ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ben 10 : แค่มือใหม่ของช่างประปา (oc)

    ลำดับตอนที่ #16 : Ben 10 : Episode 15

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 829
      59
      29 เม.ย. 64

    Ben 10 : Episode 15

     

     

    "Somethings are better in dreams"

     

    (บางสิ่งเหมาะสำหรับการพบในฝันมากกว่าความเป็นจริง)

     

     

    ความเดิมจากตอนที่แล้ว...

     

    “มีอะไรรึปล่ามาติส?”เกวนเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเห็นมาติสยืนจ้องมองด้านบนอยู่นาน

     

    “พวกนั้นตามสืบพวกเราอยู่ ดูเหมือนพวกเขาจะรู้แล้วนะ บอกเบ็นให้มาหาเองทันไหมนะ?”

     

    “ไม่รู้เหมือนกันยังไงพวกหน่วยสตีลนี้ก็น่ารำคาญจริง”

     

    “อืม เข้าไปในรถเถอะ”

     

    เมื่อตกค่ำพวกเราก็ขับรถมารับเบ็นในสถานที่ที่ไม่ผู้คนและลับ พอลงมาก็เจอเบ็นที่ซ่อนตัวอยู่นานไม่นานก็ได้ยินเสียงจากที่ไหนสักแห่งดังขึ้น นั้นทำให้พวกเราต่างตกใจยกเว้นเพียงมาติส เธอคิดอยู่แล้วว่าพวกหน่วยสตีลต้องแอบซุ้มจับแบบนี้ ไม่อย่างงั้นสายตาที่เธอสังเกตไว้ในช่วงเช้า

     

    ก็คงจะเป็นคนอื่นถ้าไม่ใช่ฝ่ายสืบของหน่วยสตีลของเขาเอง

     

    “หยุด! ขืนขยับนิดเดียวได้เละเป็นโจ๊กแน่”ผู้หมวดหน่วยสตีลที่คุ้นตาก็เดินเข้ามาในท่ามกลางหน่วยสมุนของเขาพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ แต่ยังเว้นระยะห่างไว้

     

    “มีให้เลือกสองทาง บอกมาเกี่ยวยังไงกับพวกเอเลี่ยนหรือไม่ก็ไปกินข้าวแดงในคุกซะ”ชายที่ร่างกำยำสวมชุดเครื่องแต่งกายในหน่วยสตีลมีบาดแผลตรงหน้าเดินเข้ามาถามไถ่พวกเราพร้อมกับยื่นข้อเสนอเพียงแค่สองหนทางเท่านั้น เขาจ้องมองไปที่เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาล

     

    เพราะมันคุ้นดีสำหรับเขา เขานั่งย่อลงเพื่อให้ได้เห็นหน้าตาชัดๆก็พบว่าเป็นเด็กสาวของช่างประปาสำหรับเด็ก

     

    “จามาติส หน่วยสังกัดของช่างประปาสินะ ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี้”เขาเพ่งมองเธอก่อนจะยันตัวเองยืนและมองไปที่นาฬิกาของเด็กชายที่มองนาฬิกาของตัวเอง

     

    “มันเก็บไว้ในนาฬิกานี้ด้วยใช่ไหม ที่ว่าตัวส่งสัญญาณเรียกเอเลี่ยนมาน่ะ”เขาจับไปที่ของเบ็นพลางเงยหน้าไปมองเขา เพื่อเค้นคำถาม แต่พวกเราก็ได้เพียงแค่เงียบ

     

    “แล้วยัยหนูเธอมาอยู่กับพวกนี้ได้ยังไงในเมื่อพวกเขาเป็นตัวที่จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย”เขาหันกลับมาสนทนาต่อกับมาติสอีกครั้ง เธอที่โดนถามก็เงยหน้ามามองและเลิกคิ้วสูง

     

    “ฉันว่าคุณควรกลับไปทำงานหยุดเอเลี่ยนก่อนเถอะค่ะ ผู้หมวดหน่วยสตีล”

     

    “ว่าไงนะ-”ไม่ได้เอ่ยกล่าวก็มีลูกน้องมาขัดแจ้งสถานการณ์เกิดเหตุเสียก่อน

     

    “ผู้หมวดครับ ตอนนี้เอเลี่ยนคริสตัลกำลังถล่มโกลเดนเกตครับ ถ้าไม่รีบสกัดมัน มันถล่มทั้งสะพานพังแน่”

     

     นั้นทำให้ผู้หมวดที่กำลังเคร่งเครียดและจะชักถามต่อก็ต้องกลับไปปฎิบัติงานของเขาตามที่เด็กผู้หญิงตรงหน้าพูดจริงๆ เขาปล่อยมือจากเบ็นก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารเพื่อแจ้งข่าวในอีกฝ่ายให้ทราบ

     

    “เรายังไม่จบกันนะ แล้วก็เธอจะไปด้วยรึเปล่า แต่เป็นเด็กก็คงไม่เป็นไร”อีกฝ่ายว่าจบก็มีเฮลิคอปเตอร์มารับเขาอย่างรวดเร็ว

     

      มาติสที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็กำหมัดแน่น และจะเดินเข้าไปหาแต่ก็โดนเบ็นจับมือไว้ นั้นทำให้เธอหันไปมองด้วยความสงสัยปนไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย 

     

    “ไม่ต้องไป ฉันจะไปเองเขาไม่มีวันหยุดเคลวินได้หรอก”สีหน้าของเขาที่จริงจังออกมาและพูดอย่างหนักแน่นเต็มอกของเขา เพราะเรื่องนี้มีเพียงแค่เขาและเคลวินเท่านั้นที่สามารถเคลียร์ได้

     

    มาติสที่เห็นใบหน้าเบ็นก็เงียบลงพลางสะบัดมือของเบ็นออกและกลับไปอยู่ข้างปู่แม็กแทน เธอไม่อยากเห็นคนที่ควบคุมนาฬิกาได้พลาดหรืออะไรหรอกแต่พอมีคนที่ใช้นาฬิกาในทางที่ถูกต้องเธอจะไม่ขวางอะไรเลย 

     

    เธอยังคงยึดหลักของคำพูดแอสมัสที่เธอทำการประดิษฐ์ด้วยกันอย่างแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจ

     

    ‘ถ้าหากเจ้าเจอคนที่ได้ออมนิทริกซ์และใช้ในทางที่ถูกต้อง เจ้าก็อย่าไปขัดขวางเขาเลยจะดีกว่า’

     

    แต่สิ่งที่เธอทำในตอนนี้คิดว่าเขาใช้ในทางที่ถูกต้องรึเปล่า เธอก็ไม่รู้เหมือนกันด้วยเขาที่ยังวัยเด็กละอ่อน แต่เขากลับท้าทายและไม่กลัวอุปสรรคที่กำลังมาหา เขาเผชิญหน้าด้วยออมนิทริกซ์ที่ได้ครอบครองมา โดยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งเอเลี่ยนหลายๆคนต้องการมัน

     

    เธอคิดทบทวนพวกนี้จนตัวเธอตอนนี้ก็มาอยู่ที่สะพานโกลเดนเกตโดยไม่รู้ตัวโดยมีหน่วยสตีลมาควบคุมพวกเราไว้เพื่อไม่ให้เข้าใกล้สิ่งอันตราย

     

    เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปก็พบกบเคลวินนร่างของไดมอนด์เฮดอยู่ที่กำลังถล่มอยู่ด้านบนของสะพานโกลเดนเกต ไม่นานผู้หมวดหน่วยสตีลก็ปรากฏขึ้นเพื่อกำจัดเอเลี่ยนตัวนั้นด้วยตัวคนเดียว โดยมีกำลังเสริมเป็นปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่ที่สามารถยิ่งเอเลี่ยนให้กระเด้นไปใกล้ได้

     

    “มาติสคือว่า..”เบ็นที่ดันเข้าใจผิดว่ามาติสนั้นดันมาโกรธเข้าแทนสะแล้วก็เอ่ยชื่ออีกฝ่ายให้หันกลับมา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้หันมาแต่เพียงพูดออกมาเท่านั้น

     

    “นายและเคลวินเป็นคนก่อเรื่อง นายก็ต้องไปเคลียร์เอง”

     

    “นายเคยพูดไว้นิ”ธอหันมามองพลางจิ้มไปที่หน้าอกและยกยิ้มขึั้นมา เขาก็นิ่งงันและยกยิ้มกลับพร้อมยื่นมือมาเป็นหมัด เธอจึงหมัดตอบซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเพื่อนที่ดีต่อกัน

     

    “ขอบใจนะมาติส”เสียงนั้นก็หายไปพร้อมกับผู้คนมากมายตรงหน้าของเธอ  เธอเพียงถอนหายใจและนับความเป็นวีรบุรุษอยู่เล็กน้อย

     

    ดูเหมือนว่าสภาพเธอในตอนนี้ก็เริ่มจะเคารพเขาในครึ่งส่วน 25 สะแล้วล่ะมั้ง ไม่นานก็มีเอเลี่ยนอีกตัวปรากฏขึ้นซึ่งนั้นก็คือ เบ็นในร่างของโฟร์อาร์มส์ที่ในตอนนี้เขาก็มาช่วยผู้หมวดหน่วยสตีลได้ทันเวลาพอดี

     

    ทั้งคู่ต่างปะทะกันอยู่นานโดยมีผู้หมวดหน่วยสตีลที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ใกล้ที่สุดก็มองทั้งสองปะทะกัน ไม่นานเคลวินก็เปลี่ยนร่างไปเรื่อยๆสุดท้ายก็กลับร่างของตนเองนั้นทำให้เบ็นก็คิดว่ามันจบแล้วเลยไม่ทำร้ายเคลวิน แต่จู่ๆพลังที่หมุนเวียนในตัวของเคลวิน

     

    ก็เกิดผิดปกติขึ้นมาและทำให้เขากลายร่างเป้นเอเลี่ยนที่มีเอเลี่ยนที่เบ็นใช้มาทั้งหมดรวมตัวกันออกมาจนคลายสัตว์ประหลาด

     

    เคลวินดูเหมือนจะเคียดแค้นเบ็นอย่างมากก็ปะทะกันต่อ แต่ดีที่ในขณะที่เบ็นกำลังจนมุมผู้หมวดหน่วยสตีลก็สั่งในลูกน้องยิงลำแสงเลเซอร์พลังแรงสูงใส่ตัวเคลวินทันที นั้นเลยทำให้เบ็นรอดกลับมาได้และไปช่วยผู้หมวดหน่วยสตีลที่ใกล้จะตกลงไปข้างล่างอย่างทันที

     

    การถล่มของสะพานก็ถูกสกัดไว้ได้อยางสำเร็จนั้นทำให้พวกเราก็โล่งใจเรื่องความปลอดภัยและเรื่องเคลวินอยู่เล็กน้อย

     

    เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

     

    “เจอยิงร่วงขนาดนั้นน่ะ ต่อให้เคลวินคงไม่รอดหรอกใช่มะ?”เกวนเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่เธอนั่งมองข้างนอกหน้าต่างรถที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง

     

    “ถามผิดคนแล้วเธอ คราวก่อนฉันก็ว่ามันปิดบัญชีไปแล้ว”

     

    จู่ๆรถก็ริ่มวิ่งช้าลงและจอดทำให้พวกเราต่างก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างสงสัย แต่ก็ต้องเข้าใจเมื่อพบเจอกับผู้หมวดหนวยสตีลอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินมาที่รถของปู่แม็กเพื่อพูดคุย

     

    “ทำไหมเวลาเอเลี่ยนโผล่มาต้องเจอสามคนนี้ด้วยทุกคนทีเลย ไม่สิสี่คน”มาติสโผล่าดูเล็กน้อยก็เห็นใบหน้าผู้หมวดที่โดนอัดค่อนข้างเละกำลังยืนคุยอยู่พอดี

     

    “จริงเหรอ? ยังงั้นเลยเหรอ อืม…ไม่ยักกะรู้นะเนี้ย”ปู่แม็กกล่าวตอบด้วยอารมณ์ขบขันเล็กน้อย

     

    “จริง แต่คงเป็นแค่บังเอิญเเหละ ไม่แน่หรอกนะเราได้เจอกันอีกก็ได้นะ ขับระวังล่ะกัน แถวนี้ยิ่งมีอะไรพิลึกๆอยู่”

     

    “ครับผม ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละ”

     

    “ออจริงสิ เธอน่ะจามมาติส”

     

    เธอที่กำลังจะกลับเข้าไปนั่งที่เดิมก็ต้องหันวกกลับมามองที่ผู้หมวดหน่วยสตีลที่จู่ๆก็เรียกเธอ

     

    “บอกพวกช่างประปาสังกัดเธอว่าสวัสดีด้วยนะ รักษาตัวด้วยล่ะยัยหนู”

     

    “ทราบค่ะ คุณก็เช่นกันปฏิบัติงานอย่าได้เละแบบนี้อีกนะคะ”

     

    “แหม่ ปากดีจริงนะ แต่ก็ขอบใจที่อุสาต์เป็นห่วง หวังว่าหน่วยงานเราจะมีผูกมิตรดีต่อกันนะ”

     

    หลังจากนั้นเขาก็ถอยให้ปู่แม็กขับรถไปต่อ เธอก็กลับไปนั่งที่เดิมตามปกติ พลางนั่งมองผ่านกระจกรถที่ในตอนนี้พวกเรากำลังจะออกไปจากที่เมืองแห่งนี้ เธอรู้สึกว่ามันก็แอบโล่งใจแบบแปลกๆอยู่เหมือนกันในเวลาที่เธอโดนจับมือ

     

    คล้ายๆกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เธอด่าไปเธอก็กลับจมปลักและรักกลับแทน

     

    “บ้าชะมัด”เธอพึมพำออกมาในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆจนดวงดาวก็เริ่มปรากฏประปราย

     

    “เมื่อกี้เธอพึมพำว่าอะไรเหรอมาติส?”เบ็นเอ่ยถามขึ้นมาเพราะตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ด้านหน้ามาติส ก็เพราะว่าเกวนชนะเขาในการแข่งทายของเลยไปนั่งอยู่ด้านหน้าแทน ส่วนมาติสรายนั้นไม่ร่วมการแข่งขันเพราะตนนั่งที่ตรงนี้ดีที่สุดแล้ว

     

    “ไม่มีอะไรหรอก”สายตาของเบ็นก็จ้องมองที่มาติสอย่างจับผิด ก็เมื่อเจ้าตัวพูดออกมาแท้ๆแต่กลับบอกว่าไม่มีอะไร เขาว่าก็น่าสงสัยไม่แปลกแน่นอน แต่เขาก็ละจากความคิดนั้นหันมาเล่นเกมซูโม่แทน

     

    เมื่อใกล้ถึงเวลานอนพวกเราก็ต่างพากันเข้านอนปกติ แต่ว่าวันนี้แปลกหน่อยก็คือเธอดันนอนไม่หลับสักเท่าไหร่ เธอจึงออกมาเดินเล่นเพื่อสูดอากาศ

     

    จู่ๆเธอที่กำลังนั่งดูดาวอยู่ก็ได้ยินเสียงเหยียบอะไรบางอย่างทำให้เธอรีบเรียกเคียวออกมาและหันไปมองที่ต้นเหตุของเสียงก็พบว่าเป็นเบ็น ที่ในตอนนี้ก็ใส่ชุดนอนพร้อมกับเสื้อแขนยาวเพราะว่าอากาศค่อนข้างจะหนาวอยู่เล็กน้อย

     

    “นายมาทำไหม?”เธอลดเคียวและหายไปไม่เพียงกี่พริบตาพลางเงยหน้าไปมองอีกครั้ง 

     

    “ฉันควรจะถามเธอมากกว่าว่าเธอออกมาทำไหม?”อีกฝ่ายก็เดินมานั่งอยู่ข้างๆเธอ พร้อมกับเงยหน้าไปดูดาวด้วยเช่นกัน

     

    “ฉันนอนไม่หลับ แล้วนายล่ะ?”

     

    “เช่นกัน ฉันมั่วแต่คิดเรื่องของหมอนั้นคิดว่าหมอนั้นไม่น่าจะตายได้ง่ายๆแน่”

     

    “เหรอ…เหตุผลที่คิดอาจจะเหมือนกันอยู่หรอกมั้ง แต่ที่ฉันนอนไม่หลับจริงก็คงเพราะใครสักคน…”เธอว่าพลางเสียเริ่มแผ่วเบาลง จนเบ็นเลิกคิ้วอย่างสงสัย

     

    “ใครเหรอ?”

     

    “ก็…ไม่ใช่ใครหรอกอย่าใส่ใจเรื่องฉัน”

     

    “อย่าใส่ใจอะไรเล่า!-เห้ย! ด-ด-เดี๋ยวสินี้เธอทำอะไรน่ะ”ไม่ทันได้พูดมาติสก็เอนกายมานอนลงที่ตักของเบ็นพร้อมกับหลับตาลง นั้นทำให้เขาเลิกลั่กและรนอย่างมาก

     

    เพราะสภาพเขาตอนนี้เขินหน้าแดงมากๆก็ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะทำ เขาก็ตัวเกร็งจนไปไม่ถูก

     

    “ขอฉันอยู่แบบนี้สักนะ….”

     

    ไม่ทันที่จะได้เอ่ยพูดกับเธออีกครั้ง เบ็นก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นหลับปุ๋ยไปแล้ว เขาถึงกับถอนหายใจออกมาหน่ายๆพร้อมกับคิดเรื่องต่างๆที่เข้าสมองเขามาเรื่อยมา และเรื่องล่าสุดที่เขายังคงสงสัยกับคำพูดคนที่บนตักของเขา

     

    แต่อีกฝ่ายก็หลับไม่ได้ให้เขาถามเลยสักนิดเดียว

     

    ยัยบ้าเอ้ย…

     

    อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อแขนยาวคลุมตัวเธอและเงยหน้ามองดูดวงดาวที่ท่อแสงส่องประกายยามได้สบตากับดวงดาว ก็เหมือนเขานั้นจะระเริงไปกับมัน มันสามารถทำให้เขาผ่อนคลายในทางสายตาจนสมองก็พลอยสบายไปด้วย

     

    การได้ออกมาดูดาวก็นับว่าไม่เลวเหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×