โลกาวินาศ.....วันสิ้นโลก - นิยาย โลกาวินาศ.....วันสิ้นโลก : Dek-D.com - Writer
×

    โลกาวินาศ.....วันสิ้นโลก

    ผู้เข้าชมรวม

    29

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    29

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ต.ค. 67 / 23:22 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทนำ

    ณ.ใจกลางกรุง

    เช้าวันจันทร์ที่24 กันยายน  ค.ศ.2042

    หนุ่มน้อยหน้าหวานกำลังเดินอย่างเร่งรีบเพื่อไปพรีเซนต์โปรเจคเรียนจบของตนที่กำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

    ที่ต้องรีบอยู่ตอนนี้ก็เพราะเมื่อคืนซ้อมพรีเซนจนดึกเกินไป จึงทำให้เขาตื่นสาย แต่จะให้ทำยังไงล่ะ เขาก็ยอมยืดอกรับนะว่าเขามันคนโง่ สมองช้าไปนี๊ด ความจำก็ไม่ค่อยจะดี อุตสาหะพากเพียรจนมาถึงปีสุดท้ายได้ทันเพื่อนๆก็ถือว่าเก่งมากแล้วนะ

    "ดีนะที่หออยู่ใกล้ ไม่งั้นคงไม่ได้จบแน่เรา เห้อ"

    หนุ่มน้อยบ่นกับตัวเองพรางรีบจ้ำเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองและมนุษยชาติทั้งหลายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าเลย

    "ตู้มมมมม..มม.มม.."

    เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จนรู้สึกแก้วหูสั่นสะเทือนอื้ออึง ส่งเสียงวิ้งวิ้งอยู่ในหู

    ตอนนี้ เจ้าป่า หนุ่มนักศึกษาผู้โชคร้ายที่ดันตื่นสายวันนี้ กำลังยืนเบลอเพราะรู้สึกหูดับฉับพลัน จากเสียงที่ดังสนั่นหันไปมองรอบข้างอย่างช้าๆ แบบเบลอๆ

    "นี่มันเห**อะไรกันครับเนี่ย"

    เจ้าป่ามองดูก้อนหินขนาดยักษ์ที่ครูดไปกับพื้นถนนจนเป็นทางยาวเนื่องจากพุ่งตกลงมาด้วยความเร็วสูง

    ผู้คนรอบด้านตกใจและแตกตื่นฮือฮากันเป็นอย่างมาก....แต่...โชคชะตายังเล่นตลก ตกใจกันได้ไม่ถึง5นาที ก็ได้ยินเสียงตู้มดังสนั่นตามมาติดๆอีกหลายๆครั้ง ใช่แล้ว นี่คือปรากฏการณ์ฝนอุกาบาตตกใส่โลกครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้ ตกแบบไม่มีอะไรกั้น ตกแบบไม่มีแจ้งเตือนให้ผู้คนได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยสักนิด

    ผู้คนต่างแตกตื่นวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง หลายคนวิ่งหนีเข้าไปหลบตามอาคารต่างๆ แต่บางคนก็โชคร้ายเกินไป วิ่งหนียังไม่ทันหาที่หลบได้ก็โดนอุกาบาตหล่นทับแบบไม่ได้มีโอกาสได้บอกลาใครทั้งสิ้น เหตุการณ์ชุลมุนอยู่เกือบๆหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มสงบลง ผู้คนนิ่งเงียบฟังเสียงการตกกระทบอยู่สักพักก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก คิดว่าเรื่องร้ายๆคงจบลงแล้ว

    หลังจากเหตุการณ์เริ่มสงบลงผู้คนเริ่มทยอยออกมาจากอาคารต่างๆมองออกไปด้านนอกอย่างสลดใจ มีคนหลายคนที่เสียชีวิตอยู่ใต้ก้อนหินยักษ์นั่น และอีกหลายร้อยคนที่บาดเจ็บจากการโดนสะเก็ดหิน บาดเจ็บจากการวิ่งชนกันบ้าง ล้มบ้างอีกนับร้อยๆคน เสียงไซเรนรถพยาบาล และรถกู้ภัยหลายหน่วยดังกระหึ่มขึ้น เผื่อเข้าช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนี้

    เจ้าป่าค่อยๆเดินออกมาจากร้านมินิมาร์ทเล็กๆที่เขาวิ่งหนีเข้าไปหลบอย่างช้าๆ ยืนมองรอบตัวด้วยสมองที่ยังมึนงง เขายืนอยู่หน้าร้านซักพัก ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนนึงดังขึ้น

    เมื่อหันไปมองก็ต้องตกใจ ภาพคุณยายคนนึงที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยฝุ่นและคราบเลือดกำลังใช้ปากกัดคอของหญิงสาวคนที่กรีดร้องอยู่อย่างน่ากลัว

    "ช่วยด้วยยยย อีป้านี่เป็นบ้าอะไร มากัดฉันทำไมเนี่ย"

    พี่กู้ภัย2คนวิ่งเข้าไปพยายามช่วยหญิงคนนั้น คนนึงดึงหญิงชราคนนั้นออกไป ส่วนอีกคนก็ช่วยดูแผลของเหยื่อคนนั้นทันที

    "เดี๋ยวคุณผู้หญิงกดผ้าไว้นะครับกดแน่นๆเลย เลือดจะได้หยุดไหล คุณ คุณ คุณผู้หญิงได้ยินผมมั้ยครับ "

    หญิงสาวคนนั้นนั่งนิ่งไม่ส่งเสียง และไม่ขยับร่างกายแม้แต่น้อย สักพักเธอค่อยๆหันไปหากู้ภัยคนนั้น ดวงตาของเธอขาวขุ่นดูน่ากลัว เพียงแปบเดียวเธอก็กระโจนใส่กู้ภัยอย่างรวดเร็วและกัดเข้าที่ใบหน้าเขาจนเนื้อหลุดออกมา ดูน่าสยดสยองยิ่งนัก

    "อ๊ากกกก คุณกัดผมทำไมเนี่ย"

    กู้ภัยผู้โชคร้ายถามเธอ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบใดก็มีผู้ชายอีก2คนวิ่งเข้ามากัดกระชากที่คอของเขาจากด้านหลัง

    เจ้าป่ายืนมองความโกลาหลรอบด้านอย่างไม่เชื่อสายตา ผู้คนดูราวกับสัตว์ป่าดุร้ายวิ่งไล่กัดกันอย่างวุ่นวาย คนนั้นกัดคนนี้ พอคนนี้ถูกกัดก็ลุกวิ่งไปกัดคนนู้น และกัดๆๆๆๆ กันต่อๆไปเรื่อย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครก็ได้ตอบผมที

    " *** หยั่งกะหนังซอมบี้นรกคลั่งเลย นี่มันวันโลกาวินาศชัดๆ "

    ขณะที่เจ้าป่ากำลังยืนมองรอบๆตัวอย่างอึ้งๆ ก็มีเด็กน้อยอายุราวๆ10ขวบคนนึงกำลังวิ่งเข้าหาเขาอย่างมุ่งร้าย

    "โอ้ ไม่นะ ม่ายยยยยยย...."

    "ติ๊ดติ๊ดติ๊ด....ติ๊ดติ๊ดติ๊ด....ติ๊ดติ๊..... ปึ๊ก"

    เสียงนาฬิกาปลุกแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่เจ้าของๆมันตั้งไว้ ตามมาด้วยเสียงตบปิดอย่างแรง

    "อื้อ ฝันหรอวะเนี่ย เหมือนจริงชิบเป๋งเลย สงสัยดูหนังซอมบี้เยอะไปหน่อย บรึ๋ยยย เกือบไปแล้ว เกือบจะโดนกัดอยู่แล้วเรา"

    เจ้าป่าสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกพลันมองไปรอบห้องก็นั่งพึมพำกับตนเองเบาๆ

    เขาหันไปมองหน้าจอนาฬิกาซึ่งตอนนี้มันบ่งบอกเวลาบนหน้าจอสีฟ้าสว่างว่า

    07:00 am

    24 / 09 / 2041

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น