ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนมหาโจร

    ลำดับตอนที่ #16 : บทเรียนที่ 15 การปรากฏตัวของสองจอมเทพ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.76K
      63
      17 ต.ค. 47

                               บทเรียนที่ 15  การปรากฏตัวของสองจอมเทพ







                    ห้องทั้งห้องยังคงตกอยู่ในความมืด    ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากแสงสายฟ้ารูปไม้กางเขนได้ปรากฎขึ้นบนเวทีลานประลอง             วารู้สึกได้ว่าปลอกแขนทั้งสองข้างของเขาตอนนี้ได้หลุดของจากแขนของเขาเสียแล้ว           เสียงปลอกแขนทั้งสองข้างตกลงกระทบพื้นดัง   “ ก๊อก !!! ”    ซึ่งนั่นก็หมายความว่า  ที่ไซโคร แนข   ตวัดดาบฟันลงมาเมื่อสักครู่นี้เป็นการฟันใส่ปลอกแขนของวานั่นเอง  



                       วาเองก็ยังรู้สึกงงกับการกระทำของไซโคร แนช อยู่  เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ ?      แต่ยังไม่ทันทีวาจะได้คิดอะไรต่อไป   แสงไฟภายในห้องก็เริ่มค่อยๆ สว่างขึ้น      พร้อมกับเสียงพูดคุยของนักเรียนในห้องอย่างไม่ขาดสาย              

                     ภาพที่ปรากฎต่อหน้าทุกคนในตอนนี้ก็คือ  บนเวทีลานประลองในขณะนี้คือ   มีนักเรียนสองคนที่นอนสลบอยู่บนเวที    และนักเรียนอีกสองคน  คนหนึ่งกำลังค่อยๆ ลุกขึ้นยืน  ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังยืนอยู่กับที่       ซึ่งคนที่กำลังค่อยๆ ยืนก็คือ ดีว่า  และคนที่กำลังยืนอยู่เฉยๆ ก็คือ วา นั่นเอง         ส่วนสองคนที่กำลังนอนสลบอยู่นั่นไม่ใช่ใครแต่เป็น จี ดาบคลั่ง กับเซตนั่นเอง  



                      เด็กชายนักประกาศเมื่อเริ่มเห็นอะไรชัดเจนแล้ว ถึงแม้ว่าจะตะลึงอยู่สักเล็กน้อยแต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้จากนั้นก็ค่อยๆ พูดผ่านไมค์ว่า



                      “ โอ้วววววว !  อะไรกันครับเนี่ย  เกิดอะไรขึ้นเมื่อสักครู่นี้กันแน่ครับ ”

                    ไม่มีใครสามารถตอบได้  และเหมือนไม่ต้องการคำตอบเด็กชายนักประกาศจึงพูดต่อ

                   “ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การแข่งขันประลองอาวุธคราวนี้ตำแหน่งผู้ชนะจึงตกเป็นของ ……….. ”

                    แต่ก็ยังไม่ทันที่เด็กชายนักประกาศจะกล่าวต่อ  ก็ถูกมือของวาหยุดไว้เสียก่อน

                   “ การแข่งขันครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นฝ่ายชนะหรอกครับ ”

                   เด็กชายนักประกาศยักคิ้วทำท่างงๆ กับคำพูดของวา  

                   “ ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วใครเป็นผู้ชนะละครับ ”

                   “ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ”

                    เด็กชายนักประกาศทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง  จากนั้นก็กล่าวออกไมค์ต่อด้วยความกระฉับกระเฉง

                  “ ในเมื่อไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ  จึงขอตัดสินให้การแข่งขันครั้งนี้ถือว่า เสมอกันก็แล้วกันครับ  ”

                   เสียงบ่นของนักเรียนภายในห้องดังขึ้นหลังจากฟังการประกาศเมื่อสักครู่นี้    บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินครั้งนี้  เนื่องเพราะภาพที่เห็นต่อหน้าพวกเขาก็คือ  ฝั่งของวาและดีว่า ชนะอยู่ชัดๆ   ซึ่งถ้าจะคิดกันจริงๆ  ก็ไม่สามารถตัดสินได้จริงๆ ว่าใครเป็นฝ่ายชนะกันแน่    เพราะที่วาสามารถรอดมาได้ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของเขาเอง  หากแต่เป็นไซโคร แนช เข้ามาช่วยต่างหาก



                        “ หึหึ  ไม่เสียเที่ยวจริงๆ  การประลองครั้งนี้ ”

                        เด็กชายผู้ที่ใส่หมวกสีครีมหัวเราะอย่างมีเลศนัย    

                       “ ไม่เสียเที่ยวยังไงของนายกัน ? ”

                       เด็กชายผมตั้งที่นั่งอยู่ข้างๆ เด็กชายหมวกสีครีมถามอย่างสงสัย

                       “ นายนี่มันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นะ    หรือเมื่อสักครู่นี้นายไม่ได้เห็น  ไม่เพียงแต่เราจะได้เห็นความสามารถของดีว่าปราณกระบี่ไร้เงาเท่านั้น   ยังมีแขกรับเชิญพิเศษมาเพิ่มอีกคนหนึ่งเสียด้วย  ”

                     “ ไอ้แขกรับเชิญพิเศษที่นายว่า หรือจะหมายความถึง  ไอ้คนที่ใช้ดาบคู่สายฟ้าเมื่อสักครู่นี้   เราว่าไอ้หมอนั่นต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ เลย ”

                     เด็กชายที่ใส่หมวกสีครีมเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กชายผมตั้งเมื่อสักครู่นี้  ก็หันไปมองหน้าเด็กชายผมตั้งทันที   ปรากฎให้เห็นแววตาที่หน้ากลัวอย่างยิ่งภายใต้หมวกสีครีมอันนั้น

                     “ อย่าบังอาจเรียกเจ้าชายว่า  โรคจิต เชียวนะ !  นายยังไม่รู้หรอกว่าเขาแข็งแกร่งถึงเพียงใด ”

                     เด็กชายผมตั้งเมื่อเห็นแววตาที่น่ากลัวยิ่งคู่นั้น ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว   แต่สักพักเมื่อเด็กชายหมวกสีครีมพูดจบ  ดวงตาที่น่ากลัวก็ซ่อนกลับไปภายใต้หมวกเหมือนเดิม     เด็กชายหมวกสีครีมกล่าวต่อ

                     “ เราอยากจะมีโอกาสได้ประลองกับเขาเสียจริงๆ  หวังเพียงแค่ว่า เขาจะลงแข่งประลองอาวุธในครั้งนี้ด้วยก็พอ  และถ้าเผื่อเขาลงแข่งละก็เขาจะต้องได้เจอกับเราเป็นแน่   เพราะว่าไม่มีใครคู่ควรที่จะสู้กับเขามากกว่าเรา   “ สายฟ้าเทพเกก้าดีน “   คนนี้อีกแล้วววว  !!! ”      

                    เด็กชายผมตั้งถึงกับพูดไม่ออก และไม่ต้องการที่จะพูดอะไรด้วย    อันที่จริงฝีมือของเด็กชายผมตั้งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กชายหมวกสีครีมสักเท่าไหร่   แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบ   เด็กชายผมตั้งเหมือนกับเกรงกลัวเด็กชายหมวกสีครีมอยู่มากทีเดียว  





                       วาและดีว่าค่อยๆ ก้าวเดินลงมาจากเวทีลานประลอง   โดยที่วาได้เก็บซากปลอกแขนทั้งสองข้างของเขากลับคืนมาด้วย          โซเฟียซึ่งยืนคอยอยู่ข้างเวทีลานประลองอยู่แล้ว   รีบส่งยิ้มให้กับวาและดีว่าเมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาถึง            

                            

                      “ สุดยอดมากเลยนะทั้งสองคน  เรานี่ลุ้นแทบแย่เลยละ  โดยเฉพาะคุณเด๋อเนี่ย   เล่นเอาใจหายตั้งหลายครั้งเชียว  แต่เราก็แอบขำนิดหน่อยนะ  ตอนที่โดนเซตเอาดาบไล่ฟัน   คุณเด๋อวิ่งหนีดูแล้วตลกมากเลยรู้ไหม  แหะๆ ”

                      “ โธ่ ตอนแรกก็นึกว่าจะชม  ที่ไหนได้ยังมาล้อเราอีกแน่ะ ”  

                      วาพูดพร้อมกับหัวเราะ   ถึงแม้เขาจะยังไม่หายตื่นเต้นก็ตามที     แต่ในขณะนั้นเองซาโต้ก็เดินเข้ามาหาวาพร้อมกับ  จ้องมองไปที่ปลอกแขนที่วาถือมาทั้งสองข้าง

                      “ ว่าแล้วเชียว ว่ามันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล   ไหนพี่ขอดูปลอกแขนทั้งสองข้างนั่นหน่อยได้ไหม ”

                       วาไม่ตอบ หากแต่ยื่นปลอกแขนทั้งสองข้างให้ซาโต้แทนคำตอบ        ซาโต้รับมาดูพร้อมกับครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง       ซึ่งโซเฟียก็ยืนมองพร้อมกับพิจารณาอยู่ด้วยข้างๆ



                        “ ปลอกแขนนี้ ได้มาจากไหนหรอ ”

                        “ เออ คือ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเขาให้ผมมาก่อนที่จะลงมาน่ะครับ   เขานั่งอยู่ตรงนั้นนะครับ ”

                        วาพูดพร้อมกับชี้ไปยังที่นั่งของเด็กผู้หญิงคนนั้น    แต่ก็ปรากฎว่าที่นั่งตรงนั้นไม่มีคนอยู่เสียแล้ว   ซาโต้มองตามที่วาชี้  แต่เมื่อไม่เห็นใครนั่งอยู่ก็แย้มยิ้มเล็กน้อย

                        “ สงสัยว่า น้องจะถูกแกล้งแล้วละครับ  ปลอกแขนอันนี้มันเป็นปลอกแขนที่ถูกสร้างขึ้นมา  สำหรับให้คนที่ใส่เสียเปรียบโดยเฉพาะเลยละ  ”

                        “ รุ่นพี่รู้ได้ยังไงครับเนี่ย ”

                         “ แหม คุณเด๋อ ถึงไม่บอกก็น่าจะรู้เองนะ   ตอนอยู่บนเวทีก็น่าจะรู้สึกบ้างนะ ”

                        “ อืม ก็นั่นสิ เราก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน  อยากรู้จังว่าคนที่ให้ปลอกแขนเราเขาเป็นใครกันแน่นะ ”

                        ระหว่างที่วากำลังคิดอยู่นั่น  ซาโต้ก็พูดออกมาว่า

                       “ อืม อีกอย่างหนึ่งนะ   ที่พี่รู้เนี่ยไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ   แต่ไอ้พวกปลอกแขนแบบนี้มันก็มีมามากแล้วเหมือนกัน   มีคนบางกลุ่มได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อโกงการแข่ง   ซึ่งก็ได้พบเห็นมาเยอะแล้วเหมือนกัน  แต่ก็ไม่สามารถจับตัวคนทำได้เลยสักที ”

                       “ เราว่านะ ตัวการของเรื่องนี้ต้องเป็นไอ้หมอนั่นแน่เลย ”

                       โซเฟีย พูดพร้อมกับมองไปยังเซต   ซึ่งกำลังถูกคนยกออกไปจากเวทีอยู่   วาเองก็คิดเหมือนกับโซเฟียเช่นกัน  แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะยืนยันได้ว่า เซตเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการโกงครั้งนี้      

                       “ ใครจะเป็นคนวางแผนโกงครั้งนี้ก็ช่างมันเถอะครับ  เพราะถึงถ้าเป็นเขาจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับโทษอย่างสาสมแล้วละครับ ”

                       ดีว่า พูดพร้อมกับยิ้มหลังจากที่เงียบมานาน

                       “ อืม ก็จริงนะ   ว่าแต่คนที่ขึ้นไปช่วยเราเมื่อสักครู่นี้ ใช่คนที่ชื่อ ไซโคร แนช รึเปล่า ”

                       “ ใช่แล้วละครับ  ผมเองก็คิดอยู่แล้วละครับ  ว่าเขาจะต้องมา ”

                       “ ทำไมเขาถึงกล้าทำอย่างนี้ละ ”

                      “ คงเป็นเพราะ เขารักความยุติธรรมเอามากๆ ละมั้งครับ  แล้วที่สำคัญนะครับ ที่จริงเขาเป็นคนดีมากๆ คนหนึ่งเลยทีเดียวละครับ   จริงไหมครับรุ่นพี่ซาโต้ ”

                      ดีว่า พูดพร้อมกับแอบส่งสายตาไปให้รุ่นพี่ซาโต้เหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง   ซึ่งซาโต้ก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับยิ้มตอบดีว่าแทนเหมือนกับว่า  รู้ถึงสิ่งที่ดีว่ากำลังสื่อกับเขาอยู่      

                     “ เราว่าพวกเราไปหาที่นั่งพักกันก่อนจะดีไหม  ท่าทางนายสองคนคงจะเหนื่อยกันมากแล้วละ ”

                    “ ก็ดีครับ ”

                   หลังจากนั้นทั้งวาแล้วก็ดีว่า ก็จัดการถอดชุดเกราะป้องกันออก    วารู้สึกได้ถึงความเบาและเย็นสบายอย่างยิ่ง        เขาค่อยๆ เดินตามโซเฟียไปยังที่นั่งข้างๆ เวทีลานประลอง       ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นวาแอบเหลียวมองดีว่าสักพักหนึ่ง   ไม่น่าเชื่อว่าคนๆ นี้จะเป็นคนๆ เดียวกับที่กำลังสู้อยู่บนเวทีเมื่อสักครู่นี้   และยิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนๆ  เดียวกับที่ทรุดลงไปอย่างหมดกำลังอย่างเมื่อสักครู่นี้   ดีว่าในตอนนี้นั้นเดินได้อย่างมั่นคงราวกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย  ทำให้วาแทบจะอดทึ่งไม่ได้    



                     เมื่อถึงเก้าอี้ทั้งสามคนก็ค่อยๆ นั่งลง เป็นที่น่าแปลว่าคนที่ท่าทางเหนื่อยที่สุดกลับไม่ใช่ดีว่า หากแต่เป็นวา    

                      “ นายไม่เหนื่อยมั่งหรอดีว่า ไม่เห็นเหมือนตอนที่นายอยู่บนเวทีเมื่อสักครู่นี้เลยนะ ”

                      ดีว่าแย้มยิ้มเล็กน้อยพร้อมกล่าว

                      “ ไม่ใช่ว่าผมไม่เหนื่อยหรอกครับ  อันที่จริงผมสมควรจะเหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ได้เสียด้วยซ้ำ  เพียงแต่ว่า ผมอาศัยการโคจรลมปราณเข้าช่วย   มันจะช่วยให้ผมอยู่ในสภาพเหมือนปกติได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียวละครับ ”

                      “  โห !!! วิเศษไปเลย  ถ้าว่างๆ สอนเรามั่งสิ  ไอ้พลังลมปราณที่ว่าเนี่ย  เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยเวลาออกกำลังมามากๆ ฮ่าๆ  ”

                      “ ได้อยู่แล้วครับ  แต่มันต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเลยทีเดียวละครับ  กว่าที่จะควบคุมลมปราณให้ได้ที่อย่างผมนะครับ ”

                     “ นั่นสินะ เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ ”

                     วาคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะเท่าที่ดูในตอนนี้แล้วดีว่าไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ   จากนั้นวาก็กล่าวต่อ

                     “ แต่ว่านายสู้ได้ยอดเยี่ยมมากเลยนะ  ตอนแรกเราคิดว่านายจะต้องแย่แน่ๆ เลยตอนที่เจ้าจีดาบคลั่งมันใช้กระบวนท่าสุดท้ายออกมาน่ะ ”

                      “ ก็จริงละครับ ผมก็เกือบจะไม่รอดแล้วเหมือนกัน  กระบวนท่าของเขานั้นดุดันและโจมตีคล้ายดั่งไร้จุดหมาย  ทำให้หลบได้ยากมากเลยละครับ ”

                      “ แต่นายก็หลบได้เกือบหมด แถมยังล้มเขาได้อีกด้วยนะ ”

                      ดีว่าไม่ตอบเพียงแต่แย้มยิ้ม     จากนั้นก็กล่าว

                      “ ผมว่าตอนนี้เราไปหามาสเตอร์ซาซาไรกันก่อนดีกว่าไหมครับ ”

                      “ นั่นสินะ เราเกือบลืมไปเลย ”

                     ก่อนที่วาจะลุกไปก็หันมาพูดกับโซเฟีย

                     “ เดี๋ยวเราขึ้นไปนั่งอยู่ที่เราก่อนนะ  แล้วเจอกัน ”

                     “ อืม ตามสบายค่ะ ”  

                  

                     ขณะที่วากำลังเดินขึ้นไปหาซาซาไรนั้นเอง  เด็กชายนักประกาศก็กล่าวขึ้น

                   \" ฮะ แฮ่ม  มีใครสนใจจะประลองอีกบ้างไหมครับ  ตอนนี้เราเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถลงประลองกันได้ตามใจชอบเลยนะครับ \"

                   แต่ทว่าไม่มีท่าทีว่าจะมีนักเรียนคนไหนสนใจที่จะออกมาประลองกันเลย  หรืออาจเพราะเห็นการประลองของคู่ที่ผ่านมาแล้วถึงกับไม่กล้าลงมาประลองกันเลยก็ว่าได้      

                  เด็กชายนักประกาศทำท่าทางสงสัยพร้อมกับพยายามมองไปรอบๆ เผื่อว่าจะมีใครสนใจออกมาประลองบ้าง     มองไปมองมาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจที่จะออกมาประลองเลย  เด็กชายนักประกาศก็กำลังจะกล่าวต่อ     แต่ทันใดนั้นเองก็มีเด็กชายสองคนค่อยๆ เดินออกมาจากบริเวณที่นั่งทางด้านซ้ายของห้อง     ดูท่าทางทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยมีความมั่นใจมากนัก    เหมือนกับว่าตัวเองไม่ค่อยมีฝีมือมากเท่าไหร่ก็ไม่เชิง        



                   เมื่อโซเฟียเห็นนักเรียนทั้งสองคนนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาทันที  เพราะเธอมีหน้าที่ดูแลเรื่องการประลองอยู่แล้วเหมือนกับ      โซเฟียดูเป็นมิตรกับทุกคนดีมาก   เธอค่อยๆ หยิบชุดเกราะพร้อมกับอาวุธให้กับเด็กนักเรียนทั้งสองคนนั้นอย่างเรียบร้อย  

                  และไม่นานนักนักเรียนทั้งสองคนนั้นก็พร้อมที่จะขึ้นเวที    ทั้งสองค่อยๆ ก้าวขึ้นเวลาอย่างช้าๆ เหมือนกับพวกที่ไม่มั่นใจนัก   ที่จริงเป็นใครก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเด็กนักเรียนทั้งสองคนนี้นัก     เนื่องจากว่า  การประลองคู่ที่ผ่านมามีแต่พวกเก่งๆ  จึงทำให้รู้สึกกดดันเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทั้งสองคนนี้ไม่เก่งแล้วละก็  อาจจะถูกนักเรียนคนอื่นๆ ดูถูกให้ได้   แต่การที่นักเรียนทั้งสองคนนี้ก้าวออกมาจากที่นั่ง  แล้วขึ้นมาบนเวทีที่ต้องถูกมองด้วยสายตานับพันได้เท่านี้ก็ถือว่ามีความกล้าอย่างยิ่งแล้ว    



                    “ โอ้ววววว การประลองรอบต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วละครับ……. ”

                     เด็กชายนักประกาศกล่าวไปเรื่อยๆ    ในขณะที่เริ่มมีเด็กนักเรียนบางกลุ่มค่อยๆ ทยอยกันออกจากห้องบ้างแล้ว  คงเป็นเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีการประลองอะไรที่น่าสนุกไปกว่าการประลองคู่ที่ผ่านมาอีกแล้วก็เป็นได้   หรือไม่บางคนก็ต้องรีบกลับไปทำการบ้านที่ค้างคาเอาไว้    



                       เด็กชายหมวกสีครีม หรือเด็กชายคนเดียวกับที่เรียกตัวเองว่า สายฟ้าเกก้าดีนก็ลุกขึ้นเช่นกัน  ทำให้เด็กชายผมตั้งสงสัยเล็กน้อย

                       “ นี่นายจะไปไหนเนี่ย  การประลองยังไม่จบสักหน่อย  แถมอีกอย่างรถโรงเรียนของเราก็ใกล้ออกแล้วด้วยนะตอนนี้ ”

                       “ นายอยากดูก็ดูไปเหอะ  เรามีธุระที่จะต้องทำ ”

                      “ อืมนะ งั้นก็เชิญตามสบายเถอะ  เราขอนั่งดูอยู่อย่างนี้ก็แล้วกัน   ว่าแต่อย่าลืมมาให้ทันรถออกด้วยละ  “        

                   เกก้าดีนไม่ตอบหากแต่ดึงหมวกของตัวเองลงมาเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเดินออกไป    



                  

                     วาและดีว่าเมื่อเดินมาถึงที่นั่งเก่าของตัวเองแล้วก็ค่อยๆ นั่งลง  โดยมีซาซาไรส่งยิ้มมาให้  

                     “ การประลองเมื่อสักครู่นี้เยี่ยมมากเลยนะครับ  ทั้งสองคนสุดยอดจริงๆ ”

                     “ ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ”

                     “ คนที่น่าจะบอกว่าไม่เท่าไหร่น่าจะเป็นเรามากกว่านะดีว่า ”

                     วาพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย   ตอนนี้วาเริ่มรู้สึกหายเหนื่อยมาบ้างแล้ว   จากนั้นวาก็ถามซาซาไร

                    “ ว่าแต่มาสเตอร์ไม่สนใจจะลงประลองกับเขาบ้างหรอครับ  ”

                    “ ก็อย่างที่บอกแหละครับ  ไม่มีใครที่จะมาประลองด้วยกับผมนะสิครับ ”

                    “ แย่จังเลยนะครับ ผมอยากเห็นมาสเตอร์ประลองจังเลย  จะเหมือนวันที่มาช่วยผมหรือเปล่าครับเนี่ย ”

                     ซาซาไรเมื่อได้ยินวาพูดก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย  ไม่น่าเชื่อว่าวาจะยังจำวันที่เขาไปช่วยไว้ได้จนถึงวันีนี้ นับว่าวาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องรอบๆ ตัวไม่น้อยเลยทีเดียว  

                     “ แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอครับเนี่ย ”

                     ซาซาไรหันมาถามดีว่าบ้าง

                     “ ก็รู้สึกิอยู่บ้างละครับ  ที่จริงผมก็กำลังจะขอตัวกลับไปก่อนอยู่เหมือนกัน  เพราะว่าถ้านั่งอยู่ต่อสงสัยท่าจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นักละครับ”

                     ” ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย  ผมก็ว่าคุณน่าจะไปพักผ่อนก่อนอยู่เหมือนกันละครับ  เพราะดูท่าทางจะโดนมาไม่ใช่น้อยอยู่เหมือนกันละครับ ”

                      “ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ ”

                      แต่ก่อนที่ดีว่าจะไปไหนนั้นวาก็รีบพูดขึ้นมาว่า

                      “ งั้นผมก็ขอตัวไปด้วยเหมือนกันนะครับ   เพราะเดี๋ยวผมก็ต้องำปซ้อมปิงปองต่อ แล้วตอนนี้ผมก็อยากไปเดินเล่นสักหน่อยละครับ  ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้อยู่ดูด้วย ”

                      “ ไม่เป็นไรหรอกครับ  โชคดีนะครับทั้งสองคน ”

                    

                   เมื่อซาซาไรกล่าวจบ  ดีว่าและวาก็เดินออกมาจากห้องชมรมอัศวิน    ซึ่งดูยังไงๆ ดีว่าก็ยังไม่เหมือนกับคนที่ผ่านการประลองที่หฤโหดอย่างเมื่อสักครู่นี้อยู่ดี  เขายังคงเดิมด้วยฝีเท้าที่มั่นคงเช่นเดิม       ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงบันไดวนนั้นวาก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้น

                    “ เราว่านายเก่งมากเลยนะรู้ไหม  ที่จริงเราคิดว่านายต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เราคิดอย่างนี้มาตั้งนานแล้วละ  ยิ่งตอนที่นายเอามือไปเตะต้นไม้ครั้งนั้นเรายิ่งมั่นใจมาตลอด  จนกระทั่งวันนี้ เราถึงว่านายเก่งจริงๆ ”

                   “ แหม อยู่ดีๆ ก็ชมนะครับ  ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอกครับ   คนเราจะเก่งไม่เก่งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝนแหละครับ   ผมก็เป็นแค่เพียงคนที่ฝึกฝนมากก็เท่านั้นเองละครับ ”

                 “ เราว่าดูท่าทางนายน่าจะฝึกหนักน่าดูเลยจริงไหม ”

                 “ จะว่าน้อยก็ไม่น้อย แต่จะว่ามากก็ไม่มากหรอกนะครับ   คงพอๆ กับที่คุณต้องไปฝึกปิงปองกระมัง ”

                 “ ไม่หรอก เราฝึกปิงปองน้อยจะตายไป  แถมอีกอย่างเราก็ไม่ได้เก่งสักเท่าไหร่หรอก ”

                 “ เก่งไม่เก่งผมจะรอดูวันแข่งก็แล้วกันนะครับ   และผมก็เชื่อว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังแน่ๆ ครับ ”

                 ดีว่าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ  ที่จริงดีว่าก็นับว่าเป็นมิตรที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว   ถ้าใครเป็นเพื่อนกับเขาแล้วละก็จะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน  เพราะคนอย่างดีว่ายินยอมที่จะเจ็บแทนเพื่อนเสมอ และเป็นคนรักเพื่อนมากเสียด้วย  หากแต่ว่าเขากลับมีเพื่อนไม่มากสักเท่าไหร่นัก     หรือบางคนก็ไม่ได้จริงใจกับเขา   แต่ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่า วาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของเขา อาจเป็นเพราะคนอย่างวาสามารถเป็นมิตรได้กับทุกคน หรือจะเป็นเพราะวาเป็นคนที่มีความจริงใจให้กับทุกคนเสมอก็ไม่ทราบเหมือนกัน    

                “ ได้เลย รับรองไม่ผิดหวังแน่ ”

                วายิ้มอย่างมั่นใจพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้   จากนั้นก็กล่าวต่อ

                “ ว่าแต่นายพอจะรู้บ้างไหมว่าเราจะหาคนที่ชื่อ ไซโคร แนช ได้ที่ไหน ”

                “ ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากไปหาเขาขึ้นมาหรอครับ  ”

                “ ก็ไม่มีอะไรหรอก  เราแค่อยากจะไปขอบคุณที่เขาช่วยเราเอาไว้ก็เท่านั้นเอง ”

                “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าจะหาเขาได้ที่ไหน   แต่ก็ไม่แน่นะครับ  เขาอานจะไม่ต้องการคำขอบคุณก็ได้นั่นเพราะเขาทำไปเพราะเขาไม่หวังสิ่งตอบแทนยังไงละครับ ”

                    “ นายรู้ได้ยังไงว่า เขาเป็นคนอย่างนั้นละ ”

                    “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ  แต่ผมแค่เชื่อว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นก็เท่านั้นเองละครับ ”

                    ดีว่าเองดูๆ ไปก็คล้ายดั่งคนลึกลับเหมือนกันในสายตาของวา    เหมือนจะไม่รู้แต่กลับรู้  แต่วาก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย  อาจเป็นเพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยจะคิดมากในเรื่องที่ไม่สมควรจะคิดก็ว่าได้  

                  

                    ก่อนที่วาจะพูดอะไรต่อไปนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่า ข้างหลังของเขามีคนๆ หนึ่งกำลังเดินมา  แต่คนที่เดินมากลับไม่เหมือนคนธรรมดา  หรืออาจะเป็นเพราะมีอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป  ที่ทำให้รู้สึกว่าจะต้องหันไปให้ได้    มิเช่นนั้นคงจะไม่สามารถทำให้ทั้งวาและดีว่าต้องหันไปมองได้  หรือถึงแม้แต่ใครก็คงต้องหันไปมอง        

                 คนๆ นั้นก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา  เป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น    แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ  นักเรียนคนนั้นไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนอับดุล อินเตอร์    หากแต่เป็นนักเรียนโรงเรียนเกเบรียล     ซึ่งสามารถรู้ได้ไม่ยากนักโดยดูจากเครื่องแบบ   และที่แตกต่างออกไปอีกที่หนึ่งก็คือ เด็กนักเรียนคนนั้นสวมหมวกอยู่  หมวกนั้นเป็นหมวกสีครีมใบหนึ่ง   ซึ่งปกปิดดวงตาของนักเรียนคนนั้นอยู่เสมอ   น้อยคนนักที่จะสามารถมองเห็นตาของนักเรียนคนนั้น  



                     ดูท่าทางเด็กนักเรียนคนนั้นจะรีบร้อนมาก  เหมือนกับว่า ถ้าช้าไปเพียงวินาทีเดียว  สิ่งทีเขากำลังจะไปหานั้นจะต้องหายไปก็ปาน       ดีว่าและวาเมื่อหันไปมองไม่ทันไร  เด็กชายคนนั้นก็เดินผ่านทั้งสองคนไปอย่างรวดเร็ว  โดยก่อนที่จะเดินผ่านไปเขาบังเอิญชนถูกไหล่ของดีว่าด้วย  แต่ก็ไม่ได้หันมาขอโทษกลับเดินผ่านไปอย่างหน้าตาเฉย    

                     “ คนอะไรนะ แย่จริงๆ ชนคนอื่นแล้วยังไม่ขอโทษอีก  แถมยังใส่หมวกอีกเสียด้วย  ประหลาดจริงๆ ”

                     วาบ่นกับดีว่า เพียงแต่ว่าดีว่าไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย และเมื่อวาเดินต่อไปนั้น  เขาก็รู้สึกได้ว่าดีว่าไม่ได้เดินตามเขา  เมื่อหันกลับไปมองกลับพบว่า  ดีว่าเอามือชันเข่าไว้เหมือนกับว่าจะทรุดลงกับพื้นเลยก็ไม่ปาน  ผิดกับเมื่อสักครู่นี้ที่เดินได้เหมือนคนปกติทั่วไปอย่างไงอย่างงั้น        

                    

                       วาเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาดีว่า

                      “ เฮ้ย นายเป็นอะไรไปน่ะ ”

                        ดีว่าไม่ตอบ  วาเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปค่อยๆ ประคองดีว่า

                       “ ทำใจดีๆ ไว้นะ เดี๋ยวเราจะช่วยพยุงนายไปเอง ”

                       วาช่วยพยุงดีว่าลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุที่ดีว่าเป็นอย่างนี้ก็ตาม  หรือจะเป็นเพราะว่าลมปราณที่ดีว่าได้สะกดความบอบช้ำเอาไว้เกิดแตกซ่านขึ้นมา  แต่ใครจะเป็นผู้ทำได้  หรือจะเป็นฝีมือของเด็กชายคนที่ใส่หมวกเมื่อสักครู่นี้กันแน่   ไม่มีใครสามารถตอบได้          วารู้แค่ตอนนี้เขาต้องช่วยพยุงดีว่าไปหาที่พักสักที่หนึ่ง          

                       บันไดวนที่วาขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ถึงแม้จะมีระยะทางที่ค่อนข้างไกลแต่วาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันไกลเท่าไหร่นัก  จนกระทั่งตอนนี้ที่เขาต้องค่อยๆ พยุงดีว่าไปอย่างช้าๆ  วารู้สึกราวกับว่า บันไดวนนี้ยาวราวกิโลเมตรก็ไม่ปาน             แต่ในที่สุดวาก็ประคองดีว่าลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างสุดจนได้ โดยที่ระหว่างทางนั้นดีว่าไม่ได้พูดกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว     จนกระทั่งวากำลังจะตัดสินใจว่าจะพาดีว่าไปที่ไหนดี  ดีว่าก็ได้พูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มที่นักว่า

                     “  ช่วย – พา – ผม – ไป – ที่ห้องทีสิครับ “

                     “ ห้องพยาบาลหรอ เราไปไม่เป็นสะด้วยสิ ไปทางไหนหรอ  แล้ว - - แล้ว อยู่ดีๆ ทำไมนายถึง…….”

                     “ พาผมไปที่ห้องของผม ห้องที่ 604 ทีครับ  และที่ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะ……”

                      ไม่ทันที่ดีว่าจะพูดต่อก็คล้ายกับว่า เขาไม่มีแรงที่จะพูดต่ออีกแล้ว  ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นวาก็รีบพยุงดีว่าต่อ     ระยะทางจากตึกอาคารชมรมไปยังหอพักนั้นค่อนข้างไกลพอสมควรทีเดียว   แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  วาคิดว่าเขาจะต้องพาดีว่าไปให้ถึงให้ได้          





                      ลมหนาวพัดมาในยามเย็นเช่นนี้ทำให้รู้สึกเย็นสบายยิ่งนัก   แต่มีคนๆ หนึ่งกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น   ไม่ว่าผู้ใดที่รู้สึกเช่นนี้ก็นับว่าเป็นคนแปลกแล้ว    คนๆ นั้นกลับเป็นไซโคร แนช             เขาค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ดูแล้วคล้ายดั่งไร้จุดหมาย  หรือที่จริงเขามีจุดหมายกันแน่        

                      

                       ไซโคร แนช ดูคล้ายไม่ชมชอบอากาศแบบนี้นัก  คงเป็นเพราะมันทำให้เขารู้สึกเหงา และเดียวดายก็เป็นได้   ความรู้สึกในใจของเขาในตอนนี้นั้นยากที่จะหาผู้ใดเข้าใจได้             ไซโคร แนช ในตอนนั้นกำลังเดินอยู่บริเวณตึกหอพักชาย   จุดมุ่งหมายของเขาในตอนนี้นั้นก็คงจะเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง    ต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวกับที่เขาเคยได้ไปยืนฟันใบไม้ที่วาเห็นในวันนั้นนั่นเอง      

                       ในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้  ลมที่พัดโชยมาทำให้ใบไม้ของต้นไม้นี้ต้องพัดปลิวตามแรงลมไปด้วย       ไซโคร แนช เงยหน้าขึ้นมองไปยังยอดสูงของต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ราวกับกำลังคิดถึงใครสักคนหนึ่งอยู่   ในใจของเขาคล้ายปวดร้าวราวกับแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็มิปาน          แต่ในขณะที่เขากำลังจะนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นนี้นั้น    เขาก็ต้องชะงักไป  เนื่องจากในขณะนี้มีคนๆ หนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปจากเขาไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก  

                      ในเวลาแบบนี้คล้ายกับไม่น่าจะมีคนมาอยู่แถวนี้ได้  แต่คนๆ นี้กลับมายืนในที่นี้  เวลานี้  แถมยังมองตรงมายังไซโคร แนชอีกเสียด้วย         คนๆ นี้ใส่หมวกพร้อมกับเครื่องแบบของนักเรียนเกเบรียล  เขาคือ คนๆ เดียวกับที่เดินชนดีว่าเมื่อสักครู่นี้    และเขาก็คือ สายฟ้าเกก้าดีนนั่นเอง  

                        

                      ไซโคร แนช ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่เช่นนั้น  ราวกับไม่มีคนๆ นี้มายืนอยู่ด้วย    และก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นเกก้าดีนก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้น

                      “ ยินดีที่ได้เจอนะครับ เจ้าชาย  เกือบจะมาไม่ทันเสียแล้วสิ ”

                       แต่ไซโคร แนช ก็หาได้หันมาสนใจเกก้าดีนไม่  แม้แต่มองก็ยังไม่         เกก้าดีนก็คล้ายกับว่า รู้อยู่แล้วว่าไซโคร แนช จะต้องไม่สนใจตนเป็นแน่  แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจเช่นกัน           เกก้าดีนจึงแย้มยิ้มพร้อมเดินเข้าไปใกล้ไซโคร แนช ทีละก้าวอย่างช้าๆ            สายลมพัดโบกมาพลอยทำให้ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ร่วงลงมาหลายใบเลยทีเดียว    และก็ไม่ทันที่เกก้าดีนจะก้าวต่อไปอีกเขาก็ต้องหยุดชะงักลง

                        “ อย่ามายุ่งกับข้านะ !!!  เจ้าจะไปไหนก็จงรีบไปเสียแต่ตอนนี้เลย  ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน ”

                       ไซโคร แนช กล่าวด้วยความเย็นชาอย่างยิ่ง  ไม่ว่าผู้ใดได้ยินเช่นนี้ย่อมต้องไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้เขาเป็นแน่    แต่เกก้าดีนกลับไม่เหมือนคนทั่วไป    เขากลับก้าวต่อไปอีกราวกับว่าไม่ได้ยินที่ไซโคร แนชพูดขึ้นก็ตาม    แถมยังยิ้มอย่างมั่นใจเสียด้วย    มิมีใครทราบว่าภายใต้หมวกสีครีมใบนั้นจะซ่อนดวงตาชนิดไหนอยู่กันแน่ในตอนนี้      

                         เสียง ครี๊ค !!  ดังขึ้น  ทำให้เกก้าดีนต้องหยุดก้าวเท้าอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งคราวนี้ไม่ว่าใครก็ตามคงจะต้องหยุดคิดให้นานกว่าคราวที่แล้วเป้นแน่จึงจะกล้าก้าวต่อไปได้      มือข้างขวาของไซโคร แนช ในตอนนี้นั้นกำแน่นอยู่ที่ดาบเล่มหนึ่ง พร้อมที่จะชักดาบออกมาจากฝักดาบได้ทุกเวลา

                         “ ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย จะรีบไปไหนก็ไปเสีย ข้าต้องการอยู่คนเดียว ”

                         ไซโคร แนช พูดโดยที่ยังไม่ได้หันไปมองเกก้าดีนอีกเช่นเคย   คราวนี้เกก้าดีนไม่ได้เดินต่อ แต่กลับแย้มยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่น่ากลัวภายใต้หมวกวูบหนึ่ง  

                          “ ผมต้องขออภัยอย่างสูงครับเจ้าชายที่มารบกวน   กระผมก็เพียงแต่อยากจะเห็นตัวจริงของท่านก็เท่านั้นแหละครับ ”

                          เกก้าดีนพูดด้วยเสียงที่สงบนิ่ง  ไม่มีใครทราบว่า เป็นการพูดท้าทาย หรือเคารพจากใจจริงกันแน่  

                         “ ในเมื่อได้เห็นแล้ว  ก็คงไม่มีธุระแล้วใช่ไหม  เพราะฉะนั้นจงรีบไปเสียได้แล้ว ”

                         “ แหม จะให้ผมรีบไปไหนกันละครับ  ผมยังไม่ทันที่จะได้เริ่มการทบสอบของผมเลยนะครับ ”

                         “ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกันนะ ”

                          หลังจากกล่าวจบไซโคร แนช ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำอะไร หากแต่กำดาบในมือข้างขวาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม        ไซโคร แนช รู้ว่าสิ่งที่เกก้าดีนต้องการจะทดสอบนั้นคืออะไร  มันก็คือ  ฝีมือของเขานั่นเอง    แต่ไซโคร แนช ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากนัก  เนื่องเพราะเกก้าดีนไม่ใช่คนแรกที่ต้องการจะลองเชิงกับเขา  และคนที่คิดลองเชิงกับเขาไม่เคยมีใครสามารถล้มเขาได้เลยเช่นกัน         แต่เป็นเพราะเหตุใดก็ไม่ทราบเกก้าดีนดูมีความมั่นใจสูงมากว่าจะสามารถต่อกรกับไซโคร แนช ได้อย่างไม่มากเย็นนัก    ทั้งๆ ที่เขาทั้งไม่มีดาบหรืออาวุธอะไรอยู่เลยในตอนนี้   หรือว่าเขาจะสิ่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่าอาวุธซ่อนอยู่กันแน่ ?



                         เกก้าดีนเริ่มก้าวเข้าไปใกล้ ไซโครแนชขึ้นเรื่อยๆ    เมื่อเห็นว่าเกก้าดีนไม่มีอาวุธเลย ไซโคร แนช ก็คลายมือออกจากดาบของตน     ถึงเขาจะอยากไล่เกก้าดีนไปใกล้ๆ ก็ตามที   แต่เขาก็เป็นคนรักความยุติธรรม ยิ่งคนหนึ่ง   มิเช่นนั้นคงจะไม่สามรถเป็น พาลาดิน ได้เป็นแน่  

                         ทั้งสองคนในขณะนี้นั้นอยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น  และดูเหมือนว่าไม่มีท่าทีที่ใครจะเป็นฝ่ายลงมือก่อนเลย  จนกระทั่งสายลมพัดโชยมาอีกครั้งหนึ่ง   ทำให้ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง     และในทันใดนั้นเองเมื่อใบไม้แก่ใบหนึ่งร่วงลงมาเหนือเกก้าดีนไม่มากนัก    ร่างกายของเกก้าดีนก็คล้ายดั่งหายไปพร้อมกับการร่วงของใบไม้ใบนั้นก็มิปาน    นี่ไม่ใช่เวทย์มนต์หากแต่เกิดจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่ง   หากไม่ใช่เพราะการฝึกฝนฝีมือเป็นเวลานานแล้ว ยากใดที่จะสามารถทำได้เช่นนี้      แต่ไซโคร แนชกลับนิ่งเฉยราวกับไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น    

                           ทางด้านหลังของไซโคร แนช พลันปรากฎร่างของคนผู้หนึ่ง เกก้าดีน !  เกก้าดีนใช้แขนทั้งสองข้างล็อคไปที่คอของไซโคร แนชด้วยความรวดเร็ว   มิคาดไซโคร แนชถึงกับไม่หลบหลีก  หรือเป็นเพราะไม่สามารถกันแน่   แต่ทันใดนั้นเองที่แขนทั้งสองล็อคเข้าไปที่คอของไซโคร แนช    ร่างของไซโคร แนช ก็คล้ายดั่งกับอากาศหายตัวไปในฉับพลัน   เกก้าดีนถึงกับเสียหลักเล็กน้อยที่ล็อคเป้าหมายผิดพลาด   หรือนี่จะใช่เวทย์มนต์ ?  ย่อมมิใช่เวทย์มนต์เป็นแน่   แต่นี่ก็เป็นการเคบื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งเช่นกัน   ความเร็วระดับที่เหนือกว่าของเกก้าดีนอยู่หลายเท่าตัว !      

                          เกก้าดีนถึงกับไม่เชื่อสายตาของตนเอง  แต่ก็ตั้งสติได้โดยไวเช่นกัน จึงรีบหันกลับไปมองรอบๆ   แต่ไซโคร แนช คล้ายกับหายไปจากโลกนี้แล้ว   เนื่องเพราะไซโคร แนชได้หายตัวไปเสียแล้ว   หรือนี่จะเป็นวทย์มนต์จริงๆ ?           และทันใดนั้นเองขณะที่เกก้าดีนกำลังมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวของไซโคร แนชนั้น  เงาวูบหนึ่งก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเกก้าดีน  

                       เงานั้นพุ่งเข้าใส่เกก้าดีนด้วยความเร็วสูง  ความเร็วระดับนั้นกนักที่ใครจะสามารถหลบได้ แต่เกก้าดีนสามารถหลบได้  เขาตีลังกากลับหลังทันทีที่รู้สึกว่าเงานั้นปรากฎขึ้น  มิคาดถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหลบการโจมตีของเงานั้นได้     แต่เงานั้นก็สามารถทำให้หมวกสีครีมของเขาหลุดออกจากหัวไปได้อย่างง่ายดาย  

                       เงาร่างนั้นก็คือ ไซโคร แนช นั่นเอง  เขาอาศัยจังหวะเพียงชั่วพริบตากระโดดขึ้นไปเกาะบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่สูงนักในการซุ่มโจมตี  นับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียวถ้าใครสักคนจะพยายามจะทำอย่างนี้ได้   เนื่องเพราะมิเพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายธรรมดา แต่ยังต้องแบกน้ำหนักของดาบทั้งสองเล่มไว้ด้วย   คงจะต้องใช้เวลาฝึกฝนร่างกาย และไหวพริบเป็นเวลานานปีเลยทีเดียวถึงจะสามารถทำได้เช่นนี้  

                         เกก้าดีนทรุดลงเอาเข่ายันกับพื้นไว้ข้างหนึ่ง ก้มหน้าหอบหายใจอย่างแรง  เขาแทบไม่เชื่อว่า ในโลกนี้ยังมีคนที่มีความเร็วระดับนี้อยู่อีก     ตอนนี้หมวกของเกก้าดีนถูกหมุนเล่นอยู่ในมือของไซโคร แนช แล้ว   แต่เกก้าดีนยังคงก้มหน้าต่อไป  มิคาดยังปรากฎรอยยิ้มหนึ่งขึ้นบนในหน้าของเขา   หรือการโดนชิงหมวกออกจากหัวเป็นเรื่องน่าสนุกนัก ?    

                     แม้ว่าการถูกชิงหมวกมิใช่เรื่องสนุก  แต่หากไม่มีผู้ใดที่สามารถชิงหมวกจากหัวของเขามาได้เลย ไหนจะเรียกว่า สนุกได้    เนื่องเพราะจวบจนบัดนี้คนที่สามารถทำให้หมวกของเกก้าดีนหลุดออกจากหัวได้มีเพียงแค่  3 คนเท่านั้น  แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น  หากแต่สองคนแรกเพียงแค่สามารถทำให้หมวกของเกก้าดีนหลุดออกมาธรรมดาเท่านั้น   แต่ไซโคร แนชกลับแตกต่าง   เนื่องเพราะเขาเป็นคนแรกที่สามารถชิงหมวกออกมาจากหัวของเกก้าดีนได้   นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกก้าดีนยิ้ม



                     ขณะที่นักเรียนหลายคนกำลังชมการประลองกันอยู่อย่างสนุกสนานนั้น  ทางด้านฝั่งนักเรียนเกเบรียล ขณะที่เด็กชายผมตั้งกำลังนั่งดูการประลองอยู่นั้นชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา  ซึ่งชายคนนั้นก็คือ อาจารย์ผู้รับผิดชอบนำนักเรียนเกเบรียลมาที่นี่นั่นเอง

                      “ มีอะไรหรอครับอาจารย์ ”

                      “ คือว่า เรากำลังจะกลับกันแล้วนะ  เธอรู้บ้างไหมว่าเกเก้าดีนไปที่ไหน ”

                      เด็กชายผมตั้งส่ายหน้า

                     “ ผมไม่รู้เหมือนกันครับ  เขาบอกว่า เขาจะไปทำธุระอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ”

                      เด็กชายผมตั้งทำท่าครุ่นคิดก่อนที่อาจารย์จะพูดอะไรต่อ ก็กล่าวต่อ

                      “ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมไปตามหาเขาเองครับ  รอสักครู่นะครับ ”

                      “ อืม ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะ  รีบๆหน่อยละเดี๋ยวอีก 15 นาทีเราก็จะกลับกันแล้วนะ ”

                      “ ครับผม ”

                     เด็กชายผมตั้งวิ่งออกมาจากห้องชมรมอัศวิน และก็วิ่งลงตามทางบันไดวนไปเรื่อยๆ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ    “ เจ้าบ้าเกก้าดีนมันไปทำอะไรตอนนี้นะ  ต้องลำบากไปตามหามันเลยให้ตายสิ  หวังว่ามันคงไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรกับใครนะ ”      

                     จากนั้นเด็กชายผมตั้งก็วิ่งออกมาจากตึกอาคารชมรมหลังจากวิ่งสำรวจภายในอาคารจนเกือบจะหมดแล้ว     เด็กชายผมตั้งครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะวิ่งต่อไป    เพราะเนื่องจากว่า โรงเรียนอับดุล อินเตอร์นั้นใหญ่มาก   การที่จะตามหาคนสักคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  ยิ่งถ้าวิ่งผิดทางแล้วละก็อย่าหวังที่จะหาเจอได้เลย

                    เด็กชายผมตั้งหลับตาลงช้าๆ ราวกับว่ากำลังใช้สมาธิเพ่งหาที่อยู่ของเกก้าดีนเลยก็มิปาน   ไม่นานนักเขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับวิ่งต่ออย่างรวดเร็ว   รวดเร็วระดับที่เรียกได้ว่า  น้อยคนนักที่จะสามารถวิ่งตามเขาได้ทัน      ทางที่เด็กชายผมตั้งคิดจะไปนั้นเป็นทางเดียวกันกับที่เกก้าดีนอยู่กับไซโคร แนชพอดี    หรือเด็กชายผมตั้งสามารถรู้ที่อยู่ของเกก้าดีนได้เพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น ?    

                   ในที่สุดเด็กชายผมตั้งก็วิ่งมาจนถึงน้ำพุกลางโรงเรียน  เบื้องหน้าของเขาปรากฎเด็กชายสองคน   คนหนึ่งกำลังพยุงอีกคนหนึ่งอยู่    เด็กชายผมตั้งจึงวิ่งเข้าไปหาเด็กชายทั้งสองคนนั้น

                   “ เป็นอะไรกันครับเนี่ย ”

                   เด็กชายคนที่กำลังพยุงเด็กชายอีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายหันไปตอบ

                  “ ก็ คือ ตอนที่เพื่อนเรากำลังลงบันไดอยู่น่ะสิ  อยู่ๆก็มีเด็กนักเรียนใส่หมวกคนหนึ่งเดินมาชนเข้าเลยกลายเป็นแบบนี้เลย ”

                  ไม่ผิดแน่เด็กชายใส่หมวกที่ว่าต้องเป็นเกก้าดีนอย่างแน่นอน  และเด็กชายผมตั้งก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า  เด็กชายทั้งสองคนนี้ก็ต้องเป็นวากับดีว่าแน่นอน

                 “ แล้วว่าแต่เด็กคนที่ใส่หมวกที่นายว่า เขาเดินไปทางไหนพอจะรู้ไหม ”

                 “ เราก็ไม่รู้เหมือนกันสินะ ”

                 เด็กชายผมตั้งคิดจะวิ่งต่อไปแต่แล้วก็คิดที่จะช่วยวาพยุงดีว่าขึ้นมา

                 “ ให้เราช่วยนะ ”

                 เด็กชายผมตั้งเขามาช่วยพยุงดีว่าอีกด้านหนึ่ง  ทันทีที่ดีว่าสัมผัสกับตัวเด็กชายผมตั้งนั้นก็รู้สึกถึงพลังปราณอันมหาศาลเลยทีเดียว  แสดงว่าคนๆนี้จะต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็นแน่  เพียงแต่ว่าตอนนี้ดีว่าไม่สามรถเอ่ยปากได้ เนื่องเพราะพลังลมปราณของเขาแตกสลายเกินกว่าที่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดได้ แม้แต่สติยังเกือบที่จะควบคุมไม่อยู่

                  “ แล้วว่าแต่นายจะพาเขาไปที่ไหนหรอ ”

                  “ เราจะพาเขาไปที่หอพักน่ะ อยู่ห่างไปไม่เท่าไร่หรอก ”

                  “ อืม งั้นไปกันเลย ”

                  ตั้งแต่ที่มีเด็กชายผมตั้งมาช่วยพยุงอีกแรงหนึ่ง  วาก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าเขาสามารถเดินได้เร็วขึ้น และไม่รู้สึกหนักในตัวดีว่าเลยแม้แต่น้อย  แต่เป็นเพราะเหตุใดวาก็ไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกัน  ทั้งสามคนเดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เห็นหอพักไม่ไกลแล้ว     ระหว่างทางที่ใกล้จะถึงหอพักนั้นวาก็ชวนเด็กชายผมตั้งคุย

                  “ ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ  เราชื่อวานะ ”

                  “ นั่นสินะลืมแน่นำตัวไป  ชื่อของเราก็คือ ………”

                   เด็กชายผมตั้งหยุดพูดไปกระทันหันเพราะคนสองคนที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขานั่นเอง   และที่สำคัญที่ทำให้ต้องตกใจก็คือชายอีกคนหนึ่งที่กำลังใช้นิ้วชี้แกว่งหมวกเล่นไปมา   ใช่แล้วทั้งสองคนนี้ก็คือ เกก้าดีนกับไซโคร แนช นั่นเอง    

                  เด็กชายผมตั้งรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนในทันที   วาเองก็ออกจะงงๆกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังพยุงดีว่าไว้      เด็กชายผมตั้งพุ่งตัวตรงไปยังไซโคร แนช ความเคลื่อนไหวของท่าร่างรวดเร็วยิ่งนัก  จนทำให้แทบจะมองตามไม่ทันเลยทีเดียว    

                  ไซโคร แนช ถึงแม้จะรวดเร็วเพียงใดแต่เมื่อถูกพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัวก็ต้องพลาดท่าให้กับเด้กชายผมตั้ง  เพียงแต่ว่าเด็กชายผมตั้งนั้นไม่ได้พุ่งเข้าไปเพื่อที่จะทำร้ายไซโคร แนช   เมื่อถึงตัวไซโคร แนช แล้วเด็กชายผมตั้งก็กระโดดตีลังกาไปหาเกก้าดีนด้วยความเร็ว        ที่แท้ที่เด็กชายผมตั้งพุ่งเข้าหาไซโคร แนช นั่นก็เพียงเพื่อที่จะแย่งหมวกกลับคืนมาให้เกก้าดีนเท่านั้น  

                  เกก้าดีนรับหมวกจากเด็กชายผมตั้งมาอย่างช้าๆ พร้อมกับค่อยๆสวมใส่มัน   จากนั้นยิ้มที่ปรากฎขึ้นมาเมื่อสักครู่ก็หุบลง  หรือจะเป็นเพราะหมวกใบเดียว

                 “ โอ้ว มีเพื่อนมาด้วยงั้นหรือ  จะเข้ามาทั้งสองคนเลยก็ได้นะ  ข้าจะได้รีบจบๆ ธุระเสียที ”

                  ไซโคร แนช พูดอย่างไม่เกรงกลัว  แต่เด็กชายผมตั้งกลับพูดกลับไปอย่างสุภาพ

                 “ ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ และผมก็ไม่ได้คิดจะมาหาเรื่องคุณหรอกนะครับ เพียงแต่จะมาตามตัวเพื่อนผมกลับเพราะว่ารถโรงเรียนกำลังจะออกแล้ว ”

                  ไซโคร แนช เงียบไม่พูดอะไรต่อ  เขาเองก็รู้เหมือนกันว่า เด็กชายผมตั้งคนนี้ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเป็นแน่         เกก้าดีนก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดกับเด็กชายผมตั้ง

                “ รถโรงเรียนจะกลับแล้วหรอ  น่าเสียดายจริงๆนะ นายไม่น่ารีบมาตามเราเลย  เราเกือบที่จะใช้เจ้านั่นออกไปเสียแล้วด้วยถ้านายไม่มาขัดจังหวะเสียก่อน  ”

                  เพียงคำพูดของเกก้าดีนที่บอกว่าจะใช้เจ้านั่นออกมาก็ทำให้เด็กชายผมตั้งเหงื่อตกได้เลยทีเดียว  แล้วเจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่นะ

                 “ เอาละครับ วันนี้สนุกมากหวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้   บนเวทีลานประลองอาวุธประจำปีที่จะถึงเร็วๆนี้นะครับ ”

                  เกก้าดีนหันไปยิ้มให้กับไซโคร แนช  ส่วนไซโคร แนช นั้นเพียงแค่สะเหยะยิ้มกลับไปเท่านั้น  และแล้วก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะกลับไปยังตึกอาคารชมรมเด็กชายผมตั้งก็หันมาพูดกับวาก่อนว่า

                 “ โทษทีที่ไม่ได้บอกเมื่อสักครู่นะ  ชื่อของเราก็คือ  “ ไซเมด “   จำเอาไว้ให้ดีละ  หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกเร็วๆนี้นะ ”        

                  วาแค่ยิ้มให้เท่านั้น  เพราะยังคงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่หาย  แต่ก็ยังดีที่เขาเริ่มเคยชินกับเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว    นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้เจอกับไซโคร แนช  วาจึงคิดที่จะเข้าไปขอบคุณไซโคร แนช ที่ช่วยเขาเมื่อตอนอยู่ที่บนเวทีลานประลอง  จึงค่อยๆพยุงดีว่าเข้าไปใกล้ๆ ไซโคร แนช  

                 วาเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวทักทายก่อน โดยขณะนั้นไซโคร แนช หันหลังให้กับเขาราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น

                  “ เออ สวัสดีครับ ”

                 ไม่มีเสียงตอบ แต่ว่าไซโคร แนช ก็ค่อยๆหันหลังกลับมาหาวา จ้องมองวาอย่างสงบเยือกเย็นยิ่ง  ไม่ว่าผู้ใดเมื่ออยู่ต่อหน้าไซโคร แนช ในตอนนี้จะต้องรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาล  แต่วากลับไม่เหมือนคนทั่วไป   เขาเองไม่รู้สึกถึงความกดดันเลยแม้แต่น้อย  และก็ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกถึงความกดดันเท่านั้น แม้แต่ความรู้สึกกลัวก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อย    แถมยังรู้สึกอีกด้วยว่า คนๆนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ    และในที่สุดหลังจากที่ไซโคร แนช จ้องมองวาเป็นเวลานานแล้วก็เอ่ยปากจนได้

                  “ เจ้ามีธุระอะไรกับข้า ”

                  คำพูดของไซโคร แนช แม้ดูเย็นชาแต่ทว่าวากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น กลับตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

                   “ ป่าว ก็ไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ว่าอยากจะขอบคุณที่ช่วยผมตอนอยู่ที่บนเวทีลานประลองก็เท่านั้นแหละครับ ”

                 มิคาดเมื่อได้ยิ้มคำพูดของวา  บนใบหน้าของไซโคร แนช กลับปรากฎรอยยิ้มขึ้นวูบหนึ่ง  แต่วากลับไม่ทันสังเกตเห็น

                “ ธุระของเจ้ามีเท่านี้เองใช่ไหม ในเมื่อเสร็จธุระแล้วข้าก็ขอเชิญ ….. ”

                “ ถ้างั้นผมก็ไม่รบกวนละกันนะครับ  หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้คุยกันอีกในโอกาสหน้านะครับ ”

                วายิ้มให้กับไซโคร แนช ก่อนที่จะออกแรงพยุงดีว่าไปต่อ  แต่ยังไม่ทันทีวาจะก้าวเท้าที่สองออกไป ไซโคร แนชก็เอ่ยปากขึ้น ทำให้วาต้องหันหลังกลับไปอีกครั้งหนึ่ง

                 “ ช้าก่อน……..”

                 “ มีอะไรหรอครับ ”

                 ไซโคร แนช ไม่ตอบแต่เดินเข้าไปหาวาพร้อมกับมองไปยังดีว่า   จู่ๆก็พูดขึ้นมาวา

                 “ พาเขาตามข้ามา ”

                  วาสงสัยแต่ไม่กล้าที่จะถาม ได้แต่เดินพยุงดีว่าตามไซโคร แนช ไป  ซึ่งไซโคร แนช เดินตรงไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่หน้าหอพักต้นเดียวกับที่ดีว่าเคยทำให้ใบไม้ทั้งต้นต้องร่วงหล่นลงมาแล้ว  

                   “ เจ้า…วางตัวเขาลงพิงกับต้นไม้ต้นนี้ ”

                   วาค่อยๆ พยุงตัวดีว่าให้เอนไปกับต้นไม้ต้นใหญ่จากนั้นก็เอ่ยปากถาม

                   “ จะทำอะไรหรอครับ ”

                   ไซโคร แนช มีตอบหากแต่เดินเข้าไปหาดีว่าจากนั้นก็ก้มลงชันเข่าข้างหนึ่ง  พร้อมกับนำมือข้างขวาไปจับเข้าที่ข้อมือของดีว่าเพื่อตรวจจับชีพจร        จากนั้นบนใบหน้าของไซโคร แนชก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย

                  “ เพื่อนของเดจ้าถูกวิชาสลายลมปราณ……… ”

                  “ สลายลมปราณหรือครับ แล้วใครเป็นคนทำละครับ ”

                  “ วิชาสลายลมปราณนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นวิชาที่ทำได้ยาก แต่วิธีการสลายลมปราณแบบนี้จะต้องเป็นฝีมือของเจ้านั่นเพียงคนเดียวจึงจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ”

                  “ เจ้านั่นหรือจะหมายถึงคนที่ใส่หมวกเมื่อสักครู่นี้หรอครับ ”

                  “ ใช่แล้วละ  วิชาสลายลมปราณที่เจ้านั่นใช้เป็นวิชาสลายลมปราณแขนงพิเศษ  มิเช่นนั้นละก็พลังลมปราณที่เพื่อนของเจ้าโคจรไว้คงจะไม่สามารถแตกและทำให้เพื่อนของเจ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้เป็นแน่ ”

                  “ มิน่าละครับ   ตอนที่คนที่ใส่หมวกเดินมาชนเพื่อนผมที่ตรงทางเดินบันไดตึกอาคารชมรม เขาถึงกลายเป็นแบบนี้  อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆเลยนี่ครับ ”    

                 “ เจ้าหมวกนั่นมีฝีมือไม่เลวเลยทีเดียวสิ  ไม่สิ! ไม่ใช่แต่มีฝีมือไม่เลวเท่านั้น  ฝีมือการต่อสู้ของเจ้านั่นอาจเรียกได้ว่าอยู่ในระดับเทพเลยทีเดียว !!!  วิชาสลายลมปราณที่เจ้าหมวกนั่นใช้เรียกว่า  “รีเฟรกชั่น ”  :ซึ่งผู้ที่จะสามรถใช้ความสามารถประเภทนี้ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษาวิชาของนักสู้ศักดิ์สิทธิ์จนสามารถเลื่อนขั้นถึงครูเสเดอร์ได้เท่านั้น  ”  

                 “ ครูเซเดอร์งั้นหรอครับ เหมือนผมจะเคยได้ยินเลยนะครับ  ถ้างั้นแล้วอย่างนี้จะช่วยเพื่อนผมได้ยังไงกันละครับ ”

                 “ เมื่อมีด้านมืดย่อมมีด้านสว่าง เมื่อมีปัญหาย่อมมีทางแก้ไข  เช่นกันวิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นนั้นก็มีวิธีแก้ได้เหมือนกัน  โดยต้องใช้วิชาโคจรลมปราณขั้นสูงซึงเรียกกันว่า “ รีเจเนอเรเตอร์ ”  ”

                “ รีเจเนอเรเตอร์หรอครับ ฟังดูแล้วงงๆจังเลยนะครับ  แล้วผมจะหาคนที่มีวิชานั้นได้ยังไงกันละครับ ”

                ไซโคร แนช ยิ้มขึ้นวูบหนึ่งจากนั้นก็กล่าว

                “ ผู้ที่สามารถที่จะใช้วิชารีเจเนอเรเตอร์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษาวิชานักสู้ศักดิ์สิทธิ์จนสามารถเลื่อนขั้นเป็นพาลาดินได้ยังไงกันละ  และข้าก็จะขอบอกว่าคนที่สามารถเป็นพาลาดินได้ภายในโรงเรียนนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น………….”

                “ เขา คือ ใครหรอครับ ?”

                “ คนๆ นั้นก็คือ ……….”





                  ในที่สุดไซเมด และเกก้าดีนก็เดินกลับมาจนถึงตึกอาคารชมรมจนได้    ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นไปบันไดนั้นไซเมด หรือเด็กชายผมตั้งก็ถามเกก้าดีนว่า

                  “ ที่คนที่ชื่อดีว่าเป็นอย่างนั้น ใช่ฝีมือนายใช่ไหม ”

                   “ ถ้าใช่แล้วนายจะทำไม ”

                   “ นายไม่ควรจะไปทำกับเขาอย่างนั้นนะ  เขาไม่ได้ทำอะไรนายก่อนเลยนะ  ถึงขนาดใช้รีเฟรกชั่นใส่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ ”

                   “ หึหึ เราก็แค่อยากที่จะทดสอบฝีมือของเขาดูก็เท่านั้นเอง ”

                  “ ทดสอบฝีมือด้วยการใช้รีเฟรกชั่นใส่เนี่ยนะ  นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่า มันร้ายแรงขนาดไหน ”

                  ทันทีที่ไซเมดพูดจบเกก้าดีนก็หันมามองที่ไซเมดทันที  พร้อมกับดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองไปยังไซเมด

                 “ ใช่แล้ว ก็เพราะอย่างนี้สิถึงตอนใช้ใส่  เพราะถ้าไม่ใช้รีเฟรกชั่นละก็มันจะเหมิอนเป็นการดูถูกฝีมือของเขาเกินไปหน่อยแล้ว ”

                 “ แต่นายก็รู้นี่ว่า  ขนาดคนที่มีความสามารถในการโคจรลมปราณสูงเพียงใด  ถ้าโดนวิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นเข้าไปก็คงไม่สามารถยืนอยู่ได้  หรือบางทีอาจจะล้มป่วยไปเป็นเดือนเลยก็ได้  แม้แต่เราเองถ้าโดนรีเฟรกชั่นเข้าละก็……. แล้วนับประสาอะไรกับดีว่าที่เพิ่งต่อสู้และได้รับการบาดเจ็บมาขนาดนั้น  ”

               “ หึหึ ไม่ต้องถ่อมตนไปหรอก ไซเมด คนอย่างนายต่อให้โดนยิ่งกว่ารีเฟรกชั่นเข้าไปก็ไม่เป็นไรอยู่แล้วไม่ใช่หรอ  ”

               มิคาด เมื่อได้ยินคำพูดของเกก้าดีน   ไซเมดถึงกับยิ้มขึ้น  เป็นรอยยิ้มที่แสดงความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็แสดงว่า เขาไม่กลัววิชาสลายลมปราณรีเฟรกชั่นของเกก้าดีนเลยแม้แต่น้อย     ความน่ากลัวและพลังฝีมือของทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับไหนกันแน่  หรือว่าจะเป็นอย่างเช่นที่ไซโคร แนช บอกกันแน่ ว่าพลังฝีมือของทั้งสองคนนี้อยู่ในระดับที่เรียกว่า เทพ!  

                 จากนั้นเกก้าดีนก็กล่าวต่อ

                 “ และที่สำคัญนะที่ เราใช้รีเฟรกชั่นใส่ดีว่านั่นไม่ใช่เพื่อที่จะทนสอบพลังฝีมือของดีว่าหรอกนะ  เพราะคนๆนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาคนอย่างสายฟ้าเกก้าดีนหรอกนะ   แต่คนที่เราตั้งใจที่จะทนสอบจริงๆก็คือ  เจ้าชายสายฟ้าไซดคร แนช ต่างหากละ ”

                 “ หรือนายตั้งใจจะทดสอบว่า เขาเป็นผู้ที่มีพลังรีเจเนอเรเตอร์จริงใช่หรือไม่ ”

                 “ ใช่แล้วละ ที่จริงตอนที่สู้กัน เราก็เกือบที่จะใช้เจ้านั่นเพื่อที่จะทดสอบเขาแต่แรกแล้วละ  แต่นายมาก่อนพอดีน่ะสิ ”

                 “ ดีแล้วละที่เรามาทัน  ไม่อย่างนั้นขืนนายใช้เจ้านั่นออกไปละก็………  เราก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น    เราว่าเขาก็คงจะอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเจ้าสองคนแรกที่สามารถทำหมวกนายหลุดออกไปได้หรอกจริงมะ ”

                 “ อย่าดูถูกเจ้าชายนะ!!!   เขาไม่มีทางเหมือนเจ้าสองคนนั่นแน่  เขาเป็นคนแรกที่สามารถแย่งหมวกของเราไปได้   และแน่นอนเขาจะต้องสามารถรับเจ้านั่นได้แน่นอน  เพียงแต่ว่าสภาพหลังจากที่โดนเจ้านั่นไปแล้ว   เราก็คิดไม่ออกเหมือนกัน  ฮ่าๆๆๆ  ”

                  เกก้าดันหัวเราะ หัวเราะอย่างมั่นใจ  เจ้านั่นมันคืออะไรกันแน่ ?

                 “ ใช่แล้วละ  แต่ถึงนายจะพูดอย่างนั้นก็เถอะนะ  เราก็ยังไม่เชื่อว่าคนๆนั้นมีพลังรีเจเนอเรเตอร์  และก็ยังไม่เชื่อว่าคนๆนั้นจะสามารถทนทานรับเจ้านั่นได้อยู่ดีแหละ ”

                 “ หึหึ ก็ดีใจอยู่เหมือนกันนะที่นายคิดว่าไม่มีใครสามารถทนทานต่อเจ้านั่นได้  แต่สิ่งที่เราอยากจะมั่นใจก็คือ  เราคิดว่าคนๆนั้นจะต้องมีพลังรีเจเนอเรเตอร์แน่นอน ”

                “ แล้วถ้าเขาเกิดไม่มีขึ้นมาละ ”

                “ เรื่องนั้นนะหรอ …..”

                เกก้าดีนเริ่มหัวเราะอีกครั้ง

                “ ถ้าเขาไม่มีรีเจเนอเรเตอร์จริงละก็ เขาคงไม่ถูกเรียกว่า เจ้าชาย หรอกนะ  ฮ่าๆๆ ”

                 เกก้าดีนหัวเราะจากนั้นก็กล่าวต่อ

                “ นายคิดอย่างนั้นไหมละ  ก็อดแฮนด์ ”

                บนใบหน้าของไซเมดพลันปรากฎรอยยิ้มขึ้น  มิทราบว่าเป็นรอยยิ้มที่ดีหรือชั่วร้ายอำมหิตกันแน่    ก็อดแฮนด์ หรือจะเป็นฉายาของไซเมด  ก็อดแฮนด์หรือจะเป็นสุดยอดวิชาของศิลปะการป้องกันตัวด้วยหมัดเปล่า  ถ้าเช่นนั้นละก็ผู้ที่จะสามารถฝึกวิชานี้ได้นั้นต้องมีพลังกายและพลังสูงส่งเลยทีเดียว  นอกนั้นจากนั้นต้องศึกษาด้านวิชานักสู้ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นอย่างดีจนสามารถเลื่อนขั้นได้เป็นก็อดแฮนด์    และผู้ที่สามารถฝึกสำเร็จจนถึงขั้นสามารถเป็นก็อดแฮนด์ได้แล้วละก็  จะเรียกได้ว่า คนนั้นๆมีพลังฝีมือที่เรียกได้ว่า ระดับเทพ เลยทีเดียว

               ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า เด็กชายทั้งสองคนนี้จะต้องมีฝีมือในด้านการต่อสู้อยู่ในระดับที่เรียกว่า เทพ ได้เลยทีเดียว     คนหนึ่งเป็นถึงผู้ฝึกพลังสายฟ้าจนถึงขั้นครูเซเดอร์   ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นถึงขั้นก็อดแฮนด์   ถ้าอย่างนั้นละก็คนสองคนนี้ก็ยากที่จะหาผู้ใดตอแยได้         ไม่สิอาจจะไม่มีผู้ใดสามารถล้มทั้งสองคนนี้ได้เลยก็ว่าได้    ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงละก็เมื่อถึงการประลองอาวุธประจำปี  จะยังมีใครกล้าที่จะต่อกรสองคนนี้ได้อีก    แต่ก็อาจจะมีแค่เพียงคนเดียวที่สามารถล้มทั้งสองคนนี้ได้  คนผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่สามารถฝึกวิชาจนถึงขั้นเป็นพาลาดินได้เท่านั้น !!

                

                      

                                             ________________________________________

          

                        

                        

                          

                        

                        

      

                    

                 .

                

            



                

                

                  

                      

                      

                  



        

                  

                    







                    



                    

                      

                      

                      

                

                    

                      



                  

                  

                    



                      



                        









                      







                  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×