ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ben 10 : แค่มือใหม่ของช่างประปา (oc)

    ลำดับตอนที่ #20 : Ben 10 : Episode 19

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 651
      35
      27 ธ.ค. 64

    Ben 10 : Episode 19

    You only fail when you stop trying.”

     

    ความเดิมตอนที่แล้ว….

     

    “จะว่าไปแล้ว รานี่มันเกิดขึ้นได้ด้วยกับคนด้วยเหรอ?”-เกวน

     

    “ไม่มีหรอก นอกจากจะติดต่อใช้ของร่วมกันกับสัตว์มาก็ได้ แต่ในตอนฝนตกแบบนี้เด็กคนนี้เดินมาคนเดียวก็คงจะไม่ใช่แล้วล่ะ”มาติสพูดออกมาอย่างมีความรู้พลางใช้ผ้าเช็ดที่แขนเด็กคนนั้นเพื่อให้ผงแป้งโรยนั้นออกไป

     

    “งั้นแสดงว่าต้องเป็นฝีมือของพวกเอเลี่ยน”-เบ็น

     

    “แต่ฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้สิ”-เกวน

     

    “งั้นพวกเราต้องไปที่ค่ายของพวกเขาแล้วล่ะ เพราะปู่เองก็เหมือนจะเห็นป้ายไปค่ายอยู่”

     

    ปู่แม็กก็ได้ขับรถเข้าไปที่ค่ายที่มาของเด็กคนนี้โดนก็ขับตามป้ายทางที่บอกมาจนได้เจอป้ายค่ายใหญ่และเป็นสถานที่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เงียบและมืดไม่มีผู้คนทำให้พวกเราก็ต้องลงไปสำรวจสถานที่นี้ด้วยตัวเองถึงแม้ในตอนนี้จะมืดแถมฝนตกอีกด้วยก็ตามที

     

    แต่ก็มีหลังหนึ่งที่ได้เปิดไฟอยู่พวกเราจึงรีบเดินเข้าไปสำรวจที่นั้นก่อนเป็นอันดับแรกทันที

     

    “หวัดดีครับ มีใครอยู่ไหมครับ?”พอได้เปิดเข้าไป ปู่แม็กก็เอ่ยเรียกตามมารยาท โดยภายในหลังนี้ก็มีอาหารที่เละเทะไปหมด ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่มีคนเลยสักนิดเดียว

     

    “เหมือนค่ายร้างเลย”-เบ็น

     

    “ใช่ ไม่มีใครสักคน”ระหว่างที่เกวนพูดมาติสก็ได้เดินเข้าไปใกล้จานอาหารจานนึงพลางลองใช้มือวัดความอุ่นของอาหารซึ่งดูเหมือนไอความร้อนมันก็ยังร้อนๆอยู่เลย ทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย

     

    “ดูเหมือนอาหารพึ่งจะทำเสร็จ แล้วคนไปไหนกันล่ะ?”

     

    ฟืด..เปรี้ยง! 

     

    ไม่ทันจะได้ค้นหาอะไรก็เกิดเสียงฟ้าผ่าในระหว่างพูดคุย ก่อนที่มันจะทำให้ไฟที่เปิดไว้ได้ดับลง แต่โชคดีที่ปู่แม็กได้เอาไฟฉายลงมาด้วยพอดีก็ได้รีบเปิดพลางส่องไปดูพวกเด็กๆที่มาด้วยกันกับเขาก็พบว่าขาดหายไปคนหนึ่ง

     

    พอได้เลื่อนส่องไปตามเสียงเหมือนมีคนกำลังกินอะไรบางอย่างก็กลับพบเป็นว่าเบ็นนั้นได้ใช้จังหวะฟ้าผ่ารีบกินจานอาหารนั้นอย่างรวดเร็วเสียสะอย่างงั้น

     

    “อะไร! ก็คนมันหิวอ่ะ”เบ็นที่กำลังกินสปาเก็ตตี้ก็ได้มองพวกเขาอย่างสงสัย ก่อนที่ปู่แม็กจะถอนหายใจและได้ยื่นไฟฉายให้เขา

     

    “เอ้า ใช้ร่วมกันนะ ส่วนมาติสใช้ร่วมกับปู่เนี้ยแหละ”มาติสที่ได้ยินก็เพียงพยักหน้าเข้าใจ แต่ทว่าสองญาติลูกพี่ลูกน้องนั้นดันก็ไม่เข้าร่องเข้ารอยอยู่เหมือนเคย

     

    “แค่นี้ก็ใช้ร่วมกันพอแล้ว”-เบ็น

     

    “เมื่อไหร่จะเลิกสักทีย่ะ”-เกวน

     

    “ก็เมื่อเธอยอมแพ้นั้นแหละ”-เบ็น

     

    “ฝันเหอะ”-เกวน

     

    ในระหว่างที่มาติสกำลังยืนมองพวกเขาทะเลาะกันอยู่ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนกำลังแอบจ้องมองพวกเรา เลยทำให้เธอตองหันหลังไปมองก็พบกับกระป๋องที่ตกลงมาที่พื้นเพียงเท่านั้น ปู่แม้กที่ได้ยินก็ฉายไฟฉายมาดูเหมือนกันว่ามีตัวอะไรจะโพล่มารึปล่า 

     

    แต่เบ็นก็ยังติดเล่นพลางทำมือใส่ไฟฉายเพื่อให้เห็นเงาเหมือนไดโนเสาร์ที่เด็กๆเขาเล่นกัน อันที่จริงพวกเขาก็เด็กจริงๆอะนะ

     

    “ตามเข้าไปดูข้างในเถอะค่ะ”มาติสเอ่ยถลางเดินนำไปโดยปู่แม็กที่เป็นคนถือไฟฉายก็เดินตามาติสไปแบบติดๆ 

     

    พวกเราได้เดินเข้าไปอย่างระมัดระวังตัวพลางส่องไฟฉายเข้าทุกช่องทุกทางอย่างรอบคอบ เพื่อกันภัยอันตรายที่เกิดขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว โดยในระหว่างสำรวจห้องครัวก็มีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะเบาๆเพื่อสื่อว่าในตอนนี้ก็ยังคงฝนตกอยู่

     

    พอส่องมาสักพัก ก็ได้พบเจอดวงตาส่องแสงอยู่ 2 คู่สร้างความตกใจแก่เบ็นและเกวน ทำให้พวกเขาต้องเผลอทำไฟฉายหล่น แต่มันจะโชคดีไปหน่อยที่ไม่ใช่ในสิ่งที่ทั้งสองคนคิดว่าเป็นผี เพราะแท้จริงแล้วก็เป็นแค่เด็กแฝดสองคนชายหญิงน่ารักๆก็เท่านั้น

     

    “ออกไปจากที่ปลอดภัยได้รึยัง?”x 2 

     

    “เป็นอะไรรึเปล่า?”มาติสเอ่ยถามอย่างทันท่วงที พลางสังเกตสภาพภายนอกของเด็กแฝดทั้งสองคน

     

    “ตอนนี้”-แฝดชาย

     

    “ยังค่ะ”-แฝดหญิง

     

    “เกิดอะไรขึ้น คนอื่นไปไหนหมดแล้วล่ะ?”-มาติส

     

    “เอ่อ…เราได้ยินเสียงเกิดเรื่องข้างนอก”-แฝดชาย

     

    “แต่ไม่กล้าออกไปก็เลยแอบอยู่”-แฝดหญิง

     

    “ผม แอนดี้

     

    “ส่วนหนู แมนดี้

     

    “เป็นฝาแฝดกัน ค่ะ/ครับ”x 2 

     

    ไม่ทันจะได้แนะนำตัวกันก็ดันเกิดเสียงฟ้าผ่าขึ้นมา ทำให้เด็กฝาแฝดทั้งสองก็ตื่นกลัวเป็นพิเศษพลางรีบมาหลบข้างหลังมาติสอย่างรวดเร็วและเกาะเสื้อด้านหลังของเธอไว้แน่น 

     

    “แล้วครูคุมค่ายละ?”ปู่แม็กที่ยืนส่องไฟฉายอยู่ก็ได้หันไปเอ่ยถามเด็กฝาแฝด

     

    “ป-ไปแล้ว”-แอนดี้

     

    “พร้อมกับคนอื่น ๆ”-แมนดี้

     

    ซึ่งนั้นทำให้พวกเราต้องหาทางแก้ไขที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด ประจวบเหมาะพอดีที่ในห้องครัวมีโทรศัพท์ปู่แม็กเลยเดินกะจะใช้โทรศัพท์โทรหาครูคุมค่ายแห่งนี้ แต่กลับเป็นว่าสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีและไม่มีคลื่นโทรศัพท์มากพอที่จะสามารถติดต่อโทรหาได้ อีกอย่างสายโทรศัพท์ก็คงขาดจากพายุแรงแห่งนี้ด้วย

     

    “กลับไปดูกิวเบิร์กแล้วขับรถเข้าเมืองเถอะ”พวกเราพอได้ยินก็ต่างพยักหน้าเข้าใจ พลางเดินออกไปขึ้นรถโดยวิ่งขึ้นรถอย่างทันที ไม่งั้นพวกเธอก็คงเป็นหวัดแน่นอน

     

    “เอ้า เช็ดหัวเช็ดตัวสะ มีผ้าเพียงแค่ 2 ผืนนี่แหละ”ปู่แม็กเปิดไปที่ตู้เสื้อผ้าพลางโยนผ้าให้โดยเบ็นกับเกวนใช้ร่วมกัน และแอนดี้ แมนดี้ก็ใช้ร่วมกันเหมือนกัน 

     

    ในทางส่วนมาติสก็โชคดีหน่อยที่เธอมีฮู้ดที่สามารถกันฝนได้อยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา แต่พวกที่มีญาติพี่น้องเนี้ยสิ แย่งผ้ากันเอาเป็นเอาตายไม่ยอมหยุดเหมือนน้องฝาแฝดเขาเลย เธอได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างหน่ายๆพลางเดินไปนั่งจุดที่เดิมของเธอ

     

    พอปู่แม็กจะสตาร์รถกลับกลายเป็นว่าไม่สามารถที่จะสตาร์ติดได้ ทำให้เขาต้องเดินไปเปิดฝากระโปรงรถเพื่อตรวจสอบดู ก็พบว่าราได้ขึ้นเกาะเต็มเครื่องยนต์ของเขาหมดเลย นั้นทำให้เขาต้องจำใจที่จะค้างคืนกันที่นี้ไปเสียก่อน โดยดีที่มีที่พักสำหรับเด็กและที่นอนก็น่าจะเพียงพอกันอยู่สะด้วย

     

    พวกเราได้ย้ายของบางส่วนมาโดยปู่แม็กก็จะพูดตลอดไว้ว่าระวังตัวไว้ก่อน

     

    “พวกเธอเฝ้าที่นี้ก่อน คอยดูกิวเบิร์ก ปู่จะไปดูในครัวว่ามีอะไรทำกินได้บ้าง”ปู่แม็กพูดทิ้งไว้พร้อมกับจะเดินออกไปจากสถานที่พักนอน มาติสที่เห็นแบบนั้นก็ได้รีบกล่าวไปทันที

     

    “หนูขอไปด้วยคนค่ะ เผื่ออาจจะมีเบาะแสอะไรหลงเหลือที่หนูยังไม่ตรวจสอบอยู่”

     

    “งั้นก็ได้ ที่เหลือเฝ้าไว้นะ”นึกว่าจะไม่ได้ แต่กลับกันในสิ่งที่เธอคิดสะเสียอีก มาติสจึงได้เดินตามปู่แม็กไปที่ห้องครัวไป พอได้เข้ามาในห้องครัวก็กลับรู้สึกบรรยากาศชอบมาพากลยังไงยังงั้นเสียอีกแล้ว

     

    พอเริ่มได้ยินเสียงกุกกิกกุกกักมาติสก็เริ่มไม่มั่นใจ ก็เรียกเคียวออกมาเผื่อไว้ในทันที แต่จะน่าเสียดายที่เธอดันเผลอไปนิดเดียว ปู่แม็กก็ได้โดนจับพร้อมกับตัวเอเลี่ยนพืชเสียแล้ว

     

    “มาติส! ช่วยปู่ด้วย-อ๊าก!”ปู่ที่โดนแบกหามก็มีการโดนชนกับต้นไม้อยู่นิดหน่อย แต่มาติสที่ได้ยินก็รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว พลางใช้เคียวเกี่ยวพวกเอเลี่ยนพืชและขว้างออกไปทำให้พวกเอเลี่ยนพวกนั้นก็กระเด้นออกจากปู่แม็ก

     

    เธอรีบวิ่งไปดูอาการของปู่แม็กทันที แต่ทว่ากลับไม่รู้เสียแล้วว่าพวกมันนั้นได้วิ่งจนมาถึงฐานทัพของพวกนั้น ก่อนจะมีหนวดประหลาดสีชมพูมามัดขาและแขนของเธอไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับปู่แม็กไปด้วยเช่นกัน ซึ่งยิ่งเธอพยายามออกแรงมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งโดนรัดแน่นขึ้นมากท่านั้น

     

    ก่อนที่จะโดนลากลงไปในลุ่มใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามีมาตั้งแต่ตอนไหน และก็ต้องเข้าใจทันทีเมื่อพวกมันถึงพวกเธอมาถึงที่ไหนไม่รู้แต่กลับกักขังมัดแน่นพวกเธอไว้ แทนที่จะกำจัดพวกเธอไปเลยเสียแทน

     

    “แบบนี่แย่แน่ๆถ้าหากเบ็นไม่รู้ว่าพวกเราโดนโจมตี”ปู่แม็กที่โดนจับที่อยู่ข้างๆก็ได้เอ่ยออกมาอย่างวิตกกังวล เช่นเดียวกับมาติสที่ดันพลาดไม่เป็นท่าสะเท่าไหร่"จะว่าไปเคียวหนูหายไปไหนแล้วล่ะ?"

     

    “ก็คงอยู่ด้านบน แต่น่าจะใช้คลื่นเรียกมันได้”

     

    “คลื่นเรียก?”

     

    “ก็เพราะว่าสร้อยคอนั้นน่ะ มันทำมาจากจิตใจและคลื่นจิตใจของมนุษย์โดยการสร้างก็ต้องคำนึงถึงลักษณะอุปกรณ์ สร้อยแต่เส้นไม่เคยเหมือนกันและซ้ำกัน ถ้าหากเหมือนกันมันก็จะกลับไปหาเจ้าของคนใดคนหนึ่งที่คนหนึ่งจะไม่ได้กลับมานั้นเลยสิค่ะ”มาติสอภิปรายเกี่ยวกับสร้อยคอของเธอ พลางพยายามใช้คลื่นจิตใจในการเรียกหาเคียวของเธอในตอนนี้

     

    ไม่นานก็เหมือนได้ยินเสียงอะไรสักอย่างโดนฟันที่เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พอต่อมาก็รู้สึกได้ว่ามันหยุดชะงักทำให้เธอต้องถึงกับขมวดคิ้วสงสัย

     

    “ดูเหมือนเคียวหนูจะโดนขโมยรึเปล่านะ”

     

    “ปู่ก็นึกว่าจะรอดสะอีก แสดงว่าเราก็คงติดแหงะอยู่แบบนี้สะแล้วล่ะ”

     

    ในทางด้านอีกฝ้าย…

     

    เด็กหนุ่มที่ในตอนนี้เขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่โคตรมหาวิกฤตสุดๆ เพราะว่าเวลาการใช้ออมนิทริกซ์หรือนาฬิกาข้อมือที่เขาสวมใส่นั้น มันดันหมดสะก่อนและอีกอย่างหมดถูกเวลาอย่างมาก ในตอนที่เขาจะโดนเอเลี่ยนพืชเขมือบกินแล้วเนี้ย

     

    “โหว่ เคียวนี่เหมือนเคยเห็นนะ แต่ขอยืมหน่อยล่ะกัน”เบ็นที่วิ่งหนีพวกเอเลี่ยนเห็ดมาก็พบเจอกับเคียวพอดี ซึ่งเขาก็ไม่ได้รีรอหรือสังเกตอะไรมากพลางรีบหยิบและใช้เคียวฟันพวกเอเลี่ยนเห็ดออกไปจากทางที่เขาจะวิ่งหนีออกมา

     

    เพราะเขารู้สึกว่ายิ่งสู้ไปมากเท่าไหร่ พวกเอเลี่ยนก็มีขึ้นมาเรื่อย ๆเหมือนเดิม อย่างกับมันก็จะเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆไม่มีที่สิ้นสุด นั้นทำให้เขาต้องคิดแล้วว่าคงต้องหนีออกมาสถานเดียว

     

    กว่าจะวิ่งออกมาจากตรงนั้นได้ เขาก็หอบใหญ่พร้อมกับเคียวที่เขาถือว่าติดมือมาด้วย เพราะถ้าหากเขาทิ้งก็เสียดาย เนื่องจากเคียวที่เขาถืออยู่มันสวยและเท่อย่างมาก แต่ดูเหมือนเขาจะเคยเห็นมาจากใครมาก่อนแล้วก็ไม่รู้

     

    “เบ็น? เป็นยังไงบ้าง?”พอเขาได้วิ่งเข้ามาที่พักก็พบเจอกับเกวนและเหล่าน้องๆที่ยืนมองเขาอยู่ เขาที่วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบก็พักหายใจก่อนจะพูด

     

    “โอเคร เชื่อแล้วก็ได้ว่ามันมีจริงๆ”เบ็นที่ในตอนแรกก็กะว่าไม่เชื่อจะเป็นเอเลี่ยนจริงๆก็ดันมีจริงแถบร้ายกาจสักอีก เกวนที่ได้ยินก็เริ่มทำหน้าสลดก่อนที่จะสังเกตเห็นสิ่งที่เบ็นถือมาก็ถึงกับตาโต

     

    “เดี๋ยวนะเบ็น นายไปเอาเคียวของมาติสมาทำไหม? แล้วมาติสอยู่ไหน?”-เกวน

     

    “ห่ะ..ออ ดูเหมือนว่ามาติสก็จะโดนจับไปพร้อมกับปู่แม็กด้วย เราในตอนนั้นคิดว่าไม่สามารถสู้กับพวกมันได้ไหวแน่ๆ เพราะพวกมันมีมากเกินไปด้วย เลยใช้โอกาสหนีออกมาแทนน่ะ อีกอย่างก็พึ่งรู้นะเนี้ยว่าเป็นเคียวของมาติส”-เบ็น

     

    “ตาบ๊องทื่อเอ้ย มาติสน่ะเขาใช้เคียวนี้เป็นชีวิตจิตใจไม่เคยจำบางเลยนะนายน่ะ”-เกวน

     

    “ขอโทษได้ไหมล่ะ ก็ฉันลืมอ่ะ จะยังไงก็ช่างในตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าต้องทำยังไงดี ถ้าหากไม่มีปู่ล่ะก็ฉันกลับบ้านไม่ได้แน่ รวมถึงมาติสด้วย"-เบ็น

     

    “ทั้งฉันทั้งนายเหมือนกันแหละน่า”-เกวน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×