ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ben 10 : แค่มือใหม่ของช่างประปา (oc)

    ลำดับตอนที่ #17 : Ben 10 : Episode 16

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 687
      57
      23 พ.ย. 64

    Ben 10 : Episode 16

     

     

    "Change your thoughts and you’ll change your world."

     

    (เปลี่ยนความคิดของคุณ แล้วคุณจะเปลี่ยนโลกของตัวเอง )

     

    ความเดิมตอนที่แล้ว…

     

    แต่อีกฝ่ายก็หลับไม่ได้ให้เขาถามเลยสักนิดเดียว

     

    ยัยบ้าเอ้ย…

     

    อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อแขนยาวคลุมตัวเธอและเงยหน้ามองดูดวงดาวที่ท่อแสงส่องประกายยามได้สบตากับดวงดาว ก็เหมือนเขานั้นจะระเริงไปกับมัน มันสามารถทำให้เขาผ่อนคลายในทางสายตาจนสมองก็พลอยสบายไปด้วย

     

    การได้ออกมาดูดาวก็นับว่าไม่เลวเหมือนกัน

     

    หลังจากที่ได้ผ่านคืนนั้นไป แม้มันจะดูติดตาสำหรับเบ็นก็ตาม สำหรับมาติสแล้วเธอนั้นยังคงต้องการลืมเลือนไปกับสิ่งที่เธอคิดในตอนนั้น ซึ่งทั้งสองกว่าจะได้เข้ามานอนในรถก็คงตกดึกค่ำ สภาพการตื่นนอนก็ยังคงปกติยกเว้นเพียงเบ็นเท่านั้นที่ตื่นขึ้นค่อนข้างจะสายมากเลยทีเดียว

     

    แถมเบ็นก็ยังแอบสงสัยเธอด้วยนะ ว่าเธอมันเป็นตัวอะไรกันแน่ถึงนอนหลับนอนดึกก็ตื่นเช้าตลอดอย่างกับคนแก่หรือพวกผู้ใหญ่ที่ตื่นมาตอนเช้ากัน

     

    “คุณเท็นนีย์สัน จะทำอะไรในตอนเช้าเหรอคะ?”มาติสเดินเข้าไปถามกับปู่แม็กที่ดูเหมือนกำลังจะทำอะไรสักอย่างโดยก็มีเสียงการต้มน้ำที่เดือดอยู่เป็นระยะๆ

     

    “ออนี่น่ะเหรอ ซุปแกงเห็ดใส่ไส้เดือน ลองชิมดูไหมล่ะ เผื่อติดใจ”แน่นอนพอได้เห็นสภาพของภายในหม้อ เธอแถบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงปู่แม็กจะเป็นช่างประปาที่ดีเยี่ยมแน่อนว่าคอของเขาก็ต้องดีเยี่ยมจนน่าพิลึกกึกกือเลยทีเดียวเชียว

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะทำแซนวิสกินเป็นอาหารเช้าก็แล้วกันนะคะ"

     

    “ฉันขอด้วย ขืนกินของปู่มีหวังเข้าห้องน้ำแน่”

     

    “ฉันขอด้วยคน!”

     

    และแน่นอนว่าหลานของปู่แม็กทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครที่จะลองชิมอาหารพิลึกนั้นพลางรีบบอกมาติสฝากทำของตนด้วย ซึ่งมาติสที่ได้ยินก็รับคำพยักหน้ายืนทำแซนวิสให้ทาน

     

    “งั้นปู่ขอเป็นแซนวิสไส้พิเศษล่ะกันนะ”

     

    “คะ..? (ไส้พิเศษ???)"เธอตอบรับอย่างงงๆแต่ก็คงเข้าใจความหมายนัยโดยสอดคล้องกับบุคคลิก ถ้าให้เธอเดาก็คงเป็นอาหารแปลกตาที่ปู่แม็กชอบกินประจำแน่นอน

     

    เธอหันกลับไปทำอาหาร โดยปู่แม็กเองก็เสริฟ์อาหารที่แปลกตาแบะแปลกใจเป็นของกินแก้คอไป รับรองว่ากินทีมีล้างคอ

     

    "เสร็จแล้ว"มาติสพูดพลางวางจานแซนวิสที่เธอทำ โดยมีไส้ปกติพื้นฐานอยู่ 3 ชิ้น ส่วนอีกชิ้นก็ของปู่แม็กที่ไม่ต้องถามก็มองออกได้ในทันที

     

    "นี่แหละที่มื้อสำหรับตอนเช้าของผม"

     

    "แหม่ อย่าลืมทานของปู่ด้วยล่ะเบ็น"

     

    เขาก็อารมณ์ดีอยู่หรอก แต่พอได้ยินประโยคของปู่แม็กก็ถึงกึบหุบยิ้มในทันที ก่อนที่พวกเขาจะพากันทานอาหารในวันนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะอิ่มกันทั่วหน้ากันเชียว ไม่นานนักก็ได้ขับรถต่อ โดยทุกคนก็ทำธุระส่วนตัวของตัวเองไปเหมือนเดิมอย่างกับวันธรรมดา

     

    “ฉันคิดว่ายังไงเจ้านั้นก็คงไม่ได้ตายไปแน่ๆ”เบ็นที่เล่นเกมซูโม่ของเขาอยู่ก็ได้ แต่บ่นพึมพำมาเป็นระยะแล้ว ส่วนทางด้านมาติสที่นั่งเขียนจดหมายบนโน๊ตบุ๊คของเธอก็เงยหน้ามามอง ก่อนที่เธอจะถอนหายใจ

     

    “เรื่องมันผ่านมาแล้ว ยังไงสะ ถ้ามาอีกพวกเราก็คงต้องเตรียมตัวเหมือนเคย”

     

    “พูดเหมือนง่ายน่ะสิเธอ คราวที่แล้วเหมือนเจ้าคิดเจ้าแค้นกับฉันมากเลยนะ”เบ็นหันมามองพลางกอดอก ใบหน้าของมาติสก็ได้แต่มองกับความกังวลของเด็กชายตรงหน้าของเธอ

     

    “ปู่คะ ครั้งนี่เราจะไปที่ไหนกันเหรอคะปู่?”

     

    “ปู่ว่าจะไปที่--!!!?”

     

    ไม่ทันจะได้กล่าวจบประโยค ก็เกิดมีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ารถอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาติส เบ็นและเกวนต่างก็ตกใจ ก่อนไม่นานรถก็ได้คว่ำลงไปกับพื้นทำให้พวกเราต่างมึนมัว ต่างกับเบ็นที่แปลงกายเป็นเอเลี่ยนไปเสียก่อนแล้ว ซึ่งเขาก็ดูเหมือนจะทำใจมาแล้วด้วยว่าเควินก็คงต้องตามมาหาเขาแล้วเเน่ๆ

     

    เพราะว่าบุคคลตรงหน้าที่เป็นคนคว่ำรถของปู่ของเขาก็คือ เควิน อีเลเวนยังไงล่ะ

     

    เขาต่อกรกับเควินโดยมีฝ่ายโดยต่อยสลับไปมากันบาง ซึ่งในตอนนี้ปู่แม็ก เกวนยังไม่ได้สติเนื่องจากได้รับแรงกระทบอย่างมาก ส่วนมาติสนั้นกำลังหาทางออกมาจากตรงนั้นเพื่อมาดูสถานการณ์ข้างนอก

     

    พอเธอได้คลานออกมาก็พบเห็นเบ็นและเควินกำลังต่อกรกันอย่างดุเดือด ซึ่งทั้งสองต่างก็ไม่ยอมน้อยหน้าใครต่อใครทั้งนั้น ส่วนเธอก็ได้แต่ยืนมองพวกเขาที่ต่อกรกัน เพราะยังไงเธอก็ไม่สามารถไปขัดขว้างพวกเขาได้ ถึงจะไปขัดขว้างยังไงสองคนนั้นก็คงะต้องเข้าหาและต่อยกันยุดี

     

    ดังนั้นแล้วเลือกที่จะยืนมองพวกเขาอยู่แบบนี้เสียดีกว่า แต่ถ้าหากฝ่ายคิดฆ่าถึงตายในฝ่ายธรรมมะล่ะก็…เธอก็คงพร้อมขัดขว้างพวกเขาเช่นกัน

     

    ไม่นานมากนัก ในระหว่างที่เธอกำลังยืนดูพวกเขาต่อสู้กันก็ได้เกิดมีลำแสงสีแดงได้ถูกยิงมาที่พวกเขาทั้งคู่ ก่อนทั้งสองคนจะได้หายไป ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไวอย่างมากจนมาติสที่กำลังกลายร่างเป็นเอเลี่ยนไปช่วยกลับกลายพวกเขาหายไปเสียก่อน ประจวบเหมาะพอดีที่เกวนและปู่แม็กพึ่งได้สติกลับมา

     

    “เบ็น? เบ็นหายไปไหนแล้วล่ะมาติส”เกวนที่พึ่งเดินออกมาจากรถก็ได้หันมาถามเธอเมื่อเธอนั้นไม่เห็นเบ็น

     

    “เขาโดนยานอวกาศเอเลี่ยนตัวไหนไม่รู้ล่ะโดนดูดไป"เธอตอบกลับพลางเดินไปที่ร่องลอยที่พวกเขานั้นหายไปพอดี ศึ่งมันก็มีเพียงแค่ร่องรอยของเศษเพชรที่มาจากตัวเอเลี่ยนของเบ็นก็คือไดม่อนเฮด โดยร่องรอยที่เหลือก็มีเพียงแค่ลุมบุ่มลงก็เท่านั้น

     

    “ปู่ว่าพวกเราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เบ็นกลับมาก็เท่านั้นแหละ”

     

    “งั้นเบ็นจะปลอดภัยไหมคะปู่?"

     

    “ปู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเบ็นเองก็น่าจะพอมีประสบการณ์ที่เอาตัวรอดได้”พวกเราต่างได้แต่มองหน้าและแค่ภาวนาว่าเด็กชายคนนั้นจะรอดปลอดภัย

     

    “ยังไงก็คงต้องหาดีๆทั่วสะก่อน เผื่ออาจจะเป็นการอำพลางก็ได้”ปู่แม็กพูดขึ้นมาซึ่งมาติสและเกวนก็พยักหน้าพลางควานหาตัวเบ็นรอบๆแถวนี้ ซึ่งมันก็ไม่น้อยเลยนะที่จะหาได้ เพราะมันก็กว้างอย่างมากเหมือนกัน พวกเราต่างเดินตามหาไปทั่ว 

     

    โดยก็มีเศษของไดม่อนเฮดตามจุดต่างๆที่เป็นเศษน้อยๆแต่กลับยังไม่พบเจ้าตัวยู่ก็เลยต้องตามหาต่อไป มาติสคิดว่ายังไงก็คงหาไม่เจอเพราะเธอเองก็เห็นเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตาแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

     

    พวกเราหาอยู่นานมานักก็ได้รวมตัวกันและนั่งพักกัน เพื่อหายเหนื่อยโดยปู่แฒ้กเองก็ยังคงไม่ค่อยจะพักเท่าไหร่เพราะเขาเองก็มีหน้าที่ที่ต้องซ่อมรถตัวเองอยู่ด้วยแล้ว เลยปล่อยให้เกวนกับมาติสเป็นคนหาต่อ ไม่นานนักพวกเราก็หาตัวเบ็นเจอเมื่อเห็นบางอย่างกำลังลงจอดอย่างช้าๆ

     

    พอได้เข้าไปก็พบว่าเบ็นกลับกลิ่งลงมาจากยานอวกาศนั้นเสียแล้ว

     

    “เบ็น นายไปไหนมาตามหาสะทั่วเลยนะ แล้วเจ้าเควินล่ะไปไหนแล้ว?"เกวนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ในทางส่วนเบ็นที่พึ่งตกกลิ้งลงมาก็จับศรีษะพลางยืนขึ้นปกติ

     

    “ออ หมอนั้นน่ะตอนนี้คงได้เพื่อนเล่นใหม่แล้วล่ะ อีกอย่างเรื่องมันก็ยาวด้วย ว่าแต่เป็นไรกันไหม?"เบ็นเอ่ยถามพวกเธอกลับเช่นกัน ซึ่งทั้งสองก็ส่ายหน้าเชิงว่าไม่เป็นอะไร

     

    “ไหนๆก็กลับมาแล้ว กลับไปที่รถเถอะ”มาติสบอกพลางชี้นิ้วไปที่รถปู่แม็กโดยปู่แม็กเองก็พึ่งซ่อมรถเสร็จได้ไม่นาน 

     

    “อื้ม”

     

    พอพูดจบก็พากันเดินกลับไปที่รถ โดยเบ็นก็เล่าเรื่องราวของเขาในตอนที่เขาโดนลำแสงปริศนาพาวาบไปสถานที่ไหนสักแห่ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็เล่าจนถึงปัจจุบัน

     

    ปู่แม็กและเกวนก็ต่างวางใจ ก่อนที่พวกเราจะขับรถออกไปตามฉบับเดิม ซึ่งดูเหมือนก็จะดูโล่งใจมากกว่าแต่ก่อน เพราะในตอนนั้นเองเขาก็เอาแต่มั่วคิดเรื่องเควินไม่หายทั้งวี่ทั้งวัน จนตอนนี้เขาหายดีแล้ว โดยก็นั่งปกติเล่นเกมซูโม่สบายๆเหมือนเดิม

     

    "จริงสิก็กะว่าจะถามเธอตั้งนานแล้วน่ะ"เบ็นที่ขณะกำลังเล่นเกมซูโม่ของเขาก็ได้เงยหน้ามามองมาติสที่กำลังพิมพ์อะไรบางอย่างบนโน๊ตบุ้คไม่หยุด ซึ่งมาติสก็สงสัยแต่ยังไม่ได้ละหน้าจอโน๊ตบุ้คไปเลยแม้แต่น้อย

     

    "ว่ามาสิ"

     

    "ครอบครัวจะไม่ว่าอะไรหน่อยเหรอถึงได้ปล่อยตัวเธอมาเป็นช่างประปาอะไรนั้นแบบนั้นน่ะ?"เสียงที่กำลังกดแป้นพิมพ์ก็ได้หยุดลง ก่อนที่เธอจะเงยหน้ามามองเบ็นและเงียบสักพัก

     

    "อันที่จริง..เขาทิ้งฉันก่อนจะมาเป็นช่างประปาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ"

     

    "ทำไหมล่ะ เธอออกจะเจ๋งออกไม่ใช่เหรอ??"

     

    "นั้นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันต้องโดนทิ้ง คำว่าเจ๋งสำหรับคนอื่นอาจจะคิดเป็นว่าอันตรายเสียมากกว่า ไม่เคยมีคนไหนที่ต้องการลูกเป็นเอเลี่ยน ที่ในตอนนี้ก็มีเพียงเอเลี่ยนที่โจมตีมนุษย์ก็เท่านั้น"

     

    "ดังนั้นแล้วในตอนนี้มุมมองของพวกเขาก็คงคิดว่าเอเลี่ยนคือศัตรู นายก็คงเหมือนกับใช้พลังของนาฬิกาข้อมือนี่กำจัดเอเลี่ยนเหล่าร้ายนั้นแหละ"

     

    “ขอโทษนะ ที่ฉันถามเรื่องแบบนี่”เบ็นรีบกล่าวขอโทษ แต่มาติสทำได้เพียงไหวไหล่คิดสะว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ใหญ่โตหรือจี้ป่มอะไรของเธอ พลางก้มหน้าพิมพ์ข้อความต่อ

     

    “แล้ว…? ถ้าหากว่าเที่ยวซัมเมอร์นี้จบ เธอคงกลับไปทำงานเหมือนเดิมเหรอ?”

     

    “อื้ม ก็คงตามที่นายพูดนั้นแหละ”

     

    “แบบนั้นก็น่าเบื่อแย่เลยสิ แต่ว่าก็อาจจะน่าสนุกมากกว่าฉันสะอีก”

     

    “…มันก็ไม่เชิงแบบนั้นหรอก ไม่เชิงสนุกสะด้วย แต่นายน่ะมีโอกาศเรียนก็เรียนไปสิ ในเมื่อนายก็มีเวลาที่อยู่กับเพื่อนในโรงเรียนนิ”เบ็นที่ได้ยินก็กอดอกและพลางนึกถึงใบหน้าคนที่แกล้งเขาก่อนไปซัมเมอร์ยังไม่ลืมพร้อมกับความหงุดหงิดขึ้นมา 

     

    “เหอะ เหมือนฉันเป็นคนมีเพื่อนขนาดนั้นอ่ะ”

     

    “??? แล้วเกวนญาติของนาย? ไม่ได้เรียนที่เดียวกันหรอกเหรอ?”

     

    “ไม่อ่ะ ถ้ายัยนั้นมาเรียนฉันคงหัวหนักหัวทุกข์มากกว่านี้เป็นร้อยเท่า แต่ว่านะๆ ยังไงฉันก็คิดว่ามันน่าเบื่อยุดี”

     

    “ใจจริงถ้าหากฉันพอที่จะทำอะไรบางอย่างได้ ฉันก็อยากลองเข้าโรงเรียนเพื่อเรียนไป”

     

    “บอกเลยนะเธอ เข้าได้ไม่นานคงมีลาออกแน่นอน ในโรงเรียนน่าเบื่อจะตายไป"

     

    “นั้นอาจจะสำหรับนายจอมสะเออะ แต่มาติสน่ะ อาจจะเป็นเหมือนฉันก็ได้”เกวนที่นั่งอยู่ด้านหน้าที่เห็นว่าทั้งสองคนอยู่นานก็เข้ามาร่วมวงด้วยคน ที่เห็นว่าคุยกันสะยาวเหยียดสนุกปากสนุกคอกันเชียว

     

    “ก็พวกเธอมันหนอนหนังสือกันนี้หว่า ฉันยังไงถ้าเรียนไม่ได้ฉันก็มีหนทางที่จะเป็นฮีโร่อยู่แล้ว ทำไหมฮีโร่จะต้องร่ำเรียนไปเสียสมองสะเปล่าล่ะ”พูดจบก็นั่งไขว้ขาเอามาวางไว้บนโต๊ะพลางเล่นเกมต่อ มาติสและเกวนต่างมองหน้ากันก่อนที่จะถอนหายใจออกมาพร้อมกับด้วยความเหนื่อยใจ

     

    “ว่าแต่เธออยากเข้าเรียนสถานที่ไหนล่ะ ฉันจะเป็นคนหาให้ได้นะเพราะเรื่องนี้ฉันถนัดมาก”เกวนเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจพลางถามไถ่เรื่องการเข้าเรียนของมาติสซึ่งมาติสก็พยายามตอบเกวนไปทีละคำถาม

     

    “ก็อยากหาที่เรียนไม่ไกลจากบ้านเกิดน่ะ แถวฮอลีวูดมีโรงเรียนไหนบ้างรึเปล่า?”

     

    “อออ ก็มีเยอะแยะเลยนะ รวมถึงโรงเรียนจอมเสลอก็มีด้วย แต่แน่นอนว่าคงไม่ใช่สถานที่แบบนั้นหรอก ที่นั้นมันเข้าง่ายน่ะ ฉันมีที่แนะนำตรงนี่ด้วยนะ คิดว่าเป็นไง”

     

    แน่นอนว่ามาติสและเกวนต่างก็คุยเข้าขากันเสียอีกแล้ว โดยเกวนก็ควานหาโรงเรียนให้มาติสกันสะยกใหญ่พร้อมกับท่าทีที่ดีใจเสียจนออกหน้าออกตาไปหมด แต่นั้นก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจแถมอาจจะเปิดอกคุยกันสะด้วยซ้ำไป เรื่องที่มาติสไม่รู้เกวนก็เป็นคนสอนและอธิบายเธออย่างละเอียดเสียเชียวล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×