ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การกลับมาครั้งใหญ่ของDestiny
วันนี้ชั้นต้องตื่นแต่เช้า เพราะต้องรีบไปรวมกับเพื่อนๆในแก๊ง ที่หน้าโรงเรียนเก่า
  การรวมกลุ่มครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะสมาชิกทั้งหมดกลับมารวมตัวกัน จากที่กระจัดกระจายไปอยู่ต่างประเทศ ต่างโรงเรียน
      เพียงเพราะคำสั่งจากฟรายเดย์ให้ตามสมาชิกทั้งหมดกลับมาสู่ชะตากรรมของพวกเรา  เดสทินี่ ซึ่งแปลว่าชะตากรรม โชคชะตา  เป็นชื่อที่หัวหน้าแก๊งรุ่นที่สี่ตั้งขึ้น  ในปัจจุบันนี้ฟรายเดย์คือหัวหน้ารุ่นที่เก้า  และเป็นหัวหน้าที่ขึ้นครองตำแหน่งผู้ที่ใหญ่ที่สุดด้วยอายุที่น้อยที่สุดในหัวหน้าทั้ง 9 คน
      จากข้างต้นที่กล่าวไป ฟรายเดย์สั่งให้ตามสมาชิกกลับมาทั้งหมด  สมาชิกแต่ละคนก็จะรับคำสั่งให้ไปตามล่าหาตัวมา อย่างชั้น ไปเรียน
อเมริกาตอนม.2ทั้งปี ก็ต้องไปตามหา  แอนนา  สปริงเบิร์ก เด็กหญิงอายุเท่ากันที่นั่น พร้อมกับหาสมาชิกใหม่กลับมาด้วย  และในปีนี้ชั้นต้อง
ถ่อไปเรียนญี่ปุ่นอีก 1  ปี เพื่อตาม มิยูกิ ทาเคอุจิ สาวเคนโด้กลับมา
     
    อย่างที่ว่างานแต่ละงานไม่ใช่ง่ายๆ มันหมายถึงชีวิต และอนาคตของตัวชั้นเอง เป็นสิ่งที่ชั้นต้องไขว่คว้าเอามา 
การเดินทาง 2 ครั้งนี้  ประโยชน์ที่ได้รับคือ ภาษา การศึกษา ประสบการณ์ เพื่อน ความรู้  และที่สำคัญคือความสำเร็จในงาน   
     
      สมาชิกในแก๊งส่วนใหญ่เป็นลูกคนรวยทั้งนั้น เรื่องพวกนี้เลยไม่เป็นปัญหาทางด้านการเงินของครอบครัว  บ้านชั้นไม่มีปัญหาตั้งแต่แรก
ไม่ใช่เพราะเรื่องการเงินอย่างเดียว แต่คุณพ่ออยากให้เรียนเมืองนอก
   
“สาลี่ ลี่ๆ ตื่นรึยัง” เสียงต้นสนตะโกนเข้ามา แล้วเคาะประตู 3 ครั้ง
เห..พี่สนเดี๋ยวนี้ตื่นเช้าเป็นแล้วเหรอเนี่ย น่ารักจัง
“ตื่นแล้วค่ะ”  ชั้นตะโกนตอบกลับไป แล้วหันมาสนใจกับการหวีผม ที่เพิ่งไดร์เสร็จ
“พี่เข้าไปนะ”  ว่าแล้วต้นสนก็เปิดประตูเข้ามา  เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง แล้วนั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเอามือจัดผมให้เข้าทรง แล้วเปิดฉากคุย
 
“ลี่จะไปไหนเหรอ ถึงรีบแต่งตัวตั้งแต่เช้า”
“ไปหาเพื่อน”
“ไม่พักผ่อนก่อนเหรอ  เพิ่งกลับมาเองนะ”
พี่สนขา ลี่รู้ว่าพี่หวังดี แต่ถ้าลี่ไม่ไป มันก็เอาบาซูก้ามาถล่มบ้านเราสิคะ
“เมื่อวานลี่ก็พักเต็มที่แล้วน๊า”  ชั้นยังคงหวีผมต่อไป
“ดื้อชะมัดเลย” พี่สนเดินมาลูบหัวชั้นเบาๆ  ชอบจังเลยอ้ะ
พี่สน ถ้าไม่ดื้อ ก็ไม่ใช่สาลี่แล้วล่ะ 
“ลี่จะไปหาเพื่อนที่ไหน พี่ไปส่งไหม”
“เออ..นั่นสิ วันนี้พี่สนจะไปไหนแต่เช้า”
เพิ่งนึกได้ว่าพี่เค้าแต่งตัวเรียบร้อย พร้อมที่จะไปข้างนอกเต็มที่
“ไปหาเพื่อน” พี่สนตอบยิ้มๆ  “จะไปไหมล่ะ”
ถ้าไปหาเพื่อนพี่ แล้วเพื่อนลี่ล่ะ
“ไม่อ้ะ นัดกับเพื่อนเอาไว้”
 
“ไอ้สน เฮ้ย ไปรึยัง”  เสียงใบไม้มันแหกปากกลางบ้านอยู่ข้างนอก แล้วเปิดประตูเดินเข้ามา ก่อนจะทำตาโตเท่าไข่ห่าน
มึงไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ
 
“ไอ้ลี่ แกจะไปไหนวะ” ใบไม้เดินเข้ามานั่งใกล้ๆต้นสน
“ไปตามชะตากรรม”
“ดูการ์ตูนญี่ปุ่นมากไปรึแก”
ไอ้ปากมัจฉา  การ์ตูนญี่ปุ่นสนุกนะเว้ย กูดูทุกเช้าเลย
“แล้วแต่จะคิด” 
เอ..แหวนประจำกลุ่มกูอยู่ไหนหว่า..อ๊ะ เจอแล้ว
“เอ้า ตอบมาสิ แกจะไปไหนแต่เช้า ปกติตื่นเที่ยงนี่”
ชั้นใส่แหวนประจำแก๊งที่นิ้วนางซ้าย ไม่มีใครหมั้นหมายไว้หรอก เผอิญพวกกลุ่มเดียวกับชั้นมันใส่นิ้วนี้หมด
ว่าแต่ใบไม้ แกทนเห็นชั้นอารมณ์ดีไม่ได้ใช่ไหม  ตื่นเที่ยงนี่มันมีที่ไหน
“ไปหาเพื่อน”
“ที่ไหนอ่ะ”
เจือกจริงๆนะมึง 
“หน้าสุสานพี่แหละ”
ไอ้ใบไม้มันทำท่าจะเอาหมอนมาโยนใส่หัวตู อย่าหวังตูเพิ่งหวีเสร็จ
พี่สนดึงเสื้อใบไม้ให้ใจเย็นๆ แล้วยิ้มแห้งๆ
“พี่สนไปส่งหน่อยสิ”
ตามด้วยสร้อยข้อมืออีก 6 อัน หลากชนิดดีจริง และสร้อยทหารอีก 1
“จะให้พี่ไปส่งที่ไหนล่ะ สาลี่” พี่สนยืนขึ้นมาแล้วเดินไปพิงกำแพงห้อง
“หน้าโรงเรียนเก่าของลี่”
“เฮ้ย ไอ้สน แกอย่าไป เชื่อกู”
ใบไม้ ลี่ไม่เคยสอนให้พี่เป็นคนสอดอย่างนี้นะ
“อืมม์..”
ต้นสนทำหน้าเหมือนใช้ความคิด
“ไม่มีใครกล้าทำอะไรพี่หรอก รับรอง”
ชั้นให้คำมั่น
แน่นอน..ใครกล้าแตะพี่ชายของสาลี่แห่ง Destiny มั่งล่ะ  ได้ส่งไปโรงพยาบาลก่อนอ้ะดิ
“ลี่ แกรู้หรอ ว่าพี่พูดอะไรกันอยู่” ใบไม้ถามขึ้นมา  แล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย
ทำไมชั้นจะไม่รู้ แก๊งพวกพี่ กับแก๊งชั้นอยู่คนละถิ่นกัน และก็ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลไม่แพ้กัน ที่ไม่กล้ามาเดี่ยวๆเพราะกลัวจะโดนอีกฝ่ายรุมโทรม หรือประกาศศึกน่ะสิ
“รู้บ้าง”
“รู้แค่ไหน บอกมาสิ”
ใครจะไปบอก  พวกพี่ไม่รู้ว่าชั้นอยู่แก๊งDestinyก็ดีแล้ว
“แค่โรงเรียนลี่มีแก๊งอยู่แก๊งนึง”
ใบไม้ทำหน้าหนักใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็น่ารักดีนะเนี่ย อ้าว นี่ทำไมชั้นชมพี่ชายตัวเองบ่อยจัง
“แค่นั้นหรอ”
ไม่มั้ง
“ไม่รู้สิ”
หลังจากสิ้นคำพูด ต้นสนถอนหายใจ  ใบไม้ยังทำหน้ากังวลอยู่
“เอาเป็นว่าพี่ไปส่งลี่ละกัน”
เย้ พี่สนใจดีที่สุดเลย รักพี่สนม๊ากมาก
“อื้อ งั้นไปเลย”
ชั้นแต่งตัวเสร็จพอดี เอาละ สวยพอแล้ว
“สาลี่”
ใบไม้เรียก
“หือม์” มีอะไรหรอ อย่าบอกนะว่าข้องใจเรื่องแก๊งชั้นน่ะ
“วันนี้แกแต่งตัวดูดีกว่าปกติไปรึเปล่า หรือพี่คิดไปเอง”
ใบไม้นอนหมุนไปหมุนมาบนเตียงชั้น
“พี่คิดไปเอง”
มันจะไม่แต่งให้ดีได้ไง  วันนี้วันรวมแก๊งเชียวนะ
“อ้ะๆ ไปกันเถอะ” ต้นสนเรียกให้ออกจากห้อง ก่อนจะปิดแอร์ปิดไฟ
พี่สนให้ชั้นนั่งมอร์เตอร์ไซด์ของพี่เค้า  ใบไม้ก็มีอีกคันของตัวเอง เอ..ตั้งแต่เมื่อไหร่
ต้นสนขับรถไปส่งสาลี่ที่หน้าโรงเรียน โดยมีใบไม้ขับประกบตามไปด้วย
“พี่ไปแล้วนะ สาลี่”
ต้นสนพูด แล้วยิ้มให้ ใบไม้หยุดรถข้างๆพี่สน  ชั้นลงจากรถ แยกจากพวกพี่ชายแล้วกำลังจะเดินเข้าไปในโรงเรียน
ก่อนที่รถของพี่ชายทั้งสองคนของชั้นจะออก ก็มีเสียงของเด็กที่เดินอยู่แถวๆโรงเรียนชั้นตะโกนขึ้นมา
“เฮ้ย!! นั่นมันคนของแก๊งG.K.นี่หว่า !!” 
เสียงของชายหนุ่มคนนึงตะโกนขึ้นมา แล้วพวกเพื่อนๆมันก็วิ่งกรูเข้ามาทำท่าจะล้อมพี่ชายทั้งสองคนของชั้น
ชั้นหันหน้ากลับไปมองไอ้พวกผู้ชายนี่มันโรงเรียนชั้นแน่นอน เพราะบางคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง  ถึงไม่เห็นหลายปี แต่ชั้นมั่นใจในความจำอันดีเลิศของชั้น
..เฮ้ย พวกมึงกล้ารั้งตัวพี่ชายกูไว้หรอ..พี่สนพี่ไม้ขับรถชนมันเลย..เฮ้อ ลืมไปว่าพี่ไม่อยากมีเรื่อง
พี่ชายชั้นถึงจะเก่ง แต่ก็สู้ไอ้เวรเป็นฝูงพวกนี้ไม่ได้หรอก  พี่ชั้นมาแค่ 2 คนเองน๊า  พวกแกอย่าทำอะไรเค้านะ
“ไอ้นพ จับตัวมันไว้ให้ฟรายเดย์ดีกว่า เผื่อโชคดีได้รางวัล” ไอ้เชี่ยตัวนึงมันตะโกนบอกไอ้บ้าชื่อนพ  แล้วขับมอร์เตอร์ไซด์มาล้อมพี่ชายชั้นสองคน ซึ่งกำลังหันหน้ามามองกัน พี่สนถอนหายใจ
นับหนึ่งถึง 5 ถ้าพวกแกไม่เลิกล้มความตั้งใจชั้นเอาเรื่องแกแน่
นับหนึ่ง...นับสอง..สาม..สี่..ห้า มึงยังไม่เลิกตะโกนด่าพี่ชายกูใช่ไหม
“ขอโทษนะคะ พี่ๆมีอะไรกันรึเปล่า”
ชั้นเข้าไปถามผู้ชายคนที่ตะโกนบอกคนชื่อนพ ซึ่งจากหน้าตา และรูปร่างมันอายุมากกว่าชั้นแน่นอน พี่สนกับพี่ไม้มองหน้ากัน แล้วหันมามองชั้น
“เอ่อ..น้องอยู่โรงเรียนนี้ปะ”
ชั้นพยักหน้า และสวมหน้ากากอย่างไมตรีที่สุด
“ไอ้พวกนี้มันเป็นสายของแก๊งG.K.”
G.K. >>Grey Key คือแก๊งของพี่ชายชั้น ที่โด่งดังไม่แพ้กับ Destiny 
นี่แสดงว่า พี่ชายชั้นก็ดังเหมือนกันนะนี่
“แล้วไงเหรอคะ”
“แล้วไงล่ะน้อง ก็ปล่อยไปไม่ได้ไง ถ้าฟรายเดย์รู้ ละก็  อาจจะได้รางวัลก็ได้นะ ว่าพวกเราจับสายได้”
รุ่นพี่ผู้ชายหน้าอุบัดซบ อีกคนตะโกนตอบแทน
“พวกพี่ๆรู้จักสาลี่ไหม”
ชั้นถามตรงๆ พี่ชายสองคนของชั้นทำหน้างงๆ  แล้วหันไปสบตากันอีกครั้งอย่างแปลกใจกับคำถามของชั้น
พวกผู้ชายไม่หล่อ ไม่น่าอยู่โรงเรียนชั้นเลย มันพูดตอบกันมาอย่างล้นหลาม ว่ารู้จัก รู้จักดี ใครไม่รู้จักก็เชยเต็มที
“รู้สิ  สาลี่ รู้จักดีด้วย แต่ตอนนี้เค้าอยู่ต่างประเทศนี่น้อง เอาเถอะ น้องอย่าเพิ่งพูด หรือถามอะไรเลย ดูพี่ยำไอ้พวกนี้ดีกว่า”  มันตอบกลับมา
“งั้น..ปล่อย 2 คนนี้ไปซะ”
เอ..ง่ายไปรึเปล่า ไอ้ลี่
“อ้าว น้องพูดอะไรอย่างนั้นล่ะ เรื่องอะไรจะปล่อย ถึงจะปล่อยก็ขออัดให้เข้าโรงพยาบาลก่อน”
“ถ้าอย่างนั้น..พวกพี่เองก็คงอยากจะเข้าโรงพยาบาลเหมือนกันใช่ไหม เพราะสาลี่ไม่ให้ทำอะไร 2 คนนี้”
น่ารำคาญจริง ชั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน
ชั้นยกมือข้างที่มีแหวนของแก๊งขึ้นมา เสยปอยผมไปด้านหลัง
พอไอ้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดเห็นแหวนมันรีบกระซิบบอกเพื่อนๆมัน แล้ววิ่งหนีแตกกระจายกันใหญ่
“ไม่ได้เรื่อง”
ไม่ไหว ผู้ชายโรงเรียนชั้นมีแต่พวกงี่เง่า  ไร้ประโยชน์  ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร
“พี่สน พี่ไม้ รีบไปได้แล้ว”
สิ้นเสียงชั้นรีบเดินหนี ก่อนที่พวกพี่ของชั้นจะถามอะไรขึ้นมา
“สาลี่”
เสียงไอ้ฟินเรียกให้ชั้นหันไปมอง มันเดินมาหาชั้นแล้วนั่งลงที่เก้าอี้หิน
“ไงเพื่อน ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีไหม”
มันถามชั้นด้วยน้ำเสียงใสๆ  มัฟฟิน หรือฟินเป็นเด็กผู้หญิงผิวขาวตัวเล็ก ไม่สูง ผมสีดำขลับสไลด์หน้าเป็นปอยเหมือนชั้น  วันนี้มันผูก 2 จุกแบบต่ำ ทำให้มันน่ารักไปอีกแบบ  บวกกับหน้าตาที่ใสๆ ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย
“อื้อ สบายดี แล้วแกล่ะ”
มันเข้ามากอดชั้น เรากอดกัน และคิดถึงแกจังเลย มัฟฟิน
“นี่ แกรู้ไหม  ฟรายเดย์เรียกสมาชิกกลับมาเพียบเลยอ้ะ”
มันเริ่มคุยเรื่องในระหว่างที่ชั้นไม่อยู่ เรื่องทุกเรื่องที่ชั้นไม่รู้
“สาลี่ชั้นว่าโรงเรียนเราไม่น่าเปิดเป็นโรงเรียนสหเลยเนอะ”
ใช่..โรงเรียนชั้นเปิดเป็นโรงเรียนสหเมื่อ 4 ปีที่แล้ว  แต่ก่อนโรงเรียนที่รักแห่งนี้มีแต่หญิงล้วน ซึ่งถูกส่งมาดัดนิสัยซะมากกว่า และชั้นคือหนึ่ง
ในนั้น เสียแต่ว่าไม่ได้ช่วยให้นิสัยชั้นดีขึ้น  แต่กลับเพิ่มความมารยามากขึ้นซะด้วย
“นั่นสิ มีแต่ผู้ชายไม่ได้เรื่อง”
ชั้นบ่น แล้วถอนหายใจ
“แกหมายถึงไม่หล่อใช่ปะ” โอ้ มิฟฟี่ แกนี่รู้ใจชั้นจัง  ชั้นพยักหน้า มันก็หัวเราะเบาๆ
“นี่ๆ  หนุ่มหล่อๆเก่งๆเจ๋งๆเข้าแก๊งเราเพียบเลยแกรู้เปล่า”
อ้ะเหรอ..ไม่รู้  แกอย่าลืมแนะนำ
“ฟรายเดย์ปฏิวัติโรงเรียนหรอ”
ชั้นถามเล่นๆ ไอ้มัฟฟินมันพยักหน้าแล้วหัวเราะสะใจ
“เฮ้!! ลี่ ฟิน”
เสียงๆหนึ่งที่ชั้นคุ้นเคย และไม่ได้เจอมานานเรียกชั้น และฟิน
“ไอ้หวัน มาเร็วจัง” มัฟฟินเอ่ยทัก  หวันเป็นเด็กผู้หญิงผมซอยสั้น สูงกว่าชั้นเล็กน้อย หน้าตาน่ารัก ออกจะเท่ห์ด้วยซ้ำ แก๊งชั้นหน้าตาดีทุกคน เพราะได้รับคัดเลือกมาดี แหงล่ะ
ไอ้หวัน ชื่อเล่นจริงๆเต็มๆคือ หลี่หวัน น่ารักแม้กระทั่งชื่อเนอะ  มันเจาะหูข้างละ 3 รู เยอะกว่าชั้น กับฟินเป็นเท่าตัว
วันนี้มันแต่งแบบเสื้อห่านคู่สีขาว กับกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลเข้ม กับอีก 1 กระเป๋าสะพาย
“ลี่ ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงมั่ง ญี่ปุ่นเค้าว่ามีดอกซากุระด้วย สวยปะ”
ไอ้หวันถามอย่างอารมณ์ดี เอ่อ..หวันขอโทษที ที่ลืมถ่ายรูปมาให้แกดู ทั้งที่แกสั่งเสียไว้แล้ว
“สวยมากหวัน เด็กที่นั่นหล่อมากเลยนะแก”
ประมานว่า..เบี่ยงเบนความสนใจเต็มที่
“แล้วไหนรูปที่ฝากถ่ายวะ” ไอ้หวันอย่ามาฉลาดแถวนี้
“อ้อ..ถ่ายให้แล้ว ตอนนี้มันยังไม่ได้กดชัตเตอร์เลย”
เงียบ....อึ้งกันเป็นแถว อะไรมุกเราแป้กมากเรอะ อยู่ในหนังสือท่องเที่ยวก็ได้นะ
“อืมม์..แล้วนี่แกจะย้ายโรงเรียนหรอ”
มัฟฟินมันพูดท็อปปิกสำคัญ
“อื้อ คงอย่างงั้น”  เค้ายังอยากอยู่โรงเรียนนี้ต่ออ้ะ แง..
หวันนั่งลงข้างๆชั้น  และก็เกิดความเงียบ
“เราย้ายไปกับแกนะ” ไอ้หวันเพื่อนรัก แกพูดจริง หรือมิกเมก
“จริงง่ะ”
“อือ..ไม่ได้เหรอ”
“ใครบอกไม่ได้ ยิ่งกว่าได้ซะอีก เพราะถึงแกไม่พูดชั้นก็จะลากแกไป”
“ไอ้ลี่..”
แหะๆ..แกต้องไปกับชั้นเพื่อนตายเว้ย
“ลี่ งั้นเราไปด้วยนะ แล้วจะจัดการเรื่องย้ายทันไหมเนี่ย” มัฟฟินพูด แล้วถอนหายใจ
ถ้าพวกแกย้ายไปพร้อมชั้นมันเรื่องใหญ่นา..
“ถ้าจะย้ายตามจริงๆพวกแกทำเป็นไม่รู้จักกัน แล้วไปรู้จักกันใหม่ตอนย้ายไปแล้ว ตอนนี้พี่ชายชั้นก็ระแคะระคายเรื่องแก๊งเราอยู่”
ชั้นพูดแล้วหมุนแหวนที่นิ้วนางซ้าย
“เดี๋ยวถามฟรายเดย์ดูละกัน ว่าจะเอายังไง”
เสียงอีกเสียงหนึ่งมาจากข้างหลังไอ้ฟิน
รุ่นพี่ม.5 ในแก๊งเดียวกัน เป็นผู้หญิงที่จัดได้ว่าหน้าตาดี ผมสีน้ำตาลเข้มของพี่เค้าดัดเป็นลอนด์ยาวถึงกลางหลัง
“ไดซ์ สวัสดี”
ชั้นทักทายรุ่นพี่สุดสวยที่หาวหวอดๆ มานั่งข้างๆฟิน
“อื้อ ดี ไปเที่ยวสนุกไหม ลี่”
ลี่ไปเรียนนะ เจ๊    ไม่ได้ไปเที่ยว
“ก็ดี ถ้าไม่นับตอนที่ไปคารวะพ่อของมิยูกิ เกือบตายคาญี่ปุ่น”
นึกถึงตอนที่ไปญี่ปุ่นแล้วสยอง    พี่ไดซ์ก็หัวเราะคิกคัก น่ารักเป็นบ้าเลย
    ไดซ์เป็นเพื่อนสนิทกับ ฟรายเดย์    เรื่องตบเรื่องตีก็ไม่แพ้กับความสวย
“คุยอะไรกันอยู่หรอ”
รุ่นพี่อีกคนกระโดดมาเกาะไหล่ไดซ์ เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงผมซอยสั้น หน้าตาน่ารัก  ดูไร้เดียงสา  ผมเป็นสีม่วงออกดำ ถ้าดูใกล้ๆก็คงจะคิดว่าเป็นสีดำเลย
“อ้าว วอยซ์  มาแล้วเหรอ”
ไดซ์ทักทายวอยซ์ ที่ส่งยิ้มหวานๆมาให้เราสามคน
“ฮื่อ จะบอกว่าฟรายเดย์ กับคนอื่นๆมากันหมดแล้ว รออยู่ที่ม. 5/3”
“ไอ้ฟรายเดย์!! แล้วมันให้ชั้นมารอข้างล่างทำส้นตึกอะไรล่ะเนี่ย” ไดซ์ลุกขึ้นมาอาละวาด วอยซ์พยามบอกให้ไดซ์ใจเย็นๆ หวันถอนหายใจ แล้วยืนขึ้น ชั้นกับมัฟฟินก็ยืนตาม  แล้วตามหลังไดซ์ที่เดินกระทืบเท้าขึ้นอาคารเรียนไป
“มากันแล้วเหรอเด็กๆ”เสียงใสๆของใครซักคนในห้องดังออกมาข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงบ่นของไดซ์
“ฟรายเดย์ เธอบอกให้ชั้นไปรอที่ม้าหินทำไม เสียเวลาจริงๆ”ไดซ์บ่นก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ห้องเรียนที่ถูกจัดเป็นที่ประชุม  ตรงกลางเว้นช่องว่างไว้ มีเด็กผู้หญิงน่ารักมากนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมสไลด์ของเธอปล่อยยาวปะบ่า ดวงตากลมโต รูปหน้าเหมือนเด็ก  ดูอ่อนต่อโลก และไม่รู้เรื่องรู้ราว  เธอยืนขึ้นเมื่อพวกเราเดินเข้ามาในห้อง  และนี่คือ ฟรายเดย์
ในห้องมีทั้งเด็กชาย และเด็กหญิงคละกันไป  ต่างหน้าตาดีๆ และหล่อ สวยทั้งนั้น บางคนไม่สวยแต่น่ารัก ซึ่งล้วนแต่มีใบหน้าเป็นหน้ากากทั้ง
สิ้น
“สาลี่!! เราคิดถึงเธอจังเลย”
เสียงจากเด็กผู้หญิงใส่แว่น ผมสีดำถักเปียเดียวพาดไว้ที่ไหล่  เงยหน้าจากหนังสือบนโต๊ะขึ้นมามอง แล้วยิ้มมาให้ชั้น
“ข้าวฟ่าง หวัดดี ชั้นก็คิดถึงเธอนะ”  ชั้นยิ้มตอบกลับไป
“เอ้าๆ หาที่นั่งกันได้แล้ว ไม่ต้องมองหน้าเด็กใหม่มาก เดี๋ยวก็รู้จักกันเองล่ะ”ฟรายเดย์พูด แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่
ชั้น ฟิน และหวัน นั่งติดกัน ส่วนไดซ์ กับวอยซ์ไปนั่งหน้าฟรายเดย์
“อื้อ มากันครบแล้วใช่ไหม” เด็กสาวพูด แล้วมองไปรอบๆตัว “ดี เริ่มด้วยเรื่องแรก ขอแจ้งแก่เด็กใหม่ทุกคนนะ”
เด็กใหม่คือกลุ่มที่ใส่ชุดนักเรียนมา  ชุดนักเรียนเป็นชุดแขนสั้นสีขาว มีเนคไทสีดำ  ผู้หญิงจะเป็นกระโปรงนักเรียนสีดำ ยาวแค่เข่า  ส่วนผู้ชายเป็นกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำ
“นี่คือสัญลักษณ์ของแก๊งเรา” ฟรายเดย์แบมือแล้วยื่นไปให้พวกเด็กใหม่ดู “พวกเธอก็รู้จักกันดีอยู่แล้วล่ะนะ”
ผีเสื้อสีเงิน ซึ่งมีปีกข้างหนึ่งเป็นสีดำ ส่วนอีกข้างเป็นสีเงินเหมือนตัวผีเสื้อแต่จะสลักชื่อเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งเรามานาน
“เดี๋ยวพวกเธอจะได้รับไป แต่ผีเสื้อที่พวกเธอจะได้เป็นแค่แบล็กบัตเตอร์ฟรายธรรมดา  เป็นผีเสื้อปีกเงิน”
ฟรายเดย์พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริง
ผีเสื้อปีกเงินเป็นสัญลักษณ์ของสมาชิกแก๊ง Destiny ที่ถูกจัดไว้ว่าเป็นแบล็กบัตเตอร์ฟราย ถึงมันจะแปลว่าผีเสื้อสีดำ แต่ในแก๊งก็เป็นเพียงแค่ส่วนของผู้ตาม เยี่ยงผีเสื้อที่มีปีกสีเงินทั้งสองปีก ซึ่งไม่มีความโดดเด่น
ส่วนพวกฟรายเดย์ ไดซ์ วอยซ์ ชั้น มัฟฟิน หลี่หวัน และอื่นๆอีก จะถูกเรียกว่า ลีดเดอร์ คือผู้นำ
เป็นผู้ที่คนอื่นจะยำเกรงที่สุด ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ต่างออกไป คือมีปีกซ้ายเป็นสีดำสนิท  แล้วมีอีกขวาสีเงินไว้สลักชื่อ ผู้ที่ถือสิ่งนี้จะถูกเรียกว่า ผีเสื้อปีกดำ
การที่จะเลื่อนขึ้นมาเป็นลีดเดอร์ได้นั้นต้องเป็นที่โปรดปราน หรือเป็นไปตามความเห็นของลีดเดอร์ ที่เป็นรุ่นพี่  หากมีความเห็นเหมาะสมพ้องกันว่าจะให้เลื่อนขั้น และผีเสื้อจะถูกนำไปเปลี่ยน เพิ่มสีดำลงไปที่ปีกข้างซ้าย  แต่ถ้าหากทำเรื่องที่ไม่สมควร หรือความประพฤติแย่ ก็ถูกกดอำนาจกลับไปเป็นผีเสื้อปีกเงินธรรมดาได้เช่นกัน ซึ่งการถูกไล่กลับไปเป็นแบล็กบัตเตอร์ฟราย จะง่ายพอๆกับการให้ขึ้นมาเป็น ลีดเดอร์ ซะอีก นั่นก็คือ เข้าง่ายก็ออกง่าย
พวกที่ต้องถูกไล่กลับไปเป็นแบล็กบัตเตอร์ฟรายใหม่ ส่วนมากจะถูกไล่ออกจากแก๊งไปเลย
พวกเด็กใหม่พยักหน้ารับ  มีเด็กใหม่คนหนึ่งเอ่ยปากถาม
“แล้วพวกผมไม่ต้องทดสอบอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
ฟรายเดย์ทำท่าคิด แล้วยิ้มตอบ “แล้วแต่อารมณ์ชั้น”
“อ้อ..ที่ชั้นจะแจกให้เป็นตัวผีเสื้อนะ เธอจะเอาไปทำเป็นอะไรก็ได้ แต่ห้ามหายเด็ดขาด ถ้าหายนั่นหมายความว่าระหว่างเราจบสิ้นทันทีนะจ๊ะ  แนะนำให้ว่าเอาไปเชื่อมติดกับแหวนทำเป็นหัวแหวน  หรือเป็นจี้ห้อยคอก็ได้ หรือจะทำเป็นกำไร แต่ทางที่ดีควรทำให้เด่นๆ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้อำนาจได้ง่าย”
“เรื่องต่อไป คืองานของสาลี่ที่สำเร็จด้วยดี ยินดีต้อนรับกลับมานะ” หัวหน้าแก๊งDestinyหรือลีดเดอร์บัตเตอร์ฟราย 
ยิ้มมาให้ชั้น  สมาชิกคนอื่นๆก็ตบมือกันอย่างครื้นเครง
มิยูกิที่มันนั่งตรงข้ามชั้น ยิ้มมาให้  อ่า เหอะๆ  ชั้นอายเป็นนะ
“พี่ครับ นั่นคือสาลี่หรอ ผมเพิ่งจะเคยเห็น น่ารักกว่าที่จินตนาการไว้ตั้งเยอะ”
ใครพูดเอ่ย...ชั้นจะพาไปเลี้ยงขนม
ไดซ์ หลุด ก๊ากออกมา แล้วขำจนแทบจะตกลงไปที่พื้น..ขำมากเหรอพี่
“ไดซ์มีอะไรรึเปล่า”  วอยซ์เอ่ยถาม เพราะคิดว่าเพื่อนของเธอท่าทางจะหัวเราะจนตาย
“เปล่าๆ เมื่อกี้ใครบอกว่าสาลี่น่ารักนะ”
มีปัญหาเรอะพี่  น้องคนนั้นแค่พูดความจริง
เด็กในแก๊งฝ่ายแบล็กบัตเตอร์ฟรายคนหนึ่งยกมือขึ้น มีเพื่อนข้างๆมัน 2-3 คนพูดเสริมขึ้นมาว่า
“ผมก็เห็นด้วยนะไดซ์ ไหนพี่บอกว่าสาลี่น่ากลัวไง”
 
“นั่นสิๆ ไม่เห็นน่ากลัวเลย น่ารักจะตาย”
แหม..แบบนี้ชั้นก็ลอยสิ..เฮ้ยๆ มัฟฟินมึงดึงกูไว้ด้วยนะ  เอ๋..เดี๋ยว ไดซ์ พี่บอกว่าลี่น่ากลัวเรอะ..เดี๋ยวเค้าเข้าใจผิดกันหมด
ไดซ์ที่ตอนนี้ลงไปปล่อยฮาที่พื้นไม่ยอมขึ้นมา จนฟรายเดย์ต้องเดินไปลากให้ลุกกลับมานั่งเก้าอี้
“ก็..พวกแกยังไม่รู้จักไอ้ลี่ดีเท่าชั้นนี่หว่า..เฮ้อ..เหนื่อยโว้ย”
เดี๋ยวพี่ได้รู้จักลี่ดีขึ้นแน่ๆ
“ไดซ์ ขำมากเหรอ แหมก็ดีนะ ไดซ์อย่าลืมยิ้มวันละ 15 นาทีล่ะ หน้าจะได้ไม่แก่ ตี นกาจะได้ไม่ขึ้น”
“ไอ้สาลี่!! ชั้นยังไม่แก่”ไดซ์คว้าเก้าอี้มานั่ง
“ลี่ไม่ได้บอกว่าไดซ์แก่นะ คนเรามันต้องแก่ประสบการณ์ความรู้จริงไหม”
ไดซ์มันเลิกเถียง เพราะคุณหนูที่น่ารัก และทรงอิทธิพลที่สุดตวัดสายตาไปมอง ไดซ์ก็หลบสายตาหันไปทางอื่น
“สาลี่ ช่วยเล่าเรื่องที่ไปที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ได้ไหม” ฟรายเดย์ถามอย่างอยากรู้ แล้วเลื่อนเก้าอี้มานั่ง
“ก็ได้ มันก็สนุกอ้ะนะ ถ้าไม่นับตอนที่ไปขอมิยูกิกับคุณพ่อ..อะไรนะมิยูกิ...ชิชะอ้ะเปล่า..มหาโหดนั่นน่ะ”
มิยูกิยิ้มแหยๆมาให้ชั้น “ชิชิต่างหาก ไม่ใช่ชิชะ แต่นั่นมันชั้นเรียกเธอต้องเรียกโอโต้ซัง”
“เออ..อะไรอีโต้นั่นแหละ ตอนไปอ้ะนะ อีโต้ทำอย่างกะลี่จะไปขอแต่งงาน” ชั้นพูดแล้วถอนหายใจ เมื่อนึกถึงหัวหน้าโรงฝึกเคนโด้
“แหม สาลี่แกจะเปลี่ยนเพศแล้วเหรอ” ไอ้หวัน..แกอยากลองเป็นผีเฝ้าโรงเคนโด้ไหม
ชั้นหันไปมองหลี่หวันอย่างค้อนๆแล้วหันกลับมา  ซึ่งเรียกเสียงฮาจากแก๊งได้มากพอสมควร
“แล้วลี่ทำยังไง โอโต้ซังถึงยอมให้เอามิยูกิมาล่ะ” คุณหนูผู้น่ารักถามขึ้น
“อ้อ เรื่องนี้ง่ายๆฟรายเดย์  เข้าทางพ่อไม่ได้ ยังเหลือพี่ชาย 1 พี่สาว 1 กับฮะฮะอีก 1 เรียกฮะฮะใช่ไหมมิยุ”
มิยูกิส่ายหน้า  “เธอต้องเรียกโอก้าซัง”
“เฮ้อ อะไรนักหนา บาซูก้านั่นน่ะ ค่อยใจดีหน่อย คนไทยด้วยกันพูดรู้เรื่องกว่ามีดอีโต้เยอะ “
มิยูกิเอามือกุมขมับที่ตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอกลายเป็นอาวุธเรียบร้อย
“ชั้นก็อ้างว่าอยากให้มิยูกิกลับไปเยี่ยมพวกเพื่อนๆ แล้วยังไงตอนนี้ก็ว่างๆอยู่แล้ว ก็ไปเรียนที่ไทย 1 เทอมดู ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศ” 
ชั้นเริ่มเล่าต่อหลังจากหงุดหงิดกับชื่อของชิชิ ฮะฮะ ของมิยูกิ
“ตอนแรก บาซูก้าก็ไม่ให้ไปหรอก แต่พอบอกว่าพี่ชายชั้นหล่อมาก แล้วเอารูปพี่สน กับพี่ไม้ให้ดู  บาซูก้าก็ยกมิยูกิให้จัดส่งไปเมืองไทย  บอกว่ากลับมาต้องเอารูปพี่ชายชั้นกลับมาด้วยเยอะๆ”
มิยูกิมันกุมขมับหนักขึ้น  ในขณะที่คนในแก๊งปล่อยก๊ากออกมา
“เมื่อได้อิทธิพลจากบาซูก้า แล้วก็เหลือพี่สาว ซึ่งสนิทกันดี ก็เลยไม่มีปัญหา  มาทางพี่ชายก็ใช้เทคนิคส่วนตัวเล็กๆ ทำให้เชื่อใจ แล้วก็เรียบร้อย พระบิดาอีโต้จะว่าไง 1 ต่อ 3 ไงๆก็ชนะขาด”
มิยูกิถอนหายใจที่พี่ชาย กับพี่สาวมันไม่กลายเป็นมนุษย์ดัดแปลง
“อื้อ สาลี่แล้วเรื่องที่เธอจะย้ายโรงเรียนล่ะ” ไดซ์เอ่ยขัดจังหวะที่ฟรายเดย์กำลังอ้าปากถาม  คุณหนูเริ่มขุ่นเคืองใจไม่พอใจที่มีคนขัด เลยหันหน้าไปจ้องไดซ์ที่ยิ้มกลับมา
“อ้อ ค่อนข้างจะจริงน่ะ”
“อืมม์ งั้นไหนๆก็ไปอยู่โรงเรียนเดียวกับแก๊งกุญแจสีเงินแล้ว ก็เป็นสายซะเลยสิ”
ฟรายเดย์พูดแล้วเกาคางตัวเอง 
มีเสียงฮือฮาในแก๊งขึ้น แต่พอฟรายเดย์กวาดสายตาไปพวกนั้นก็เงียบลงทันที
“ฟรายเดย์ เธอว่าแบบนั้นมันจะดีเหรอ เรากับมันไม่เคยมีเรื่องกันนะ”
เสียงรุ่นพี่ผู้หญิงคนนึงเอ่ยถามขึ้น  ไดซ์ตอบกลับแทนฟรายเดย์ “สอง ชั้นว่าน่าคิดนะ”
สอง เป็นแค่ฉายา เหมือนกับ ไดซ์ วอยซ์ ส่วนฟรายเดย์นั้นไม่แน่ใจ  ชื่อจริงๆของพี่สอง คือเพลง  มาจาก เพลง คือ Song  ซองเพี้ยนเสียงเป็น สอง  พี่เค้าเป็นผู้หญิงผมยาวพอๆกับมัฟฟิน รวบครึ่งหัว แบบเด็กญี่ปุ่น ที่เหลือปล่อยยาว
“สาลี่ เธอว่าดีไหม” ฟรายเดย์หันมาถามชั้น
ชั้นหันหน้าไปมอง มัฟฟิน กับ หลี่หวัน แล้วจึงตอบว่า
“ไม่”
  การรวมกลุ่มครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะสมาชิกทั้งหมดกลับมารวมตัวกัน จากที่กระจัดกระจายไปอยู่ต่างประเทศ ต่างโรงเรียน
      เพียงเพราะคำสั่งจากฟรายเดย์ให้ตามสมาชิกทั้งหมดกลับมาสู่ชะตากรรมของพวกเรา  เดสทินี่ ซึ่งแปลว่าชะตากรรม โชคชะตา  เป็นชื่อที่หัวหน้าแก๊งรุ่นที่สี่ตั้งขึ้น  ในปัจจุบันนี้ฟรายเดย์คือหัวหน้ารุ่นที่เก้า  และเป็นหัวหน้าที่ขึ้นครองตำแหน่งผู้ที่ใหญ่ที่สุดด้วยอายุที่น้อยที่สุดในหัวหน้าทั้ง 9 คน
      จากข้างต้นที่กล่าวไป ฟรายเดย์สั่งให้ตามสมาชิกกลับมาทั้งหมด  สมาชิกแต่ละคนก็จะรับคำสั่งให้ไปตามล่าหาตัวมา อย่างชั้น ไปเรียน
อเมริกาตอนม.2ทั้งปี ก็ต้องไปตามหา  แอนนา  สปริงเบิร์ก เด็กหญิงอายุเท่ากันที่นั่น พร้อมกับหาสมาชิกใหม่กลับมาด้วย  และในปีนี้ชั้นต้อง
ถ่อไปเรียนญี่ปุ่นอีก 1  ปี เพื่อตาม มิยูกิ ทาเคอุจิ สาวเคนโด้กลับมา
     
    อย่างที่ว่างานแต่ละงานไม่ใช่ง่ายๆ มันหมายถึงชีวิต และอนาคตของตัวชั้นเอง เป็นสิ่งที่ชั้นต้องไขว่คว้าเอามา 
การเดินทาง 2 ครั้งนี้  ประโยชน์ที่ได้รับคือ ภาษา การศึกษา ประสบการณ์ เพื่อน ความรู้  และที่สำคัญคือความสำเร็จในงาน   
     
      สมาชิกในแก๊งส่วนใหญ่เป็นลูกคนรวยทั้งนั้น เรื่องพวกนี้เลยไม่เป็นปัญหาทางด้านการเงินของครอบครัว  บ้านชั้นไม่มีปัญหาตั้งแต่แรก
ไม่ใช่เพราะเรื่องการเงินอย่างเดียว แต่คุณพ่ออยากให้เรียนเมืองนอก
   
“สาลี่ ลี่ๆ ตื่นรึยัง” เสียงต้นสนตะโกนเข้ามา แล้วเคาะประตู 3 ครั้ง
เห..พี่สนเดี๋ยวนี้ตื่นเช้าเป็นแล้วเหรอเนี่ย น่ารักจัง
“ตื่นแล้วค่ะ”  ชั้นตะโกนตอบกลับไป แล้วหันมาสนใจกับการหวีผม ที่เพิ่งไดร์เสร็จ
“พี่เข้าไปนะ”  ว่าแล้วต้นสนก็เปิดประตูเข้ามา  เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง แล้วนั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเอามือจัดผมให้เข้าทรง แล้วเปิดฉากคุย
 
“ลี่จะไปไหนเหรอ ถึงรีบแต่งตัวตั้งแต่เช้า”
“ไปหาเพื่อน”
“ไม่พักผ่อนก่อนเหรอ  เพิ่งกลับมาเองนะ”
พี่สนขา ลี่รู้ว่าพี่หวังดี แต่ถ้าลี่ไม่ไป มันก็เอาบาซูก้ามาถล่มบ้านเราสิคะ
“เมื่อวานลี่ก็พักเต็มที่แล้วน๊า”  ชั้นยังคงหวีผมต่อไป
“ดื้อชะมัดเลย” พี่สนเดินมาลูบหัวชั้นเบาๆ  ชอบจังเลยอ้ะ
พี่สน ถ้าไม่ดื้อ ก็ไม่ใช่สาลี่แล้วล่ะ 
“ลี่จะไปหาเพื่อนที่ไหน พี่ไปส่งไหม”
“เออ..นั่นสิ วันนี้พี่สนจะไปไหนแต่เช้า”
เพิ่งนึกได้ว่าพี่เค้าแต่งตัวเรียบร้อย พร้อมที่จะไปข้างนอกเต็มที่
“ไปหาเพื่อน” พี่สนตอบยิ้มๆ  “จะไปไหมล่ะ”
ถ้าไปหาเพื่อนพี่ แล้วเพื่อนลี่ล่ะ
“ไม่อ้ะ นัดกับเพื่อนเอาไว้”
 
“ไอ้สน เฮ้ย ไปรึยัง”  เสียงใบไม้มันแหกปากกลางบ้านอยู่ข้างนอก แล้วเปิดประตูเดินเข้ามา ก่อนจะทำตาโตเท่าไข่ห่าน
มึงไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ
 
“ไอ้ลี่ แกจะไปไหนวะ” ใบไม้เดินเข้ามานั่งใกล้ๆต้นสน
“ไปตามชะตากรรม”
“ดูการ์ตูนญี่ปุ่นมากไปรึแก”
ไอ้ปากมัจฉา  การ์ตูนญี่ปุ่นสนุกนะเว้ย กูดูทุกเช้าเลย
“แล้วแต่จะคิด” 
เอ..แหวนประจำกลุ่มกูอยู่ไหนหว่า..อ๊ะ เจอแล้ว
“เอ้า ตอบมาสิ แกจะไปไหนแต่เช้า ปกติตื่นเที่ยงนี่”
ชั้นใส่แหวนประจำแก๊งที่นิ้วนางซ้าย ไม่มีใครหมั้นหมายไว้หรอก เผอิญพวกกลุ่มเดียวกับชั้นมันใส่นิ้วนี้หมด
ว่าแต่ใบไม้ แกทนเห็นชั้นอารมณ์ดีไม่ได้ใช่ไหม  ตื่นเที่ยงนี่มันมีที่ไหน
“ไปหาเพื่อน”
“ที่ไหนอ่ะ”
เจือกจริงๆนะมึง 
“หน้าสุสานพี่แหละ”
ไอ้ใบไม้มันทำท่าจะเอาหมอนมาโยนใส่หัวตู อย่าหวังตูเพิ่งหวีเสร็จ
พี่สนดึงเสื้อใบไม้ให้ใจเย็นๆ แล้วยิ้มแห้งๆ
“พี่สนไปส่งหน่อยสิ”
ตามด้วยสร้อยข้อมืออีก 6 อัน หลากชนิดดีจริง และสร้อยทหารอีก 1
“จะให้พี่ไปส่งที่ไหนล่ะ สาลี่” พี่สนยืนขึ้นมาแล้วเดินไปพิงกำแพงห้อง
“หน้าโรงเรียนเก่าของลี่”
“เฮ้ย ไอ้สน แกอย่าไป เชื่อกู”
ใบไม้ ลี่ไม่เคยสอนให้พี่เป็นคนสอดอย่างนี้นะ
“อืมม์..”
ต้นสนทำหน้าเหมือนใช้ความคิด
“ไม่มีใครกล้าทำอะไรพี่หรอก รับรอง”
ชั้นให้คำมั่น
แน่นอน..ใครกล้าแตะพี่ชายของสาลี่แห่ง Destiny มั่งล่ะ  ได้ส่งไปโรงพยาบาลก่อนอ้ะดิ
“ลี่ แกรู้หรอ ว่าพี่พูดอะไรกันอยู่” ใบไม้ถามขึ้นมา  แล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย
ทำไมชั้นจะไม่รู้ แก๊งพวกพี่ กับแก๊งชั้นอยู่คนละถิ่นกัน และก็ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลไม่แพ้กัน ที่ไม่กล้ามาเดี่ยวๆเพราะกลัวจะโดนอีกฝ่ายรุมโทรม หรือประกาศศึกน่ะสิ
“รู้บ้าง”
“รู้แค่ไหน บอกมาสิ”
ใครจะไปบอก  พวกพี่ไม่รู้ว่าชั้นอยู่แก๊งDestinyก็ดีแล้ว
“แค่โรงเรียนลี่มีแก๊งอยู่แก๊งนึง”
ใบไม้ทำหน้าหนักใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็น่ารักดีนะเนี่ย อ้าว นี่ทำไมชั้นชมพี่ชายตัวเองบ่อยจัง
“แค่นั้นหรอ”
ไม่มั้ง
“ไม่รู้สิ”
หลังจากสิ้นคำพูด ต้นสนถอนหายใจ  ใบไม้ยังทำหน้ากังวลอยู่
“เอาเป็นว่าพี่ไปส่งลี่ละกัน”
เย้ พี่สนใจดีที่สุดเลย รักพี่สนม๊ากมาก
“อื้อ งั้นไปเลย”
ชั้นแต่งตัวเสร็จพอดี เอาละ สวยพอแล้ว
“สาลี่”
ใบไม้เรียก
“หือม์” มีอะไรหรอ อย่าบอกนะว่าข้องใจเรื่องแก๊งชั้นน่ะ
“วันนี้แกแต่งตัวดูดีกว่าปกติไปรึเปล่า หรือพี่คิดไปเอง”
ใบไม้นอนหมุนไปหมุนมาบนเตียงชั้น
“พี่คิดไปเอง”
มันจะไม่แต่งให้ดีได้ไง  วันนี้วันรวมแก๊งเชียวนะ
“อ้ะๆ ไปกันเถอะ” ต้นสนเรียกให้ออกจากห้อง ก่อนจะปิดแอร์ปิดไฟ
พี่สนให้ชั้นนั่งมอร์เตอร์ไซด์ของพี่เค้า  ใบไม้ก็มีอีกคันของตัวเอง เอ..ตั้งแต่เมื่อไหร่
ต้นสนขับรถไปส่งสาลี่ที่หน้าโรงเรียน โดยมีใบไม้ขับประกบตามไปด้วย
“พี่ไปแล้วนะ สาลี่”
ต้นสนพูด แล้วยิ้มให้ ใบไม้หยุดรถข้างๆพี่สน  ชั้นลงจากรถ แยกจากพวกพี่ชายแล้วกำลังจะเดินเข้าไปในโรงเรียน
ก่อนที่รถของพี่ชายทั้งสองคนของชั้นจะออก ก็มีเสียงของเด็กที่เดินอยู่แถวๆโรงเรียนชั้นตะโกนขึ้นมา
“เฮ้ย!! นั่นมันคนของแก๊งG.K.นี่หว่า !!” 
เสียงของชายหนุ่มคนนึงตะโกนขึ้นมา แล้วพวกเพื่อนๆมันก็วิ่งกรูเข้ามาทำท่าจะล้อมพี่ชายทั้งสองคนของชั้น
ชั้นหันหน้ากลับไปมองไอ้พวกผู้ชายนี่มันโรงเรียนชั้นแน่นอน เพราะบางคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง  ถึงไม่เห็นหลายปี แต่ชั้นมั่นใจในความจำอันดีเลิศของชั้น
..เฮ้ย พวกมึงกล้ารั้งตัวพี่ชายกูไว้หรอ..พี่สนพี่ไม้ขับรถชนมันเลย..เฮ้อ ลืมไปว่าพี่ไม่อยากมีเรื่อง
พี่ชายชั้นถึงจะเก่ง แต่ก็สู้ไอ้เวรเป็นฝูงพวกนี้ไม่ได้หรอก  พี่ชั้นมาแค่ 2 คนเองน๊า  พวกแกอย่าทำอะไรเค้านะ
“ไอ้นพ จับตัวมันไว้ให้ฟรายเดย์ดีกว่า เผื่อโชคดีได้รางวัล” ไอ้เชี่ยตัวนึงมันตะโกนบอกไอ้บ้าชื่อนพ  แล้วขับมอร์เตอร์ไซด์มาล้อมพี่ชายชั้นสองคน ซึ่งกำลังหันหน้ามามองกัน พี่สนถอนหายใจ
นับหนึ่งถึง 5 ถ้าพวกแกไม่เลิกล้มความตั้งใจชั้นเอาเรื่องแกแน่
นับหนึ่ง...นับสอง..สาม..สี่..ห้า มึงยังไม่เลิกตะโกนด่าพี่ชายกูใช่ไหม
“ขอโทษนะคะ พี่ๆมีอะไรกันรึเปล่า”
ชั้นเข้าไปถามผู้ชายคนที่ตะโกนบอกคนชื่อนพ ซึ่งจากหน้าตา และรูปร่างมันอายุมากกว่าชั้นแน่นอน พี่สนกับพี่ไม้มองหน้ากัน แล้วหันมามองชั้น
“เอ่อ..น้องอยู่โรงเรียนนี้ปะ”
ชั้นพยักหน้า และสวมหน้ากากอย่างไมตรีที่สุด
“ไอ้พวกนี้มันเป็นสายของแก๊งG.K.”
G.K. >>Grey Key คือแก๊งของพี่ชายชั้น ที่โด่งดังไม่แพ้กับ Destiny 
นี่แสดงว่า พี่ชายชั้นก็ดังเหมือนกันนะนี่
“แล้วไงเหรอคะ”
“แล้วไงล่ะน้อง ก็ปล่อยไปไม่ได้ไง ถ้าฟรายเดย์รู้ ละก็  อาจจะได้รางวัลก็ได้นะ ว่าพวกเราจับสายได้”
รุ่นพี่ผู้ชายหน้าอุบัดซบ อีกคนตะโกนตอบแทน
“พวกพี่ๆรู้จักสาลี่ไหม”
ชั้นถามตรงๆ พี่ชายสองคนของชั้นทำหน้างงๆ  แล้วหันไปสบตากันอีกครั้งอย่างแปลกใจกับคำถามของชั้น
พวกผู้ชายไม่หล่อ ไม่น่าอยู่โรงเรียนชั้นเลย มันพูดตอบกันมาอย่างล้นหลาม ว่ารู้จัก รู้จักดี ใครไม่รู้จักก็เชยเต็มที
“รู้สิ  สาลี่ รู้จักดีด้วย แต่ตอนนี้เค้าอยู่ต่างประเทศนี่น้อง เอาเถอะ น้องอย่าเพิ่งพูด หรือถามอะไรเลย ดูพี่ยำไอ้พวกนี้ดีกว่า”  มันตอบกลับมา
“งั้น..ปล่อย 2 คนนี้ไปซะ”
เอ..ง่ายไปรึเปล่า ไอ้ลี่
“อ้าว น้องพูดอะไรอย่างนั้นล่ะ เรื่องอะไรจะปล่อย ถึงจะปล่อยก็ขออัดให้เข้าโรงพยาบาลก่อน”
“ถ้าอย่างนั้น..พวกพี่เองก็คงอยากจะเข้าโรงพยาบาลเหมือนกันใช่ไหม เพราะสาลี่ไม่ให้ทำอะไร 2 คนนี้”
น่ารำคาญจริง ชั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเมื่อ 2 ปีก่อน
ชั้นยกมือข้างที่มีแหวนของแก๊งขึ้นมา เสยปอยผมไปด้านหลัง
พอไอ้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดเห็นแหวนมันรีบกระซิบบอกเพื่อนๆมัน แล้ววิ่งหนีแตกกระจายกันใหญ่
“ไม่ได้เรื่อง”
ไม่ไหว ผู้ชายโรงเรียนชั้นมีแต่พวกงี่เง่า  ไร้ประโยชน์  ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร
“พี่สน พี่ไม้ รีบไปได้แล้ว”
สิ้นเสียงชั้นรีบเดินหนี ก่อนที่พวกพี่ของชั้นจะถามอะไรขึ้นมา
“สาลี่”
เสียงไอ้ฟินเรียกให้ชั้นหันไปมอง มันเดินมาหาชั้นแล้วนั่งลงที่เก้าอี้หิน
“ไงเพื่อน ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีไหม”
มันถามชั้นด้วยน้ำเสียงใสๆ  มัฟฟิน หรือฟินเป็นเด็กผู้หญิงผิวขาวตัวเล็ก ไม่สูง ผมสีดำขลับสไลด์หน้าเป็นปอยเหมือนชั้น  วันนี้มันผูก 2 จุกแบบต่ำ ทำให้มันน่ารักไปอีกแบบ  บวกกับหน้าตาที่ใสๆ ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย
“อื้อ สบายดี แล้วแกล่ะ”
มันเข้ามากอดชั้น เรากอดกัน และคิดถึงแกจังเลย มัฟฟิน
“นี่ แกรู้ไหม  ฟรายเดย์เรียกสมาชิกกลับมาเพียบเลยอ้ะ”
มันเริ่มคุยเรื่องในระหว่างที่ชั้นไม่อยู่ เรื่องทุกเรื่องที่ชั้นไม่รู้
“สาลี่ชั้นว่าโรงเรียนเราไม่น่าเปิดเป็นโรงเรียนสหเลยเนอะ”
ใช่..โรงเรียนชั้นเปิดเป็นโรงเรียนสหเมื่อ 4 ปีที่แล้ว  แต่ก่อนโรงเรียนที่รักแห่งนี้มีแต่หญิงล้วน ซึ่งถูกส่งมาดัดนิสัยซะมากกว่า และชั้นคือหนึ่ง
ในนั้น เสียแต่ว่าไม่ได้ช่วยให้นิสัยชั้นดีขึ้น  แต่กลับเพิ่มความมารยามากขึ้นซะด้วย
“นั่นสิ มีแต่ผู้ชายไม่ได้เรื่อง”
ชั้นบ่น แล้วถอนหายใจ
“แกหมายถึงไม่หล่อใช่ปะ” โอ้ มิฟฟี่ แกนี่รู้ใจชั้นจัง  ชั้นพยักหน้า มันก็หัวเราะเบาๆ
“นี่ๆ  หนุ่มหล่อๆเก่งๆเจ๋งๆเข้าแก๊งเราเพียบเลยแกรู้เปล่า”
อ้ะเหรอ..ไม่รู้  แกอย่าลืมแนะนำ
“ฟรายเดย์ปฏิวัติโรงเรียนหรอ”
ชั้นถามเล่นๆ ไอ้มัฟฟินมันพยักหน้าแล้วหัวเราะสะใจ
“เฮ้!! ลี่ ฟิน”
เสียงๆหนึ่งที่ชั้นคุ้นเคย และไม่ได้เจอมานานเรียกชั้น และฟิน
“ไอ้หวัน มาเร็วจัง” มัฟฟินเอ่ยทัก  หวันเป็นเด็กผู้หญิงผมซอยสั้น สูงกว่าชั้นเล็กน้อย หน้าตาน่ารัก ออกจะเท่ห์ด้วยซ้ำ แก๊งชั้นหน้าตาดีทุกคน เพราะได้รับคัดเลือกมาดี แหงล่ะ
ไอ้หวัน ชื่อเล่นจริงๆเต็มๆคือ หลี่หวัน น่ารักแม้กระทั่งชื่อเนอะ  มันเจาะหูข้างละ 3 รู เยอะกว่าชั้น กับฟินเป็นเท่าตัว
วันนี้มันแต่งแบบเสื้อห่านคู่สีขาว กับกางเกงสามส่วนสีน้ำตาลเข้ม กับอีก 1 กระเป๋าสะพาย
“ลี่ ไม่ได้เจอตั้งนาน เป็นไงมั่ง ญี่ปุ่นเค้าว่ามีดอกซากุระด้วย สวยปะ”
ไอ้หวันถามอย่างอารมณ์ดี เอ่อ..หวันขอโทษที ที่ลืมถ่ายรูปมาให้แกดู ทั้งที่แกสั่งเสียไว้แล้ว
“สวยมากหวัน เด็กที่นั่นหล่อมากเลยนะแก”
ประมานว่า..เบี่ยงเบนความสนใจเต็มที่
“แล้วไหนรูปที่ฝากถ่ายวะ” ไอ้หวันอย่ามาฉลาดแถวนี้
“อ้อ..ถ่ายให้แล้ว ตอนนี้มันยังไม่ได้กดชัตเตอร์เลย”
เงียบ....อึ้งกันเป็นแถว อะไรมุกเราแป้กมากเรอะ อยู่ในหนังสือท่องเที่ยวก็ได้นะ
“อืมม์..แล้วนี่แกจะย้ายโรงเรียนหรอ”
มัฟฟินมันพูดท็อปปิกสำคัญ
“อื้อ คงอย่างงั้น”  เค้ายังอยากอยู่โรงเรียนนี้ต่ออ้ะ แง..
หวันนั่งลงข้างๆชั้น  และก็เกิดความเงียบ
“เราย้ายไปกับแกนะ” ไอ้หวันเพื่อนรัก แกพูดจริง หรือมิกเมก
“จริงง่ะ”
“อือ..ไม่ได้เหรอ”
“ใครบอกไม่ได้ ยิ่งกว่าได้ซะอีก เพราะถึงแกไม่พูดชั้นก็จะลากแกไป”
“ไอ้ลี่..”
แหะๆ..แกต้องไปกับชั้นเพื่อนตายเว้ย
“ลี่ งั้นเราไปด้วยนะ แล้วจะจัดการเรื่องย้ายทันไหมเนี่ย” มัฟฟินพูด แล้วถอนหายใจ
ถ้าพวกแกย้ายไปพร้อมชั้นมันเรื่องใหญ่นา..
“ถ้าจะย้ายตามจริงๆพวกแกทำเป็นไม่รู้จักกัน แล้วไปรู้จักกันใหม่ตอนย้ายไปแล้ว ตอนนี้พี่ชายชั้นก็ระแคะระคายเรื่องแก๊งเราอยู่”
ชั้นพูดแล้วหมุนแหวนที่นิ้วนางซ้าย
“เดี๋ยวถามฟรายเดย์ดูละกัน ว่าจะเอายังไง”
เสียงอีกเสียงหนึ่งมาจากข้างหลังไอ้ฟิน
รุ่นพี่ม.5 ในแก๊งเดียวกัน เป็นผู้หญิงที่จัดได้ว่าหน้าตาดี ผมสีน้ำตาลเข้มของพี่เค้าดัดเป็นลอนด์ยาวถึงกลางหลัง
“ไดซ์ สวัสดี”
ชั้นทักทายรุ่นพี่สุดสวยที่หาวหวอดๆ มานั่งข้างๆฟิน
“อื้อ ดี ไปเที่ยวสนุกไหม ลี่”
ลี่ไปเรียนนะ เจ๊    ไม่ได้ไปเที่ยว
“ก็ดี ถ้าไม่นับตอนที่ไปคารวะพ่อของมิยูกิ เกือบตายคาญี่ปุ่น”
นึกถึงตอนที่ไปญี่ปุ่นแล้วสยอง    พี่ไดซ์ก็หัวเราะคิกคัก น่ารักเป็นบ้าเลย
    ไดซ์เป็นเพื่อนสนิทกับ ฟรายเดย์    เรื่องตบเรื่องตีก็ไม่แพ้กับความสวย
“คุยอะไรกันอยู่หรอ”
รุ่นพี่อีกคนกระโดดมาเกาะไหล่ไดซ์ เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงผมซอยสั้น หน้าตาน่ารัก  ดูไร้เดียงสา  ผมเป็นสีม่วงออกดำ ถ้าดูใกล้ๆก็คงจะคิดว่าเป็นสีดำเลย
“อ้าว วอยซ์  มาแล้วเหรอ”
ไดซ์ทักทายวอยซ์ ที่ส่งยิ้มหวานๆมาให้เราสามคน
“ฮื่อ จะบอกว่าฟรายเดย์ กับคนอื่นๆมากันหมดแล้ว รออยู่ที่ม. 5/3”
“ไอ้ฟรายเดย์!! แล้วมันให้ชั้นมารอข้างล่างทำส้นตึกอะไรล่ะเนี่ย” ไดซ์ลุกขึ้นมาอาละวาด วอยซ์พยามบอกให้ไดซ์ใจเย็นๆ หวันถอนหายใจ แล้วยืนขึ้น ชั้นกับมัฟฟินก็ยืนตาม  แล้วตามหลังไดซ์ที่เดินกระทืบเท้าขึ้นอาคารเรียนไป
“มากันแล้วเหรอเด็กๆ”เสียงใสๆของใครซักคนในห้องดังออกมาข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงบ่นของไดซ์
“ฟรายเดย์ เธอบอกให้ชั้นไปรอที่ม้าหินทำไม เสียเวลาจริงๆ”ไดซ์บ่นก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ห้องเรียนที่ถูกจัดเป็นที่ประชุม  ตรงกลางเว้นช่องว่างไว้ มีเด็กผู้หญิงน่ารักมากนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมสไลด์ของเธอปล่อยยาวปะบ่า ดวงตากลมโต รูปหน้าเหมือนเด็ก  ดูอ่อนต่อโลก และไม่รู้เรื่องรู้ราว  เธอยืนขึ้นเมื่อพวกเราเดินเข้ามาในห้อง  และนี่คือ ฟรายเดย์
ในห้องมีทั้งเด็กชาย และเด็กหญิงคละกันไป  ต่างหน้าตาดีๆ และหล่อ สวยทั้งนั้น บางคนไม่สวยแต่น่ารัก ซึ่งล้วนแต่มีใบหน้าเป็นหน้ากากทั้ง
สิ้น
“สาลี่!! เราคิดถึงเธอจังเลย”
เสียงจากเด็กผู้หญิงใส่แว่น ผมสีดำถักเปียเดียวพาดไว้ที่ไหล่  เงยหน้าจากหนังสือบนโต๊ะขึ้นมามอง แล้วยิ้มมาให้ชั้น
“ข้าวฟ่าง หวัดดี ชั้นก็คิดถึงเธอนะ”  ชั้นยิ้มตอบกลับไป
“เอ้าๆ หาที่นั่งกันได้แล้ว ไม่ต้องมองหน้าเด็กใหม่มาก เดี๋ยวก็รู้จักกันเองล่ะ”ฟรายเดย์พูด แล้วชี้ไปที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่
ชั้น ฟิน และหวัน นั่งติดกัน ส่วนไดซ์ กับวอยซ์ไปนั่งหน้าฟรายเดย์
“อื้อ มากันครบแล้วใช่ไหม” เด็กสาวพูด แล้วมองไปรอบๆตัว “ดี เริ่มด้วยเรื่องแรก ขอแจ้งแก่เด็กใหม่ทุกคนนะ”
เด็กใหม่คือกลุ่มที่ใส่ชุดนักเรียนมา  ชุดนักเรียนเป็นชุดแขนสั้นสีขาว มีเนคไทสีดำ  ผู้หญิงจะเป็นกระโปรงนักเรียนสีดำ ยาวแค่เข่า  ส่วนผู้ชายเป็นกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำ
“นี่คือสัญลักษณ์ของแก๊งเรา” ฟรายเดย์แบมือแล้วยื่นไปให้พวกเด็กใหม่ดู “พวกเธอก็รู้จักกันดีอยู่แล้วล่ะนะ”
ผีเสื้อสีเงิน ซึ่งมีปีกข้างหนึ่งเป็นสีดำ ส่วนอีกข้างเป็นสีเงินเหมือนตัวผีเสื้อแต่จะสลักชื่อเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งเรามานาน
“เดี๋ยวพวกเธอจะได้รับไป แต่ผีเสื้อที่พวกเธอจะได้เป็นแค่แบล็กบัตเตอร์ฟรายธรรมดา  เป็นผีเสื้อปีกเงิน”
ฟรายเดย์พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริง
ผีเสื้อปีกเงินเป็นสัญลักษณ์ของสมาชิกแก๊ง Destiny ที่ถูกจัดไว้ว่าเป็นแบล็กบัตเตอร์ฟราย ถึงมันจะแปลว่าผีเสื้อสีดำ แต่ในแก๊งก็เป็นเพียงแค่ส่วนของผู้ตาม เยี่ยงผีเสื้อที่มีปีกสีเงินทั้งสองปีก ซึ่งไม่มีความโดดเด่น
ส่วนพวกฟรายเดย์ ไดซ์ วอยซ์ ชั้น มัฟฟิน หลี่หวัน และอื่นๆอีก จะถูกเรียกว่า ลีดเดอร์ คือผู้นำ
เป็นผู้ที่คนอื่นจะยำเกรงที่สุด ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ต่างออกไป คือมีปีกซ้ายเป็นสีดำสนิท  แล้วมีอีกขวาสีเงินไว้สลักชื่อ ผู้ที่ถือสิ่งนี้จะถูกเรียกว่า ผีเสื้อปีกดำ
การที่จะเลื่อนขึ้นมาเป็นลีดเดอร์ได้นั้นต้องเป็นที่โปรดปราน หรือเป็นไปตามความเห็นของลีดเดอร์ ที่เป็นรุ่นพี่  หากมีความเห็นเหมาะสมพ้องกันว่าจะให้เลื่อนขั้น และผีเสื้อจะถูกนำไปเปลี่ยน เพิ่มสีดำลงไปที่ปีกข้างซ้าย  แต่ถ้าหากทำเรื่องที่ไม่สมควร หรือความประพฤติแย่ ก็ถูกกดอำนาจกลับไปเป็นผีเสื้อปีกเงินธรรมดาได้เช่นกัน ซึ่งการถูกไล่กลับไปเป็นแบล็กบัตเตอร์ฟราย จะง่ายพอๆกับการให้ขึ้นมาเป็น ลีดเดอร์ ซะอีก นั่นก็คือ เข้าง่ายก็ออกง่าย
พวกที่ต้องถูกไล่กลับไปเป็นแบล็กบัตเตอร์ฟรายใหม่ ส่วนมากจะถูกไล่ออกจากแก๊งไปเลย
พวกเด็กใหม่พยักหน้ารับ  มีเด็กใหม่คนหนึ่งเอ่ยปากถาม
“แล้วพวกผมไม่ต้องทดสอบอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
ฟรายเดย์ทำท่าคิด แล้วยิ้มตอบ “แล้วแต่อารมณ์ชั้น”
“อ้อ..ที่ชั้นจะแจกให้เป็นตัวผีเสื้อนะ เธอจะเอาไปทำเป็นอะไรก็ได้ แต่ห้ามหายเด็ดขาด ถ้าหายนั่นหมายความว่าระหว่างเราจบสิ้นทันทีนะจ๊ะ  แนะนำให้ว่าเอาไปเชื่อมติดกับแหวนทำเป็นหัวแหวน  หรือเป็นจี้ห้อยคอก็ได้ หรือจะทำเป็นกำไร แต่ทางที่ดีควรทำให้เด่นๆ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้อำนาจได้ง่าย”
“เรื่องต่อไป คืองานของสาลี่ที่สำเร็จด้วยดี ยินดีต้อนรับกลับมานะ” หัวหน้าแก๊งDestinyหรือลีดเดอร์บัตเตอร์ฟราย 
ยิ้มมาให้ชั้น  สมาชิกคนอื่นๆก็ตบมือกันอย่างครื้นเครง
มิยูกิที่มันนั่งตรงข้ามชั้น ยิ้มมาให้  อ่า เหอะๆ  ชั้นอายเป็นนะ
“พี่ครับ นั่นคือสาลี่หรอ ผมเพิ่งจะเคยเห็น น่ารักกว่าที่จินตนาการไว้ตั้งเยอะ”
ใครพูดเอ่ย...ชั้นจะพาไปเลี้ยงขนม
ไดซ์ หลุด ก๊ากออกมา แล้วขำจนแทบจะตกลงไปที่พื้น..ขำมากเหรอพี่
“ไดซ์มีอะไรรึเปล่า”  วอยซ์เอ่ยถาม เพราะคิดว่าเพื่อนของเธอท่าทางจะหัวเราะจนตาย
“เปล่าๆ เมื่อกี้ใครบอกว่าสาลี่น่ารักนะ”
มีปัญหาเรอะพี่  น้องคนนั้นแค่พูดความจริง
เด็กในแก๊งฝ่ายแบล็กบัตเตอร์ฟรายคนหนึ่งยกมือขึ้น มีเพื่อนข้างๆมัน 2-3 คนพูดเสริมขึ้นมาว่า
“ผมก็เห็นด้วยนะไดซ์ ไหนพี่บอกว่าสาลี่น่ากลัวไง”
 
“นั่นสิๆ ไม่เห็นน่ากลัวเลย น่ารักจะตาย”
แหม..แบบนี้ชั้นก็ลอยสิ..เฮ้ยๆ มัฟฟินมึงดึงกูไว้ด้วยนะ  เอ๋..เดี๋ยว ไดซ์ พี่บอกว่าลี่น่ากลัวเรอะ..เดี๋ยวเค้าเข้าใจผิดกันหมด
ไดซ์ที่ตอนนี้ลงไปปล่อยฮาที่พื้นไม่ยอมขึ้นมา จนฟรายเดย์ต้องเดินไปลากให้ลุกกลับมานั่งเก้าอี้
“ก็..พวกแกยังไม่รู้จักไอ้ลี่ดีเท่าชั้นนี่หว่า..เฮ้อ..เหนื่อยโว้ย”
เดี๋ยวพี่ได้รู้จักลี่ดีขึ้นแน่ๆ
“ไดซ์ ขำมากเหรอ แหมก็ดีนะ ไดซ์อย่าลืมยิ้มวันละ 15 นาทีล่ะ หน้าจะได้ไม่แก่ ตี นกาจะได้ไม่ขึ้น”
“ไอ้สาลี่!! ชั้นยังไม่แก่”ไดซ์คว้าเก้าอี้มานั่ง
“ลี่ไม่ได้บอกว่าไดซ์แก่นะ คนเรามันต้องแก่ประสบการณ์ความรู้จริงไหม”
ไดซ์มันเลิกเถียง เพราะคุณหนูที่น่ารัก และทรงอิทธิพลที่สุดตวัดสายตาไปมอง ไดซ์ก็หลบสายตาหันไปทางอื่น
“สาลี่ ช่วยเล่าเรื่องที่ไปที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ได้ไหม” ฟรายเดย์ถามอย่างอยากรู้ แล้วเลื่อนเก้าอี้มานั่ง
“ก็ได้ มันก็สนุกอ้ะนะ ถ้าไม่นับตอนที่ไปขอมิยูกิกับคุณพ่อ..อะไรนะมิยูกิ...ชิชะอ้ะเปล่า..มหาโหดนั่นน่ะ”
มิยูกิยิ้มแหยๆมาให้ชั้น “ชิชิต่างหาก ไม่ใช่ชิชะ แต่นั่นมันชั้นเรียกเธอต้องเรียกโอโต้ซัง”
“เออ..อะไรอีโต้นั่นแหละ ตอนไปอ้ะนะ อีโต้ทำอย่างกะลี่จะไปขอแต่งงาน” ชั้นพูดแล้วถอนหายใจ เมื่อนึกถึงหัวหน้าโรงฝึกเคนโด้
“แหม สาลี่แกจะเปลี่ยนเพศแล้วเหรอ” ไอ้หวัน..แกอยากลองเป็นผีเฝ้าโรงเคนโด้ไหม
ชั้นหันไปมองหลี่หวันอย่างค้อนๆแล้วหันกลับมา  ซึ่งเรียกเสียงฮาจากแก๊งได้มากพอสมควร
“แล้วลี่ทำยังไง โอโต้ซังถึงยอมให้เอามิยูกิมาล่ะ” คุณหนูผู้น่ารักถามขึ้น
“อ้อ เรื่องนี้ง่ายๆฟรายเดย์  เข้าทางพ่อไม่ได้ ยังเหลือพี่ชาย 1 พี่สาว 1 กับฮะฮะอีก 1 เรียกฮะฮะใช่ไหมมิยุ”
มิยูกิส่ายหน้า  “เธอต้องเรียกโอก้าซัง”
“เฮ้อ อะไรนักหนา บาซูก้านั่นน่ะ ค่อยใจดีหน่อย คนไทยด้วยกันพูดรู้เรื่องกว่ามีดอีโต้เยอะ “
มิยูกิเอามือกุมขมับที่ตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอกลายเป็นอาวุธเรียบร้อย
“ชั้นก็อ้างว่าอยากให้มิยูกิกลับไปเยี่ยมพวกเพื่อนๆ แล้วยังไงตอนนี้ก็ว่างๆอยู่แล้ว ก็ไปเรียนที่ไทย 1 เทอมดู ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศ” 
ชั้นเริ่มเล่าต่อหลังจากหงุดหงิดกับชื่อของชิชิ ฮะฮะ ของมิยูกิ
“ตอนแรก บาซูก้าก็ไม่ให้ไปหรอก แต่พอบอกว่าพี่ชายชั้นหล่อมาก แล้วเอารูปพี่สน กับพี่ไม้ให้ดู  บาซูก้าก็ยกมิยูกิให้จัดส่งไปเมืองไทย  บอกว่ากลับมาต้องเอารูปพี่ชายชั้นกลับมาด้วยเยอะๆ”
มิยูกิมันกุมขมับหนักขึ้น  ในขณะที่คนในแก๊งปล่อยก๊ากออกมา
“เมื่อได้อิทธิพลจากบาซูก้า แล้วก็เหลือพี่สาว ซึ่งสนิทกันดี ก็เลยไม่มีปัญหา  มาทางพี่ชายก็ใช้เทคนิคส่วนตัวเล็กๆ ทำให้เชื่อใจ แล้วก็เรียบร้อย พระบิดาอีโต้จะว่าไง 1 ต่อ 3 ไงๆก็ชนะขาด”
มิยูกิถอนหายใจที่พี่ชาย กับพี่สาวมันไม่กลายเป็นมนุษย์ดัดแปลง
“อื้อ สาลี่แล้วเรื่องที่เธอจะย้ายโรงเรียนล่ะ” ไดซ์เอ่ยขัดจังหวะที่ฟรายเดย์กำลังอ้าปากถาม  คุณหนูเริ่มขุ่นเคืองใจไม่พอใจที่มีคนขัด เลยหันหน้าไปจ้องไดซ์ที่ยิ้มกลับมา
“อ้อ ค่อนข้างจะจริงน่ะ”
“อืมม์ งั้นไหนๆก็ไปอยู่โรงเรียนเดียวกับแก๊งกุญแจสีเงินแล้ว ก็เป็นสายซะเลยสิ”
ฟรายเดย์พูดแล้วเกาคางตัวเอง 
มีเสียงฮือฮาในแก๊งขึ้น แต่พอฟรายเดย์กวาดสายตาไปพวกนั้นก็เงียบลงทันที
“ฟรายเดย์ เธอว่าแบบนั้นมันจะดีเหรอ เรากับมันไม่เคยมีเรื่องกันนะ”
เสียงรุ่นพี่ผู้หญิงคนนึงเอ่ยถามขึ้น  ไดซ์ตอบกลับแทนฟรายเดย์ “สอง ชั้นว่าน่าคิดนะ”
สอง เป็นแค่ฉายา เหมือนกับ ไดซ์ วอยซ์ ส่วนฟรายเดย์นั้นไม่แน่ใจ  ชื่อจริงๆของพี่สอง คือเพลง  มาจาก เพลง คือ Song  ซองเพี้ยนเสียงเป็น สอง  พี่เค้าเป็นผู้หญิงผมยาวพอๆกับมัฟฟิน รวบครึ่งหัว แบบเด็กญี่ปุ่น ที่เหลือปล่อยยาว
“สาลี่ เธอว่าดีไหม” ฟรายเดย์หันมาถามชั้น
ชั้นหันหน้าไปมอง มัฟฟิน กับ หลี่หวัน แล้วจึงตอบว่า
“ไม่”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น