ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทเรียนที่ 15 การปรากฏตัวของสองจอมเทพ
                          บทเรียนที่ 15  การปรากฏตัวของสองจอมเทพ
                ห้องทั้งห้องยังคงตกอยู่ในความมืด    ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากแสงสายฟ้ารูปไม้กางเขนได้ปรากฎขึ้นบนเวทีลานประลอง            วารู้สึกได้ว่าปลอกแขนทั้งสองข้างของเขาตอนนี้ได้หลุดของจากแขนของเขาเสียแล้ว          เสียงปลอกแขนทั้งสองข้างตกลงกระทบพื้นดัง  “ ก๊อก !!! ”    ซึ่งนั่นก็หมายความว่า  ที่ไซโคร แนข  ตวัดดาบฟันลงมาเมื่อสักครู่นี้เป็นการฟันใส่ปลอกแขนของวานั่นเอง 
                  วาเองก็ยังรู้สึกงงกับการกระทำของไซโคร แนช อยู่  เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ ?      แต่ยังไม่ทันทีวาจะได้คิดอะไรต่อไป  แสงไฟภายในห้องก็เริ่มค่อยๆ สว่างขึ้น      พร้อมกับเสียงพูดคุยของนักเรียนในห้องอย่างไม่ขาดสาย             
                ภาพที่ปรากฎต่อหน้าทุกคนในตอนนี้ก็คือ  บนเวทีลานประลองในขณะนี้คือ  มีนักเรียนสองคนที่นอนสลบอยู่บนเวที    และนักเรียนอีกสองคน  คนหนึ่งกำลังค่อยๆ ลุกขึ้นยืน  ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังยืนอยู่กับที่      ซึ่งคนที่กำลังค่อยๆ ยืนก็คือ ดีว่า  และคนที่กำลังยืนอยู่เฉยๆ ก็คือ วา นั่นเอง        ส่วนสองคนที่กำลังนอนสลบอยู่นั่นไม่ใช่ใครแต่เป็น จี ดาบคลั่ง กับเซตนั่นเอง 
                  เด็กชายนักประกาศเมื่อเริ่มเห็นอะไรชัดเจนแล้ว ถึงแม้ว่าจะตะลึงอยู่สักเล็กน้อยแต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้จากนั้นก็ค่อยๆ พูดผ่านไมค์ว่า
                  “ โอ้วววววว !  อะไรกันครับเนี่ย  เกิดอะไรขึ้นเมื่อสักครู่นี้กันแน่ครับ ”
                ไม่มีใครสามารถตอบได้  และเหมือนไม่ต้องการคำตอบเด็กชายนักประกาศจึงพูดต่อ
              “ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การแข่งขันประลองอาวุธคราวนี้ตำแหน่งผู้ชนะจึงตกเป็นของ .. ”
                แต่ก็ยังไม่ทันที่เด็กชายนักประกาศจะกล่าวต่อ  ก็ถูกมือของวาหยุดไว้เสียก่อน
              “ การแข่งขันครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นฝ่ายชนะหรอกครับ ”
              เด็กชายนักประกาศยักคิ้วทำท่างงๆ กับคำพูดของวา 
              “ ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วใครเป็นผู้ชนะละครับ ”
              “ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ”
                เด็กชายนักประกาศทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง  จากนั้นก็กล่าวออกไมค์ต่อด้วยความกระฉับกระเฉง
              “ ในเมื่อไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ  จึงขอตัดสินให้การแข่งขันครั้งนี้ถือว่า เสมอกันก็แล้วกันครับ  ”
              เสียงบ่นของนักเรียนภายในห้องดังขึ้นหลังจากฟังการประกาศเมื่อสักครู่นี้    บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินครั้งนี้  เนื่องเพราะภาพที่เห็นต่อหน้าพวกเขาก็คือ  ฝั่งของวาและดีว่า ชนะอยู่ชัดๆ  ซึ่งถ้าจะคิดกันจริงๆ  ก็ไม่สามารถตัดสินได้จริงๆ ว่าใครเป็นฝ่ายชนะกันแน่    เพราะที่วาสามารถรอดมาได้ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของเขาเอง  หากแต่เป็นไซโคร แนช เข้ามาช่วยต่างหาก
                    “ หึหึ  ไม่เสียเที่ยวจริงๆ  การประลองครั้งนี้ ”
                    เด็กชายผู้ที่ใส่หมวกสีครีมหัวเราะอย่างมีเลศนัย   
                  “ ไม่เสียเที่ยวยังไงของนายกัน ? ”
                  เด็กชายผมตั้งที่นั่งอยู่ข้างๆ เด็กชายหมวกสีครีมถามอย่างสงสัย
                  “ นายนี่มันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นะ    หรือเมื่อสักครู่นี้นายไม่ได้เห็น  ไม่เพียงแต่เราจะได้เห็นความสามารถของดีว่าปราณกระบี่ไร้เงาเท่านั้น  ยังมีแขกรับเชิญพิเศษมาเพิ่มอีกคนหนึ่งเสียด้วย  ”
                “ ไอ้แขกรับเชิญพิเศษที่นายว่า หรือจะหมายความถึง  ไอ้คนที่ใช้ดาบคู่สายฟ้าเมื่อสักครู่นี้  เราว่าไอ้หมอนั่นต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ เลย ”
                เด็กชายที่ใส่หมวกสีครีมเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กชายผมตั้งเมื่อสักครู่นี้  ก็หันไปมองหน้าเด็กชายผมตั้งทันที  ปรากฎให้เห็นแววตาที่หน้ากลัวอย่างยิ่งภายใต้หมวกสีครีมอันนั้น
                “ อย่าบังอาจเรียกเจ้าชายว่า  โรคจิต เชียวนะ !  นายยังไม่รู้หรอกว่าเขาแข็งแกร่งถึงเพียงใด ”
                เด็กชายผมตั้งเมื่อเห็นแววตาที่น่ากลัวยิ่งคู่นั้น ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว  แต่สักพักเมื่อเด็กชายหมวกสีครีมพูดจบ  ดวงตาที่น่ากลัวก็ซ่อนกลับไปภายใต้หมวกเหมือนเดิม    เด็กชายหมวกสีครีมกล่าวต่อ
                “ เราอยากจะมีโอกาสได้ประลองกับเขาเสียจริงๆ  หวังเพียงแค่ว่า เขาจะลงแข่งประลองอาวุธในครั้งนี้ด้วยก็พอ  และถ้าเผื่อเขาลงแข่งละก็เขาจะต้องได้เจอกับเราเป็นแน่  เพราะว่าไม่มีใครคู่ควรที่จะสู้กับเขามากกว่าเรา  “ สายฟ้าเทพเกก้าดีน “  คนนี้อีกแล้วววว  !!! ”     
                เด็กชายผมตั้งถึงกับพูดไม่ออก และไม่ต้องการที่จะพูดอะไรด้วย    อันที่จริงฝีมือของเด็กชายผมตั้งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กชายหมวกสีครีมสักเท่าไหร่  แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบ  เด็กชายผมตั้งเหมือนกับเกรงกลัวเด็กชายหมวกสีครีมอยู่มากทีเดียว 
                  วาและดีว่าค่อยๆ ก้าวเดินลงมาจากเวทีลานประลอง  โดยที่วาได้เก็บซากปลอกแขนทั้งสองข้างของเขากลับคืนมาด้วย          โซเฟียซึ่งยืนคอยอยู่ข้างเวทีลานประลองอยู่แล้ว  รีบส่งยิ้มให้กับวาและดีว่าเมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาถึง           
                       
                  “ สุดยอดมากเลยนะทั้งสองคน  เรานี่ลุ้นแทบแย่เลยละ  โดยเฉพาะคุณเด๋อเนี่ย  เล่นเอาใจหายตั้งหลายครั้งเชียว  แต่เราก็แอบขำนิดหน่อยนะ  ตอนที่โดนเซตเอาดาบไล่ฟัน  คุณเด๋อวิ่งหนีดูแล้วตลกมากเลยรู้ไหม  แหะๆ ”
                  “ โธ่ ตอนแรกก็นึกว่าจะชม  ที่ไหนได้ยังมาล้อเราอีกแน่ะ ” 
                  วาพูดพร้อมกับหัวเราะ  ถึงแม้เขาจะยังไม่หายตื่นเต้นก็ตามที    แต่ในขณะนั้นเองซาโต้ก็เดินเข้ามาหาวาพร้อมกับ  จ้องมองไปที่ปลอกแขนที่วาถือมาทั้งสองข้าง
                  “ ว่าแล้วเชียว ว่ามันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล  ไหนพี่ขอดูปลอกแขนทั้งสองข้างนั่นหน่อยได้ไหม ”
                  วาไม่ตอบ หากแต่ยื่นปลอกแขนทั้งสองข้างให้ซาโต้แทนคำตอบ        ซาโต้รับมาดูพร้อมกับครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง      ซึ่งโซเฟียก็ยืนมองพร้อมกับพิจารณาอยู่ด้วยข้างๆ
                    “ ปลอกแขนนี้ ได้มาจากไหนหรอ ”
                    “ เออ คือ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเขาให้ผมมาก่อนที่จะลงมาน่ะครับ  เขานั่งอยู่ตรงนั้นนะครับ ”
                    วาพูดพร้อมกับชี้ไปยังที่นั่งของเด็กผู้หญิงคนนั้น    แต่ก็ปรากฎว่าที่นั่งตรงนั้นไม่มีคนอยู่เสียแล้ว  ซาโต้มองตามที่วาชี้  แต่เมื่อไม่เห็นใครนั่งอยู่ก็แย้มยิ้มเล็กน้อย
                    “ สงสัยว่า น้องจะถูกแกล้งแล้วละครับ  ปลอกแขนอันนี้มันเป็นปลอกแขนที่ถูกสร้างขึ้นมา  สำหรับให้คนที่ใส่เสียเปรียบโดยเฉพาะเลยละ  ”
                    “ รุ่นพี่รู้ได้ยังไงครับเนี่ย ”
                    “ แหม คุณเด๋อ ถึงไม่บอกก็น่าจะรู้เองนะ  ตอนอยู่บนเวทีก็น่าจะรู้สึกบ้างนะ ”
                    “ อืม ก็นั่นสิ เราก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน  อยากรู้จังว่าคนที่ให้ปลอกแขนเราเขาเป็นใครกันแน่นะ ”
                    ระหว่างที่วากำลังคิดอยู่นั่น  ซาโต้ก็พูดออกมาว่า
                  “ อืม อีกอย่างหนึ่งนะ  ที่พี่รู้เนี่ยไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ  แต่ไอ้พวกปลอกแขนแบบนี้มันก็มีมามากแล้วเหมือนกัน  มีคนบางกลุ่มได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อโกงการแข่ง  ซึ่งก็ได้พบเห็นมาเยอะแล้วเหมือนกัน  แต่ก็ไม่สามารถจับตัวคนทำได้เลยสักที ”
                  “ เราว่านะ ตัวการของเรื่องนี้ต้องเป็นไอ้หมอนั่นแน่เลย ”
                  โซเฟีย พูดพร้อมกับมองไปยังเซต  ซึ่งกำลังถูกคนยกออกไปจากเวทีอยู่  วาเองก็คิดเหมือนกับโซเฟียเช่นกัน  แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันได้ว่า เซตเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการโกงครั้งนี้     
                  “ ใครจะเป็นคนวางแผนโกงครั้งนี้ก็ช่างมันเถอะครับ  เพราะถึงถ้าเป็นเขาจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับโทษอย่างสาสมแล้วละครับ ”
                  ดีว่า พูดพร้อมกับยิ้มหลังจากที่เงียบมานาน
                  “ อืม ก็จริงนะ  ว่าแต่คนที่ขึ้นไปช่วยเราเมื่อสักครู่นี้ ใช่คนที่ชื่อ ไซโคร แนช รึเปล่า ”
                  “ ใช่แล้วละครับ  ผมเองก็คิดอยู่แล้วละครับ  ว่าเขาจะต้องมา ”
                  “ ทำไมเขาถึงกล้าทำอย่างนี้ละ ”
                  “ คงเป็นเพราะ เขารักความยุติธรรมเอามากๆ ละมั้งครับ  แล้วที่สำคัญนะครับ ที่จริงเขาเป็นคนดีมากๆ คนหนึ่งเลยทีเดียวละครับ  จริงไหมครับรุ่นพี่ซาโต้ ”
                  ดีว่า พูดพร้อมกับแอบส่งสายตาไปให้รุ่นพี่ซาโต้เหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง  ซึ่งซาโต้ก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับยิ้มตอบดีว่าแทนเหมือนกับว่า  รู้ถึงสิ่งที่ดีว่ากำลังสื่อกับเขาอยู่     
                “ เราว่าพวกเราไปหาที่นั่งพักกันก่อนจะดีไหม  ท่าทางนายสองคนคงจะเหนื่อยกันมากแล้วละ ”
                “ ก็ดีครับ ”
              หลังจากนั้นทั้งวาแล้วก็ดีว่า ก็จัดการถอดชุดเกราะป้องกันออก    วารู้สึกได้ถึงความเบาและเย็นสบายอย่างยิ่ง        เขาค่อยๆ เดินตามโซเฟียไปยังที่นั่งข้างๆ เวทีลานประลอง      ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นวาแอบเหลียวมองดีว่าสักพักหนึ่ง  ไม่น่าเชื่อว่าคนๆ นี้จะเป็นคนๆ เดียวกับที่กำลังสู้อยู่บนเวทีเมื่อสักครู่นี้  และยิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนๆ  เดียวกับที่ทรุดลงไปอย่างหมดกำลังอย่างเมื่อสักครู่นี้  ดีว่าในตอนนี้นั้นเดินได้อย่างมั่นคงราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย  ทำให้วาแทบจะอดทึ่งไม่ได้   
                เมื่อถึงเก้าอี้ทั้งสามคนก็ค่อยๆ นั่งลง เป็นที่น่าแปลว่าคนที่ท่าทางเหนื่อยที่สุดกลับไม่ใช่ดีว่า หากแต่เป็นวา   
                  “ นายไม่เหนื่อยมั่งหรอดีว่า ไม่เห็นเหมือนตอนที่นายอยู่บนเวทีเมื่อสักครู่นี้เลยนะ ”
                  ดีว่าแย้มยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าว
                  “ ไม่ใช่ว่าผมไม่เหนื่อยหรอกครับ  อันที่จริงผมสมควรจะเหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ได้เสียด้วยซ้ำ  เพียงแต่ว่า ผมอาศัยการโคจรลมปราณเข้าช่วย  มันจะช่วยให้ผมอยู่ในสภาพเหมือนปกติได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียวละครับ ”
                  “  โห !!! วิเศษไปเลย  ถ้าว่างๆ สอนเรามั่งสิ  ไอ้พลังลมปราณที่ว่าเนี่ย  เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยเวลาออกกำลังมามากๆ ฮ่าๆ  ”
                  “ ได้อยู่แล้วครับ  แต่มันต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเลยทีเดียวละครับ  กว่าที่จะควบคุมลมปราณให้ได้ที่อย่างผมนะครับ ”
                “ นั่นสินะ เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ ”
                วาคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะเท่าที่ดูในตอนนี้แล้วดีว่าไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ  จากนั้นวาก็กล่าวต่อ
                “ แต่ว่านายสู้ได้ยอดเยี่ยมมากเลยนะ  ตอนแรกเราคิดว่านายจะต้องแย่แน่ๆ เลยตอนที่เจ้าจีดาบคลั่งมันใช้กระบวนท่าสุดท้ายออกมาน่ะ ”
                  “ ก็จริงละครับ ผมก็เกือบจะไม่รอดแล้วเหมือนกัน  กระบวนท่าของเขานั้นดุดันและโจมตีคล้ายดั่งไร้จุดหมาย  ทำให้หลบได้ยากมากเลยละครับ ”
                  “ แต่นายก็หลบได้เกือบหมด แถมยังล้มเขาได้อีกด้วยนะ ”
                  ดีว่าไม่ตอบเพียงแต่แย้มยิ้ม    จากนั้นก็กล่าว
                  “ ผมว่าตอนนี้เราไปหามาสเตอร์ซาซาไรกันก่อนดีกว่าไหมครับ ”
                  “ นั่นสินะ เราเกือบลืมไปเลย ”
                ก่อนที่วาจะลุกไปก็หันมาพูดกับโซเฟีย
                “ เดี๋ยวเราขึ้นไปนั่งอยู่ที่เราก่อนนะ  แล้วเจอกัน ”
                “ อืม ตามสบายค่ะ ” 
             
                ขณะที่วากำลังเดินขึ้นไปหาซาซาไรนั้นเอง  เด็กชายนักประกาศก็กล่าวขึ้น
              \" ฮะ แฮ่ม  มีใครสนใจจะประลองอีกบ้างไหมครับ  ตอนนี้เราเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถลงประลองกันได้ตามใจชอบเลยนะครับ \"
              แต่ทว่าไม่มีท่าทีว่าจะมีนักเรียนคนไหนสนใจที่จะออกมาประลองกันเลย  หรืออาจเพราะเห็นการประลองของคู่ที่ผ่านมาแล้วถึงกับไม่กล้าลงมาประลองกันเลยก็ว่าได้     
              เด็กชายนักประกาศทำท่าทางสงสัยพร้อมกับพยายามมองไปรอบๆ เผื่อว่าจะมีใครสนใจออกมาประลองบ้าง    มองไปมองมาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจที่จะออกมาประลองเลย  เด็กชายนักประกาศก็กำลังจะกล่าวต่อ    แต่ทันใดนั้นเองก็มีเด็กชายสองคนค่อยๆ เดินออกมาจากบริเวณที่นั่งทางด้านซ้ายของห้อง    ดูท่าทางทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยมีความมั่นใจมากนัก    เหมือนกับว่าตัวเองไม่ค่อยมีฝีมือมากเท่าไหร่ก็ไม่เชิง       
              เมื่อโซเฟียเห็นนักเรียนทั้งสองคนนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาทันที  เพราะเธอมีหน้าที่ดูแลเรื่องการประลองอยู่แล้วเหมือนกับ      โซเฟียดูเป็นมิตรกับทุกคนดีมาก  เธอค่อยๆ หยิบชุดเกราะพร้อมกับอาวุธให้กับเด็กนักเรียนทั้งสองคนนั้นอย่างเรียบร้อย 
              และไม่นานนักนักเรียนทั้งสองคนนั้นก็พร้อมที่จะขึ้นเวที    ทั้งสองค่อยๆ ก้าวขึ้นเวลาอย่างช้าๆ เหมือนกับพวกที่ไม่มั่นใจนัก  ที่จริงเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเด็กนักเรียนทั้งสองคนนี้นัก    เนื่องจากว่า  การประลองคู่ที่ผ่านมามีแต่พวกเก่งๆ  จึงทำให้รู้สึกกดดันเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทั้งสองคนนี้ไม่เก่งแล้วละก็  อาจจะถูกนักเรียนคนอื่นๆ ดูถูกให้ได้  แต่การที่นักเรียนทั้งสองคนนี้ก้าวออกมาจากที่นั่ง  แล้วขึ้นมาบนเวทีที่ต้องถูกมองด้วยสายตานับพันได้เท่านี้ก็ถือว่ามีความกล้าอย่างยิ่งแล้ว   
                “ โอ้ววววว การประลองรอบต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วละครับ . ”
                เด็กชายนักประกาศกล่าวไปเรื่อยๆ    ในขณะที่เริ่มมีเด็กนักเรียนบางกลุ่มค่อยๆ ทยอยกันออกจากห้องบ้างแล้ว  คงเป็นเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีการประลองอะไรที่น่าสนุกไปกว่าการประลองคู่ที่ผ่านมาอีกแล้วก็เป็นได้  หรือไม่บางคนก็ต้องรีบกลับไปทำการบ้านที่ค้างคาเอาไว้   
                  เด็กชายหมวกสีครีม หรือเด็กชายคนเดียวกับที่เรียกตัวเองว่า สายฟ้าเกก้าดีนก็ลุกขึ้นเช่นกัน  ทำให้เด็กชายผมตั้งสงสัยเล็กน้อย
                  “ นี่นายจะไปไหนเนี่ย  การประลองยังไม่จบสักหน่อย  แถมอีกอย่างรถโรงเรียนของเราก็ใกล้ออกแล้วด้วยนะตอนนี้ ”
                  “ นายอยากดูก็ดูไปเหอะ  เรามีธุระที่จะต้องทำ ”
                  “ อืมนะ งั้นก็เชิญตามสบายเถอะ  เราขอนั่งดูอยู่อย่างนี้ก็แล้วกัน  ว่าแต่อย่าลืมมาให้ทันรถออกด้วยละ  “       
              เกก้าดีนไม่ตอบหากแต่ดึงหมวกของตัวเองลงมาเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเดินออกไป   
             
                วาและดีว่าเมื่อเดินมาถึงที่นั่งเก่าของตัวเองแล้วก็ค่อยๆ นั่งลง  โดยมีซาซาไรส่งยิ้มมาให้ 
                “ การประลองเมื่อสักครู่นี้เยี่ยมมากเลยนะครับ  ทั้งสองคนสุดยอดจริงๆ ”
                “ ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ”
                “ คนที่น่าจะบอกว่าไม่เท่าไหร่น่าจะเป็นเรามากกว่านะดีว่า ”
                วาพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย  ตอนนี้วาเริ่มรู้สึกหายเหนื่อยมาบ้างแล้ว  จากนั้นวาก็ถามซาซาไร
                “ ว่าแต่มาสเตอร์ไม่สนใจจะลงประลองกับเขาบ้างหรอครับ  ”
                “ ก็อย่างที่บอกแหละครับ  ไม่มีใครที่จะมาประลองด้วยกับผมนะสิครับ ”
                “ แย่จังเลยนะครับ ผมอยากเห็นมาสเตอร์ประลองจังเลย  จะเหมือนวันที่มาช่วยผมหรือเปล่าครับเนี่ย ”
                ซาซาไรเมื่อได้ยินวาพูดก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย  ไม่น่าเชื่อว่าวาจะยังจำวันที่เขาไปช่วยไว้ได้จนถึงวันีนี้ นับว่าวาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องรอบๆ ตัวไม่น้อยเลยทีเดียว 
                “ แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอครับเนี่ย ”
                ซาซาไรหันมาถามดีว่าบ้าง
                “ ก็รู้สึกิอยู่บ้างละครับ  ที่จริงผมก็กำลังจะขอตัวกลับไปก่อนอยู่เหมือนกัน  เพราะว่าถ้านั่งอยู่ต่อสงสัยท่าจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นักละครับ”
                ” ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย  ผมก็ว่าคุณน่าจะไปพักผ่อนก่อนอยู่เหมือนกันละครับ  เพราะดูท่าทางจะโดนมาไม่ใช่น้อยอยู่เหมือนกันละครับ ”
                  “ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ ”
                  แต่ก่อนที่ดีว่าจะไปไหนนั้นวาก็รีบพูดขึ้นมาว่า
                  “ งั้นผมก็ขอตัวไปด้วยเหมือนกันนะครับ  เพราะเดี๋ยวผมก็ต้องำปซ้อมปิงปองต่อ แล้วตอนนี้ผมก็อยากไปเดินเล่นสักหน่อยละครับ  ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้อยู่ดูด้วย ”
                  “ ไม่เป็นไรหรอกครับ  โชคดีนะครับทั้งสองคน ”
               
              เมื่อซาซาไรกล่าวจบ  ดีว่าและวาก็เดินออกมาจากห้องชมรมอัศวิน    ซึ่งดูยังไงๆ ดีว่าก็ยังไม่เหมือนกับคนที่ผ่านการประลองที่หฤโหดอย่างเมื่อสักครู่นี้อยู่ดี  เขายังคงเดิมด้วยฝีเท้าที่มั่นคงเช่นเดิม      ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงบันไดวนนั้นวาก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้น
                “ เราว่านายเก่งมากเลยนะรู้ไหม  ที่จริงเราคิดว่านายต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เราคิดอย่างนี้มาตั้งนานแล้วละ  ยิ่งตอนที่นายเอามือไปเตะต้นไม้ครั้งนั้นเรายิ่งมั่นใจมาตลอด  จนกระทั่งวันนี้ เราถึงว่านายเก่งจริงๆ ”
              “ แหม อยู่ดีๆ ก็ชมนะครับ  ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอกครับ  คนเราจะเก่งไม่เก่งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝนแหละครับ  ผมก็เป็นแค่เพียงคนที่ฝึกฝนมากก็เท่านั้นเองละครับ ”
            “ เราว่าดูท่าทางนายน่าจะฝึกหนักน่าดูเลยจริงไหม ”
            “ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย แต่จะว่ามากก็ไม่มากหรอกนะครับ  คงพอๆ กับที่คุณต้องไปฝึกปิงปองกระมัง ”
            “ ไม่หรอก เราฝึกปิงปองน้อยจะตายไป  แถมอีกอย่างเราก็ไม่ได้เก่งสักเท่าไหร่หรอก ”
            “ เก่งไม่เก่งผมจะรอดูวันแข่งก็แล้วกันนะครับ  และผมก็เชื่อว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังแน่ๆ ครับ ”
            ดีว่าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ  ที่จริงดีว่าก็นับว่าเป็นมิตรที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว  ถ้าใครเป็นเพื่อนกับเขาแล้วละก็จะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน  เพราะคนอย่างดีว่ายินยอมที่จะเจ็บแทนเพื่อนเสมอ และเป็นคนรักเพื่อนมากเสียด้วย  หากแต่ว่าเขากลับมีเพื่อนไม่มากสักเท่าไหร่นัก    หรือบางคนก็ไม่ได้จริงใจกับเขา  แต่ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่า วาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของเขา อาจเป็นเพราะคนอย่างวาสามารถเป็นมิตรได้กับทุกคน หรือจะเป็นเพราะวาเป็นคนที่มีความจริงใจให้กับทุกคนเสมอก็ไม่ทราบเหมือนกัน   
            “ ได้เลย รับรองไม่ผิดหวังแน่ ”
            วายิ้มอย่างมั่นใจพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้  จากนั้นก็กล่าวต่อ
            “ ว่าแต่นายพอจะรู้บ้างไหมว่าเราจะหาคนที่ชื่อ ไซโคร แนช ได้ที่ไหน ”
            “ ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากไปหาเขาขึ้นมาหรอครับ  ”
            “ ก็ไม่มีอะไรหรอก  เราแค่อยากจะไปขอบคุณที่เขาช่วยเราเอาไว้ก็เท่านั้นเอง ”
            “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าจะหาเขาได้ที่ไหน  แต่ก็ไม่แน่นะครับ  เขาอานจะไม่ต้องการคำขอบคุณก็ได้นั่นเพราะเขาทำไปเพราะเขาไม่หวังสิ่งตอบแทนยังไงละครับ ”
                “ นายรู้ได้ยังไงว่า เขาเป็นคนอย่างนั้นละ ”
                “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ  แต่ผมแค่เชื่อว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นก็เท่านั้นเองละครับ ”
                ดีว่าเองดูๆ ไปก็คล้ายดั่งคนลึกลับเหมือนกันในสายตาของวา    เหมือนจะไม่รู้แต่กลับรู้  แต่วาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย  อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยจะคิดมากในเรื่องที่ไม่สมควรจะคิดก็ว่าได้ 
             
                ก่อนที่วาจะพูดอะไรต่อไปนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่า ข้างหลังของเขามีคนๆ หนึ่งกำลังเดินมา  แต่คนที่เดินมากลับไม่เหมือนคนธรรมดา  หรืออาจะเป็นเพราะมีอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป  ที่ทำให้รู้สึกว่าจะต้องหันไปให้ได้    มิเช่นนั้นคงจะไม่สามารถทำให้ทั้งวาและดีว่าต้องหันไปมองได้  หรือถึงแม้แต่ใครก็คงต้องหันไปมอง       
            คนๆ นั้นก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา  เป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น    แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ  นักเรียนคนนั้นไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนอับดุล อินเตอร์    หากแต่เป็นนักเรียนโรงเรียนเกเบรียล    ซึ่งสามารถรู้ได้ไม่ยากนักโดยดูจากเครื่องแบบ  และที่แตกต่างออกไปอีกที่หนึ่งก็คือ เด็กนักเรียนคนนั้นสวมหมวกอยู่  หมวกนั้นเป็นหมวกสีครีมใบหนึ่ง  ซึ่งปกปิดดวงตาของนักเรียนคนนั้นอยู่เสมอ  น้อยคนนักที่จะสามารถมองเห็นตาของนักเรียนคนนั้น 
                ดูท่าทางเด็กนักเรียนคนนั้นจะรีบร้อนมาก  เหมือนกับว่า ถ้าช้าไปเพียงวินาทีเดียว  สิ่งทีเขากำลังจะไปหานั้นจะต้องหายไปก็ปาน      ดีว่าและวาเมื่อหันไปมองไม่ทันไร  เด็กชายคนนั้นก็เดินผ่านทั้งสองคนไปอย่างรวดเร็ว  โดยก่อนที่จะเดินผ่านไปเขาบังเอิญชนถูกไหล่ของดีว่าด้วย  แต่ก็ไม่ได้หันมาขอโทษกลับเดินผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย   
                “ คนอะไรนะ แย่จริงๆ ชนคนอื่นแล้วยังไม่ขอโทษอีก  แถมยังใส่หมวกอีกเสียด้วย  ประหลาดจริงๆ ”
                วาบ่นกับดีว่า เพียงแต่ว่าดีว่าไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย และเมื่อวาเดินต่อไปนั้น  เขาก็รู้สึกได้ว่าดีว่าไม่ได้เดินตามเขา  เมื่อหันกลับไปมองกลับพบว่า  ดีว่าเอามือชันเข่าไว้เหมือนกับว่าจะทรุดลงกับพื้นเลยก็ไม่ปาน  ผิดกับเมื่อสักครู่นี้ที่เดินได้เหมือนคนปกติทั่วไปอย่างไงอย่างงั้น       
               
                  วาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาดีว่า
                  “ เฮ้ย นายเป็นอะไรไปน่ะ ”
                    ดีว่าไม่ตอบ  วาเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปค่อยๆ ประคองดีว่า
                  “ ทำใจดีๆ ไว้นะ เดี๋ยวเราจะช่วยพยุงนายไปเอง ”
                  วาช่วยพยุงดีว่าลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุที่ดีว่าเป็นอย่างนี้ก็ตาม  หรือจะเป็นเพราะว่าลมปราณที่ดีว่าได้สะกดความบอบช้ำเอาไว้เกิดแตกซ่านขึ้นมา  แต่ใครจะเป็นผู้ทำได้  หรือจะเป็นฝีมือของเด็กชายคนที่ใส่หมวกเมื่อสักครู่นี้กันแน่  ไม่มีใครสามารถตอบได้          วารู้แค่ตอนนี้เขาต้องช่วยพยุงดีว่าไปหาที่พักสักที่หนึ่ง         
                  บันไดวนที่วาขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ถึงแม้จะมีระยะทางที่ค่อนข้างไกลแต่วาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันไกลเท่าไหร่นัก  จนกระทั่งตอนนี้ที่เขาต้องค่อยๆ พยุงดีว่าไปอย่างช้าๆ  วารู้สึกราวกับว่า บันไดวนนี้ยาวราวกิโลเมตรก็ไม่ปาน            แต่ในที่สุดวาก็ประคองดีว่าลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างสุดจนได้ โดยที่ระหว่างทางนั้นดีว่าไม่ได้พูดกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว    จนกระทั่งวากำลังจะตัดสินใจว่าจะพาดีว่าไปที่ไหนดี  ดีว่าก็ได้พูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มที่นักว่า
                “  ช่วย พา ผม ไป ที่ห้องทีสิครับ “
                “ ห้องพยาบาลหรอ เราไปไม่เป็นสะด้วยสิ ไปทางไหนหรอ  แล้ว - - แล้ว อยู่ดีๆ ทำไมนายถึง .”
                “ พาผมไปที่ห้องของผม ห้องที่ 604 ทีครับ  และที่ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะ ”
                  ไม่ทันที่ดีว่าจะพูดต่อก็คล้ายกับว่า เขาไม่มีแรงที่จะพูดต่ออีกแล้ว  ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นวาก็รีบพยุงดีว่าต่อ    ระยะทางจากตึกอาคารชมรมไปยังหอพักนั้นค่อนข้างไกลพอสมควรทีเดียว  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  วาคิดว่าเขาจะต้องพาดีว่าไปให้ถึงให้ได้         
                  ลมหนาวพัดมาในยามเย็นเช่นนี้ทำให้รู้สึกเย็นสบายยิ่งนัก  แต่มีคนๆ หนึ่งกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น  ไม่ว่าผู้ใดที่รู้สึกเช่นนี้ก็นับว่าเป็นคนแปลกแล้ว    คนๆ นั้นกลับเป็นไซโคร แนช            เขาค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ดูแล้วคล้ายดั่งไร้จุดหมาย  หรือที่จริงเขามีจุดหมายกันแน่       
                 
                  ไซโคร แนช ดูคล้ายไม่ชมชอบอากาศแบบนี้นัก  คงเป็นเพราะมันทำให้เขารู้สึกเหงา และเดียวดายก็เป็นได้  ความรู้สึกในใจของเขาในตอนนี้นั้นยากที่จะหาผู้ใดเข้าใจได้            ไซโคร แนช ในตอนนั้นกำลังเดินอยู่บริเวณตึกหอพักชาย  จุดมุ่งหมายของเขาในตอนนี้นั้นก็คงจะเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง    ต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวกับที่เขาเคยได้ไปยืนฟันใบไม้ที่วาเห็นในวันนั้นนั่นเอง     
                  ในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้  ลมที่พัดโชยมาทำให้ใบไม้ของต้นไม้นี้ต้องพัดปลิวตามแรงลมไปด้วย      ไซโคร แนช เงยหน้าขึ้นมองไปยังยอดสูงของต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ราวกับกำลังคิดถึงใครสักคนหนึ่งอยู่  ในใจของเขาคล้ายปวดร้าวราวกับแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็มิปาน          แต่ในขณะที่เขากำลังจะนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นนี้นั้น    เขาก็ต้องชะงักไป  เนื่องจากในขณะนี้มีคนๆ หนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปจากเขาไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก 
                  ในเวลาแบบนี้คล้ายกับไม่น่าจะมีคนมาอยู่แถวนี้ได้  แต่คนๆ นี้กลับมายืนในที่นี้  เวลานี้  แถมยังมองตรงมายังไซโคร แนชอีกเสียด้วย        คนๆ นี้ใส่หมวกพร้อมกับเครื่องแบบของนักเรียนเกเบรียล  เขาคือ คนๆ เดียวกับที่เดินชนดีว่าเมื่อสักครู่นี้    และเขาก็คือ สายฟ้าเกก้าดีนนั่นเอง 
                   
                  ไซโคร แนช ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่เช่นนั้น  ราวกับไม่มีคนๆ นี้มายืนอยู่ด้วย    และก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นเกก้าดีนก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้น
                  “ ยินดีที่ได้เจอนะครับ เจ้าชาย  เกือบจะมาไม่ทันเสียแล้วสิ ”
                  แต่ไซโคร แนช ก็หาได้หันมาสนใจเกก้าดีนไม่  แม้แต่มองก็ยังไม่        เกก้าดีนก็คล้ายกับว่า รู้อยู่แล้วว่าไซโคร แนช จะต้องไม่สนใจตนเป็นแน่  แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจเช่นกัน          เกก้าดีนจึงแย้มยิ้มพร้อมเดินเข้าไปใกล้ไซโคร แนช ทีละก้าวอย่างช้าๆ            สายลมพัดโบกมาพลอยทำให้ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ร่วงลงมาหลายใบเลยทีเดียว    และก็ไม่ทันที่เกก้าดีนจะก้าวต่อไปอีกเขาก็ต้องหยุดชะงักลง
                    “ อย่ามายุ่งกับข้านะ !!!  เจ้าจะไปไหนก็จงรีบไปเสียแต่ตอนนี้เลย  ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน ”
                  ไซโคร แนช กล่าวด้วยความเย็นชาอย่างยิ่ง  ไม่ว่าผู้ใดได้ยินเช่นนี้ย่อมต้องไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้เขาเป็นแน่    แต่เกก้าดีนกลับไม่เหมือนคนทั่วไป    เขากลับก้าวต่อไปอีกราวกับว่าไม่ได้ยินที่ไซโคร แนชพูดขึ้นก็ตาม    แถมยังยิ้มอย่างมั่นใจเสียด้วย    มิมีใครทราบว่าภายใต้หมวกสีครีมใบนั้นจะซ่อนดวงตาชนิดไหนอยู่กันแน่ในตอนนี้     
                    เสียง ครี๊ค !!  ดังขึ้น  ทำให้เกก้าดีนต้องหยุดก้าวเท้าอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งคราวนี้ไม่ว่าใครก็ตามคงจะต้องหยุดคิดให้นานกว่าคราวที่แล้วเป้นแน่จึงจะกล้าก้าวต่อไปได้      มือข้างขวาของไซโคร แนช ในตอนนี้นั้นกำแน่นอยู่ที่ดาบเล่มหนึ่ง พร้อมที่จะชักดาบออกมาจากฝักดาบได้ทุกเวลา
                    “ ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย จะรีบไปไหนก็ไปเสีย ข้าต้องการอยู่คนเดียว ”
                    ไซโคร แนช พูดโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองเกก้าดีนอีกเช่นเคย  คราวนี้เกก้าดีนไม่ได้เดินต่อ แต่กลับแย้มยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่น่ากลัวภายใต้หมวกวูบหนึ่ง 
                      “ ผมต้องขออภัยอย่างสูงครับเจ้าชายที่มารบกวน  กระผมก็เพียงแต่อยากจะเห็นตัวจริงของท่านก็เท่านั้นแหละครับ ”
                      เกก้าดีนพูดด้วยเสียงที่สงบนิ่ง  ไม่มีใครทราบว่า เป็นการพูดท้าทาย หรือเคารพจากใจจริงกันแน่ 
                    “ ในเมื่อได้เห็นแล้ว  ก็คงไม่มีธุระแล้วใช่ไหม  เพราะฉะนั้นจงรีบไปเสียได้แล้ว ”
                    “ แหม จะให้ผมรีบไปไหนกันละครับ  ผมยังไม่ทันที่จะได้เริ่มการทบสอบของผมเลยนะครับ ”
                    “ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกันนะ ”
                      หลังจากกล่าวจบไซโคร แนช ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำอะไร หากแต่กำดาบในมือข้างขวาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม        ไซโคร แนช รู้ว่าสิ่งที่เกก้าดีนต้องการจะทดสอบนั้นคืออะไร  มันก็คือ  ฝีมือของเขานั่นเอง    แต่ไซโคร แนช ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากนัก  เนื่องเพราะเกก้าดีนไม่ใช่คนแรกที่ต้องการจะลองเชิงกับเขา  และคนที่คิดลองเชิงกับเขาไม่เคยมีใครสามารถล้มเขาได้เลยเช่นกัน        แต่เป็นเพราะเหตุใดก็ไม่ทราบเกก้าดีนดูมีความมั่นใจสูงมากว่าจะสามารถต่อกรกับไซโคร แนช ได้อย่างไม่มากเย็นนัก    ทั้งๆ ที่เขาทั้งไม่มีดาบหรืออาวุธอะไรอยู่เลยในตอนนี้  หรือว่าเขาจะสิ่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอาวุธซ่อนอยู่กันแน่ ?
                    เกก้าดีนเริ่มก้าวเข้าไปใกล้ ไซโครแนชขึ้นเรื่อยๆ    เมื่อเห็นว่าเกก้าดีนไม่มีอาวุธเลย ไซโคร แนช ก็คลายมือออกจากดาบของตน    ถึงเขาจะอยากไล่เกก้าดีนไปใกล้ๆ ก็ตามที  แต่เขาก็เป็นคนรักความยุติธรรม ยิ่งคนหนึ่ง  มิเช่นนั้นคงจะไม่สามรถเป็น พาลาดิน ได้เป็นแน่ 
                    ทั้งสองคนในขณะนี้นั้นอยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น  และดูเหมือนว่าไม่มีท่าทีที่ใครจะเป็นฝ่ายลงมือก่อนเลย  จนกระทั่งสายลมพัดโชยมาอีกครั้งหนึ่ง  ทำให้ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง    และในทันใดนั้นเองเมื่อใบไม้แก่ใบหนึ่งร่วงลงมาเหนือเกก้าดีนไม่มากนัก    ร่างกายของเกก้าดีนก็คล้ายดั่งหายไปพร้อมกับการร่วงของใบไม้ใบนั้นก็มิปาน    นี่ไม่ใช่เวทย์มนต์หากแต่เกิดจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่ง  หากไม่ใช่เพราะการฝึกฝนฝีมือเป็นเวลานานแล้ว ยากใดที่จะสามารถทำได้เช่นนี้      แต่ไซโคร แนชกลับนิ่งเฉยราวกับไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น   
                      ทางด้านหลังของไซโคร แนช พลันปรากฎร่างของคนผู้หนึ่ง เกก้าดีน !  เกก้าดีนใช้แขนทั้งสองข้างล็อคไปที่คอของไซโคร แนชด้วยความรวดเร็ว  มิคาดไซโคร แนชถึงกับไม่หลบหลีก  หรือเป็นเพราะไม่สามารถกันแน่  แต่ทันใดนั้นเองที่แขนทั้งสองล็อคเข้าไปที่คอของไซโคร แนช    ร่างของไซโคร แนช ก็คล้ายดั่งกับอากาศหายตัวไปในฉับพลัน  เกก้าดีนถึงกับเสียหลักเล็กน้อยที่ล็อคเป้าหมายผิดพลาด  หรือนี่จะใช่เวทย์มนต์ ?  ย่อมมิใช่เวทย์มนต์เป็นแน่  แต่นี่ก็เป็นการเคบื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งเช่นกัน  ความเร็วระดับที่เหนือกว่าของเกก้าดีนอยู่หลายเท่าตัว !     
                      เกก้าดีนถึงกับไม่เชื่อสายตาของตนเอง  แต่ก็ตั้งสติได้โดยไวเช่นกัน จึงรีบหันกลับไปมองรอบๆ  แต่ไซโคร แนช คล้ายกับหายไปจากโลกนี้แล้ว  เนื่องเพราะไซโคร แนชได้หายตัวไปเสียแล้ว  หรือนี่จะเป็นวทย์มนต์จริงๆ ?          และทันใดนั้นเองขณะที่เกก้าดีนกำลังมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวของไซโคร แนชนั้น  เงาวูบหนึ่งก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเกก้าดีน 
                  เงานั้นพุ่งเข้าใส่เกก้าดีนด้วยความเร็วสูง  ความเร็วระดับนั้นกนักที่ใครจะสามารถหลบได้ แต่เกก้าดีนสามารถหลบได้  เขาตีลังกากลับหลังทันทีที่รู้สึกว่าเงานั้นปรากฎขึ้น  มิคาดถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหลบการโจมตีของเงานั้นได้    แต่เงานั้นก็สามารถทำให้หมวกสีครีมของเขาหลุดออกจากหัวไปได้อย่างง่ายดาย 
                  เงาร่างนั้นก็คือ ไซโคร แนช นั่นเอง  เขาอาศัยจังหวะเพียงชั่วพริบตากระโดดขึ้นไปเกาะบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่สูงนักในการซุ่มโจมตี  นับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียวถ้าใครสักคนจะพยายามจะทำอย่างนี้ได้  เนื่องเพราะมิเพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายธรรมดา แต่ยังต้องแบกน้ำหนักของดาบทั้งสองเล่มไว้ด้วย  คงจะต้องใช้เวลาฝึกฝนร่างกาย และไหวพริบเป็นเวลานานปีเลยทีเดียวถึงจะสามารถทำได้เช่นนี้ 
                    เกก้าดีนทรุดลงเอาเข่ายันกับพื้นไว้ข้างหนึ่ง ก้มหน้าหอบหายใจอย่างแรง  เขาแทบไม่เชื่อว่า ในโลกนี้ยังมีคนที่มีความเร็วระดับนี้อยู่อีก    ตอนนี้หมวกของเกก้าดีนถูกหมุนเล่นอยู่ในมือของไซโคร แนช แล้ว  แต่เกก้าดีนยังคงก้มหน้าต่อไป  มิคาดยังปรากฎรอยยิ้มหนึ่งขึ้นบนในหน้าของเขา  หรือการโดนชิงหมวกออกจากหัวเป็นเรื่องน่าสนุกนัก ?   
                แม้ว่าการถูกชิงหมวกมิใช่เรื่องสนุก  แต่หากไม่มีผู้ใดที่สามารถชิงหมวกจากหัวของเขามาได้เลย ไหนจะเรียกว่า สนุกได้    เนื่องเพราะจวบจนบัดนี้คนที่สามารถทำให้หมวกของเกก้าดีนหลุดออกจากหัวได้มีเพียงแค่  3 คนเท่านั้น  แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น  หากแต่สองคนแรกเพียงแค่สามารถทำให้หมวกของเกก้าดีนหลุดออกมาธรรมดาเท่านั้น  แต่ไซโคร แนชกลับแตกต่าง  เนื่องเพราะเขาเป็นคนแรกที่สามารถชิงหมวกออกมาจากหัวของเกก้าดีนได้  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกก้าดีนยิ้ม
                ขณะที่นักเรียนหลายคนกำลังชมการประลองกันอยู่อย่างสนุกสนานนั้น  ทางด้านฝั่งนักเรียนเกเบรียล ขณะที่เด็กชายผมตั้งกำลังนั่งดูการประลองอยู่นั้นชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา  ซึ่งชายคนนั้นก็คือ อาจารย์ผู้รับผิดชอบนำนักเรียนเกเบรียลมาที่นี่นั่นเอง
                  “ มีอะไรหรอครับอาจารย์ ”
                  “ คือว่า เรากำลังจะกลับกันแล้วนะ  เธอรู้บ้างไหมว่าเกเก้าดีนไปที่ไหน ”
                  เด็กชายผมตั้งส่ายหน้า
                “ ผมไม่รู้เหมือนกันครับ  เขาบอกว่า เขาจะไปทำธุระอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ”
                  เด็กชายผมตั้งทำท่าครุ่นคิดก่อนที่อาจารย์จะพูดอะไรต่อ ก็กล่าวต่อ
                  “ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปตามหาเขาเองครับ  รอสักครู่นะครับ ”
                  “ อืม ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะ  รีบๆหน่อยละเดี๋ยวอีก 15 นาทีเราก็จะกลับกันแล้วนะ ”
                  “ ครับผม ”
                เด็กชายผมตั้งวิ่งออกมาจากห้องชมรมอัศวิน และก็วิ่งลงตามทางบันไดวนไปเรื่อยๆ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ    “ เจ้าบ้าเกก้าดีนมันไปทำอะไรตอนนี้นะ  ต้องลำบากไปตามหามันเลยให้ตายสิ  หวังว่ามันคงไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรกับใครนะ ”     
                จากนั้นเด็กชายผมตั้งก็วิ่งออกมาจากตึกอาคารชมรมหลังจากวิ่งสำรวจภายในอาคารจนเกือบจะหมดแล้ว    เด็กชายผมตั้งครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะวิ่งต่อไป    เพราะเนื่องจากว่า โรงเรียนอับดุล อินเตอร์นั้นใหญ่มาก  การที่จะตามหาคนสักคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  ยิ่งถ้าวิ่งผิดทางแล้วละก็อย่าหวังที่จะหาเจอได้เลย
                เด็กชายผมตั้งหลับตาลงช้าๆ ราวกับว่ากำลังใช้สมาธิเพ่งหาที่อยู่ของเกก้าดีนเลยก็มิปาน  ไม่นานนักเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับวิ่งต่ออย่างรวดเร็ว  รวดเร็วระดับที่เรียกได้ว่า  น้อยคนนักที่จะสามารถวิ่งตามเขาได้ทัน      ทางที่เด็กชายผมตั้งคิดจะไปนั้นเป็นทางเดียวกันกับที่เกก้าดีนอยู่กับไซโคร แนชพอดี    หรือเด็กชายผมตั้งสามารถรู้ที่อยู่ของเกก้าดีนได้เพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น ?   
              ในที่สุดเด็กชายผมตั้งก็วิ่งมาจนถึงน้ำพุกลางโรงเรียน  เบื้องหน้าของเขาปรากฎเด็กชายสองคน  คนหนึ่งกำลังพยุงอีกคนหนึ่งอยู่    เด็กชายผมตั้งจึงวิ่งเข้าไปหาเด็กชายทั้งสองคนนั้น
              “ เป็นอะไรกันครับเนี่ย ”
              เด็กชายคนที่กำลังพยุงเด็กชายอีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายหันไปตอบ
              “ ก็ คือ ตอนที่เพื่อนเรากำลังลงบันไดอยู่น่ะสิ  อยู่ๆก็มีเด็กนักเรียนใส่หมวกคนหนึ่งเดินมาชนเข้าเลยกลายเป็นแบบนี้เลย ”
              ไม่ผิดแน่เด็กชายใส่หมวกที่ว่าต้องเป็นเกก้าดีนอย่างแน่นอน  และเด็กชายผมตั้งก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า  เด็กชายทั้งสองคนนี้ก็ต้องเป็นวากับดีว่าแน่นอน
            “ แล้วว่าแต่เด็กคนที่ใส่หมวกที่นายว่า เขาเดินไปทางไหนพอจะรู้ไหม ”
            “ เราก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ ”
            เด็กชายผมตั้งคิดจะวิ่งต่อไปแต่แล้วก็คิดที่จะช่วยวาพยุงดีว่าขึ้นมา
            “ ให้เราช่วยนะ ”
            เด็กชายผมตั้งเขามาช่วยพยุงดีว่าอีกด้านหนึ่ง  ทันทีที่ดีว่าสัมผัสกับตัวเด็กชายผมตั้งนั้นก็รู้สึกถึงพลังปราณอันมหาศาลเลยทีเดียว  แสดงว่าคนๆนี้จะต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็นแน่  เพียงแต่ว่าตอนนี้ดีว่าไม่สามรถเอ่ยปากได้ เนื่องเพราะพลังลมปราณของเขาแตกสลายเกินกว่าที่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดได้ แม้แต่สติยังเกือบที่จะควบคุมไม่อยู่
              “ แล้วว่าแต่นายจะพาเขาไปที่ไหนหรอ ”
              “ เราจะพาเขาไปที่หอพักน่ะ อยู่ห่างไปไม่เท่าไร่หรอก ”
              “ อืม งั้นไปกันเลย ”
              ตั้งแต่ที่มีเด็กชายผมตั้งมาช่วยพยุงอีกแรงหนึ่ง  วาก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าเขาสามารถเดินได้เร็วขึ้น และไม่รู้สึกหนักในตัวดีว่าเลยแม้แต่น้อย  แต่เป็นเพราะเหตุใดวาก็ไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกัน  ทั้งสามคนเดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เห็นหอพักไม่ไกลแล้ว    ระหว่างทางที่ใกล้จะถึงหอพักนั้นวาก็ชวนเด็กชายผมตั้งคุย
              “ ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ  เราชื่อวานะ ”
              “ นั่นสินะลืมแน่นำตัวไป  ชื่อของเราก็คือ ”
              เด็กชายผมตั้งหยุดพูดไปกระทันหันเพราะคนสองคนที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขานั่นเอง  และที่สำคัญที่ทำให้ต้องตกใจก็คือชายอีกคนหนึ่งที่กำลังใช้นิ้วชี้แกว่งหมวกเล่นไปมา  ใช่แล้วทั้งสองคนนี้ก็คือ เกก้าดีนกับไซโคร แนช นั่นเอง   
              เด็กชายผมตั้งรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนในทันที  วาเองก็ออกจะงงๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังพยุงดีว่าไว้      เด็กชายผมตั้งพุ่งตัวตรงไปยังไซโคร แนช ความเคลื่อนไหวของท่าร่างรวดเร็วยิ่งนัก  จนทำให้แทบจะมองตามไม่ทันเลยทีเดียว   
              ไซโคร แนช ถึงแม้จะรวดเร็วเพียงใดแต่เมื่อถูกพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ต้องพลาดท่าให้กับเด้กชายผมตั้ง  เพียงแต่ว่าเด็กชายผมตั้งนั้นไม่ได้พุ่งเข้าไปเพื่อที่จะทำร้ายไซโคร แนช  เมื่อถึงตัวไซโคร แนช แล้วเด็กชายผมตั้งก็กระโดดตีลังกาไปหาเกก้าดีนด้วยความเร็ว        ที่แท้ที่เด็กชายผมตั้งพุ่งเข้าหาไซโคร แนช นั่นก็เพียงเพื่อที่จะแย่งหมวกกลับคืนมาให้เกก้าดีนเท่านั้น 
              เกก้าดีนรับหมวกจากเด็กชายผมตั้งมาอย่างช้าๆ พร้อมกับค่อยๆสวมใส่มัน  จากนั้นยิ้มที่ปรากฎขึ้นมาเมื่อสักครู่ก็หุบลง  หรือจะเป็นเพราะหมวกใบเดียว
            “ โอ้ว มีเพื่อนมาด้วยงั้นหรือ  จะเข้ามาทั้งสองคนเลยก็ได้นะ  ข้าจะได้รีบจบๆ ธุระเสียที ”
              ไซโคร แนช พูดอย่างไม่เกรงกลัว  แต่เด็กชายผมตั้งกลับพูดกลับไปอย่างสุภาพ
            “ ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ และผมก็ไม่ได้คิดจะมาหาเรื่องคุณหรอกนะครับ เพียงแต่จะมาตามตัวเพื่อนผมกลับเพราะว่ารถโรงเรียนกำลังจะออกแล้ว ”
              ไซโคร แนช เงียบไม่พูดอะไรต่อ  เขาเองก็รู้เหมือนกันว่า เด็กชายผมตั้งคนนี้ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็นแน่        เกก้าดีนก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดกับเด็กชายผมตั้ง
            “ รถโรงเรียนจะกลับแล้วหรอ  น่าเสียดายจริงๆนะ นายไม่น่ารีบมาตามเราเลย  เราเกือบที่จะใช้เจ้านั่นออกไปเสียแล้วด้วยถ้านายไม่มาขัดจังหวะเสียก่อน  ”
              เพียงคำพูดของเกก้าดีนที่บอกว่าจะใช้เจ้านั่นออกมาก็ทำให้เด็กชายผมตั้งเหงื่อตกได้เลยทีเดียว  แล้วเจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่นะ
            “ เอาละครับ วันนี้สนุกมากหวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้  บนเวทีลานประลองอาวุธประจำปีที่จะถึงเร็วๆนี้นะครับ ”
              เกก้าดีนหันไปยิ้มให้กับไซโคร แนช  ส่วนไซโคร แนช นั้นเพียงแค่สะเหยะยิ้มกลับไปเท่านั้น  และแล้วก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะกลับไปยังตึกอาคารชมรมเด็กชายผมตั้งก็หันมาพูดกับวาก่อนว่า
            “ โทษทีที่ไม่ได้บอกเมื่อสักครู่นะ  ชื่อของเราก็คือ  “ ไซเมด “  จำเอาไว้ให้ดีละ  หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกเร็วๆนี้นะ ”       
              วาแค่ยิ้มให้เท่านั้น  เพราะยังคงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่หาย  แต่ก็ยังดีที่เขาเริ่มเคยชินกับเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว    นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้เจอกับไซโคร แนช  วาจึงคิดที่จะเข้าไปขอบคุณไซโคร แนช ที่ช่วยเขาเมื่อตอนอยู่ที่บนเวทีลานประลอง  จึงค่อยๆพยุงดีว่าเข้าไปใกล้ๆ ไซโคร แนช 
            วาเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวทักทายก่อน โดยขณะนั้นไซโคร แนช หันหลังให้กับเขาราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น
              “ เออ สวัสดีครับ ”
            ไม่มีเสียงตอบ แต่ว่าไซโคร แนช ก็ค่อยๆหันหลังกลับมาหาวา จ้องมองวาอย่างสงบเยือกเย็นยิ่ง  ไม่ว่าผู้ใดเมื่ออยู่ต่อหน้าไซโคร แนช ในตอนนี้จะต้องรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล  แต่วากลับไม่เหมือนคนทั่วไป  เขาเองไม่รู้สึกถึงความกดดันเลยแม้แต่น้อย  และก็ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกถึงความกดดันเท่านั้น แม้แต่ความรู้สึกกลัวก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อย    แถมยังรู้สึกอีกด้วยว่า คนๆนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ    และในที่สุดหลังจากที่ไซโคร แนช จ้องมองวาเป็นเวลานานแล้วก็เอ่ยปากจนได้
              “ เจ้ามีธุระอะไรกับข้า ”
              คำพูดของไซโคร แนช แม้ดูเย็นชาแต่ทว่าวากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น กลับตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
              “ ป่าว ก็ไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ว่าอยากจะขอบคุณที่ช่วยผมตอนอยู่ที่บนเวทีลานประลองก็เท่านั้นแหละครับ ”
            มิคาดเมื่อได้ยิ้มคำพูดของวา  บนใบหน้าของไซโคร แนช กลับปรากฎรอยยิ้มขึ้นวูบหนึ่ง  แต่วากลับไม่ทันสังเกตเห็น
            “ ธุระของเจ้ามีเท่านี้เองใช่ไหม ในเมื่อเสร็จธุระแล้วข้าก็ขอเชิญ .. ”
            “ ถ้างั้นผมก็ไม่รบกวนละกันนะครับ  หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้คุยกันอีกในโอกาสหน้านะครับ ”
            วายิ้มให้กับไซโคร แนช ก่อนที่จะออกแรงพยุงดีว่าไปต่อ  แต่ยังไม่ทันทีวาจะก้าวเท้าที่สองออกไป ไซโคร แนชก็เอ่ยปากขึ้น ทำให้วาต้องหันหลังกลับไปอีกครั้งหนึ่ง
            “ ช้าก่อน ..”
            “ มีอะไรหรอครับ ”
            ไซโคร แนช ไม่ตอบแต่เดินเข้าไปหาวาพร้อมกับมองไปยังดีว่า  จู่ๆก็พูดขึ้นมาวา
            “ พาเขาตามข้ามา ”
              วาสงสัยแต่ไม่กล้าที่จะถาม ได้แต่เดินพยุงดีว่าตามไซโคร แนช ไป  ซึ่งไซโคร แนช เดินตรงไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่หน้าหอพักต้นเดียวกับที่ดีว่าเคยทำให้ใบไม้ทั้งต้นต้องร่วงหล่นลงมาแล้ว 
              “ เจ้า วางตัวเขาลงพิงกับต้นไม้ต้นนี้ ”
              วาค่อยๆ พยุงตัวดีว่าให้เอนไปกับต้นไม้ต้นใหญ่จากนั้นก็เอ่ยปากถาม
              “ จะทำอะไรหรอครับ ”
              ไซโคร แนช มีตอบหากแต่เดินเข้าไปหาดีว่าจากนั้นก็ก้มลงชันเข่าข้างหนึ่ง  พร้อมกับนำมือข้างขวาไปจับเข้าที่ข้อมือของดีว่าเพื่อตรวจจับชีพจร        จากนั้นบนใบหน้าของไซโคร แนชก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย
              “ เพื่อนของเดจ้าถูกวิชาสลายลมปราณ ”
              “ สลายลมปราณหรือครับ แล้วใครเป็นคนทำละครับ ”
              “ วิชาสลายลมปราณนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาที่ทำได้ยาก แต่วิธีการสลายลมปราณแบบนี้จะต้องเป็นฝีมือของเจ้านั่นเพียงคนเดียวจึงจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ”
              “ เจ้านั่นหรือจะหมายถึงคนที่ใส่หมวกเมื่อสักครู่นี้หรอครับ ”
              “ ใช่แล้วละ  วิชาสลายลมปราณที่เจ้านั่นใช้เป็นวิชาสลายลมปราณแขนงพิเศษ  มิเช่นนั้นละก็พลังลมปราณที่เพื่อนของเจ้าโคจรไว้คงจะไม่สามารถแตกและทำให้เพื่อนของเจ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้เป็นแน่ ”
              “ มิน่าละครับ  ตอนที่คนที่ใส่หมวกเดินมาชนเพื่อนผมที่ตรงทางเดินบันไดตึกอาคารชมรม เขาถึงกลายเป็นแบบนี้  อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆเลยนี่ครับ ”   
            “ เจ้าหมวกนั่นมีฝีมือไม่เลวเลยทีเดียวสิ  ไม่สิ! ไม่ใช่แต่มีฝีมือไม่เลวเท่านั้น  ฝีมือการต่อสู้ของเจ้านั่นอาจเรียกได้ว่าอยู่ในระดับเทพเลยทีเดียว !!!  วิชาสลายลมปราณที่เจ้าหมวกนั่นใช้เรียกว่า  “รีเฟรกชั่น ”  :ซึ่งผู้ที่จะสามรถใช้ความสามารถประเภทนี้ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษาวิชาของนักสู้ศักดิ์สิทธิ์จนสามารถเลื่อนขั้นถึงครูเสเดอร์ได้เท่านั้น  ” 
            “ ครูเซเดอร์งั้นหรอครับ เหมือนผมจะเคยได้ยินเลยนะครับ  ถ้างั้นแล้วอย่างนี้จะช่วยเพื่อนผมได้ยังไงกันละครับ ”
            “ เมื่อมีด้านมืดย่อมมีด้านสว่าง เมื่อมีปัญหาย่อมมีทางแก้ไข  เช่นกันวิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นนั้นก็มีวิธีแก้ได้เหมือนกัน  โดยต้องใช้วิชาโคจรลมปราณขั้นสูงซึงเรียกกันว่า “ รีเจเนอเรเตอร์ ”  ”
            “ รีเจเนอเรเตอร์หรอครับ ฟังดูแล้วงงๆจังเลยนะครับ  แล้วผมจะหาคนที่มีวิชานั้นได้ยังไงกันละครับ ”
            ไซโคร แนช ยิ้มขึ้นวูบหนึ่งจากนั้นก็กล่าว
            “ ผู้ที่สามารถที่จะใช้วิชารีเจเนอเรเตอร์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษาวิชานักสู้ศักดิ์สิทธิ์จนสามารถเลื่อนขั้นเป็นพาลาดินได้ยังไงกันละ  และข้าก็จะขอบอกว่าคนที่สามารถเป็นพาลาดินได้ภายในโรงเรียนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น .”
            “ เขา คือ ใครหรอครับ ?”
            “ คนๆ นั้นก็คือ .”
              ในที่สุดไซเมด และเกก้าดีนก็เดินกลับมาจนถึงตึกอาคารชมรมจนได้    ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นไปบันไดนั้นไซเมด หรือเด็กชายผมตั้งก็ถามเกก้าดีนว่า
              “ ที่คนที่ชื่อดีว่าเป็นอย่างนั้น ใช่ฝีมือนายใช่ไหม ”
              “ ถ้าใช่แล้วนายจะทำไม ”
              “ นายไม่ควรจะไปทำกับเขาอย่างนั้นนะ  เขาไม่ได้ทำอะไรนายก่อนเลยนะ  ถึงขนาดใช้รีเฟรกชั่นใส่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ ”
              “ หึหึ เราก็แค่อยากที่จะทดสอบฝีมือของเขาดูก็เท่านั้นเอง ”
              “ ทดสอบฝีมือด้วยการใช้รีเฟรกชั่นใส่เนี่ยนะ  นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่า มันร้ายแรงขนาดไหน ”
              ทันทีที่ไซเมดพูดจบเกก้าดีนก็หันมามองที่ไซเมดทันที  พร้อมกับดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองไปยังไซเมด
            “ ใช่แล้ว ก็เพราะอย่างนี้สิถึงตอนใช้ใส่  เพราะถ้าไม่ใช้รีเฟรกชั่นละก็มันจะเหมิอนเป็นการดูถูกฝีมือของเขาเกินไปหน่อยแล้ว ”
            “ แต่นายก็รู้นี่ว่า  ขนาดคนที่มีความสามารถในการโคจรลมปราณสูงเพียงใด  ถ้าโดนวิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นเข้าไปก็คงไม่สามารถยืนอยู่ได้  หรือบางทีอาจจะล้มป่วยไปเป็นเดือนเลยก็ได้  แม้แต่เราเองถ้าโดนรีเฟรกชั่นเข้าละก็ . แล้วนับประสาอะไรกับดีว่าที่เพิ่งต่อสู้และได้รับการบาดเจ็บมาขนาดนั้น  ”
          “ หึหึ ไม่ต้องถ่อมตนไปหรอก ไซเมด คนอย่างนายต่อให้โดนยิ่งกว่ารีเฟรกชั่นเข้าไปก็ไม่เป็นไรอยู่แล้วไม่ใช่หรอ  ”
          มิคาด เมื่อได้ยินคำพูดของเกก้าดีน  ไซเมดถึงกับยิ้มขึ้น  เป็นรอยยิ้มที่แสดงความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็แสดงว่า เขาไม่กลัววิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นของเกก้าดีนเลยแม้แต่น้อย    ความน่ากลัวและพลังฝีมือของทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับไหนกันแน่  หรือว่าจะเป็นอย่างเช่นที่ไซโคร แนช บอกกันแน่ ว่าพลังฝีมือของทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับที่เรียกว่า เทพ! 
            จากนั้นเกก้าดีนก็กล่าวต่อ
            “ และที่สำคัญนะที่ เราใช้รีเฟรกชั่นใส่ดีว่านั่นไม่ใช่เพื่อที่จะทนสอบพลังฝีมือของดีว่าหรอกนะ  เพราะคนๆนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาคนอย่างสายฟ้าเกก้าดีนหรอกนะ  แต่คนที่เราตั้งใจที่จะทนสอบจริงๆก็คือ  เจ้าชายสายฟ้าไซดคร แนช ต่างหากละ ”
            “ หรือนายตั้งใจจะทดสอบว่า เขาเป็นผู้ที่มีพลังรีเจเนอเรเตอร์จริงใช่หรือไม่ ”
            “ ใช่แล้วละ ที่จริงตอนที่สู้กัน เราก็เกือบที่จะใช้เจ้านั่นเพื่อที่จะทดสอบเขาแต่แรกแล้วละ  แต่นายมาก่อนพอดีน่ะสิ ”
            “ ดีแล้วละที่เรามาทัน  ไม่อย่างนั้นขืนนายใช้เจ้านั่นออกไปละก็   เราก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น    เราว่าเขาก็คงจะอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเจ้าสองคนแรกที่สามารถทำหมวกนายหลุดออกไปได้หรอกจริงมะ ”
            “ อย่าดูถูกเจ้าชายนะ!!!  เขาไม่มีทางเหมือนเจ้าสองคนนั่นแน่  เขาเป็นคนแรกที่สามารถแย่งหมวกของเราไปได้  และแน่นอนเขาจะต้องสามารถรับเจ้านั่นได้แน่นอน  เพียงแต่ว่าสภาพหลังจากที่โดนเจ้านั่นไปแล้ว  เราก็คิดไม่ออกเหมือนกัน  ฮ่าๆๆๆ  ”
              เกก้าดันหัวเราะ หัวเราะอย่างมั่นใจ  เจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่ ?
            “ ใช่แล้วละ  แต่ถึงนายจะพูดอย่างนั้นก็เถอะนะ  เราก็ยังไม่เชื่อว่าคนๆนั้นมีพลังรีเจเนอเรเตอร์  และก็ยังไม่เชื่อว่าคนๆนั้นจะสามารถทนทานรับเจ้านั่นได้อยู่ดีแหละ ”
            “ หึหึ ก็ดีใจอยู่เหมือนกันนะที่นายคิดว่าไม่มีใครสามารถทนทานต่อเจ้านั่นได้  แต่สิ่งที่เราอยากจะมั่นใจก็คือ  เราคิดว่าคนๆนั้นจะต้องมีพลังรีเจเนอเรเตอร์แน่นอน ”
            “ แล้วถ้าเขาเกิดไม่มีขึ้นมาละ ”
            “ เรื่องนั้นนะหรอ ..”
            เกก้าดีนเริ่มหัวเราะอีกครั้ง
            “ ถ้าเขาไม่มีรีเจเนอเรเตอร์จริงละก็ เขาคงไม่ถูกเรียกว่า เจ้าชาย หรอกนะ  ฮ่าๆๆ ”
            เกก้าดีนหัวเราะจากนั้นก็กล่าวต่อ
            “ นายคิดอย่างนั้นไหมละ  ก็อดแฮนด์ ”
            บนใบหน้าของไซเมดพลันปรากฎรอยยิ้มขึ้น  มิทราบว่าเป็นรอยยิ้มที่ดีหรือชั่วร้ายอำมหิตกันแน่    ก็อดแฮนด์ หรือจะเป็นฉายาของไซเมด  ก็อดแฮนด์หรือจะเป็นสุดยอดวิชาของศิลปะการป้องกันตัวด้วยหมัดเปล่า  ถ้าเช่นนั้นละก็ผู้ที่จะสามารถฝึกวิชานี้ได้นั้นต้องมีพลังกายและพลังสูงส่งเลยทีเดียว  นอกนั้นจากนั้นต้องศึกษาด้านวิชานักสู้ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นอย่างดีจนสามารถเลื่อนขั้นได้เป็นก็อดแฮนด์    และผู้ที่สามารถฝึกสำเร็จจนถึงขั้นสามารถเป็นก็อดแฮนด์ได้แล้วละก็  จะเรียกได้ว่า คนนั้นๆมีพลังฝีมือที่เรียกได้ว่า ระดับเทพ เลยทีเดียว
          ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า เด็กชายทั้งสองคนนี้จะต้องมีฝีมือในด้านการต่อสู้อยู่ในระดับที่เรียกว่า เทพ ได้เลยทีเดียว    คนหนึ่งเป็นถึงผู้ฝึกพลังสายฟ้าจนถึงขั้นครูเซเดอร์  ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นถึงขั้นก็อดแฮนด์  ถ้าอย่างนั้นละก็คนสองคนนี้ก็ยากที่จะหาผู้ใดตอแยได้        ไม่สิอาจจะไม่มีผู้ใดสามารถล้มทั้งสองคนนี้ได้เลยก็ว่าได้    ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงละก็เมื่อถึงการประลองอาวุธประจำปี  จะยังมีใครกล้าที่จะต่อกรสองคนนี้ได้อีก    แต่ก็อาจจะมีแค่เพียงคนเดียวที่สามารถล้มทั้งสองคนนี้ได้  คนผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่สามารถฝึกวิชาจนถึงขั้นเป็นพาลาดินได้เท่านั้น !!
           
                 
                                        ________________________________________
     
                   
                   
                     
                   
                   
 
               
            .
           
       
           
           
             
                 
                 
             
   
             
               
               
               
                 
                 
                 
           
               
                 
             
             
               
                 
                   
                 
             
                ห้องทั้งห้องยังคงตกอยู่ในความมืด    ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากแสงสายฟ้ารูปไม้กางเขนได้ปรากฎขึ้นบนเวทีลานประลอง            วารู้สึกได้ว่าปลอกแขนทั้งสองข้างของเขาตอนนี้ได้หลุดของจากแขนของเขาเสียแล้ว          เสียงปลอกแขนทั้งสองข้างตกลงกระทบพื้นดัง  “ ก๊อก !!! ”    ซึ่งนั่นก็หมายความว่า  ที่ไซโคร แนข  ตวัดดาบฟันลงมาเมื่อสักครู่นี้เป็นการฟันใส่ปลอกแขนของวานั่นเอง 
                  วาเองก็ยังรู้สึกงงกับการกระทำของไซโคร แนช อยู่  เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ ?      แต่ยังไม่ทันทีวาจะได้คิดอะไรต่อไป  แสงไฟภายในห้องก็เริ่มค่อยๆ สว่างขึ้น      พร้อมกับเสียงพูดคุยของนักเรียนในห้องอย่างไม่ขาดสาย             
                ภาพที่ปรากฎต่อหน้าทุกคนในตอนนี้ก็คือ  บนเวทีลานประลองในขณะนี้คือ  มีนักเรียนสองคนที่นอนสลบอยู่บนเวที    และนักเรียนอีกสองคน  คนหนึ่งกำลังค่อยๆ ลุกขึ้นยืน  ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังยืนอยู่กับที่      ซึ่งคนที่กำลังค่อยๆ ยืนก็คือ ดีว่า  และคนที่กำลังยืนอยู่เฉยๆ ก็คือ วา นั่นเอง        ส่วนสองคนที่กำลังนอนสลบอยู่นั่นไม่ใช่ใครแต่เป็น จี ดาบคลั่ง กับเซตนั่นเอง 
                  เด็กชายนักประกาศเมื่อเริ่มเห็นอะไรชัดเจนแล้ว ถึงแม้ว่าจะตะลึงอยู่สักเล็กน้อยแต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้จากนั้นก็ค่อยๆ พูดผ่านไมค์ว่า
                  “ โอ้วววววว !  อะไรกันครับเนี่ย  เกิดอะไรขึ้นเมื่อสักครู่นี้กันแน่ครับ ”
                ไม่มีใครสามารถตอบได้  และเหมือนไม่ต้องการคำตอบเด็กชายนักประกาศจึงพูดต่อ
              “ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การแข่งขันประลองอาวุธคราวนี้ตำแหน่งผู้ชนะจึงตกเป็นของ .. ”
                แต่ก็ยังไม่ทันที่เด็กชายนักประกาศจะกล่าวต่อ  ก็ถูกมือของวาหยุดไว้เสียก่อน
              “ การแข่งขันครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นฝ่ายชนะหรอกครับ ”
              เด็กชายนักประกาศยักคิ้วทำท่างงๆ กับคำพูดของวา 
              “ ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วใครเป็นผู้ชนะละครับ ”
              “ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ”
                เด็กชายนักประกาศทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง  จากนั้นก็กล่าวออกไมค์ต่อด้วยความกระฉับกระเฉง
              “ ในเมื่อไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ  จึงขอตัดสินให้การแข่งขันครั้งนี้ถือว่า เสมอกันก็แล้วกันครับ  ”
              เสียงบ่นของนักเรียนภายในห้องดังขึ้นหลังจากฟังการประกาศเมื่อสักครู่นี้    บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินครั้งนี้  เนื่องเพราะภาพที่เห็นต่อหน้าพวกเขาก็คือ  ฝั่งของวาและดีว่า ชนะอยู่ชัดๆ  ซึ่งถ้าจะคิดกันจริงๆ  ก็ไม่สามารถตัดสินได้จริงๆ ว่าใครเป็นฝ่ายชนะกันแน่    เพราะที่วาสามารถรอดมาได้ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของเขาเอง  หากแต่เป็นไซโคร แนช เข้ามาช่วยต่างหาก
                    “ หึหึ  ไม่เสียเที่ยวจริงๆ  การประลองครั้งนี้ ”
                    เด็กชายผู้ที่ใส่หมวกสีครีมหัวเราะอย่างมีเลศนัย   
                  “ ไม่เสียเที่ยวยังไงของนายกัน ? ”
                  เด็กชายผมตั้งที่นั่งอยู่ข้างๆ เด็กชายหมวกสีครีมถามอย่างสงสัย
                  “ นายนี่มันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นะ    หรือเมื่อสักครู่นี้นายไม่ได้เห็น  ไม่เพียงแต่เราจะได้เห็นความสามารถของดีว่าปราณกระบี่ไร้เงาเท่านั้น  ยังมีแขกรับเชิญพิเศษมาเพิ่มอีกคนหนึ่งเสียด้วย  ”
                “ ไอ้แขกรับเชิญพิเศษที่นายว่า หรือจะหมายความถึง  ไอ้คนที่ใช้ดาบคู่สายฟ้าเมื่อสักครู่นี้  เราว่าไอ้หมอนั่นต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ เลย ”
                เด็กชายที่ใส่หมวกสีครีมเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กชายผมตั้งเมื่อสักครู่นี้  ก็หันไปมองหน้าเด็กชายผมตั้งทันที  ปรากฎให้เห็นแววตาที่หน้ากลัวอย่างยิ่งภายใต้หมวกสีครีมอันนั้น
                “ อย่าบังอาจเรียกเจ้าชายว่า  โรคจิต เชียวนะ !  นายยังไม่รู้หรอกว่าเขาแข็งแกร่งถึงเพียงใด ”
                เด็กชายผมตั้งเมื่อเห็นแววตาที่น่ากลัวยิ่งคู่นั้น ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว  แต่สักพักเมื่อเด็กชายหมวกสีครีมพูดจบ  ดวงตาที่น่ากลัวก็ซ่อนกลับไปภายใต้หมวกเหมือนเดิม    เด็กชายหมวกสีครีมกล่าวต่อ
                “ เราอยากจะมีโอกาสได้ประลองกับเขาเสียจริงๆ  หวังเพียงแค่ว่า เขาจะลงแข่งประลองอาวุธในครั้งนี้ด้วยก็พอ  และถ้าเผื่อเขาลงแข่งละก็เขาจะต้องได้เจอกับเราเป็นแน่  เพราะว่าไม่มีใครคู่ควรที่จะสู้กับเขามากกว่าเรา  “ สายฟ้าเทพเกก้าดีน “  คนนี้อีกแล้วววว  !!! ”     
                เด็กชายผมตั้งถึงกับพูดไม่ออก และไม่ต้องการที่จะพูดอะไรด้วย    อันที่จริงฝีมือของเด็กชายผมตั้งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กชายหมวกสีครีมสักเท่าไหร่  แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบ  เด็กชายผมตั้งเหมือนกับเกรงกลัวเด็กชายหมวกสีครีมอยู่มากทีเดียว 
                  วาและดีว่าค่อยๆ ก้าวเดินลงมาจากเวทีลานประลอง  โดยที่วาได้เก็บซากปลอกแขนทั้งสองข้างของเขากลับคืนมาด้วย          โซเฟียซึ่งยืนคอยอยู่ข้างเวทีลานประลองอยู่แล้ว  รีบส่งยิ้มให้กับวาและดีว่าเมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาถึง           
                       
                  “ สุดยอดมากเลยนะทั้งสองคน  เรานี่ลุ้นแทบแย่เลยละ  โดยเฉพาะคุณเด๋อเนี่ย  เล่นเอาใจหายตั้งหลายครั้งเชียว  แต่เราก็แอบขำนิดหน่อยนะ  ตอนที่โดนเซตเอาดาบไล่ฟัน  คุณเด๋อวิ่งหนีดูแล้วตลกมากเลยรู้ไหม  แหะๆ ”
                  “ โธ่ ตอนแรกก็นึกว่าจะชม  ที่ไหนได้ยังมาล้อเราอีกแน่ะ ” 
                  วาพูดพร้อมกับหัวเราะ  ถึงแม้เขาจะยังไม่หายตื่นเต้นก็ตามที    แต่ในขณะนั้นเองซาโต้ก็เดินเข้ามาหาวาพร้อมกับ  จ้องมองไปที่ปลอกแขนที่วาถือมาทั้งสองข้าง
                  “ ว่าแล้วเชียว ว่ามันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล  ไหนพี่ขอดูปลอกแขนทั้งสองข้างนั่นหน่อยได้ไหม ”
                  วาไม่ตอบ หากแต่ยื่นปลอกแขนทั้งสองข้างให้ซาโต้แทนคำตอบ        ซาโต้รับมาดูพร้อมกับครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง      ซึ่งโซเฟียก็ยืนมองพร้อมกับพิจารณาอยู่ด้วยข้างๆ
                    “ ปลอกแขนนี้ ได้มาจากไหนหรอ ”
                    “ เออ คือ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเขาให้ผมมาก่อนที่จะลงมาน่ะครับ  เขานั่งอยู่ตรงนั้นนะครับ ”
                    วาพูดพร้อมกับชี้ไปยังที่นั่งของเด็กผู้หญิงคนนั้น    แต่ก็ปรากฎว่าที่นั่งตรงนั้นไม่มีคนอยู่เสียแล้ว  ซาโต้มองตามที่วาชี้  แต่เมื่อไม่เห็นใครนั่งอยู่ก็แย้มยิ้มเล็กน้อย
                    “ สงสัยว่า น้องจะถูกแกล้งแล้วละครับ  ปลอกแขนอันนี้มันเป็นปลอกแขนที่ถูกสร้างขึ้นมา  สำหรับให้คนที่ใส่เสียเปรียบโดยเฉพาะเลยละ  ”
                    “ รุ่นพี่รู้ได้ยังไงครับเนี่ย ”
                    “ แหม คุณเด๋อ ถึงไม่บอกก็น่าจะรู้เองนะ  ตอนอยู่บนเวทีก็น่าจะรู้สึกบ้างนะ ”
                    “ อืม ก็นั่นสิ เราก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน  อยากรู้จังว่าคนที่ให้ปลอกแขนเราเขาเป็นใครกันแน่นะ ”
                    ระหว่างที่วากำลังคิดอยู่นั่น  ซาโต้ก็พูดออกมาว่า
                  “ อืม อีกอย่างหนึ่งนะ  ที่พี่รู้เนี่ยไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ  แต่ไอ้พวกปลอกแขนแบบนี้มันก็มีมามากแล้วเหมือนกัน  มีคนบางกลุ่มได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อโกงการแข่ง  ซึ่งก็ได้พบเห็นมาเยอะแล้วเหมือนกัน  แต่ก็ไม่สามารถจับตัวคนทำได้เลยสักที ”
                  “ เราว่านะ ตัวการของเรื่องนี้ต้องเป็นไอ้หมอนั่นแน่เลย ”
                  โซเฟีย พูดพร้อมกับมองไปยังเซต  ซึ่งกำลังถูกคนยกออกไปจากเวทีอยู่  วาเองก็คิดเหมือนกับโซเฟียเช่นกัน  แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันได้ว่า เซตเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการโกงครั้งนี้     
                  “ ใครจะเป็นคนวางแผนโกงครั้งนี้ก็ช่างมันเถอะครับ  เพราะถึงถ้าเป็นเขาจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับโทษอย่างสาสมแล้วละครับ ”
                  ดีว่า พูดพร้อมกับยิ้มหลังจากที่เงียบมานาน
                  “ อืม ก็จริงนะ  ว่าแต่คนที่ขึ้นไปช่วยเราเมื่อสักครู่นี้ ใช่คนที่ชื่อ ไซโคร แนช รึเปล่า ”
                  “ ใช่แล้วละครับ  ผมเองก็คิดอยู่แล้วละครับ  ว่าเขาจะต้องมา ”
                  “ ทำไมเขาถึงกล้าทำอย่างนี้ละ ”
                  “ คงเป็นเพราะ เขารักความยุติธรรมเอามากๆ ละมั้งครับ  แล้วที่สำคัญนะครับ ที่จริงเขาเป็นคนดีมากๆ คนหนึ่งเลยทีเดียวละครับ  จริงไหมครับรุ่นพี่ซาโต้ ”
                  ดีว่า พูดพร้อมกับแอบส่งสายตาไปให้รุ่นพี่ซาโต้เหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง  ซึ่งซาโต้ก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับยิ้มตอบดีว่าแทนเหมือนกับว่า  รู้ถึงสิ่งที่ดีว่ากำลังสื่อกับเขาอยู่     
                “ เราว่าพวกเราไปหาที่นั่งพักกันก่อนจะดีไหม  ท่าทางนายสองคนคงจะเหนื่อยกันมากแล้วละ ”
                “ ก็ดีครับ ”
              หลังจากนั้นทั้งวาแล้วก็ดีว่า ก็จัดการถอดชุดเกราะป้องกันออก    วารู้สึกได้ถึงความเบาและเย็นสบายอย่างยิ่ง        เขาค่อยๆ เดินตามโซเฟียไปยังที่นั่งข้างๆ เวทีลานประลอง      ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นวาแอบเหลียวมองดีว่าสักพักหนึ่ง  ไม่น่าเชื่อว่าคนๆ นี้จะเป็นคนๆ เดียวกับที่กำลังสู้อยู่บนเวทีเมื่อสักครู่นี้  และยิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนๆ  เดียวกับที่ทรุดลงไปอย่างหมดกำลังอย่างเมื่อสักครู่นี้  ดีว่าในตอนนี้นั้นเดินได้อย่างมั่นคงราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย  ทำให้วาแทบจะอดทึ่งไม่ได้   
                เมื่อถึงเก้าอี้ทั้งสามคนก็ค่อยๆ นั่งลง เป็นที่น่าแปลว่าคนที่ท่าทางเหนื่อยที่สุดกลับไม่ใช่ดีว่า หากแต่เป็นวา   
                  “ นายไม่เหนื่อยมั่งหรอดีว่า ไม่เห็นเหมือนตอนที่นายอยู่บนเวทีเมื่อสักครู่นี้เลยนะ ”
                  ดีว่าแย้มยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าว
                  “ ไม่ใช่ว่าผมไม่เหนื่อยหรอกครับ  อันที่จริงผมสมควรจะเหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ได้เสียด้วยซ้ำ  เพียงแต่ว่า ผมอาศัยการโคจรลมปราณเข้าช่วย  มันจะช่วยให้ผมอยู่ในสภาพเหมือนปกติได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียวละครับ ”
                  “  โห !!! วิเศษไปเลย  ถ้าว่างๆ สอนเรามั่งสิ  ไอ้พลังลมปราณที่ว่าเนี่ย  เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยเวลาออกกำลังมามากๆ ฮ่าๆ  ”
                  “ ได้อยู่แล้วครับ  แต่มันต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเลยทีเดียวละครับ  กว่าที่จะควบคุมลมปราณให้ได้ที่อย่างผมนะครับ ”
                “ นั่นสินะ เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ ”
                วาคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะเท่าที่ดูในตอนนี้แล้วดีว่าไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ  จากนั้นวาก็กล่าวต่อ
                “ แต่ว่านายสู้ได้ยอดเยี่ยมมากเลยนะ  ตอนแรกเราคิดว่านายจะต้องแย่แน่ๆ เลยตอนที่เจ้าจีดาบคลั่งมันใช้กระบวนท่าสุดท้ายออกมาน่ะ ”
                  “ ก็จริงละครับ ผมก็เกือบจะไม่รอดแล้วเหมือนกัน  กระบวนท่าของเขานั้นดุดันและโจมตีคล้ายดั่งไร้จุดหมาย  ทำให้หลบได้ยากมากเลยละครับ ”
                  “ แต่นายก็หลบได้เกือบหมด แถมยังล้มเขาได้อีกด้วยนะ ”
                  ดีว่าไม่ตอบเพียงแต่แย้มยิ้ม    จากนั้นก็กล่าว
                  “ ผมว่าตอนนี้เราไปหามาสเตอร์ซาซาไรกันก่อนดีกว่าไหมครับ ”
                  “ นั่นสินะ เราเกือบลืมไปเลย ”
                ก่อนที่วาจะลุกไปก็หันมาพูดกับโซเฟีย
                “ เดี๋ยวเราขึ้นไปนั่งอยู่ที่เราก่อนนะ  แล้วเจอกัน ”
                “ อืม ตามสบายค่ะ ” 
             
                ขณะที่วากำลังเดินขึ้นไปหาซาซาไรนั้นเอง  เด็กชายนักประกาศก็กล่าวขึ้น
              \" ฮะ แฮ่ม  มีใครสนใจจะประลองอีกบ้างไหมครับ  ตอนนี้เราเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถลงประลองกันได้ตามใจชอบเลยนะครับ \"
              แต่ทว่าไม่มีท่าทีว่าจะมีนักเรียนคนไหนสนใจที่จะออกมาประลองกันเลย  หรืออาจเพราะเห็นการประลองของคู่ที่ผ่านมาแล้วถึงกับไม่กล้าลงมาประลองกันเลยก็ว่าได้     
              เด็กชายนักประกาศทำท่าทางสงสัยพร้อมกับพยายามมองไปรอบๆ เผื่อว่าจะมีใครสนใจออกมาประลองบ้าง    มองไปมองมาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจที่จะออกมาประลองเลย  เด็กชายนักประกาศก็กำลังจะกล่าวต่อ    แต่ทันใดนั้นเองก็มีเด็กชายสองคนค่อยๆ เดินออกมาจากบริเวณที่นั่งทางด้านซ้ายของห้อง    ดูท่าทางทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยมีความมั่นใจมากนัก    เหมือนกับว่าตัวเองไม่ค่อยมีฝีมือมากเท่าไหร่ก็ไม่เชิง       
              เมื่อโซเฟียเห็นนักเรียนทั้งสองคนนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาทันที  เพราะเธอมีหน้าที่ดูแลเรื่องการประลองอยู่แล้วเหมือนกับ      โซเฟียดูเป็นมิตรกับทุกคนดีมาก  เธอค่อยๆ หยิบชุดเกราะพร้อมกับอาวุธให้กับเด็กนักเรียนทั้งสองคนนั้นอย่างเรียบร้อย 
              และไม่นานนักนักเรียนทั้งสองคนนั้นก็พร้อมที่จะขึ้นเวที    ทั้งสองค่อยๆ ก้าวขึ้นเวลาอย่างช้าๆ เหมือนกับพวกที่ไม่มั่นใจนัก  ที่จริงเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเด็กนักเรียนทั้งสองคนนี้นัก    เนื่องจากว่า  การประลองคู่ที่ผ่านมามีแต่พวกเก่งๆ  จึงทำให้รู้สึกกดดันเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทั้งสองคนนี้ไม่เก่งแล้วละก็  อาจจะถูกนักเรียนคนอื่นๆ ดูถูกให้ได้  แต่การที่นักเรียนทั้งสองคนนี้ก้าวออกมาจากที่นั่ง  แล้วขึ้นมาบนเวทีที่ต้องถูกมองด้วยสายตานับพันได้เท่านี้ก็ถือว่ามีความกล้าอย่างยิ่งแล้ว   
                “ โอ้ววววว การประลองรอบต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วละครับ . ”
                เด็กชายนักประกาศกล่าวไปเรื่อยๆ    ในขณะที่เริ่มมีเด็กนักเรียนบางกลุ่มค่อยๆ ทยอยกันออกจากห้องบ้างแล้ว  คงเป็นเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีการประลองอะไรที่น่าสนุกไปกว่าการประลองคู่ที่ผ่านมาอีกแล้วก็เป็นได้  หรือไม่บางคนก็ต้องรีบกลับไปทำการบ้านที่ค้างคาเอาไว้   
                  เด็กชายหมวกสีครีม หรือเด็กชายคนเดียวกับที่เรียกตัวเองว่า สายฟ้าเกก้าดีนก็ลุกขึ้นเช่นกัน  ทำให้เด็กชายผมตั้งสงสัยเล็กน้อย
                  “ นี่นายจะไปไหนเนี่ย  การประลองยังไม่จบสักหน่อย  แถมอีกอย่างรถโรงเรียนของเราก็ใกล้ออกแล้วด้วยนะตอนนี้ ”
                  “ นายอยากดูก็ดูไปเหอะ  เรามีธุระที่จะต้องทำ ”
                  “ อืมนะ งั้นก็เชิญตามสบายเถอะ  เราขอนั่งดูอยู่อย่างนี้ก็แล้วกัน  ว่าแต่อย่าลืมมาให้ทันรถออกด้วยละ  “       
              เกก้าดีนไม่ตอบหากแต่ดึงหมวกของตัวเองลงมาเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเดินออกไป   
             
                วาและดีว่าเมื่อเดินมาถึงที่นั่งเก่าของตัวเองแล้วก็ค่อยๆ นั่งลง  โดยมีซาซาไรส่งยิ้มมาให้ 
                “ การประลองเมื่อสักครู่นี้เยี่ยมมากเลยนะครับ  ทั้งสองคนสุดยอดจริงๆ ”
                “ ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ”
                “ คนที่น่าจะบอกว่าไม่เท่าไหร่น่าจะเป็นเรามากกว่านะดีว่า ”
                วาพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย  ตอนนี้วาเริ่มรู้สึกหายเหนื่อยมาบ้างแล้ว  จากนั้นวาก็ถามซาซาไร
                “ ว่าแต่มาสเตอร์ไม่สนใจจะลงประลองกับเขาบ้างหรอครับ  ”
                “ ก็อย่างที่บอกแหละครับ  ไม่มีใครที่จะมาประลองด้วยกับผมนะสิครับ ”
                “ แย่จังเลยนะครับ ผมอยากเห็นมาสเตอร์ประลองจังเลย  จะเหมือนวันที่มาช่วยผมหรือเปล่าครับเนี่ย ”
                ซาซาไรเมื่อได้ยินวาพูดก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย  ไม่น่าเชื่อว่าวาจะยังจำวันที่เขาไปช่วยไว้ได้จนถึงวันีนี้ นับว่าวาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องรอบๆ ตัวไม่น้อยเลยทีเดียว 
                “ แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอครับเนี่ย ”
                ซาซาไรหันมาถามดีว่าบ้าง
                “ ก็รู้สึกิอยู่บ้างละครับ  ที่จริงผมก็กำลังจะขอตัวกลับไปก่อนอยู่เหมือนกัน  เพราะว่าถ้านั่งอยู่ต่อสงสัยท่าจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นักละครับ”
                ” ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย  ผมก็ว่าคุณน่าจะไปพักผ่อนก่อนอยู่เหมือนกันละครับ  เพราะดูท่าทางจะโดนมาไม่ใช่น้อยอยู่เหมือนกันละครับ ”
                  “ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ ”
                  แต่ก่อนที่ดีว่าจะไปไหนนั้นวาก็รีบพูดขึ้นมาว่า
                  “ งั้นผมก็ขอตัวไปด้วยเหมือนกันนะครับ  เพราะเดี๋ยวผมก็ต้องำปซ้อมปิงปองต่อ แล้วตอนนี้ผมก็อยากไปเดินเล่นสักหน่อยละครับ  ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้อยู่ดูด้วย ”
                  “ ไม่เป็นไรหรอกครับ  โชคดีนะครับทั้งสองคน ”
               
              เมื่อซาซาไรกล่าวจบ  ดีว่าและวาก็เดินออกมาจากห้องชมรมอัศวิน    ซึ่งดูยังไงๆ ดีว่าก็ยังไม่เหมือนกับคนที่ผ่านการประลองที่หฤโหดอย่างเมื่อสักครู่นี้อยู่ดี  เขายังคงเดิมด้วยฝีเท้าที่มั่นคงเช่นเดิม      ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงบันไดวนนั้นวาก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้น
                “ เราว่านายเก่งมากเลยนะรู้ไหม  ที่จริงเราคิดว่านายต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เราคิดอย่างนี้มาตั้งนานแล้วละ  ยิ่งตอนที่นายเอามือไปเตะต้นไม้ครั้งนั้นเรายิ่งมั่นใจมาตลอด  จนกระทั่งวันนี้ เราถึงว่านายเก่งจริงๆ ”
              “ แหม อยู่ดีๆ ก็ชมนะครับ  ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอกครับ  คนเราจะเก่งไม่เก่งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝนแหละครับ  ผมก็เป็นแค่เพียงคนที่ฝึกฝนมากก็เท่านั้นเองละครับ ”
            “ เราว่าดูท่าทางนายน่าจะฝึกหนักน่าดูเลยจริงไหม ”
            “ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย แต่จะว่ามากก็ไม่มากหรอกนะครับ  คงพอๆ กับที่คุณต้องไปฝึกปิงปองกระมัง ”
            “ ไม่หรอก เราฝึกปิงปองน้อยจะตายไป  แถมอีกอย่างเราก็ไม่ได้เก่งสักเท่าไหร่หรอก ”
            “ เก่งไม่เก่งผมจะรอดูวันแข่งก็แล้วกันนะครับ  และผมก็เชื่อว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังแน่ๆ ครับ ”
            ดีว่าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ  ที่จริงดีว่าก็นับว่าเป็นมิตรที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว  ถ้าใครเป็นเพื่อนกับเขาแล้วละก็จะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน  เพราะคนอย่างดีว่ายินยอมที่จะเจ็บแทนเพื่อนเสมอ และเป็นคนรักเพื่อนมากเสียด้วย  หากแต่ว่าเขากลับมีเพื่อนไม่มากสักเท่าไหร่นัก    หรือบางคนก็ไม่ได้จริงใจกับเขา  แต่ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่า วาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของเขา อาจเป็นเพราะคนอย่างวาสามารถเป็นมิตรได้กับทุกคน หรือจะเป็นเพราะวาเป็นคนที่มีความจริงใจให้กับทุกคนเสมอก็ไม่ทราบเหมือนกัน   
            “ ได้เลย รับรองไม่ผิดหวังแน่ ”
            วายิ้มอย่างมั่นใจพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้  จากนั้นก็กล่าวต่อ
            “ ว่าแต่นายพอจะรู้บ้างไหมว่าเราจะหาคนที่ชื่อ ไซโคร แนช ได้ที่ไหน ”
            “ ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากไปหาเขาขึ้นมาหรอครับ  ”
            “ ก็ไม่มีอะไรหรอก  เราแค่อยากจะไปขอบคุณที่เขาช่วยเราเอาไว้ก็เท่านั้นเอง ”
            “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าจะหาเขาได้ที่ไหน  แต่ก็ไม่แน่นะครับ  เขาอานจะไม่ต้องการคำขอบคุณก็ได้นั่นเพราะเขาทำไปเพราะเขาไม่หวังสิ่งตอบแทนยังไงละครับ ”
                “ นายรู้ได้ยังไงว่า เขาเป็นคนอย่างนั้นละ ”
                “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ  แต่ผมแค่เชื่อว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นก็เท่านั้นเองละครับ ”
                ดีว่าเองดูๆ ไปก็คล้ายดั่งคนลึกลับเหมือนกันในสายตาของวา    เหมือนจะไม่รู้แต่กลับรู้  แต่วาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย  อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยจะคิดมากในเรื่องที่ไม่สมควรจะคิดก็ว่าได้ 
             
                ก่อนที่วาจะพูดอะไรต่อไปนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่า ข้างหลังของเขามีคนๆ หนึ่งกำลังเดินมา  แต่คนที่เดินมากลับไม่เหมือนคนธรรมดา  หรืออาจะเป็นเพราะมีอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป  ที่ทำให้รู้สึกว่าจะต้องหันไปให้ได้    มิเช่นนั้นคงจะไม่สามารถทำให้ทั้งวาและดีว่าต้องหันไปมองได้  หรือถึงแม้แต่ใครก็คงต้องหันไปมอง       
            คนๆ นั้นก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา  เป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น    แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ  นักเรียนคนนั้นไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนอับดุล อินเตอร์    หากแต่เป็นนักเรียนโรงเรียนเกเบรียล    ซึ่งสามารถรู้ได้ไม่ยากนักโดยดูจากเครื่องแบบ  และที่แตกต่างออกไปอีกที่หนึ่งก็คือ เด็กนักเรียนคนนั้นสวมหมวกอยู่  หมวกนั้นเป็นหมวกสีครีมใบหนึ่ง  ซึ่งปกปิดดวงตาของนักเรียนคนนั้นอยู่เสมอ  น้อยคนนักที่จะสามารถมองเห็นตาของนักเรียนคนนั้น 
                ดูท่าทางเด็กนักเรียนคนนั้นจะรีบร้อนมาก  เหมือนกับว่า ถ้าช้าไปเพียงวินาทีเดียว  สิ่งทีเขากำลังจะไปหานั้นจะต้องหายไปก็ปาน      ดีว่าและวาเมื่อหันไปมองไม่ทันไร  เด็กชายคนนั้นก็เดินผ่านทั้งสองคนไปอย่างรวดเร็ว  โดยก่อนที่จะเดินผ่านไปเขาบังเอิญชนถูกไหล่ของดีว่าด้วย  แต่ก็ไม่ได้หันมาขอโทษกลับเดินผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย   
                “ คนอะไรนะ แย่จริงๆ ชนคนอื่นแล้วยังไม่ขอโทษอีก  แถมยังใส่หมวกอีกเสียด้วย  ประหลาดจริงๆ ”
                วาบ่นกับดีว่า เพียงแต่ว่าดีว่าไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย และเมื่อวาเดินต่อไปนั้น  เขาก็รู้สึกได้ว่าดีว่าไม่ได้เดินตามเขา  เมื่อหันกลับไปมองกลับพบว่า  ดีว่าเอามือชันเข่าไว้เหมือนกับว่าจะทรุดลงกับพื้นเลยก็ไม่ปาน  ผิดกับเมื่อสักครู่นี้ที่เดินได้เหมือนคนปกติทั่วไปอย่างไงอย่างงั้น       
               
                  วาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาดีว่า
                  “ เฮ้ย นายเป็นอะไรไปน่ะ ”
                    ดีว่าไม่ตอบ  วาเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปค่อยๆ ประคองดีว่า
                  “ ทำใจดีๆ ไว้นะ เดี๋ยวเราจะช่วยพยุงนายไปเอง ”
                  วาช่วยพยุงดีว่าลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุที่ดีว่าเป็นอย่างนี้ก็ตาม  หรือจะเป็นเพราะว่าลมปราณที่ดีว่าได้สะกดความบอบช้ำเอาไว้เกิดแตกซ่านขึ้นมา  แต่ใครจะเป็นผู้ทำได้  หรือจะเป็นฝีมือของเด็กชายคนที่ใส่หมวกเมื่อสักครู่นี้กันแน่  ไม่มีใครสามารถตอบได้          วารู้แค่ตอนนี้เขาต้องช่วยพยุงดีว่าไปหาที่พักสักที่หนึ่ง         
                  บันไดวนที่วาขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ถึงแม้จะมีระยะทางที่ค่อนข้างไกลแต่วาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันไกลเท่าไหร่นัก  จนกระทั่งตอนนี้ที่เขาต้องค่อยๆ พยุงดีว่าไปอย่างช้าๆ  วารู้สึกราวกับว่า บันไดวนนี้ยาวราวกิโลเมตรก็ไม่ปาน            แต่ในที่สุดวาก็ประคองดีว่าลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างสุดจนได้ โดยที่ระหว่างทางนั้นดีว่าไม่ได้พูดกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว    จนกระทั่งวากำลังจะตัดสินใจว่าจะพาดีว่าไปที่ไหนดี  ดีว่าก็ได้พูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มที่นักว่า
                “  ช่วย พา ผม ไป ที่ห้องทีสิครับ “
                “ ห้องพยาบาลหรอ เราไปไม่เป็นสะด้วยสิ ไปทางไหนหรอ  แล้ว - - แล้ว อยู่ดีๆ ทำไมนายถึง .”
                “ พาผมไปที่ห้องของผม ห้องที่ 604 ทีครับ  และที่ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะ ”
                  ไม่ทันที่ดีว่าจะพูดต่อก็คล้ายกับว่า เขาไม่มีแรงที่จะพูดต่ออีกแล้ว  ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นวาก็รีบพยุงดีว่าต่อ    ระยะทางจากตึกอาคารชมรมไปยังหอพักนั้นค่อนข้างไกลพอสมควรทีเดียว  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  วาคิดว่าเขาจะต้องพาดีว่าไปให้ถึงให้ได้         
                  ลมหนาวพัดมาในยามเย็นเช่นนี้ทำให้รู้สึกเย็นสบายยิ่งนัก  แต่มีคนๆ หนึ่งกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น  ไม่ว่าผู้ใดที่รู้สึกเช่นนี้ก็นับว่าเป็นคนแปลกแล้ว    คนๆ นั้นกลับเป็นไซโคร แนช            เขาค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ดูแล้วคล้ายดั่งไร้จุดหมาย  หรือที่จริงเขามีจุดหมายกันแน่       
                 
                  ไซโคร แนช ดูคล้ายไม่ชมชอบอากาศแบบนี้นัก  คงเป็นเพราะมันทำให้เขารู้สึกเหงา และเดียวดายก็เป็นได้  ความรู้สึกในใจของเขาในตอนนี้นั้นยากที่จะหาผู้ใดเข้าใจได้            ไซโคร แนช ในตอนนั้นกำลังเดินอยู่บริเวณตึกหอพักชาย  จุดมุ่งหมายของเขาในตอนนี้นั้นก็คงจะเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง    ต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวกับที่เขาเคยได้ไปยืนฟันใบไม้ที่วาเห็นในวันนั้นนั่นเอง     
                  ในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้  ลมที่พัดโชยมาทำให้ใบไม้ของต้นไม้นี้ต้องพัดปลิวตามแรงลมไปด้วย      ไซโคร แนช เงยหน้าขึ้นมองไปยังยอดสูงของต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ราวกับกำลังคิดถึงใครสักคนหนึ่งอยู่  ในใจของเขาคล้ายปวดร้าวราวกับแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็มิปาน          แต่ในขณะที่เขากำลังจะนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นนี้นั้น    เขาก็ต้องชะงักไป  เนื่องจากในขณะนี้มีคนๆ หนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปจากเขาไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก 
                  ในเวลาแบบนี้คล้ายกับไม่น่าจะมีคนมาอยู่แถวนี้ได้  แต่คนๆ นี้กลับมายืนในที่นี้  เวลานี้  แถมยังมองตรงมายังไซโคร แนชอีกเสียด้วย        คนๆ นี้ใส่หมวกพร้อมกับเครื่องแบบของนักเรียนเกเบรียล  เขาคือ คนๆ เดียวกับที่เดินชนดีว่าเมื่อสักครู่นี้    และเขาก็คือ สายฟ้าเกก้าดีนนั่นเอง 
                   
                  ไซโคร แนช ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่เช่นนั้น  ราวกับไม่มีคนๆ นี้มายืนอยู่ด้วย    และก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นเกก้าดีนก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้น
                  “ ยินดีที่ได้เจอนะครับ เจ้าชาย  เกือบจะมาไม่ทันเสียแล้วสิ ”
                  แต่ไซโคร แนช ก็หาได้หันมาสนใจเกก้าดีนไม่  แม้แต่มองก็ยังไม่        เกก้าดีนก็คล้ายกับว่า รู้อยู่แล้วว่าไซโคร แนช จะต้องไม่สนใจตนเป็นแน่  แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจเช่นกัน          เกก้าดีนจึงแย้มยิ้มพร้อมเดินเข้าไปใกล้ไซโคร แนช ทีละก้าวอย่างช้าๆ            สายลมพัดโบกมาพลอยทำให้ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ร่วงลงมาหลายใบเลยทีเดียว    และก็ไม่ทันที่เกก้าดีนจะก้าวต่อไปอีกเขาก็ต้องหยุดชะงักลง
                    “ อย่ามายุ่งกับข้านะ !!!  เจ้าจะไปไหนก็จงรีบไปเสียแต่ตอนนี้เลย  ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน ”
                  ไซโคร แนช กล่าวด้วยความเย็นชาอย่างยิ่ง  ไม่ว่าผู้ใดได้ยินเช่นนี้ย่อมต้องไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้เขาเป็นแน่    แต่เกก้าดีนกลับไม่เหมือนคนทั่วไป    เขากลับก้าวต่อไปอีกราวกับว่าไม่ได้ยินที่ไซโคร แนชพูดขึ้นก็ตาม    แถมยังยิ้มอย่างมั่นใจเสียด้วย    มิมีใครทราบว่าภายใต้หมวกสีครีมใบนั้นจะซ่อนดวงตาชนิดไหนอยู่กันแน่ในตอนนี้     
                    เสียง ครี๊ค !!  ดังขึ้น  ทำให้เกก้าดีนต้องหยุดก้าวเท้าอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งคราวนี้ไม่ว่าใครก็ตามคงจะต้องหยุดคิดให้นานกว่าคราวที่แล้วเป้นแน่จึงจะกล้าก้าวต่อไปได้      มือข้างขวาของไซโคร แนช ในตอนนี้นั้นกำแน่นอยู่ที่ดาบเล่มหนึ่ง พร้อมที่จะชักดาบออกมาจากฝักดาบได้ทุกเวลา
                    “ ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย จะรีบไปไหนก็ไปเสีย ข้าต้องการอยู่คนเดียว ”
                    ไซโคร แนช พูดโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองเกก้าดีนอีกเช่นเคย  คราวนี้เกก้าดีนไม่ได้เดินต่อ แต่กลับแย้มยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่น่ากลัวภายใต้หมวกวูบหนึ่ง 
                      “ ผมต้องขออภัยอย่างสูงครับเจ้าชายที่มารบกวน  กระผมก็เพียงแต่อยากจะเห็นตัวจริงของท่านก็เท่านั้นแหละครับ ”
                      เกก้าดีนพูดด้วยเสียงที่สงบนิ่ง  ไม่มีใครทราบว่า เป็นการพูดท้าทาย หรือเคารพจากใจจริงกันแน่ 
                    “ ในเมื่อได้เห็นแล้ว  ก็คงไม่มีธุระแล้วใช่ไหม  เพราะฉะนั้นจงรีบไปเสียได้แล้ว ”
                    “ แหม จะให้ผมรีบไปไหนกันละครับ  ผมยังไม่ทันที่จะได้เริ่มการทบสอบของผมเลยนะครับ ”
                    “ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกันนะ ”
                      หลังจากกล่าวจบไซโคร แนช ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำอะไร หากแต่กำดาบในมือข้างขวาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม        ไซโคร แนช รู้ว่าสิ่งที่เกก้าดีนต้องการจะทดสอบนั้นคืออะไร  มันก็คือ  ฝีมือของเขานั่นเอง    แต่ไซโคร แนช ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากนัก  เนื่องเพราะเกก้าดีนไม่ใช่คนแรกที่ต้องการจะลองเชิงกับเขา  และคนที่คิดลองเชิงกับเขาไม่เคยมีใครสามารถล้มเขาได้เลยเช่นกัน        แต่เป็นเพราะเหตุใดก็ไม่ทราบเกก้าดีนดูมีความมั่นใจสูงมากว่าจะสามารถต่อกรกับไซโคร แนช ได้อย่างไม่มากเย็นนัก    ทั้งๆ ที่เขาทั้งไม่มีดาบหรืออาวุธอะไรอยู่เลยในตอนนี้  หรือว่าเขาจะสิ่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอาวุธซ่อนอยู่กันแน่ ?
                    เกก้าดีนเริ่มก้าวเข้าไปใกล้ ไซโครแนชขึ้นเรื่อยๆ    เมื่อเห็นว่าเกก้าดีนไม่มีอาวุธเลย ไซโคร แนช ก็คลายมือออกจากดาบของตน    ถึงเขาจะอยากไล่เกก้าดีนไปใกล้ๆ ก็ตามที  แต่เขาก็เป็นคนรักความยุติธรรม ยิ่งคนหนึ่ง  มิเช่นนั้นคงจะไม่สามรถเป็น พาลาดิน ได้เป็นแน่ 
                    ทั้งสองคนในขณะนี้นั้นอยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น  และดูเหมือนว่าไม่มีท่าทีที่ใครจะเป็นฝ่ายลงมือก่อนเลย  จนกระทั่งสายลมพัดโชยมาอีกครั้งหนึ่ง  ทำให้ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง    และในทันใดนั้นเองเมื่อใบไม้แก่ใบหนึ่งร่วงลงมาเหนือเกก้าดีนไม่มากนัก    ร่างกายของเกก้าดีนก็คล้ายดั่งหายไปพร้อมกับการร่วงของใบไม้ใบนั้นก็มิปาน    นี่ไม่ใช่เวทย์มนต์หากแต่เกิดจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่ง  หากไม่ใช่เพราะการฝึกฝนฝีมือเป็นเวลานานแล้ว ยากใดที่จะสามารถทำได้เช่นนี้      แต่ไซโคร แนชกลับนิ่งเฉยราวกับไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น   
                      ทางด้านหลังของไซโคร แนช พลันปรากฎร่างของคนผู้หนึ่ง เกก้าดีน !  เกก้าดีนใช้แขนทั้งสองข้างล็อคไปที่คอของไซโคร แนชด้วยความรวดเร็ว  มิคาดไซโคร แนชถึงกับไม่หลบหลีก  หรือเป็นเพราะไม่สามารถกันแน่  แต่ทันใดนั้นเองที่แขนทั้งสองล็อคเข้าไปที่คอของไซโคร แนช    ร่างของไซโคร แนช ก็คล้ายดั่งกับอากาศหายตัวไปในฉับพลัน  เกก้าดีนถึงกับเสียหลักเล็กน้อยที่ล็อคเป้าหมายผิดพลาด  หรือนี่จะใช่เวทย์มนต์ ?  ย่อมมิใช่เวทย์มนต์เป็นแน่  แต่นี่ก็เป็นการเคบื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งเช่นกัน  ความเร็วระดับที่เหนือกว่าของเกก้าดีนอยู่หลายเท่าตัว !     
                      เกก้าดีนถึงกับไม่เชื่อสายตาของตนเอง  แต่ก็ตั้งสติได้โดยไวเช่นกัน จึงรีบหันกลับไปมองรอบๆ  แต่ไซโคร แนช คล้ายกับหายไปจากโลกนี้แล้ว  เนื่องเพราะไซโคร แนชได้หายตัวไปเสียแล้ว  หรือนี่จะเป็นวทย์มนต์จริงๆ ?          และทันใดนั้นเองขณะที่เกก้าดีนกำลังมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวของไซโคร แนชนั้น  เงาวูบหนึ่งก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเกก้าดีน 
                  เงานั้นพุ่งเข้าใส่เกก้าดีนด้วยความเร็วสูง  ความเร็วระดับนั้นกนักที่ใครจะสามารถหลบได้ แต่เกก้าดีนสามารถหลบได้  เขาตีลังกากลับหลังทันทีที่รู้สึกว่าเงานั้นปรากฎขึ้น  มิคาดถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหลบการโจมตีของเงานั้นได้    แต่เงานั้นก็สามารถทำให้หมวกสีครีมของเขาหลุดออกจากหัวไปได้อย่างง่ายดาย 
                  เงาร่างนั้นก็คือ ไซโคร แนช นั่นเอง  เขาอาศัยจังหวะเพียงชั่วพริบตากระโดดขึ้นไปเกาะบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่สูงนักในการซุ่มโจมตี  นับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียวถ้าใครสักคนจะพยายามจะทำอย่างนี้ได้  เนื่องเพราะมิเพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายธรรมดา แต่ยังต้องแบกน้ำหนักของดาบทั้งสองเล่มไว้ด้วย  คงจะต้องใช้เวลาฝึกฝนร่างกาย และไหวพริบเป็นเวลานานปีเลยทีเดียวถึงจะสามารถทำได้เช่นนี้ 
                    เกก้าดีนทรุดลงเอาเข่ายันกับพื้นไว้ข้างหนึ่ง ก้มหน้าหอบหายใจอย่างแรง  เขาแทบไม่เชื่อว่า ในโลกนี้ยังมีคนที่มีความเร็วระดับนี้อยู่อีก    ตอนนี้หมวกของเกก้าดีนถูกหมุนเล่นอยู่ในมือของไซโคร แนช แล้ว  แต่เกก้าดีนยังคงก้มหน้าต่อไป  มิคาดยังปรากฎรอยยิ้มหนึ่งขึ้นบนในหน้าของเขา  หรือการโดนชิงหมวกออกจากหัวเป็นเรื่องน่าสนุกนัก ?   
                แม้ว่าการถูกชิงหมวกมิใช่เรื่องสนุก  แต่หากไม่มีผู้ใดที่สามารถชิงหมวกจากหัวของเขามาได้เลย ไหนจะเรียกว่า สนุกได้    เนื่องเพราะจวบจนบัดนี้คนที่สามารถทำให้หมวกของเกก้าดีนหลุดออกจากหัวได้มีเพียงแค่  3 คนเท่านั้น  แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น  หากแต่สองคนแรกเพียงแค่สามารถทำให้หมวกของเกก้าดีนหลุดออกมาธรรมดาเท่านั้น  แต่ไซโคร แนชกลับแตกต่าง  เนื่องเพราะเขาเป็นคนแรกที่สามารถชิงหมวกออกมาจากหัวของเกก้าดีนได้  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกก้าดีนยิ้ม
                ขณะที่นักเรียนหลายคนกำลังชมการประลองกันอยู่อย่างสนุกสนานนั้น  ทางด้านฝั่งนักเรียนเกเบรียล ขณะที่เด็กชายผมตั้งกำลังนั่งดูการประลองอยู่นั้นชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา  ซึ่งชายคนนั้นก็คือ อาจารย์ผู้รับผิดชอบนำนักเรียนเกเบรียลมาที่นี่นั่นเอง
                  “ มีอะไรหรอครับอาจารย์ ”
                  “ คือว่า เรากำลังจะกลับกันแล้วนะ  เธอรู้บ้างไหมว่าเกเก้าดีนไปที่ไหน ”
                  เด็กชายผมตั้งส่ายหน้า
                “ ผมไม่รู้เหมือนกันครับ  เขาบอกว่า เขาจะไปทำธุระอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ”
                  เด็กชายผมตั้งทำท่าครุ่นคิดก่อนที่อาจารย์จะพูดอะไรต่อ ก็กล่าวต่อ
                  “ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปตามหาเขาเองครับ  รอสักครู่นะครับ ”
                  “ อืม ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะ  รีบๆหน่อยละเดี๋ยวอีก 15 นาทีเราก็จะกลับกันแล้วนะ ”
                  “ ครับผม ”
                เด็กชายผมตั้งวิ่งออกมาจากห้องชมรมอัศวิน และก็วิ่งลงตามทางบันไดวนไปเรื่อยๆ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ    “ เจ้าบ้าเกก้าดีนมันไปทำอะไรตอนนี้นะ  ต้องลำบากไปตามหามันเลยให้ตายสิ  หวังว่ามันคงไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรกับใครนะ ”     
                จากนั้นเด็กชายผมตั้งก็วิ่งออกมาจากตึกอาคารชมรมหลังจากวิ่งสำรวจภายในอาคารจนเกือบจะหมดแล้ว    เด็กชายผมตั้งครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะวิ่งต่อไป    เพราะเนื่องจากว่า โรงเรียนอับดุล อินเตอร์นั้นใหญ่มาก  การที่จะตามหาคนสักคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  ยิ่งถ้าวิ่งผิดทางแล้วละก็อย่าหวังที่จะหาเจอได้เลย
                เด็กชายผมตั้งหลับตาลงช้าๆ ราวกับว่ากำลังใช้สมาธิเพ่งหาที่อยู่ของเกก้าดีนเลยก็มิปาน  ไม่นานนักเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับวิ่งต่ออย่างรวดเร็ว  รวดเร็วระดับที่เรียกได้ว่า  น้อยคนนักที่จะสามารถวิ่งตามเขาได้ทัน      ทางที่เด็กชายผมตั้งคิดจะไปนั้นเป็นทางเดียวกันกับที่เกก้าดีนอยู่กับไซโคร แนชพอดี    หรือเด็กชายผมตั้งสามารถรู้ที่อยู่ของเกก้าดีนได้เพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น ?   
              ในที่สุดเด็กชายผมตั้งก็วิ่งมาจนถึงน้ำพุกลางโรงเรียน  เบื้องหน้าของเขาปรากฎเด็กชายสองคน  คนหนึ่งกำลังพยุงอีกคนหนึ่งอยู่    เด็กชายผมตั้งจึงวิ่งเข้าไปหาเด็กชายทั้งสองคนนั้น
              “ เป็นอะไรกันครับเนี่ย ”
              เด็กชายคนที่กำลังพยุงเด็กชายอีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายหันไปตอบ
              “ ก็ คือ ตอนที่เพื่อนเรากำลังลงบันไดอยู่น่ะสิ  อยู่ๆก็มีเด็กนักเรียนใส่หมวกคนหนึ่งเดินมาชนเข้าเลยกลายเป็นแบบนี้เลย ”
              ไม่ผิดแน่เด็กชายใส่หมวกที่ว่าต้องเป็นเกก้าดีนอย่างแน่นอน  และเด็กชายผมตั้งก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า  เด็กชายทั้งสองคนนี้ก็ต้องเป็นวากับดีว่าแน่นอน
            “ แล้วว่าแต่เด็กคนที่ใส่หมวกที่นายว่า เขาเดินไปทางไหนพอจะรู้ไหม ”
            “ เราก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ ”
            เด็กชายผมตั้งคิดจะวิ่งต่อไปแต่แล้วก็คิดที่จะช่วยวาพยุงดีว่าขึ้นมา
            “ ให้เราช่วยนะ ”
            เด็กชายผมตั้งเขามาช่วยพยุงดีว่าอีกด้านหนึ่ง  ทันทีที่ดีว่าสัมผัสกับตัวเด็กชายผมตั้งนั้นก็รู้สึกถึงพลังปราณอันมหาศาลเลยทีเดียว  แสดงว่าคนๆนี้จะต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็นแน่  เพียงแต่ว่าตอนนี้ดีว่าไม่สามรถเอ่ยปากได้ เนื่องเพราะพลังลมปราณของเขาแตกสลายเกินกว่าที่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดได้ แม้แต่สติยังเกือบที่จะควบคุมไม่อยู่
              “ แล้วว่าแต่นายจะพาเขาไปที่ไหนหรอ ”
              “ เราจะพาเขาไปที่หอพักน่ะ อยู่ห่างไปไม่เท่าไร่หรอก ”
              “ อืม งั้นไปกันเลย ”
              ตั้งแต่ที่มีเด็กชายผมตั้งมาช่วยพยุงอีกแรงหนึ่ง  วาก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าเขาสามารถเดินได้เร็วขึ้น และไม่รู้สึกหนักในตัวดีว่าเลยแม้แต่น้อย  แต่เป็นเพราะเหตุใดวาก็ไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกัน  ทั้งสามคนเดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เห็นหอพักไม่ไกลแล้ว    ระหว่างทางที่ใกล้จะถึงหอพักนั้นวาก็ชวนเด็กชายผมตั้งคุย
              “ ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ  เราชื่อวานะ ”
              “ นั่นสินะลืมแน่นำตัวไป  ชื่อของเราก็คือ ”
              เด็กชายผมตั้งหยุดพูดไปกระทันหันเพราะคนสองคนที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขานั่นเอง  และที่สำคัญที่ทำให้ต้องตกใจก็คือชายอีกคนหนึ่งที่กำลังใช้นิ้วชี้แกว่งหมวกเล่นไปมา  ใช่แล้วทั้งสองคนนี้ก็คือ เกก้าดีนกับไซโคร แนช นั่นเอง   
              เด็กชายผมตั้งรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนในทันที  วาเองก็ออกจะงงๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังพยุงดีว่าไว้      เด็กชายผมตั้งพุ่งตัวตรงไปยังไซโคร แนช ความเคลื่อนไหวของท่าร่างรวดเร็วยิ่งนัก  จนทำให้แทบจะมองตามไม่ทันเลยทีเดียว   
              ไซโคร แนช ถึงแม้จะรวดเร็วเพียงใดแต่เมื่อถูกพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ต้องพลาดท่าให้กับเด้กชายผมตั้ง  เพียงแต่ว่าเด็กชายผมตั้งนั้นไม่ได้พุ่งเข้าไปเพื่อที่จะทำร้ายไซโคร แนช  เมื่อถึงตัวไซโคร แนช แล้วเด็กชายผมตั้งก็กระโดดตีลังกาไปหาเกก้าดีนด้วยความเร็ว        ที่แท้ที่เด็กชายผมตั้งพุ่งเข้าหาไซโคร แนช นั่นก็เพียงเพื่อที่จะแย่งหมวกกลับคืนมาให้เกก้าดีนเท่านั้น 
              เกก้าดีนรับหมวกจากเด็กชายผมตั้งมาอย่างช้าๆ พร้อมกับค่อยๆสวมใส่มัน  จากนั้นยิ้มที่ปรากฎขึ้นมาเมื่อสักครู่ก็หุบลง  หรือจะเป็นเพราะหมวกใบเดียว
            “ โอ้ว มีเพื่อนมาด้วยงั้นหรือ  จะเข้ามาทั้งสองคนเลยก็ได้นะ  ข้าจะได้รีบจบๆ ธุระเสียที ”
              ไซโคร แนช พูดอย่างไม่เกรงกลัว  แต่เด็กชายผมตั้งกลับพูดกลับไปอย่างสุภาพ
            “ ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ และผมก็ไม่ได้คิดจะมาหาเรื่องคุณหรอกนะครับ เพียงแต่จะมาตามตัวเพื่อนผมกลับเพราะว่ารถโรงเรียนกำลังจะออกแล้ว ”
              ไซโคร แนช เงียบไม่พูดอะไรต่อ  เขาเองก็รู้เหมือนกันว่า เด็กชายผมตั้งคนนี้ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็นแน่        เกก้าดีนก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดกับเด็กชายผมตั้ง
            “ รถโรงเรียนจะกลับแล้วหรอ  น่าเสียดายจริงๆนะ นายไม่น่ารีบมาตามเราเลย  เราเกือบที่จะใช้เจ้านั่นออกไปเสียแล้วด้วยถ้านายไม่มาขัดจังหวะเสียก่อน  ”
              เพียงคำพูดของเกก้าดีนที่บอกว่าจะใช้เจ้านั่นออกมาก็ทำให้เด็กชายผมตั้งเหงื่อตกได้เลยทีเดียว  แล้วเจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่นะ
            “ เอาละครับ วันนี้สนุกมากหวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้  บนเวทีลานประลองอาวุธประจำปีที่จะถึงเร็วๆนี้นะครับ ”
              เกก้าดีนหันไปยิ้มให้กับไซโคร แนช  ส่วนไซโคร แนช นั้นเพียงแค่สะเหยะยิ้มกลับไปเท่านั้น  และแล้วก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะกลับไปยังตึกอาคารชมรมเด็กชายผมตั้งก็หันมาพูดกับวาก่อนว่า
            “ โทษทีที่ไม่ได้บอกเมื่อสักครู่นะ  ชื่อของเราก็คือ  “ ไซเมด “  จำเอาไว้ให้ดีละ  หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกเร็วๆนี้นะ ”       
              วาแค่ยิ้มให้เท่านั้น  เพราะยังคงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่หาย  แต่ก็ยังดีที่เขาเริ่มเคยชินกับเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว    นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้เจอกับไซโคร แนช  วาจึงคิดที่จะเข้าไปขอบคุณไซโคร แนช ที่ช่วยเขาเมื่อตอนอยู่ที่บนเวทีลานประลอง  จึงค่อยๆพยุงดีว่าเข้าไปใกล้ๆ ไซโคร แนช 
            วาเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวทักทายก่อน โดยขณะนั้นไซโคร แนช หันหลังให้กับเขาราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น
              “ เออ สวัสดีครับ ”
            ไม่มีเสียงตอบ แต่ว่าไซโคร แนช ก็ค่อยๆหันหลังกลับมาหาวา จ้องมองวาอย่างสงบเยือกเย็นยิ่ง  ไม่ว่าผู้ใดเมื่ออยู่ต่อหน้าไซโคร แนช ในตอนนี้จะต้องรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล  แต่วากลับไม่เหมือนคนทั่วไป  เขาเองไม่รู้สึกถึงความกดดันเลยแม้แต่น้อย  และก็ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกถึงความกดดันเท่านั้น แม้แต่ความรู้สึกกลัวก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อย    แถมยังรู้สึกอีกด้วยว่า คนๆนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ    และในที่สุดหลังจากที่ไซโคร แนช จ้องมองวาเป็นเวลานานแล้วก็เอ่ยปากจนได้
              “ เจ้ามีธุระอะไรกับข้า ”
              คำพูดของไซโคร แนช แม้ดูเย็นชาแต่ทว่าวากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น กลับตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
              “ ป่าว ก็ไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ว่าอยากจะขอบคุณที่ช่วยผมตอนอยู่ที่บนเวทีลานประลองก็เท่านั้นแหละครับ ”
            มิคาดเมื่อได้ยิ้มคำพูดของวา  บนใบหน้าของไซโคร แนช กลับปรากฎรอยยิ้มขึ้นวูบหนึ่ง  แต่วากลับไม่ทันสังเกตเห็น
            “ ธุระของเจ้ามีเท่านี้เองใช่ไหม ในเมื่อเสร็จธุระแล้วข้าก็ขอเชิญ .. ”
            “ ถ้างั้นผมก็ไม่รบกวนละกันนะครับ  หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้คุยกันอีกในโอกาสหน้านะครับ ”
            วายิ้มให้กับไซโคร แนช ก่อนที่จะออกแรงพยุงดีว่าไปต่อ  แต่ยังไม่ทันทีวาจะก้าวเท้าที่สองออกไป ไซโคร แนชก็เอ่ยปากขึ้น ทำให้วาต้องหันหลังกลับไปอีกครั้งหนึ่ง
            “ ช้าก่อน ..”
            “ มีอะไรหรอครับ ”
            ไซโคร แนช ไม่ตอบแต่เดินเข้าไปหาวาพร้อมกับมองไปยังดีว่า  จู่ๆก็พูดขึ้นมาวา
            “ พาเขาตามข้ามา ”
              วาสงสัยแต่ไม่กล้าที่จะถาม ได้แต่เดินพยุงดีว่าตามไซโคร แนช ไป  ซึ่งไซโคร แนช เดินตรงไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่หน้าหอพักต้นเดียวกับที่ดีว่าเคยทำให้ใบไม้ทั้งต้นต้องร่วงหล่นลงมาแล้ว 
              “ เจ้า วางตัวเขาลงพิงกับต้นไม้ต้นนี้ ”
              วาค่อยๆ พยุงตัวดีว่าให้เอนไปกับต้นไม้ต้นใหญ่จากนั้นก็เอ่ยปากถาม
              “ จะทำอะไรหรอครับ ”
              ไซโคร แนช มีตอบหากแต่เดินเข้าไปหาดีว่าจากนั้นก็ก้มลงชันเข่าข้างหนึ่ง  พร้อมกับนำมือข้างขวาไปจับเข้าที่ข้อมือของดีว่าเพื่อตรวจจับชีพจร        จากนั้นบนใบหน้าของไซโคร แนชก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย
              “ เพื่อนของเดจ้าถูกวิชาสลายลมปราณ ”
              “ สลายลมปราณหรือครับ แล้วใครเป็นคนทำละครับ ”
              “ วิชาสลายลมปราณนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาที่ทำได้ยาก แต่วิธีการสลายลมปราณแบบนี้จะต้องเป็นฝีมือของเจ้านั่นเพียงคนเดียวจึงจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ”
              “ เจ้านั่นหรือจะหมายถึงคนที่ใส่หมวกเมื่อสักครู่นี้หรอครับ ”
              “ ใช่แล้วละ  วิชาสลายลมปราณที่เจ้านั่นใช้เป็นวิชาสลายลมปราณแขนงพิเศษ  มิเช่นนั้นละก็พลังลมปราณที่เพื่อนของเจ้าโคจรไว้คงจะไม่สามารถแตกและทำให้เพื่อนของเจ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้เป็นแน่ ”
              “ มิน่าละครับ  ตอนที่คนที่ใส่หมวกเดินมาชนเพื่อนผมที่ตรงทางเดินบันไดตึกอาคารชมรม เขาถึงกลายเป็นแบบนี้  อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆเลยนี่ครับ ”   
            “ เจ้าหมวกนั่นมีฝีมือไม่เลวเลยทีเดียวสิ  ไม่สิ! ไม่ใช่แต่มีฝีมือไม่เลวเท่านั้น  ฝีมือการต่อสู้ของเจ้านั่นอาจเรียกได้ว่าอยู่ในระดับเทพเลยทีเดียว !!!  วิชาสลายลมปราณที่เจ้าหมวกนั่นใช้เรียกว่า  “รีเฟรกชั่น ”  :ซึ่งผู้ที่จะสามรถใช้ความสามารถประเภทนี้ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษาวิชาของนักสู้ศักดิ์สิทธิ์จนสามารถเลื่อนขั้นถึงครูเสเดอร์ได้เท่านั้น  ” 
            “ ครูเซเดอร์งั้นหรอครับ เหมือนผมจะเคยได้ยินเลยนะครับ  ถ้างั้นแล้วอย่างนี้จะช่วยเพื่อนผมได้ยังไงกันละครับ ”
            “ เมื่อมีด้านมืดย่อมมีด้านสว่าง เมื่อมีปัญหาย่อมมีทางแก้ไข  เช่นกันวิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นนั้นก็มีวิธีแก้ได้เหมือนกัน  โดยต้องใช้วิชาโคจรลมปราณขั้นสูงซึงเรียกกันว่า “ รีเจเนอเรเตอร์ ”  ”
            “ รีเจเนอเรเตอร์หรอครับ ฟังดูแล้วงงๆจังเลยนะครับ  แล้วผมจะหาคนที่มีวิชานั้นได้ยังไงกันละครับ ”
            ไซโคร แนช ยิ้มขึ้นวูบหนึ่งจากนั้นก็กล่าว
            “ ผู้ที่สามารถที่จะใช้วิชารีเจเนอเรเตอร์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษาวิชานักสู้ศักดิ์สิทธิ์จนสามารถเลื่อนขั้นเป็นพาลาดินได้ยังไงกันละ  และข้าก็จะขอบอกว่าคนที่สามารถเป็นพาลาดินได้ภายในโรงเรียนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น .”
            “ เขา คือ ใครหรอครับ ?”
            “ คนๆ นั้นก็คือ .”
              ในที่สุดไซเมด และเกก้าดีนก็เดินกลับมาจนถึงตึกอาคารชมรมจนได้    ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นไปบันไดนั้นไซเมด หรือเด็กชายผมตั้งก็ถามเกก้าดีนว่า
              “ ที่คนที่ชื่อดีว่าเป็นอย่างนั้น ใช่ฝีมือนายใช่ไหม ”
              “ ถ้าใช่แล้วนายจะทำไม ”
              “ นายไม่ควรจะไปทำกับเขาอย่างนั้นนะ  เขาไม่ได้ทำอะไรนายก่อนเลยนะ  ถึงขนาดใช้รีเฟรกชั่นใส่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ ”
              “ หึหึ เราก็แค่อยากที่จะทดสอบฝีมือของเขาดูก็เท่านั้นเอง ”
              “ ทดสอบฝีมือด้วยการใช้รีเฟรกชั่นใส่เนี่ยนะ  นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่า มันร้ายแรงขนาดไหน ”
              ทันทีที่ไซเมดพูดจบเกก้าดีนก็หันมามองที่ไซเมดทันที  พร้อมกับดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองไปยังไซเมด
            “ ใช่แล้ว ก็เพราะอย่างนี้สิถึงตอนใช้ใส่  เพราะถ้าไม่ใช้รีเฟรกชั่นละก็มันจะเหมิอนเป็นการดูถูกฝีมือของเขาเกินไปหน่อยแล้ว ”
            “ แต่นายก็รู้นี่ว่า  ขนาดคนที่มีความสามารถในการโคจรลมปราณสูงเพียงใด  ถ้าโดนวิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นเข้าไปก็คงไม่สามารถยืนอยู่ได้  หรือบางทีอาจจะล้มป่วยไปเป็นเดือนเลยก็ได้  แม้แต่เราเองถ้าโดนรีเฟรกชั่นเข้าละก็ . แล้วนับประสาอะไรกับดีว่าที่เพิ่งต่อสู้และได้รับการบาดเจ็บมาขนาดนั้น  ”
          “ หึหึ ไม่ต้องถ่อมตนไปหรอก ไซเมด คนอย่างนายต่อให้โดนยิ่งกว่ารีเฟรกชั่นเข้าไปก็ไม่เป็นไรอยู่แล้วไม่ใช่หรอ  ”
          มิคาด เมื่อได้ยินคำพูดของเกก้าดีน  ไซเมดถึงกับยิ้มขึ้น  เป็นรอยยิ้มที่แสดงความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็แสดงว่า เขาไม่กลัววิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นของเกก้าดีนเลยแม้แต่น้อย    ความน่ากลัวและพลังฝีมือของทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับไหนกันแน่  หรือว่าจะเป็นอย่างเช่นที่ไซโคร แนช บอกกันแน่ ว่าพลังฝีมือของทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับที่เรียกว่า เทพ! 
            จากนั้นเกก้าดีนก็กล่าวต่อ
            “ และที่สำคัญนะที่ เราใช้รีเฟรกชั่นใส่ดีว่านั่นไม่ใช่เพื่อที่จะทนสอบพลังฝีมือของดีว่าหรอกนะ  เพราะคนๆนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาคนอย่างสายฟ้าเกก้าดีนหรอกนะ  แต่คนที่เราตั้งใจที่จะทนสอบจริงๆก็คือ  เจ้าชายสายฟ้าไซดคร แนช ต่างหากละ ”
            “ หรือนายตั้งใจจะทดสอบว่า เขาเป็นผู้ที่มีพลังรีเจเนอเรเตอร์จริงใช่หรือไม่ ”
            “ ใช่แล้วละ ที่จริงตอนที่สู้กัน เราก็เกือบที่จะใช้เจ้านั่นเพื่อที่จะทดสอบเขาแต่แรกแล้วละ  แต่นายมาก่อนพอดีน่ะสิ ”
            “ ดีแล้วละที่เรามาทัน  ไม่อย่างนั้นขืนนายใช้เจ้านั่นออกไปละก็   เราก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น    เราว่าเขาก็คงจะอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเจ้าสองคนแรกที่สามารถทำหมวกนายหลุดออกไปได้หรอกจริงมะ ”
            “ อย่าดูถูกเจ้าชายนะ!!!  เขาไม่มีทางเหมือนเจ้าสองคนนั่นแน่  เขาเป็นคนแรกที่สามารถแย่งหมวกของเราไปได้  และแน่นอนเขาจะต้องสามารถรับเจ้านั่นได้แน่นอน  เพียงแต่ว่าสภาพหลังจากที่โดนเจ้านั่นไปแล้ว  เราก็คิดไม่ออกเหมือนกัน  ฮ่าๆๆๆ  ”
              เกก้าดันหัวเราะ หัวเราะอย่างมั่นใจ  เจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่ ?
            “ ใช่แล้วละ  แต่ถึงนายจะพูดอย่างนั้นก็เถอะนะ  เราก็ยังไม่เชื่อว่าคนๆนั้นมีพลังรีเจเนอเรเตอร์  และก็ยังไม่เชื่อว่าคนๆนั้นจะสามารถทนทานรับเจ้านั่นได้อยู่ดีแหละ ”
            “ หึหึ ก็ดีใจอยู่เหมือนกันนะที่นายคิดว่าไม่มีใครสามารถทนทานต่อเจ้านั่นได้  แต่สิ่งที่เราอยากจะมั่นใจก็คือ  เราคิดว่าคนๆนั้นจะต้องมีพลังรีเจเนอเรเตอร์แน่นอน ”
            “ แล้วถ้าเขาเกิดไม่มีขึ้นมาละ ”
            “ เรื่องนั้นนะหรอ ..”
            เกก้าดีนเริ่มหัวเราะอีกครั้ง
            “ ถ้าเขาไม่มีรีเจเนอเรเตอร์จริงละก็ เขาคงไม่ถูกเรียกว่า เจ้าชาย หรอกนะ  ฮ่าๆๆ ”
            เกก้าดีนหัวเราะจากนั้นก็กล่าวต่อ
            “ นายคิดอย่างนั้นไหมละ  ก็อดแฮนด์ ”
            บนใบหน้าของไซเมดพลันปรากฎรอยยิ้มขึ้น  มิทราบว่าเป็นรอยยิ้มที่ดีหรือชั่วร้ายอำมหิตกันแน่    ก็อดแฮนด์ หรือจะเป็นฉายาของไซเมด  ก็อดแฮนด์หรือจะเป็นสุดยอดวิชาของศิลปะการป้องกันตัวด้วยหมัดเปล่า  ถ้าเช่นนั้นละก็ผู้ที่จะสามารถฝึกวิชานี้ได้นั้นต้องมีพลังกายและพลังสูงส่งเลยทีเดียว  นอกนั้นจากนั้นต้องศึกษาด้านวิชานักสู้ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นอย่างดีจนสามารถเลื่อนขั้นได้เป็นก็อดแฮนด์    และผู้ที่สามารถฝึกสำเร็จจนถึงขั้นสามารถเป็นก็อดแฮนด์ได้แล้วละก็  จะเรียกได้ว่า คนนั้นๆมีพลังฝีมือที่เรียกได้ว่า ระดับเทพ เลยทีเดียว
          ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า เด็กชายทั้งสองคนนี้จะต้องมีฝีมือในด้านการต่อสู้อยู่ในระดับที่เรียกว่า เทพ ได้เลยทีเดียว    คนหนึ่งเป็นถึงผู้ฝึกพลังสายฟ้าจนถึงขั้นครูเซเดอร์  ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นถึงขั้นก็อดแฮนด์  ถ้าอย่างนั้นละก็คนสองคนนี้ก็ยากที่จะหาผู้ใดตอแยได้        ไม่สิอาจจะไม่มีผู้ใดสามารถล้มทั้งสองคนนี้ได้เลยก็ว่าได้    ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงละก็เมื่อถึงการประลองอาวุธประจำปี  จะยังมีใครกล้าที่จะต่อกรสองคนนี้ได้อีก    แต่ก็อาจจะมีแค่เพียงคนเดียวที่สามารถล้มทั้งสองคนนี้ได้  คนผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่สามารถฝึกวิชาจนถึงขั้นเป็นพาลาดินได้เท่านั้น !!
           
                 
                                        ________________________________________
     
                   
                   
                     
                   
                   
 
               
            .
           
       
           
           
             
                 
                 
             
   
             
               
               
               
                 
                 
                 
           
               
                 
             
             
               
                 
                   
                 
             
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น