Ep. 10 ยารักษาชีวิต - นิยาย Ep. 10 ยารักษาชีวิต : Dek-D.com - Writer
×

    Ep. 10 ยารักษาชีวิต

    โดย Songthumsip

    อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา สุริยส่องดาราไร้ เมื่อร้อนแรงแสง ฯ

    ผู้เข้าชมรวม

    102

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    102

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  27 มิ.ย. 67 / 18:58 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “สองทุ่มสิบ” เป็นเวลาที่ฉันเกิด ฉันใช้เวลาคิดชื่อนามปากกา และชื่อเพจ ที่ฉันอยากใช้อยู่นานสองนาน ฉันจะใช้ชื่ออย่างไรดี ให้นักอ่านทุกท่านสนใจในบันทึกเรื่องสั้นของฉัน และรู้จักฉันในมุมที่แท้จริง ฉันไม่อยากใช้ข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้น ฉันจึงเลือกใช้ข้อมูลที่แสดงว่า “เป็นฉัน” ให้มากที่สุด จึงเลือกใช้ชื่อแรกเกิดเป็นนามปากกาว่า “ทรงศรี”

    ฉันเป็นคนต่างจังหวัดแต่กำเนิด จังหวัดบ้านเกิดฉันมีทั้งทะเล และภูเขา ฉันเติบโตในเมืองหลวง จนถึงวัยกลางคน ฉันใช้ชีวิตในเมืองกรุงมาจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด ครอบครัวฉันมีเชื้อสายจีน ฐานะปานกลาง เป็นน้องคนสุดท้อง และฉันถูกโฉลกกับสีเขียว

    ฉันไม่ชอบเข้าสังคมที่มีคนหมู่มาก สะดวกใจในการเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อนขนาดเล็ก ชอบการพิมพ์คุยกัน มากกว่าเจอหน้ากัน และใช่ ฉันเป็น Introvert

    ระดับการศึกษาของฉันคือ Doctor of Philosophy (PhD in Human Resource Development) จาก Ramkhamhaeng University (ปี 2559) ฉันจึงอยากเขียนบันทึกความทรงจำ แฝงความรู้เล็กน้อย ระหว่างที่ฉันเขียนบันทึกจำเป็นต้องหาข้อมูล ฉันก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นไปพร้อมกับทุกคน

    ปี 2562 ฉันประกอบอาชีพอิสระ เป็นเจ้าของธุรกิจขนมปังอบกรอบเพื่อสุขภาพเล็ก ๆ ไม่มีหน้าร้าน ไม่ใช้ทำเล เลือกทำงาน และ ใช้พื้นที่ในบ้านของฉันอย่างคุ้มค่า

    ฉันค่อนข้างเป็นคนเงียบ ขรึม ใบหน้าตึง สีหน้าเรียบเฉยไม่ค่อยแสดงสีหน้า ฉันค่อนข้างพูดน้อย หยิ่ง ห้วน บุคลิกภาพดูไม่เป็นมิตร แต่ฉันเป็นแบบนี้มาทั้งชีวิต ฉันเคยพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายต่อหลายครั้ง แต่ฉันทำไม่สำเร็จ เอาเข้าจริงวันนี้ฉันชอบตัวเองทุกด้านที่ฉันเป็นแบบนี้

    ฉันมีเพื่อนค่อนข้างน้อย เวลาที่คบกันระหว่างฉันกับเพื่อน แต่ละกลุ่มโดยเฉลี่ยประมาณ 7-25 ปี ฉันจึงให้ความสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนทุกคนเป็นอย่างมาก

    ดังนั้นทุกครั้งที่เพื่อนตำหนิ ตักเตือน แนะนำฉัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันจะนำไปปรับปรุงตัวเ ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เพื่อนมีผลต่อจิตใจของฉัน


    ปี 2561

    “ยังสูบบุหรี่อีกหรอ?” หลินหยุดเดิน แล้วหันหน้ามาถามฉัน

    “อืม” ฉันตอบ พรางหยิบบุหรี่ใส่ปาก กำลังจะจุดเพื่อสูบ

    “กลับไปเลวอีกแล้วหรอ?” หลินถามฉัน ปรายตามองและถามฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย คล้ายกำลังด่าฉันอยู่ในใจ

    “เห้ย แค่สูบบุหรี่เลวเลยหรอ” ฉันตอบหลิน แล้วหัวเราะ จากนั้นฉันดึงบุหรี่ที่ตั้งใจจะสูบออกจากปาก ควักซองบุหรี่ที่เพิ่งซื้อ เพิ่งเปิดใช้ แล้วขยำทิ้งลงถังขยะแบบขำ ๆ  

    จากวันนั้นมาฉันไม่สูบบุหรี่อีกเลย


    ปี 2553-2554

    ฉันกำลังเรียนปริญญาโทใกล้จบ ช่วงนั้นฉันค่อนข้างมีอาการ Antisocial Personality Disorder หนักมาก ๆ บวกกับที่ฉันเคยไม่คิดถึงใจเขาใจเรา ปากเสีย อารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย วีนง่าย ปี๊ดง่าย มารยาทน้อย หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว และฉันไม่มีความอดทนต่อสิ่งใด ๆ เลย

    โรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม เป็นผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีอารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย ไร้ความรู้สึกผิด ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น ผู้ป่วยโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคมมักไม่มีความรู้สึกผิดแม้ว่าจะทำร้ายผู้อื่น มีลักษณะขาดความเห็นอกเห็นใจ (Lack of empathy) ไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น พยายามหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง และขาดมโนธรรม

    ฉันนัดกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมต้น ที่บ้านของปอน ช่วงเย็นหลังเลิกงาน พวกเราชวนกันไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาด แล้วช่วยกันทำกับข้าว ฉันที่ดูเหมือนจะเป็นภาระเพื่อน เลยทำตัวให้มีประโยชน์โดยการยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วออกมาวางบนโต๊ะหินหน้าบ้าน

    เพื่อนที่ทำกับข้าวในครัวก็ซุบซิบนินทากัน คนที่ทำไม่เป็นก็มุงดูเพื่อซุบซิบนินทา จะเสียงดังขึ้น เมื่อฉันเดินออกมาจากกลุ่ม และจะเสียงเบาลง ถ้าฉันกำลังจะเดินเข้าไปที่ครัว ฉันรู้ว่าเพื่อนกำลังนินทาใครสักคนอยู่ เพราะท่าทางชัดเจน มีพิรุธกันทุกคน สถานการณ์ก็ยังเป็นแบบนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งฉันเริ่มหมดความอดทน

    “ทำไมฉันเดินมาทุกคนต้องเบาเสียงด้วย” ฉันถามปอ ที่ทำกับข้าวไม่เป็นเหมือนกัน นั่งรอกับข้าวที่โต๊ะหินหน้าบ้าน

    “ไม่มีไรหรอก อย่าไปสนใจพวกมันเลย” ปอตอบฉัน แล้วก็หัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าแบบไม่ใส่ใจอะไร

    “มีดิ มีไร” ฉันยังคาดคั้น อย่างเริ่มอารมณ์เสีย

    เพื่อนทุกคนคงเห็นฉันเริ่มมีอารมณ์แล้ว จึงพร้อมใจกันเดินมานั่งที่โต๊ะหินที่ด้านหน้า

    “ฉันมีเรื่องกับ b ที่เป็นแฟนของ kk เรื่องXXXX” ปอนเล่าให้ฉันฟังพร้อมหน้ากับทุกคน เพราะคงเห็นว่าท่าทางของฉันไม่ค่อยดีแล้วกระมังจึงยอมปริปาก

    “แล้วจะซุบซิบทำไม” ฉันถาม

    “กลัวมีเรื่อง ถ้าเธอฟังแล้ว เธอโมโห มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องแค่นินทากันเองเรื่องไม่ใหญ่เลยเธอ” ปั๊กกับปอช่วยกันอธิบาย

    “ฉันจะไปทำอะไรพวกเขาได้” ฉันงงว่าเพื่อนจะมากลัวฉันรู้ทำไม ชื่อที่พูดมาฉันก็ไม่รู้จักสักชื่อเดียว

    “เธอทำได้ว่ะ เธอยอมใครหรอ ถ้าเธอรู้ เธอฟังจบ เธอบุกอยู่แล้ว เธอไม่ยอมอยู่แล้ว” ป๊กตอบเสียงเบา ไม่เต็มเสียง พูดตะกุกตะกัก ไม่สบตา หลบตาฉันขณะที่พูดอยู่

    ฉันตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมาก ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของฉันที่คบกันตั้งแต่มัธยมต้น อายุ 13 ปี มองฉันเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร ทั้งคืนนั้นฉันนอนไม่หลับ เสียใจมาก ฉันทำอะไรลงไป ฉันคือ Toxic Relationship ของเพื่อนหรือเปล่านะ?? รังเกียจตัวเองเสียจริง

    ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship) คือความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย ส่งผลกระทบทางจิตใจ และกายภาพต่อกันและกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสายตาและความคิดที่มีต่อกันจะเป็นเรื่องร้ายๆ มีแต่ความคิดลบต่อกัน รวมถึงการเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่พยายามที่จะปรับตัว ไม่พยายามจะเข้าใจเหตุผลของการกระทำของอีกฝ่าย ทำให้ต่างฝ่ายต่างทำร้ายกันและกันอยู่เสมอ

    ฉันนอนคิดทั้งคืน เอาเข้าจริง ๆ ฉันก็ไม่เห็นความผิดของตัวเองนะ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันไม่อยากจะรังเกียจตัวเอง ฉันจะต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น!!

    ฉันเอาใจ เอาอารมณ์ เอาความรู้สึกของตัวเองไว้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น เดินช้าลง มองคนอื่นช้าลง หันซ้ายขวาช้าลง ตอบโต้คนอื่นช้าลง จะพูดก็นับ 1-5 ก่อน แล้วค่อยตอบ ก่อนจะตอบก็คิดให้ครบทุกด้านก่อนแล้วค่อยตอบ ถ้าตอบไม่ทันคนอื่นก็ไม่ต้องตอบ ใครแซงคิวยอมได้ก็ยอม ปล่อยไป ฉันฝึกไปเรื่อย ๆ ใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ฉันไม่รู้ แต่ฉันทำทุกวัน

    ตอนฝึกมันจะไม่ดีขึ้นในทันทีหรือทำได้เลยภายใน 3 วัน 7 วัน มันก็มีบางอย่าง บางคน บางวันที่ฉันทำไม่ได้บ้าง ข้ามไม่ได้บ้าง ผ่านไม่ได้บ้าง ฉันก็มีหลุดบ้าง ก็จัดกันไปตามสมควร สมน้ำสมเนื้อ พอหอมปากหอมคอ 

    แล้ว 15 ปีก็ผ่านไป….จนทุกวันนี้

    ฉันแทบไม่มองใครเลย เพราะฉันไม่รู้ว่าสายตาของฉันจะทำให้ใครอึดอัดบ้าง

    ฉันไม่ด่า ว่า ถากถาง ไม่กวน ไม่แกว่งปากหาเสี้ยน ใช้การหลีก หนี ห่าง ถอย ไม่เจอ หลีกเลี่ยง ไม่คุย ไม่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกัน ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อการควบคุมสติของฉันเอง

    ฉันใจเย็นขึ้นมาก จากที่เป็นคนบวก ๆ เอ๊ะอะจะบวกท่าเดียว เดี๋ยวนี้ฉันเฉย ๆ ไม่ขับรถฯ เร็ว ไม่ปากเร็ว ไม่ปะทะ ไม่ปาดหน้า แล้วก็ยังไม่มีใครที่จะมาบ้าบอใส่ฉัน ๆ เอาตัวรอดมาโดยตลอด ก็ถือว่าฉันยังมีแต้มบุญอยู่บ้าง

    ฉันไม่เหวียง ไม่วีน ไม่ตะคอก ไม่ดึงหน้า ไม่ปี๊ด ไม่กระโจนเข้าหา ไม่ผลีผลาม ใช้การมองข้าม หลบเลี่ยง เจรจาพาทีกันไปด้วยเหตุผล ปัดเป็นเรื่องตลก หรือเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นให้ได้ เพื่อลดแรงโมโหของตัวฉันเอง

    ผลวิจัยเผย คนที่มีเพื่อนหรือมีคนที่ไว้ใจจะพอใจกับชีวิตมากกว่า และมีโอกาสน้อยที่จะเป็นโรคซึมเศร้า มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน และหล่อหลอมตัวตนในทุกขั้นตอนของชีวิต แต่อาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาไว้เมื่อเราโตขึ้นด้วยตารางเวลา และลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไป ผู้ที่ไม่มีเพื่อนหรือมิตรภาพที่ไม่ดี มีโอกาสตุยก่อนเวลาอันควรเป็นสองเท่า 

    จำนวนเพื่อนของฉันยังคงเท่าเดิม ฉันไม่ได้มีเพื่อนใหม่ ไม่ได้หาเพื่อนเพิ่ม ฉันพึงพอใจกับสิ่งที่ฉันมี ไม่ว่าจะเป็นงาน สถานะทางสังคม เพื่อน ปัจจัยสี่ต่าง ๆ สิบห้าปีมานี้ บางอย่างในชีวิตฉัน แม้แต่นิสัยของฉันก็มีการเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปแล้วฉันรู้สึกดีมาก คือ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันและเพื่อน มิตรภาพของเราดูแข็งแรงขึ้น ง่ายขึ้น รู้นิสัยกันมากยิ่งขึ้น

    เพื่อนที่ดีจะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้ฉันเห็นตัวเองฉันเองในมุมที่ต่างออกไป มุมที่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันมี ฉันดีใจที่ฉันมีเพื่อนจำนวนไม่มากนัก ฉันดีใจมากที่เพื่อนฉันกล้าพูดกับฉันตรง ๆ แม้จะพูดตรงแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง พูดเพราะฉันคาดคั้นก็ตาม 

    การที่เพื่อนบอกฉัน ว่าฉันมีข้อผิดพลาดอะไร เพื่อน ๆ ไม่ชอบฉันตรงไหน ทั้ง ๆ เพื่อนจะปล่อยให้ฉันทำนิสัยเสียออกมามากมาย แล้วเลิกคบฉันทีเดียว พวกเขาก็ทำได้ แต่เพื่อนของฉันก็ยังเลือกที่จะบอกข้อผิดพลาดของฉัน ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้ฉันรู้ว่า เพื่อนทุกคนยังต้องการฉัน 

    เพื่อนทุกคน เพื่อนทุกกลุ่มของฉัน บอกฉันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฉันนิสัยดีขึ้นแล้วนะ” แม้จะยังมีความดุอยู่บ้าง จริงจังเกินไปบ้าง แต่ก็ลดลงเยอะแล้ว 

    “ก็ทน ๆ เอาหน่อยแล้วกันนะ ฉันไม่เปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้แล้วล่ะ ฉันเหนื่อย” 
    ฉันบอกเพื่อนทุกคนแบบนั้น

    ด้วยรัก

    20.10
    ทรงศรี

    Ep.23

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น