คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : บทเรียนที่ 34 หรือวง GENSO จะต้องล่มเสียก่อนจะเริ่มเล่น ..?!
บทเรียนที่ 34 หรือวง GENSO จะต้องล่มเสียก่อนจะเริ่มเล่น
..?!
ทันทีที่พิชากิส่งกลองเรียบร้อย เสียงเบสของซักก้าก็ดังขึ้นอย่างเข้าจังหวะกันพอดี ส่วนจ๋อยที่เห็นหน้าตึ๋มๆไม่ค่อยจะพูดจาเท่าไหร่ ก็แผลงฤทธิ์ออกมาทันทีด้วยลีลาการเล่นกีต้าร์อันดุเดือด แบบถึงพริกถึงขิง ซึ่งหากไม่มองหน้าคนเล่นจะได้อารมณ์กว่านี้มาก
สมกับที่เป็นวงที่น่าจับตามองจริงๆ
แม้ฝีมือของมือเบส กับมือกีต้าร์จะไม่ได้เรียกว่าถึงขั้นสุดยอด แต่ด้วยการคุมจังหวะ และการโชว์ฝีไม้ลายมือของพิชากิก็เพียงพอแล้วจริงๆ
..
ดนตรีอันดุดันหนักแน่นยังคงเล่นอยู่พักหนึ่ง ราวกับเป็นการประกาศศักดาข่มขู่ทุกวง ทั้งยังปลุกอารมณ์คนฟังได้อย่างดีเยี่ยมที่แล้ว
และแล้วพิชากิยกมือควงไม้กลองก่อนที่จับไม้กลองแน่นพร้อมกับตีลง
‘ ซิ !!! ’
เสียงฉาบดันขึ้น คล้ายเป็นการปลุกให้ผู้ชมตื่นจากความฝัน ก่อนที่เสียงร้องอันเปี่ยมไปด้วยพลัง หรือจะเรียกว่า ความเก็บกดดี ดังขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเจ้าของเสียงก็คือ พิชากิ นั่นเอง
‘ ฮาร์ดคอไม่เปลี่ยนเลยให้ตาย ’
มิวส่ายหัว แต่ก็ชูมือเชียร์
แม้วาเองจะไม่ใช่คนชอบฟังเพลงแนวนี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าการเล่นอันบ้าคลั่งของวง BLACK PIG ก็คล้ายถูกมนต์สะกดส่ายหัวไปตามจังหวะ ลืมเรื่องที่ตนเองกังวลไปอย่างหมดสิ้น
ดนตรีเล่นไปถึงจุดหนึ่งจากนั้นจ๋อยก็ทำการโซโล่เป็นการหอปากหอมคอ ก่อนที่จะส่งท่อนสุดท้ายให้กับสมาชิกวงสองคนที่เหลือ
เสียงกีต้าร์ก็ค่อยๆเบาลงๆ คงเหลือแต่เบสกับกลองที่ยังคงเล่นคุมจังหวะกัน จากนั้นพิชากิหันมาสบตาวูบกับซักก้า ซึ่งผยักหน้ารับเป็นเชิงรู้กัน
หลังจากพิชากิส่งกลองให้ซักก้าก็ทำการโซโล่เบสในมือทันที พร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นจากผู้ชม แต่สำหรับเจ้ามือเบสเทพประจำวงกรูมี่ ซันเดย์นั้นแค่ขยับยิ้มเล็กน้อย
และจากนั้นซักก้าก็ดีดเบสเสียงดัง
‘ ดืออออออออ ’
ก่อนจะชี้มือไปยังพิชากิ
และทันใดนั้นเอง สิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็เกิดขึ้น
วาคิดว่าหากการคุมห้องน้ำทุกวันทำให้เขาสามารถเป็นเช่นนี้ได้บ้าง เขาก็คงจะยอมไปคุมห้องน้ำให้ได้สักเศษเสี้ยวหนึ่งของพิชากิ
ฉายาที่วาเป็นมือกลองในตำนานประจำโรงเรียนนับว่าไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้นักเรียนหลายคนต่างพากันเรียกพิชากิว่า ‘เทพเจ้าหมูดำ’ ซึ่งดูเหมือนพิชากิจะชื่นชอบกับฉายานี้เสียด้วยซ้ำ
กระเดื่องที่ไม่จำเป็นต้องมีเป็นคู่ แต่พิชากิสามารถเหยียบได้ราวกับกระเดื่องคู่ การรั่วกลองที่เข้าถึงอารมณ์ราวกับจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกลองก็ไม่ปาน และท่าทีที่แสดงถึงการปลดปล่อยทางอารมณ์ที่ไม่สามารถจะบรรยายได้ ไม่ว่าจะทางสีหน้าขึ้นสี ที่พิชากิต้องเม้มปากแน่นขณะตี หรือจะเป็นมือไม้ตีไปมา ราวกับระบายทุกอย่างออกไปหมดสิ้น
วานึกอยากให้เวลาการเดี่ยวกลองของพิชากิมีไปอย่างนี้เรื่อยๆ การดูการเดี่ยวกลองที่ไม่มีคำว่าเสียใจเลยที่ชีวิตนี้ได้เกิดมาดู นี่มันเกินระดับของเด็กนักเรียน ม.ปลายจริงๆ
จากนั้นเวลาแห่งการปลดปล่อยก็ดำเนินมาถึงตอนจบเมื่อไม้กลองในมือขวาของพิชากิถูกชูขึ้นพร้อมกับควงสองสามรอบก่อนที่จะตีลงตามจังหวะทีละครั้งๆ
1
2
3
และ
..!!!
ไม้กลองทั้งสองข้างถูกโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยที่ขาของพิชากิยังคงเหยียบกระเดื่องรั่วอยู่อย่างไม่คิดชีวิต และเป็นภาพที่วาคิดว่าคงจะหาดูที่ไหนอีกไม่ได้แล้ว
ราวกับปาฎิหาร์ย
.จังหวะที่จะต้องลงกลองนั้นมือของพิชากิก็รับไม้กลองทั้งสองได้อย่างแม่นยพราวกับจำวางโดยไม่ต้องมองไปยังด้านบนเลยแม้แต่น้อย
และ
..
!!!
‘ ตึง ’
!!!!
เสียงทุกอย่างจบลงพร้อมความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วสนาม ไม่ใช่ว่าพิชากิเล่นไม่ดีเลยไม่มีคนปรบมือ แต่ทุกคนไม่มีเวลาแม้แต่คิดจะปรบมือ เพราะมนต์สะกดอันมีเสน่ห์ของการตีนั่น
มนต์เสน่ห์ที่หัวหน้าแก๊ง และวง BLACK PIG เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ !
และในที่สุดมนต์สะกดก็คลายลงเมื่อพิชากิยืนขึ้นพร้อมกับโค้งหัวขอบคุณพร้อมด้วยเลือดที่ยังวิ่งอยู่ในตัวผู้ชมทุกคน และตัวของเขาเอง
เสียงปรบมือดังกึกก้อง พร้อมกับเสียงตะโกนกันอย่างไม่ได้นัดหมายของผู้ชมทุกคน
“ เอาอีก เอาอีก เอาอีก ”
“ เทพเจ้าหมูดำ !!! ”
รัศมีของวง BLACK PIG เจิดจรัสกลบเกลื่อนประกายของสองวงแรกให้ดับลงไปอย่างสิ้นเชิง รวมกับอาจจะกลบวงที่จะเล่นต่อจากวงของตนไปอีกไม่รู้กี่วงด้วย
ท่ามกลางเสียงปรบมือ พิชากิที่ยังค้างในอารมณ์ก็ก้มลงรั่วกลองอีกชุดหนึ่ง เป็นชุดสุดท้ายที่ระบายอารมณ์สนองให้กับผู้เรียกร้องทุกคนได้อย่างหมดใจ
“ อ๊าส์ !!!”
พิชากิคำรามจากนั้นโยนไม้กลองไปยังผู้คนเบื้องล่างราวกับตนเป็นดารา ซึ่งก็ยังมีคนบ้ารีบยื้อแย่งไม้กลองของพิชากิ และเสียงปรบมือพร้อมเสียงคำรามของเหล่าสาวกเพลงที่ไม่ทราบตั้งกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ยังคงดังกึกก้องไปทั่ว เรียกได้ว่า ไม่ไล่ ก็ลงจากเวทีไม่ได้ เพราะแฟนๆเรียกร้อง
พิชากิถึงกับระเบิดอารมณ์ด้วยการฉีกเสื้อยืดสีดำของตนเอง จากนั้นโยนออกไปอีก ซึ่งก็ยังทำให้เกิดการยื้อแย่งอีก ถึงกับมากกว่าตอนโยนไม้กลองเสียงอีก
“ โอ้ว !! ”
พิชากิคำรามอีกครั้ง ความบ้าบิ่นของพิชากิกลบซีนส์ของซักก้ากับจ๋อยไปเสียหมดสิ้น แต่อย่างไรวง BLACK PIG ก็ยังคงเป็น BLACK PIG ทั้งสองไม่อิจฉาความบ้า หรือความโดดเด่นของพิชากิเลยแม้แต่น้อย
แต่ซักก้าเมื่อเห็นท่าจะยื้อไปก็ไม่ดี เดี๋ยวคะแนนจะตกเอาเปล่าๆ เลยพูดเตือนให้พิชากิ ซึ่งบัดนี้ก็เปลือยท่อนบนคำรามอยู่นั้นให้ลงจากเวทีกันได้แล้ว
“ เราว่าลงกันไปได้แล้วนะนาย เดี๋ยวคะแนนมันจะตกเอา เพราะเกินเวลาไป ”
พิชากิหันขวับมา ถึงแม้ในแววตายังคงบอกถึงอารมณ์ที่ค้างอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่อยากให้ตนเองทำเสียเรื่อง ถึงโค้งคำนับงามๆ พร้อมกันสามคนอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวขอบคุณ พร้อมลงจากเวที
“ BLACK PIG BLACK PIG ”
แม้จะลงจากเวทีไปแล้วเสียงตะโกนเชียร์ก็ยังคงดังอย่างไม่ขาดสาย เล่นเอาวงต่อไปที่จะขึ้นมาเล่นถึงกับแทบจะถอดใจสละสิทธิ์
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มอย่างมั่นใจบนในหน้าสมาชิกวงกรูมี่ ซันเดย์หายไปได้แต่อย่างใด
“ เฮ้อ ” วาถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่มากเท่าไหร่แล้ว สำหรับการทำใจก่อนที่จะต้องขึ้นไปเล่นบนเวทีจริงๆ
“ เฮ้ ว่ายังไงบ้าง ” มิวเอ่ยทักเบต้าที่เดินมาส่งข่าว
“ ก็เหลืออีกสองวงก่อนที่จะถึงวงเราน่ะ ” เบต้าอธิบาย
ตั้งแต่ชมการแสดงของวง BLACK PIG เสร็จ มิวที่เห็นสีหน้าของวาไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงเริ่มดำเนินยุทธการผ่อนคลายความตึงเครียด โดยการพาวาออกมาจากบริเวณการประกวด ทุกคนเดินตามมิวไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็พากันมานั่งทำใจให้สงบบริเวณหลังเวทีห่างจากเวทีไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก และดูเหมือนว่าจะได้ผลไม่มากก็น้อย วาเริ่มสงบอารมณ์ตื่นเต้นลงได้บ้างแล้ว
แต่มิวอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ว่า อารมณ์ที่วาเป็นอยู่นั้นไม่ใช่อาการตื่นเต้น มันเป็นอาการกดดันเสียมากกว่า ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเลยหากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณจะต้องขึ้นเวที หนำซ้ำยังได้เห็นการเล่นอันสุดยอดของพิชากิ และยังแรงกดดันที่ได้รับมาจากเซตอีก
“ เอาน่า ” เสียงนุ่มกล่าวขึ้น พร้อมกับมือที่ตบลงบนบ่าวาเบาๆ “ ถ้ามันตื่นเต้นมากจะดำน้ำไปก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ แหะๆ ”
โซเฟียยิ้มอย่างชอบใจที่ได้แหย่วา
“ แล้วจะเอายังไงละ ” เบต้าถาม
“ เรายังไงก็ได้ แล้วแต่นิคอะ ” มิวพูดกวนๆ แกล้งโยนการตัดสินใจให้กับเสือใบ้นิค ซึ่งก็อย่าหวังจะได้คำตอบอะไรจากเสือใบ้ขาประจำ นอกจากหันหน้าโยนไปยังนีโอต่อ
“ อืม ” นีโอครุ่นคิด “ เราคิดว่ารออีกสักสองนาทีก็ได้ แล้วค่อยไปเตรียมตัวแถวหน้าเวทีได้แล้ว ”
โซเฟียพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็อดไม่ได้ก็จะบ่นออกมา
“ เฮ้อ ทำไมวงของตาบ้านั่น ต้องมาเล่นก่อนเราด้วยนะ ”
ใช่แล้ว ทำไมต้องมาเล่นก่อนวงเราด้วยนะ ทำไมเราต้องโดนกดดันด้วย
“ ก็ดีแล้ว ” เสียงของมิวทำให้วาต้องหันขวับไปมอง ท่าทามิวดูมุ่งมั่นเป็นพิเศษ “ จะได้รู้ไปเลยว่าใครเจ๋งกว่าใครไงละ ! ”
และนั่นก็เหมือนจะช่วยให้วาดีขึ้น พอๆกับแย่ลง
“ ว่าแต่มีอะไรที่เราจะต้องซักซ้อมกันอีกไหม ” นีโอถามซ้ำเพื่อความรอบคอบ แม้ตลอดเวลาที่พละออกมาจากบริเวณเวที ต่างคนต่างช่วยกันซักซ้อมคิวกันอย่างเรียบร้อยแล้วก็ตาม
“ คงไม่มีแล้วละ ” วาเอ่ยอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเตรียมตัวกันได้แล้วละ ” มิวกล่าวพลางยกกีต้าร์คู่ใจสะพายขึ้น ส่วนทุกคนก็ต่างจัดการกับอุปกรณ์ของแต่ละคน
วานั้นสบายสุดไม่ต้องสะพายอะไรเลย แต่ในที่สุดก็อาสาช่วยสะพายกีต้าร์ให้กับโซเฟีย ไม่ทราบว่าเพราะอยากจะช่วยถือ หรือว่าเพราะไม่มั่นใจเลยอยากมีอะไรติดตัวให้ได้มากที่สุดกันแน่
ขณะที่ทุกคนเดินกลับมาถึงเวทีการประกวดก็เป็นจังหวะพอดีกับวงก่อนหน้าวงกรูมี่ ซันเดย์เล่นเสร็จพอดี และโนโต้กำลังวิจารณ์การเล่นวงอย่างออกรส เนื่องจากวงนี้เล่นไม่ค่อยจะได้เรื่องสักเท่าไหร่
คนบางคนเมื่อเห็นคนอื่นทำอะไรไม่เก่ง แทนที่จะช่วยชี้ทาง ให้กำลังใจ ติเพื่อก่อ กลับชอบเหยียบให้จมดิน คนประเภทนี้เมื่อถึงคราวถูกเหยียบบ้างแล้ว คาดว่าคงไม่อาจทดทานรับได้อย่างแน่นอน
และดูเหมือนว่าโนโต้จะเป็นคนประเภทนี้ แต่คนประเภทนี้จะมีความสามารถพิเศษคือ เขาจะไม่พยายามระวังตัวไม่ให้ใครมาเหยียบได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อกดคนอื่น จนในที่สุดก็หวนกับมาสู่ตนเอง
คนเราควรจะมีความเมตตา รู้จักให้อภัย และคิดในแง่ดีเสียมากกว่า
เงาจันทร์หลับตาคิด ขณะฟังคำวิจารณ์ที่ไม่อาจเรียกว่า คำวิจารณ์ได้ของโนโต้
“ เอาจริงๆก็คือ พี่คิดว่า น้องต้องเปลี่ยนนักร้องนะ ” ชายผู้เรียกว่าตัวเองว่า พี่ ทั้งๆที่อายุก็ปาไปเกินวัยกลางคนนิดหน่อยแล้ว กล่าวอย่างอวดตน หากไม่ใช่คนที่ต้องรับฟัง ‘คำวิจารณ์’ อยู่ในขณะนี้ หรือผู้ที่รู้นิสัยโนโต้ดีจริงๆ คงจะคิดว่าโนโต้เป็นคนคนในวงการอารมณ์ดีคนหนึ่งที่หยอกเด็กๆเล่นเท่านั้นเอง
วาถึงกลับเสียวสันหลังวาบ เมื่อคิดว่าหากหลังจากเขาเล่นเสร็จต้องเจอคำวิจารณ์แบบนี้เข้าบ้าง และเขาก็กำลังคิดอยู่ว่า จะยังสามารถฉีกยิ้มอย่างที่เจ้านักร้องนำบนเวทีคนนั้นฉีกยิ้มอยู่ได้ไหม
และสิ่งที่วาคิดว่าร้ายกว่าคำวิจารณ์ของโนโต้ก็มาถึง เมื่อเด็กชายนักประกาศเจ้าเก่าประกาศอย่างเต็มภาคภูมิว่า
“ เอาละครับ ในที่สุดหลังจากบางคนรอคอยมาเป็นเวลานาน
..” น้ำเสียงฟังดูเหมือนจะลำเอียงให้แก่วงนี้บ้าง “ วงที่ใครๆก็กล่าวขวัญถึง วงที่รวมสมาชิกวงในตำนานเมื่อปีที่แล้วไว้มากถึงสามคนด้วยกัน
”
ยังไม่ทันกล่าวต่อเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นมาทันที นั่นยิ่งทำให้วาแปลกใจมากว่า พวกนิสัยแย่ๆอย่างเซตมีแฟนคลับกับเขาด้วย ? หรือจะเป็นเพราะมือเบส กับมือคีย์บอร์ด หรือจะอะไรก็แล้วแต่
แต่ที่แน่ๆว่าภาวนาว่า คงไม่ใช่เพราะเซต กับเจ้ามือกีต้าร์คนนั้น
“ ทำไมแฟนๆถึงได้เยอะนักละ ” วากระซิบถามมิวอย่างอดไม่ได้
“ อาจเพราะกระแสมันแรงก็ได้นะ ” มิวพยายามกล่าว เพื่อไม่ให้โดยเสียงกรี๊ดกลบ “ บางคนเขาก็ไม่รู้นิสัยนิ อีกอย่างบนเวทีเสียงดี มาดดี มันก็น่าจะได้ใจสาวๆบางคนอยู่นะ ”
เซตในเสื้อสีเหลือง กางเกงยีนส์พร้อมผ้าพันคอสีดำลายหมารุก ซึ่งเอมี่เป็นคนถักให้ยืนโบกมือเรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับ
“ สวัสดีคร๊าบบบบ ” เซตชูมือพร้อมกล่าวเสียงหนักแน่น “ เป็นอย่างไรกันบ้าง ”
วาสังเกตได้ว่าขณะที่เซตกำลังกล่าวนั้นสมาชิดคนอื่นๆก็รีบจัดการเซตเครื่องดนตรีของตนให้พร้อมไปในตัว
ไม่ทราบว่านี่เป็นการทำไปเพราะสัญชาตญาณ หรือเพราะความเป็นมืออาชีพกันแน่ วายอมรับเลยว่า แม้เซตจะดูไม่เข้าท่าเลย แต่เมื่อยืนอยู่บนเวทีชายคนนี้คล้ายดารา แถมยังเท่มากๆเสียด้วย
แล้ววาจะเอาอะไรไปสู้ละเนี่ย ?!
เสียงกลองเคาะขึ้นจากนั้นกีต้าร์ผสมโรงตามต่อด้วยเบส และคีย์บอร์ดในลำดับถัดมา ไม่บอกก็รู้ว่านี่เป็นแค่การเซาวน์เช็ค เพียงแต่มันเป็นการเซาวน์เช็คที่สุดยอดจริงๆ
เซตยังคงยืนตรงพร้อมหันไปมองสมาชิกวงเพียงเล็กน้อย เรียกได้ว่า รักษามาดนักร้องนำเท่ๆได้เป็นอย่างดี สักพักกลองก็ส่งจบพร้อมกับการหันไปพยักหน้าของสมาชิกทุกคนไปที่เซต
และแล้ว
..
“ เอาละครับ ต้องขออภัยที่ให้รอนานนะครับ ” เซตยิ้มอย่างมั่นใจ “ ตอนนี้กรูมี่ ซันเดย์พร้อมที่จะลุยกันแล้ว แล้วทุกคนพร้อมกันรึยัง ! ”
เสียงตอบรับดังไปทั่ว ในตอนนี้เซตได้ปลุกอารมณ์ผู้ชมให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจาก
พิชากิได้ทำไปแล้วครั้งหนึ่ง
“ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ลุยโลด
. เย้ ! ” เซตชูมือขึ้นจากนั้นกลองก็เคาะจังหวะพร้อมกับการเปิดฉากการแสดงดนตรีอันแสนอลังการ
เสียงกีต้าร์โซโล่ขึ้นมาในทันที จากค่อยๆกลายมาเป็นดังขึ้นเรื่อยๆ เจ้ามือกีต้าร์จอมอวดดีนับว่าโชว์ลีลาการเปิดตัวได้ไม่เลวเลยทีเดียว
จากนั้นเสียงเบสก็ดังขึ้นดึงความสนใจไปที่มือเบสผู้ร่วมสร้างตำนานชนะเลิศในปีที่แล้วทันที
“ วัน ทู ทรี ” เซตนับจังหวะพร้อมกับเสียงเคาะของกลอง “ โก !!! ”
เสียงกลองแสดงจังหวะอันมั่นคง แฝงไปด้วยความเร้าใจ
เสียงกีต้าร์กระตุ้นอารมณ์อันเร้าใจ
เสียงเบสแสดงความพลิ้วไหว แต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นมั่นคง ชวนให้ลื่นไหลไปกับทำนอง
เสียงคีย์บอร์ดในตอนนี้เพียงแค่คลอไปกับจังหวะเท่านั้น แต่เพียงแค่ได้ยินเบาๆก็เรียกความน่าสนใจเล็กๆน้อยๆที่ซ่อนอยู่ในเพลงได้แล้ว
ส่วนเสียงนักร้อง
.!!!
‘ รักครั้งนี้ เห็นทีต้องเอ่ยคำร่ำลา
เมื่อเธอเองเลือกเป็นฝ่ายที่จะไป
.. ’
เสียงนับว่ายังไม่เท่าไหร่ แต่การใส่อารมณ์กับท่าทางเรียกได้ว่า ดึงอารมณ์ร่วมของคนดูได้แบบเต็มๆ
‘ เธอมันก็แค่พวกชอบทำร้าย
..จิตใจ
เห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่น
หรืออาจจะเป็นแค่
คนที่โกหกความรู้สึกของตัวเองไปวันๆ ’
เซตพร้อมกับเจ้ามือกีต้าร์กระโดดขึ้นเมื่อถึงท่อนหยุด ส่วนเจ้ามือเบสห้อยตัวลงเล่นเบสในท่าพิสดารสุดๆ
และแล้วเสียงคีย์บอร์ดที่ค่อยมานานก็ดังขึ้น มันไล่เสียงเป็นทำนองชวนพิศวง แต่ไพเราะถึงกับขั้นขนลุก เป็นการเล่นที่ต้องใช้ฝีมืออย่างมาก เพราะเสียงที่เล่นออกมานั้นคล้ายเป็นการเล่นมั่ว แต่กลับทำให้ดนตรีดำเนินต่อไปได้ นับว่าเป็นการเล่นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมาก
‘ ชั้นผิดเองที่อ่อนแอไปชั่ววูบ แต่นับจากวันนี้ขอให้เธอรับรู้ไว้ว่า
จะไม่มีชั้นที่ยอมให้เธออีกแล้ว อยากทำอะไรก็เชิญได้เลยตามสบาย
จะรักใครก็ไปรักกันให้ตาย ลาก่อน
’
นี่มันไม่ใช่เล่นๆแล้ว
วาถึงกับเหงื่อตกเมื่อเซตโชว์พลังเสียง ตอนที่ลากเสียงคำว่า ‘ลาก่อน’ นับว่าเป็นท่อนที่ต้องใช้พลังเสียงอย่างมาก แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นแสดงถึงพลังที่อันแน่นอย่างเห็นได้ชัด
แทบจะไม่มีข้อเสียเลยจริงๆ ทั้งการร้อง และท่าทาง
เมื่อโชว์พลังเสียงเสร็จเซตก็หันมากระพริบตาให้กับโซเฟียทันที ซึ่งโซเฟียนั้นก็แค่ยืนกอดอก แต่ก็ยิ้มให้กับเซตแบบเอือมๆ
ถึงท่อนโซโล่ตรงกลางเพลงแล้ว และอีกไม่นานวาก็จะต้องขึ้นไปบนเวทีแล้ว
จิตใจของวาในตอนนี้ถูกกดดันแล้วกดดันอีก
การเล่นดนตรีที่สุดยอดนั้นกำลังกดดันตัวของเขาอยู่
กดดันจนไม่รู้จะเก็บไว้ได้อีกหรือไม่
โซเฟียที่เห็นวายืนนิ่งก็กำลังจะแกล้งแหย่ใส่ แต่ไม่ทันที่เธอจะอะไรอย่างที่คิดไว้ วาก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหัวพร้อมกับขยับตัวไปตามจังหวะกีต้าร์ และกลองที่กำลังโซโล่อยู่
‘ ในเมื่อเทียบไม่ได้ก็ไม่ต้องเทียบ และถ้าไม่ลองสู้ก่อนจะรู้ได้อย่างไรว่าสู้ไม่ได้ ’
คำพูดของไซโคร แนชพร้อมคติประจำใจของวาเองดังก้องขึ้นในหัว
และความกดดันที่เล่นงานวาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องในห้องซ้อมก็ระเบิดออกมาในทันที กลายเป็นความบ้า หรือเรียกได้ว่า เข้าถึงอารมณ์เพลงในทันที
“ แหะๆ ” โซเฟียหัวเราะเมื่อเห็นวาเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่เธอสัมผัสได้ก็คือ อารมณ์มันส์ไปกับเพลงที่ไม่ได้รับมาจากเซต แต่เป็นวาที่สื่ออารมณ์นั้นไปถึงเธอได้ และคนต่อไปที่สัมผัสได้ก็คือ มิว จากนั้นก็ไล่ไปจนถึงเบต้า นีโอ และเสือใบ้นิค
วาจุดเครื่องให้กับเพื่อนๆไปแล้วโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว และนี่คือสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับนักร้องนำ เพราะการเรียกขวัญและกำลังใจมีผลอย่างมากต่อการเล่นวง
‘ ปีศาจ ’ ฉายาที่วาได้รับเมื่อตอนเล่นปิงปองนั้นอาจจะได้มาเพราะอย่างนี้นี่เอง
เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้ามือกีต้าร์จอมอวดดีควงกีต้าร์รอบตัวหนึ่งครั้งก่อนที่จะเล่นต่อ และที่บริเวณหน้าเวทีนั้นวาสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงคนนั้นเดินไปยื่นดอกไม้ให้กับเซต ซึ่งก็ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร นอกจากเอมี่เจ้าเก่านั่นเอง
บนใบหน้าของเซตฉายแววรำคาญขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนที่จะยิ้มรับดอกไม้ช่อนั้นจากเอมี่พร้อมกับชูขึ้นกล่าวขอบคุณ พร้อมกับร้องต่อ
‘ เธอมันก็แค่พวกชอบทำร้ายจิตใจ เย้ เฮ้
..’
ดนตรีเริ่มเร่งขึ่นๆ เสียงกลองบีบจังหวะขึ้น ส่วนเบสนั้นกระหึ่มไปทั่ว กีต้าร์ก็ไม่น้อยหน้าโซโล่อย่างเมามันส์ มิวถึงกับเอ่ยปากชมเล็กน้อย “ ไม่เลว ” ส่วนคีย์บอร์ดนั้นเปลี่ยนมาช่วยคุมจังหวะแทน
เซตลากเสียงยาวไปกับเพลง แม้จะไม่มีเนื้อให้ร้องอีกแล้ว แต่ที่เล่นเอาขนลุกได้เลย เสียงของเซตคล้ายมนต์สะกดให้ทุกผู้คนต้องหันมามองรวมที่นักร้องนำ แม้ว่าจะการเล่นของเบส กับกีต้าร์จะดูดุเดือดขนาดไหนก็ตาม
และนี่ก็เป็นอีกเสน่ห์ของการร้องนำ ‘ การตรึงผู้ชม และดึงความสนใจ ’
แต่นั่นไม่ทำให้วารู้สึกกดดันอีกต่อไป กลับกับรอยยิ้มยิ่งฉายขึ้นแบบใบหน้าของวาชัดขึ้นทุกที ความรู้สึกของเลือดที่ระอุระหว่างความตื่นเต้น ผสมกับความเข้าถึงอารมณ์กำลังสูบฉีดไปทั่วตัวของวาแล้ว
และในที่สุดการเล่นของกรูมี่ ซันเดย์ก็จบลงเมื่อกลองส่งกลองเป็นชุดสุดท้ายพร้อมปิดฉากลงด้วยการลากเสียงของเซตผสมกับเสียงหอนของกีต้าร์ เสียงเบส และเสียงคีย์บอ์ดที่ลากยาว
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่เสียงกระหึ่มของกองเชียร์จะดังขึ้น
‘ กรูมี่ ซันเดย์ๆ ’
เสียงเชียร์ไม่น้อยหน้าวงของพิชากิเลยทีเดียว
“ ขอบคุณมากคร๊าบ ” เซตกล่าวขอบคุณ พร้อมโค้งคำนับ
เด็กชายนักประกาศเดินขึ้นมาบนเวที “ ขอเสียงปรบมือให้กับกรูมี่ ซันเดย์อีกครั้งครับ ” จากนั้นเดินมาหยุดอยู่ข้างเซต “ โอ้โห้ สุดยอดมากเลยนะครับ ซ้อมกันมานานไหมครับเนี่ย ”
พร้อมคำตอบที่ผิดคาดวา “ ก็พอสมควรละครับ ทุกคนก็พยายามเต็มที่ ” เซตสบตากับเด็กชายนักประกาศก่อนจะหันไปมองยังคนดู และเหล่าคณะกรรมการ “ ถ้ายังไงก็หวังว่าคงจะถูกใจทุกคน แล้วก็หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้พบกันอีกในรอบชิงชนะเลิศนะครับ ” พร้อมเสียงเฮที่ดังขึ้น
และจากนั้นก็เป็นการรับฟังคำวิจารณ์ของเหล่าคณะกรรมการ ซึ่งดูเหมือนว่าโนโต้จะชมเซตจนออกนอกหน้า ไม่ทราบว่าเพราะเซตถูกใจเขาจริงๆ หรือเพราะแค่เห็นว่าเซตมีคนชอบมากเลยชมตามกระแสไปอย่างนั้น ซึ่งวาคิดว่าคงจะเป็นทั้งสองอย่างรวมกัน
พี่ป๊อป บุษบาก็วิจารณ์ไปตามเนื้อผ้า แต่ก็อดที่จะกล่าวชมเซตไม่ได้ว่า ดึงอามรณ์ได้ดี อาจารย์พิเศษเอวี่นั้นชมเสียงคีย์บอร์ดเป็นพิเศษ ส่วนเงาจันทร์นั้นกล่าวแบบภาพรวมๆ ซึ่งก็ว่าดีหมดทุกคน
แต่นั่นไม่ได้ทำให้วารู้สึกกดดันเพิ่มแต่อย่างใด
บางครั้งการไม่รู้สึกถึงความกดดันก็เป็นความสามารถที่ต้องฝึกฝนเช่นกัน
“ สุดท้ายก่อนที่จะลงไปมีอะไรจะฝากทุกคนไว้ไหมครับ ” เด็กชายนักประกาศถามเซต
“ ก็
” เซตยิ้มเจ้าเล่ห์ “ วงต่อไปเป็นวงที่ผมคิดว่าน่าสนใจมากครับ มือกีต้าร์ก็เป็นอดีตสมาชิกเพื่อนร่วมวงเก่าผมเองครับ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็ นักร้องนำนี่ละครับ ”
เด็กชายนักประกาศทำท่าตกใจ ไม่ทราบเพราะตกใจจริงๆ หรือเพราะเพื่อสร้างอารมณ์ร่วม
“ โอ้โห ที่ว่าน่าสนใจเนี่ยมันยังไงกันหรอครับ ”
“ อันนี้ต้องไปดูกันเอาเองครับ ” จากนั้นหันไปมองวา ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกกดดันจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ทว่าเซตกลับผิดคาด เหมือนเห็นวายิ้มให้กับตนเอง แถมรอยยิ้มนั้นช่างดูมั่นใจอะไรอย่างนี้ “ ผมคิดว่าผมยังสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็คงมีแค่นี้ละครับ ”
“ โอ้ว เอาแล้วละครับ วงต่อไปจะสร้างความมันส์ และความประหลาดใจให้เราได้ขนาดไหน สงสัยงานนี้คงจะต้องตายกันไปข้างหนึ่งแล้วละครับ ”
“ แหะๆ ตายกันไปข้าง พูดได้ดีนิ ” โซเฟียทำหน้าเจ้าเล่ห์
หลังจากกรูมี่ ซันเดย์ลงจากเวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เด็กชายนักประกาศก็ไม่รอท่า กล่าวเรียก
เก็นโซ ให้ขึ้นไปบนเวทีในทันที
“ เอาละครับ ในเมื่อพร้อมกันแล้ว ขอเชิญพบกับวง GENSO ได้เลยคร๊าบบบบบบบบ ”
เสียงเฮดังขึ้น แต่ไม่มากนัก หรือจะเรียกได้ว่า เฮไปตามกระแสก็ได้ ซึ่งมิวก็ไม่ได้สนใจมากนัก ก้าวขึ้นไปบนเวทีเป็นคนแรกพร้อมเกาหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะทำการแกะกีต้ารไฟฟ้าของตนออก
เสือใบ้นิคก้าวขึ้นไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง เช่นเดียวกันกับนีโอ ส่วนเบต้านั้นผู้ชมเกือบจะเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเต้นฮิปฮอพท่าหุ่นยนต์
ที่เหลือก็คือ โซเฟีย เธอหันไปรับกีต้าร์ประจำตัวจากวาก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนเวที แต่ทว่าวาไม่ได้ก้าวตามเธอขึ้นไป
โซเฟียหันกลับไปมองวา เธอคิดว่าวาตื่นเวทีจนไม่กล้าขึ้นเวที
“ เฮ้ คุณเด๋อมัวยืนทำอะไรอยู่ นักร้องนำไม่ขึ้นเวทีได้ไง ”
แต่เมื่อเห็นแววตาของวา โซเฟียก็ไม่ถามอะไรต่อไปอีก เธอเพียงพยักหน้า พร้อมกระพริบตาให้ก่อนจะก้าวขึ้นไปยังเวที
วาตั้งใจจะขึ้นไปตอนเพลงเริ่มขึ้นแล้ว เขาไม่ได้คิดถึงขอการทำคะแนนโดยกล่าวสวัสดีแก่ผู้ชม และคณะกรรมการก่อนที่จะเล่น เพราะวากะจะกล่าวเมื่อตอนดนตรีเล่นแล้วพอดี เป็นการเรียกอารมณ์ในสไตล์ของวาเอง
มิวนั้นเซตเสียงของตนเองเสร็จเรียบร้อยเป็นคนแรก ตามด้วยโซเฟีย และนีโอ และทว่า
..
“ เฮ้ มีอะไรหรอ นิค ” มิวรีบวางกีต้าร์ของตนเองลงกับพื้นเมื่อเห็นนิคกำลังทำท่าลำบาก
และมิวก็ต้องพบว่ามันลำบากจริงๆ สายเบสของเบสที่ชมรมดนตรีจัดมาให้นั้นจู่ๆก็ขาดขึ้นมาเองกะทันหัน แถมเสียงยังเพี้ยนไปหมด
สายหกขาดง่ายๆอย่างนี้ได้อย่างไรกัน มิวคิด แต่ก่อนที่จะคิดหาสาเหตุมือของมิวก็รับเบสจากนิคพร้อมรีบทำการปรับเสียง และขึงสายในทันที
“ เฮ้ๆ ” มิวเรียกสต๊าฟที่ยืนอยู่ข้างเวที ซึ่งปกติต้องประจำตำแหน่งอยู่อย่างน้อยสองถึงสามคนเพื่อดูความเรียบร้อย และสต๊าฟในชุดดำคนหนึ่งก็วิ่งมาหามิว
“ ขอเบสมาเปลี่ยนหน่อยสิ อันนี้สายมันขาด ”
เจ้าสต๊าฟพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนที่จะพุดผ่านไมค์อันเล็กๆที่ติดข้างปากของตน
จากนั้นสต๊าฟอีกคนก็รีบนำเบสอันใหม่มาสับเปลี่ยนให้ ซึ่งก็ปรากฏว่าแม้สายจะขึงเรียบร้อยแล้ว แต่เสียงนั้นถูกปรับให้มั่วซัวไปหมด ถึงกับแย่กว่าอันที่สายขาดเสียงอีก
“ นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นเนี่ย ” มิวหัวเสียก่อนที่จะรีบทำการปรับเสียงโดยไม่ใช้เครื่องช่วย ก่อนที่จะพบว่าทางเบต้าก็มีปัญหาเช่นกัน คือ กลองถูกหมุนขึงมัว ซึ่งความจริงก็ไม่ใช่ปัญหานัก เพียงแต่ว่าด้วยเวลา และสถานการณ์ที่กดดันบนเวทีในตอนนี ซึ่งต้องแข่งกับเวลา และการจะปรับเสียงให้ได้ดีอย่างเช่นที่ทีมงานเคยได้ปรับไว้แล้วนั้นเป็นเรื่องยากมากทีเดียว
โซเฟียรีบวิ่งไปช่วยเบต้า ส่วนนีโอนั้นแม้จะอยากช่วยแต่ว่าตนเองไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
วาที่กำลังรวบรวมสมาธิอยู่ด้านล่างเวทีเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นบนเวที ก็รีบกวาดตาพร้อมวิเคราะห์สถานการณ์
โนโต้นั่งเท้าคาง ก่อนที่จะหาวฟอดใหญ่ พร้อมกล่าวกวนๆออกไมค์
“ เป็นอะไรกันแล้วละนั่น ”
“ คงจะเตรียมทำเซอร์ไพส์กระมังครับ ” เงาจันทร์ ซึ่งแทบจะไม่กล่าวอะไร รีบกล่าวช่วยให้ทันที
“ ถ้าอย่างนั้นก็หวังว่าคงไม่นานนักนะ วงอื่นเขารออยู่ ” โนโต้ไม่ยอมแพ้
‘ ท่าจะไม่ค่อยดีแล้วแฮะ ’ วากำลังนึกหาหนทาง ‘ คงจะต้องเปลี่ยนแผนกันสักหน่อยแล้ว ’
ว่าแล้ววาก็กระโดดพรวดขึ้นไปบนเวทีในทันที
“ เฮ้ อีกนานไหม ” วากระซิบถามมิว ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการตั้งเสียง
“ อืม ” มิวก้มหน้าก้มตาตั้งสาย “ ขอสักหนึ่งนาทีเพื่อความชัวร์ละกัน โอ๊ะ ไม่สิ ขอหนึ่งนาทีครึ่งนะ เผื่อดูเบต้าด้วย ”
วาแม้ไม่มั่นใจเลยว่าจะช่วยรักษาเวลาให้ได้หรือไม่ แต่ก็ทำการพยักหน้ารับปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หนี่งนาทีครึ่ง
..
ฟังดูไม่นาน แต่สำหรับวาในตอนนี้นับว่ายาวนานเป็นปีเลยทีเดียว ไหนเลยจะนับรวมกับตั้งแต่วงของเขาก้าวขึ้นไปบนเวทีแล้วก็ปาไปเกือบหนึ่งนาทีแล้วที่ยังคงทำการเซตเสียงอยู่ แถมยังไม่นับการเริ่มเซาวน์เช็คเลยด้วยซ้ำ
แล้ววาจะช่วยกู้สถานการณ์ในตอนนี้ได้ยังไงกัน ?
หรือวง GENSO จะต้องล่มเสียก่อนจะเริ่มเล่น
..?!
_______________________________
ความคิดเห็น