ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #4 : บทเรียนที่ 3 Black Magic

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.57K
      82
      13 ธ.ค. 46

                                                 บทเรียนที่ 3   Black Magic





                 หลังจากที่วาได้ฟังเรื่องราวต่างๆ  เกี่ยวกับแก๊งในรงเรียนมาบ้างแล้ว  ทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะตั้งแก๊งกับเขาบ้างสะแล้ว   แต่เขาก็ยังไม่ได้เอ่ยปากชวนเพื่อนๆ  ถึงเรื่องการตั้งแก๊ง     เวลาของชั่วโมงแรกผ่านอย่างรวดเร็ว    ทำให้วาได้รู้เรื่องความเป็นมาต่างๆ ของโรงเรียนมากขึ้นอีกเยอะ     ส่วนชั่วโมงต่อไปก็เป็นชั่วโมงฟรีอีกไปจนถึงตอนพักเที่ยง  เพราะเนื่องจากเป็นวันเปิดเรียนวันแรกอาจารย์จึงไม่สอนหากแต่จะแนะนำตัว  แล้วก็แนะนำบทเรียนที่นักเรียนจะต้องเรียนกัน  ซึ่งจากที่วาได้ลองนั่งเรียนดูแล้ว บรรยากาศในการเรียนดีมาก เพราะว่านักเรียนทุกคนตั้งใจฟังที่อาจารย์พูดถึงแม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่บทเรียนก็ตามที  แต่เขาก็คิดในใจว่าถ้าโซเฟียหยุดคอยกวนเขาสะบ้างก็คงจะดี          เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงพักเที่ยง นกเรียนทุกคนทยอยกันออกจากห้องเรียนเพื่อที่จะไปรับประทานอาหาร      ต่อจากนี้ก็เป็นเวลาที่วาจะต้องเลือกชมรมของเขาเองแล้ว          

                     หากแต่ว่า วายังคิดไม่ออกว่าเขาควรจะเข้าชมรมอะไรดีที่จะสามารถแก้แค้นก็อบได้   นักเรียนทุกคนออกจากห้องจนเกือบหมดแล้ว  เหลือแต่พวกของวาซึ่งยังคงนั่งคุยกันอยู่    

                  

                    “ เราหิวแล้วอะ รีบไปกินข้าวกันเถอะ ”    เบต้าพูดท่าทางหน้าตาเขาคงหิวจัด   แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดูเหมือนพวกหุ่นยนต์ที่ต้องการน้ำมันมกกว่าข้าวอยู่ดี        

                    “ นั่นสิเราว่าไปกินข้าวกันเถอะ ”     มิวพูดท่าทางเขาก็คงหิวเหมือนกัน    นิคก็พยักหน้าบอกความหมายว่า เขาก็หิวแล้วเช่นกัน     ทั้งหมดจึงเดินออกจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปที่โรงอาหาร     ระหว่างทางวาก็เริ่มถามเพื่อนๆ ว่าเขาควรจะเข้าชมรมอะไรดี              

                    “ เราควรจะเข้าชมรมอะไรดีละ มีชมรมพวกมวยจีนหรือพวกหมัดมวยอะไรพวกนี้ไหม ”    

                    “ ไหนตอนแรกนายบอกว่านายสนใจที่จะเข้าชมรมนักมายากลไง หรือนายจะเปลี่ยนใจกับอีแค่เจอคนหามาเรื่อง ”    นีโอพูดเหมือนจะเตือนวาไม่ให้เปลี่ยนชมรมเพราะเพียงแค่ความแค้น

                    “ แต่เราเห็นด้วยกับวานะ  เราว่าเขาควรจะต้องหาชมรมที่สอนศิลปะการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวไว้นะ เพราะตอนนี้เจ้าก็อบมันก็คงหมายหัววาไว้ด้วยแหละ ”   มิวเสนอความคิด

                   “ เราว่าคนที่สมควรจะหาศิลปะการต่อสู้มาป้องกันตัวเองนะ ไม่ใช่วาหรอกแต่เป็นนายต่างหากละมิว ”     โซเฟียพูดเหมือนกับจะต่อว่ามิว  แล้วก็พูดต่อว่า   “ แล้วเราก็คิดว่านะ ไอ้ชมรมที่สอนศิลปะการต่อสู้มันก็คงไม่ได้ช่วยให้นายสู้เขาได้หรอกนะ วา  เพราะว่าก็เคยมีคนคิดอย่างนี้มาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสู้ก็อบได้เลย  ไม่ใช่ว่าจะว่า ไม่มีใครสู้ก็อบได้นะ เพียงแต่ว่า ถ้านายคิดว่าจะเข้าชมรมไปเพื่อที่จะคิดแก้แกค้นละก็นายก็คงไม่มีวันที่จะชนะเขาได้หรอก   ศิลปะการต่อสู้แท้จริงมีไว้ป้องกันตัวไม่ได้มีไว้เพื่อแก้แค้นใคร   ถึงนายจะไม่มีศิลปะการต่อสู้แต่นายก็อย่าลืมว่านายก็ยังเพื่อนๆ ก็คอยเป็นห่วง แถมยังมีประธานนักเรียนคอยดูแลอยู่ด้วยไม่ใช่หรอ  ”      

                   ถึงแม้โซเฟียจะพูดไปอย่างนั้นแต่ว่าก็ไม่สามารถทำให้วาเปลียนใจที่จะเข้าชมรมที่สอนศิลปะการต่อสู้ให้ได้    ทั้งหมดเดินออกมาจากตึกอาคารเรียน และเดินกลับไปที่ลานกว้างตรงน้ำพุซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง      

                   “ เออ เราเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าเราลืมของสำคัญไว้ในห้องนะ ขอตัวก่อนนะ ”   เบต้าพูดยังไม่ทันที่ทุกคนจะพูดอะไรเขาก็วิ่งหายลับไปแล้ว      

                    “ ดูเขารีบจังนะ ”  

                    “ หมอนั้นก็เป็นอย่างนี้ประจำแหละวา ”    มิวบอกว่า  

                    “ เราว่าพวกเราไปหาอะไรดินกันก่อนดีไหม ”       โซเฟียพูดพร้อมเดินไปทางขวาของน้ำพุ ซึ่งมองไปไกลๆ ก็คงเป็นโรงอาหาร   แต่ตึกมันเหมือนกันพวกห้างสรรพสินค้ามากกว่า  

                  ทุกคนเดินเข้าไปให้โรงอาหาร ในนั้นเต็มไปด้วยนักเรียนมากมายที่ต่างมาซื้ออาหารกินกัน  วาเลือกไม่ถูกว่าจะซื้ออะไรทานดี    เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันออกไปซื้ออาหารของแต่ละคน   คงเหลือแต่ว่าที่ยืนลังเลไม่รู้ว่าจะไปซื้ออะไรทานดีเพราะไม่รู้จักสักร้าน    โซเฟียซึ่งยังเดินไปไม่ไกลนักเหลือบมาเห็นจึงเดินกลับไปหาวา           “ ยืนนิ่งเด๋ออยู่อย่างนี้จะได้ทานอะไรไหมละ  หรือจะทานอากาศกันละนายวา มาๆ ตามมานี่เดี๋ยวจะพาไปแนะนำร้านอร่อยๆให้ ”    พูดจบโซเฟียก็เดินนำหน้าวาไปต่อ  วาจึงรีบเดินตามโซเฟียไป   พอเดินนำไปได้สักพักโซเฟียก็หยุดเดินแล้วก็รอวาเดินตามมาให้ทัน  

                   “ นายชอบกินอาหารแบบไหนละ จะได้พาไปถูกร้าน ”

                   “ เราชอบกินพวกก๋วยเตี๋ยว ”   ยังไม่ทันที่วาจะพูดต่อโซเฟียก็เดินนำต่อพาวามาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง  วาเงยหน้ามองป้ายชื่อร้าน   ร้านนี้มีชื่อว่า   ก๋วยเตี๋ยวลุงเฉื่อย    วาคิดสงสัยทำไมชื่อร้านมันถึงพิลึกกึกกืออย่างนี้นะ          “ เอ๊า ถึงแล้วอย่ามัวแต่เหม่อรีบมาต่อแถวเร็ว มานี่ๆ ”     โซเฟียดึงวาเข้ามาต่อแถวเข้าคิวเพื่อที่จะซื้อก๋วยเตี๋ยว       ร้านนี้คนต่อแถวไม่ค่อยเยอะนัก วาเป็นคนที่ 4 ของแถวยืนอยู่ข้างหลังทัดจากโซเฟีย       วาคิดในใจว่าเขาควรจะสั่งก๋วยเตี๋ยวอะไรดี  เลยเงยหน้ามองไปแถวๆ  ป้ายร้านซึ่งมีเมนูติดอยู่  

               เมนูร้านนี้มีมากจนวาเลือกแทบจะไม่ถูก   มันมีรายการก๋วยเตี๋ยวทุกอย่างเท่าที่ในชีวิตวาจะรู้มาทั้งหมด   วาจึงไม่คิดที่จะอ่านเมนูแล้ว   เพราะมันทำให้เขาเลือกไม่ถูก   เขาจึงตัดสินใจที่จะที่สั่งก๋วยเตี๋ยวพัด    วาต่อคิวไปเรื่อยๆ ประมาณเกือบ 2 นาทีคนที่ 1 ของหัวแถวเพิ่งจะซื้อก๋วยเตี๋ยวเสร็จ    มันช่างชักช้าอะไรปานนี้นานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์   ทำให้เขาคิดได้ว่าทำไมมันถึงชื่อ ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงเฉื่อย      วาต่อคิวไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดโซเฟียก็ซื้อเสร็จ  ก็ถึงคิวของเขาแล้ว       เมื่อทั้งสองคนซื่อก๋วยเตี๋ยวเสร็จ วาก็เริ่มมองหาที่นั่ง                              

                วากวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนๆ ของเขาว่านั่งอยู่แถวไหน แต่โซเฟียเจอก่อนเขาจึงพาวาไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ          

               “ โอ้โห มิหน้าทำไมถึงได้ชักช้าอย่างนี้ที่แท้ก็ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านลุงเฉื่อยนี่เอง ”   มิวพูดเหมือนกับรู้ความเร็วในการทำก๋วยเตี๋ยวของร้านนี้ดี

               “ แหม แต่เข้าใจเลือกร้านนะวา  ร้านนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในโรงเรียนเราเลยละ ”  นีโอพร้อมกับยิ้มให้วา    

              “ อันที่จริงเราไม่ได้เป็นคนเลือกเองหรอก โซเฟียเป็นคนเลือกให้ต่างหาก ”       วาบอกนีโอ

               “ ใช่แล้ว อย่างคุณเด๋อคงไม่มีทางหาร้านดีๆ เจอหรอก แหะๆ  ”  โซเฟียพูดกวนวา แต่งาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร   เพียงแต่นั่งลงพร้อมกับเริ่มกินก๋วยเตี๋ยว     อีกแค่ 45 นาทีก็จะถึงเวลาชั่วโมงชมรมแล้วแต่วายังนึกไม่ออกเลยว่าเขาควรจะเข้าชมรมอะไรดี  ที่ไม่ใช่ชมรมนักมายากล

              

                 “ ตอนบ่ายจะชมรมแล้ว เรายังไม่รู้เลยจะเข้าชมรมอะไรดีอะ ”   วาบอกเพื่อนๆ ทุกคน   มิวเห็นวาพูดเช่นนั้นจึงรีบชักชวนวาอีกรอบ      

               “ บอกแล้วไงว่า เข้าชมรมกวีพเนจรกับเรา สนุกจะตายไป ชีวิตจะได้มีรสชาติ ”

               “ เราว่ามันก็ดีนะ เพียงแต่ว่าตอนนี้เราอยากเข้าชมรมที่สอนศิลปะการต่อสู้อะ ”      วาบอกกับมิว  ตอนนี้เขาแค่ต้องการจะแก้แค้นเท่านั้น    โซเฟียพอจะอ่านใจวาออกจึงบอกวาไปว่า

              “ นี่นายอย่าบอกนะว่า นายยังคิดจะแก้แค้นเขาอยู่อีกนะ  ผู้ชายอะไรเจ้าคิดเจ้าแค้นจริง  ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะสู้กับก็อบได้  เอางี้ดีไหมถ้าสมมุตินายโดนเจ้านั่นรังแกอีกละก็บอกเราได้นะ เดี๋ยวเราจะจัดการให้เองนะ ”  

              “ นั่นสินะ จริงอย่างที่โซเฟียว่า  อย่าลืมไปสิว่านายยังมีพวกเราอยู่อีกนะ  อย่ามัวแต่จะคิดแก้แค้นเลย นายควรจะเข้าชมรมที่นายชอบมากกว่านะ ”   นีโอพูดเสริม    

              

             เมื่อได้ยินเช่นนั้นวาก็เริ่มได้สติคิดขึ้นมา  จริงสิเนอะ ถ้าจะคิดแต่แก้แค้นเราคงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก แต่ว่ามันก็ยังเจ็บใจอยู่ดีอะแหละนะ  

               “ อืม ขอบคุณทุกคนมากนะ  เราจะไม่คิดแก้แค้นแล้วละ ”    วาบอกแก่ทุกคน  

               “ ดีมากนะ  บุญคุณมันต้องทดแทนแต่ความแค้นมันไม่จำเป็นต้องชำระหรอกนะวา  อีกอย่างนึงนะ เราว่าเราใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวดีกว่านะ  ”   โซเฟียยิ้มให้แก่วา    เสือใบ้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเหมือนกับว่าเห็นด้วยกับคำพูดของโซเฟีย    วารู้สึกแปลกใจที่บางครั้งโซเฟียเหมือนจะเป็นคนไร้สาระแต่ลึกๆ แล้วเธอก็เป็นคนที่มีเหตุผลมากอยู่เหมือนกันนะ    

                “ เอาละ  ในเมื่อนายคิดได้แล้วละก็นะ  มาเข้าชมรมกวีพเนจรกับเราดีมะๆ ”   มิวรีบเอ่ยปากชักชวนวา  

                “ เออ ขอบคุณนะมิวแต่เราว่าเรา ไม่ค่อยจะสันทัดเรื่องดนตรีสักเท่าไหร่หรอกนะ    เราหาชมรมอื่นเข้าดีกว่า  แต่ถ้ายังไง สมมุติเราไม่รู้จะเข้าอะไรแล้วเราจะเข้าชมรมเดียวกับนายนะ ”     วาพูดกับมิว  

               “ โอเค ได้เลยเพื่อน  เราก็ไม่ชอบขัดใจแฟนๆ อยู่แล้วละนะ  ขอให้นายเลือกชมรมที่ถูกใจได้ละกันนะ ”    มิวบอกวาพร้อมกับทำท่าทางเหมือนกับตัวเองเป็นดาราที่พูดกับแฟนเพลง

              

               “ เออ ว่าแต่ตอนแรกนายกะจะเข้าชมรมนักมายากลไม่ใช่หรอวา   แล้วตอนนี้ไม่คิดอยากจะกลับไปแล้วหรอ ”       นีโอบอกแก่วา  ซึ่งวาเองก็เกือบลืมไปแล้วว่าเขาจะเข้าชมรมนักมายากลในตอนแรก  

               “ นั่นสิเนอะ ตกลงเรากลับไปเข้าชมรมนักมายากลดีกว่าเนอะ ”   วารู้สึกขอบคุณที่นีโอช่วยเตือนความจำให้เขาได้

               “ เอาละๆ จะเข้าชมรมอะไรก็ไม่รู้แล้วละนะ  รู้แต่ตอนนี้มันก็ได้เวลาจะต้องแยกย้ายกันแล้วละ   ขอให้โชคดีนะคุณยอดชายนายวา   ขอโทษทีนะเราต้องรีบไปก่อนนะ  โชคดีนะจ๊ะทุกคน บ๊าย บาย แล้วเจอกัน   ”   โซเฟียพูดพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินจากไป      เมื่อนีโอเห็นโซเฟียเดินไปจึงนึกขึ้นได้ว่า เขาก็ต้องรีบไปเหมือนกัน  จึงบอกกับทุกคนว่า

               “ เออ จริงสิ เราก็ต้องรีบไปเหมือกัน ขอให้โชคดีนะวา เลือกชมรมที่ดีๆ ให้ได้ละ เราไปก่อนนะ บาย ทุกคน  ”          พูดจบนีโอก็ลุกขึ้นแล้วก็ยิ้มโบกมือลาทุกคน แล้วก็เดินไป

              “ แหม ทำไมรีบกันจังนะ พวกนี้ เหลือเวลาอีกตั้ง 10 นาที  ”  มิวพูดกับวา    ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น คือ มิว วา แล้วก็นิค แต่มันก็ไม่ต่างกับเหลืออยู่แค่ 2 คนเลย

             “ วาเราว่าเราไปเดินเลือกชมรมกันไหม ”    

             “ นั่นสิเนอะ ไปกันเถอะ นายนำไปเลยเดี๋ยวเราตามเอง ”    วาพูดจบก็ลุกขึ้น



                 ทั้งสามคนเดินออกจากโรงอาหาร  มิวพาวาเดินกลับไปที่น้ำพุซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของโรงเรียน  เหมือนกับว่า  ถ้าจะเดินไปทางไหนต่อก็ต้องกลับมาตั้งหลักที่น้ำพุนี่เสมอ    

                “ เราตัดสินใจแล้วละ ว่าเราจะเข้าชมรมนักมายากลเหมือนเดิม ”  วาบอกมิว    เสือใบ้นิคพยักหน้าเหมือนกับเห็นด้วยแล้วที่วาจะเลือกชมรมนักมายากลที่ตัวเองชอบ

               “ ชมรมนักมายากลหรอ  ตกลงงั้นถ้านายแน่ใจแล้วละก็ เดี๋ยวเราจะพาไปที่สมัครให้ละกันนะ  รู้สึกว่าจะอยู่แถวๆ   เออทางซ้ายของตึกอาคารเรียนอ่านะ ”    พูดจบมิวก็เดินพาวาตรงกับไปที่ตึกอาคารเรียน  แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นนิคก็สะกิดมิว

               “ มีอะไรเรอะ นิค นายต้องการจะสื่ออะไร ”   มิวหันไปมองนิคพร้อมกับถาม      แต่นิคก็ไม่ตอบเพียงแต่ใช้นิ้วชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง     ทำให้มิวต้องมองตามไปที่นาฬิกาของนิค ทั้งๆที่ตัวเองก็มีนาฬิกาข้อมืออยู่เหมิอนกัน   แต่มิวก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ดีว่านิคต้องการจะสื่ออะไรกับเขา

               “ ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลยนิ  นี่ก็เหลือเวลาอีกตั้ง 5 นาทีไม่ใช่หรอ  ไม่เห็นต้องรีบเลยหน่า   เรารู้หน่าว่าต้องไปเข้าชมรมเวลาไหน ”   มิวต่อว่านิคพร้อมกับเดินหน้าต่อ   แต่นิคก็ยังเดินตามมิวพร้อมกับสะกิดเตือนให้ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมืออยู่เหมือนเดิม   มิวจึงหยุดดูอีกครั้งหนึ่ง    ทันใดนั้นมันก็ทำให้เขานึกออก

               “ อ้าย – หย๋า ทำไมนายเพิ่งมาบอกตอนนี้ละเนี่ย   ตายละดันลืมสะสนิทเลยว่า นัดน้องที่ชมรมไว้ว่าจะไปซ้อมเพลงให้  นี่ก็สายไปตั้งเกือบ 15 นาทีแล้วนะเนี่ย  ”   มิวทำหน้าเสีย   ส่วนเสือใบ้ก็ยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น      

              เมื่อมิวรู้ว่าตัวเองสายจึงหันไปหาวาพร้อมกับยิ้ม     แล้วก็หัวเราะ

               “ เออ ขอโทษทีนะ คือ เราต้องรีบไปแล้วละนะ  พอดีนัดน้องที่ชมรมไว้อ่านะ   ถ้ายังไงมีปัญหาก็ถามเสือใบ้ก็ได้นะ  ฝากด้วยนะนิค  ”         พูดจบมิวก็รีบวิ่งกลับไปทางน้ำพุตรงกลางอย่างไม่คิดชีวิต      

              

              ตอนนี้ก็เหลืออยู่แค่วากับเสือใบ้นิคเท่านั้น  ซึ่งวาคิดในใจ   มันก็ไม่ต่างกับตอนนี้เขาเดินอยู่คนเดียวแหละนะ     วาไม่รู้จะชวนนิคคุยเรื่องอะไรดี  เพราะถึงจะชวนคุยเขาก็คงไม่คุยด้วยอยู่ดี        วาจึงเดินต่อไปทั้งที่ตัวเองก็ไม่ค่อยจะรู้ทาง  เพียงแต่เดินไปตามคำบอกเล่าของมิวเท่านั้น     ทางซ้ายของตึกอาคารเรียนหรอ ?   วาคิดในใจคนเดียว          ในที่สุดเขาก็เดินเลยตึกอาคารเรียนไปทางซ้ายได้แล้ว    โรงเรียนนี้ทำไมมันถึงกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้นะ  เดินกันเข้าไปได้ยังไงเนี่ย       มองไปไกลที่สุดขอบทางเดิน วาก็พบกับตึกอีกตึกหนึ่ง สงสัยจะเป็นตึกที่มีการเปิดสอนชมรมนักมายากลอยู่  และคงมีอีกหลายชมรมอยู่ในตึกๆ นั้น        



              ขณะที่กำลังจะเดินถึงตึกนั้น นิคก็สะกิดวา    วาหันไปมองนิคคิดในใจว่า  เขาคงกำลังจะบอกอะไรบางอย่างแก่เราเป็นแน่แท้    ขณะที่วากำลังจะเอ่ยปากถาม  นิคก็ชี้ไปที่นาฬิกาของตัวเอง แล้วก็โบกมือบ๊ายบาย  

      ซึ่งมันหมายความได้ไม่อยากว่า   ได้เวลาที่เขาจะต้องไปเข้าชมรมของตัวเองแล้ว  ซึ่งวาก็รู้ดี

              “ จะไปแล้วหรอ ไม่มีเพื่อนเลยไปส่งเลย  แต่ไม่เป็นไรโชคดีนะ  แล้วเจอกันๆ ”       วาโบกมือให้นิค ซึ่งนิคก็ยิ้มให้แก่วาแล้วเดินกลับไปทางด้านตึกอาคารเรียน      



            หลังจากที่นิคเดินกลับไปแล้ว วาก็ตัดสินใจเดินต่อรู้สึกว่าตอนนี้ตรงแถวบริเวณทางเดินจะเหลือแต่เขาอยู่คนเดียวสะแล้วสิ   เด็กนักเรียนคนอื่นคงเข้าชมรมของตัวเองไปแล้วละมั้ง    แต่เมื่อวาเดินไปจนใกล้ตึกชมรมแล้ว วาก็เห็นเด็กหนุ่ม 2 คนยืนดักอยู่ตรงหน้าประตูตึก   ซึ่งเด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นบุคคลที่วาจะไม่มีลืมได้เลย เด็กหนุ่มคนนั้นก็ คือ ก็อบนั่นเอง !!!!

            วา เห็นท่าจะไม่ดีจึงเดินก้มๆ หน้าหลบไปแถวทางด้านขวาของทางเดินหวังว่า 2 คนนั้นคงไม่เห็นเขาแต่ผิดคาด    

            ” เฮ้ จุ๊ๆ   ก้มหน้าหลบใครอยู่เรอะ นายเด็กใหม่  ”     ก็อบพูดขึ้นเสียงดัง ทำให้วารู้สึกสะดุ้งแต่วาก็ไม่ได้กลัว เพียงแต่ไม่อยากมีเรื่องเท่านั้น      วาจึงก้มหน้าเดินต่อไปทำเป็นไม่สนใจต่อการพูดของก็อบ

              ขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านประตูเข้าไปในตึก  ก็ถูกขวางด้วยเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง วาเหลือบหน้าขึ้นไปมองหน้าเด็กหนุ่มคนนั้น ดูท่าทางจะเป็นคนไม่ค่อยฉลาดนักแต่สัดส่วนทางด้านร่างกายแล้ว  ขนาดตัวก็ไม่ใหญ่มาก  หากแต่ตัวมีกล้ามเป็นมัดๆ   ดูแล้วบึกบึนมาก    

            “ เออ นายช่วยหลบหน่อยได้ไหม เราค่อนข้างจะรีบ ”      วาพยายามสะกดอารมณ์แล้วพูดดีๆ กับเด็กหนุ่มคนนั้น  แต่หลังจากที่วาพูดจบ  วาก็ถูกเด็กหนุ่มคนนั้นผลักกระเด็น     แรงผลักมหาศาลขนาดนั้นทำให้วาเกือบจะล้มทั้งยืน   วาเซถอยหลังไปชนกับก็อบ        

             “ คิดหรอว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ นะ ไอ้เด็กใหม่ ”   ก็อบพูด พร้อมกับจับวาหมุนหน้ามาแล้วจับกระชากคอเสื้อ        วาเริ่มมีน้ำโหมากขึ้นแต่ก็พยายามสะกดอารมณ์เอาไว้     เมื่อถูกกระชากคอเสื้อวาก็พยายามเอามือปัดมือของ ก็อบให้ออกไป  แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ แรงของเขาไม่พอที่จะปัดมือของก็อบให้หลุดไปได้     เด็กอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ก็อบพร้อมกับยิ้ม

              “ นี่นะหรอไอ้ตัวแสบที่นายว่า ”    เด็กหนุ่มกล้ามโตพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้วา   รอยยิ้มนั้นดูแล้วรู้สึกหงุดหงิดยังไงบอกไม่ถูก  มันดูเหมือนรอยยิ้มของคนไม่ค่อยจะมีสมองนัก วาคิดในใจ

             “ พวกนายต้องการอะไรกัน ”   วาถาม   ก็อบได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มพร้อมกับพุดกับวาว่า

             “ เรื่องเมื่อตอนเช้ามันยังไม่จบเข้าใจไหม ข้าบอกแกแล้วว่าอย่ามาแส่  ”    วารู้สึกโมโหมากขึ้นกว่าเดิม  เขาเป็นคนที่รักศักดิ์ศรีของตนเองเหมือนกัน   การที่ถูกคนอื่นกระชากคอเสื้อพร้อมกับพูดตะคอกใส่ทำให้เขารู้สึกโมโหมากขึ้น แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้    

              “ หรอ ถ้างั้นเราขอโทษละกันที่เราเข้าไปยุ่งยังไง ก็หายๆ กันละกันนะ ”    วาพยายามพูดดีๆด้วย  เพราะเขาก็ไม่อยากจะมีเรื่อง   ถึงเขาจะรู้ว่าสู้ 2 คนนี้ไม่ไหวแน่ๆ แต่ถ้าเขาทนไม่ไหวจริงๆ เขาก็คิดในใจว่า ขอสู้จนสุดชีวิตละงานนี้          

              “ ขอโทษแล้วคิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆ หรอไง  อย่างนี้มันต้องสั่งสอนสะหน่อยแล้ว ”   ก็อบพูดตะคอกใส่วา  ทำให้วารู้สึกทนไม่ไหวแล้ว  

             “ เป็นไร จะมาสั่งสอนเรา  คิดว่าตัวเองเป็นครูเรอะไง ”     วาตอบกลับพร้อมกับทำหน้าแบบกวนๆ     ทำให้ก็อบโมโห ง้างหมัดชกเข้าไปที่หน้าของวาเต็มๆ     วาล้มลงไปกับพื้น  หมัดนั้นเป็นหมัดที่แรงมากจริงๆ แต่ว่าวาก็ค่อยๆ พยุงตัวยืนขึ้นมาได้

             “ เป็นลูกผู้ชายรึเปล่า เล่นหน้าคนเนี่ย  ถ้าอยากมีเรื่องก็ได้เลย ”       วาเดือดถึงขีดสุดแล้วตอนนี้  หมัดของก็อบเมื่อกี้ทำให้เขาเจ็บพอสมควรริมฝีปากของวามีเลือดออกมาค่อนข้างจะมาก

            “ ฮ่าๆ  ลูกผู้ชายเรอะ คนอย่างแกไม่มีค่าควรแก่การจะมาสั่งสอนข้าหรอก  หรือถ้ามีปัญญาก็แสดงออกมาให้ดูหน่อยสิ ไอ้ไก่อ่อน “        วาเมื่อได้ยินก็อบพูดเช่นนั้นจึงวิ่งเข้าไปหมายจะต่อยคืน   วาปล่อยมันไปเต็มกำลังหมายจะเอาคืนแต่หมัดนั้นก็โดนจับได้โดยมือของเด็กหนุ่มกร้ามโตอีกึคนหนึ่ง ซึ่งดูท่าทางเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับแรงหมัดของวา   วาพยายามกระชากมือให้ออกมาจากมือของเด็กหนุ่มคนนั้น  แต่ถึงแม้จะดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก   เด็กคนนั้นบีบกำปั้นของวา  แรงมหาศาลขนาดนั้น ทำให้วาเองเกือบจะร้องออกมา       วาจึงรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีอยู่ใช้ขาถีบไปเต็มๆ ที่ท้องของเด็กคนนั้น  แต่ก็ไร้ผล แทนที่ถ้าเป็นคนธรรมดาคนจะจุกไปแล้ว  แต่เด็กคนนั้นกลับยืนเฉยเหมือนกันไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ไม่แม้แต่จะสะเทือนตัวของเขาเลย    

              “ หน่อย เล่นถีบกันอย่างนี้เลยเรอะ ”   เด็กคนนั้นพูดด้วยเสียงเกี้ยวกราด  พร้อมกับง้างหมัดต่อยเข้าไปเต็มที่ๆท้องของวา    แรงที่ปล่อยออกมานั้นแรงยิ่งกว่าหมัดของก็อบเสียอีก     ทำให้วาถึงขนาดจุกล้มลงไปนอนกับพื้น       วาพยายามฝืนตัวจะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่มันจุกเหลือเกิน      เด็กทั้งสองยืนหัวเราะเหยีดหยามวาโดยเฉพาะก็อบดูเขาจะชอบใจมากที่ได้เห็นวาเจ็บปวด    

             “ โธ่ นึกว่าจะสักแค่ไหนเชียวที่แท้ก็มีปัญญาแค่เองอะหรอ  เอาละๆ ข้าจะให้โอกาสแก ถ้าแกยอมกราบเท้าข้าละก็   ข้าจะหยุดแค่นี้ก่อน  ”    ก็อบพูดพร้อมกับยกเท้ามาที่หัวของวา     วารู้สึกโกรธมากแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีแรงพอที่จะโต้ตอบอะไรได้เลย     เมื่อก็อบกำลังจะยื่นเท้ามาที่เหนือหัวของวา  วาจึงรวบรวมกำลังเฮอกสุดท้ายดันผลักขาของก็อบ          ทำให้ก็อบเสียศูนย์แล้วก็หงายหลังล้มลงไป    เสียงหัวก็อบฝาดพื้นดังโครม!

             วายิ้มอย่างสะใจ  ก็อบค่อยๆ ลุกขึ้น  คราวนี้วาทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิม    

           “ หน่อยแกไอ้พวกไร้น้ำยาบังอาจทำกับข้าได้  อย่าอยู่เลย ”      ก็อบตะโกนพร้อมกับหยิบมีดนินจาจากกระเป๋ากางเกง  ปาตรงไปที่วา        วาคิดในใจเขาคงต้องตายแน่ๆ  จะขยับหนีไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะเขาไม่มีแรงเหลือแม้แต่น้อย     วาหลับตาปี๋ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว      



            ขณะที่มีดของก็อบกำลังแหวกอากาศพุงตรงไปที่วานั้นเอง   ใพ่ใบหนึ่งก็บินโฉบออกมาจากประตูตึกพุ่งตรงไปชนกับมีดของก็อบ     ไผ่ใบนั้นพุ่งเข้าชนปลายมีดของก็อบอย่างพอดีทำให้มีดของก็อบตกลงสู่พื้นโดยฉับพลัน      วาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก็นึกประหลาดใจที่ทำไมมีดถึงพุ่งมาไม่โดนเขา     ก็อบหัวเสียงอย่างแรง

             “ แกเป็นใครบังอาจมาขัดขวางข้า ”       ก็อบตะโกนอย่างเกี้ยวกราด

             “ ผมจะเป็นใครมันก็ไม่เกี่ยวกับพวกหมาหมู่นี่ครับ ”       เสียงชายลึกลับจากทางด้านในประตูตึกกล่าวออกมา           ก็อบพยายามมองเข้าไปในประตูตึกแต่ก็ไม่พบใครสักคน

            “ ถ้าแน่จริงก็แสดงตัวออกมาสิ หรือว่าจะดีแต่ปาก ”       ก็อบตะโกนพร้อมกับมองไปรอบๆ ตัวเขา        

            “ น่าเสียดายที่มีวิชานินจาที่ดีแต่นำไปใช้ในทางที่ผิด ”    เสียงนั้นดังมาจากทางข้างหลังของก็อบ     ไม่ใช่แค่ก็อบเท่านั้นที่งง แต่วาก็สับสนเหมือนกันว่า  เสียงนั้นมาจากไหนกัน

           “ หุบปากแล้วออกมาเดี๋ยวนี้  ”     ก็อบยังคงกวาดสายตามองไปรอบๆ อยู่เช่นเดิม         ทันใดนั้นเองก็มีควันพุ่งออกมาจากพื้นตรงที่ข้างๆ วา    ในควันนั้นมีร่างของคนๆ หนึ่งอยู่   เมื่อควันค่อยๆจาง    ก็ปรากฎเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งในขุดนักมายากลท่าทางจะไม่ใช่เดกนักเรียน  บุคลิกดูเป็นคนภูมิฐาน  แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็คือ  ชายคนนั้นใส่ถุงมือข้างหนึ่งสีดำและอีกข้างหนึ่งเป็นสีขาว   เหมือนกับพวกนักมายากลอย่างไงอย่างนั้นเลย    

            

              ชายคนนั้นค่อยๆ พยุงตัววาขึ้นมา  พร้อมกับกระซิบบอก       “ เมื่อกี้นี้สู้ได้สุดใจขาดดิ้นดีนะเรา ลุกขึ้นมาสิ ต่อไปนี้จะแสดงมายากลให้ดูเป็นขวัญตา ”       ก็อบเห็นเชนนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ   เขารีบหยิบมีดอีกเล่มในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับปาใส่ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว       วาเห็นเชนนั้นจึงตะโกนบอกชายคนนั้น

             “ ระวังข้างหลังครับ !! ”     แต่ชายคนนั้นก็ทำเหมือนกับว่าไม่สนใจต่อคำพูดของวา  เขายังหันหลังให้กับก็อบ  ในขณะที่มีดกำลังจะถึงตัวเขาแล้วเขาก็ไม่ได้ทำท่าทีว่าจะหลบเลยแม้แต่น้อย  เขาเพียงแต่ชูมือขึ้นมาพร้อมกันนั้นใพ่ก้ปรากฎขึ้นมาสู่มือของชายผู้นั้นราวกับเขามีเวทมนต์    เป็นจังหวะพอดีกับที่มีดของก็อบพุ่งมาถึงตัวของชายผู้นั้นพอดี    ไผ่ที่ชายคนนั้นใช้สองนิ้วคีบรับกันกับมีดของก็อบพอดีแป๊ะ       ก็อบเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งเขามาด้วยความเร็ว  หมายจะต่อยชายคนนั้น    

               เมื่อเห็นวาว่าสามารถยืนได้แล้วชายคนนั้นก็หันกับไปหาก็อบซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วแบบที่วาเคยเจอมาก่อน   ชายคนนั้นเผยรอยยิ้มเล็กน้อย  เขาแบมือไปข้างหน้าหนึ่งข้างพร้อมกันนั้น ก็ปรากฎเปลวไฟขึ้นบนมือของชายคนนั้น     แต่ถึงก็อบจะเห็นเชนนั้นเขาก็ยังวิ่งเข้ามา อย่างไม่ล้มเลิกความดังตั้งใจ  

               เมื่อก็อบวิ่งเข้ามาใกล้ตัวชายคนนั้น เขาก็ปล่อยไฟนั้นพุ่งไปที่พื้นข้างหน้า    เปลวไฟลุกลามกลายเป็นเหมือนกำแพงกั้นข้างหน้าชายคนนั้นไว้  ก็อบเมื่อเห็นเชนนั้นก็ช้าไปแล้วก็จะหยุด   เขาวิ่งไปโดนกำแพงไฟอันนั้นแบบเต็มๆ     ก็อบรู้สึกร้อนมาก เขารีบวิ่งถอยหลังออกมา   พร้อมกับตะโกน

             “ โกจิ จัดการมันที ”    สิ้นเสียงนั้นเด็กหนุ่มกร้ามโตก็วิ่งตรงเข้าไปที่ชายคนนั้น ทั้งๆที่เห็นกำแพงกั้นอยู่แล้ว  

      ทันใดนั้นวาก็คิดได้แล้วว่า   เด็กหนุ่มกร้ามโตคนนั้นสินะ คือ โกจิ หนึ่งในสมาชิกแก๊งเอ็ดดี้ที่โซเฟียบอก      

             โกจิวิ่งผ่ากำแพงไฟมาแบบเหมือนว่าเขาจะไม่รูอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงไปที่ชายคนนั้น   วาได้แต่ยืนมองว่าชายคนนั้นจะทำอะไรต่อไป     แทนที่เขาจะวิ่งหลบก็เปล่าเลยเขากลับยืนอยู่เฉยๆ  ไม่ต่างอะไรกันกับรุ่นพี่ซาโต้  และแล้วเขาก็เสกไผ่ขึ้นมาบนมือของเขาอีกครั้ง  พร้อมกับขวางตรงไปยังขาของโกจิ         ไผ่ใบนั้นวิ่งเหวกอากาศออกไปอย่างสวยงาม ตรงไปปักที่ขาของโกจิอย่างพอดี        แต่มันก็ไม่ได้ทำให้โกจิรู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย เขาวิ่งเข้าไปใกล้ชายคนนั้นมากขึ้นและแล้วเขาก็วิ่งถึงตัวชายคนนั้น     โกจิเอื้อมมือทั้ง 2 ข้างไปบีบคอของชายคนนั้น    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรจะว่าชายคนนั้นหลบไม่ทันก็ไม่ใช่หรือจะว่าจงใจให้ถูกบีบคอก็ตามที      

            โกจิออกแรงบีบเต็มกำลัง ซึ่งวาก็คิดว่าถ้าเป็นเขาโดนก็คงจะตายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ชายคนนั้นกลับดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย    พร้อมกับยิ้มให้กับโกจิแล้วกระซิบบอกว่า       “ ระวังไฟดูดนะ เด็กน้อย ”

        ยังไม่ทันขาดคำโกจิก็ร้องออกมด้วยความตกใจ   เขาถูกไฟฟ้าช็อตเขาเต็มๆ เข้าที่มือทั้ง 2 ข้างราวกับว่าทั้งตัวของชายคนนั้นมีไฟฟ้าสถิตไหลเวียนอยู่     โกจิรีบปล่อยมือออกจากคอของชายคนนั้น        ชายคนนั้นก็ยังคงแสดงอาการนิ่งเฉยเหมือนเดิม เพียงแต่จัดปกคอเสื้อให้ดูเรียบร้อยเหมือนเดิม  

            

            “ ยังมีปัญหาอะไรอยู่อีกไหมครับ เด็กน้อยทั้งสองหรือจะฝากเอาไว้ก่อนดี  “    ชายคนนั้นพูดพร้อมกับยิ้มให้ก็อบและโกจิ     เหมือนเตรียมกันมาไว้ก่อนแล้ว  ทั้งก็อบและโกจิก็วิ่งเข้าใส่ชายคนนั้นอีกรอบ        

            ชายคนหนุ่มลึกลับเมื่อเห็นเชนนั้น ก็ส่ายหัวเหมือนกับจะบอกว่าต่อให้จะดิ้นรนอีกสักกี่ครั้งมันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ            “ เอาละ  ผมขี้เกียจเสียเวลากับพวกคุณสองคนแล้วละ ”        ชายลึกลับกางแขนทั้งสองข้างออกเสมอลำตัว จากนั้นก็นำมาประสานไขว่ที่หน้าอก    จากนั้นก็ชูมือข้างขวาขึ้น พร้อมกับพูดว่า        

             “ Black Magic !!! ”    สิ้นเสียงก็ปรากฎควันล้อมรอบตัวของก็อบและโกจิ    ทำไมให้วาไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ภายใต้ควันมีอะไรเกิดขึ้น   จากนั้นวันค่อยๆ จางออกก็มีนกพิราบบินออกมาจากกลุ่มควันประมาณ 5-6 ตัวบินมาเกาะที่ตัวชายลึกลับ    เมื่อควันจางหายไปที่ทำให้วาเห็นกล่องดำ  2 ใบขนาดเท่ากับตัวของก็อบและโกจิ    

              มันเป็นกล่องลักษณะเหมือนกับที่นักมายากลทั่วไปใช้แสดงกลให้การสับร่าง     ชายลึกลับชี้ไปที่กล่องทั้งสอง    บล็อคด้านบนส่วนหัวก็ถูกเปิดออก ทำให้เห็นหน้าของโกจิและก็อบ  ดูทั้งสองคนพยายามที่จะออกจากกล่องนั้นมาให้ได้         ชายลึกลับโนไปเก็บมีด 2 เล่มของก็อบที่ได้ขว้างอาไว้   นำมายื่นให้กับวาพร้อมกับพูดว่า  

             “ สนจะซ้อมปามีดไหม ”      วารู้สึกงงๆ  แต่ก็พอจะเข้าใจ  ถึงเขาจะโมโหมากก็ตามที  เขาก็ไม่ถึงขนาดกับว่าจะฆ่าคนได้หรอก

            “ เออ ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้อะไรมากมายขนาดนั้น ”  

            “ งั้นหรอ ”      ชายลึกลับหันไปจ้องมองที่ก็อบและโกจิ  “ บทเรียนที่หนึ่งของการเป็นนักมายากล……. ”     พูดจบชายลึกลับก็ปามีดทั้ง 2 เล่มพร้อมกันไปที่ก็อบและโกจิ    มีดทั้งสองเมื่อถูกปาออกไปก็แยกออกไปเป็นสองทาง   เล่มหนึ่งมุ่งไปที่โกจิ ส่วนอีกเล่มหนึ่งก็พุ่งไปที่ก็อบ  

          

             ฉึก ฉึก  !!     มีดทั้งสองปักลงที่บริเวณแถวคอของเด็กทั้งสอง  เพียงแต่มีกล่องกั้นไว้จึงไม่โดนร่างกาย  มิเช่นนั้นคงตายไปแล้ว    ทั้งโกจิและก็อบทำหน้าซด         ชายลึกลับหันหน้ากับไปมองวา      

              

             “ บทเรียนที่หนึ่งของการเป็นนักมายากล คือ การมีสมาธิและอดทน ”  



          วารู้สึกทึ่งกับฝีมือของชายลึกลับมาก   ไม่แน่ว่าถ้าซาโต้ต้องสู้กับเขาละก็ คงอาจจะแพ้ได้ในพริบตาเลยทีเดียว    

          “ ขอบคุณมากครับ ”   วาขอบคุณชายลึกลับ  

          

          ชายลึกลับเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มรับ  เหมือนกับต้องการจะบอกว่ารู้แล้ว    ต่อจากนั้นชายคนนั้นก็หันหลังกับไปหาก็อบและโกจิ   แล้วก็กระดิกนิ้ว  สักพักหนึ่งก็มีควันระเบิดขึ้นมาล้อมรอบก็อบและโกจิอีกครั้ง     หลังจากควันค่อยจาง ลง    ก็พบว่ากล่องสีดำ 2 ใบนั้นได้หายไปแล้ว  

           ก็อบและโกจิ  ถึงกับยืนไม่ขึ้นได้แต่เอามือยันกับพื้น หอบหายใจแฮ่กๆ        ก็อบค่อยๆ พยุงตัวขึ้น เมื่อยืนขึ้นมาได้แล้วก็ฉุดโกจิให้ลุกขึ้นยืนตามตัวเอง    

            “ ไม่รีบไปเข้าเรียนชมรมของตัวเอง เดี๋ยวจะโดนอาจารย์เขาว่ากันนะ ทั้ง 2 คน ”     ชายลึกลับยิ้มให้ก็อบและโกจิ  น้ำเสียงของเขานิ่งสงบ       แต่ในใจของก็อบนั้นคิดว่า  มันเท่ากับเป็นการเยาะเย้ยกันชัดๆ!!

           “ ฝากไว้ก่อนเถอะ ”   ก็อบพูดด้วยความอาฆาต แล้วรีบวิ่งไปพร้อมกับโกจิ      



           หลังจากที่ทั้งก็อบและโกจิวิ่งหนีไปแล้ว  ชายลึกลับก็หันมาดูสภาพบาดแผลของวา  

              “ โดนไปเยอะเหมือนกันนะเรา  ถ้ายังไงไปที่ห้องชมรมของผมก่อนก็ได้นะ  เดี๋ยวจะทำแผลให้   ”    

              “ ก็ได้ครับ ”  วาตอบอย่างอ้ำอึ้ง        

              “ งั้นตามมาเลย ”     ชายลึกลับเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าอาคาร   วารีบเดินตาม  ชายลึกลับเดินเร็วมาก  แต่วาก็เดินเร็วไม่แพ้กัน    



             ภายในอาคารชมรมดูไม่ต่างจากอาคารเรียนสักเท่าไหร่นัก แต่ที่น่าสนใจก็คือ  มันมีขนาดที่ดูใหญ่กว่าอาคารเรียนถึง 2 เท่า    ชายลึกลับพาวาไปถึงประตูห้องๆ หนึ่งซึ่งดูใหญ่มากเหมือนกับประตูโรงหนังก็ไม่ปาน    เมื่อเข้าไปข้างใน   วาก็ต้องตะลึงเพราะว่าภายในห้องนั้น  มันใหญ่มาก  เหมือนกับที่แสดงมายากลหรือคอนเสริท์เลยก็ว่าได้   ไม่ใช่สิมันคือที่แสดงมายากลเลยนั่นแหละ  วาพูดกับตัวเอง     มีที่นั่งอยู่มากมายเหมือนกับโรงหนังเลย แถมยังมีที่นั่งพิเศษชั้นบนสะด้วย อะไรมันจะหรูขนาดนี้        

            “ มานี่สิ ทำยังกับไม่เคยเข้ามาแน่ะ ”  ชายลึกลับพูดเมื่อเห็นวามัวแต่ยืนจ้องมองไปรอบๆ ห้อง      

            “ ก็ผมไม่เคยเข้ามาจริงๆ นี่ครับ ”      วาพูดแล้วก็หัวเราะ   จากนั้นก็เดินตามชายลึกลับไป     ชายลึกลับเดินไปจนถึงหน้าเวที   แล้วกระดิกนิ้ว    ไฟทั้งห้องก็เริ่มสว่าง  ดูแล้วสวยงามมาก        ชายลึกลับเดินต่อไปทางด้านขวาของเวที แล้วก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง    เมื่อวาเดินตามเข้าไปก็พบกับห้องที่มีกระจกล้อมรอบ  เหมือนกับห้องซ้อมเต้นของพวกเด้นซ์เซอร์    



           “ นั่งรอตรงในห้องนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปเอายามาให้ ”      พูดจบชายลึกลับ ก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้วาอยู่คนเดียวในห้อง     วาถอนหายใจหนึ่งเฮือก  พร้อมกับเดินไปรอบๆ ห้อง   พื้นห้องที่ปูไปด้วยพรมสีคลีม  ดูจะถูกใจวามาก     สักพักหนึ่งวาก็นั่งงกกับพื้น   ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายลึกลับนั้นเปิดประตูเข้ามาพร้อมถือกระเป๋าพยาบาลติดมือมาด้วย     ชายลึกลับเดินไปนั่งข้างๆ วา พร้อมกับเปิดกระเป๋าพยาบาล  แล้วก็หยิบสำลีชุบแอลกอลฮอล์   ขึ้นมา  

            “ ยื่นแขนมาสิ เออ ลืมไปยังไม่ได้ถามเลยว่าเธอชื่ออะไรนะ ”  ชายลึกลับหัวเราะ   วายื่นแขนข้างที่ถลอกไปให้ชายลึกลับ

           “ ผมชื่อ วา ครับว่าแต่คุณชื่ออะไรหรอครับ ”  

           “ อืม จริงด้วยสิลืมแน่ะนำตัวไป  ผมมีชื่อว่า  ซาซาไร ครับ ”  

           “ ทำไมชมรมนี้ไม่มีคนเลยอะครับ แล้วคุณทำหน้าที่อะไรหรอครับ ”  

           “ ชมรมนี้ เพิ่งตั้งมาใหม่มันก็เป็นธรรมดาแหละครับ  คนเลยไม่ค่อยจะรู้จัก ยิ่งเป็นชมรมนักมายากลด้วย คนคงไม่ค่อยจะสนใจเข้ามาหรอก  ส่วนใหญเขาก็จะเลือกพวกชมรมเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้หรือไม่ก็ดนตรีกัน    ส่วนผมก็เป็นอาจารย์ประจำชมรมนี้นะสิครับ  “

           “ แต่ผมสนใจมายากลนะครับ  ยิ่งเมื่อกี้ได้เห็นโชว์พิเศษที่จัดการไอ้ 2 คนนั่นได้ภายในพริบตา  ยิ่งน่าสนใจมากเลยครับ ”   วาพูดพร้อมกับตาเป็นประกาย    ซาซาไรหยิบพลาสเตอร์ยามาแปะแผลถลอกหลังจากทาแอลกอฮอล์เสร็จ  

           “ แล้วเธอละ อยู่ชมรมอะไรหรอ ”  

           “ ผมก็เพิ่งเข้ามาใหม่ยังไม่มีชมรมหรอกครับ  ก็กำลังจะมาสมัครเข้าชมรมนี้พอดี “      

           “ จริงๆ เรอะเนี่ย เป็นข่าวดีจริงๆ แฮะ  เมื่อกี้ที่เดินไปแถวหน้าประตูก็กำลังจะดูว่ามีคนจะมาสมัครเข้าชมรมนี้มั่งไหม เพื่อมาที่ห้องนี้ไม่ถูกจะได้นำมาแต่รอตั้งนานก็ยังไม่มีมาเลย  ก็กำลังจะเดินกลับมาในห้องแล้วละ พอดีได้ยินเสียงของพวกเธอนะสิเลยออกไปดู  ”       วานึกในใจว่าอะไรมันช่างเหมาะเจาะขนาดนี้  



            “ งั้นผมก็ขอตัวเข้าชมรมตอนนี้เลยละกันนะครับ  ฝากตัวด้วยนะครับ  ต่อจากนี้ไปขออนุญาตเรียกว่า  มาสเตอร์ เลยละกันนะครับ  ”  

            “ โอเค ได้เลย ใบสมัครไว้ค่อยกรอกทีหลังละกันนะ  วันนี้จะเรียนกันเลยไหมละ หรือว่าจะงดไว้ก่อนพรุ่งนี้ค่อยเริ่มเรื่อง เพราะดูอาการเธอสะบักสะบอมจัง ”    

            “ ไม่เป็นไรครับ เรียนวันนี้เลยครับ ผมอยากเรียนครับ  แค่นี้มันไม่เจ็บสักเท่าไหร่หรอกครับ    ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย  เจ็บตัวดีกว่าเจ็บใจครับ  ”   วาพูดท่าทางจริงจัง  

            “ งั้น เรามาเริ่มกันเลย บทเรียนที่หนึ่ง   การเก็บรักษาความลับ นักมายากลที่ดีจะต้องไม่บอกเคล็ดลับของกลนั้นๆ ให้ผู้อื่นได้รับรู้เด็ดขาด เพราะความลับเมื่อบอกไปแล้วมันก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป เธอจะรักษากฎข้อนี้ได้หรือไม่  ”    ซาซาไรพูดพร้อมท่าทางเอาจริง  

           “ ได้ครับ ”       วาตอบอย่างหนักแน่น     ซาซาไรเมื่อได้ยินดังนั้นก็แบมือข้างหนึ่งยื่นไปที่วา  จากนั้นก็เอามืออีกข้างหนึ่งมาประกบ   เมื่อนำมือข้างที่ปิดอยู่ออกก็ปรากฎกองใพ่หนึ่งกอง    

      

           “ ต่อไปนี้กองใพ่ชุดนี้ คือ กองใพ่ประจำตัวเธอนะ  เก็บรักษามันไว้ให้ดีๆ  เพราะมันจะเป็นทั้งอุปกรณ์การเรียนของเธอ และเครื่องป้องกันตัวด้วย ”     วารับกองใพ่มาด้วยความดีใจ  เมื่อเขารับกองใผ่นั้นมาจากมือของซาซาไรเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง  ซึ่งมันคงจะเป็นบารมีกระมังวาคิดกับตัวเอง    

           “ เอาละ เมื่อเธอได้ใพ่ไปแล้วละก็ ขอลองทดสอบดวงชะตาของเธอหน่อยนะ  ไหนเธอลองสับใพ่แล้วหยิบใพ่ใบใดใบนึงขึ้นมาจากกองหน่อยสิ  ”          ถึงวาจะรู้สึกงงนิดหน่อยแต่ก็ทำตามที่ซาซาไรบอก  วาสับใพ่อย่างละเอียดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ จากนั้นเขาก็เลือกที่จะหยิบใพ่ใบที่อยู่บนสุดจากกองขึ้นมา    



             วาลองพลิกใพ่ใบนั้นขึ้นมาดูก็ปรากฎว่า เขาหยิบได้       “ โจ๊กเกอร์ ”        หลังจากนั้นเขาก็ยื่นไปให้ซาซาไรดุ              ซาซาไรทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อย   จากนั้นก็รับมาดูอีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็ส่งคืนไปให้วา  

              “ ที่ให้ผมหยิบใพ่ขึ้นมาเนี่ย เพื่ออะไรหรอครับ ”       วาถามด้วยความสงสัย ซาซาไรหัวเราะเบาๆ แล้วหันหน้ามามองวา

              “ มันก็เป็นแค่การทดสอบดวงเท่านั้นแหละนะ รู้สึกว่าเธอจะเป็นคนที่มีแววทางมายากลสูงสะด้วย “

              “ ไอ้การที่ผมจับได้โจ๊กเกอร์เนี่ยนะครับ  มันจะเชื่อได้หรอครับเนี่ย “  

              “ มันอยู่ที่ว่าเธอเลือกที่จะเชื่อมันไหมละ เอาละถึงเธอจะเชื่อหรือไม่ เดี๋ยวผมจะลองทายนิสัยของเธอให้ดู ”        

             วาเริ่มมีอาการสนใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด  เพราะปกติเขาก็เป็นคนชอบดูดวงอยู่แล้วสะด้วย  

              “ การที่เธอจับได้ใผ่โจ๊กเกอร์นั้น แสดงว่าเธอเป็นคนที่มีความสามารถในด้านต่างๆ สูงยิ่ง ถ้าเธอตั้งใจทางด้านใดด้านหนึ่งแล้วละก็เธอจะสามารถเป็นสุดยอดของด้านนั้นได้อย่าง่ายๆ    แต่การที่จับได้โจ๊กเกอร์ก็มีข้อเสียอย่างหนึ่ง คือ เธอจะต้องพบกับชะตาการทดสอบต่างๆมากมาย  อย่าคิดดุถูกพลังของใผ่เชียวละ  “

               “ ชะตาการทดสอบมันหมายความว่าอะไรหรอครับ ”

               “ คำตอบจะปรากฎออกมาเองเมื่อถึงเวลาของมัน แต่ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก เพราะมันไม่ได้อันตรายอะไรมากมายหรอก อยากจะรู้อีกไหม ใพ่มันก็สามารถเดานิสัยของเธอได้ด้วยนะ ”   วาเริ่มรู้สึกอึ้ง แค่ใพ่ใบเดียวนะหรอจะสามารถเดาดวงชะตาของคนๆ หนึ่งได้เลย    

               “ งั้นลองบอกมาหน่อยสิครับ ว่าใพ่มันทายนิสัยผมว่าอย่างไรบ้าง ”

               “ เธอเป็นคนที่มีนิสัยร่างเริงแจ่มใสเข้ากับคนอื่นได้ดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น  เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี  ชอบอะไรที่ไม่เหมือนใคร เป็นคนที่รักในศักดิ์ศรีของตัวเองมาก  มีความยุติธรรมสูงจึงไม่ชอบคนที่เอาเปรียบคนอื่น  แต่ถึงภายนอกเธอจะดูเป็นคนที่ร่างเริงแจ่มใสก็ดี  ภายในของเธอกลับไม่ใช่อย่างนั้น   เธอเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมาก  บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวในโลก   แม้เธอจะเป็นคนที่มีเพื่อนมากแต่ก็ไม่สามารถหาเพื่อนคนใดเลยที่จะปรับทุกข์กับเธอได้      จึงทำให้บางครั้งเธอกลายเป็นคนสองบุคลิก  ว่าไงละที่จริงมันยังบอกว่า เธอยังมีอดีตบางอย่างที่เธอก็ยังไม่สามารถลืมได้อยุ่นะ   แต่ขอพูดเพียงเท่านี้ก่อนละกัน  ”    



             วาถึงกับอึ้งเพราะที่ซาซาไรพูดมาทั้งหมดไม่มีข้อไหนที่จะผิดไปจากความจริงเลย    จะมีที่เขาสงสัยก็แต่คนอย่างเขานะหรอ  จะเป็นคนที่มีความสามารถสูง  

              “ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วครับ ”

              “ แหม เชื่อกันง่ายๆจริงนะ ในใพ่มันบอกว่าเธอเป็นคนเชื่อคนยากไม่ใช่หรอ ”

              “ มันทายว่าผมเชื่อคนง่ายได้  เห็นทีผมจะต้องเชื่อมันจริงๆ สะแล้วละครับเนี่ย ”    วาพูดจบก็หัวเราะ  เขาเริ่มมีความรู้สึกเป็นกันเองกับซาซาไรมากขึ้นกว่าเดิม      

             “ งั้นต่อไปก็วันนี้จะให้เธอทำความรู้จักกับสถานที่ก่อนนะ  ห้องที่เราอยู่นี้เขาเรียกว่า ฮาโมเนีย    ไอ้ห้องที่เราอยู่ไม่ได้หมายความว่าห้องเล็กๆ ห้องนี้นะ แต่เป็นห้องที่เธอได้เข้ามา   เพราะมันถือว่าเป็นศูนย์กลางที่ใช้แสดงงานต่างๆ   ไม่ว่าจะใช้ประกวดวงดนตรี   การแสดงละครเวที  การแสดงมายากลก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เช่นกัน  ”      

             “ ฟังชื่อห้องแล้วมันดูยิ่งใหญ่จังเลยนะครับ ”

             “ มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่แค่ชื่อหรอกนะ เพราะแค่เพียงเธอเดินเข้ามาก็คงรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของมันแล้วใข่ไหมละ  คาดว่าคงมีสักวันหนึ่งนะ  ถ้าเธอสามารถฝึกวิชาได้จนเก่งแล้วละก็  เธออาจจะได้รับเกรียติขึ้นมาแสดงมายากลบนเวทีนี้ก็ได้  “

             “ ถึงขนาดนั้นเชียวหรอครับเนี่ย เวทีนี้สงสัยถ้าไม่มีอะไรที่มันยิ่งใหญ่มาแสดงจริงๆ  คงจะขึ้นมายากแน่เลยท่าทาง   จริงไหมครับ ”

            “ ถูกต้องแล้วละ  เพราะคนที่จะสามารถขึ้นมายืนอยู่บนเวทีนี้ได้จะต้องมีความสามารถในการแสดงสูงทีเดียวละ  แต่ผมเชื่อนะว่าคนอย่างเธอจะต้องสามารถขึ้นมาแสดงได้แน่นอน ”

           “ แล้วอย่างมาสเตอร์นี่เคยได้ขึ้นไปแสดงรึเปล่าละครับ  เอ๊ะไม่เห็นต้องถามเลยนิ แหะๆ ลืมไปว่าฝีมือมาสเตอร์ระดับไหนแล้ว ”        ซาซาไรได้ยินวาพูดชมเช่นนั้นก็หัวเราะ

           “ แหมอะไรกันผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากขนาดนั้นหรอกนะ  ก็เคยขึ้นไปเหมือนกันแหละ  ส่วนใหญ่ก็ไปแสดงในวันสำคัญของโรงเรียน  อย่างเช่นงานวันราตรีของโรงเรียน ”        

          “ โอ้โห! ฟังดูหรูจังเลยละครับงานวันราตรี  มันเป็นยังไงหรอครับ ”

          “ มันก็เป็นวันฉลองวันปีใหม่นั่นแหละเพียงแต่ว่า  เขาจะจัดงานตอนกลางคืน แล้วก็จะเริ่มนับเค้าดาวน์กัน  ภายในโรงเรียนคืนนั้นจะเป็นคืนที่สวยที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาเลยเชียวละ  ทั้งโรงเรียนจะประดับไปด้วยไฟสีสันสวยงามมากมาย   นักเรียนและอาจารย์ทุกคนก็จะแต่งตัวชุดที่คิดว่าตัวเองดูดีที่สุดกันออกมา   จะมีการแสดงโชว์ต่างๆ มากมายไม่ใช่เฉพาะที่เวทีฮาโมเนียเท่านั้น   ขึ้นอยู่กับว่า ชมรมไหนต้องการจะจัดแสดงที่ไหน  ยังมีเวทีอีกหลายที่ในโรงเรียน เธออาจจะยังไม่เคยเห็นนะ อย่างเช่นกลางสนามก็มี  แต่ที่เด็ดและดีที่สุดก็คงจะต้องเป็นฮาโมเนียนี่แหละ  ”

              “ ผมรู้สึกอยากจะให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จังเลย ”

              “ ไม่ต้องรีบหรอก เพราะนี่มันก็ใกล้จะถึงปลายปีแล้วละ อีกแค่ไม่กี่เดือนเอง  ว่าแต่ถ้ามันถึงวันนั้นแล้ว  ผมอาจจะต้องให้คุณมาช่วยแสดงบนเวทีฮาโมเนียนี้สะหน่อยนะ    จะได้เป็นการเปิดตัวลุกศิษย์คนแรกสะหน่อย  ”      ซาซาไรยิ้มให้กับวา     วารู้สึกไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเลย  แต่เขาก็ไม่เคยหวั่นอยู่แล้ว

               “ ผมจะไหวหรอครับเนี่ย ”

               “ เธอเชื่อในใพ่แล้วไม่ใช่หรอ  คนอย่างเธอนะมีความสามารถอยู่แล้วละ  อีกอย่างหนึ่งถึงเธอจะเป็นคนไม่มีความสามารถหรือพรสวรรค์แต่  ถ้าเธอรู้จักหมั่นฝึกซ้อมละก็เธอก็จะต้องทำได้แน่นอน  ”       ซาซาไรพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้วา   วารู้สึกมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น  

              “ เราจะเริ่มเรียนกับเลยดีไหมครับ ”

              “ เธอพร้อมแล้วหรอ ถ้างั้นเรามาเริ่มกันเลยละกันนะ ”

              “ ครับ ”   วาตอบดูท่าทางมีความมั่นใจสูง





              ประตูไม้ค่อยๆ เลื่อนออก  ก็อบค่อยๆ เดินเข้าไปในโรงฝึกของชมรมนินจา    ทันทีที่ก็อบเดินเข้าไปก็พบกับชายรูปร่างผอมคนหนึ่ง   จ้องมาที่ก็อบด้วยสายตาที่น่ากลัว   ลักษณะเป็นคนที่ท่าทางเข้มขรึมและก็เอาจริง  

             “ เจ้ามาสายนะ ก็อบ อย่างนี้ต้องโดนทำโทษ ”

              “ ผมขอโทษครับ มาสเตอร์ชไนเดอร์ ”      

              ก็อบดูท่าทางเกรงกลัวชายผู้นี้เป็นพิเศษถึงขนาดไม่กล้าสบตาด้วย  ก็คงเพราะว่าเขาเป็นหัวหน้านินจาหรืออาจารย์ประจำชมรมนินจานั่นเอง       ชไนเดอร์จ้องมองก็อบอยู่นาน ทำให้ก็อบรู้สึกเกร็งไปทั้งด้วย

              “ นั่นไปโดนอะไรมา ทำไมถึงดูมอมแมมอย่างนี้  แถมมีแผลถลอกอีก  อย่าบอกนะว่าเจ้าไปหาเรื่องใครมาอีก   ตอบมาซิว่าเธอไปทำอะไรมา ”

              “ เปล่านะครับ ผมแค่หกล้มมา ”    

              “ อย่ามาคิดว่ามาจะโกหกต่อหน้า ฮัตโตริ ชไนเดอร์ ผู้นี้ได้ง่ายๆ นะ     ไปหาเรื่องคนมาแถมยังคิดจะโกหกข้าอีกเรอะ  ”

              ชไนเดอร์ผู้ด้วยท่าทางโมโหสุดขีดสายตาของเขาดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น    ก็อบถึงขนาดทำอะไรไม่ถูก

             “ ขอโทษครับ ”

            “ เรื่องนั้นไว้ทีละ สรุปก็คือเจ้าไปหาเรื่องคนอื่นมาอีกแล้วใช่ไหม  แต่ทำไมคราวนี้ถึงได้แผลกลับมาละ ”

            “ เรื่องนั้น เออ คือ ….. ”

            “ คือ อะไรตอบมาเดี๋ยวนี้ อย่ามาทำเป็นตัวอ่อนแอได้มั้ย! ”  

            “ ผมไปหาเรื่องเด็กนักเรียน.ใหม่มาครับ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีนักมายากลคนหนึ่งมาช่วย   ผมสู้เขาไม่ได้ครับ ”

            “ นี่ เธอไปหาเรื่องเด็กนักเรียนที่เพิ่งเข้ามาใหม่งั้นเรอะ  ทำไมถึงทำแบบนี้โทษเธอหนักแน่   ไว้ข้าจะพิจารณาโทษที่หลัง    เข้าไปฝึกกับเพื่อนของเจ้าก่อนไป! ”

            

             ก็อบรีบวิ่งเข้าไปภายในโรงฝึก   ชไนเดอร์ยังคงยืนท่าทางดูอารมณ์จะไม่ค่อยดีนักอยู่ตรงที่หน้าทางเข้าโรงฝึก   ในการที่เขารู้ว่านักเรียนของเขาไปหาเรื่องคนอื่น เขาย่อมไม่ชอบอยู่แล้ว   แต่การที่นักเรียนของเขาต้องแพ้กลับมาทำให้เขายิ่งไม่พอใจเป็นอย่างมาก   เนื่องจากคนที่มาช่วย คือ นักมายากลซาซาไร!  ซึ่งไม่ค่อยจะกินเส้นกับเขาเท่าไหร่นัก          ชไนเดอร์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าโรงฝึกแล้วกัดฟัน ดูท่าทางเขาจะโมโหถึงขีดสุดที่รู้ว่านักเรียนของถูกซาซาไรเล่นงานมา  มันเหมือนกับเป็นการหยามกันถึงระดับอาจารย์ชัดๆ    แล้วคงจะได้เห็นดีกันเร็วๆ นี้นะซาซาไร        ชไนเดอร์เมื่อยืนอยู่สักพักก็เดินกลับเข้าไปในโรงฝึก

            



                                                          ______________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×