ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ||:+:||ร้าย แสบ ซ่า แบบว่า รักเธอ||:+:||

    ลำดับตอนที่ #6 : เตรียมแค้นไว้ล้าง

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 48


    เย็นเมื่อวานนี้ที่พี่สน กับพี่ไม้แนะนำเพื่อนนับสิบ มันคงคิดว่าชั้นจำได้ แต่ก็จำได้จริงๆนะ แก๊งพี่นี่มีฝาแฝดตั้ง 2 ฝา  พี่สนกับพี่ไม้คู่นึง อีกคู่ชื่ออมสิน กับออมทรัพย์  เสียดายไม่ได้มาด้วยเลยไม่เห็นหน้าว่าเหมือนกันแค่ไหน  แต่ชอบชื่อจัง  เห็นพี่บอกว่ามีพวกผู้หญิงด้วย แต่ไม่ได้มาอีกเช่นเคย







      วันนี้ตื่นขึ้นมาดูนาฬิกาก็ 7 โมงเช้าพอดีเลย อยากนอนต่อจัง เสียแต่มือถือเจ้ากรรมมันดันสั่นเรียกให้รับซะก่อน



    “ฮัลโหล”



    โทรมาทำไมเช้าขนาดนี้





    “สาลี่ ตื่นๆ ตื่นได้แล้วโว้ย ตื่นว้อย ทำไมแกนี่มันปลุกยากปลุกเย็น ตื่นสิวะ”



    เสียงหวันดังออกมาจากมือถือ



    สงสัยจังว่าถ้าชั้นหลับนี่ เพื่อนแกที่ไหนมารับมือถือ





    “ตื่นแล้วๆ ถ้าไม่ตื่นจะมารับโทรศัพท์แกมะ ไอ้หวันบ้า”



    ทันทีที่ได้ยินเสียงชั้นตอกกลับไปมันรีบพูดต่อทันที







    [/]“เฮ้ย แก วันนี้เปิดศึกเว้ย!! เดี๋ยวฟรายเดย์จะให้นี้ทไปส่งสาร เตรียมทำสงคราม”

    หลี่หวันพูดอย่างมีความสุข และอารมณ์ดี สุขขี ปรีดา





    “อ้าว ไหนว่าจะใช้เวลาหนึ่งวัน พรุ่งนี้ไม่ใช่หรอ วันนึงน่ะ”

    อะไรเนี่ย เทพยดาองค์ไหนเร่งเวลาข้ามวัน  ชั้นยังไม่ได้กระเดือกผู้ชายลงท้องเลย หิว





    “ไม่ๆ เร็วมะล่ะ ข้าวฟ่างเอารายงานจากสายสืบให้ไดซ์  มันตรงกับไอ้ถึกพวกนั้นพอดี นี้ทไปส่งสารประกาศศึกแล้ว ตอนบ่ายโมง เจอกันที่หน้าสวนสาธารณะ ที่เดียวกับที่มันอัดเด็กเรา”



    มันพูดอย่างยินดี และสบายใจมาก  มันคงมีความสุข





    “เหรอ เออ..เร็วชะมัด”

    มันเร็วเกินไปแล้วมั้ง



    “แกก็รู้ว่าแก๊งเรา มีสายเยอะแยะ หูไวตาไวจะตาย  ใครโดนซ้อมที่ไหน แก๊งไหนประกาศศึกกันก็รู้ทั้งนั้นล่ะ”

    มันก็จริง...





    “แกทำอะไรอยู่อ้ะ หวั่นหวัน”  คำถามสิ้นคิด หวันหัวเราะหึหึ  ก่อนจะตอบกลับมาอย่างใสซื่อ





    “ออกหากิน”





    “กี่คน”





    “4 คนโว้ย”

    มันหัวเราะร่า อารมณ์ดี มีความสุข สนุกสนาน  แล้วมันก็พูดกลับมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้





    “เฮ้ย  เมื่อกี้แกว่าชั้นบ้านี่หว่า อย่าคิดนะว่าชั้นไม่ได้ยิน  แล้วเมื่อกี้แกเรียกชั้นว่า หวั่นหวัน เรอะ  ไม่เอาน๊า ไม่ชอบๆ แกอย่ามาเรียกชั้นอย่างนี้  แกต้องเลิกเรียกชั้นอย่างนั้นเลยนะ อย่าให้ได้ยินอีกนะ  สำลี”







    “โว้ย แกเรียกใครสำลี!!  ชั้นชื่อ สาลี่ มีปัญหาปะ แล้วเราก็ภูมิใจมากด้วยนะเว้ย และก็คิดว่ามันเหมาะกับเราที่สุดในโลกา แกห้ามมาเปลี่ยนชื่อที่หม่าม้าสุดที่รักตั้งให้นะโว้ย ไอ้วันหวั่นหวั้นหวั๊นหวัน”







    “ไอ้สาลี่ เราก็ภูมิใจในชื่อหลี่หวันนะเว้ย อากงตั้งให้ แกอย่ามานั่งฝึกทบทวนเสียงวรรณยุกต์กับชื่อชั้น จำเอาไว้เลยนะแก เราว่าเราเถียงกันเรื่องนี้หลายรอบแล้วนะ”







    “โธ่เอ๊ย ก็มันไม่มีอะไรให้เถียงกันแล้วนี่หว่า เรื่องที่เถียงได้ ทะเลาะได้ก็ทะเลาะกันไปหมดตะกร้าแล้ว   เอ้อ ชั้นนึกออกแล้ว วันนี้แกออกจากห้องแล้วใช่มั๊ย”





    “เออ ออกมาแล้วตอนนี้ชั้นนั่งดูทีวีอยู่ มีแต่ข่าว โว้ย อยากดูอุลตร้าแมน”





    “แกเก้าเท้าไหนออกจากห้องวะ เดานะเดา เท้าขวา”





    “ไม่เว้ย เท้าซ้าย”  แกเถียงชั้นไอ้หวัน



    “ชั้นว่าเท้าขวา”



    “ไม่ๆ เท้าชั้นนะเว้ย เท้าซ้าย”





    “เท้าขวาแน่ๆ ชั้นมั่นใจ”  หวันมันยังไม่เลิกเถียงกลับมา “แกรู้ได้ไง มั่นใจได้ไงวะ รู้แต่เท้าซ้ายโว้ย”





    “ชั้นมีญาณพิเศษ เท้าขวาแน่ๆ เห็นจะๆ แล้วแกก็กระโดดขึ้นโซฟา คว้ารีโมต เปิดทีวี”



    มั่นใจเว้ย มันนิสัยแก ชั้นรู้ดี



    “เฮ้ย รู้ได้ไงวะ”  



    นั่นไง ตูว่าแล้ว       “แต่ตูเก้าเท้าซ้ายเว้ย”  



    เอ้า ไม่เลิก เมื่อยปากแล้วเราก็เพื่อนกัน ขี้เกียจเถียง



    “พอๆ มันจะไร้สาระเกินไปที่มานั่งทะเลาะกันเรื่องเก้าเท้าไหนออกจากห้อง”





    “เออ รู้ก็ดี แกมันไร้ แต่ชั้นมีสาระเว้ย”ยังกัดไม่เลิก  





    “หวัน”





    “อะไรหรอ” มันถามกลับมาด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ชั้นรู้ว่าแกมันอสรพิษ





    “แกอยากโดนชั้นกระซวกผ่านสายโทรศัพท์ แล้วแปรสัญญาณเป็นอาหารมะ มันใกล้เวลาชั้นออกหากินแล้วนะ”





    “ไอ้ลี่ แกทำชั้นกลัวนะ ชั้นเป็นเพื่อนแกนะเว้ย” มันทำเสียงสั่น มันไม่ได้กลัวหรอก ออกจะใจกล้าหน้าด้าน



    “เพื่อนชั้นไง จะเอาให้ถึงตับไตม้ามปอดเลย  แกเอ๊ย พูดแล้วหิว”



    “แกหิวผู้ชายก็ไปกิน อย่ามายุ่งกับชั้น”    แน่ะ..จะกินแกคนแรกล่ะ



    “งั้นประเดิมด้วยแกนี่แหละดีที่สุด” จบประโยคมันวางสายเลย ช่างมีมารยาท







    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------





    “เฮ้ย เฮียสน”





    เสียงใบไม้ฝาแฝดผู้น้องดังมาจากนอกห้อง ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของชื่อ ลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู





    “ว่าไง ไอ้น้องชาย”

    สนพูดยิ้มๆ ใบไม้แยกเขี้ยวให้นิดหน่อย แล้วเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเตียง







    “วันนี้ไอ้ชามันเรียกประชุมหรอ” สนเปิดฉากคุยก่อน ไม้ตบตาต้นสน แล้วพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ





    “เรื่องสาลี่มั้ง” ไม้พูดเนือยๆ    แต่เรียกความสนใจของต้นสนได้ถนัดใจ





    “เกี่ยวอะไรกับลี่ แกพูดเรื่องของลี่เมื่อเช้าให้ไอ้ชาฟังเหรอ”





    “เปล่า แค่เรื่องจะเอาเข้าแก๊งน่ะ”ไม้ลุกขึ้นยืน “แล้วเรื่องของลี่ เฮียคิดว่าไงล่ะ”





    “สาลี่อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับ แก๊งผีเสื้อปีกดำก็ได้ ถึงเกี่ยวก็เป็นน้องสาวเรานะเว้ย”

    น้ำเสียงที่ฟังดูจริงจัง เป็นผลให้บรรยากาศเริ่มอึดอัด





    “มันแน่นอนเรื่องนั้น แต่ยังไงก็ต้องรู้เรื่องให้ได้ แล้วก็อย่าให้แก๊งรู้”

    ไม้พูดเสริมทับ สนพยักหน้า  แล้วพูดต่ออีก





    “ถึงสาลี่เป็นคนของแก๊งแบล็กบัตเตอร์ฟรายจริง ก็ไม่มีปัญหาอะไรมั้ง เพราะเรา 2 แก๊งก็ไม่เคยมีเรื่องกัน”



    ฝาแฝดทั้งสองพยักหน้าให้กัน







    “พี่สนจ๋า” เสียงใสๆของน้องสาวตัวดีดังขึ้น แล้วตามมาด้วยการเปิดประตู แล้ววิ่งเข้ามากระโดดขึ้นเตียงของต้นสน



    “สาลี่ มีอะไรหรอ” พี่ชายคนโตที่แสนดีถามด้วยหน้าตายิ้มแย้มเช่นเคย



    สาลี่จ้องหน้าใบไม้ประมาณว่า มันมาอยู่ที่นี่ได้ไง





    “ไม่ต้องมาจ้อง กูรู้ตัวว่าหล่อ”

    ไม้พูดกลับมาแล้วจ้องตอบ  สาลี่ทำหน้าแหยงๆนิดหน่อย ก่อนที่จะส่งคำถามที่ทำให้คนฟังแทบสำลักลมหายใจ





    “พี่สนกับพี่ไม้เป็นคู่เกย์กันรึเปล่าเนี่ย”





    “เฮ้ย!!”

    ฝาแฝดทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกันเสียงดัง สาลี่สะดุ้งนิดหน่อย แล้วขมวดคิ้ว





    “แกเอาที่ไหนมาพูดวะ ชั้นไม่ใช่กระทิงนะเว้ย ถึงชอบผู้ชาย”พี่ชายคนรองแย้งทันที  ส่วนต้นสนยังคงอึ้งกับคำถาม





    “อ้าว ก็เห็นพี่ชอบไปไหนด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันบ่อยๆนี่ แล้วนี่พี่ไม้ก็อยู่ในห้องพี่สน”

    สาลี่ชี้หน้าไม้ แล้วมองหน้าสน





    “ถ้างี้นลี่ก็รับทราบเอาไว้นะ พี่กับไม้ ไม่ใช่คู่เกย์ แล้วพี่ก็ไม่ได้เป็นเกย์”

    สนพูดอย่างใจเย็นที่สุด





    “..เรอะ..” น้องสาวคนเล็กพูดแบบไม่ใส่ใจ  





    “พวกพี่กินข้าวเช้ากันรึยังเนี่ย”





    “กินแล้ว ลี่ล่ะกินรึยัง”



    สนตอบ ใบไม้พยักหน้าแต่ไม่พูด





    “กินแล้ว”

    ก่อนจะถามต่อ





    “แล้วพี่อยู่แก๊งเกย์ใช่มั๊ย”





    พี่ชาย 2 คนทำหน้าไม่ถูก ไม้พูดขึ้นมาแก้ขัด

    “เกรย์ ที่แปลว่าสีเทา ไม่ใช่ เกย์ ที่เป็นกระทิง”





    “อืมม์ ใช่ พี่อยู่แก๊งนั้นลี่รู้แล้วนี่ แล้วสาลี่ก็ต้องตอบคำถามพี่ด้วย”

    สนพูดยิ้มๆอย่างใจดี ส่วนสาลี่ทำหน้าอยากตาย





    “สา..” สนเริ่มก่อน “..ลี่”ไม้ต่อพยางค์หลัง

    คุณหนูคนเล็กของบ้านยักคิ้วกวนโทสะ





    “สาลี่อยู่แก๊งผีเสื้อปีกดำใช่มั๊ย”

    ไม้พูดแซงต้นสน  ส่วนผู้ที่ต้องตอบคำถามเลิกคิ้วขึ้น อย่างเฉยชา ก่อนจะลุกแล้วเดินไปที่ประตู  แต่สนเดินไปยืนพิงประตูไว้ไม่ให้ออก





    สาลี่เดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง มองหน้าพี่ชายทั้งสองสลับไปมา แล้วตอบง่ายๆ





    “ใช่”





    เมื่อได้ยินคำตอบสนเดินมาลูบหัวน้องสาว ส่วนไม้เขยิบมานั่งใกล้ๆ





    “แล้วทำไมหรอ พี่จะให้หนูเป็นสายงั้นเหรอ ไม่เอานะ”





    “เปล่า พี่อยากรู้ว่า สาลี่ไม่ใช่สายจากแก๊งนั้น แล้วถ้าย้ายโรงเรียนก็จะไม่มาทำให้แก๊งของพวกพี่ปั่นป่วน”

    พี่ชายลูบหัวน้องสาวอย่างอ่อนโยน





    “ไม่รู้ รู้แต่ไม่อยากมีเรื่อง”

    สาลี่ตอบอย่างขอไปที ไม้ถอนหายใจ





    “ลี่ ถ้าชารู้ว่าลี่อยู่แก๊งนั้น มันอาจจะเกิดเรื่องนะ แล้วถ้าแก๊งเรา 2 แก๊งเกิดมีเรื่องกันมันจะเรื่องใหญ่ รู้ใช่มั๊ย”

    ไม้พูดอย่างอ่อนแรง





    “พวกพี่ไม่เห็นต้องห่วงเลย เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้”





    “หมายความว่าไง” สนถามอย่างสงสัยเล็กๆ





    “พี่ไม่รู้เรื่อง 3 ดินแดนหรอ” สาลี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย พี่ชายสองคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า   น้องสาวคนเล็กจึงส่ายหน้าระอา แล้วเริ่มเล่า





    “หลายปีก่อน รู้สึกว่าก่อนที่พี่จะเข้าแก๊งเกรย์คีย์อีกมั้ง    มีแก๊งเดสทินี่ แก๊งเกรย์คีย์ และแก๊งเวย์  แก๊งเวย์เป็นแก๊งที่คั่นระหว่างแก๊งพี่ กับแก๊งของลี่  ซึ่งทั้ง 2 แก๊งเป็นแก๊งใหญ่ในอาณาเขตของตัวเอง แก๊งเวย์เป็นแก๊งเล็กๆแต่มีความสำคัญ  หัวหน้าแก๊งผีเสื้อปีกดำ และหัวหน้าแก๊งกุญแจสีเงินตกลงกันว่าจะไม่ยึดแก๊งเวย์รวมเป็นอาณาเขตของตน และแก๊งทั้งสองขอสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน และต่างคนต่างอยู่ เพราะงั้นแก๊งลี่ กับแก๊งพี่จะไม่มีทางหาเรื่องกันเด็ดขาด”



    สาลี่เว้นช่วง สนก็ซักขึ้นมา



    “แล้วไอ้แก๊งเวรเวย์มันสำคัญตรงไหน เห็นมันหาเรื่องไปทั่ว”



    “ก็ตรงที่ แก๊งของพี่ กับแก๊งของลี่ใหญ่ มีอิทธิพลพอๆกัน แล้วถ้าใครได้แก๊งเวย์ไปครองอาณาเขตขยาย ได้กำลังเพิ่ม มีอิทธิพลมากขึ้น ต่อมาแก๊งที่เริ่มเข้าสภาวะอันตรายก็คือแก๊งลี่ ที่ไม่รู้ว่าจะโดนประกาศสงครามด้วยรึเปล่า มันเสียเปรียบแก๊งของพี่เห็นๆ  แต่ถ้ากลับกัน...”



    สาลี่อธิบาย ไม้พยักหน้าเข้าใจ





    “ถ้าแก๊งลี่ได้แก๊งเวย์ไป แก๊งที่พี่ก็จะแย่ เพราะงั้นก็เลยตกลงกันว่าจะไม่มีใคร ยึกแก๊งเวย์ แล้วปล่อยไว้ ต่างขยายอิทธิพลไปอีกด้านนึง ซึ่งตรงข้ามกัน และตกลงว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน”





    ไม้พูดต่อ สนกัดริมผีปากแน่น ก่อนที่จะพูดตอบ





    “เหมือนรัฐกันชนงั้นสิ”





    สาลี่ กับไม้พยักหน้า  ไม้ถอนหายใจแล้วพูดต่อ



    “แต่ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าแก๊งเราก็เป็นเพื่อนกันสินะ”

    น้องสาวทันทีที่ได้ยินกลับส่ายหน้า แล้วขมวดคิ้ว







    “ไม่ ถึงเราตกลงว่าไม่มีเรื่องกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นพันธมิตรกัน เพียงแค่ทำเป็นว่าไม่รู้จัก ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยว และไม่คิดจะข้องเกี่ยว แต่มันจะดีหรือร้ายยังไงขึ้นอยู่ที่หัวหน้าคนปัจจุบัน ว่าจะเอายังไง จะประกาศเป็นสงคราม หรือผูกมิตร”





    ต้นสนทำหน้าลำบากใจ พอๆกับหน้าของใบไม้ที่เคร่งเครียด

    สาลี่เลยตัดสินใจพูดต่อ





    “ความจริงเราเคยมีเรื่องกันครั้งนึง มิยูกิคนของแก๊งลี่ เคยไปมีเรื่องกับผู้หญิงแก๊งพี่ เราเลยพยายามที่จะไม่ยุ่งกับแก๊งพี่อีก”





    “ไม่เห็นรู้เลย ผู้หญิงหรอ คนไหน”

    ไม้พูดแล้วทำหน้างง สาลี่ก็งงไม่แพ้กันที่พี่ไม่รู้เรื่อง แล้วว่าต่อ





    “คนของแก๊งพี่ปิดข่าวหรอ ไม่รู้นะ ความจริงมิยูกิกลับมากับลี่ด้วย จากญี่ปุ่นน่ะ   กลัวว่าแก๊งพี่จะรู้เรื่อง แล้วเอาเรื่อง เลยให้หลบไปก่อน”



    ไม้ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก แล้วพูดตามที่คิด



    “อ้อ ที่แกทำท่าทางแปลกๆที่สนามบิน แล้วบอกให้กลับไป หมายถึงบอกให้เพื่อนแกไปใช่มั๊ย”

    สาลี่พยักหน้า แล้วยิ้มๆ





    “เอาเป็นว่า เรื่องนี้ปิดไอ้ชาไว้ แล้วลี่ก็คงไม่ได้เป็นสาย” สนพูดสรุป ตามด้วยใบไม้



    “ถือซะว่าวันนี้รู้เรื่องหลายเรื่อง ที่ไอ้หัวหน้าบ้าชาเขียวไม่ยอมบอก”





    “แต่พี่ได้ยินมาว่าผีเสื้อปีกดำมีสายมากมาย หวังว่าคงไม่มีส่งมาในแก๊งพี่ด้วยนะ” พี่ชายคนรองคนบ้านถามขึ้นอย่างสงสัยอีกครั้ง





    “เฮ้อ  อันที่จริง ลี่ก็กะว่าจะเป็นสายอยู่ แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวค่อยไปบอกหัวหน้าว่าไม่เป็นแล้ว”

    สาลี่พูดเนือยๆ แล้วยิ้มที่มุมปากเล็กๆ แล้วยืดตัวขึ้นก่อนจะพูดต่อ





    “งั้นเดี๋ยวลี่ไปเตรียมตัวก่อนนะ วันนี้มีศึกเอาคืน”



    ใบไม้ กับต้นสนมองหน้ากัน แล้วพยักหน้ารับ  



    “ที่ไหน” ไม้ถามง่ายๆ





    “สวนสาธารณะใกล้ๆโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีคนน่ะ”



    คุณหนูคนเล็กเดินไปที่ประตู เปิดออกอย่างใจเย็น  แล้วหันมาบอกพี่ชายสองคนเหมือนเตือนสติ





    “ถึงลี่จะไม่เป็นสายให้แก๊ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาเรื่องของแก๊งมาบอกพี่”





    ปัง!!

    เสียงประตูปิดตามหลังไป  ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากัน ต้นสนเปิดฉากคุยก่อน



    “มีศึกเอาคืน..อันตรายมั๊ยเนี่ย”





    “ไม่รู้สิ แต่เคยได้ยินจากไอ้ชามา มันบอกว่าพวก Destiny เล่นแรง”







    “ตามไปดูมั๊ย”

    ใบไม้พยักหน้าตกลง แล้วทั้งสองก็ยิ้มเป็นนัยๆให้กัน









          เด็กสาวหลังจากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่ชายฟัง  ก็เดินกลับห้องของตัวเอง และรีบเตรียมตัวให้เรียบร้อย และเหมาะสมที่สุด เพื่อจะไปทำศึก

          สาลี่มองหาสิ่งที่จะเอาไปใช้ได้บ้าง โดยเป็นเครื่องสร้างความสนุกสนานให้แก่ตัวเอง  และแก๊ง  เฉพาะไดซ์ที่นัดแนะกันเรียบร้อย  ก็คงจะเตรียมไปเช่นกัน





    เด็กหญิงทิ้งตัวนอนบนเตียง เพื่อเก็บแรง เก็บสมองต่อจากตอนกลางคืน  เวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ช่างมัน



    “คุณหนูคะ”





    เสียงสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่เคาะประตูห้อง



    สาลี่ลุกไปปลดล็อกประตู แล้วถาม “มีอะไรคะ”







    “ป้าเนียงบอกให้ลงมาทานอาหารกลางวันได้แล้วค่ะ”

    อ้าว เที่ยงแล้วหรอ... เมื่อกี้ยัง 7 โมงอยู่เลย





    “ค่ะๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”



    เฮ้อ ยังไม่อยากกิน ยังอิ่มข้าวเช้าอยู่เลย





    ชั้นเดินตามสาวใช้คนนั้นลงไปข้างล่าง ป้าเนียงรออยู่ที่เชิงบันได

    “คุณหนู ทานอาหารได้แล้วค่ะ”





    “ไม่ทานได้มั๊ยคะ ลี่ไม่หิวเลย”

    ป้าเนียงขมวดคิ้วนิดหน่อย แล้วพูดตักเตือน “ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะหรอก”





    “ไม่หิวเลยค่ะ ป้าเนียงอยากให้ลี่อ้วนหรอ”

    ชั้นพูดเสียงอ้อนๆหน่อย อันที่จริงมันเป็นหลักสูตรที่ตรงกับประโยคที่ว่า อ้อน ตื้อ เอาใจเท่านั้นที่จะครองโลกา





    “เอาเถอะค่ะ ทานนิดหน่อยก็ดี เอาขนมปังมั๊ยคะ เดี๋ยวไปอุ่นให้”

    ชั้นพยักหน้ารับ





    สักพักนึงป้าเนียงก็เอาถาดขนมปังมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ ครัวซอง 2 อัน



    “ขอบคุณค่ะ”

    ชั้นพูดขอบคุณนิดหน่อย แล้วก็นั่งกินขนมปังเงียบๆ  







    “ไอ้ลี่โว้ย!!!!”





    เสียงพี่ชาย ที่ไม่ต้องทายว่าใคร ไอ้ใบไม้  แหกปากลงมาพร้อมกันที่มันวิ่งลงบันได





    “อะไรพี่ชายไม้มีใบ”   ใบไม้ทำหน้าหงุดหงิดนิดหน่อยที่ถูกเรียกแปลกๆ





    “เดี๋ยวแกทำสงครามกี่โมงหรอ”





    “จะรู้ไปทำไมจ๊ะพี่ชายที่แสนดี”







    “กูอยากรู้”

    ดูมัน เจือกทุกเรื่อง  มึงจะไปดูเรอะไง





    “บ่ายโมง”

    เอาเถอะ มันอยากรู้อะไรก็รู้ไปให้หมด  รู้นิสัยมันดี  มันไม่บอกใครหรอก คิดว่านะ





    “อืมม์ แกดูแลตัวเองได้ใช่มั๊ย”

    ฟังมันถาม คิดว่าชั้นเป็นใคร  สาลี่  ที่ปรึกษาของผีเสื้อปีกดำ หึหึ ใครกล้าทำอะไรชั้น





    ชั้นเลยพยักหน้ารับไป  เริ่มรำคาญแล้วนะคุณพี่

    “พี่ไม้ไปส่งหน่อยสิ มันจะได้เวลาแล้ว”





    “เอาสิ เดี๋ยวรอเฮียสนก่อน อืดอาดจริงๆ ใช้ไม่ได้เลย ต้องให้คนอื่นรอ พี่ชายคนโตซะเปล่า หน้าตาก็เหมือนกู”

    ไม้บ่นพึมพำ เฮียสนที่ว่าเดินลงมาอยู่ข้างหลังพอดี และได้ยินทุกพยางค์ทุกคำ





    “ไม้ มึงไม่รู้หรอว่าคนดีมักมาช้า เพราะจะได้ให้คนที่รอมีความอดทนไง อย่างพี่เป็นคนดีประเสริฐอย่างงี้  รอคนดีได้บุญเยอะนะเว้ย”

    ต้นสนตบหัวใบไม้ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม





    “เฮีย เดี๋ยวไปส่งไอ้ลี่นะ”

    มันพูดเปลี่ยนเรื่องทันที  ต้นสนพยักหน้าเนิบๆ  





    “เฮียๆไม่กินข้าวหรอ”

    ชั้นถามอย่างไม่ใส่ใจ  แต่เฮียสองคนตอบกลับมาพร้อมกับ





    “ไม่หิว”





    “งั้นไปเลย” เอ้า ในเมื่อไม่กินก็ลุก





    “เฮ้ย จะไปเลยเหรอ แล้วแกไม่เตรียมอะไรบ้างหรอ” ใบไม้ถามแล้วทำหน้างงๆ

    เตรียมอะไร..ปกติแก๊งอื่นเค้าทำกันยังไงฟะ..





    “แก๊งเฮีย เวลาไปอัดคนเตรียมอะไร”





    “อาวุธไง อย่างพวกไม้กระบอง สนับมืองี้ ไม้หน้าสามงี้ พวกอาวุธที่เอาทีให้ตาย”

    สนพูดอย่างยิ้มแย้ม ไม่เข้ากับสิ่งที่พูด







    “ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็น ไปตบเด็กเอง ไม่มีไรมาก ตบทีสองทีก็เรียบร้อยแล้ว”

    ไม้กับสนมองหน้ากัน





    “ไปๆ ไปได้แล้ว เดี๋ยวโดนด่า”

    ชั้นรีบเร่งพี่ๆ





    คราวนี้นั่งซ้อนพี่ไม้  เปลี่ยนบรรยากาศ แต่ดูมันไม่ค่อยจะเปลี่ยนเพราะหน้าเหมือนๆกัน เหยียบเกิน 100 พอกัน ไม่รู้มันจะรีบไปไหน





    ในที่สุดก็ถึงหน้าโรงเรียน เพราะบอกให้ไปส่งที่นี่ อย่าเพิ่งไปสวนสาธารณะ





    “เฮ้ย ว่าแต่ ไอ้พวกนั้นมันจะไม่มาล้อมพวกกูแล้วนะ”

    พี่ชายคนรองยังถามอย่างกังวล อันที่จริงมันไม่กังวล และไม่เกรงกลัวอะไรซักนิด





    “ไม่มีหรอก มันเห็นหน้าพี่ก็หนีหัวตั้งแล้ว”

    รู้มั๊ยว่ามึงเป็นอะไร..





    “มึงว่ากูเป็นผีเรอะไอ้ลี่”

    อ้าว..รู้ทัน                   “พวกพี่รีบๆไปเลยไป๊  เดี๋ยวหมดสนุก”







    “อืมม์ พี่ไปแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วยนะลี่” พี่สนลูบหัวชั้นอย่างเคย ส่วนไอ้ไม้น่ะเรอะ แยกเขี้ยวเหมือน...





    มอร์เตอร์ไซด์ของพี่สองคนออกห่างไปจนลับตา ชั้นเดินเข้ารั้วโรงเรียนเหมือนเมื่อวาน







    ครืดๆ!!!

    มือถือที่รักเริ่มสั่นเรียกให้กดฮัลโหล





    “ว่าไงพวก”  

    เสียงพี่สองดังเข้ามา    



    “ขาค่ะ พี่สองที่รัก สุขา เอ๊ย คุณพี่ไปอยู่แห่งหนใดคะ”

    พี่สองสบถอะไรบางอย่างพอๆกับที่ไดซ์เคยสบถทิ้งไว้





    “อยู่ที่ม้าหิน มาเร็วๆ กำลังเลือกอาวุธอยู่”

    ถึงได้บอกว่าไม่ต้องเตรียม เพราะไอ้ฟินมันเตรียมแล้ว ญาติมันเป็นเจ้าของโรงงานทำของเล่น และมันก็ชอบที่จะขอเอาของเล่นเค้าไปฟรีๆ และขอให้ดัดแปลงให้มันแรงกว่าเดิม





    ชั้นรีบวิ่งไปที่ม้าหิน  พวกลีดเดอร์กำลังนั่งหยิบอาวุธชิ้นโน้นชิ้นนี้มาดู







    “สาลี่จ๋า”

    วอยซ์กระโดดมาเกาะ ฟรายเดย์โผล่หัวออกมาจางกองของเล่น แล้วยิ้มแฉ่ง







    “มานี่เร็วๆ เดี๋ยวหมดสนุก”

    วอยซ์จูงมือ อันที่จริงต้องบอกว่ากระชากลากไปถึงจะถูก







    “อันนี้ชั้นไม่ให้”

    ฟรายเดย์โกยกองปืนอัดลมอย่างที่มัฟฟินเคยใช้เข้าหาตัวเอง





    “ได้ไง ฟรายเดย์  เดี๋ยวต้องใช้นะ”

    ไดซ์เถียงกลับไป ฟรายเดย์แลบลิ้นใส่





    “ไม่ๆ เค้าจะเล่น เอาไว้ที่นี่นะ ไม่ให้เอาไป”





    หวันถอนหายใจ  แล้วเดินไปลูบหัวฟรายเดย์เหมือนเจ้าของลูบหัวหมา





    “หยา ไอ้หวันเอามืออกจากหัวเค้าน๊า”

    ฟรายเดย์ร้องออกมา แต่ยังไม่ปล่อยปืนกองโต





    “ฟรายเดย์ อย่าเอาแต่ใจสิ  เดี๋ยวอัดเด็กเสร็จแล้วค่อยเอาไปเล่นก็ได้”

    พี่บอลเดินเข้ามาพูดแทน ฟรายเดย์ไม่คงเหลือความเป็นหัวหน้าเลยซักนิด ยังทำแก้มป่อง





    “ไม่ได้ เค้าไม่ยอม  บอลอ่า เค้าจะเล่นนะ ไม่ได้ๆ” คุณหัวหน้าทำตัวอย่างกับเด็ก 3 ขวบ

    โวยวายอย่างกับเด็กทารกไม่ได้กินนมมารดา





    “เอาเถอะ ช่างๆ

    สองพูดอย่างพอกันที และหยุด



    ไดซ์คิ้วกระตุกนิดหน่อย แบบโดนขัดใจ อย่างที่ว่าไดซ์ไม่เคยชนะฟรายเดย์เลย







    “ไดซ์ เตรียมมารึเปล่า” ชั้นถามขณะที่เดินเข้าไปหา ไดซ์ยักคิ้วแบบกวนตี นนิดหน่อย แล้วเปิดถุงกระดาษที่ถืออยู่ให้ดู ก่อนจะหัวเราะคิกคักกันสองคน







    “เอ้า เด็กๆเตรียมตัวได้แล้ว ความจริงไม่ต้องใช้อาวุธก็ได้นะนี่ ไอ้พวกนั้นชิวเดรนมาก”  วอยซ์พูดแล้วขยิบตาให้







    “เดี๋ยวก่อน พวกผู้ชายไปด้วยกัน”ข้าวฟ่างพูดขึ้น  ซึ่งก็เพิ่งสังเกตว่าตอนที่ชั้นมา ข้าวฟ่างมันคุยโทรศัพท์มือถือตลอด







    “ทำไมอ่า อย่าบอกนะว่ามันจะเอาผู้ชายมายำเรา”แอนนาพูดขึ้นอย่างพูดไทยชัดมาก  ซึ่งก่อนหน้านี้กำลังนั่งเล่นเกมมือถือกับมิยูกิ  ข้าวฟ่างพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าใช่แล้ว





    “อืมม์...พวกผู้ชายที่อยู่ตอนนี้หรอ”ฟรายเดย์ละจากปืนของเล่นแล้วกวาดสายตาไปมองคนในแก๊งตัวเอง







    “ลีดเดอร์ที่เป็นผู้ชายมีทั้งหมด 12 คน ที่อยู่ตอนนี้แล้วรวมบอลด้วยมีแค่ 3 คนเอง นอกนั้นก็มีโอม โย ฟิลว์ เซ็น ที่เป็นแบล็กบัตเตอร์ฟราย”

    เสียงตอบจางวอยซ์ ซึ่งกำลังทำหน้าครุ่นคิดไม่น้อย







    “ทำไมหรอครับ” เซ็นถามง่ายๆ ทันทีที่หางตาของมัฟฟินเหลือบไป





    “ไปด้วยกันหน่อย.....จ๊ะ” หวันพูดเสียงเย็นๆในตอนแรก แต่ไม่ลืมที่ว่ากำลังพูดขอร้องคน ลงท้ายด้วยคำสุดท้ายช้าจังนะ





    “ห๊ะ อย่าบอกนะว่าให้ผมไปฟัดจริงๆ พวกผมเป็นแค่แบล็กบัตเตอร์ฟรายนะ”



    ฟิลว์พูดอย่างขี้เล่น แต่ต้องเงียบลงเพราะมิยูกิลูบดาบไม้คู่กายเบาๆ พร้อมกับส่งรังสีอำมหิตไปให้  



    พี่บอลเดินไปตบบ่าโอม  แล้วพูดเบาๆว่า

    “ไม่ต้องกังวลหรอก”





    รู้สึกว่าคนที่กังวลไม่ใช่พ่อหนุ่มหน้าใสทั้ง 4 คนแต่เป็นพี่บอลมากกว่า  





    “บอลพูดปลอบใจตัวเองหรอ”ฟรายเดย์พูดกัดพี่บอลพร้อมกับที่ชั้นคิดขึ้นมาพอดี     บอลมองหน้าฟรายเดย์แล้วยิ้มแหยๆ



    “ไม่เอาน่า เดย์”

    คุณหนูฟรายเดย์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้





    “โอม ฟิลว์ โย เซ็น เพี้ยง ! มานี่หน่อย”

    มัฟฟินมันเรียกเป็นบทคาถา โอมทำหน้าไม่ถูก โยก็เฉย แบบไม่รู้จะว่ายังไง ส่วนฟิลว์ กับเซ็นทำหน้าค้างสุดขีด





    “เอ้า  บอกให้มาก็มาดิ”



    ชั้นพูดย้ำเรียกสติ แล้วเดินไปลากเซ็น กับโอมให้เดินมา เช่นเดียวกับมัฟฟินที่ลากโย กับฟิลว์ ไปที่ห่างๆจากพวกลีดเดอร์

    หลี่หวันส่ายหน้าแล้วเดินตามออกมา







    “พวกนายกลัวรึเปล่า” คำถามแรกจากมัฟฟิน



    “พวกนายรักศักดิ์ศรี และกล้าหาญพอตัวใช่มั๊ย”  คำถามที่สองจากหลี่หวัน



    “พวกนายมีฝีมือใช้ได้ไม่ต้องห่วงใช่มั๊ย”คำถามที่สาม ชั้นเอง



    “แล้วพวกนายมั่นใจว่าชนะแน่ใช่มั๊ย” กลับมาที่มัฟฟิน



    “และไม่กลัวแน่ใช่มั๊ย ไม่กังวลใช่มั๊ย”ต่อด้วยหลี่หวัน



    “พวกนายคงไม่สร้างความอัปยศให้แก๊งเราหรอกนะ”ตามด้วยไอ้ลี่เช่นเดิม



    “เราเชื่อใจพวกนายได้ใช่มั๊ย”ปิดท้ายด้วยคำถามเดียวกัน







    ทันทีที่ก้าวออกมาพ้นอาณาเขตพวกลีดเดอร์ ที่เกาะกลุ่มนั่งเล่นอยู่  เรา 3 คนก็ระดมคำถามใส่ไม่ยั้ง





    “เฮ้ นี่ไม่ใช่บทสอบถามของนักข่าวนะ” โยรีบพูดขึ้นก่อน  เพราะกลัวจะไม่มีช่องว่างให้แทรก



    โอมถอนหายใจแล้วพูดเบาๆ “ไม่เชื่อใจกันเลยนะ”



    ฟิลว์ขมวดคิ้ว แล้วถามกลับ “นี่ พวกเธอ คิดว่าเราไม่ได้เรื่องไม่เอาอ่าวใช่มั๊ยเนี่ย”



    “สรุปคือไม่ไว้ใจเรา” เซ็นถามกลับ แล้วเอามือกอดอก





    “เปล่า!!” สาลี่ มัฟฟิน หลี่หวันพูดตอบพร้อมกัน





    “แล้วจะเอายังไงหรอ” คำถามกลับถูกส่งมาจากโยที่เอามือขึ้นมากอดอกเช่นเดียวกับเซ็น





    “เราเชื่อใจนายได้มั๊ย” ฟินถามตรงๆอีกครั้ง





    “เราอยู่แก๊งเดียวกันนะ การพูดแบบนั้นเหมือนไม่ไว้ใจเพื่อน”

    โอมถาม แล้วฟิลว์พยักหน้าเห็นด้วย





    “อันที่จริง ก็ไม่ได้ไม่ไว้ใจอะไรหรอก เพียงแค่ชั้นไม่เคยเห็นความสามารถพวกนาย ก็เลยไม่รู้ว่าจะไหวรึเปล่า”

    ชั้นพูดง่ายๆ หวันถอนหายใจ







    “อืมม์  งั้นลองมั๊ยล่ะ”



    เซ็นถามยิ้มๆ   ฟินหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า



    “เอาสิ”







    สิ้นสุดคำพูดหมัดของฟินที่เข้าไปประทับที่หน้าของเซ็นเต็มๆ จนร่างนั้นเซถอยหลัง







    พวกโอมก็ตกใจกับการกระทำของมัฟฟิน ซึ่งหวัน กับชั้นเฉยๆ





    “เฮ้ยๆ พอแล้วเว้ย เดี๋ยวเสียโฉม”หวันร้องบอก เพราะเห็นมัฟฟินจะเข้าไปอัดอีกรอบ





    “เอาเป็นว่า..เฮ้อ..” ฟินพูดแล้วถอนหายใจ  เซ็นตบกระโหลกตัวเองให้หายงง แล้วพูดขึ้น





    “โหย จะเอาจริงก็ไม่บอก”

    มัฟฟินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  แล้วกระซิบข้างๆหูชั้น  “ใช้ได้แหละ”





    ชั้นพยักหน้ารักรู้ หวันยิ้มกว้าง





    “พวกนายไม่ต้องคิดมากนะ ถ้าพวกนั้นทำอะไรมา เราต้องเอาคืน เสียแต่ว่าถ้ามันมีอาวุธที่อันตรายจริงๆ ให้หนีได้ หรือรอฟังคำสั่งพวกลีดเดอร์”

    หวันอธิบายง่ายๆ พวกผู้ชายก็พยักหน้ารับ







    “ไปเถอะ เดี๋ยวเสียฤกษ์” ฟินพูด แล้วลูบมือตัวเอง ก่อนจะวิ่งเข้าไปใกล้ๆเซ็น





    “นายนี่หน้าด๊านด้าน เจ็บมือชะมัด” เซ็นวิ่งไล่มัฟฟินไปอย่างเล่นๆ  



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×