ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Magic Castle of The Love

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 การพบกัน

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 50


    บทที่  6  การพบกัน

                      ณ บ้านของบรรดาหนุ่มทั้ง 5 แจจุงกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารให้กับสมาชิกในวงเช่นทุกวัน ชางมินที่อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนแล้วกำลังนั่งติวหนังสือเพื่อเตรียมสอบในตอนเช้าอยู่ ส่วนยุนโฮกับจุนซูและมิกกี้ยังนอนอยู่ "วันนี้ไม่มีงานพวกพี่จะเข้าบริษัทกันหรือเปล่า" ชางมินถามขึ้น "คิดว่าจะไม่เข้านะเพราะฉันจะเข้าเมืองไปหาซื้อของแต่งบ้านนิดหน่อย" แจจุงตอบทั้งที่ยังทอดไข่ดาวอยู่  "แล้ววันนี้นายจะกลับยังไงล่ะชางมิน" แจจุงถามขึ้น "เห็นพี่ยุนโฮบอกว่าจะไปรับฮะแต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมจะต้องขึ้นรถไปเอง" ชางมินตอบพร้อมกับทำแบบฝึกหัดทบทวนต่อไป  "อืม...ระวังโดนรุมแต่เช้าล่ะ" แจจุงแกล้งแซว "ไม่ต้องเป็นห่วงผมเอาตัวรอดได้อยู่แล้วฮะ" ชางมินตอบอย่างร่าเริง  "ฮ้าว...หิวจังมีอะไรกินมั่งอ่ะ" จุนซูเดินบิดขี้เกียจเข้ามาพร้อมกับหาวไปในตัว "นายไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนแล้วค่อยมากินดีกว่านะ" แจจุงบอก "คร้าบ........คุณแม่" จุนซูแซวแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป  "งั้นผมไปมหาลัยก่อนนะ" ชางมินพูด  "อืม....ระวังตัวด้วยนะตอนเช้ารถมันเยอะข้ามถนนดี ๆ ล่ะ" แจจุงบอกด้วยความห่วงใย "ครับ" ชางมินตอบสั้น ๆ พร้อมกับเดินสพายเป้ใส่หนังสือออกไป

                                                                                                                                                                                                                             "ตายแล้วโพมีตื่น ๆๆๆๆๆ เธอจะไปมหาลัยสายนะ" เสียงซินกิลบ่นพรางเขย่าตัวโพมีให้ตื่น "โอย...มหาลัยอะไรฉันไม่รู้จักฉันเรียนจบแล้วด้วย" โพมีตอบเสียงอู้อี้ ๆๆๆ  "นี่เราไม่ได้อยู่ในโลกเวทมนต์นะเราอยู่โลกมนุษย์" ซินกิลพูด "จริงด้วย...!!!!ตายแล้ว" โพมีพูดพร้อมกับสะดุ้งตื่นนอนทันที "แล้วดาจองล่ะเขาก็ต้องไปเป็นครูที่มหาลัยเดียวกับฉันนี่" โพมีพูดต่อ "ดาจองไปตั้งแต่เช้าแล้ว" ซินกิลพูดพรางพับผ้าห่มให้โพมี  "โอ้ยฉันต้องไปไม่ทันแน่ๆๆไหนจะแต่งตัวไหนจะอาบน้ำซินกิลขอไม้กายสิทธิ์ฉันเถอะครั้งเดียวนะนี้มันฉุกเฉินจริง" โพมีอ่อนวอน "ก็ได้แต่ฉันจะเป็นคนทำให้" ซินกิลบอก "งั้นก็เร็ว ๆ สิ" โพมีเร่ง "เฟลเกรเต้" ซินกิลร่ายคาถาจึงปรากฏแสงสีเงินฟ้าพวยพุ่งออกมาห่อหุ้มตัวโพมีเมื่อแสงหายไปโพมีก็อยู่ในเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อย  "ขอบใจนะซินกิลไปล่ะ" โพมีพูดแล้วก็รีบวิ่งออกไป "เดี๋ยวไม่กินข้าวหรือไง"ซินกิลคิดจะพูดประโยคนี้แต่ไม่ได้พูดเนื่องจากโพมีวิ่งออกไปแล้ว

             ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ชางมินกำลังก้าวเข้าประตูมาอย่างช้า ๆ "ชางมินหวัดดี" เสียงใสใสของหญิงสาวคนนึงดังขึ้น "อืม..หวัดดียูริ"ชางมินตอบเรียบ  "นี่วันนี้สอบเสร็จแล้วไปเดทกันนะ" ยูริพูดขึ้น "ไม่ได้หรอกฉันต้องรีบกลับบ้าน" ชางมินตอบ "งั้นฉันไปบ้านเธอก็ได้" ยูริพูดอย่างอ้อนๆๆ "ไม่ได้" ชางมินตอบเขาชินกับการโดนอัน ยูริ เพื่อนร่วมห้องของเขามาเซ้าซี้แล้ว อัน ยูริหรือ ยูริ คอยจะเข้าหาชางมินอยู่บ่อยๆ เนื่องจากยูรินั้นได้แอบชอบชางมินอยู่ "ทำไมเธอชอบเย็นชากับฉันนักล่ะ" ยูริพูดอย่างน้อยใจ "แล้วทำไมเธอชอบตามฉันนักล่ะ" ชางมินย้อนบ้าง "ก็เพราะฉันรักเธอไงเธอไม่รู้หรอ" ยูริพูด "รู้เธอบอกฉันมา 102 ครั้งแล้วมั้ง" ชางมินตอบ "แล้วทำไมไม่รับรักฉันซักทีล่ะ" ยูริถามพร้อมกับมองหน้าชางมินด้วยสายตาอ้อนวอน "ฉันคิดว่าเธอควรจะเก็บคำนี้ไว้บอกคนที่เธอรักจริงๆเถอะนะ"ชางมินพูด "ก็เธอไงชางมิน"ยูริพูด แต่ชางมินยังไม่ทันจะตอบก็มีร่างหนึ่งวิ่งชนเขาเข้าอย่างจังเมื่อชางมินเงยหน้ามองดูก็เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเธอ เธอก็คือ ชิมโพมีนั่นเอง "ขอโทษค่ะเป็นอะไรไหมคะคือฉันรีบมากค่ะ" โพมีพูดขอโทษพร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อย แต่ชางมินยังไม่ทันจะพูดอะไรยูริก็พูดตัดหน้าเขา "นี่เธอเดินอย่างไงเนี่ยมองไม่เห็นคนหรือยะ" ยูริพูดพร้อมกับมองหน้าโพมีอย่างเอาเรื่อง "ฉันก็ขอโทษแล้วนี่จะเอาอะไรอีกล่ะ"โพมีเริ่มมีน้ำโหขึ้นมา "นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าคนที่เธอชนเนี่ยเขาเป็นใครถ้าเขาต้องเข้าโรงบาลใครจะรับผิดชอบ"ยูริยังไม่เลิกด่าว่าโพมี "แค่เดินคนชนเนี่ยมันไม่ถึงกับตายหรอกนะถ้าโดนรถชนก็ว่าไปอย่าง"โพมีเถียงกลับ "นี่เธอ"ยูริทำถ้าจะพูดแต่โดนชางมินดักขึ้นมาก่อน "พอเถอะยูริฉันไม่เป็นอะไร เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณรีบคุณไปเถอะผมไม่เป็นอะไรจริง ๆ"ชางมินบอกโพมี "ขอบคุณแต่ฉันว่าคุณควรจะหาตะกร้อมาครอบปากแฟนคุณหน่อยนะเดี๋ยวไปกัดคนอื่นเข้าแย่เลยฉันไปล่ะ" โพมีพูดอย่างมีสีหน้าแล้วก็วิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ "นี่เธอกลับมานี่นะกล้าดีอย่างไงมาว่าฉันเป็นหมาฮะ" ยูริตะโกนไล่หลังแต่โพมีไม่สนใจ "ยูริ! พอเถอะเธอไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงถ้าเธอไม่อายก็ยืนอย่างงี้ต่อไปล่ะกัน"ชางมินตวาดแล้วก็เดินจากไป "เดี๋ยวชางมินคอยฉันด้วย"ยูริพูดแล้วรีบวิ่งตามชางมินออกไป

          

                    "ทำไมเมื่อเช้าไม่คอยฉันเลย"โพมีพูดเมื่อวิ่งกะหื่ดกระหอบมาหาดาจองที่ห้องพักอาจาร์ย "ฉันลืม" ดาจองตอบสั้น ๆ แต่ได้ใจความ "จำเอาไว้เลยเป็นพี่ภาษาอะไรไม่คิดจะคอยน้องบ้าง" โพมีพูดอย่างน้อยใจ "โพมี! ลืมแล้วหรออยู่ที่นี่เราไม่ใช่พี่น้องกัน" ดาจองพูดอย่างตกใจ "โทษทีฉันลืม" โพมีตอบอย่างตกใจเช่นกัน "แต่ก็น่าจะคอยกันบ้างนี่"โพมียังงอนไม่เลิก  "ขอโทษก็ได้งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ฉันเลี้ยงไอติมละกัน" ดาจองพูด "แน่นะห้ามเบี้ยวด้วย" โพมีพูดด้วยสีหน้าดีใจ "อืม...คอยฉันได้ไหมล่ะตอนเย็นฉันต้องยืนคุมประตู" ดาจองพูด "ไม่มีปัญหาแต่มาสอนวันแรกเนี่ยก็ได้คุมประตูเลยหรอ" โพมีถามขึ้น  "เปล่าทำแทนคนอื่นเขาน่ะ" ดาจองตอบสั้น ๆ "อืมได้เวลาเข้าเรียนแล้วฉันไปนะเจอกันตอนเย็น" โพมีพูด "ไม่ต้องเย็นหรอกเช้านี้เดี๋ยวก็ได้เจอกันฉันสอนห้องเธอคาบ 3 น่ะ"ดาจองบอก "งั้นหรอ...ก็ดีอ่ะสิแล้วเจอกันนะบาย" โพมีพูดพร้อมกับเดินออกไป

               "หวัดดีชางมิน"เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อชางมินก้าวเข้ามาในห้องเรียน  นั่นคือเสียงของลี ซังวู เพื่อนสนิทของชางมินนั่น "หวัดดีซังวู" ชางมินตอบพร้อมกับเดินไปนั่งที่ข้างๆซังวู  "อ้าวทำไมที่ข้างฉันว่างล่ะ" ชางมินถามอย่างสงสัย "นายไม่มามหาลัยหลายวันคงยังไม่รู้ว่าชุดจาที่นั่งข้างนายน่ะลาออกไปแล้วเห็นบอกว่าแม่ไม่ให้เรียนเพราะที่ร้านงานเยอะไม่มีคนช่วย" ซังวูตอบรวดเดียวจบ "อืม" ชามมินพูดสั้น ๆ "งั้นฉันย้ายมานั่งข้างเธอนะ" เสียงของยูริดังขึ้น  "ตามใจเธอถ้าเธออยากโดนอาจาร์ยว่า" ซังวูตอบแทนชางมิน "ซังวูนายไม่ยุ่งซักเรื่องจะเป็นไรไหม "แล้วเธอล่ะไม่ตามชางมินซักวันจะเป็นไรไหม" ซังวูย้อน แต่ยูริยังไม่ทันย้อนกลับก็ต้องไปนั่งที่ก่อนเพราะอาจาร์ยประจำชั้นและประจำวิชาที่ต้องสอนตอนเช้าเดินเข้ามาพอดี  "วันนี้เรามีนักเรียนใหม่จะย้ายมาจากชูนัมจะมาเรียนกับเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" เมื่ออาจาร์ยพูดจบร่างของสาวน้อยน่ารักนามโพมีก็เดินก้าวเข้ามาในห้องทำให้นักเรียนชายในห้องมองเป็นตาเดียว โดยเฉพาะชางมินกับยูริที่ไม่คิดว่าจะได้เจอโพมีอีก  "เดี๋ยวจะให้นักเรียนใหม่แนะนำตัวละกัน" อาจาร์ยพูดพรางหันไปบอกให้โพมีแนะนำตัว " ค่ะชื่อ ชิม โพมี ค่ะยินดีที่ได้รู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" โพมีพูดอย่างร่าเริงทำเอาหัวใจของนักเรียนชายในห้องหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม "เอาล่ะเธอไปนั่งที่ข้าง ๆ อ้อชางมินวันนี้มาเรียนได้หรอไม่มีงานหรอ"อาจาร์ยถามชางมิน "ไม่มีครับ" ชางมินตอบสั้นๆ "อืม...ชิมโพมี เธอไปนั่งที่ข้าง ๆ ชางมินละกัน" อาจาร์ยพูดพร้อมกับชี้ไปที่นั่งว่างๆ ข้างชางมิน "ค่ะ" โพมีตอบสั้น ๆ  "เอาล่ะวันนี้เรามีนัดกันว่าจะสอบใช่ไหม"อาจาร์ยพูดขึ้นพร้อมกับนักเรียนทำเสียงฮือฮา "อ้อ โพมีเธอยังไม่ต้องสอบก็ได้นะเพราะเธอเพิ่งย้ายมา" อาจาร์ยพูดกับโพมี "ไม่เป็นไรค่ะหนูทำได้" โพมีตอบพร้อมกับมีสายตาของยูริมองอย่างหมั่นไส้  "อ้อ..งั้นก็ตามใจแต่ถ้าตกอาจาร์ยไม่ให้ซ่อมนะ" อาจาร์ยพูด "ค่ะ" โพมีตอบ  "เอาล่ะอาจาร์ยจะแจกข้อสอบเลยละกันนักเรียนทุกคนเอาสัมภาระลงจากโต๊ะให้หมดให้เหลือแต่ปากกา"อาจาร์ยประกาศ  เมื่ออาจาร์ยแจกข้อสอบเสร็จโพมีจึงสังเกตหัวกระดาษแล้วจึงพบว่าวิชานี้คือวิชาสังคมศึกษา "คงจะคล้าย ๆ กับมนุษย์ศึกษาที่โลกเวทมนต์ละมั้ง" โพมีคิดในใจแล้วจึงเริ่มบรรจงเขียนชื่อตัวเองบนหัวกระดาษและเมื่อเธออ่าน    โจท์ยเธอก็เข้าใจว่าข้อสอบนี้เมื่อเทียบกับข้อสอบที่โลกเวทมนต์แล้วนี่คือข้อสอบของเด็กชั้นเวลจิก (ชั้นประถมของโลกเวทมนต์) และเมื่อ 5 นาทีผ่านไปเธอก็สามารถตอบคำถามทุกข้อได้อย่างง่ายดายทำเอาทุกคนในห้องอึ้งไปตาม ๆ กัน รวมถึงชางมินด้วย มีแต่สายตาคู่เดียวเท่านั้นที่มองเธอด้วยความอิจฉานั่นคือสายตาของยูรินั่นเอง

    ณ บ้านเก่าหลังเดิมของ 5 หนุ่มแต่ตอนนี้เหลืออยู่ 4 หนุ่มกำลังนั่งกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย  "ทำไมชางมินมันรีบออกไปแต่เช้าเลยล่ะ" จุนซูถามขึ้นมา "ไม่รู้เหมือนกันกลัวไปโรงเรียนไม่ทันมั้ง" แจจุงตอบ "แล้ววันนี้พวกนายจะไปไหนกันไหมอ่ะ" ยุนโฮถามทุกคน "ฉันว่าจะไปหาซื้อของแต่เปลี่ยนใจและว่าจะไปชูนัมเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่หน่อย" แจจุงตอบ  "โหย...โบแจลูกผู้กตัญญู" จุนซูแซว "จะไปด้วยกันไหมล่ะจุนซู" แจจุงพูดชวน "ไม่อ่ะฉันว่าจะไปเดินเล่นในตลาดดีกว่า "แล้วคุณยุนโฮกับคุณยูชอนล่ะครับไม่ไปไหนหรอครับ" จุนซูพูดล้อเลียนขึ้นมา "ฉันว่าจะนอนอยู่บ้านดีกว่าแล้วนายล่ะยูชอน" ยุนโฮตอบแล้วถามยูชอนต่อ  "ฉันว่าจะเข้าบริษัทไปนั่งเม้าท์กับพวก SJ หน่อย" ยูชอนตอบ "ไปนั่งเม้าท์กับพวก SJ หรือไปนั่งเม้าท์กับโบอะกันแน่" จุนซูแซว "ยูชอนถ้านายเจอกายองแล้วกายองถามหาฉันนายบอกทีนะว่าไม่รู้" แจจุงพูดบอกกับยูชอน "กลัวเมียดุหรือไงโบแจ" จุนซูแซว ทำเอาทั้ง 3 หันมามองเป็นตาเดียวกันว่าถ้านายพูดอีกครั้งนายตายแน่จึงทำให้จุนซูก้มหน้ากินข้าวในจานตัวเองต่อไปอย่างเงียบ ๆ

    ณ บริษัท SM ENTERTAINMENT จุงซุกกำลังวุ่นอยู่กับการเดินเอกสารจากห้องนั้นไปห้องนี้จากห้องนี้ไปห้องนั้นปากก็บ่นไปว่า "ซินกิลนะซินกิลทำกับฉันได้ฉันเป็นถึงรัชทายาทอันดับ 4 เชียวนะ" ในตึกเดียวกันยูชอนกำลังก้าวเดินมาอย่างช้า ๆ "ยูชอน"เสียงหนึ่งดังขึ้นเขาจึงหันไปดูก็เห็นร่างของฮัน กายอง ลูกสาวคนเดียวของประธาน บริษัท SM ENTERTAINMENT ดังขึ้น "ว่าไงกายอง"ยูชอนตอบ "แจจุงล่ะ" กายองถาม "ไม่รู้สิไม่เจอตั้งแต่เช้าแล้ว" ยูชอนตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิด "หรอแย่จังวันนี้วันหยุดซะด้วยแล้วฉันจะได้เจอเขาไหมเนี่ย" กายองบ่น "ไม่มีอะไรแล้วฉันไปนะ"ยูชอนพูดพร้อมกับกำลังจะเดินออกไป "เดี๋ยว" กายองรั้ง "อะไร"ยูชอนหันมาถาม "อย่าให้รู้นะว่านายรู้ว่าแจจุงไปไหนแต่ไม่ยอมบอก"กายองพูดด้วยเสียงเข้ม ยูชอนพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบเดินจากไปเพราะกลัวกายองจับได้ "โอ้ย..วันนี้ซ่วยแต่เช้าเลยมาเจอยัยกายองนั่นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแจจุงมันถึงรำคาญนักหนา" ยูชอนเดินไปพรางบ่นไปโดยไม่มองว่าข้างหน้านั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งแบกเอกสารกองเบ้อเริ่มอยู่เป็นเหตุให้ทั้ง 2 ชนกันอย่างจังเอกสารกระจายปลิวว่อนทั่วทางเดิน "โอ้ย...นี่คุณเดินอย่างไงเนี่ยมองไม่เห็นคนหรือไง"หญิงสาวคนนั้นบ่นขึ้น "เอ่อ...ขอโทษครับ"ยูชอนพูดพรางช่วยก้มเก็บเอกสารเมื่อเงยหน้าขึ้นมาดูเขาจึงเห็นว่าคนที่เขาชนนั้นหน้าตาโคตรสวยเขาจึงอึ้งอยู่พักใหญ่ "นี่คุณ....จะจ้องฉันอีกนานไหมเนี่ยเดี๋ยวก็เก็บตังค์ซะหรอก" จุงซุกตวาดทำเอายูชอนสะดุ้ง "เอ่อ...ขอโทษครับ" ยูชอนพูด "ไม่ต้องขอโทษแล้วแล้วจะให้ฉันได้หรือยังเอกสารนั่นน่ะ"  จุงซุกพูด "อ้อ..ขอโทษครับ" ยูชอนพูดพร้อมกับยื่นเอกสารให้  "ขอบใจนายนี่พูดเป็นอยู่คำเดียวหรือไงนะ" จุงซุกพูดพร้อมกับดึงเอกสารมาจากมือของยูชอนแล้วหันหลังเตรียมจะเดินไป "เดี๋ยวครับคุณ" ยูชอนพูดขึ้น  "อะไรอีกล่ะ" จุงซุกพูด "คือ....คุณลืมอีกแผ่นนึงครับ"  ยูชอนพูดพร้อมส่งกระดาษอีกแผ่นนึง "อ้อ..ขอบใจ" จุงซุกพูดอย่างเร่งรีบแล้วรีบเดินเพื่อนำเอกสารไปส่งอย่างรวดเร็ว "ผู้หญิงอะไรน่ารักชะมัดเลย" ยูชอนพูดกับตัวเองพร้อมอมยิ้ม

       "ชุนมีเดี๋ยวฉันมานะ" เสียงของซินกิลดังขึ้น "จะไปไหนล่ะ"ชุนมีถามในขณะกำลังใส่ปุ๋ยให้กับต้นออโรล่าที่กำลังออกดอกสีส้มสวยงาม "จะไปศึกษาหาข้อมูลที่ชูนัมหน่อยในหนังสือบอกเป็นเมืองน่าสนในมาก  "อืม..ตามใจเธอเดินทางดีๆๆล่ะ"ชุนมีบอกด้วยความห่วงใย "จ้ะไปนะ" ซินกิลบอกด้วยถ้าทางร่าเริงแล้วเดินออกไปขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์เธอนั่งรถอยู่ประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงชูนัมเธอเริ่มเดินทอดน่องไปตามถนนเล็กๆสายนึง แต่เธอรู้สึกได้ว่าเมื่อเธอเดินไปทางไหนก็จะถูกมองด้วยสายตาแปลก ๆ  มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอแล้วชี้ไปที่หน้าอกเธอแล้วถามเธอว่าของจริงหรือเปล่าเมื่อเธอตอบว่าของจริงผู้หญิงคนนั้นก็ทำท่าจะเป็นลมแล้วพึมพำกับเพื่อนของเธอจับใจความได้ว่า  "ไม่น่าเลยแจของช้าน" แล้วก็เดินร้องไห้ออกไป "มนุษย์นี่นิสัยแปลก ๆ แฮะ" ซินกิลบ่นกับตัวเองโดยไม่ทันมองข้างหน้าว่ามีรถกำลังวิ่งมา "เอี๊ยด" เสียงรถเบรถ ซินกิลถึงกับช็อกทรุดลงนั่งกับพื้น  "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตะโกนลงมาจากรถ  แต่ซินกิลยังช็อกไม่หายยังนั่งแน่นิ่งอยู่กับที่ "คุณ ๆ เป็นอะไรหรือเปล่า" ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับนั่งลงเขย่าตัวซินกิลเบา ๆ พอให้รู้สึก   เมื่อซินกิลสะดุ้งรู้สึกตัวก็มองเห็นหน้าผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วเธอก็สะดุ้งอีกครั้งใหญ่พร้อมกับอุทานออกมาว่า "เจ้าชายอีริก"  เมื่อผู้ชายคนนั้นได้ยินอย่างนี้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า "เจ้าชายอะไรกันคุณผมก็ผู้ชายธรรมดา ๆ นี่แหล่ะ" แต่เมื่อผู้ชายคนนั้นได้เห็นหน้าซินกิลชัด ๆ ก็ตกใจมากเพราะผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าเขานั้นหน้าตาเหมือนเขาทุกประการถ้าไม่นับผมสีดำที่ยาวสลวย  เมื่อซินกิลตั้งสติได้ก็พูดออกมาว่า "อ้อ..ขอโทษค่ะคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม" ซินกิลพูดอย่างลืมตัวว่าตัวเองนั้นกำลังจะถูกรถชน "อะไรกัน..คำถามนี้ผมน่าจะถามคุณมากกว่า" แจจุงตั้งสติตอบ "คุณเป็นไรมากไหมผมช่วยผยุงคุณไปนั่งตรงนั้นดีกว่าไหม" แจจุงพูดพร้อมกับชี้ไปที่โต้ะนั่งใต้ต้นไม้ตัวหนึ่ง  "ไม่เป็นไรค่ะฉันลุกเองไหว"  ซินกิลตอบพร้อมทำท่าจะลุกแต่ก็ต้องเป็นอันจะล้มอีกเพราะข้อเท้าเธอเกิดพลิก  "โอ้ย..." ซินกิลอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเธอทำท่าจะล้มลงนั่งกับพื้นอีกครั้งแต่แจจุงรับเธอไว้ได้ทันก่อน "เห็นไหมผมบอกคุณแล้วให้ผมช่วยคุณแต่แรกคุณก็นั่งสบายไปแล้ว"  แจจุงบอกพร้อมช่วยพยุงซินกิลมานั่งที่โต้ะ "ขอบคุณค่ะ" ซินกิลพูดขณะกำลังนั่งลงกับม้านั่ง "ไหนให้ผมดูข้อเท้าคุณหน่อย" แจจุงบอกพร้อมกับก้มลงไปจับดูข้อเท้าของซินกิล  "รู้สึกเหมือนเท้าคุณจะพลิกนะเดี๋ยวผมไปหาน้ำแข็งมาประคบให้ละกัน" แจจุงพูดแล้วจึงเดินออกไปซื้อน้ำแข็งที่ร้านขายเครื่องดื่มใกล้ ๆ ทิ้งให้ซินกิลนั่งเหม่ออยู่คนเดียว

          "เป็นไงมั่ง" แจจุงถามพร้อมกับประคบน้ำแข็งให้ซินกิล "ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ....ขอบคุณมากนะคะ" ซินกิลพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ  "ไม่เป็นไรครับมันเป็นความผิดผมเองที่ขับรถไม่ดู" แจจุงตอบ "ใครว่าความผิดคุณกันล่ะ....ฉันต่างหากที่เดินไม่ดูมัวแต่เหม่อ" ซินกิลพูด  "คุณไม่รู้สึกแปลก ๆ มั่งหรอ" แจจุงถาม "แปลกอย่างไงคะ"  ซินกิลตอบพรางทำหน้าสงสัย  "ก็นี่ไง" แจจุงพูดพร้อมหยิบกระจกคู่ใจออกมาแล้วลุกมานั่งข้าง ๆ ซินกิล แล้วส่องกระจกใส่หน้าเธอแล้วพูดว่า "หน้าคุณกับหน้าผมไงเหมือนกันจนประหลาด" แจจุงวิจารณ์พร้อมกับนึกถึงฝันที่เขาเคยฝันเห็นผู้หญิงคนนึงที่หน้าตาเหมือนเขา  "ประหลาดอย่างไงคนอื่นหน้าตาเหมือนกันเยอะแยะ" ซินกิลตอบเลี่ยง ๆ   "อืม...นั่นสิสงสัยผมจะคิดมาก เอ่อ..ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย  ผมชื่อ ยองอุง  แจจุง " แจจุงแนะนำตัว "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะฉัน ชา ซินกิล"  ซินกิลแนะนำตัวบ้าง ๆ  "บ้านคุณอยู่ไหนล่ะ...ผมจะได้ไปส่งอยู่แถวนี้หรือเปล่า"  แจจุงถาม  "ไม่ต้องลำบากดีกว่าค่ะบ้านฉันอยู่ในกรุงโซลนู่นไกลซะด้วยรบกวนคุณเปล่า ๆ" ซินกิบอก  "อยู่ที่โซล...พอดีเลยบ้านผมก็อยู่ที่โซลเดี๋ยวผมไปส่งละกัน" แจจุงพูดพร้อมทั้งดึงตัวซินกิลขึ้นรถโดยที่ซินกิลไม่ได้ตั้งตัว  เมื่อซินกิลขึ้นมานั่งบนรถเธอได้สังเกตเห็นว่ามีกล่อง ซีดี วางอยู่แต่ที่หน้าแปลกกว่านั้นคือเขาเห็นแจจุงในรูปด้วย "คุณเป็นนักร้องหรอคะ" ซินกิลถาม  "อ้อ...ครับ" แจจุงตอบ  "น่าแปลก" แจจุงอุทานออกมา  "แปลกอะไรคะ" ซินกิลถามด้วยความสงสัย   "ก็แปลกตรงที่ว่าคุณไม่รู้จักผมไงผมออกจะดังแต่ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ" แจจุงพูด  "ถึงว่า"

    ซินกิลพูด  "ถึงว่า...อะไรหรอ" แจจุงถามอย่างสงสัย  "ก็ถึงว่า...วันนี้ฉันเดินไปทางไหนคนก็มองฉันอย่างแปลก ๆ  หนักสุดนะ เข้ามาถามฉันว่าหน้าอกฉันอ่ะของจริงหรือเปล่าพอฉันตอบว่าจริงนะก็ทำท่าจะเป็นลมแล้วก็เดินร้องไห้ออกไปเลย" ซินกิลเล่าให้แจจุงฟังถึงเหตุการ์ณที่ผ่านมาแจจุงเมื่อได้ฟังดังนั้นถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาครั้งใหญ่  "ฮ่า....ฮ่าาาาาา สงสัยคนแถวนั้นคงคิดว่าผมไปแปลงเพศกันหมดแล้วละมั้งเนี่ย  ว่าแต่บ้านคุณซอยนี้ใช่ปะ" แจจุงถามพร้อมกับชี้ไปทางซอยหนึ่งที่อยู่ด้านหน้า  "อ้อ...ค่ะ บ้านหลังที่เป็นร้านขายดอกไม้อ่ะค่ะ" ซินกิลบอก  "คุณอยู่คนเดียวหรอ"  แจจุงถาม "อ้อ..เปล่าหรอกค่ะฉันอยู่กับเพื่อนอีก 4 คน แต่ตอนนี้เขาไปทำงานกันตอนนี้มีแต่เพื่อนอีกคนหนึ่งเฝ้าร้านอยู่" ซินกิลตอบพร้อมกับที่แจจุงจอดรถหน้าร้านเธอพอดี  "อ้าวบ้านล็อกสงสัยเพื่อนฉันจะไปซื้อของ  คุณจะเข้าไปดื่มน้ำชาหรือกาแฟก่อนไหมคะ" ซินกิลพูดแล้วหันมาถามแจจุง  "อ๋อ....ก็ได้ครับ"  แจจุงตอบพร้อมกับเดินตามซินกิลเข้ามาในบ้าน  "จะรับเป็นกาแฟหรือน้ำชาดีคะ" ซินกิลถาม "ผมขอน้ำชาละกัน" แจจุงตอบ  " งั้นรอแปปนึงนะคะเดินดูดอกไม้ได้ตามสบายเลยนะคะ" ซินกิลหันมาบอก   แจจุงเดินดูต้นไม้ที่ตั้งอยู่รอบๆร้านแล้วจึงไปสดุดกับดอกไม้ชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระถาง ดอกไม้ต้นนี้กำลังออกดอกสีม่วงบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมนิดๆ  "น้ำชาได้แล้วค่ะ" ซินกิลพูดพร้อมกับถือถ้วยน้ำชาออกมาจากห้องครัว"นี่ใช่ดอกไวโอเล็ตหรือเปล่าครับ" แจจุงยกกระถางขึ้นมาแล้วถามซินกิล  "ใชค่ะ....แปลกจังที่คุณรู้จัก"  ซินกิลตอบ  "ผม...เคยฝันถึงนะครับแต่ที่ผมฝันน่ะผมเห็นเป็นทุ่งเลยมีแต่ดอกไวโอเล็ตสีม่วงเต็มไปหมด" แจจุงตอบ  "หายากนะคะถ้าจะหาเป็นทุ่งน่ะ" ซินกิลพูดพร้อมกับส่งถ้วยน้ำชาให้แจจุง "ครับ" แจจุงตอบสั้น ๆ พร้อมกับรับถ้วยน้ำชามาดื่ม "เอ่อ..." แจจุงทำถ้าจะถามคำถามแต่ก็ลังเลว่าจะถามดีไหม "อะไรคะ" ซินกิลถาม  "เอ่อ...ถ้าผมจะมาเที่ยวที่นี่อีกคุณจะว่าไหมครับ"  แจจุงถามอย่างเขิน ๆ  "อ๋อ..ได้สิคะมีนาวายายินดีต้อนรับเสมอ" ซินกิลบอก   "มีนาวายา" แจจุงย้อนคำ  "ก็ชื่อร้านของฉันไงคะ"  ซินกิลบอกพร้อมกับชี้ไปที่ป้ายชื่อร้าน  "อ้อ...ชื่อเพาะดีนะครับ"  แจจุงชม  "ขอบคุณค่ะ" ซินกิลบอกพร้อมกับยิ้มให้อย่างร่าเริง   "เอ่อ...งั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าอยู่นานแล้วผมมีงานต้องทำด้วย" แจจุงบอก  "ค่ะ..วันนี้ต้องขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ"  ซินกิลบอก  "ไม่เป็นไรครับ" แจจุงตอบแล้วจึงเดินออกมาหน้าร้านเพื่อที่จะไปขึ้นรถ  "เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ" ซินกิลเรียกพร้อมกับวิ่งตามออกมา  "มีอะไรหรือครับ" แจจุงถาม  "นี่ค่ะ...ฉันให้"  ซินกิลตอบพร้อมกับยื่นกระถางไวโอเล็ตกระถางที่แจจุงเคยยกขึ้นมาดู   "เอ้ะ..อะไรครับเนี่ย" แจจุงถามอย่างสงสัย  "ฉันให้แทนคำขอบคุณค่ะเห็นคุณสนใจด้วย" ซินกิลตอบ   "แต่นี่มันต้นไม้หายากนี่ครับ"  แจจุงพูด  "หาไม่ยากสำหรับฉันหรอกค่ะ" ซินกิลตอบพร้อมกับยิ้มให้แจจุง   "งั้นก็ขอบคุณครับ"  แจจุงตอบพร้อมกับเปิดประตูรถอีกข้างแล้วนำต้นไม้เข้าไปวางอย่างทะนุถนอม   "ไปนะครับ" แจจุงหันมาลาซินกิลอีกครั้ง  "โชคดีค่ะ" 
    ซินกิลตอบพร้อมกับโบกมือลา
                  ณ ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านของ 5 สาว  ชุนมีกำลังเดินเล่นอย่างตื่นตาตื่นใจ (ไม่เคยเห็นมาก่อน) แล้วเขาก็ไปสดุดตาสดุดใจกับของสิ่งหนึ่งเข้านั่นคือต่างหูคู่หนึ่งที่ทำมาจากเงินฝังพลอยสีออกเหลืองอ่อนๆ อยู่ตรงกลางหนึ่งเม็ดเมื่อเธอเอื้อมมือจะไปหยิบขึ้นมาดูก็มีมืออีกมือหนึ่งเอื้อมมาหยิบพร้อมเธอเช่นกันเธอจึงหันไปมองเจ้าของมือนั้น เจ้าของมือนั้นก็หันมามองเธอเช่นกัน เธอจึงเห็นว่าเจ้าของมือนั้นเป็นผู้ชายหน้าตาดีมาก ตาชั้นเดียว ชุนมีก็อึ้งกับความหน้ารักของชายคนนั้นไปพักนึง เมื่อตั้งสติขึ้นได้เธอจึงพูดขึ้นว่า  "ต่างหูคู่นี้ฉันจับก่อนนะ"  "ใครว่าล่ะผมจับก่อนต่างหาก" ชายคนนั้นเถียง  "ไม่จริงฉันจับก่อน"  "ผมจับก่อน" "ฉันจับก่อน" "ผมจับก่อน"  สองคนนั้นยืนเถียงกันอยู่ประมาณ 5 นาที  เจ้าของร้านรู้สึกรำคาญจึงพูดขึ้นมาว่า  "นี่...พวกคุณจะทะเลาะให้มันได้อะไรขึ้นมาเล่า"      "ไม่เกี่ยวกับคุณ" จุนซูและชุนมีพูดขึ้นพร้อมกัน   "นี่...นาย/เธอจะพูดตามฉันทำไมเนี่ย" จุนซูและชุนมีพูดพร้อมกันอีกครั้ง   "เอ่อ..ผมว่าพวกคุณ 2 คนออกเงินกันคนละครึ่งแล้วแบ่งกันคนละข้างดีไหม" เจ้าของร้านออกความคิดเห็นอย่างหวาด ๆ   "เออ...เป็นความคิดที่ดีแฮะ" จุนซูพูดขึ้นแล้วหันไปถามชุนมีว่า  "แล้วคุณล่ะว่าไง"   "ก็ได้ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"ชุนมีตอบอย่างหยิ่ง ๆ นิด ๆ    "งั้นตกลงเอาตามนี้นะครับ" เจ้าของร้านถาม  "ครับ/ค่ะ"  จุนซูและชุนมีตอบพร้อมกันอีกครั้งแล้วหันมามองหน้ากัน   "10,000 วอนครับ" เจ้าของร้านบอกชุนมีกับจุนซู   "งั้นก็คนละ 5,000 วอน" จุนซูบอกชุนมี  ชุนมีจึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบแบงค์ 50,000 วอน ยื่นให้จุนซู   "โหคุณแบงค์เล็กกว่านี้ไม่มีหรือไง" จุนซูบ่น  ชุนมีส่ายหน้าอย่างไม่พอใจแล้วพูดแบบตะคอก ๆ ว่า  "งั้นรอเดี๋ยว...เดี๋ยวชั้นมา"  พูดจบเธอก็เดินออกไปทางร้านขายเครื่องดื่มเมื่อเธอเดินกลับมาที่ร้านเธอก็ไม่เห็นจุนซูจึงถามเจ้าของร้านว่า  "ขอโทษค่ะ...ผู้ชายคนที่ยืนเถียงกับฉันเมื่อกี้ไปไหนแล้วคะ"      "อ๋อ...เขาบอกว่าเขารีบแล้วเขาก็ฝากนี่ไว้ให้คุณด้วยครับ" เจ้าของร้านบอกพร้อมกับยื่นซองเล็ก ๆ ให้กับชุนมี    ชุนมีรับมาไว้แล้วเปิดดู ข้างในเป็นต่างหูข้างหนึ่งแล้วมีกระดาษเล็กเขียนได้ใจความว่า  "ผมมีธุระต้องรีบไปส่วนเรื่องเงินคุณไม่ต้องกังวลก็ได้ผมให้คุณฟรี ๆ อ้อ...ผมชื่อ ซีอา จุนซูนะ หวังว่าเราคงได้เจอกันใหม่ เมื่อถึงวันนั้นคุณค่อยตอบแทนผมก็ได้"   เมื่อชุนมีอ่านจบเธอก็พูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า  "ตาบ้าเอ๋ย....ใครจะไปอยากได้ชื่อนายกันก็ดีเหมือนกันฉันจะได้ไม่ต้องเสียตังค์"   จากนั้นชุนมีก็หันไปขอบคุณเจ้าของร้านแล้วเดินต่ออีกประมาณชั่วโมงจึงกลับบ้าน

                     ณ มหาลัยแห่งชาติโซล  ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว  นักศึกษาหลายคนทยอยกันกลับบ้าน โดยมีฮัน ดาจองยืนดูอยู่หน้าประตู   และไม่ไกลจากนั้นเท่าไหร่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ชิม โพมี  กำลังนั่งคอยดา จองอยู่พรางอ่านหนังสือไปด้วย   "นี่เธอ"  เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อโพมีเงยหน้าขึ้นไปดูเจ้าของเสียงนั้นก็คือ ชางมิน เพื่อนร่วมห้องนั่นเอง  "ให้ผมนั่งด้วยได้ไหม" ชางมินถาม  "ตามใจนายสิฉันไม่ใช่เจ้าของที่นี่"  โพมีตอบอย่างเย็น ๆ  "คุณยังไม่กลับบ้านหรอ" ชางมินถาม  "ถ้าฉันกลับไปแล้วนายจะเห็นฉันนั่งอยู่อย่างนี้หรอ"   โพมีตอบอย่างไม่ใส่ใจ    ชางมินอึ้งหน่อย ๆ แต่ก็ถามต่อไปว่า  "แล้วคุณจะกลับตอนไหนล่ะ"   "Need not to know."  โพมีตอบ  ชางมินยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ เมื่อโพมีเห็นสีหน้าเอ๋อๆ ของชางมินก็อดหัวเราะไม่ได้  "ชั้นล้อนายเล่นน่าดูหน้านายสิคิ้วขมวดเข้าหากันหมดแล้ว" โพมีพูดไปหัวเราะไป  "นี่เธอ" ชางมินพูด  "ฉันชื่อโพมี ย่ะ ไม่ใช่ชื่อเธอ"  โพมีตอบ  "แล้วคุณยังไม่กลับบ้านหรอห้ามตอบว่าถ้ากลับแล้วจะเห็นหรออีกนะ"ชางมินถาม   "ฉันคอยคนอยู่น่ะ" โพมีตอบพร้อมกับอ่านหนังสือเธอต่อไป  "คุณย้ายมาจากไหนหรอดูเหมือนผมจะไม่เคยเห็นคุณในโซลเลย" ชางมินถาม  "นายพูดอย่างกับว่านายเดินไปทั่วโซลทุกวันงั้นหล่ะกรุงโซลไม่ได้เล็ก ๆ นะ" โพมีตอบสายตายังไม่ละจากหนังสือ  "อืม...จริงอย่างที่คุณพูด" ชางมินตอบพร้อมกับมองไปที่ประตู  "ผมต้องไปแล้วนะมีคนมารับแล้วน่ะ" ชางมินพูดพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมจะเดินไป  โพมีเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดสั้นๆว่า "โชคดี"  แล้วชางมินก็เดินไปหายุนโฮที่เดินลงมาจากรถ  "ฉันไม่ได้มารับเย็นไปใช่ไหม" ยุนโฮถามชางมิน  "ไม่ฮะผมเพิ่งเลิกพอดี"ชางมินตอบ  "งั้นไปกันเถอะป่านนี้ 3 คนที่บ้านรอทานข้าวเย็นกันแล้ว" ยุนโฮบอกพร้อมกับกอดคอชางมินเดินออกไปแต่กระเป๋าตังค์ของยุนโฮล่วงลงมาจากกระเป๋ากางเกงโดยที่เขาไม่รู้ตัว  มีแต่ดาจองที่ยืนอยู่เท่านั้นที่เห็น เธอเดินเข้าไปเก็บแล้ววิ่งตามยุนโฮออกไป  "คุณคะ คุณคะ" ดาจองเรียก ยุนโฮหันมามอง  "มีอะไรหรือครับ" ยุนโฮถาม  "เมื่อกี้คุณทำนี่หล่นไว้ค่ะ" ดาจองตอบพร้อมกับยื่นกระเป๋าตังค์ให้ยุนโฮ  ยุนโฮรับมาแล้วพูดแบบยิ้ม ๆ ว่าขอบคุณมากครับ  จากนั้นเขาก็เดินไปขึ้นรถทิ้งให้ ดาจอง ยืนอึ้งในความน่ารักของเขา   "อ้าว มายืนตรงนี้เดี๋ยวก็โดนรถชิ่วไปกินหรอก" โพมีเดินมาสะกิดดาจองแล้วแซวเบา ๆ ดาจองสะดุ้งแล้วถามว่า  "มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"      "มาตั้งแต่ตอนที่ใครก็ไม่รู้ยืนเอ๋ออยู่กลางถนนได้ตั้งนาน" โพมีแซวต่อ  "เอ๋...หรือว่าสาวน้อยดาจองเราจะหลงรักนายหัวตั้งคนเมื่อกี้" โพมียังไม่เลิกแซว  "บ้า...ไร้สาระ..กลับบ้านกันได้แล้ว" ดาจองพูดอย่างเขิน ๆ แล้วก็เดินไปหยิบกระเป๋า  "นี่อย่าลืมนะเธอสัญญากับฉันว่าเธอจะเลี้ยงไอติมฉัน" โพมีทวงสัญญา  "อ่ะ..จ้ะๆๆๆไม่ลืมหรอกร้านไหนล่ะไปสิ" ดาจองพูดพร้อมกับให้โพมีเดินนำไป

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×