ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ||:+:||ร้าย แสบ ซ่า แบบว่า รักเธอ||:+:||

    ลำดับตอนที่ #4 : ศึกแรก

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 48


    หลังจากที่ลาไดซ์ ฟรายเดย์ วอยซ์ สอง และบอลซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นคนที่รู้จักกัน  ในแก๊งถ้ามีตำแหน่งสูงกว่า หรือได้รับอนุญาตก็สามารถ



    เรียกชื่อห้วนๆได้  แต่ถ้ามีตำแหน่งต่ำกว่า หากไม่เรียกพี่ ก็ต้องเรียก คุณ นำหน้าเพื่อเป็นการสุภาพ สำหรับชั้นอนุญาตให้ทุกคนเรียกชื่อได้



    เรียกน้องเรียกพี่ได้สบายๆ เพราะขี้เกียจจะไปแบ่งชนชั้น





    ก่อนที่จะออกมาจากห้องประชุม มีรุ่นน้องหลายคนมาทำความรู้จัก ที่จำได้ก็มีผู้ชายที่อายุเท่ากัน ที่ชมว่าชั้นน่ารัก เรื่องแบบนี้จำแม่น  คนแรกชื่อฟิลว์ เป็นเด็กที่น่าตาน่ารัก เหมือนผู้หญิง เสียแต่เป็นเด็กผู้ชายไม่งั้นโดนไดซ์กินแน่ๆ  



    คนที่สองที่ดูกวนๆอารมณ์ดี คนที่แย้งไดซ์ว่าชั้นไม่น่ากลัว แต่เธอนี่สิน่ากินจัง ชื่อว่า เซ็น วันหลังชั้นจะไปกินที่ร้านชื่อเธอนะ



    อีกคนดูจะพูดน้อยที่สุด และตรงไปตรงมา  ฟินบอกว่าเค้าสอบได้ที่หนึ่งของสายชั้น เป็นคู่แข่งของเอก ซึ่งเป็นรองตลอด  ชื่อ โอม หน้าตากลุ่มนี้ดูดีทุกคน เห็นเซ็นบอกว่ามีเพื่อนอีกคนหล่อกว่านี้อีกคนชื่อว่า โย แต่ไม่มา





    “กลับบ้านเรา ยักษ์รออยู่”

    ฟินมันพูดแล้วเดินออกจากห้อง หวันให้ความสนใจกับน้องผู้หญิง ที่เป็นเด็กใหม่เป็นพิเศษ  ส่วนพวกเด็กผู้ชายก็ทักทายแล้วเดินจากไป



    “หวัน อย่าบอกว่าแกจะจีบเด็ก”

    ชั้นพูดดักคอมันไว้ หวันมันทำหน้าตกใจเล็กๆ



    “บ้าแล้วแก ไม่เอาเว้ย”

    มันย้อนด่าชั้นกลับ   ฟินหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  แล้ววิ่งมาเกาะไหล่ชั้น



    “สา   ลี่”

    มันเรียกชื่อชั้นแบบเน้นย้ำยานคางทุกพยางค์อักษร



    “อา ราย”



    ชั้นถามกลับไป มันอมยิ้ม            “แกสนใจคนไหนหรอ ฟิลว์ เซ็น โอม”





    “ไม่มี”





    ฟินทำหน้าเสียดายนิดหน่อย      “พูดจริงหรืออิงอ้าง”

    มันถามกลับมา โดยที่รู้อยู่แล้วว่าชั้นจะตอบว่าอะไร  



    “ฟิน แกมองหน้าชั้นดีๆนะ” ฟินพยักหน้ารับ





    “ ไม่ มี โว้ย”





    “นี่ ทั้งสองคน” หวันเรียกแล้วมันก็มาโผล่ตรงกลางระหว่างชั้น กับฟิน



    “ไปเดินเล่นก่อนเปล่า ยังไม่อยากกลับบ้านเพิ่งออกมาเอง”



    ฟินพยักหน้ารับ แล้วมันก็ลากคอชั้นให้เดินกลับไปทางเดิม เพราะมันตกลงกันว่าจะไปสวนสาธารณะที่จากโรงเรียนแล้วต้องเลี้ยวขวา แต่ก่อนหน้านี้คิดว่าจะกลับบ้านเลย ก็เลยเลี้ยวซ้ายกัน





    “ลี่ แกไม่ได้ถ่ายรูปซากุระให้เราดูจริงๆสินะ”

    หวันถามอย่างตัดพ้อ



    “ไม่จริง”





    มันรีบทำหน้าสงสัย แล้วแบมือ



    “โทษที มันไม่ได้อยู่กับเรา อยู่กับมิยุ”

    หลี่หวันถอนหายใจเล็กน้อย แล้วส่ายหน้าอย่างเสียไม่ได้  ฟินถามถึงของฝากของมัน แล้วชั้นก็เลยตอบด้วยคำตอบเดียวกับที่ตอบไดซ์ และนี้ท



          

    เดินๆกันไปจนจะถึงสวนสาธารณะ มัฟฟินก็อุทานออกมา



    “เฮ้ย สาลี่ หลี่หวัน”

    มันเรียกซะเต็มยศ ยังดีที่ไม่เรียกชื่อจริง



    “อะไรหรอ มัฟฟิน”

    หวันเรียกชื่อเล่นเต็มๆมันกลับ  ฟินทำหน้าตกใจแล้วชี้ไปข้างหน้า



    “นั่นมันเด็กใหม่แก๊งเราเปล่าวะ”

    ชั้นมองตามที่มันชี้



    สิ่งที่เห็นคือ เด็กผู้หญิง 2-3 คนในชุดนักเรียนโรงเรียนที่ชั้นเคยอยู่ ก็คือโรงเรียนที่เพิ่งไปมา กำลังถูกวัยรุ่นผู้หญิงกลุ่มนึงที่อายุมากกว่า หรือจะเรียกว่ามัน แก่ รุมซ้อมอยู่  เด็กหญิงที่โดนซ้อมอยู่นั้นตอนนี้มีสภาพแย่มากแล้ว



    แต่ชั้นยังจำหน้าตาเค้าได้ว่าเป็นเด็กใหม่ในแก๊งเราจริงๆ



    หวันกัดริมฝีปาก แล้วเม้มแน่น ฟินเริ่มกำหมัด   ส่วนชั้นเริ่มหักนิ้วตัวเองให้เข้าที่เตรียมลุย





    “เฮ้ย พวกแกทำอะไรวะ”

    หวันตะโกนถาม อาจจะต้องเรียกว่าตะคอกก็ได้   พวกผู้หญิงแก่กลุ่มนั้น หยุดลงมือกับเด็กหญิง แล้วหันหน้ามามอง



    “พี่ๆช่วยหนูด้วย”

    รุ่นน้องหนึ่งใน 2 คนนั้นพูดเบาๆก่อนที่จะสลบไป





    “ไม่เห็นหรอ อัดเด็กไง”

    อีหอกคนนึง พูดอย่างสะใจ พวกเพื่อนๆ 3-4 คนของมันก็หัวเราะอย่างเยาะเย้ย



    ขอโทษทีนะหวัน ชั้นกับแกนิสัยไม่เหมือนกัน  เลิกพูดแล้วอัดมันได้แล้ว



    ชั้นเดินไปตบหน้าไปคนที่พูดตอบหวัน ซึ่งหน้าหันไปตามแรงตบ  พวกเพื่อนๆมันทำหน้าจะเข้ามารุมชั้น แต่ก็เจอไอ้หวันถีบกลับไป ไอ้ฟินชกหน้ายัยถึกคนนึงจนหน้าหงาย  



    “แก..แกตบชั้น..กรี๊ด”



    นังชะนีนั่นมันกรี๊ด แล้วทำท่าจะตบชั้นกลับ หึหึ ไม่รู้จัก สาลี่ ซะแล้ว

    ชั้นสวนหมัดกลับไปก่อนที่มันจะตบชั้น  แย่จัง ไม่ได้ออกศึกตั้งนาน ฝีมือถดถอยไปเยอะ  ต่างจากหวัน กับฟินที่จัดการสำเร็จโทษทีละ 2 คน







    “แก…นังปีศาจ แกเป็นใคร กล้ามชกหน้าชั้น”



    มันว่าชั้นเป็นปีศาจแน่ะ



    “แหม อีหน้าจอบ ชั้นเป็นนางฟ้าเชียวนะยะ แกเอาอะไรมาพูดว่าชั้นเป็นปีศาจ ห๊ะ”

    ชั้นตบมันไปอีกรอบ จะดูๆไปมันหน้าตาดีเหมือนกันนะ เหอะ หมั่นไส้โว้ย









    “เฮ้ย แกอย่าอยู่เลย”

    เสียงจากอีถึกคนที่โดนหวันถีบกระเด็นไปแหกปากขึ้นมา มันเอามีดพับออกมาจะแทงไอ้หวัน แต่ก็ต้องหยุดมือ





    ปัง!!



    เสียงหนึ่งดังออกมา จากปืนที่ยังมีไอลอยออกมาจากปากกระบอก ในมือมัฟฟิน  



    ไอ้ฟินมันยิงปืนขึ้นฟ้า ได้ผลอย่างดี  อีชะนีทั้งหลายหยุดมือทันที



    “แกวางมีดซะนะ อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน เพราะปกติชั้นก็ไม่ชอบเตือนเท่าไหร่หรอก”

    ฟินมันพูดแล้วยิ้มๆ  ปกติมัฟฟินยิ้มแล้วมันจะดูใสๆ แต่เวลามันยิ้มตอนเผด็จศึกคนนี่มันจะดูโรคจิตมากกว่า







    “แก..แกใช้ปืน ..นั่นปืน..เฮ้ย เมย์ ทิ้งมีดสิ”

    อีเวรที่ชั้นกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา ตะโกนบอกอีถึก  ซึ่งมันมือสั่นทิ้งมีดไปนานแล้ว





    “ไสหัวพวกแกไปได้แล้ว และจำเอาไว้ว่าอย่ามายุ่งกับเด็กของแก๊งเราอีก”

    หวันตะคอกซ้ำ ก่อนจะเดินไปพยุงน้องผู้หญิงที่สลบไป



    อันที่จริงไม่จำเป็นต้องไล่เพราะมันรีบวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายไปแล้ว





    “ไอ้ฟิน วันหลังชั้นขอกระบอกนึงนะ”

    ชั้นพูดแล้วเข้าไปช่วยพยุงน้องอีกคน มัฟฟินยิ้ม ขยิบตาแล้วเอาปืนยัดเก็บใส่กระเป๋าสะพาย





    “เอาไว้จะไปสั่งทำให้นะ ความจริงชั้นอยากยิงอีบ้านั่นไปซักรอบ มันตบหน้าชั้น”

    ฟินพูดแล้วเอามือถูแก้มที่เป็นรอยแดงๆ



    “แกไปทำยังไงให้มันตบวะ”

    หลี่หวันถามขึ้น ซึ่งชั้นก็สงสัยอยู่ เพราะชั้น กับหวันไม่มีใครโดนตบ เตะ ถีบ หรือต่อยอย่างใดซะประการหนึ่ง





    “ก็ตอนแรกชั้นกะจะให้แกอัดไอ้พวกนั้นไปก่อนแล้ว จะเอาน้อง 2 คนนี่ไปหลบไว้ใกล้ๆ จะได้ไม่โดนลูกหลง แต่มันวิ่งมาตบชั้นตอนพยุงพอดี”

    มันเล่าแล้วกัดฟันแน่น เชื่อได้เลยว่ามันต้องเอาคืน





    “ว้าย โง่”

    หวันพูดแซวไอ้ฟินที่ตอนนี้มันไม่เหลือความเจ็บบนใบหน้าแล้ว เพราะเริ่มด้านเข้าที่





    “ชั้นว่าเรากลับไปที่โรงเรียน พวกไดซ์จะกลับไปรึยังนะ”

    ฟินพูดต่อ เพราะไม่อยากถูกแซวนานๆ





    “เห็นด้วย”

    คำตอบสั้นๆที่ชั้นส่งตอบไป ทำให้เพื่อนรักสองคนมองหน้า



    “แกคิดอะไรอยู่หรอ สาลี่”

    มัฟฟินมองหน้าหลี่หวัน แล้วหันมาถามชั้น





    “แค่กังวลว่าพวกนั้นมันเป็นคนของแก๊งไหน แล้วกำลังคิดวิธีเอาคืนเท่าตัว”





    “นี่ น้อง เอ่อ..ชื่ออะไรนะ..เอาเถอะ น้องรู้รึเปล่าว่ามันมารุมโทรมพวกน้องทำไม”

    หวันถามเพราเห็นว่าน้องผู้หญิงทั้ง 2 คนเริ่มมีสติกลับคืนมา





    “ไม่ทราบค่ะ..หนูกับเพื่อนเดินออกมาจากประชุมเสร็จ..แล้วจะกลับบ้าน..ก็เจอผู้หญิงกลุ่มนั้น..รุมทำร้ายน่ะค่ะ”

    ชิ รุ่นน้องชั้น เด็กใหม่แก๊งชั้น ทำไมถึงยอมโดนฝ่ายเดียว..





    “แล้วทำไมไม่ตอบโต้”

    ฟินถามอย่างเคืองๆ  “ปล่อยให้มันรุมทำไม ไม่หนีมา หรือไม่ก็ขู่มัน เธออยู่แก๊งเราแล้ว ทำไมไม่ใช่ให้เป็นประโยชน์ ห๊ะ”





    เด็กสองคนเงียบ จ๋อยไปถนัดตา



    “เอาเถอะ ชั้นต้องเอาคืน แบบนี้ชั้นต้องแก้แค้น มันเรียกชั้นเป็นปีศาจ ชั้นไม่ยอม”



    ไม่ใช่เพราเรื่องนั้นหรอก อันที่จริงชั้นอยากจะจัดการไอ้พวกที่ชอบรังแกคนที่ไม่มีทางสู้ แล้วมารุมเค้าแบบนี้มันน่าเกลียดเกินกว่าที่จะรับได้





    “มันตบหน้าชั้น ชั้นต้องล้างแค้นให้หาย ต้องจับมันสำเร็จโทษให้สาสม กล้าตบหน้ามัฟฟินแห่งแก๊งผีเสื้อดำเชียวเรอะ ใจกล้าเกินไปหน่อยแล้ว หึหึ”



    มัฟฟินพึมพำซ้ำไปซ้ำมา  





    เมื่อถึงหน้าโรงเรียน ก็เจอกลุ่มของฟิวล์ที่ยังยืนคุยกันอยู่หน้าโรงเรียนพอดี



    “โอม ฟิวล์ เซ็น ช่วยหน่อยสิ”

    ฟินตะโกนเรียก  ในกลุ่มมีเด็กผู้ชายหน้าตาดูดีมากคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย  คงจะเป็น โย





    เซ็น หันมาตามเสียงเรียก แล้วรีบวิ่งมาช่วยทันที ตามด้วยอีก 3 คน



    “เฮ้ย ไปทำอะไรมาเนี่ย”

    เซ็นเอ่ยถามทันทีที่เห็นสภาพน้องผู้หญิงโชคร้าย 2 คนนั้น แล้วช่วยอุ้ม





    “ไดซ์กลับรึยัง”

    หวันถามอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีครั้งไหนที่ แก๊ง Destiny ถูกหยามแล้วไม่ได้เอาคืน





    “ยัง ยังไม่ได้ลงมา”

    เด็กหน้าหล่อคนนั้นตอบ อ้อ โย น่ะ



    ฟิวล์ช่วยอุ้มเด็กผู้หญิงอีกคนไป  “เราว่าไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า เดี๋ยวตายซะก่อน”





    “แกอย่าไปแช่งเค้าสิ เดี๋ยวชั้นเรียกแท็กซี่ให้”

    โอม วิ่งไปโบกแท็กซี่หน้าโรงเรียน





    “โอม ฟิวล์ เซ็น แล้วนี่ โยใช่ไหม  ช่วยพาน้องไปส่งโรงพยาบาลด่วนถ้าเค้าถามว่าเป็นอะไรก็พูดๆไป อย่าให้เกิดเรื่องนะ เดี๋ยวชั้นจะไปคุยกับฟรายเดย์”

    ชั้นพูดบอก แล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงเรียน ฟิน กับหวันวิ่งตามเข้ามาติดๆ









    พวกเราวิ่งขึ้นไปที่ตึกม.ปลายห้องเดิมที่มีการประชุม  ยังมีคนอยู่ในห้องเพราะมีเสียงคุยออกมา แล้วไฟยังเปิดอยู่



    ก่อนที่จะเปิดประตูก็มีคนจากด้านในเปิดออกซะก่อน



    “อ้าว ยังไม่กลับกันเหรอ”

    พี่สองถามอย่างประหลาดใจ





    “สอง ฟรายเดย์ กับไดซ์อยู่รึเปล่า”

    ฟินถามอย่างเร่งรีบ และอารมณ์เสีย





    “ชั้นอยู่นี่ มีอะไรหรอเด็กๆ”

    เสียงไดซ์ตะโกนออกมานอกห้อง ไดซ์กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะหน้าห้อง  ส่วนฟรายเดย์กำลังวาดกระดานเล่นอย่างสนุกสนาน





    “ไดซ์ ฟรายเดย์ เด็กแก๊งเราโดนรุมโทรม”

    คำพูดของหวันที่ทำให้ฟรายเดย์หยุดลากไวท์บอร์ด แล้วนิ่งทันที ไดซ์ก็หยุดแกว่งขาไปมา ส่วนคนในห้องก็เงียบ





    “เด็กเป็นอะไรรึเปล่า”

    บอลถามขณะที่เดินมาจากหลังห้อง



    “ตอนนี้ไปส่งโรงพยาบาลแล้ว ไม่รู้เป็นยังไง”

    ฟินตอบง่ายๆ บอลทำหน้าเคร่งมากกว่าเดิม





    กี๊ดๆ!!





    เสียงประหลาดดังขึ้น ทุกคนในห้องมองไปที่ต้นกำเนิดเสียง นั่นก็คือฟรายเดย์ที่กดหัวไวท์บอร์ดกับกระดาน





    “มันหมายความว่าไง พวกนั้นเป็นใคร แล้วถูกรุมได้ไง เด็กเราผิด หรือมันมารุม”

    ไดซ์ยิงคำถามอย่างอารมณ์ร้อนพุ่งขึ้นเกือบเต็มขีดจำกัด





    “น้องผู้หญิงเด็กใหม่แก๊งเรา เดินออกมาจากประชุมจะกลับบ้าน แล้วโดนพวกนั้นรุมตบ”





    เพล้ง!!





    สิ้นสุดคำตอบของชั้น     ก็เกิดเสียงขึ้นอีกครั้ง เพราะฟรายเดย์อีกเช่นเดิม แต่คราวนี้คุณเธอเขวี้ยงปากกาไวท์บอร์ดทะลุกระจกหน้าต่างออกไปข้างนอก







    “สงคราม แบบนี้ต้องทำสงคราม ชั้นไม่ยอม  มันเป็นใคร กล้ามาหยามชั้นแบบนี้”

    ฟรายเดย์ยังเงียบ ปล่อยให้ไดซ์ตะโกนอย่างโกรธเคือง





    “ไดซ์ใจเย็นๆ เราต้องรู้เหตุผลก่อนนะ”

    บอลพยามบอกให้ไดซ์สงบสติอารมณ์ ซึ่งมันไม่สำเร็จแล้วล่ะ





    “ให้ใจเย็น มึงบอกให้กูใจเย็นหรอ !! ชั้นไม่สนว่ามันเป็นใครแต่มันทำแบบนี้ ชั้นต้องเอาคืนให้เท่าตัว ไม่..ต้องยิ่งกว่านั้น ให้มันไม่กล้ามายุ่งกับแก๊งเราอีก   เอ..หรือให้มันเข้าโรงพยาบาลเลย ดีสิ..เอาแบบนี้ล่ะ หึหึ”



    บอลเงียบทันที เพราะตอนนี้ใครก็เอาไดซ์ไม่อยู่ อย่างที่รู้เวลาไดซ์โกรธหรือารมณ์เสียน่ะ น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น  สิ่งที่ชั้นกลัวที่สุดน่ะ คือไดซ์เวลาโกรธ





    “ไดซ์..เราจะต้องเอาคืน ข้าวฟ่างช่วยสืบเรื่องพวกที่มารุมเด็กเราหน่อยได้ไหม  ฟินจัดการเรื่องอาวุธทีนะ นี้ทเราไปประกาศสงคราม”



    ฟรายเดย์พูดสั่งงานทันที  พวกชั้นเพิ่งสังเกตว่าข้าวฟ่าง กับนี้ทยังอยู่ ความจริงมิยูกิก็อยู่ด้วย และคนอื่นอีกมากมาย





    “ฟรายเดย์  ขอชั้นจัดการเองนะ”

    ฟรายเดย์พยักหน้าตกลง อนุญาตกับคำขอของไดซ์



    “หวัน กับสาลี่ รอฟังคำสั่งนะ อย่าเพิ่งใจร้อน พวกนั้นเป็นผู้หญิงด้วยใช่ไหม”

    หวันพยักหน้ารับ และตอบในครั้งเดียว





    “ยกเลิกเรื่องไปนอนบ้านชั้นนะ ไว้จะนัดวันหลัง”

    ฟรายเดย์พูดบอก ซึ่งทุกคนพยักหน้ารับ  









    “ฟิน พวกนั้นไม่ใช่คู่อริเราใช่ไหม”

    ข้าวฟ่างถาม แล้วขยับแว่นเล็กน้อย



    “ไม่น่าจะใช่นะ เพราะชั้นไม่เคยเห็นพวกนี้อยู่ในแก๊งชะนีนั่น”

    มัฟฟินตอบอย่างใช้ความคิด  หวันพูดขึ้นมาว่า



    “แต่ชั้นว่ามันคุ้นๆหน้าอยู่นะ”





    “งั้นมันก็ไม่น่าจะใช่พวกไกลตัว”

    บอลพูดอย่างเคร่งเครียด  





    “เรื่องนี้ชั้นจะไปตรวจสอบมาให้ละกันนะ มีข้อมูลมั่งไหม” ข้าวฟ่างพูดแล้วยิ้ม ทำให้ดวงหน้าเธอดูน่ารักกว่าที่ทำหน้าเคร่งขยับแว่น แล้วใส่ใจแต่หนังสือตรงหน้ามาก





    “ฮื่อ พวกมันมีกัน 5 คน มีคนนึงชื่อ เมย์  คนที่เป็นแกนนำหน้าตาสวยใช่ได้เลยล่ะ ผมดัด ยาวถึงกลางหลัง ตาโต ส่วนคนอื่น..”

    ชั้นพูดเว้นให้มัฟฟิน กับหลี่หวันพูดอธิบายต่อ



    “อีกคนรูปร่างใหญ่ ผมสั้นซอย  หน้าตาไม่ได้เรื่อง ชื่อ เมย์ มันพกมีด  แล้วก็ผู้หญิงผมสไลด์ปลาย ตาชั้นเดียว มีสิวบนหน้าผาก คนนี้สูงผอม”

    หวันอธิบายต่อ และตามด้วยฟิน



    “ฝ่ายของชั้น ผมยาวทั้งสองคน คนแรกหน้าตาดี หุ่นดี ผมย้อมสีน้ำตาลแดงนิดหน่อย   ตาโต จมูกโด่ง ผิวขาว มือแรงเป็นบ้า” ฟินเอามือลูบแก้ม แล้วพูดต่อ “ส่วนอีกคน ตัวไม่ใหญ่มาก หน้าตางั้นๆ ดั้งหัก  ผิวเข้มหน่อย แต่งหน้าจัด ผมแสกข้าง มีกระนิดหน่อย”





    ข้าวฟ่างจดข้อมูลต่างๆลงให้สมุดโน้ตเล่มเล็ก  



    “เรียบร้อย ขอเวลาวันเดียว”

    ไดซ์หักทั้งดัดนิ้วไปมา





    “ไดซ์” เห็นทีต้องหาอะไรหันเหความสนใจก็เลยเรียกไป



    “อะไร ลี่”



    ไดซ์ถามกลับมา แต่ยังไม่เลิกดัดนิ้ว



    “ชั้นมีบทลงโทษที่เพิ่งนึกได้ อยากรู้ไหม”





    “ว่ามา”คำพูดที่ถูกส่งออกมา หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่สักพัก



    ชั้นเดินไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูไดซ์ เพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน   ไดซ์หัวเราะคิกคัก



    “ตกลงๆ น่าสนุกนะ ชั้นไม่เคยลองซักครั้ง”





    “อะไรหรอ เซริ”

    มิยูกิถามขึ้นอย่างงงๆ  



    “นั่นสิ บอกกันมั่ง” นี้ทขมวดคิ้วอย่างสงสัย ฟรายเดย์ มัฟฟิน หลี่หวันมองกันแบบไม่เข้าใจ





    “มันเป็นท็อปซีเคร็ท เนอะ ไดซ์”  ชั้นหันไปขยับตาให้ไดซ์ ซึ่งยักคิ้วกลับมา





    “Really”



    เด็กผู้หญิงคนนึงถามกลับมาเสียงสูง เจ้าของเสียงคือเด็กผู้หญิงหน้าตาเหมือนตุ๊กตา พอๆกับฟรายเดย์  ผมสีทองยาวดัดเป็นลอนด์  นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกาย ปากสีชมพูดูอ่อนหวาน แก้มสีแดงมีกระนิดหน่อยเพราะภูมิอากาศเมืองไทย



    “แอน เอาไว้รอดูวันนั้นดีกว่า”

    แอนนา เด็กที่ชั้นไปลากกลับมาจากอเมริกา มีปัญหาเล็กน้อยกับภาษาไทย ทำให้ส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษแทน





    “อืมม์ๆ รับรองว่าสนุกน่าดู” ไดซ์พูดกลั้นหัวเราะ







    “เอาเป็นว่ากลับบ้านกันเถอะ เรื่องน้องที่เข้ารพ. เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”



    บอลพูดบอกทุกคน เพื่อที่ว่าจะได้ไปพักกันหน่อย





    “อื้อ เห็นด้วย” ฟินพูดสนับสนุน แล้วลากชั้น กับหลี่หวันกลับบ้าน





    “เอ้า เดินๆ เมื่อไหร่จะถึงบ้านน๊า คิดถึงบ้านจังเลย”

    ฟินมันพูดไปลากไป  ชั้นไม่ใช่หมานะ รู้สึกว่าไอ้หวันก็กำลังคิดเหมือนกัน





    “แกไม่ใส่ปลอกคอให้ชั้น กับไอ้ลี่เลยล่ะ ไอ้ฟิน”





    “แหะๆ”ฟินหัวเราะแก้เก้อ   เราเดินกันลงมาถึงหน้าโรงเรียน  พวกที่มันล้อมพี่ไม้ กับพี่สนมันเดินเข้ามาหาเรา ทำไมตอนที่ชั้นเดินออกไปตอนแรกไม่มาวะ





    “มีอะไร” ฟินพูดด้วยเสียงที่เย็นเยียบ ซึ่งเป็นน้ำเสียงที่ใช้เวลาออกศึก แต่มันใช้ตอนนี้เพราะไอ้พวกที่มันเดินเข้ามามันเยอะกว่าฝ่ายเราหลายเท่าตัว เป็นสิบๆคน ก็เลยต้องใช้เสียงขู่



    ไอ้คนที่ชั้นเดินไปคุยกับมันเมื่อเช้าเดินหน้าจ๋อย  กล้าๆกลัวๆเดินเข้ามา





    “เอ่อ..คุณ..” มันพูดติดๆขัดๆ แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนมันข้างหลังที่มีอยู่สิบๆกว่าตัว





    “มึงมีปัญหากับพวกกูเหรอ!! เกะกะจริง กูจะกลับบ้าน!!!!”

    หวันตะคอกใส่พวกมัน ซึ่งสะดุ้งเฮือกกันเป็นแถว ชักอยากถามว่ามันเป็นผู้ชายจริงๆรึเปล่า





    “หวัน ใจเย็นๆ”

    ชั้นพูดให้มันใจเย็นๆหน่อย เดี๋ยวได้มีข่าวเด็กหญิงตบเด็กชายดับสยอง





    “คุณสาลี่ครับ คือเมื่อเช้าพวกเราไม่ทราบจริงๆต้องขออภัยด้วยนะครับ คือ เรารู้แล้วว่าคุณคือคุณสาลี่ ลีดเดอร์แห่งแก๊งผีเสื้อปีกดำ เรารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมากเลย ไม่ทราบจริงๆว่า 2 คนนั้นเป็นคุณพี่ของคุณสาลี่น่ะครับ”



    มันพูดเร็วจนแทบจะฟังไม่ทัน และเริ่มสงสัยว่ามันเป็นคนรึเปล่า พูดแทบไม่หายใจ





    “เออ..แล้วรู้ได้ไง เมื่อเช้ายังโง่อยู่เลยนี่”

    ชั้นถามเรียบๆ  ไอ้ที่มันอยู่หน้าชั้นก็สูดหายใจลึกๆก่อนจะตอบ





    “คือ..อย่างแรกก็เป็นแหวนของแก๊ง สัญลักษณ์ของลีดเดอร์ แล้วคุณก็อ้างถึงสาลี่  แล้วหลังจากที่คุณเข้าโรงเรียนไป มีคนของแก๊ง Destiny ที่ชื่อ คุณโย น่ะครับ วิ่งมาบอก ว่าคุณคือสาลี่ แล้วนั่นเป็นพี่ชายของคุณ เราขอโทษจริงๆนะครับ”





    โย...ไอ้เด็กหน้าตาดีน่ะหรอ..





    “แล้วโยมาจากไหน”

    ฟินพูดขึ้นมาหลังจากฟังเหตุการณ์แล้วค่อนข้างจะเข้าใจ





    “เอ่อ คุณโยฝากมาขอโทษคุณสาลี่ด้วยครับ ว่าเมื่อเช้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่แน่ใจเลยไม่ได้เข้ามาช่วย คือ..แค่นี้แหละครับ”





    อ้อ..เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ไม่ช่วย..เหอะ..ทำให้ชั้นเดือดร้อนนะไอ้เด็กน้อย..





    “เอาเถอะ ถ้าเจอเค้าฝากบอกด้วยว่า ชั้นไม่ได้ว่าอะไร  แล้วห้ามมายุ่งกับพี่ชายชั้นอีก ไม่งั้นเราคงได้สนุกกันแน่เลย ไปล่ะนะ  ฟิน หวัน ไปเถอะ”





    พวกมันแหวกทางเป็นแถว ให้เดิน รู้สึกว่าไอ้พวกนี้มันกลัวมัฟฟิน กับหลี่หวันใช่ย่อยนะ





    “ท่าทางพวกนั้นกลัวพวกแกนะ”

    ชั้นพูดขึ้นลอยๆ หวันกับฟินยิ้มๆ





    “กลัวแกมากกว่า” ฟินหัวเราะคิกคัก





    “แล้วเรื่องอะไรมากลัวชั้น ชั้นเพิ่งกลับจากแดนอาทิตย์อุทัยเองนะ”

    หมายความว่าไง กลัวชั้นเหรอ เหอะๆ





    “ก็แกน่ะ ชื่อเสียงโด่งดังจะตายในโรงเรียนน่ะ”หวันพูดขึ้น

    ชั้นไปทำอะไรอีกล่ะ อย่าบอกว่าถ่ายถอดสดส่งตรงจากญี่ปุ่นมาเปิดที่นี่นะ





    “ชั้นไปทำประตูโรงเรียนพังเรอะไง”





    “เปล่าๆ ชื่อแกน่ะ มันมีเซอร์รู้ปะ”

    เซอร์อะไรวะไอ้ฟิน





    “หมายความว่าไง” ชั้นนี่ งงหนักเลย





    “ก็ชื่อแกทำกินได้นี่หว่า ฮ่าๆ” หวันหัวเราะ ในขณะที่มันไปโบกแท็กซี่

    อ้อ ชื่อชั้นเป็นผลไม้ ก็ได้ขนมก็ได้รึไง





    “คืองี้ พวกแก๊งเรา เด็กใหม่ที่เข้ามาจะถูกไดซ์สอนอย่างดีว่าแกน่ากลัว เป็นคนสนิทของฟรายเดย์  แล้วเวลาเกิดเรื่องอะไรกับเด็กในโรงเรียน ก็ให้ใช้ชื่อแกขู่ซะ”



    ฟินอธิบายทั้งที่มันยังหัวเราะเริงร่าอยู่  แล้วทำไมชั้นรู้สึกว่ามันมีเมฆดำอยู่เหนือหัวล่ะเนี่ย





    “ไดซ์...เผาซะเละเลยใช่มะ”

    ชั้นถามช้าๆ มัฟฟินพยักหน้าอย่างไม่รู้ชะตากรรม





    “ไอ้เพื่อนเลว! ทำไมแกไม่แก้ข่าวให้ชั้นล่ะ”

    ชั้นชี้หน้าด่ามัน  มันยังหัวเราะไม่เลิก  ก่อนจะเดินขึ้นรถแท็กซี่ตามหวันไป





    “ช่วยไม่ได้  ตอนแรกชั้นแก้แล้ว แต่ไดซ์ก็ทำให้พวกนั้นกลับมากลัวแกใหม่ เหอะๆ”

    หวันตอบแทน  





    เพื่อนที่แสนดี เพื่อนที่น่ารัก เพื่อนที่ไว้ใจ เพื่อนที่น่าเกลียดที่สุด





    “แบบนี้ชื่อเสียงชั้นเสียหายหมดเลยสิเนี่ย เหอะๆ”





    “เออมั้ง..แต่แกจะย้ายโรงเรียนแล้วไม่เป็นไรหรอก” มัฟฟินพูดแล้วยิ้มๆ





    “แกต้องย้ายด้วย แกด้วย”

    ชั้นชี้หน้ามัฟฟิน แล้วชี้หน้าหลี่หวัน





    “เออๆ  รู้แล้วๆ เดี๋ยวไปบอกหม่าม้า” ฟินพูดอย่างอารมณ์ดี





    “อื้อ จะว่าไปโรงเรียนนั้นการเรียนการสอนดีนี่ เดี๋ยวบอกพ่อล่ะกัน”



    หวันพูดแล้วเอานิ้วเกาคาง











    “เฮ้ย ชั้นลงก่อนนะ” ชั้นบอกพวกมันทันทีที่รถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน  หวันกับฟินโบกมือบ๊ายบายให้





    “เดี๋ยวแก”

    ชั้นเรียกก่อนที่จะลงจากรถ แล้วควักตังยัดมือไอ้ฟิน





    “ค่ารถ ถ้าชั้นจำไม่ผิด ไปสิ้นสุดที่บ้านแกก็เท่านี้”

    ชั้นเอาเงินค่าแท็กซี่ให้มัน เพราะมันต้องลงคนสุดท้ายประจำ





    “อื้อ ขอบใจ”

    มันยิ้มหวานให้





    “บ๊ายบาย” ชั้นพูดแล้วปิดประตู แล้วเดินไปที่ป้อมเล็กๆ ซึ่งเรียกง่ายๆก็คือป้อมยามหน้าบ้าน





    “อ้าว คุณหนูสาลี่ กลับมาแล้วเหรอครับ”

    ลุงยามพูดแล้วยิ้มให้ชั้น  





    “ค่ะ กลับมาแล้วค่ะ” ลุงขึ้นมาเปิดประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้าให้  





    โฮ่งๆ!!!



    เสียงเห่าของสุนัขที่ดังแบบก้องกังวานดังขึ้น ซึ่งเดาได้ว่าต้องเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่แน่นอ







    รุย กับชาร์ลูลูวิ่งตัดสวนกว้างหน้าบ้านมาหา ขนของมันลู่ไปตามลม

    “รุริ ชาร์ลี่ กลับมาแล้วจ้า”





    มันวิ่งเข้ามาหาแล้วกระดิกหางอย่างน่ารัก นั่งมองหน้าตาแป๋ว

    “เข้าบ้านกันนะ”





    ชาร์ลูลูเห่าครั้งนึง แล้วลุกขึ้นวิ่งนำไป  ชั้นเดินตาม แล้วรุยก็ลุกขึ้นเดิน





    “คุณหนูกลับมาแล้วหรอคะ  ไปไหนมาแต่เช้าคะนี่”

    ป้าเนียง หัวหน้าสาวใช้ในบ้านเอ่ยขึ้น





    “ค่ะป้า ไปหาเพื่อนๆน่ะค่ะ    พี่สนพี่ไม้ไม่อยู่หรอคะ”





    “ไม่อยู่หรอกค่ะ คุณพี่ของคุณหนูชอบไปเที่ยวกับเพื่อนประจำแหละค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับมาตอนเย็นๆ” ป้าเนียงพูดแล้วยิ้มให้ ก่อนจะพูดต่อ “แล้วคุณหนูทานอาหารกลางวันรึยังคะ นี่จะบ่ายโมงแล้ว”





    “อ้ะ ยังค่ะ มีอะไรกินมั่งคะ”



    ชั้นพูด แล้วก้มลงไปลูบหัวรุย กับชาร์ลูลู





    “อ้อ คุณหนูอยากทานอะไรล่ะคะ เดี๋ยวป้าไปทำให้”





    “เอ่อ...ป้ามีก้อนเครื่องแกงกระหรี่ไหมคะ  ขอหัวแครอท กับมันฝรั่ง แล้วก็เนื้อหมูด้วย”

    ชั้นถามดู เผื่อจะได้ทำแกงโสเภณีกินเอง



    ป้าเนียงทำหน้างงๆนิดหน่อย





    “ออ..มีค่ะ คุณหนูจะเอาไปทำอะไรหรอคะ”



    แหงล่ะ แต่ก่อนชั้นไม่เคยเข้าครัวเลยซักนิด แต่ชั้นทำเป็นนะ

    ไปญี่ปุ่นต้องเข้าครัวกับมิยุ แล้วก็บาซูก้าทุกวัน เลยชินซะแล้ว





    “ข้าวแกงกระหรี่ค่ะ อ้อ จริงสิ เอาก้อนเครื่องแกงติดมาด้วยนี่นา เดี๋ยวป้าเนียงเตรียมของให้ลี่นะ ไม่ต้องมีก้อนเครื่องแกง ลี่มีเอามาจากญี่ปุ่น”

    อันที่จริงแล้วมันติดมาต่างหาก





    “อ้ะ ค่ะๆ” ป้าเนียงเดินไปจัดการในครัว ให้พวกพี่ๆอยู่ในครัวช่วยกันเตรียมของ

    ส่วนชั้นก็วิ่งขึ้นไปหยิบก้อนแกงกระหรี่ลงมาทั้งหมด





    มันติดมาได้ไงเนี่ย





    “คุณหนูคะ เรียบร้อยแล้วนะคะ” ป้าเนียงพูดขึ้นหลังจากที่ชั้นไปหยิบก้อนเครื่องแกง





    “ค่ะ ขอบคุณค่ะ”





    ชั้นเดินอย่างอารมณ์ดีเข้าไปในครัว  มองหากระทะก้นลึก



    เฮ้ เจอแล้ว  ว่าแต่มันใช้ได้ไหมเนี่ย





    “อันนี้ใช่ได้ไหมคะ”



    ชั้นถาม ป้าเนียงที่กำลังกังวลว่าชั้นจะทำเป็นไหม





    “ได้ค่ะ ได้ คุณหนูทำเป็นแน่ๆนะคะ”  ป้าเนียงยังสงสัยไม่หาย





    “รับรองค่ะ เดี๋ยวป้าเนียงนั่งคอยก่อนล่ะกันนะ”





    “ค่ะๆ ถ้ามีอะไรเรียกป้าทันทีนะคะ”

    นี่ ไม่เชื่อใจกันบ้างเลย เฮ้อ





    “เอ่อ..ป้าว่าป้าดูคุณหนูทำดีกว่านะคะ เผื่อมีอะไรพลาดจะได้ช่วยทัน”





    “ค่ะ ได้ค่ะ”





    ชั้นเอากระทะออกมาวางรอไว้  





    “เอางี้เดี๋ยวลี่จะพูดขั้นตอน ป้าเนียงฟังนะจ๊ะ”

    ป้าเนียงพยักหน้ารับรู้





    “อย่างแรกหลังจากเตรียมของมาแล้ว ก็เอาส่วนผสม คือ หัวแครอท มันฝรั่ง และเนื้อหมู ความจริงต้องมีหัวหอมด้วย แต่ลี่ไม่ชอบ”  หลังจากพูดแล้ว ก็เอาเขียง และมีดหั่นผักขึ้นมา  



    “เอาส่วนผสมนี่หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ เริ่มจากหัวแครอทนี่เลยล่ะกัน”

    ชั้นเริ่มหันจากแครอท และมันฝรั่ง เป็นชิ้นเล็กๆ พอดีๆ







    “จากนั้นกระทะก้นลึกใส่น้ำมันตั้งไฟอ่อนๆ”  หลังจากหั่นส่วนผสมแล้วก็เอากระทะมาตั้งไฟ แล้วใส่น้ำมันลงไป





    “ป้าเนียงข้าวหุงไว้รึเปล่าคะ”



    ป้าเนียงเปิดดูในหม้อหุงข้าว ซึ่งมีไอลอยออกมา



    “เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณหนู”





    “งั้นต่อนะคะ ใส่ทุกอย่างลงไปผัดในน้ำมันพอให้เนื้อสุก”









    หลังจากผัดจนเนื้อสุกแล้ว



    “ต่อไปก็ใส่น้ำให้ท่วมเลย”



    ชั้นหยิบเหยือกน้ำที่ต้มแล้วมาเทลงไป ในกระทะ





    “จากนี้ ก็ใส่ก้อนแกงกระหรี่ลงไป ค่อยๆคน รอให้ก้อนเครื่องแกงละลาย”

    และแล้วก็แกะเครื่องแกงใส่ลงไป แล้วค่อยๆคน จนน้ำข้นพอประมาณ





    “เสร็จแล้วค่ะ”

    ชั้นเอาแกงกระหรี่นั้นตักราดลงบนข้าวสวยที่ป้าเนียงเตรียมไว้







    “คุณหนูทำได้เมื่อไหร่กันคะนี่”

    ป้าเนียงถามอย่างประหลาดใจ แล้วตักข้าวเพิ่มอีกจาน เพราะแกงยังเหลืออยู่  จึงตักออกมาใส่จาน ทำแกงกระหรี่ครั้งนึงจะได้ 3 จานพอดี





    “ตอนที่อยู่ญี่ปุ่นต้องทำทุกวันน่ะค่ะ”

    แหงล่ะ น่าสงสารตัวเองชะมัด  ต้องไปฝึกเคนโด้ ตอนเย็นยังต้องมาทำกับข้าว เศร้าชะมัด





    “โห แล้วคุณหนูทำได้หรอคะ”

    อ้าว..ป้ายังไม่เชื่อกันอีกเหรอเนี่ย ..อุตส่าห์ทำออกมา ยังจะ..เฮอะ







    “ได้สิคะป้าเนียง ก็นี่ไงคะ ทำออกมาได้แล้ว”

    ชั้นชี้ไปที่จาน 3 จานที่พร้อมเสริฟ





    “อ้อ..นั่นสิคะ คุณหนูเก่งจังเลย ไม่ได้เจอตั้งนาน คุณหนูของป้าโตขึ้นเยอะเลย”

    ไม่รู้จะว่าไง เลยยิ้มรับไปก่อน











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×