ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ||:+:||ร้าย แสบ ซ่า แบบว่า รักเธอ||:+:||

    ลำดับตอนที่ #3 : ประชันปัญญาลองเชิงรองหัวหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 48


    “ทำไมล่ะ สาลี่”  ไดซ์ยืนขึ้นมาถามอย่างข้องใจ ฟรายเดย์พยักหน้ารับ แล้วเอ่ยถามอย่างเรียบง่ายสบายๆ



    “เพราะอะไรหรอ”





    “ก็..ในฐานะน้องสาวแล้ว คงไม่มีน้องสาวคนไหนอยากเป็นศัตรู หรือสร้างความเดือดร้อนให้พี่ชายหรอก”



    ชั้นพูดตามความคิดที่ไม่อยากเป็นศัตรูกับแก๊งของพี่ชายตัวเอง





    “แล้วยิ่งถ้าแก๊งนั้นจับได้  คนที่เดือดร้อนร่วมกับสาลี่ ก็คงเป็นพี่ชายของลี่ อาจจะถูกพาดว่าเป็นสายด้วย อีกอย่างนึงก็คือ แก๊งทั้งสองแก๊ง ไม่เคยมีเรื่องขุ่นเคืองไม่พอใจกัน แล้วทำไมต้องทำให้สันติภาพนั้นหายไปด้วย  มันน่าเสียดายนะ ปกติเราก็มีเรื่องกับคู่อริ จนไม่มีเวลาเที่ยวเล่นในบางครั้ง ทำไมเราต้องสร้างศัตรูเพิ่มด้วยล่ะคะ ฟรายเดย์”



    ฟรายเดย์ทำหน้าคิดหนัก ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรเลย และพูดตัดสินตามความคิดตั้งแต่ต้น



    “ก็อย่าให้มันจับได้ซะก็สิ้นเรื่อง เราไม่มีเรื่องกับพวกเค้า แต่รู้ข้อมูลของเค้าไว้มันรอบคอบกว่านี่” เอาแต่ใจตัวเองที่สุด..หัวหน้าแก๊งDestiny..



    “รู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ออกจะได้เปรียบเนอะ”

    ฟรายเดย์ขอเสียงสนับสนุนจากไดซ์ ซึ่งพยักหน้าเห็นด้วย วอยซ์ และสองก็มองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าสนับสนุนอีก





    “ อันที่จริงมันก็ไม่เลวนะ ไอ้ลี่ แกว่าไงอ้ะ”

    มัฟฟินเอ่ยเสริมอีกคน หลี่หวันก็มองหน้าชั้น แล้วยิ้มๆ อย่างเห็นดีด้วย  





    “คือว่าความจริงแล้วอ้ะ..ชั้นเองก็ไม่..”



    สาลี่พูดอย่างยากลำบากเพราะมีสายตาหลายคู่จ้องอยู่  



    “ถ้าแกตกลงชั้นสัญญาจะร่วมด้วยช่วยแกสลัดชะนีกระหรี่ออกจากพี่ชายแกหลังจากย้ายไปที่โรงเรียนนั้น”



    โอ้โห อันนี้ค่อยน่าฟัง ไอ้มัฟฟินเพิ่งหัดทำตัวเป็นคนดี  เหตุผลมันใช้ได้ถูกใจมาก





    โว้ย..ถึงปฏิเสธมันก็บังคับชั้นอยู่ดีล่ะวะ



    “..ไม่..ไม่ขัดข้อง..” ฟรายเดย์ยิ้มกว้างอย่างน่ารักมาให้ชั้น ไดซ์ทำท่าเหมือนจะหลุดคำว่า เย้ ออกมา วอยซ์กับสองก็ยิ้มให้กัน





    “ทำไมฟราเดย์ถึงอยากรู้เรื่องของแก๊งนั้นหรอ”



    หลี่หวันถามขึ้นมา แล้วมองหน้าฟรายเดย์  ส่วนคุณเธอก็ยิ้มหลับมาให้หวัน แล้วตอบออกมาง่ายๆ





    “อยากรู้อ้ะ”

    คุณหนูแห่ง Destinyทำหน้าไร้เดียงสาสุดๆ มิยูกิถอนหายใจ แล้วฟุบหน้าลงโต๊ะ





    “อ้ะๆ ฟรายเดย์ ต่อๆ” ไดซ์พูดเตือน แล้วอ้าปากหาว





    “อื้อ เอางี้ดีกว่า..ความจริงตั้งใจจะพูดเรื่องท้ารบ แต่ลี่เพิ่งกลับมาชั้นอนุโรม ให้พักศึก” คนในแก๊งหลายคนเอามือตีกันอย่างถูกใจ



    “แต่เรามาแนะนำตัวกันหน่อยดีกว่าเนอะ สาลี่”



    รังสีอำมหิตอย่างบอกไม่ถูกซึ่งฉายรัศมีออกมาจากแม่หนูตุ๊กตา  หน้าตาจิ้มลิ้ม



    ชั้นพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้   แล้วยืนขึ้นรับชะตากรรม





    ฟรายเดย์ ยิ้มอย่างพอใจที่ชั้นรู้ว่าคุณเธอหมายถึงอะไร



    “เรา สาลี่ นะก็ตามที่รู้ๆกันอยู่นั่นแหละ”

    ชั้นหันหน้าไปมองฟรายเดย์    “เริ่มจากเธอ ฟรายเดย์ ตามสบายเลย”





    การแนะนำตัวในแก๊งเราไม่ใช่การแนะนำตัวธรรมดา แต่นั่นหมายถึงให้เพื่อนรุมใส่ความต่างหาก



    “น้องใหม่ หรือสมาชิกที่ไม่รู้จักสาลี่ก็ฟัง แล้วก็รู้จักกันไว้นะ”



    หนูน้อยพูดแล้วยิ้มๆ “สาลี่เป็นคนไว้ใจของชั้น เพราะงั้นเชื่อฟังซะด้วย ปัจจุบันเรียนอยู่ม.4 หลังจากไปเรียนอเมริกา 1 ปีตอนม.3 และญี่ปุ่น



    ตอนม.4 ในระยะเวลา 1 ปี อเมริกากลับมาพร้อมกับแอนนา และญี่ปุ่นกลับมาพร้อมกับมิยูกิ”





    ขอบใจมากฟรายเดย์ เธอรู้เรื่องของชั้นดียิ่งกว่าแม่ซะอีก



    ฟรายเดย์หันไปทางไดซ์  ที่ลุกขึ้นมาต่อ





    โหย..ตายแหงเลยชั้น  มีหวังโดนใส่ซะเละ



    ไดซ์ สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แล้ว..



    “อย่างไอ้สาลี่อ่ะนะ อย่างมันน่ะ มารยาหลายล้านเล่มเกวียน  อย่าให้พูดเลยเรื่องหลอกผู้ชายกับแสดงละครน่ะเก่งกว่าใครทั้งหมดที่ไดซ์คนนี้รู้จักมา  เสแสร้งตบตาเก่งจนขอนับถือ  อย่างที่บอกว่ามันน่ะน่ากลัวที่สุดแล้ว เป็นตัวอันตรายเลยล่ะ ขอบอกและป่าวประกาศไว้ตรงนี้เลยนะว่าพวกผู้ชายในแก๊งเราอย่าไปหลงมันเด็ดขาด ถ้าหลงแล้ว มารู้ธาตุแท้ภายหลังจะช็อกถึงตาย  พวกรุ่นน้องที่ปลื้มมันระวังจะปลื้มจนร้องไห้นะหนู  อ้อๆ ความสามารถพิเศษของไอ้ลี่มันก็คือการทำยังไงก็ได้ที่หลอกล่อให้ผู้ชายหลง ทำได้ขนาดที่ว่าให้เต้นทาทายัง ทั้งที่ไม่เคยดูเอ็มวี บวกกับสมองที่เหมือนทำด้วยเหล็กแหลมของมัน ช่วยงานฟรายเดย์ แบ่งเบาภารกิจแก๊งมาเยอะแล้ว และมันเป็นน้องสาวที่น่าภูมิใจของไดซ์จริงๆ ก๊ากๆ”







    ....เงียบค่ะ..ทั้งแก๊งฟังที่ไดซ์มันใส่ร้ายชั้น..ทำหน้าเหวอออกมาเลย ไอ้รุ่นน้องที่ชมชั้นตอนนี้มันกลายเป็นเปโตรอัครสาวกพระคริสต์ไปแล้ว เปรโตนั้นก็แปลว่าศิลา และศิลาก็คือหิน และแล้วมันแข็งเป็นหิน



    หลี่หวัน กับมัฟฟินที่มันนั่งข้างๆชั้นสองข้างกำลังหัวเราะอย่างจะเป็นจะตาย



    นี่..พวกแกเป็นเพื่อนชั้นรึเปล่าเนี่ย



    ส่วนไดซ์ก็ภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง คุณพี่ช่วยพูดในสิ่งที่ดีเกี่ยวกับตัวชั้นแทนที่จะพูดเรื่องแบบนั้นได้ไหมเนี่ย





    พี่วอยซ์เป็นคนต่อไปที่ยืนขึ้น



    เอาสิ..ให้มันรู้ไปว่าวันนี้คนอย่างสาลี่จะโดนไอ้พวกนี้แกล้ง จนชื่อเสียงด่างพร้อย และเถียงไม่ได้





    “สำหรับสาลี่นะจ๊ะ ลี่เป็นรุ่นน้องที่น่ารัก หน้าตาดี สวยจ๊ะ” วอยซ์ยิ้มมาทางชั้นแล้วหันไปพูดต่อ



    “สาลี่เป็นเด็กฉลาด ทุกคนก็อย่าไปฟังที่ไดซ์ใส่ไฟให้มากนะ  ความจริงแล้วที่สาลี่ต้องทำเรื่องพวกนั้นเพราะคำสั่งของ ฟรายเดย์ กับไดซ์ทั้งนั้นแหละ” เด็กสาวหัวเราะคิกคักอย่างน่ารักน่าเอ็นดู



    “ชั้นขอสรุปสั้นๆเลยนะคะ ว่าสาลี่เป็นเด็กดี และสำหรับพวกที่เข้ามาทีหลังก็ให้วางใจได้เลย ว่าสาลี่เชื่อใจได้ และเป็นที่ปรึกษาให้ได้แน่นอน”





    “ชั้นรับรองได้”ฟรายเดย์พูดขึ้นในขณะที่นั่งกอดอก





    วอยซ์มองมาที่มัฟฟิน ส่วนไอ้ฟินก็ลุกขึ้นยืนข้างๆชั้น แล้วส่งรอยยิ้มประหลาดมาให้ เป็นลางสังหรณ์ว่าซวยอีกแล้ว





    “อื้อฮือ สาลี่ มีพี่ชาย 2 คนชื่อต้นสน กับใบไม้ เป็นฝาแฝดกัน และหล่อมากด้วย ปัจจุบันเรียนอยู่ที่ชั้นม.5 ทั้งสองคนอยู่ในแก๊ง G.K. แต่เรารับรองได้ว่าเรื่องของแก๊งเราไม่เคยแพร่กระจายไปที่แก๊งนั้น และพี่ชายทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าสาลี่อยู่แก๊งเรา และถึงรู้ก็จะรักษาเรื่องของแก๊งอย่างดี ทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายเปียโนอย่างหรู และมันรวยมาก”



    ไอ้ฟินมันเน้นคำสุดท้ายเป็นพิเศษ กับคำว่า หล่อมาก



    เฮ้ย นี่มึงจะเอาพี่ชายกูมาขายเรอะ บังอาจ แกอย่ามายุ่งกับพี่ชายสุดที่รักของตูนะ



    ชั้นมองหน้ามันแบบค้อนๆ มันหลบสายตากลับหันไปทางอื่น





    “งานอดิเรกของมันคือการขัดขวาง และไล่ตะเพิดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้พี่ชายมันภายใน 1 เมตร แต่นั่นหมายความว่ามันอยู่ที่นั่น เพราะงั้นพี่ชายมันถึงไม่มีแฟน หรือจะเรียกว่าไม่กล้ามีก็ได้ ซึ่งงานอดิเรกนี้ชั้น และ หลี่หวัน เห็นดีด้วย และสนุกสนานเป็นอย่างมาก”

    ไอ้ฟินหัวเราะเบาๆ พอมันพูดถึงงานอดิเรกชั้นก็เรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อยเลย



    ชิ งานนั่นมันความภูมิใจของชั้นเชียวนะ



    มัฟฟินนั่งลงแล้วยื่นมือไปสะกิดไอ้หวันที่นั่งเก็กอยู่นานแล้ว ให้ยืนขึ้น หวันทำหน้างงๆ แล้วก็พยักหน้าก่อนจะยืน





    “สาลี่มันเป็นเพื่อนที่แสนดีของชั้น เป็นคนดีมาก ชั้นยอมรับเลย ถ้ามีเรื่องอะไรก็ปรึกษาได้มันเป็นที่ปรึกษาของฟรายเดย์ล่ะนะ  อ้อ ใช่  ศิลปินคนโปรดของมันคือทาทา ยัง  เพลง เซ็กซี่ นอตี้ บิทชี่ กับดูมดูมจะชอบเป็นพิเศษ  ท่าเต้นที่ถนัดที่สุดคือ ท่ารูดเสา ค่อนข้างงี่เง่า และประสาทเล็กๆเมื่อตอนที่ไม่พอใจ”



    เฮ้ ชั้นเคยบอกแกเรอะว่าชั้นชอบทาทา แล้วไอ้เพลงที่แกอ้างด้วย ท่ารูดเสาไฟชั้นก็เปล่านะ  ที่ต้องทำตอนนั้นมันเหตุสุดวิสัยตะหาก ไอ้หวันบ้า แล้วชั้นเป็นนักปรึกษาปัญหาชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วแกว่าชั้นงี่เง่า ประสาทเหรอ





    เรื่องที่ไอ้หวันมันสาธยายซะน่าเกลียดกลับเรียกเสียงหัวเราะได้อย่างคับคั่ง ส่วนสาลี่เจ้าของเรื่องเรอะ หึ จะประสาทกิน





    “เอาเป็นว่าสาลี่ จะเป็นยังไงนิสัยยังไง ก็ลองมาคบหากันดูเองละกัน ให้อธิบายคงไม่ดีเท่าหรอก”



    หวันมันพูดง่าน จนต้องเรียกว่าโครตง่าย แล้วนั่งลง มัฟฟินมองหน้ามันแบบเหวอๆ ส่วนเจ้าตัวก็หาวหวอดๆแล้วพิงพนักเก้าอี้สบายใจ





    “จบแค่นี้ใช่ไหม ฟรายเดย์”



    ชั้นถามเพื่อความแน่ใจ ฟรายเดย์พยักหน้าให้ชั้นนั่งลง





    เย้ ในที่สุดความสงบสุขก็กลับมาหาสาลี่คนนี้ พวกแกจำใส่หัวเอาไว้เลย ถ้ามีโอกาสพวกแกตายแน่ แฮ่



    “เดี๋ยวครับๆ”

    เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นขัดฟรายเดย์ที่ยืนขึ้นมา แล้วกำลังจะอ้าปากพูดต่อ  พี่ผู้ชายคนนี้น่าคุ้นๆอยู่ ถ้าจำไม่ผิดอยู่ม.5ชั้นเดียวกับฟรายเดย์เลย





    “มีอะไรอีก!!” โอ้โหย ตายแล้ว แม่หนูยิ่งไม่ชอบคนขัดจังหวะการพูด หันหน้าตวัดสายตาไปตวาดแว้ดทันที



    ตอนนี้ฟรายเดย์เริ่มแปรสภาพจากนางฟ้าตัวน้อย เป็นนางมารตัวจ้อยซะแล้ว





    “เอ่อ..คือเราคิดว่า เดย์น่าจะให้พวกที่ไม่เคยรู้จักกับสาลี่ได้ทักทายพูดคุยหน่อยนะ”



    นี่!! ถ้าชั้นสงบสุขแล้วมันเดือดร้อนชาวบ้านมากเหรอ ถึงหาเรื่องมากวนพระบาทชั้นเนี่ย !!



    อารมณ์เสียว้อย ตูเคยไปมีเรื่องกับหมาบ้านมึงเรอะ ถึงตอแยอยู่นั่นแหละ





    แล้วอะไรนะ เรียกฟรายเดย์ที่รักของชั้นว่า เดย์ เฉยๆ บังอาจเกินไปแล้วมั้ง  ขนาดไดซ์ยังไม่เรียกสั้นอย่างนั้นเลย





    เด็กหญิงที่ถูกเรียกว่า เดย์ ทำหน้าคิดๆแล้วขว้างค้อนขนาดยักษ์ใส่รุ่นพี่คนนั้น



    “เชิญตามสบายคุณรองหัวหน้า”



    ปลายเสียงมีการกระดกสูงเป็นการประชดประชัน





    รองหัวหน้า...ไดซ์ไม่ใช่หรอ..แล้วนี่มันหมายความว่าไง ไอ้รุ่นพี่หน้าไม่หล่อ..เอ๊ย ..หล่อน้อยกว่าพี่ชายชั้น ที่มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรของชั้นเนี่ย มันเป็นรองได้ไงอ้ะ





    ชั้นหันหน้าไปขอคำตอบจากไอ้หวันทันที ซึ่งมันก็กำลังปฏิบัติภารกิจสำคัญอยู่นั่นก็คือ เฝ้าพระอินทร์



    “ไอ้หวัน”



    ครั้งที่ 1  มันไม่แม้แต่จะลืมตา ยังฟุบนอนอยู่อย่างนั้น ในขณะที่คุณรองหัวหน้าแก๊งกำลังง้อฟรายเดย์อยู่ เพราะวันนี้คุณเธอโดนขัดหลายรอบ



    “หลี่หวัน”



    ครั้งที่ 2 ไม่เป็นผล..มันเอามือขึ้นมาอุดหูแค่นั้น..



    “หวันโว้ย”



    ครั้งที่ 3 ที่ชั้นตะโกนแบบกรอกเสียงลงหูให้เบาที่สุด เพื่อที่จะไม่เป็นการขัดใจฟรายเดย์ ที่กำลังทำหน้าบึ้ง แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี



    “ไอ้หวัน แกจะมาคุยกับชั้นไหม หรือว่าต้องให้ชั้นตามไปลากแกกลับจากภารกิจเฝ้าพระอินทร์ ตื่นว้อย!!”



    ครั้งที่ 4 ยาวแต่ชัวร์ มันเงยหน้าขึ้นมามองชั้น ทั้งที่มันยังพูดอยู่กับสิ่งที่ชั้นมองไม่เห็น และไม่คิดจะเห็นด้วย



    “พระอินทร์รอเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวหวันจะกลับไปเฝ้าใหม่นะ”



    ..นี่หรือเพื่อนชั้น..



    “มีอะไรสาลี่” ในที่สุดมันก็หันมาคุยกับชั้น



    “ไอ้พี่หล่อน้อยกว่าพี่สนที่ฟรายเดย์บอกว่าเป็นรองหัวหน้าแก๊งมันหมายความว่าไง แล้วไดซ์ล่ะ หมายความว่าไดซ์ไม่ได้เป็นรองหัวหน้าแล้วหรอ หรือเปลี่ยนตำแหน่ง หรือยังไง แกช่วยอธิบายให้ชั้นเข้าใจหน่อยสิ”



    หวันมันทำหน้างงๆ แล้วฟุบหน้าลงไปนอนต่อ



    “ไอ้หลี่หวัน!!!!” ทนไม่ไหวแล้วนะ แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องทนด้วย  เสียงเรียกของชั้นที่มีจุดประสงค์อยู่ที่ไอ้เพื่อนตัวดีที่มันยังฟุบหน้าลงไป

    นอนต่อ กลับเรียกความสนใจจากทุกคนในห้อง นอกจากมัน..ไอ้หลี่หวัน..





    “มีอะไร สาลี่”



    ไดซ์ลุกขึ้นมา เพื่อที่จะดูให้ถนัด ว่าเกิดอะไรขึ้น ฟรายเดย์เปลี่ยนท่าเป็นเท้าเอว แล้วกวาดสายตามามอง



    “หวันเป็นอะไร ลี่” ฟรายเดย์ถามงงๆ ไดซ์ซึ่งยืนขึ้นมาคิ้วขมวดกันอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น



    “อ้อ..เฝ้าพระอินทร์อยู่  ต่อจากนั้นมันจะไปเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วกำลังจะบรรลุ”

    มัฟฟินมันยื่นหน้าอ้อมหลังชั้นไปมองไอ้หวัน  แล้วมันก็ยิ้มแหยๆ  ก่อนจะเดินไปประชิดตัวไอ้หลี่หวัน



    “สาลี่แกถอย”



    มันบอกให้ชั้นถอยไปให้พ้นอาณาเขตการปลุก ซึ่งพอจะรู้ว่ามันจะทำอะไร



    ฟินนั่งลงที่เก้าอี้ของชั้น และตอนนี้ชั้นโดนมันไล่ให้ไปนั่งเก้าอี้ของมัน



    แต่การปลุกของมันผิดคาด..







    “หวันๆ  ตื่นก่อน เรากำลังจะบอกหวันว่า ไอ้เอกมันมาหาแก”



    เท่านั้นแหละ ตื่นทันที ราวกับไฮสปีดอินเตอร์เน็ต



    “เฮ้ย!!! ไอ้ฟินไล่มันไปไกลๆ  บอกมันให้กลับหลุมไปเลย”



    ใครวะ ไอ้เอก....





    “อ้อ  โทษทีหวัน มันไม่ได้มาหรอก ชั้นแค่จะปลุกแก”



    หวันถอนหายใจแล้วหันกลับไปนอนต่อ  ไอ้ฟินเริ่มแผ่รังสีปีศาจออกมา  มันยิ้มอย่างคนโรคจิต



    “แกจะตื่นไหม”



    มันถามหวันด้วยทำเสียงชวนขนลุก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม



    ส่วนคนที่ถูกปลุกและกำลังเป็นเป้าสนใจของทุกคน เงยหน้าขึ้นมาบ่นอย่างรวดเร็ว



    “โอ๊ย ไอ้ฟิน แกบอกว่าไอ้เอกมา ชั้นทูลลาพระอินทร์แทบไม่ทัน แล้วอะไรอีกล่ะ”



    สีหน้าของมัฟฟินตอนนี้เดาได้ว่ามันอยากจะตะโกนชื่อของไอ้คนตรงหน้านี้ดังๆให้รู้สึกตัวซะมั่ง





    “ไอ้หวัน!!!”

    เสียงมีอำนาจดังออกมา ไม่ได้มาจากฟิน ไม่ใช่ชั้น และไม่ใช่ฟรายเดย์ที่ยังคงเท้าเอวอยู่



    ไดซ์..





    “ตื่นได้แล้วโว้ย!! ก่อนที่ชั้นจะลากไอ้เอกมาจริงๆ”  ท่าทางไดซ์จะอารมณ์บูดมากขึ้นทุกที  หลี่หวันมันก็ตื่นขึ้นมา  มัฟฟิน และชั้นเดินกลับไปนั่งที่เดิม



    “มีอะไรหรอไดซ์”



    หวันมันถามง่ายๆซื่อๆ ไดซ์ยังขมวดคิ้วอยู่นั่งลงที่เดิม ฟรายเดย์ เลิกคิ้วขวาขึ้นอย่างไม่เข้าใจ





    หวันมันหันมาถามชั้นแทน



    “มีอะไรไอ้ลี่”



    ...อ้อ กำลังงง..





    “ใครหรอไอ้เอก น่ะ”



    เปลี่ยนคำถามทันที เรื่องเดิมกูไม่อยากรู้แล้ว



    เมื่อสิ้นสุดเสียงจบคำถามไอ้หวันทำหน้าแปลกๆ  แล้วมันสูดหายใจเข้าผ่อนหายใจออกอย่างทำใจ



    “ไม่มีอะไรเว้ย”





    กูไม่เชื่อ





    “จริงๆไอ้ลี่ ไม่มีอะไร แกลืมๆชื่อนั้นไปได้เลย”





    เห็นทีจะไม่ได้





    “บอกชั้นมาไอ้หวัน ไม่งั้นไม่จบแน่ๆ”

    ชั้นพูดเสียงแข็งๆ หวันมันยิ้มแห้ง แล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากมัฟฟิน ซึ่งยิ้มแห้งๆตอบกลับมา





    “ไอ้เอกมันอยู่ห้องเดียวกับ หวันตอนม.3  ไม่แปลกหรอกลี่ ที่ลี่จะไม่รู้จัก  มันชอบไอ้หวัน แล้วตามจีบ ซึ่งไอ้หวันก็..ต้องเรียกว่าถึงขนาดกลัวจนขึ้นสมอง”



    ข้าวฟ่างเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วพูดบอกชั้น  ชั้นหันกลับไปมองหน้าไอ้หวัน ซึ่งมันก็เกาหัวแก้ขัดอยู่





    “..มันเป็นใคร..”

    มันกล้าจีบไอ้หวันหรอ..



    “มันเป็นใครไดซ์ บังอาจมากไปแล้ว กล้ามาจีบหวันของชั้น ไม่รู้จักสาลี่ซะแล้ว ถึงจะเป็นผู้ชายก็ใช่ว่าจะหล่อนี่หว่า”

    ชั้นถามไดซ์ ซึ่งมองหน้าฟรายเดย์ กับรุ่นพี่ผู้ชายที่บอกเป็นรองหัวหน้า แล้วกลับมาตอบชั้น



    “มันหล่อนะลี่”





    “..เหรอ..”

    ชั้นหันหน้ากลับไปหาหวัน และมันก็ตอบกลับมา



    “แก สาลี่ แกต้องช่วยเรานะเว้ย  แกต้องจัดการให้เรานะ นะลี่ ต้องเอามันออกไปนะ”





    “แต่มันหล่อนะหวัน..”





    “หล่อไร้สมองกูไม่เอา”





    “แต่ไอ้หวัน มันที่สองของสายชั้นนะเว้ย”

    มัฟฟินพูดขึ้น หวันมันเริ่มทำหน้าอยากตาย





    “นิสัยเสียกูไม่ชอบ”





    “มันเป็นเด็กมีความประพฤติดี แล้วก็มีแนวโน้มว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียนตอนม.6”

    เด็กผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น ขณะเปิดประตูเข้ามาในห้อง



    หลี่หวันมันจะลงไปนอนตายกับพื้น





    “นี้ท มาสายอีกแล้ว”

    ฟรายเดย์ทำหน้าบึ้ง  



    นี้ท  อายุเท่ากับชั้น อยู่ม.4  หน้าตาก็ใช้ได้ ผมซอยยาวไล่ระดับไปจนถึงเอว ผิวขาวสะอาด สูงไม่มาก พอๆกับมัฟฟิน ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ มีสร้อยห้อยจี้ประจำแก๊งอยู่ เหตุผลคือมันงก..ไม่ยอมเสียตังไปเชื่อมกับแหวน





    “โทษทีๆ รถมันไม่ติด”



    รถไม่ติด ยังมาสายได้..อย่าบอกนะว่า เดินมา เพราะเสียดายค่าน้ำมันรถ





    “มันไม่เกี่ยวเลย”



    ฟรายเดย์ทำหน้าบึ้งหนักเข้าไปอีก ไดซ์ถอนหายใจ  รุ่นพี่ผู้ชายที่ชั้นยังนึกชื่อเค้าไม่ออก ก็หัวเราะเบาๆ



    “สาลี่”

    หวันเรียกชั้นเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะให้ฟรายเดย์หันมามอง



    ชั้นมองหน้ามันประมาณว่า มีอะไร



    “แกจะช่วยเราเปล่า”

    มันถามกลับมา แล้วทำหน้าอ้อนวอนสุดขีด  ช่วยมันที่ว่านี่คือให้เอาไอ้คนที่ชื่อเอกไปไกลๆ หรือทำยังไงก็ได้ให้เอกเลิกชอบงั้นสิ



    “แต่เค้าหน้าตาหล่อ เรียนเก่ง นิสัยดี ทำไมแกไม่ชอบ”

    ชั้นถามกลับ ความจริงแล้วคือรอให้มันพูดประโยคกินใจออกมา





    “มันไม่รวย”

    มันตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย หวังจะให้ชั้นเชื่อมัน





    “เอ..ใครว่าไม่รวย เรายังอิจฉาอยู่เลย บ้านเค้าเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ เจ้าของที่ดินตั้งหลายที่”



    นี้ทมันมองหาที่นั่ง แล้วตอบแบบสบายๆ



    เกือบลืมไป มันมีงานอดิเรกคือเสาะหาประวัติข้อมูลของคนรวยๆ ซึ่งมันจะเอามาอิจฉาแล้วจะให้เป็นแรงบันดาลใจให้มันงกต่อไป





    รู้สึกว่าข้ออ้างของหวันจะเมกขึ้นมาหมด เพราะโดนเถียงกลับทุกครั้ง



    “เอาไงหวัน”

    ชั้นถามมันอีกครั้ง เตรียมออกศึก ถ้ามันตอบถูกใจ





    “ก็มัน..คือ..เรา..”

    คิดหนัก..จะหาข้ออ้างอะไรอีกล่ะนี่





    “ก็เราไม่ชอบมันนี่”

    ในที่สุดมันก็ตอบออกมาอย่างไม่เสแสร้ง





    “แค่นั้นแหละ”   แค่นี้แหละที่ชั้นรอ ขอแค่แกพูดความจริง ตรงๆไปเลยว่าชอบ หรือไม่ชอบ ไม่จำเป็นต้องชักแม่น้ำทั้งร้อยแปดมา





    “แกจะให้เราช่วยยังไง”

    ชั้นถามกลับไปทั้งที่กำลังคิดหาวิธีไล่ผู้ชาย ซึ่งเคยแต่จับผู้ชาย..อ้าว..



    “ยังไงก็ได้ เอาแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุด และใช้ได้นานไม่แตกร้าว”

    นี่มันจะซื้อปูนหรือไล่คนวะเนี่ย





    “สาลี่ เดี๋ยวชั้นคิดวิธีให้แล้วกัน  เรามาต่อกันดีกว่า”

    ฟรายเดย์ พูดบอกแล้วหันไปหาทุกคนอีกครั้ง





    “เอาเป็นว่า คุณท่านรองหัวหน้ามีเรื่องจะสาธยาย”





    รุ่นพี่ผู้ชายคนนั้นยิ้มแห้งๆให้ฟรายเดย์ที่หันมาค้อนถลึงตาใส่ ก่อนจะพูดต่อจากท่านหญิงฟรายเดย์



    “พี่ชื่อ บอล นะ  เป็นรองหัวหน้าในระหว่างที่น้องไม่อยู่ เพราะอย่างนั้นยินดีที่รู้จักนะครับ”



    มันหันมาพูดกับชั้น..บอลหรอ..ออกจะโหล มีฝาแฝดชื่อ บาส ปะเนี่ย  หรือมีน้องสาวชื่อบอลลูน อ้อๆ หรือว่ามีหมาชื่อ อิสเบลล่า





    “ค่ะ กำลังคุ้นหน้าอยู่”

    ชั้นพูดยิ้มๆ อย่างเป็นมารยาท พี่เค้ายิ้มตอบมา ชักอยากรู้ว่าหมอนี่เป็นรองหัวหน้ามีอะไรเด่นอะไรดี



    “พี่ว่าอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดคืออะไรคะ”

    ชั้นถามแบบหยั่งเชิงความรู้ หน้าเกิดว่าเป็นรองหัวหน้าจริงๆ มีความสามารถจริงๆ มันน่าจะแสดงออกจากความคิด





    “เห..อาวุธหรอ.. อืมม์ อะไรนะ..” นายนั่นทำหน้าใช้ความคิด หลายคนเริ่มจับได้ว่านี่เป็นการลองเชิงประชันปัญญาเล็กๆ จึงตั้งใจฟัง เผื่อตนเองจะมีการพัฒนา





    “ความคิด..ละมั้ง” พี่บอลตอบยิ้มๆ ก่อนจะถามชั้นกลับด้วยคำถามเดียวกัน



    ความคิดงั้นหรอ..คนๆนี้เป็นคนที่คิดได้ลึกซึ้งพอตัว





    “อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดในความคิดของเราคือ...” ชั้นพูดเว้นช่วงเพื่อที่จะไตร่ตรองข้อมูล









    “วาจาของมนุษย์”

    ชั้นตอบง่ายๆ พี่บอลทำหน้าอึ้งๆเหมือนอ่านความคิดอ่านของชั้นออกแล้ว ก่อนจะยิ้มกว้าง





    “สาลี่เป็นคนฉลาดกว่าที่พี่คิดไว้ซะอีกนะเนี่ย”

    ถ้าชั้นไม่ฉลาด..จะได้เป็นที่ปรึกษาของผู้นำแก๊งเรอะ





    “พี่เองก็ใช่ย่อย นับว่าฟรายเดย์ก้าวข้ามไปอีกขั้น”



    ชั้นหันไปหาฟรายเดย์ที่ยิ้มหวานตอบกลับมาอย่างภูมิใจที่มีคนชม



    ระหว่างที่ชั้นไม่อยู่ ฟรายเดย์ มีความพัฒนาขึ้นแน่นอน ดูจากการเลือกคนที่จะมาเป็นรองหัวหน้าแล้ว นับได้ว่ามีความรอบคอบ และมีความคิดที่ลงรากลึกกว่าเดิมมาก





    “มีอะไรจะแนะมั๊ยครับ”

    พี่บอลถามขึ้นมา หลังจากที่ชั้นชื่นชมฟรายเดย์อยู่ในใจ





    “ความคิดนั้น อาจจะเป็นอาวุธที่ร้ายกาจของพี่ แต่สำหรับเราแล้ว ความคิดนั้นคือแผนการอันน่าสะพรึงกลัว ที่ไม่อาจจะหยั่งรู้ได้”





    พี่บอลพยักหน้ารับ แล้วซักต่อ “แล้วทำไมถึงคิดว่าคำพูดของมนุษย์เป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดล่ะ”





    “จะว่าร้ายกาจก็ไม่ได้  แต่จะว่าดีก็ไม่ใช่ วาจาที่ดีคือคำพูดที่ผ่านการคัดกรองจากความคิดอันเฉียบแหลม คนเราจะรู้ได้ว่ามีความฉลาดทางปัญญาเมื่อแสดงออกมาจากการพูดจา คำพูดที่ออกมาจะสะท้อนถึงความคิดที่เป็นโคนราก ปัญญาความฉลาด เพราะฉะนั้นจงจำไว้ว่า จงพูดอย่างผู้มีปัญญา และปฏิบัติตนอย่างมีคุณค่า”





    หลายคนในห้องท่องคำพูดท่อนสุดท้ายของชั้น แหม นี่เราไปเป็นนักประพันธ์ได้มั๊ยน๊า...



    ส่วนหน้าของพี่บอลบ่งบอกว่ากำลังคิดตามเรื่องที่ชั้นพูดทุกพยางค์ และคำ ฟรายเดย์กำลังหันไปบ่นนี้ทเรื่องมาสาย เรื่องที่ชั้นพูดกับพี่บอลฟรายเดย์ไม่จำเป็นต้องฟัง เพราะชั้นกรอกหูแม่หญิงไปตั้งแต่คุณเธอก้าวเข้ามาเป็นหัวหน้าแก๊ง





    “อ่า..ครับ ขอบคุณที่ชี้แนะ” พี่บอลโค้งให้ชั้นเล็กน้อย





    “สาลี่จ๋า”

    นางมารตัวน้อยเปลี่ยนสภาพกลายเป็นนางฟ้าหันหน้ามาเรียกชั้น



    “ว่าไงจ๊ะ ฟรายเดย์ที่รัก”

    ชั้นขานกลับไปด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกับที่เรียกมา  ฟรายเดย์ยิ้มกว้างอย่างน่ายิก



    “สาลี่ไปค้างบ้านเรามั๊ย หวันด้วย ฟินด้วย ไดซ์ด้วย วอยซ์ด้วย สองด้วย”



    หลายด้วยแล้วพี่..



    “วันไหนหรอฟรายเดย์ ถ้าไม่ติดอะไรนะ”

    ตอบกลับโดยไม่ต้องคิดอะไร เพิ่งกลับจากต่างประเทศถ้าพี่ชาย 2 ตัวไม่ลากไปไหนก็คงจะอยู่บ้าน



    “ไม่ติดๆ สาลี่ว่าง ชั้นรู้”

    มัฟฟินมันตอบแทนชั้นเสร็จสรรพ อยากจะขอบใจมันซะหลายหน รู้ดีกว่าตัวชั้นเองอีก



    “นั่นสิ ไปกันเถอะ  นานๆทีจะได้ไปเที่ยวบ้านฟรายเดย์”



    วอยซ์พูดขึ้นบ้าง ตอนนี้ฟรายเดย์สั่งยกเลิกสิ่งที่พี่บอลจะให้พวกเด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทำความรู้จักกับชั้น แล้วให้คุยกันอิสระ พี่บอลทำหน้าจ๋อยนิดหน่อยแล้วนั่งลงตามเดิม



    “เออ  ก็ได้ แล้ววันไหนล่ะ”



    ถึงปฏิเสธมันก็ไปถล่มบ้านชั้นแล้วลากชั้นไปบ้านมันอยู่ดี รู้จักกันมานานมีเรอะจะไม่รู้นิสัย





    “เดี๋ยวโทรไปบอกน้อ”



    ไดซ์ยิ้มแล้วหัวเราะดังลั่นแบบไม่อายใคร เพราะปกติมันก็ไม่อายอยู่แล้ว ซึ่งการหัวเราะแบบนี้ทำให้เสียความศรัทธามาก เพราะจากภายนอกเจ๊แกหุ่นนางแบบยังอาย หน้าตาเป็นดาราได้สบายๆ เสียแต่นิสัยนี่แหละ แก้ให้ตายก็ไม่หาย เคยลองให้มันเปลี่ยนตัวเองดูวันนึง  วันนั้นผู้ชายรุมจีบทั้งวัน พอวันต่อมาผู้ชายพวกนั้นเกือบต้องส่งไปโรงพยาบาล ไม่ใช่เพราะโดนสั่งสอนด้วยน้ำมือของไดซ์ แต่เพราะอึ้งจนไข้จับ





    “เอ้า เลิกประชุมแล้ว ชั้นขี้เกียจประชุมต่อ ใครมีปัญหาบ้าง มาบอกได้เป็นรายบุคคล”

    ไดซ์ตะโกนบอกทุกคน ซึ่งพวกน้องใหม่ส่ายหน้าแบบไม่มีปัญหากันเป็นแถว







    “เฮ้ย ลี่ เรารักแก”





    ....เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาหาชั้น ซึ่งพอจะรู้ว่าเป็นใคร..ถ้าไม่ใช่..นี้ทเพื่อนรัก





    “เราก็รักแก”



    คำตอบที่ส่งกลับไปด้วยเสียงที่ไม่เข้ากับคำพูด นี้ทมันวิ่งมาหา



    “ของฝากแกอย่าลืม”



    ชั้นจะลืมเพราะแกทวง





    “ลืมว่ะ”





    “กูเกลียดมึง”

    ไอ้นี้ทมันตะโกนใส่หูชั้น ยังดีที่หูเริ่มชินกับมลภาวะทางเสียง





    “ไอ้ประสาท”

    ชั้นด่ากลับไป มันทำแก้มป่องแบบงอนๆ  ไดซ์เดินเข้ามากอดคอมัน





    “ลี่ ตอนนั้นแกบอกว่ามีของฝากอยู่ไหน”



    เอ้า ทวงอีกตัวแล้ว







    “ถ้าทวงจะไม่ให้ พูดจริงๆนะ” ชั้นตอกกลับไป ไดซ์ก็เลยแก้คำพูดใหม่





    “อะไรนะ เมื่อกี้ชั้นพูดอะไร เปล่าๆ เมื่อกี้ไม่ได้พูด เนอะ นี้ท เนอะ ไม่มีใครรู้เว้ย”





    ไม่ค่อยจะ..เลย..





    นี้ทมันพยักหน้าแบบไร้เดียงสาอาโนเนะมาก จนน่าถีบ





    “เออ เข้าใจแล้ว วันนี้ไม่ได้เอามา”







    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วกลับบ้านล่ะนะ”

    ชั้นหันหน้าไปมองมัฟฟิน และหลี่หวันที่ยืนขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะกลับบ้าน  





    “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งกลับสิ”



    เสียงหนึ่งดังขึ้น ฟินหันหน้าไปมอง แล้วสะกิดเรียกชั้นให้หันหลังไปหาผู้ที่ยื้อให้อยู่ต่อ



    เจ้าของเสียงคือเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน หน้าตาสดใสดูดี คิ้วคม หน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิง เพื่อนอีก 2 คนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ก็หน้าตาดีใช่ย่อย





    “มีอะไรหรอ”  หลังจากที่วิจารณ์หน้าตาผู้ที่มาเรียกแล้ว มัฟฟินก็เอ่ยถาม





    เด็กชายคนนั้นยิ้มกว้างอย่างน่ารักจนไดซ์เม้มปาก แล้วเดินเข้ามาพึมพำข้างๆหูชั้น



    “น่ารักน่ากินน่ารักน่ากินน่ารักน่ากิน”





    “แค่อยากทำความรู้จักน่ะ ผมชื่อ ฟิวล์”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×