ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #40 : บทเรียนที่ 35 Let the music take control

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      48
      29 ธ.ค. 50

                                             

                                                              

                                      บทเรียนที่ 35  Let the music take control

     

     

     

     

     

    " เฮ้ๆ ดูท่าบนนั้นเค้าจะมีปัญหากันนะนาย " ซักก้าสะกิดพิชากิที่ยืนอยู่ข้างๆ

    พิชากิพยักหน้า จากนั้นจ้องเขม็งไปยังบนเวทีเพื่อดูว่า ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ขณะที่พิชากิกำลังพยายามดูเหตุการณ์อยู่นั้นเสียงหัวเราะคุ้นหูกับเสียงต่อล้อต่อเถียงก็ดังขึ้นข้างๆเขา

    " ฮ่าๆ สมน้ำหน้าพวกมัน คงจะล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่มแน่ๆ " เสียงของหนึ่งในผู้คุ้มกันเซตกล่าวอย่างสะใจ

    " จริงด้วยครับ คุณเซตนี่สุดยอดจริงๆ " ผู้คุ้มกันร่างยักษ์อีกคนรีบกล่าวประจบด้วยกลัวจะน้อยหน้า ไม่ทราบว่าเจ้าพวกนี้ได้อะไรเป็นค่าตอบแทนจริงๆ

    เซตที่ได้ยินคำชม กำลังยืนมองเหตุการณ์โกลาหลบนเวทีพร้อมยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนที่จะได้ยินเอมี่ถามขึ้น

    " จริงหรือเปล่าค่ะที่เซตเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนั่น  " เอมี่จ้องเขม็ง เซตที่ไม่ทราบความหมายของคำถามได้แต่ยิ้มพร้อมตอบออกไปอย่างภูมิใจ

    " หึหึ ก็นิดหน่อยนะ " เอมี่สีหน้าเปลี่ยนเป็นผิดหวังในทันที " ว่าแต่เธอก็เก่งนะที่รู้เนี่ย สมแล้วที่เป็น ผู้ติดตาม เรามานาน "

    ไม่ทราบในใจเอมี่ตอนนี้คิดอะไรอยู่ ได้แต่ยืนนิ่งเงียบราวกับถูกสาป

    " เป็นยังไงบ้างละเข้าท่าไหม ดูสิเจ้าพวกนั้นหัวหมุนกันเป็นแถวเลย ฮ่าๆ " เซตที่ยังไม่ได้สังเกตสีหน้าของเอมี่กล่าวต่อ " แต่ก็น่าสงสารคุณโซเฟียนะเนี่ย เฮ้อ เราทำเกินไปหรือเปล่านะ แต่ก็ช่างมันเถอะแค่ให้ไอ้บ้านั่นเสียหน้าก็ซะใจแล้ว ว่าไหม  "

    เมื่อเซตหันไปมองหน้าเอมี่อีกครั้งรอยยิ้มที่มีบนใบหน้าก็หายไปในทันที

    " นี่น่ะหรอ........ " เอมี่ตาแดงก่ำ น้ำตาหยดเล็กๆค่อยๆไหลลงช้าๆ 

    " เฮ้ เธอเป็นอะไรน่ะ "

    " ไม่อยากจะคิดเลยว่าเซตจะเป็นคนแบบนี้ "

    เซตเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ

    " แล้วมันแปลกตรงไหนงั้นเรอะ ครั้งก่อนที่เราแกล้งมันไปทีตอนประลองอาวุธเธอก็เป็นคนช่วยเราเองด้วยซ้ำ แล้ว - แล้วนี่เธอร้องไห้ทำไมกัน "

    " ใช่ค่ะครั้งก่อนเพราะเซตขอร้อง แต่ความจริงเอมี่ก็ไม่อยากจะทำเท่าไหร่ " เอมี่ก้มหน้า น้ำตาเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ

    " ไม่อยากทำก็ไม่บอก เราให้คนอื่นทำแทนได้ตั้งเยอะตั้งแย่ะ " เซตเริ่มทำตัวไม่ถูก เขาไม่เคยเห็นเอมี่เป็นแบบนี้มาก่อน " ครั้งนี้เราก็ไม่ได้ขอให้เธอช่วยแล้วนิ แล้วก็หยุดร้องได้แล้ว เป็นอะไรของเธอกันแน่น่ะ "

    ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เอมี่ยิ่งร้องไห้มากขึ้น จนเจ้าผู้คุ้มร่างยักษ์ทั้งสองทำตัวไม่ถูกยืนนิ่งคล้ายเป็นหุ่นขี้ผึ้งไปแล้ว

    " เอมี่คิดผิดมาตลอด เอมี่ผิดที่ทำให้เซตต้องกลายมาเป็นคนแบบนี้ "

    " หมายความว่ายังไง " เซตขมวดคิ้ว

    " เอมี่คิดว่าการประกวดวงเป็นสิ่งที่เซตมั่นใจมากที่สุด เวลาที่เซตยืนอยู่บนเวที เวลาที่เซตขึ้นไปร้องเพลงรู้ไหมว่าเซตเท่มาก " เอมี่เช็ดน้ำตาก่อนที่จะจ้องไปยังเซต ซึ่งนั่นทำให้เซตตกใจมากที่สุดเท่าที่เขาเคยตกใจมาก่อนในชีวิตเลยทีเดียว แววตาแห่งความผิดหวังอย่างถึงที่สุดกำลังจ้องใส่เขา " แต่เอมี่ไม่คิดเลยว่าคนที่เอมี่ คนที่เอมี่.........  " คำว่า ' หลงรัก ' หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งไม่สามารถบรรยายได้เกือบจะหลุดออกจากปากของเอมี่แล้ว ถ้าเธอไม่คิดได้เสียก่อนว่าจะต้องเก็บคำนั้นไว้ ต้องเก็บเอาไว้ เพราะคนที่เซตชอบนั้นไม่ใช่เธอ แต่เป็นโซเฟีย............

    เอมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาเธอไม่เคยว่าเซตแรงๆเลยสักครั้ง ไม่ว่าเซตจะทำอะไรเธอก็เห็นเป็นดีด้วยหมด แต่ครั้งนี้.........

    " เอมี่.......ไม่เคยคิดเลยว่า นักร้องนำวงกรูมี่ ซันเดย์ จะตกต่ำถึงขนาดกับต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อกำจัดคู่ต่อสู้แบบนี้ ทั้งๆที่เขาสามารถชนะได้เห็นๆด้วยวิธีที่ใสสะอาด "

    เซต ซึ่งไม่เคยโดนใครว่ามาก่อน เมื่อได้ยินเอมี่ซึ่งตามใจตนเองมาตลอดกล่าวเช่นนี้ก็หัวเสีย ตวาดกลับในทันที

    " เธอ !!! เธอว่าอะไรนะ นี่เธอกล้าว่าเราหรอ !!! "

    เอมี่สบตาเซต สายตาของเซตในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ ส่วนเอมี่ในใจไม่ทราบรู้สึกผิดหวัง และเสียใจขนาดไหนที่ตนเองต้องพูดอะไรแบบนี้ออกไป ไม่แน่ว่าเซตอาจจะโกรธเธอจนไม่อาจคุยกันได้อีก แต่ว่า......เธอจะไม่ยอมให้เซตต้องเสียคนอีก จะไม่ยอมให้เซตเป็นคนไม่ดีที่ต้องใช้วิธีแบบนี้กับใครอีกแล้ว

    " ใช่แล้ว เอมี่กำลังว่าผู้ชายขี้ขลาดที่ชอบใช้แต่วิธีสกปรกอยู่  ผู้ชายแบบนี้อย่าว่าแต่ชนะใจโซเฟียเลย แม้แต่เอมี่ก็อย่าหวัง !!! "

    เซตถึงกับระเบิดทันที

    " มันจะมากไปแล้วนะ !!!" เซตเลือดขึ้นหน้าชี้หน้าเอมี่ด้วยความโมโห " เธออย่าสำคัญตัวผิดจะได้ไหม คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาสั่งสอนเรากันหา !!!  " จากนั้นก็เค้นหัวเราะพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่จะทำให้ตนเองเสียใจไปตลอดชีวิต " แล้วก็อย่าเอาตัวเองมาเทียบกับคุณโซเฟีย เพราะเธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเราเลย !!! สำหรับเราเธอมันก็แค่คนติดตามน่ารำคาญเท่านั้น และตอนนี้เธอกำลังทำให้เราโมโหแบบสุดๆแล้วด้วย รีบไสหัวไปก่อนที่เราจะทนไม่ไหว !!! "

    เอมี่สูดหายใจฟุดฟิดก่อนที่จะหลับตาลงเพื่อให้น้ำตามันไหลออกมาอย่างช้าๆ และช้าๆ คล้ายจะเป็นการเสียน้ำตาครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายแล้วสำหรับผู้ชายคนนี้

    " ยังไม่รีบไปอีก !!! " เซตตวาด

    เจ้าผู้คุ้มกันเห็นท่าจะไม่ดี รีบวิ่งมาจับเซตไว้

    " ใจเย็นๆก่อนครับคุณเซต มีอะไรก็ค่อยๆพูดกันก็ได้ครับ "

    " ไม่เป็นไร " เอมี่กล่าวกับเจ้าผู้คุ้มกัน จากนั้นสบตานิ่งกับเซต แววของเธอช่างสงบเสียนี่กระไร สงบจนน่ากลัว สงบจนเรียกว่า ไร้ซึ่งความรู้สึก  " ถ้าอย่างนั้นเอมี่ก็ขอให้เซตมีความสุข แล้วก็ขอให้เซตเอาชนะให้ได้ทุกอย่างตามที่เซตต้องการนะค่ะ รวมทั้งชนะใจคุณโซเฟียด้วย "

    เซตสงบลงเล็กน้อย แต่ก็ยังโมโหอยู่

    " เซตมีอะไรจะพูดกับเอมี่ไหมค่ะ "

    " หึ มี " เซตเค้นหัวเราะ ก่อนที่จะกล่าวคำพูดที่ไม่ควรกล่าวเลยจริงๆ " ลาก่อน ตัวน่ารำคาญ !!! "

    ไม่มีการโวยวาย ไม่มีการโมโห ไม่มีการตบหน้า ไม่มีแม้คำว่ากล่าวสักคำจากเอมี่

    มีเพียงรอยยิ้ม

    เพียงยิ้มเดียวจริงๆจากเอมี่ ก่อนจะหลับตาก้มหัวให้กับเซตเป็นครั้งสุดท้าย

    " ค่ะ ลาก่อนนะค่ะ............. "

    เมื่อหันหลังแล้วเอมี่ก็รีบวิ่งจากไปในทันที 

    ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรในใจเซตเพียงแค่เอมี่เดินจากไป กลับรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้สูญเสียอะไที่รสำคัญมากไปบางอย่าง บางสิ่งที่ตนเองไม่มีทางประเมินค่าได้ บางสิ่งที่มีค่าที่เขาไม่เคยสูญเสียมาก่อน และไม่มีวันที่จะได้มันคืนขึ้นมา

    แต่ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีเซตก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับหัวเราะ

    " ฮ่า ไปได้เสียก็ดี ต่อไปจะได้ไม่ต้องรำคาญ ว่าไหม "

    แต่คราวนี้เจ้าสองผู้คุ้มกันไม่มีคำตอบ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เซตหัวเสียมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะสัมผัสได้ว่ามีมือใหญ่ๆมาวางบนบ่าของตน และเมื่อหันไป

    ' ปัก !!! '

    เซตกระเด็นลงไปนอนกับพื้น นักเรียนที่อยู่รอบข้างพากันตกใจยกใหญ่

    เซตลูบแก้มตัวเองด้วยความเจ็บ ก่อนที่เงยหน้าขึ้นไปพบกับเพื่อนร่วมวงคนเก่าของเขา

    พิชากิ !!!

    " แกเป็นบ้าอะไรของแกน่ะ !!!" เซตที่ลุกขึ้นได้กำหมัดจะสวนกลับใส่พิชากิ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพิชากิก็ต้องหยุดลงในทันที

    " แกนี่มันโง่ที่สุด " พิชากิคำรามพร้อมกำหมัดราวกับจะเตือนว่า เขาพร้อมที่จะตันหน้าเซตอีกครั้งทุกเมื่อ เจ้าสองผู้คุ้มกันก็ไม่ว่าเฉยตั้งท่าพร้อมลุยกับพิชากิในทันที แต่เมื่อเจอพิชากิจ้องกลับก็ต้องได้แต่ตั้งท่าอยู่อย่างนั้น

    " ไม่คิดเลยว่าแกจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ !!! "

    เซตโกรธมาก เขาไม่คิดว่าจะต้องเจอเรื่องน่ารำคาญถึงสองครั้งติดกันในเวลากระชั้นชิดแบบนี้ ทั้งยังอารมณ์ของเซตที่ยังไม่สามารถสงบลงได้ และไม่ทราบว่าสับสนวุ่นวายขนาดไหนแล้ว

    " แกไม่มีหลักฐาน แล้วก็อย่ามาสะเออะยุ่งเรื่องของชั้น ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่ ! "

    พิชากิแทนที่จะโกรธกลับกัน กลับเค้นหัวเราะ จ้องเซตอย่างน่าสมเพช

    " เฮอะ ! ไอ้เรื่องจะมีเรื่องเราไม่กลัวหรอกนะ แค่อยากจะเตือนแกไว้หน่อย ถ้าขืนแกยังทำตัวแบบนี้อีกอย่าหาว่าเราไม่เตือนก็แล้วกัน "

    ตาจ้องตาไม่กระพริบ

    " เราขอแน่ะนำให้แกรีบไปขอโทษเจ้าหล่อนซะ แกคงไม่รู้ตัวสินะ ว่าแกได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์ไปเสียแล้ว "

    " ที่แกอยากจะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม บอกไว้ก่อนนะวันนี้ชั้นยังไม่มีอารมณ์จะมีเรื่องกับใคร แล้วก็เก็บคำแน่ะนำงี่เง่าของแกไว้ซะ คนอย่างชั้นไม่มีวันไปขอโทษยัยนั่นเด็ดขาด ใครก็ตามที่บังอาจสั่งสอนชั้นมันจะต้องโดนสั่งสอนเอง....... " เซตชี้หน้าพิชากิ " แล้วก็รีบไสหัวไปซะอีกคน ก่อนที่ชั้นจะฟ้องอาจารย์ว่าแกต่อยหน้าชั้น ฮ่าๆๆ "

    " ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้แกโชตดีก็แล้วกัน เราคงไม่มีอะไรจะช่วยแกได้แล้วละ บายๆ ไอ้เพื่อนยาก "

    พิชากิส่ายหน้ากวาดตามองยังสองผู้คุ้มกันก่อนจะเดินจากไป

    " อ่อ แล้วก็ขอโทษที่เราต่อยหน้าแกไป เผชิญมันอดไม่ได้จริงๆ "

    จากนันพิชากิก็รีบวิ่งไปยังเวที เผื่อจะช่วยอะไรพวกวาได้บ้าง ทิ้งเซตให้ยืนนิ่งอยู่กับคำว่า ศักดิ์ศรี และการไม่ยอมแพ้ ไว้ตรงนั้น

    ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใดจริงๆ ภาพๆหนึ่งฉายวับขึ่นมาในหัวของเซตในทันที

    ' ภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งนำดอกไม้มาให้เซต ก่อนที่เขาจะขึ้นเวที ในวันประกวดวงรอบสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว

    แม้จะเป็นเพียงดอกไม้ดอกเล็กๆแต่ก็ทำให้เซตรู้สึกชื่นหัวใจได้อย่างประหลาด พร้อมกับคำกล่าวที่เป็นแรงให้เซตสามารถคว้าชัยในการประกวดวงในครั้งนั้นได้

    " พยายามเข้านะค่ะ เราติดตามดูเธอมาตลอดเลย ตั้งแต่ประกวดวงรอบแรกแล้ว เธอเท่มากเลยรู้ไหม อ่า แล้วก็เสียงดีมากด้วย อืม ถ้า........ "  ผู้กล่าวเขินอายเล็กน้อยพยายามรวบรวมความกล้ากล่าวให้จบประโยคที่ตนเองคิดไว้  " ถ้ายังไงขอให้ร้องให้เต็มที่เลยนะค่ะ เราจะเป็นกำลังใจให้จากด้านล่างนะ แล้วก็.......จะขอติดตามผลงานของเธอตลอดไปจะได้ไหม.........  "

    เซตพยักหน้า

    " ได้สิ ขอบคุณมากนะครับ เออ แบบว่าพูดไม่ออกเลย..........มันอายๆนะครับ ไม่เคยมีใครมาให้ดอกไม้แบบนี้ "

    " โอ๊ยๆ นายนักร้องนำมเตรียมตัวได้แล้ว " มิวตะโกนเร่ง " มั่วแต่คุยกับแฟนๆอยู่นั่นละ วู้ๆ "

    ทั้งสองหน้าแดงในทันที

    " บ้าน่า !!! เดี๋ยวไปแล้วๆ " เซตเกาหัว หันมากล่าวตะกุกตะกักกับแฟนคลับคนแรกของเขา " ถ้ายังไงอย่าลืมนะครับ ที่ว่าจะติดตามผมตลอดไป เอ๊ย !!! ไม่ใช่ๆ ผลงานของผมตลอดไปน่ะ "

    หญิงสาวก้มหน้าก่อนที่จะพยักหน้ายิ้มให้กับเซต แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ช่างเป็นภาพแห่งความสุขเสียจริงๆ  '

     

     

     

     

    " โธ่เว้ย ! ทำไมต้องมาเป็นกับวงเราด้วยน้า " มิวบ่นอย่างหัวเสีย

    " เอาน่าใจเย็นๆค่อยตั้งไป "

    มิวเงยหน้าหันขวับไปทางต้นเสียงทันที เพราะนั่นเป็นเสียงของพิชากิที่ยืนอยู่ข้างเวที

    " อ้าว พิชากิ เออ นาย...... " มิวสับสน ไม่ทราบจะกล่าวอะไรดี จะขอความช่วยเหลือ หรือจะทักทายยังไงดี สถาการณ์ในตอนนี้มันช่างวุ่นวายเสียนี่กระไร

    " ใจเย็นๆนายตั้งสายไป เดี๋ยวเราจะไปช่วยดูทางเบต้าให้ "

    " เฮ้ยๆ ไม่ได้ๆ เดี๋ยวก็โดนปรับแพ้กันพอดี นายป็นคนวงอื่นนะ เดี๋ยววงนายจะพลอยเสียไปด้วยนา "

    พิชากิหัวเราะ

    " ไม่เป็นไร เดี๋ยวแอบๆอ้อมไปดูให้ บอกว่าลืมของไว้ก็ได้ "

    ทันทีที่พิชากิจะวิ่งขึ้นไปดูนั้นก็ถูกมิวห้ามเสียงแข็งทันที

    " ไม่ได้ๆ !!! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่เป็นปัญหาของวงเรา เออ ไม่ใช่สิ คือแบบว่า ยังไงดีละ โอ๊ย "

    พิชากิหัวเราะอีกครั้ง เขาเข้าใจดีว่ามิวจะสื่อว่าอะไร

    " โอเคๆ เราเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นจะขอเป็นกำลังใจให้ละกัน เล่นให้มันส์แทนละกันนะพวก "

    " อืม ขอบใจนะ "

    พิชากิกระพริบตาให้กับมิว ก่อนที่จะพบว่าวากำลังจับไมค์พูดอะไรบางอย่างอยู่

    " ดูท่านักร้องนำของนายกำลังจะช่วยถ่วงเวลาให้อยู่นะ "

    และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆวากำลังพยายามช่วยถ่วงเวลาหนึ่งนาทีครึ่งที่มิวได้ขอไว้ให้อย่างสุดความสามารถ

    " อ่า " วากล่าวออกไมค์ เขาไม่ตบไมค์เหมือนนักร้องนำบางวงที่ผ่านมา เพราะมันเป็นการแสดงว่า เขาไม่ใช่นักร้องที่ดี เพราะนักร้องที่ดีจะต้องไม่เคาะไมค์เพื่อทดสอบว่าไมค์ดังอยู่หรือไม่ เนื่องจากการเคาะไมค์นั้นอาจทำให้ไมค์เสียได้

    " สวัสดีครับ "

    เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น

    แม้วันนี้วาจะแต่งตัวเท่ไม่แพ้เซตแล้วก็ตาม โดยใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน บนอกข้างขวายังไม่ลืมติดไว้ด้วยเข็มประจำโรงเรียน กับกางเกงยีนส์สีฟ้าซีดดูเข้ากันได้อย่างดี แต่นั่นไม่ได้ช่วยทำให้ความมั่นใจของวาในตอนนี้มีมากขึ้นแต่อย่างใดเลย

    ' ทำอะไรดีน้า คิดสิๆ ' วาอยากหายไปจากเวทีจริงๆ ถึงกับอยากจะคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ฝันไป เวลาทำไมมันช่างโหดร้ายอย่างนี้ ทั้งๆที่ทุกคนมีเวลาเท่ากันแท้ๆ แต่ความรู้สึกกลับแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานการณ์จริงๆ

    ยิ่งคิดยิ่งทำอะไรไม่ถูก อารมณ์คึกก่อนขึ้นเวทีในตอนแรกเริ่มหายไป เปลี่ยนมาเป็นไม่มั่นใจ และสับสนอย่างบอกไม่ถูกแทน

    แต่ว่าก็พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อดึงสมาธิ เขาต้องคิดให้ได้สิ หนึ่งนาทีครึ่งจะต้องทำอะไรสักอย่าง

    ขณะที่วากำลังคิดอยู่นั้นเสียงๆหนึ่งก็ดังก้องขึ้นมาทำลายความเงียบให้หายไปในทันที

    " ฮะ แฮ่ม ขอโทษนะครับ คือ ว่าอยากจะถามอะไรนิดนึงจะได้ไหม " เสียงของเงาจันทร์นั่นเอง !!!

    เงาจันทร์ตอนแรกที่ได้เห็นโซเฟียก็จำได้ในทันทีว่า เคยเจอกันมาก่อน แม้จะเป็นการมองจากระยะไกลก็ตาม

    แหม ก็ใครละจะลืมตัวละครที่ตนเองจะจับมาแสดงหนังเองได้ลงคอ ยิ่งนักเขียนอย่างเงาจันทร์แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง

    และเมื่อเห็นวา ซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นนักร้องนำก้าวขึ้นมาบนเวทีก็ยิ่งรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับมีเพื่อนที่รู้จักมาพูดคุยด้วย เพราะวันนี้เขาต้องมาคนเดียว แม้จะได้คุยกับพี่ป๊อป บุษบาบ้างแต่ก็ไม่ใช่รุ่นราวคราวเดียวกัน  ดังนั้นเมื่อเห็นวาจึงรีบกล่าวทักทายในทันที  ยิ่งเงาจันทร์เห็นสิ่งผิดปกติบนเวทีแล้วด้วย จึงรีบกล่าวช่วยอย่างไม่รีรอ

    " ได้ครับผม " วารู้สึกราวกับพระเจ้ามาโปรด เงาจันทร์นี่ช่างรู้ใจจริงๆ ความจริงวากะว่า เมื่อขึ้นมาบนเวทีจะต้องกล่าวทักทายเสียหน่อยแต่ก็กลับลืมไปเสียสนิท

    " คงจะไม่เป็นการรบกวนเวลาของวงคุณนะครับ " เงาจันทร์หยอดมุขเด็ดให้แก่วาแล้ว ซึ่งวาก็รีบรับในทันที

    " แน่นอนครับ "

    " ชื่อวงคุณน่ะครับ " เงาจันทร์เว้นวรรคเพื่อดึงความสนใจของผู้ชม " มันมีความหมายว่าอะไรหรือเปล่าครับ ไอ้คำว่า GENSO เนี่ย "

    วายิ้มรับ

    " อ่อ มีครับ ลืมบอกไปเสียสนิทเลยครับ คำว่า GENSO นั้นมีความหมายว่า ตำนาน ครับ "

    " โอ้ ! จริงหรือครับเนี่ย ความหมายดีแถมยังเสียงเพราะอีกนะครับ ฟังดูหนักแน่นดี  สงสัยผมคงต้องยืมเอาไปใช้ในนิยายของผมบ้างแล้วนะครับเนี่ย "

    " ตามสบายเลยครับ " วาใช้หางตาเหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือของตน นี่เพิ่งผ่านไปสามสิบวินาทีเอง ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งนาทีแน่ะ

    หนึ่งนาทีจะทำอะไรดีน้า จะหวังพึ่งเงาจันทร์ก็คงไม่ได้ด้วยสิ ถึงแม้จะรู้ว่า เงาจันทร์สามารถชวนคุยได้เรื่อยๆก็ตาม แต่นั่นอาจจะทำให้เงาจันทร์ดูไม่ดี ในขั้นเลวร้ายอาจจะทำให้เรตติ้งเงาจันทร์ตกไปเลยก็ได้ 

    วาก็คิดไปซะนั่น..............

    ความจริงเรตติ้งก็เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักเขียนจริงๆ เพียงแต่เงาจันทร์ไม่เคยจะสนเรื่องนี้เลย เพราะเงาจันทร์มีสิ่งที่นักเขียนหลายคนอาจจะไม่มีนั่นก็คือ หัวใจของนักเขียน หัวใจที่อยากจะเขียนไม่ว่าจะมีคนอ่าน หรือไม่ก็ตาม เพียงแค่อยากจะเขียนก็เขียนเท่านั้น นี่ต่างหากที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเขียน เพียงแต่เรื่องเทคนิคในการเขียนนั้นเป็นสิ่งที่ตามมาที่หลัง เฉกเช่นกับการร้องเพลง หรือการทำการใดก็ตาม เพียงท่านมีหัวใจของสิ่งนั้นอยู่ เพียงแค่อยากรู้สึกที่อยากจะลงมือทำก็พอ หากรู้สึกได้เช่นนั้น และได้ลงมือทำแล้ว อะไรก็ตามก็คงจะไม่ยากเกินกำลังทั้งนั้น

    และหากเสียงของเงาจันทร์เป็นดั่งพระเจ้าที่มาช่วยเขาแล้ว เสียงที่ดังขึ้นต่อจากนี้ก็คงคล้ายกับ.................

    ซาตานกระมัง ?!

    " เฮ้ ! คุณเด๋อ ลองถามเงาจันทร์ดูสิว่าสนใจจะดูมายากลไหม แล้วนายก็เล่นกลถ่วงเวลาไปสักพักสิ  " โซเฟียยื่นหน้าออกจากกลองมาตะโกนบอกวา

    ความคิดไม่เลว แต่จะให้เล่นกลตอนนี้เนี่ยนะ

    แต่ด้วยความที่สถานการณ์บีบคั้น ทำให้เกิดอารมณ์ปากไว ใจเร็ว สมองสั่งการไม่ทัน วาก็กล่าวออกไปเสียแล้ว

    " อยากดูมายากลไหมครับ ! " วาแทบอยากจะตบหัวตัวเอง ไม่ทราบว่ากล่าวไปได้อย่างไร ช่างเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับอะไรทั้งสิ้นจริงๆ นี่ถ้าเขากำลังจะแสดงมายากลอยู่ก็คงไม่แปลก นี่กำลังจะเล่นวงกลับถามออกไปว่า ' อยากดูมายากลไหมครับ '

    นี่เราบ้าไปแล้วหรอเนี่ย !!!

    เงาจันทร์ถึงกับต้องชะงัก เขาเองก็งงพอๆกับที่วางง แต่ด้วยความเป็นคนที่นั่งอยู่ ทำให้มีสติมากกว่าวาจึงรีบกล่าวขึ้น

    " โอ้ ! วงคุณนี่มาแปลกจริงๆนะครับ วงอื่นเขาโชว์เซตเสียงก่อนที่จะเล่น แต่นี่วงคุณจะเล่นมายากลให้ดูก่อนเล่นวงงั้นหรือครับ "

    " อ่า คะ - ครับ " วงพยักหน้า

    แย่แล้วสิเรา

    แล้ววาก็ได้จดจำไปจนวันตายว่า ความรู้สึกแบบวิญญาณออกจากร่างมันเป็นยังไง เขาล้วงกระเป๋ากางเกงของตนเองโดยที่สมองไม่ทันจะสั่งการ

    ในมือของวาก็ปรากฎไพ่หนึ่งสำรับขึ้น และมันก็ถูกชูขึ้นให้ผู้ชมทุกคนดูในทันที

    " อ่า " วาวางไมค์ใส่ขาไมค์ แล้วชูไพ่ในสำรับของเขาไปมาเหมือนนักมายากลทั่วไป " ที่ท่านเห็นนี่คือไพ่หนึ่งสำรับนะครับ........."

    นี่เราพูดอะไรไปเนี่ย ก็ไพ่หนึ่งสำรับไง แล้วจะพูดทำไมเนี่ยยยยย ?!

    แต่กลับปรากฎว่ามีนักเรียนหลายคนหัวเราะชอบใจ ด้วยความคิดที่ว่านั่นคงเป็นมุขของวา

    โซเฟียถึงกับส่ายหน้าหัวเราะไปด้วยขณะกำลังช่วยเบต้าเซตกลอง

    กลอะไรดีน้า กลอะไรดีๆ

    ขณะที่วากำลังเหงื่อซึมนั้นก็ได้ยินโซเฟียตะโกนบอกอีกครั้ง

    " เล่นกลเหมือนตอนที่เล่นหน้าห้องสิ "

    วาพยักหน้ารับโดยไม่ได้หันไปมอง

    " เอาละครับ กลที่ผมจะเล่นต่อไปนี้เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี สตรีมีคันก็รีบเกา......... "

    เงียบกริบ...............

    แต่สักพักเสียงปรบมือก็ดังขึ้นในทันที ด้วยความไม่ตลกของวาทำให้ผู้ชมถึงกับต้องปรบมือยอมรับที่กล้าเล่นมุขแบบนี้ออกมาได้

    " ขอบคุณครับ " วากล่าวเสียงนุ่ม จากนั้นแบมือซ้ายที่มีสำรับไพ่อยู่ให้ผู้ชมดู  " เอาละครับจะเริ่มกันแล้วนะครับ จับตาดูให้ดีนะครับ กลนี้มีชื่อว่า กลปักษาคุ้มกาย !!! "

    แล้ววาก็ซัดไพ่บนสำรับด้วยมือขวาออกไป ไพ่ใบแรกหมุนคว้างออกไปไกลจากตัววาพอสมควร

    ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีเสียงคล้ายๆเสียงแซคโซโฟนดังขึ้น แต่วาไม่มีเวลาสงสัยแล้ว เขาต้องควบคุมสมาธิไปกับกลไพ่ให้ได้

    เสียงคีย์บอร์ดของนีโอนั่นเอง ที่แท้นีโอที่วางอยู่ค่อยช่วยเล่นเพลงสร้างสีสันให้กับกลของวาด้วยเพลงฮิตประจำตัวของนักมายากลทั่วๆไป

    ไพ่ใบแล้วใบเล่าถูกร่อนออกหมุนล้อมรอบตัววาอย่าน่าอัศจรยย์ประกอบกับเสียงคีย์บอร์ดที่ควบคู่ไปด้วยนั้น เรียกเสียงปรบมือของผู้ชมได้อย่างน่าทึ่งดีเทียว

    ในตอนนี้วาร่อนไพ่ออกไปจนเกือบหมดสำรับแล้ว แต่ไพ่ใบแรกที่ถูกร่อนออกยังคงหมุนรอบตัววาอยู่โดยไม่มีท่าทีว่าจะตกลงพื้นเลยแม้แต่น้อย

    และทันใดนั้นเองเสียงกลองก็ดังขึ้น !!!

    ' ทิ ทิ ทิ ' เบต้ารั่วกลองให้กับจังหวะของคีย์บอร์ดสร้างความคึกคักให้เพิ่มขึ้นมาอีก วาเมื่อได้ยินเสียงกลองก็เริ่มโยกไปตามจังหวะกลองด้วยขณะร่อนไพ่ออกทีละใบๆ

    จากนั้นตามมาด้วยเสียงกีต้าร์ของโซเฟียที่เล่นคอร์ดคลอไปทำให้ดนตรีฟังดูแน่นขึ้นอีกเยอะ โดยทั้งนีโอ โซเฟีย และเบต้าในตอนนี้ก็เลยได้ถือโอกาสเซาว์เซ็คไปในตัวด้วย

    นั่นเป็นการบอกใบ้แอก่วาว่า ทุกอย่างเริ่มเข้าที่บ้างแล้ว

    วาขณะร่อนไพ่อยู่นั้นแอบชายตาไปมองยังด้านของมิวนั้นก็พบว่า มิวกำลังบาดเหงื่ออยู่แต่สีหน้านั้นปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาแล้ว

    ในตอนนี้ไพ่ทั้งสำรับหมุนเวียนอยู่รอบตัววาอย่างน่าอัศจรรย์ถึงกับแทบจะมองไม่ค่อยเห็นวาเลยทีเดียว

    วาโค้งคำนับผู้ชมตามพิธี เรียกเสียงเชียร์ และเสียงปรบมือชอบใจจากผู้ชมจำนวนมาก

    " แก้สถานการณ์ได้ไม่เลวนะ " พี่ป๊อป บุษบาที่กำลังยิ้มชอบใจ กล่าวลอยๆ พร้อมปรบมือให้กำลังใจ

    " เป็นนักร้องนำที่แปลกดีนะค่ะเนี่ย " อาจารย์เอวี่หันไปกล่าวชมกับโนโต้ ซึ่งโนโต้ก็ยิ้มรับไปตามมารยาท

    สักพักวาก็แบมือทั้งสองข้างออก และไพ่ที่เริ่มหมุนอยู่ก็สลับกันไปวางอยู่บนมือทั้งสองข้างของวา นับเป็นภาพสวยงามที่น่าจำจดอีกภาพหนึ่ง

    เมื่อไพ่ทั้งหมดกลับมารวมอยู่บนมือของวาอีกครั้ง วาก็โค้งคำนับสวยๆให้แก่คนดู พร้อมเสียงปรบมือที่ตามมาอย่างท้วมท้น

    นับว่าวาสามารถดึงความสนใจจากคนดูได้ไม่มากก็น้อย ทั้งยังช่วยกู้สถานการณ์อันแสนน่าเบื่อในตอนแรกได้ดีกว่าที่คิด

    ผ่านไปแล้วหนึ่งนาทีครึ่งพอดี และดูเหมือนว่าเบสของนิคจะพร้อมเล่นแล้ว เพียงแต่ว่า..........

    " เฮ้ พอจะเล่นอีกกลหนึ่งได้ไหม " มิวที่สะพายกีต้าร์เรียบร้อยแล้วแอบกระซิบกับวา

    " หา " วาเหงื่อตกอีกครั้ง " ให้เล่นกลหรอ !! "

    มิวพยักหน้า

    " คือ จริงๆจะไม่ลองเสียงมันก็ได้อยู่นะ แต่ให้ปรับตอนเล่นจริงเลยมันก็ยังไงอยู่จริงไหม ไอ้เราน่ะก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่นิคน่ะคงจะลำบากหน่อย  "

    " นายจะบอกว่า ระหว่างที่เราเล่นอีกกล นายกับนิคก็จะถือโอกาสเซตเสียงไปด้วยเลยใช่ไหม "

    " แม่นแล้ว " มิวชูนิ้วโป้งให้ " ฝากด้วยนะ ไหนๆกินเวลามาแล้ว ก็ให้มันคุ้มๆหน่อย "

    " อืม พยายามเข้าละ " แล้ววาก็พูดผ่านไมค์กับคนดูอีกครั้งหนึ่ง " เอาละครับ ตอนนี้วง GENSO ของเราพร้อมที่จะลุยกันแล้ว !!!" วาชูนิ้วขึ้น " แต่ก่อนที่จะไปพบกับพวกเรานั้นกระผมขอแสดงกลชุดสุดท้ายสำหรับวันนี้ให้ชมเป็นขวัญตากันก่อน อยากรู้ไหมครับว่าผมจะเล่นกลอะไร ?! "

    ' อยาก ! '

    เสียงตะโกนจากผู้ชมบางคน

    " อยากดูไหมครับ ?!! "

    ' อยาก !! '

    เสียงตอบรับเริ่มเพิ่มมากขึ้น 

    " ถ้าอยากจะละก็ขอเสียงปรบมือเป็นกำลังใจให้ผมสักชุดด้วยครับ !!! "

    ' เย้ๆ ' เสียงปรบมือดังไปทั่ว ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดสถานการณ์อันแสบน่าเบื่อถึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นสนุกสนานถึงเพียงนี้ได้

    หรืออาจเป็นเพราะวาได้เล่นกลสะกดความน่าเบื่อใส่ทุกคนไปเสียแล้ว ?

    เหมือนนัดกันมา เบต้ารั่วกลองเป็นการดึงความสนใจผู้ชมทุกคน แล้ววาก็เริ่มแสดงกลอีกชุดของเขา พร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังขึ้นอย่างลงตัวราวกับนัดกันมา

    วาแยกไพ่เป็นสองสำรับไว้สำรับละหนึ่งมือ จากนั้นก็เริ่มซัดไพ่ทั้งสองสำรับออกโดยใช้มือแต่ละข้าง ยากกว่ากลครั้งแรกมานัก เพราะเป็นการใช้เพียงนิ้วโป้งในการซัดไพ่ออก ทั้งยังซัดออกในเวลาไล่เลี่ยกันอีก นับว่าต้องฝึกฝนมาพอสมควร ประกอบการกับต้องใช้สมาธิอย่างมาก

    ไม่เพียงการแสดงของวาจะดึงดูดใจผู้ชม แต่ดนตรีในตอนนี้ก็ไพเราะจับใจไม่แพ้กัน คงเพราะได้เสียงเบสที่เพิ่มเข้ามา กับการเล่นกีต้าร์อันสุดยอดของมิว ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่การเซาวน์เสียงโดยไม่ได้นัดกันมาก็ตาม

    ไพ่ที่ถูกร่อนออกหมุนเป็นวงกลมไปมาด้านหน้าของวา แต่ที่พิเศษกว่ากลเมื่อสักครู่นั้นก็ตรงที่ว่า วิถีการหมุนของไพ่นั้นไม่ได้หมุนไปในทิศทางเดียวกัน ไพ่จากมือซ้ายก็หมุนไปทางซ้าย ส่วนไพ่จากด้านมือขวาก็หมุนไปทางขวา แต่ทั้งสองด้านกลับหมุนมาพบกันก่อให้เกิดเป็นวงไพ่ที่สวนทางกันดูแล้วตระการตาอย่างยิ่ง

    ฟ้าเริ่มมืดลงบ้างแล้ว ทำให้แสงไฟบนเวทีที่ฉายมายังวานั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ยิ่งทำให้วาสามารถดึงความสนใจจากผู้ชมได้มากขึ้นด้วย

    หลังจากไพ่ถูกร่อนออกไปหมดแล้ววาก็รีบล้วงกระเป๋านำบางสิ่งบางอย่างออกมา โดยผู้ชมไม่ทันสังเกตเห็น เพราะกำลังมุ่งความสนใจไปกับระบำไพ่ที่อยู่เบื้องหน้าเสียมากกว่า

    " เอาละครับ กลสุดท้ายของผมในวันนี้เรียกว่า ระบำไพ่ นั่นเองครับ !!! "

    วากล่าวเมื่อไพ่ทั้งสำรับกำลังหมุนไปมาราวกับกำลังเล่นระบำ

    เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อวาโค้งคำนับ

    " แต่ยัง ยังไม่พอ !!! " วายิ้มจากนั้นกางมือทั้งสองพร้อมกับโบกมือขึ้นฟ้า ดูไปเหมือนกำลังร่ายเวทมนต์โดยทุกครั้งที่วาโบกมือไปด้านหน้าระบำไพ่เบื้องหน้าก็จะลอยสูงขึ้นๆ

    วาโบกมือไปเป็นจังหวะช้าๆตามเสียงเพลง จนในที่สุดระบำไพ่ก็ขึ้นไปสูงเหนือหัววาไปพอสมควรเรียกความตื่นเต้น และประหลาดใจจากผู้ชมได้อย่างเหลือล้น ทั้งนี้เพราะทึ่งในกลวิเศษที่มีแสงสีเป็นใจ ประกอบกับทึ่งในความสามารถของวา

    จากนั้นวาก็หยุดโบกมือ เบต้าส่งกลองและเปลี่ยนจังหวะเป็นรั่วกลองราวรู้ทัน และวาก็กล่าวเสียงดังกับทุกคนว่า

    " เอาละครับ จับตาดูให้ดีนะครับ แหละนี่ก็คือ สุดยอดกลระบำไพ่ที่ผมจะนำเสนอในวันนี้ !!! "

    กล่าวจบไพ่ทั้งสำรับที่หมุนอยู่ก็ระเบิดออกทันที พร้อมเสียงกลองของเบต้า และการเล่นของทุกคนที่ส่งลงอย่างได้จังหวะ

    ' ฟูม !!! '

    กระดาษสะท้อนแสงหลากสีร่วงหล่นจากท้องฟ้า ทอประกายระยิบระยับเต็มไปหมด

    เหมือนฟ้าเป็นใจ ลมอ่อนๆพัดโชยพากระดาษสะท้อนแสงปลิวตามลม ชวนให้เกิดภาพที่สวยงามอย่างไม่สามารถบรรยายได้  

    ' วู้ๆๆ '

    ' เอาอีกๆๆๆๆ '

    เสียงปรบมือชอบใจดังมาอย่างไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงเชียร์จากเหล่าผู้ชื่นชอบ  ดูท่าเวทีแห่งนี้กำลังจะกลับมาลุกโชนขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว

    และเหมือนเสียงสวรรค์  " เอาละ เรียบร้อยแล้วพวก " มิวชูนิ้วโป้งให้แก่วา ซึ่งวาก็กระพริบตาให้เป็นเชิงว่าพร้อมแล้ว

    โดยไม่ทันได้หยุดพักหายใจเสียงกีต้าร์โซโล่ก็ดังขึ้น ดึงความสนใจของผู้ชมได้ในทันที เสียงกีต้าร์ที่แทรกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ

    เงียบลงในทันที เสียงเฮเมื่อสักครู่ ผู้ชมต่างพากันโดนมนต์สะกดของมิวเข้าเสียงแล้ว และเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ความเงียบเกิดขึ้นก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงโฮ่ร้องแสดงความชอบใจในความสุดยอดของการเล่นกีต้าร์ที่เพิ่งดังขึ้น เพราะนั่นเป็นการบอกว่า การเล่นวงของพวกวากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

    วาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวเสียงก้องอย่างมั่นใจ ปลุกไฟผู้ชมให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

    " ถ้าพร้อมกันแล้วละก็.............. "  พร้อมชูนิ้วขึ้นฟ้า  " ขอเชิญกับพวกเรา GENSO !!! ได้ ณ บัดนี้ เย้ !!!  " จากนั้นตวัดนิ้วลง พร้อมกระโดดขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เบต้ารั่วกลองและส่งให้พอดีเป๊ะ

    ' เฮๆๆๆ '

    ยังไม่ทันที่จะขอเสียง ก็ได้รับเสียงเชียร์แบบเกินคาดซะแล้ว

    และแล้วเสียงดนตรีก็ก้องกังวาลไปทั่วบริเวณ  เสียงกีต้าร์ของโซเฟียค่อยแทรกกับเสียงกีต้าร์โซโล่ของมิวอย่างลงตัว เบต้าแม้จะตีไม่ได้เร้าใจถึงขั้นพิชากิ แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดึงคนดู

    วาตั้งสมาธิ สูดหายใจเข้าลึกๆสะกดความตื่นเต้นที่กำลังวิ่งพล่านอยู่ในตัว  ก่อนที่จะถึงเนื้อร้องท่อนแรกกำลังจะมาถึง

    ' ชั้น คนหนึ่งที่ยังคงมีความฝัน ' วาเว้นวรรคพร้อมเสียงกีต้าร์ของมิวแทรกมานิดๆ ให้อารมณ์กวนๆ ' และชั้นก็เข้าใจดี หากคิดจะตามความฝัน นั้นต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อแลกไป ' 

    ' ดูลลลลล  ' เสียงสไลซ์เบสของเสือใบ้นิค ซึ่งแม้แต่แสดงสดยังคงทำตัวนิ่งได้อย่างน่านับถือ พร้อมจังหวะหยุดของวงทั้งวอง ก่อนที่จะเล่นต่อ

    ' แต่ก็ไม่เคยเพียงพอสักที ความพยายามที่ชั้นมี ไม่เคยพาไปถึงจุดหมาย ฮา ฮาย '

    วารู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน จนแทบจะคุมเสียงไม่ได้เลย ซึ่งมิวก็เหมือนจะเข้าใจเล่นกีต้าร์พลางค่อยๆเดินไปหาวา

    ' มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด อยู่บนเวทีมันต้องมันส์เข้าไว้สิ ขืนมัวแต่ตื่นเต้นเดี๋ยวก็หมดอารมณ์เสียก่อนหรอก ' มิวกระซิบ ซึ่งวาก็ยิ้มรับ และเสียงกลองของเบต้าก็เป็นสัญญาเตือนว่ากำลังจะถึงท่อนฮุคแล้ว

    ' เอาละนะ พร้อมกันรึยัง ?! ' มิวถามพร้อมทั้งยกกีต้าร์พาดหัวเล่น เรียกเสียงเฮจากคนดู และแล้วเบต้าก็ส่งกลอง

    ' เย้ !!! ' วากับมิวกระโดดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คราวนี้เริ่มมีนักเรียนหลายคนชูไม้ชูไปตามจังหวะเพลง เรียกบรรยากาศให้คึกคักขึ้น

    ' อยากเป็นอย่างคนนั้น อยากเป็นอย่างคนนี้ อยากเป็นอย่างเขาสักที.......   '  วาส่ายไปตามเสียงดนตรี ความตื่นเต้นเริ่มค่อยๆหายไปทีละนิดๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นมิวก็เดินห่างออกจากวาไปประจำที่เดิมของตน 

    เหมือนจงใจแกล้งวาวิ่งไปหาเสือใบ้นิคที่กำลังเล่นเบสอย่างหน้าตาย พร้อมกับส่ายหัวร้องเพลงใส่นิค

    หากเปลี่ยนเป็นมือเบสคนอื่นคงจะรับมุขตามอารมณ์วาไปแล้ว เผลอๆอาจจะเล่นเบสในท่ายอดฮิต เช่น โยกหัวเล่น ไม่ก็ห้อยเบสเล่นโชว์ แต่เสือใบ้นิคกลับยืนเล่นมองวาอย่างหน้าตาเฉย

    ' ฮ่าๆ วู้ๆ !!! '

    แต่ทว่านั่นกลับเรียกเสียงจากผู้ชมได้มากกว่าเสียอีก ! ผู้คนต่างชอบใจกับท่าทางหน้าตายไร้อารมณ์ของนิค ถึงกับส่งเสียงเชียร์ ปนๆกับเสียงหัวเราะชอบใจ  

    ' วันหนึ่งชั้นจะต้องทำให้ได้ เพื่อจะได้เป็นคนเก่งอย่างเช่นคนอื่น……. พอกันทีความครึ่งๆกลางๆ………..  '

    แล้วท่อนแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี ความรู้สึกที่เหมือนจะยาวนาน แต่ก็สั้นเสียเหลือเกินสำหรับการได้มายืนอยู่บนเวที 

    วาโบกมือไปให้กับคนดู ซึ่งตอนนี้เริ่มยกมือขึ้นมาเชียร์กันเยอะแล้ว

    ' ขอเสียงหน่อยคร๊าบบบ !!! ' มิวตะโกนผ่านไมค์ตัวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของตัวเอง

    ' เย้ !!! วู้ !!! '

    ' ยอดไปเลยนะครับ ' ดีว่าที่ยืนดูอยู่ไกลๆกล่าวกับไซโคร แนช ซึ่งก็เห็นเพียงแค่รอยยิ้มของไซโคร แนชเท่านั้นที่แทนคำตอบ

    จากนั้นดนตรีเริ่มปรับให้แน่นขึ้นตามท่อนเพลง ที่ดำเนินมาถึงท่อนที่สองแล้ว เสียงคีย์บอร์ดของนีโอตอนนี้ชัดเจนขึ้นมาในความรู้สึกของทุกคนทันที เสียงคีย์บอร์ดที่คล้ายบังคับให้ลื่นลอยไปกับเสียงเพลงได้  เข้ากันได้ดีกับเสียงเบสของนิคที่ลื่นไหล พร้อมกันเร่งจังหวะขึ้นเล็กน้อย

    ' และถ้าหากในวันนี้ เฮ เย้ !!! ' วาโบกมือไปมา ภาพเบื้องหน้าของเขาคือ ทะเลคนดูที่เต็มไปด้วยมือไม้โบกไปโบกมา ' ชั้น มี เธอ อยู่ เคียง ข้าง กาย............ '

    เสียงดนตรีกระแทก และหยุดตามจังหวะตามท่อนที่เน้นคำ ทำให้หลายๆคนต้องโยกไปตามจังหวะที่หยุดนั้นอย่างห้ามไม่ได้

    และแล้วก็ถึงเวลาแห่งการรอคอยที่มิวรอมานานแสนนาน ท่อนโซโล่เดี่ยวของเขานั่นเอง

    " มามันส์กันดีกว่า !!! " เสียงมิวตะโกนผ่านไมค์ เรียกความสนใจให้ทุกคนต้องหันไปมอง หากตอนนี้บอกว่ามิวสามารถเปร่งแสงออกมาได้กคงจะไม่เกินจริง เพราะหลังจากเบต้าส่งกลองให้เสร็จความสุดยอดที่เก็บกักมานานตั้งแต่เริ่มเล่นเพลงก็ระเบิดออกมาในทันที

    วายังแทบอึ้งไปเลยเมื่อได้ยินเสียงโซโล่ของมิว เพราะนั่นแสดงว่าที่เล่นมาตั้งแต่ต้นมันเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพื่อไม่ให้แย่งซีนของคนอื่น 

    มิวใส่อารมณ์กับการโซโล่ราวกับจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกีต้าร์ของตน เสียงดนตรีของเครื่องดนตรีชนิดอื่นที่เล่นคลอไปนั้นดูราวกับหมดความหมายไปในทันที 

    เท่านั้นยังไม่พอ ! เพื่อแสดงความเป็นตำนานมิวเริ่มเล่นอะไรกีต้าร์ของเขาแล้ว  มิวยกกีต้าร์ขึ้นฟ้า แต่ทั้งนั้นก็ไม่ได้ทำให้การโซโล่ขาดช่วงแต่อย่างใด แถมยังยิ้มได้อย่างสบายใจอีกต่างหาก

    " โว้ๆๆๆ " มิวตะโกน จากนั้นลดกีต้าร์ลงในทันที พร้อมตั้งท่าและโซโล่ด้วยความรวดเร็ว ตามจังหวะกลองของเบต้าที่รั่วถี่ขึ้นมา เรียกเสียงเฮอย่างท่วมท้น " ยัง ยังไม่พอ !!! " มิวเลียนแบบคำพูดของวา จากนั้นสะบัดกีต้าร์ลากเสียงยาว มือซ้ายสั่นกีต้าร์อยู่ ส่วนมือขวาชูขึ้นฟ้า จากนั้นก็ต่อด้วยท่าหมุนมือขวา

    ' ท่าทางจะเก็บกดจัด แหะๆ ' โซเฟียแอบขำ กับความบ้าของมิว

    มิวหมุนมือขวารางกับกังหันลม แต่ทุกรอบที่หมุนผ่านกีต้าร์ก็มีเสียงดังขึ้นไม่ตกหล่นเลยแม้แต่น้อย หลายคนถึงกับลุ้นไม่อยากให้มิวพลาดท่า เพราะกำลังศรัทธาในเทพเจากีต้าร์ผู้นี้อย่างเต็มเปี่ยม

    จากนั้นมิววิ่งหมุนตัวเล่นกีต้าร์พร้อมกระโดดไปมารอบเวที เท่าที่สายกีต้าร์จะพาไปถึง โดยที่สายกีต้าร์ไม่พันกัน ซึ่งสายกีต้าร์นยาวพอที่จะให้มิววิ่งไปถึงด้านโซเฟีย ซึ่งอยู่อีกฝากของเขาเลย

    แล้วมิวก็วิ่งผ่านหน้าวาไปโดย แอบหันไปชูสิงนิ้วกับวาอีกด้วย

    มิวหยุดอยู่หน้าโซเฟียกีต้าร์หันเข้าหากีต้าร์คล้ายจะเป็นการท้าดวลแข่งโซโล่กีต้าร์

    " จะบ้าหรอ ! นี่มันไม่มีในการซ้อมนี่ !!! " โซเฟียเริ่มขำไม่ออก

    " ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ลองดูๆ " มิวกล่าวคล้ายไม่ได้ยินคำพูดของโซเฟีย

    วาที่เห็นอดจะขำไม่ได้ แต่ก็ตื่นเต้นไปกับโซเฟียด้วย แล้วโซเฟียจะโต้ตอบการส่งโซโล่ของมิวได้อย่างไรกัน ขนาดเล่นกันเล่นๆ ยังนับว่าทำได้ยาก นี่ยังไม่เคยซ้อมกันมาก่อน แถมยังเป็นการโซโล่แบบล่องลอยโดยไม่ได้ยึดติดกับแบบเพลงเดิมแล้วด้วย หากเป็นมิวสองคนคงจะไม่ใช่เรื่องน่าลุ้นเท่าไหร่ แต่นี่เป็นโซเฟีย ซึ่งแม้เธอจะเล่นเป็น แต่ทว่าเรื่องการโซโล่นั้นวายังไม่เคยเห็นมาก่อน

    การกระทำของมิวครั้งนี้นับว่าบ้าดีเดือดโดยแท้ ไม่เพียงแต่ยังไม่เคยซ้อมกันมาก่อน แค่ประคองจังหวะตอนนี้ให้ได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว อีกทั้งจะกลับไปท่อนเดิมถูกได้หรือไม่ก็ยังไม่มีใครรู้ ดังนั้นเบต้า นีโอ และเสือใบ้นิคในตอนนี้จึงพยายามคุมจังหวะอย่างสุดความสามารถ เรียกได้ว่าเป็นการเล่นสดที่เล่นไปตามอารมณ์ และเป็นการโซโล่ที่ยาวนานจริงๆ แต่ก็เรียกเสียงคนดูได้อย่างมหาศาล  เรียกได้ว่า กระแสตอบรับท่วมท้นเลยทีเดียว

    " เอาละนะ !!! " มิวไม่รอช้าโซโล่อย่างรวดเร็วขึ้น ก่อนจะลากเสียงยาวส่งให้โซเฟียรับต่อ

    เสี้ยววินาทีนี้เป็นเสี้ยววินาทีที่ทำให้หัวใจของวาตื่นเต้นจนแทบจะหลุดออกจากอกจริงๆ  เขากำลังลุ้นให้โซเฟียสามารถโซโล่กลับไปหามิวได้

    เห็นโซเฟียยิ้มสู้ ก่อนที่คุณหัวหน้าห้องจะทำให้หัวใจของวาตกวูบ

    เพราะโซเฟียไม่ได้โซโล่กีต้าร์กลับ ?! เพียงแต่กล่าวสั้นๆ ว่า

     ' LET THE MUSIC TAKE CONTROL !!!  '



                               
                                                          ______________________________________________________

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×