไซเมต ทำไมกัน ?! ” จีดาบคลั่งกัดฟัน
‘ ตึง ตึง ตึง ’
เสียงของวัตถุขนาดยักษ์ดังมาจากเบื้องหลัง จนแม้กระทั่งพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะยังต้องสะเทือน จากนั้นมือของใครบางคนก็แตะลงที่บ่าของจีดาบคลั่งพร้อมกล่าว
“ แกน่ะพอได้แล้ว จะสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ทูตแห่งสวรรค์อย่างพวกเราไปถึงไหนกัน ”
เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นเด็กหนุ่มสวมหมวกแกปสีขาวลายกางเขน ด้านหลังสะพายไว้ด้วยกางเขนสีเงินขนาดยักษ์ที่ดูน่าจะมีน้ำหนักราวสี่สิบโลได้ ครูเซเดอร์เกก้าดีนนั่นเอง
“ ความจริงก็ไม่ค่อยอยากจะช่วยหรอกนะครับ แต่ทนเห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ค่อยจะได้ ” ไซเมตปัดฝุ่นหันไปกล่าวกับรูเกียร์ “ แล้วก็ต้องขอโทษสำหรับเพื่อนผมที่ล่วงเกินด้วย ลาละครับ ”
‘ นี่หรือคู่แข่งของพวกเราในวันพรุ่งนี้ น่ากลัวจริงๆ ’ โซเฟียที่เห็นอดผวาไม่ได้
จีดาบคลั่งหลังจากดูดซับลมปราณ และใช้ออกไปเป็นจำนวนมากอาการเจ็บปวดก็เริ่มกำเริบ เกก้าดีนที่เห็นอาการก็ส่ายหน้า
“ แกนี่ต้องมาเป็นภาระให้ชั้นอยู่เรื่อยเลยนะ ”
“ ให้ช่วยไหมครับ ” ไซเมตเข้ามาถามโซเฟีย
“ แหะๆ ก็ดีนะค่ะ คงต้องขอรบกวนแล้วละ แต่ว่ารีบไปกันเถอะ” โซเฟียเป็นห่วงอาการของดีว่ามาก
ไซเมตยิ้มรับ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้มาช่วยประคองดีว่าโดยบังเอิญ
“ พวกใช้ลมปราณมันก็มีแค่นี้ละนะ ” เกก้าดีนกอดอกหันไปมองรูเกียร์ ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่ง รูเกียร์กำด้ามกระบี่ในมือแน่น หากไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโดนเป่าหิมะเสียก่อน คาดว่าคงจะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกคู่หนึ่งแน่
เกก้าดีนยิ้มท้าทายก่อนจะหันไปกล่าวกับไซเมต
“ รีบๆตามมาละ ” แล้วก็เดินจากไป พร้อมจีดาบคลั่ง
เสียงตึง ตึง ตึงค่อยๆเบาลง แสดงว่าทั้งสองเดินจากไปไกลแล้ว
“ เรื่องของวันนี้ค่อยว่ากันตอนแข่งวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ ” ซากุระกล่าวกับรูเกียร์เสร็จก็รีบวิ่งไปหาดีว่า
ส่วนซิลเวียร์นั้นโซเฟียก็บอกให้ไปหารูเกียร์ก่อน ทางด้านดีว่าเธอกับซากุระจะเป็นคนดูแลเอง
ไซเมตหลังจากส่งดีว่าที่ห้องพยาบาลเสร็จแล้วก็ขอแยกตัวออกมาทันที
และแล้วเหตุการณ์ที่แสนวุ่นวายท่ามกลางหิมะที่ตกหนักก็คลี่คลายลง
‘ ฟู่ ’ วาเบาลมใส่โกโก้ร้อนที่เพิ่งซื้อมาจากโรงอาหาร พลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ยินมาจากปากของไลร่าหลังจากแยกกับเธอมาแล้ว
‘ ต้องขอโทษจริงๆนะค่ะที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่สัญญาได้ไหมค่ะ ว่าถ้าฟังแล้วจะเก็บไว้เป็นความลับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ’ สีหน้าของเธอดูจริงจัง ระคนเกรงใจอย่างมาก
ไอ้เราก็เป็นพวกคนใจอ่อนเสียด้วยสิ วาเกาหัว แม้จะรู้ว่าวิธีรักษาสัญญาที่ดีที่สุด คือ การไม่สัญญามันเลย แต่ความอยากรู้ของเขาก็เอาชนะความกังวลที่ว่าอาจจะไม่สามารถรักษาสัญญาได้จนได้
ในที่สุดเรื่องราวของไซโคร แนชที่เขาไม่เคยได้รับรู้มาก่อนก็ถูกบอกเล่าผ่านหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจนหมดสิ้น หลังจากรับฟังจบเขาก็รู้สึกเห็นใจไซโคร แนชขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขารู้แล้วว่าทำไมไซโคร แนชถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ เรื่องราวเช่นนี้หากเกิดขึ้นกับเขา สิ่งที่เขาจะทำกับตัวเขาเองหลังจากได้รับจดหมายฉบับนั้นอาจจะรุนแรงกว่าที่ไซโคร แนชทำเสียอีก
“ ใช่แล้ว จดหมายที่ฝากเธอไปให้ไซโคร แนชคือ จดหมายจากเจ้าหญิง ” ไลร่ายิ้มมุมปาก
แม้ในใจจะรู้สึกว่าพลาดไปที่แล้วที่ยอมรับปาก แต่วาก็ยังเอ่ยถามไลร่าไป
“ แล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมไปหารุ่นพี่โดยตรงละ ไม่คิดบ้างหรือว่ารุ่นพี่เขาจะเป็นห่วงเธอขนาดไหน ”
ไลร่าก้มหน้าส่ายศีรษะ ผมสีสาวของเธอปลิวตามสายลมอันหนาบเหน็บ ยิ่งเพิ่มความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด จนวาถึงกับต้องเงียบไป
“ เรื่องนั้นเราคงบอกมากกว่านี้ไม่ได้แล้วละ ” สีหน้าของเธอดูเศร้า และอึดอัดที่ต้องเก็บเอาไว้
“ โอเคครับ ” วาคิดว่าเธอคงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่จะแยกกันเขาก็ถามขึ้น “ เธอใช่เจ้าหญิงใช่ไหม ? ”
แต่ไลร่าที่หันหลังอยู่เพียงส่ายหน้า และกล่าวอย่างตัดบท
“ พรุ่งนี้ยังไงก็พยายามเข้าละ แล้วเราจะไปดูนะทั้งการประลองอาวุธ แล้วก็ปิงปอง ”
ถึงตอนนี้วายิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ แถมยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปอีกที่เขาไม่สามารถจะบอกเรื่องนี้ให้แก่ไซโคร แนชได้ แล้วนี่ถ้าเขาโดนถามอีกครั้งเขาควรจะตอบว่ายังไงดีละ
แต่ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องทั้งหมด วาก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขาควรจะไปดูอาการของพรีสไซก่อน แล้วค่อยออกมาหาข้าวกิน พอดูนาฬิกาข้อมือก็เป็นเวลาเกือบจะบ่ายโมงได้
ก่อนจะเปิดประตูห้องพยาบาลนั้น วารู้สึกกดดันเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าหญิงอยู่บ้าง แต่ด้วยความเป็นห่วงพรีสไซเขาจึงตัดสินใจเข้าไป แล้วเขาก็ต้องพบกับเรื่องน่าตกใจอีกเรื่องสำหรับวันนี้
ดีว่าที่น่าจะหายดีแล้วนอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่แม้จะดูไม่ค่อยบอบช้ำนัก แต่เหมือนคนที่อาการสาหัสจนน่ากลัว วารีบตรงเข้าไปยังเตียงของดีว่า ซึ่งมีโซเฟีย ซาซาไร ไซโครแนช ผู้หญิงในเสื้อคลุมขาวลายดอกซากุระ และชายชราสูงวัยท่าทางใจดีผู้หนึ่งนั่งอยู่ โดยลืมเรื่องของพรีสไซไปเสียสนิท
สีหน้าของทุกคนดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นชายชราท่าทางใจดีที่กำลังจับชีพจรของดีว่าอยู่ จากนั้นรวบรวมลมปราณจี้ใส่จุดต่างๆของดีว่าอย่างรวดเร็ว
“ เกิดอะไรขึ้นหรอ ” วากระซิบถามโซเฟีย
“ ไว้ค่อยเล่าให้ฟังก็แล้วกัน ” โซเฟียตอบสีหน้าเคร่งเครียด
ทุกคนตอนนี้คล้ายกำลังรอฟังแค่คำตอบของชายชราท่าทางใจดี ใบหน้าอิ่ม ที่มีเคราสีขาวยาว ในชุดเสื้อคลุมขาวเท่านั้น
คิ้วของชายชราขมวดเข้าหากัน หลังจากเอานิ้วออกจากชีพจรของดีว่า
“ เป็นยังไงบ้างค่ะ ” ผู้หญิงในเสื้อคลุมขาวลายดอกซากุระถาม ซึ่งเธอก็คือ ซากุระนั่นเอง
“ ไม่เป็นอันตรายอะไร เพียงแต่
. ” เสียงของชายชราฟังดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด จากนั้นชายชราลูบเครา
“ ดีว่าคงมิอาจใช้ลมปราณได้อีกระยะหนึ่ง หรือใช้ได้ก็ในปริมาณที่จำกัดเท่านั้น เพราะชีพจรปราณขาด จากการได้รับความบอบช้ำมากไป ทั้งการต่อสู้ที่ผ่านมา และเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ ”
“ เป็นความผิดของหนูคนเดียว ” ซิลเวียร์ที่เพิ่งโผล่มาทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้
“ ไม่ใช่ความผิดของเราหรอกนะ ” โซเฟียปลอบ
ซากุระ หรือสาวในเสื้อคลุมสีขาวสำหรับวาดูท่าทางขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย
‘ ใช้ปราณไม่ได้แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแพ้ไปแล้วสิ ’ ในฐานะมือกระบี่ซากุระอดแค้นใจแทนดีว่าไม่ได้ พรุ่งนี้ในการแข่งเธอจะต้องเอาชนะรูเกียร์ให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่อชดเชยให้แก่การสูญเสียลมปราณของดีว่า
ชายชราดูเหมือนจะรู้ใจยิ้มให้ซากุระ เป็นรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นอย่างลุ่มลึกราวกับอ่านใจของเธอได้
“ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ถึงจะใช้ปราณไม่ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพ่ายแพ้เสียเมื่อไหร่ หัวใจของมือกระบี่ไม่ได้อยู่ที่ปราณสักหน่อย แต่เป็นกระบี่ต่างหาก ว่าแต่แม่หนูคือซากุระปราณกระบี่สิบสามสายใช่หรือเปล่า ”
“ ค่ะ ” ซากุระปกติเป็นคนที่ถ่อมตนอยู่แล้ว ยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราผู้นี้กลับยิ่งรู้สึกเกรงอกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เป็นความเกรงใจแบบเสื่อมใสเสียมากกว่า “ มิทราบว่าผู้อาวุโสคือ อาจารย์เสี่ยงเลี้ยงที่สอนวิชากระบี่ให้ดีว่าใช่ไหมค่ะ ”
“ โฮะๆ ” เสี่ยงเลี้ยงหัวเราะเสียงกังวาล ทำเอาวาอึ้งไปเลยเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆเร็วถึงขนาดนี้ ตอนแรกเขาก็คิดว่าน่าจะใช่แต่ยังไม่มั่นใจนัก จนกระทั่งซากุระเอ่ยปากถามนี่แหละ ดูจากบุคลิกภาพแล้วยังน่าเลื่อมใสกว่าที่ได้ยินมามากนัก
เห็นซากุระทำความเคารพ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างพากันทำความเคารพตาม
“ เอาละๆ เดี๋ยวดีว่าก็ฟื้นแล้ว ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ตาของดีว่าก็ค่อยๆลืมขึ้นมาจริงๆราวกับประกาศิต
ดีว่าเมื่อลืมตาขึ้นพอเห็นอาจารย์ก็รีบทำความเคารพ โดยไม่ห่วงอาการของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ ไม่ต้องมากพิธีหรอกดีว่า ” แววตาของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความเมตตา “ เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าตอนนี้ชีพขรปราณของเจ้าฉีกขาด อีกนานกว่าจะสมานกันได้ ”
“ ครับ ” ดีว่าก้มหัวรับคำอย่างไม่นำพา นี่เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วหรือเนี่ยว่าการเข้าไปช่วยคนอื่นจะทำให้ชีพจรปราณของเขาฉีกขาด
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงรู้แล้วสินะ ว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปจนกระทั่งจบการประลองเจ้าจะไม่สามารถใช้ปราณกระบี่ได้อีก หรือต่อให้ใช้ได้ก็จำกัดยิ่ง ”
“ ทราบแล้วครับ ” ดีว่ายิ้มไม่มีท่าทีเสียใจ หรือเศร้าแม้แต่น้อย แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเมื่อรู้ว่าความสามารถของตนไม่สามารถใช้ได้อาจจะหัวเสียไปแล้ว
ซิลเวียร์ที่ตอนแรกไม่ชอบหน้าดีว่า เมื่อเห็นความถ่อมตน และทรนงของดีว่าก็อดนับถือขึ้นมาไม่ได้ ชายคนนี้แม้ฝีมือจะเป็นรองพี่รูเกียร์อยู่บ้าง แต่ความเด็ดเดี่ยวและทรนงไม่แพ้รูเกียร์เลยแม้แต่น้อย
“ ประเสริฐๆ ” เสี่ยงเลี้ยงหัวเราะอย่างภาคภูมิ ราวกับรู้ถึงความเด็ดเดี่ยวของศิษย์ผู้นี้ของตนเป็นอย่างดี “ ถ้าอย่างนั้นรีบลุกขึ้นแล้วตามข้ามาเถิด ยอดวิชากำลังรอเจ้าอยู่ ”
ได้ยินเช่นนั้นทุกคนถึงกับตะลึง อะไรกันที่ว่ายอดวิชากำลังรออยู่ ซากุระถึงกับยิ้มขึ้นมา ดูจากท่าทีของเสี่ยงเลี้ยงไม่ใช่การล้อเล่นแน่ๆ
ดีว่ารีบลุกขึ้นในทันที ความเจ็บปวดทั้งหมดคล้ายหายไปหมดสิ้น น้อยคนนักที่จะได้เรียนวิชาโดยตรงจากเสี่ยงเลี้ยง เพราะปกติอาจารย์จะไม่ค่อยอยู่ที่ชมรม แต่จะเป็นรุ่นพี่หรืออาจารย์คนอื่นคอยสอนแทน
“ ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ทำให้เป็นห่วง ” ดีว่าบอกทุกคนสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด “ แต่ผมคงต้องขอตัวก่อน ”
“ ฝึกให้สำเร็จละ แล้วเจอกันในรอบชิง รูเกียร์ดิฉันจะเป็นคนจัดการเอง ” ซากุระกล่าว แววตาของเธอทำให้ดีว่ารู้สึกเขิน ได้แต่พยักหน้ารับ
“ ขอโทษนะครับอาจารย์ แล้วการแข่งวันพรุ่งนี้ดีว่าจะลงแข่งได้ไหมครับ ” ไซโคร แนชถาม
“ ได้สิ แต่เจ้าน่ะยังลงแข่งไม่ได้ อาการกว่าจะทรงตัวก็คงต้องรอจนกว่าจะถึงรอบชิง ” เสี่ยงเลี้ยงกล่าว “ นี่เป็นคำสั่งจากหลวงพ่อด้วยนะ ”
“ ครับ ” ไซโคร แนชพยักหน้ารับ แต่วาสังเกตได้ว่าเขามีท่าทีอึดอัด และดื้ออยู่ไม่น้อย คงเพราะคิดว่าอาการของตัวเองหายดีแล้ว การให้ดีว่าที่ได้รับความบอบช้ำมากถึงขนาดนี้ลงแข่งอาจจะไม่เป็นผลดีก็ได้
“ ถ้าอย่างนั้นเล่าฮู (ผู้เฒ่า) ต้องขอตัวแล้ว ”
ก่อนที่ดีว่าจะตามเสี่ยงเลี้ยงไป เขาหันมายิ้มให้กับซิลเวียร์เป็นความหมายว่า ให้อภัยและไม่เป็นไร ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาเยอะทีเดียว
“ อย่างนั้นหนูก็ต้องขอตัวด้วยนะค่ะพี่โซ ” ซิลเวียร์ยิ้มแฉ่ง จากนั้นหันไปกล่าวกับซากุระอย่างมั่นใจ “ คุณไม่มีทางเอาชนะพี่รูเกียร์ได้หรอก ไม่เคยมีใครต้านมังกรพิโรธของพี่รูเกียร์ได้แม้แต่คนเดียว ”
ซากุระไม่ต่อคำ เพียงยิ้มรับอย่างสุภาพ
“ มั่นใจดีนี่ ” ไซโครแนชฉีกยิ้ม ซิลเวียร์ที่เห็นหยุดไปเล็กน้อย
“ แหะๆ พูดแบบนี้ไม่ค่อยน่ารักเลยนะจ๊ะ ” โซเฟียแนะ
“ พี่โซก็ด้วย พรุ่งนี้ต้องเอาชนะพวกเกเบรียลให้ได้นะค่ะ แล้วอย่าลืมมาเชียร์หนูด้วยนะ แถวนี้มีแต่คนน่ากลัว ไปละดีกว่าค่ะ ! ” ซิลเวียร์โบกมือบ๊ายบาย วิ่งออกไปอย่างซุกซน
วาทำหน้างง คนน่ากลัวที่เด็กคนนั้นว่าคือใครกัน ไซโคร แนชหรือว่าเขานะเพราะซิลเวียร์เล่นกวาดตาไปทั่วเลยตอนที่พูดประโยคนั้น
“ มีแฟนคลับซะแล้วเรอะ ” ไซโคร แนชกัด
“ แหะๆ ประมาณนั้นละค่ะ ” โซเฟียยิ้มแห้งๆ ปล่อยให้วาทำหน้างงอยู่อย่างนั้น
“ เจ็บใจจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าอยากจะเก็บพลังไว้ใช้ในรอบชิงละก็ คงจะไม่พลาดท่าถึงขนาดลงแข่งไม่ได้แบบนี้ ” ไซโคร แนชบ่นอย่างเสียดาย วาเริ่มเห็นถึงข้อดีของลมปราณสายลมบ้างแล้ว เพราะแม้จะไม่รุนแรงเท่าลมปราณสายฟ้า แต่การฟื้นตัว และผลที่ได้รับน้อยกว่ามาก
ไซโคร แนชในตอนนี้แม้จะเดินเหินได้ปกติแล้ว แต่ผลจากการอัดลมปราณสายฟ้าใส่สมองมากเกินไป ทำให้ปฎิกิริยาตอบสนองของร่างกายยังไม่ค่อยคงที่นัก ต่างกับที่ดีว่าที่แม้จะชีพจรปราณฉีกขาด ก็แค่รู้สึกบอบช้ำกับใช้ลมปราณไม่ได้เท่านั้น
“ แต่ทีมพรุ่งนี้แข็งแกร่งมากเลยนะค่ะ ” โซเฟียกล่าว เพราะทราบถึงฝีมือของโรงเรียนเกเบรียลเป็นอย่างดี
“ แถมพรุ่งนี้เวลาแข่งปิงปองกับประลองอาวุธก็ชนกันเสียด้วยสิ ” วาเสริม
“ ทีมบริงเกอร์พรุ่งนี้ก็แข็งแกร่งมากเหมือนกัน ” เสียงที่พูดแทรกมาคือ พรีสไซซึ่งบัดนี้แขนขวาถูกด้ามไว้ด้วยเฝือกเรียบร้อยแล้ว
วาตกใจ รีบกล่าว
“ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ถ้างั้นแบบนี้ก็หมายความว่าพรุ่งนี้นายก็
”
พรีสไซฉีกยิ้มหน้าตาย
“ ใช่ ชั้นลงแข่งไม่ได้แน่ กว่ากระดูกที่เคลื่อนจะหายดีก็คงจะสักเกือบอาทิตย์ละมั้ง ”
พริบตานั้นโซลีนที่เพิ่งเดินมาก็สบตากับไซโคร แนช และราวกับรู้ทันกัน ทั้งสองก็พูดขึ้น
“ พรุ่งนี้คงจะเป็นวันที่แสนลำบากสำหรับพวกเราแล้วสินะ ”
หิมะด้านนอกปราสาทยังคงตกอยู่ แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคแก่ดีว่าเลยแม้แต่น้อย เขาเดินตามอาจารย์ไปอย่างไม่ปริปากบ่นสักคำ หากผู้อื่นพบเห็นคงต้องคิดว่าทั้งสองคนเป็นบ้าแน่ๆ ที่ออกมาเดินเล่นกันในขณะนี้ ทั้งอาการบอบช้ำของดีว่าก็ยังไม่หายดีด้วย แต่ภายในใจดีว่านั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเพราะกำลังจะได้รับการถ่ายทอดวิชา ดังนั้นลืมทุกอย่างจนหมดสิ้น
เสี่ยงเลี้ยงเดินนำดีว่ามาได้พักหนึ่งก็หยุดเท้าลง บริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ช่วยบังหิมะได้ในระดับหนึ่ง
“ รับไป ”
เศษกิ่งไม้ถูกโยนใส่ดีว่าอย่างรวดเร็ว แต่ดีว่าก็สามารถรับได้ทัน
“ เยี่ยม ” เสี่ยงเลี้ยงเอ่ยชม “ ไหนลองโจมตีใส่ข้าโดยไม่ต้องใช้ลมปราณดูสิ ”
“ ขออภัยที่ต้องล่วงเกินแล้ว ” ดีว่าคาราวะ จากนั้นตวัดกิ่งไม้ในมือเป็นท่ากระบี่ ก่อนที่จะจู่โจมใส่เสี่ยงเลี้ยงทันที
ดีว่าเริ่มลุกด้วยกระบวนท่าหันเกาทัณท์ยิงจันทร์ แต่มิคาดเพียงแทงกระบี่กิ่งไม้ออกก็ถูกเสี่ยงเลี้ยงแทงกระบี่กิ่งไม้กลับด้วยกระบวนท่าพิสดารต้องรีบชักกระบี่กลับมาปัดป้องเสียกระบวนท่าไปในทันที
จากนั้นไม่ว่าดีว่าจะใช้กระบวนท่าอะไรออกไปก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น
‘ กระบวนท่าที่อาจารย์ใช้ช่างลึกล้ำเหลือเกิน แม้แต่เราเองก็ยังดูไม่ออกเลยว่าเป็นกระบวนท่าอะไร ’
ดีว่าครุ่นคิด
‘ ดีละ ถ้าอย่างนั้นเราลองใช้กระบวนท่าที่พี่สอนให้แก่เราดู ’
ทันใดนั้นควงกระบี่กิ่งไม้ใช้ออกด้วยท่าหมื่นกระบี่สุริยัน จันทราเหิรซึ่งถือว่าเป็นไพ่ตายของดีว่าที่ได้รับการถ่ายทอดจากแดชพี่ชายของตน
ดีว่าพลิ้วร่างลอยตัวขึ้น แทงกระบี่กิ่งไม้ในมือออก พริบตานั้นคล้ายปรากฎกระบี่นับหมื่นแทงใส่เสี่ยงเลี้ยงจากด้านบน
“ ฮ่าๆ ไม่เลวๆ ”
แต่เสี่ยงเลี้ยงเพียงหัวเราะ จากนั้นแทงกระบี่ออกอย่างรวดเร็วม่านกระบี่นับหมื่นก็ถูกคลี่คลาย ดีว่ารู้สึกที่อกของตนถูกกระบี่แทงใส่ ร่างที่ลอยอยู่ร่วงลงกับพื้นทันที
แม้จะถูกแทงใส่แต่ดีว่ากลับไม่รู้สึกเจ็บปวด คงเป็นเพราะเสี่ยงเลี้ยงยั้งมือเอาไว้ เพียงแต่ต้องการทำลายกระบวนท่าของดีว่าลงเท่านั้น
ตอนนี้ดีว่ารู้สึกหมดหนทางโจมตีใส่เสี่ยงเลี้ยง เพราะไม่ว่าใช้ออกด้วยกระบวนท่าใดล้วนถูกทำลายจนหมดสิ้น ถึงกระนั้นเมื่อลุกขึ้นได้ก็รีบควงกระบี่กิ่งไม้เตรียมจู่โจมออกอีก
“ เอาละ พอได้แล้วสำหรับกระบวนท่า ” เสี่ยงเลี้ยงลูบเครา “ ไหนเจ้าลองโจมตีใส่ข้าด้วยลมปราณดูสิ ”
“ ครับ ” ดีว่ารับคำ เพียงแต่ตนชีพจรปราณเพิ่งฉีกขาดยากแก่การโคจรลมปราณได้ แต่เมื่อเป็นคำสั่งอาจารย์ไหนเลยไม่ทำได้ตาม ขณะโคจรลมปราณเตรียมโจมตีออกก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเสี่ยงเลี้ยง
“ ฮ่าๆ เจ้าเป็นเด็กที่ซื่อดี ขนาดชีพจรปราณฉีกขาดยังพยายามโคจรลมปราณโดยไม่โต้แย้งแม้แต่น้อย ” เสี่ยงเลี้ยงยิ้มล้วงเข้าไปในแขนเสื้อของตน จากนั้นเมื่อชักมือออกมารัศมีความเย็นยะเยือกก็ปกคลุมไปทั่ว แต่นั่นไม่ใช่ความเย็นที่เกิดจากอากาศ หรือความหนาว แต่เป็นความเย็นที่ทำให้รู้สึกสงบลงอย่างประหลาด
กระบี่ขนาดเล็กสีม่วงฟ้าอ่อนระยิบระยับที่มีลักษณะคล้ายผลึกแก้วมากกว่าจะเป็นกระบี่เล่มหนึ่งปรากฎอยู่ในมือเสี่ยงเลี่ยง พริบตานั้นดีว่าเบิกตากว้าง ต้องใช่แน่ๆ นั่นคือ เทพกระบี่ประกายแสง ที่ได้ยินคำล่ำลือมานานนั่นเอง
“ กระบี่เล่มนี้จะช่วยฟื้นฟูพลังปราณของเจ้าได้ขณะหนึ่ง จงใช้มันโจมตีลมปราณใส่ข้าซะ ” เสี่ยงเลี้ยงยื่นเทพกระบี่ประกายแสงให้ดีว่า
ดีว่าข่มความตื่นเต้นเอาไว้ เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสมันเร็วถึงขนาดนี้ เมื่อมือได้สัมผัสกับด้ามกระบี่ก็รู้สึกถึงความสงบอย่างประหลาด ลมปราณในร่างคล้ายโคจรขึ้นเอง แถมยังหมุนเวียนอย่างรวดเร็วจนน่าตื่นตระหนก
นี่หรือพลานุภาพของเทพกระบี่ประกายแสง
“ ด้วยขีดจำกัดของเจ้าประกอบกับเทพกระบี่ประกายแสงในตอนนี้คงจะใช้ลมปราณออกได้แค่ห้าครั้ง ขอให้เจ้าใช้ลมปราณใส่ซัดข้าเพียงแค่ครั้งเดียว จะเป็นปราณอะไรก็ได้นอกจากเป่าหิมะ เอาให้แรงที่สุดเท่าที่เจ้าจะสามารถทำได้ในตอนนี้ก็แล้วกัน ”
ดีว่าประสานมือ พยายามทำใจให้สงบ มิคาดเพียงหลับตาลงครู่เดียวลมปราณก็โคจรได้ดั่งใจนึก คงเพราะพลังจากเทพกระบี่ประกายแสงนั่นเอง
‘ ใช่แล้ว ถ้าเรามีเทพกระบี่ประกายแสงอยู่ในมือละก็ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครเราก็ไม่กลัวอีกแล้ว ’
จากนั้นโคจรลมปราณอย่างตั้งใจด้วยท่าศรสวรรค์
“ ศรสวรรค์อย่างนั้นเรอะ ไม่เลวๆ ” เสี่ยงเลี่ยงเอามือไขว้พลัง ยืนอย่างโออ่า สั่งดีว่าอย่างเฉียบขาด “ จงยิงให้เต็มแรง ห้ามยั้งมือเป็นอันขาด ”
“ ครับ ”
พริบตานั้นปราณกระบี่ที่แหลมคม ราวศรจากสวรรค์ก็พุ่งตรงใส่เสี่ยงเลี้ยง ความรุนแรงยังเหนือกว่าเมื่อตอนที่ดีว่าใช้กระบี่ดวงดาวถึงสามเท่า
‘ นี่หรือพลังของเทพกระบี่ประกายแสง ทั้งๆที่ชีพจรปราณของเราขาดแท้ๆ ’
แต่พริบตานั้นสิ่งที่ทำให้ดีว่าต้องตื่นตระหนกกว่าพลังที่เกิดจากเทพกระบี่ประกายแสงก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา
“ เธอมาที่นี่ได้ยังไง ” วาถามสโนว์ที่จู่ๆก็โผล่มาต่อหน้าเขา
“ อะไรกัน ก็เธอเป็นชวนเรามาเองไม่ใช่หรอยังไง ” สโนว์ค้อน ด้วยความสงสัยวาจึงมองไปรอบๆก็พบว่าขณะนี้เขากำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งวันนี้มีงานเปิดขายของมากมาย แต่ที่วันนี้เขาตั้งใจจะมาเดินดูนั้นเป็นพวกหนังสือนิยายเสียมากกว่า
“ ก็เพราะเธอไม่ใช่หรอที่บ่นว่าอยากได้หนังสือน่ะ ” วากล่าว ในหัวเริ่มคิดได้ว่าเหตุการณ์นี้มันคุ้นๆยังไงชอบกล
“ ไม่อยากมา เราไปเดินคนเดียวก็ได้ ” สโนว์ทำเสียงสูงเดินจากไป วาจึงรีบเดินตาม
ทั้งคู่เลือกเดินซื้อหนังสืออยู่พักหนึ่ง สโนว์ก็หยิบมือถือโทรออก และนั่นทำให้วารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ความรู้สึกดดันแบบนี้ ความรู้สึกที่เขายังจำมันได้ดี
“ ฮัลโหล ครอสหรอ หนังสือที่เธออยากได้ชื่ออะไรนะ ”
วาทำเป็นไม่ได้ยิน
“ อ๋อๆ ได้เดี๋ยวดูให้นะ ” หลังจากวางเสร็จสโนว์ก็ถามว่าซ้ำถึงชื่อหนังสือ แต่ตอนนี้เขาคล้ายไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เพราะหัวใจของเขาถูกกรีดเป็นแผลเสียแล้ว
และก่อนที่สโนว์จะทำหน้าสงสัยไปกว่านั้น ภาพรอบๆตัวเขาก็เริ่มเลือนลางไป
ใช่แล้ว นี่เป็นความฝัน เป็นความทรงจำเมื่อครั้งหนึ่งที่เขาเคยไปเดินซื้อของกับสโนว์ ในช่วงที่เจ้าคนชื่อที่ชื่อ ครอสเริ่มเข้ามา
. เมื่อคิดขึ้นได้ วาก็ลุกขึ้นตื่นจากฝันร้ายนั้นโดยเร็ว หัวใจของเขาเต้นรัว ไม่ใช่เพราะความฝันอย่างเดียว แต่เป็นเพราะการแข่งในวันนี้ต่างหาก
วาลูบหน้าเพื่อปลุกตัวเองให้ตื่นตัว นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานเพื่อเรียกสติตนอีกครั้ง เขาจำได้ว่าหลังจากกลับมานอนพักที่ห้องเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกทั้งไซโคร แนชและโซลีนเรียกออกมารับฟังแผนการณ์ในวันนี้ จากนั้นก็ถูกซาซาไร และมาสเตอร์ชไนเดอร์ลากไปฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับมือกับการประลองอีก หลังจากฝึกจนเหนื่อยล้าเต็มที่แล้ว เขาจึงได้กลับมานอนสลบยาวจนเพิ่งจะตื่นขึ้นตอนนี้เอง ก็เล่นฝึกหนักถึงขนาดไม่สนว่าเขาจะจับไม้ปิงปองได้หรือเปล่าเลยนี่
ตอนนี้เมื่อหันไปมองรอบห้องก็พบว่ากับโซลีน และพรีสไซลุกออกไปเรียบร้อยแล้ว เขารีบดูนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาแปดโมงครึ่ง ซึ่งถือได้ว่ายังไม่สายมาก การประลองจะเริ่มขึ้นตอนสิบโมงของวันนี้ทั้งการแข่งปิงปอง และการประลองอาวุธ
แม้จะมีเวลานอนต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง แต่วาไม่ทำตัวงัวเงียอีกต่อไปลุกขึ้นอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องรับภาระหนักที่สุด
‘ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราจะแพ้ไม่ได้ ทั้งการแข่งประลองอาวุธ และปิงปอง ’
ขอบคุณนะเจ้าฝันร้าย ช่างมาปลุกได้ประจวบเหมาะจริงๆ
ที่ห้องอาหารวาก็พบว่า พวกเพื่อนๆของเขา ซึ่งรวมทั้งโซลีน พรีสไซ ไซโคร แนช ดีว่าต่างก็นั่งรวมโต๊ะใหญ่กันอยู่ครบถ้วน คนพวกนี้ตื่นตัวจนเขารู้สึกว่าตัวเองเฉื่อยไปเลย
“ ตื่นเร็วดีนี่ ความจริงน่าจะนอนต่ออีกสักหน่อยนะ ” พรีสไซทัก พยายามกินข้าวด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด ซึ่งดูๆไปแล้วน่าสงสารพิกล
“ กินให้เต็มที่ละ ยังไงก็อย่าหมดแรงเสียก่อนนะ ” โซลีนกล่าว “ พวกชั้นคงต้องขอตัวก่อน ”
“ อืม แล้วจะรีบตามไปนะ ” วาโบกมือให้ รู้สึกตื่นเต้นแทนโซลีน “ แล้วก็ฝากบอกระรินด้วยนะ ว่าเล่นให้เต็มที่ แต่ไม่ต้องเครียดมากละ ”
เมื่อมองไปยังดีว่าก็พบว่า ดีว่ามีสภาพค่อนข้างอ่อนเพลียแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างเหลือเชื่อ
“ เมื่อวานไปฝึกพิเศษมาเป็นยังไงบ้าง ” วาถาม
“ วิเศษมากเลยครับ ” ดีว่าตอบสั้นๆ แม้ท่าทางจะดูไม่มั่นใจนัก แต่ก็ดูดีกว่าหลังจากการแข่งรอบที่สองมากทีเดียว ดูกระฉับกระเฉงขึ้นราวกับเป็นคนละคน “ แล้วคุณวาละครับ พร้อมไหม ”
“ ไม่รู้สิ แต่ยังไงก็ยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ”
“ แหะๆ ดูคึกจริงนะเช้านี้ ” โซเฟียแซว
“ คงสู้คนมีแฟนคลับไม่ได้ละมั้ง ” วาถือโอกาสกัดกลับ เล่นเอาโซเฟียพูดไม่ออกเลยคราวนี้ วาได้ทีจึงยิ้มกริ่มเพราะนานๆที ตนถึงจะกัดโซเฟียจนเงียบไปได้
“ เอ แฟนคลับที่ว่านี่ยังไงหรอ น่าอิจฉาจังเลยนะ ” วีวี่ประสานมือยิ้ม เธอยังไม่ทราบว่าแฟนคลับคนนั้นคือ ซิลเวียร์
“ แฟนคลับก็แบบที่เธอกับ
.” มิวยังแซวไม่จบคำ รังสีฆ่าฟันจากสายตาของวีวี่ก็จับจ้องมายังตนจนต้องเงียบไป
“ นายน่ะกินข้าวต่อไปซะ ก่อนที่จะไม่มีวิถีแห่งลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่อีก ” วีวี่ทำหน้าดุ ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้แก่ดีว่า “ ยังไงก็สู้ๆนะค่ะ ท่านดีว่า เอ๊ย ดีว่า ”
“ ใช่ซี่ ! ” มิวทำเสียงแหลม กินข้าวต่ออย่างยอมจำนน
“ มีอะไรข้องใจอย่างนั้นเรอะ ” วีวี่หันขวับมาทางมิว
“ อ๋อเปล่าจ๊ะๆ จะบอกว่าใช่ซี่นี้จริงๆด้วยที่ปวด เนอะนิค ซี่นี้ละที่ปวดมานานแล้ว ” มิวทำเป็นปวดฟัน ทำเอาเสือใบ้นิคต้องส่ายหน้า นี่หรือวิถีแห่งลูกผู้ชาย
“ ดูครึกครื้นกันดีนะ ” เสียงสุขุมเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งหมดมองตามก็พบว่าเป็นชายหนุ่มท่าทางใจดีใส่แว่น ประธานนักเรียนซาโต้
“ นายไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม ”
ซาโต้ยิ้มให้กับไซโคร แนช ซึ่งไซโคร แนชก็ยิ้มให้เล็กน้อย
“ วันนี้ยังไงก็สู้ให้เต็มที่นะ ” ซาโต้กล่าวกับวา โซเฟียและดีว่า ทั้งสามคนจึงรู้สึกดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าใครหากได้เห็นหน้าของประธานนักเรียนคนนี้จะรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ ผมคงต้องขอตัวไปเตรียมงานก่อนนะครับ แล้วจะรีบแวะไปให้กำลังใจนะ ” ซาโต้ขอตัว
“ เท่ชะมัดเลยว่าไหม ” มิวกล่าวชม ซึ่งนีโอก็เห็นด้วย
“ เอาละใกล้เวลาแข่งแล้ว รีบไปที่ห้องประลองกันเถอะ ” ไซโคร แนชลุกขึ้นเป็นคนแรก ทำเอาทุกคนต้องรีบลุกตาม ไม่ทราบเพราะความตื่นตัว หรือกลัวไซโคร แนชกันแน่
ณ ห้องแข่งปิงปองนักเรียนหลายคนต่างพากันทยอยจับจองที่นั่งกันเยอะแล้ว การแข่งในวันนี้ต้องดุเดือดเป็นพิเศษแน่ๆ เพราะเป็นรอบสี่ทีมสุดท้าย
พรีสไซขณะกำลังจะเดินเข้าห้องพร้อมโซลีน และระรินจู่ๆก็ได้ยินเสียงลูกปิงปอง กระทบกับไม้ปิงปองดังขึ้น ก่อนจะถูกคนจากด้านหลังชนไหล่เอาจนเกือบจะเสียหลัก
“ เฮ้ ! ”
เมื่อหันกลับไปก็พบว่า เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ใส่เสื้อโปโลสีดำ พร้อมด้วยแจ๊คเก็ตสีดำสนิทที่ด้านขวาปักไว้ด้วยสัญลักษณ์รูปหมาป่าสีขาวตัวหนึ่ง
“ ขอโทษทีนะ แต่เผอิญนายเข้ามาขวางทางพวกชั้นพอดี ” เด็กหนุ่มผิวคล้ำผมทรงสกินเฮดกล่าวขณะที่มือขวาถือไม้ปิงปองที่มีลูกปิงปองซึ่งกำลังหมุนอย่างรุนแรงอยู่ แต่กลับไม่หลุดออกจากไม้เลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มผิวคล้ำก็ตวัดไม้ออก ส่งลูกปิงปองลอยข้ามหัวของพรีสไซ โซลีน และระรินไปยังไปฝากหนึ่ง ซึ่งมีเด็กหนุ่มผมสกินเฮดใส่ชุดเดียวกันรอรับอยู่เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนี้ผิวขาวผอมตรงกันข้ามกับเด็กหนุ่มคนเมื่อครู่
“ จริงๆ ครอสอยากจะขยี้เพื่อนพวกนายใจจะขาดอยู่แล้ว น่าเสียดายๆ ” เด็กหนุ่มผิวขาวโต้ลูกกลับไปราวกับทั้งสามไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น ความแม่นยำในการรับส่งนับว่าร้ายกาจมาก แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ การประสานกันอย่างลงตัวของทั้งคู่
“ ไปกันเถอะ ” โซลีนไม่สนใจเดินต่อไป มิคาดแม้ทั้งสามคนจะเดินไปข้างหน้า แต่เด็กหนุ่มทั้งสองยังสามารถโต้ลูกลอดไปมาระหว่างทั้งสามคนได้ ไม่ว่าจะเป็นการตีข้ามหัว ลอดผ่านลำตัว หรือแม้แต่ใต้ขาได้อย่างไม่พลาดเลยแม้แต่น้อย
“ น่าเสียดายที่พวกนายคงจะโดนโรงเรียนบริงเกอร์จัดการเสียก่อน ” เด็กหนุ่มผิวคล้ำเสริม
“ แต่ก็ต้องขอบใจที่พวกนายเอาชนะพวกไกเซอร์ด้อมมาได้ พวกชั้นจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ”
“ ที่แท้สองผู้คุมกฏแห่งโรงเรียนเอสมอนเต้ก็ชอบเล่นละครลิงให้คนอื่นดูด้วย ” เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ทำเอาสองผู้คุมกฏต้องหันขวับ แล้วก็พบว่าเป็นวิสด้อม ฉายาดาบอัคคีทมิฬผู้สามารถเอาชนะไลร่าโล่ห์น้ำแข็งแห่งแสงได้แห่งโรงเรียนบริงเกอร์นั่นเอง
“ ว่าไงนะ ” เด็กหนุ่มผิวขาวโมโห
พริบตานั้นลูกปิงปองลูกหนึ่งพุ่งตรงเข้าใส่ลูกปิงปองที่ทั้งสองกำลังโต้กันอย่างรวดเร็ว พาเอาลูกปิงปองของทั้งสองกระเด็นหล่นพื้นในทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความเร็ว และแรงระดับนี้ต้องเป็นฝีมือของวิสด้อมอย่างแน่นอน
“ คนที่จะชนะโรงเรียนอับดุล อินเตอร์ได้มีแค่พวกชั้นเท่านั้น ส่วนพวกนายน่ะไว้รอบชิงชั้นจะเป็นคนจัดการเอง ”
“ เหอๆ นี่พวกเราไมได้อยู่ในสายตาของพวกมันเลยเรอะไงนะ ” พรีสไซบ่นอย่างหัวเสีย แต่โซลีนเพียงกล่าวสั้นแล้วเดินเข้าห้องโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น
“ จริงไม่จริง เดี๋ยวก็รู้กันเองละ ”
ทางด้านวา นำทีมมาโดยไซโคร แนช ภายในห้องแข่งประลองอาวุธคนยังมากกว่าห้องแข่งปิงปองอยู่หลายส่วน คงเพราะเร้าใจมากกว่ากระมัง
เมื่อมาถึงที่นั่งนักกีฬาวาก็รู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันอย่างท่วมท้น นี่ขนาดเขาไม่ใช่คนที่จะสัมผัสอะไรอย่างนี้ได้ง่ายนัก เขายังขนลุกจนต้องมองไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่นั่งของทีมโรงเรียนเกเบรียลเลย
จีดาบคลั่งนัยน์ตาแดงกร่ำกุมดาบทมิฬในมือจับจ้องไปยังดีว่าราวกับมารร้ายที่พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนเกก้าดีนที่ใส่หมวกอยู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจากนั้นยิ้มท้าทายให้แก่ไซโคร แนช
“ ฮ่าๆ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ วันที่ชั้นจะได้ตัดสินกับเจ้าชาย ” สายฟ้าเปรี้ยงปร้างปรากฎขึ้นบนมือของเกก้าดีน
คนที่ดูเป็นปกติที่สุดน่าจะเป็นไซเมตที่นั่งไขว่ห้างกอดอกอย่างมีมาด
“ แหะๆ อาวุธใหม่หรอน่าสนใจนะ ” ดีที่โซเฟียเรียกสติของเขากลับคืนมาได้ เธอชี้ไปยังคทานักมายากลกับถุงมือหนังสีดำ ซึ่งบริเวณข้อมือมีช่องเล็กๆอยู่
“ ฮ่าๆ ใช่แล้ว ” วาทำยิ้มข่มความตื่นเต้นไม่ทราบว่าควรจะพูดอะไรดี
ขณะนั้นเองเสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้น
“ พี่โซ พี่โซ ” ซิลเวียร์เกาะขอบกั้นโบกมือให้กับโซเฟีย
“ ว่าไงจ๊ะ ” โซเฟียรีบเดินไปหาซิลเวียร์
“ หนูมาให้กำลังใจพี่โซค่ะ สู้ๆนะค่ะ แล้วอย่าลืมมาเชียร์หนูด้วยละ ” ซิลเวียร์ยิ้มแฉ่ง หน้าแดงเมื่อโซเฟียยิ้มให้
“ ขอบใจมากจ๊ะ ”
“ อิจฉาคนมีแฟนคลับจริ๊งๆ ” วาแซว ดีว่าที่ได้ยินอดยิ้มไปด้วยไม่ได้
สักพักกรรมการก็เรียกตัวแทนของแต่ละโรงเรียนออกไปทายหัวเหรียญ โดยวาก็รับหน้าที่ทายหัวเหรียญเหมือนเช่นเคย เพราะไซโคร แนชถือว่าเขาเป็นตัวนำโชคประจำทีมไปเสียแล้ว
ผู้ที่ออกมาทายหัวเหรียญฝั่งเกเบรียลคือ ไซเมต ทำให้วาไม่รู้สึกกดดันนักเพราะเคยเจอกันมาก่อนแล้ว เพียงแค่วารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเท่านั้น
“ นายก็แข่งกับเขาด้วยหรอเนี่ย ” วาทักทาย
“ ใช่แล้วครับ ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ ” ไซเมตยิ้มอย่างไม่ถือตัว หากเป็นเกก้าดีนได้ยินคงจะต้องบันดาลโทสะไปแล้ว เพราะทีมของตนนั้นมีดีดรีเป็นถึงตัวเต็งแชมป์ จะบอกว่าไม่รู้จักสมาชิกในทีมเลยย่อมเป็นไปไม่ได้
การทายหัวเหรียญครั้งนี้นับว่าวาโชคดีเหมือนเช่นเคย เพราะสามารถทายถูก ดังนั้นจึงขอให้ฝั่งเกเบรียลส่งรายชื่อผู้ลงแข่งมาก่อน
“ ฮ่าๆ ชั้นขอลงคนแรกเลยก็แล้วกัน ยังไงเสียคนที่สามารถสู้กับชั้นได้ก็มีแค่เจ้าชายเท่านั้น ”
เกก้าดีนบอกไซเมตอย่างร้อนรน
“ ชิ ” จีดาบคลั่งแม้อยากจะตัดสินกับดีว่าก่อน แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเกก้าดีน
ไซเมตหลังจากร่างรายชื่อเรียบร้อยแล้วก็ส่งให้กรรมการ ทันใดนั้นรายชื่อฝั่งเกเบรียลก็ปรากฏขึ้นบนบอร์ดศิลาอิเล็กทรอนิกส์ขนาดยักษ์
“ เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ ” ไซโคร แนชแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิด
‘ ตึง ตึง ตึง ’
เสียงกางเขนยักษ์กระทบกับพื้นเวทีดังกึกก้องไปทั่วห้อง ทำเอาทุกคนต่างเงียบกริบ
เกก้าดีนที่ใส่ชุดเกราะเรียบร้อยบัดนี้ยืนรออยู่บนเวที พร้อมกางเขนยักษ์อันน่าเกรงขาม สายฟ้าอันบ้าคลั่งไหลไปรอบกางเขนยักษ์อันนั้น สายตาจับจ้องมายังไซโคร แนชอย่างท้าทาย
ไซโคร แนชเพียงกอดอกยิ้มท้าทายกลับ จากนั้นดีดนิ้ว
“ เรียบร้อยหรือยัง ”
“ คะ ครับ ” วาที่เพิ่งใสชุดเกราะเสร็จตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ก็ใครมันจะไปมั่นใจได้ละหากต้องเจอคู่ต่อสู้แบบนั้น แถมยังกางเขนยักษ์ท่าทางน่ากลัว ราวกับเอาไว้ประหารคนนั่นอีก
“ เมื่อพร้อมแล้วขอเชิญผู้เข้าแข่งขันคู่แรกขึ้นมาบนเวทีได้เลยคร๊าบบบบ ! ” เสียงคุ้นหูดังขึ้น เมื่อวามองให้ชัดก็พบว่าเป็นเด็กชายนักประกาศจากโณงเรียนของเขาเอง
“ โชคดีนะเจ้าหนู ฝากด้วยละ ” ไซโคร แนชโบกมือให้วา
“ รีบเปลี่ยนชุดเสียสิเจ้าชาย ” เกก้าดีนเกร็งมือที่เต็มไปด้วยสายฟ้าไปทางไซโคร แนช แต่เมื่อเห็นไซโคร แนชส่ายหน้าพร้อมชี้ไปบนเวทีก็ต้องพบว่าผิดท่า
หากวาไม่ได้คิดไปเองไซโคร แนชกำลังยิ้มให้เกก้าดีนอย่างสะใจ โดยไม่สนเลยว่าวาจะต้องเจออะไรจากผลของรอยยิ้มนั้นบ้าง
ทันใดนั้นบอร์ดศิลายักษ์ก็ปรากฏรายชื่อผู้เข้าแข่งขันแต่ละคู่ขึ้น สร้างเสียอุทานให้แก่ทุกคนที่ได้เห็น
“ อะไรกัน ! ” จีดาบคลั่งตาลุกวาว จากนั้นนัยน์ตาแดงกร่ำกว่าเดิม หันขวับไปทางดีว่า
“ ฮ่าๆๆ โดนเข้าให้แล้วไหมละ หวังว่านายคงจะรอดกลับมาครบสามสิบสองนะพ่อนักมายากล ” ไซเมตกุมท้องหัวเราะร่า
‘ คู่แรก วา VS เกก้าดีน
คู่สอง โซเฟีย VS จีดาบคลั่ง
คู่สาม ดีว่า VS ไซเมต ’
วาเพิ่งรู้สึกว่าการต้องต่อสู้กับคนที่น่ากลัวแบบสุดๆมันเป็นยังไง สายตาของเกก้าดีนที่จ้องมองมายังเขามันยากที่จะบรรยายได้จริงๆ ถึงขนาดที่ว่าเซ้นส์สัตว์อสูรที่เคยเจอมากลายเป็นลูกหมาน่ารักไปเลยทีเดียว
“ บังอาจมาก คิดว่าชั้นคนนี้เป็นเพื่อนเล่นของแกเรอะไง ?! ”
‘ ตึง ! ’
กางเขนยักษ์กระแทกพื้นอย่างรุนแรง ทำเอาวาสั่นไปทั้งตัวเพราะแรงสะเทือน
สายฟ้าบ้าคลั่งพลั่งพรูไปทั่วกางเขน ส่งเสียงคุกคามอย่างน่าขนหัวลุก แต่เด็กชายนักประกาศกลับไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย ก็ใช่สิตัวเองไม่ใช่คนที่เกก้าดีนกำลังจ้องอยู่นี่
เสียงปรบมือที่ดังไปทั่วไม่ได้ช่วยให้วารู้สึกดีได้เลยสักนิด
“ โอ้ ! ท่าทางจะสนุกกันแล้วละครับท่านผู้ชม ศึกระหว่างนักมายากลกับครูเซเดอร์จะเป็นยังไง ติดตามกันให้ดีๆนะครับ ”
คำกล่าวนี้ยิ่งสร้างความขุ่นเคืองให้แก่เกก้าดีนเข้าไปอีก
“ และเมื่อผู้เข้าแข่งขันพร้อมแล้ว ขอเริ่มการแข่งคู่แรกระหว่างทีมมิราเคิล โรงเรียนอับดุลอินเตอร์ และทีมก็อดออเดอร์ (GOD ORDER)โรงเรียนเกเบรียลได้ ณ บัดนี้ ”
“ สู้ๆนะครับ ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้คุณ ” เด็กชายนักประกาศกระซิบกับวาก่อนจะเดินลงจากเวทีไป
วาหันไปทางเกก้าดีนกลืนน้ำลายเอือกหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะทำให้พระผู้เป็นเจ้าทรงพิโรธเข้าเสียแล้ว
_______________________________________________
ความคิดเห็น