คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 : สัมภาษณ์งาน
ตอนที่ 8 : สัมภาษณ์งาน
ชวัลกำโทรศัพท์มือถือแน่นทั้งด้วยประหม่าและตระหนกกับสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นและได้ยินเมื่อครู่ เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าเหตุการณ์หลังฉากกั้นไม้หมายความว่าอะไร ทั้งการเอ่ยชื่อ ‘ศิลา’ การให้เงินเป็นฟ่อน รวมไปถึง ‘นายใหญ่’ อะไรที่ว่านั่นด้วย มันชวนให้นึกถึงละครที่ตัวร้ายกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง
เขาควรทำอย่างไรดี? แต่จะไปแจ้งตำรวจเลยก็ไม่มีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือเขาควรบอกตุลธรเพื่อให้อีกฝ่ายนำความไปบอกแฟนพี่เขา จากนั้นฝากบอกเพื่อนต่องั้นเหรอ?
ปวดหัวไปหมด
“นี่ มาสมัครงานเหมือนกันเหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว เรียกให้ชวัลหลุดออกจากห้วงความคิด เขาพบว่าเป็นชายหนุ่มสวมแว่นกรอบเหลี่ยมที่น่าจะอายุมากกว่าตนเล็กน้อย ดูจากการที่นั่งต่อคิวแบบนี้แสดงว่าก็น่าจะมาสมัครงานในตำแหน่งเดียวกัน
“อือฮึ ตื่นเต้นมากเลยครับ” ชวัลยิ้มอย่างเป็นมิตร “พี่มารอนานรึยังครับ?”
“ก็พักนึงแล้วล่ะ อย่างที่เห็น คนมาสมัครเยอะมาก” อีกฝ่ายไหวไหล่ “ว่าแต่นายเคยทำงานเด็กเสิร์ฟมาก่อนไหม?”
“ไม่เชิงครับ ผมทำงานอยู่ร้านฟาสฟู้ดน่ะ ส่วนใหญ่รับออเดอร์จากหน้าร้าน”
“ให้เงินน้อยอะดิถึงมาหางานใหม่”
“เทียบกันแล้ว ฟ้ากับเหวเลยครับ” ชวัลหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับทำไม้ทำมือประกอบด้วย พลอยให้อีกคนหัวเราะตาม “บอกตามตรงว่าผมร้อนเงินแหละ ถ้าได้งานที่นี่ก็เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายทางเลย”
“นั่นสินะ ถ้าใครบอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้…”
“ก็เอาเงินมาให้พวกเรานี่มา” แล้วทั้งสองก็ระเบิดเสียงหัวเราะในความเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ชวัลถอนหายใจสั้น ๆ ความกังวลและความตื่นเต้นเมื่อครู่นี้ค่อยคลายลงบ้างหลังจากมีเพื่อนคุย
“จะว่าไปแล้วพูดก็พูดเถอะ…” หนุ่มแว่นโน้มตัวมาใกล้ พูดเสียงเบา “นายได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับโรงแรมนี้รึเปล่า?”
“หือ?”
“ที่เจ้าของโรงแรมเป็นตระกูลมาเฟีย ทำธุรกิจมืด มีอิทธิพลกว้างขวางจนแม้แต่ตำรวจกับคนใหญ่คนโตยังไม่กล้าหือเลยน่ะ… โดยเฉพาะหลังจากเปลี่ยนตัวเจ้าของเป็นลูกบุญธรรมที่เป็นลูกครึ่ง”
ชวัลยิ้มแห้ง พยักหน้าหน่อย ๆ “ก็พอรู้มาบ้างครับ แต่ทำไงได้อะ เรามันตัวเล็กตัวน้อย หากินไปวัน ๆ เฮ้อ…”
“ก็จริง…เอ้อ นายเคยเห็นหน้าเจ้าของร้านอาหารนี้ยัง ที่จะเป็นคนสัมภาษณ์พวกเราน่ะ”
เท่านั้นละ เด็กหนุ่มหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที “จริงเหรอพี่? เจ้าของมาสัมฯ เองเลยเหรอ?”
“ใช่ เห็นว่าคุณศิลาเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรม แล้วก็เป็นบาร์เทนเดอร์ของร้าน เป็นตัวดึงดูดลูกค้าทั้งของโรงแรมและลูกค้าขาจรด้วยล่ะ” ชายหนุ่มนินทาอย่างออกรส
ชวัลชะงักไป
จะว่าไปแล้ว…เขาจำได้ว่าศิลาที่เขารู้จักเคยบอกว่าตัวเองเป็นบาร์เทนเดอร์ และเป็นเจ้าของร้านอาหารด้วย
หรือว่า…
เขาครุ่นคิดกับตัวเองหลังจากที่เพื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จักชื่อถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์หลังฉากกั้นสำหรับกันพื้นที่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ จู่ ๆ ในใจก็มีประกายไฟของความหวังเล็ก ๆ ผุดขึ้นมา ชวัลปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอยากเจอศิลาอีกครั้ง ต่อให้ไม่รู้ว่าเจอแล้วจะทำอะไรต่อก็เถอะ
ชวัลก้มลงมองมือถือของตัวเอง จริงสิ …บางทีศิลาในบทสนทนาของสองคนนั้นอาจจะเป็นศิลาเดียวกับที่เขารู้จัก ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เขาคิดว่าควรเอาคลิปที่ถ่ายไว้ให้อีกฝ่ายดู
เด็กหนุ่มรีรออยู่ไม่นาน ผู้สมัครคนก่อนหน้าก็ออกมาจากหลังฉากกั้น คาดเดาไม่ถูกเลยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เพราะอีกฝ่ายโบกมือลาเขาด้วยรอยยิ้ม และเดินลงลิฟต์ไปเลย…
“เชิญคนต่อไปค่ะ คนสุดท้ายแล้วเนอะ” พนักงานสาวยิ้มให้
“ขอบคุณครับ” ชวัลว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน จัดแต่งเครื่องแต่งกายเร็ว ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนเดินผ่านฉากกั้นเข้าไป เขาทำได้ อุตส่าห์ผ่านการสัมภาษณ์งานมาตั้งหลายครั้งแล้ว
แค่นี้ สบายมาก…
!!!
ขาทั้งสองข้างชะงักกึก ดวงตากลมเบิกกว้าง เช่นเดียวกับชายหนุ่มผู้ซึ่งนั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะ ชวัลจำใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างขึ้นใจ ทั้งดวงตาเรียวคู่นั้น เส้นผมสีดำที่เจ้าตัวมัดเป็นหางม้าหลวม ๆ และจุดแต้มเล็ก ๆ น่ารักที่มุมปากขวา
“พี่ศิลา” ชวัลระบายยิ้มกว้าง แสดงว่าเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ก็คทอศิลาที่เขารู้จักจริง ๆ วันนี้ชายหนุ่มอยู่ในเชิ้ตขาวพับแขนถึงข้อศอก และสวมทับด้วยกั๊กสีดำ เครื่องแต่งกายต่างจากวันก่อนที่พบกัน ดูสมเป็นบาร์เทนเดอร์อย่างที่เจ้าตัวเคยบอกไว้
ยังเท่เหมือนเดิมเลย
“ทำไมเป็นนาย?” ศิลาขมวดคิ้วมุ่น หลุบสายตาลงอ่านข้อความบนหน้าจอแท็ปเล็ตในมือ “หรือว่าเด็กที่ไอ้คินบอกว่าแฟนมันฝากมา…คือนายเหรอ?”
“แหะ ผมเองครับ” ชวัลพยักหน้ารัว
คนอายุมากกว่าวางแท็ปเล็ตลง กอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมสีหน้าถมึงทึง ดูคล้ายกับว่าไม่พอใจเท่าไรนัก “อย่าบอกนะว่านายรู้อยู่แล้วว่าเป็นฉัน?” เขาถาม
“เอ๋?”
“ฉันน่าจะยังไม่ได้บอกนาย แต่ถ้างานจบแล้ว ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่ฉันเคยจ้าง จบก็คือจบ ต่อให้เรื่องมันจะเลยเถิดก็เถอะ” ศิลาอธิายเสียงขุ่น “เพราะมันจะวุ่นวายแบบนี้ไงล่ะ เพราะฉะนั้นกลับไป ฉันไม่รับนายเข้าทำงาน”
“เดี๋ยวสิพี่…อ่า คุณศิลา” ชวัลรีบปรี่ตรงไปหาอย่างร้อนรน “ผมไม่รู้มาก่อนจริง ๆ นะ แล้วก็ถึงรู้ผมก็ไม่จะคิดใช้เรื่องที่เรารู้จักกันก่อนอยู่แล้วมาเป็นข้อได้เปรียบด้วย และผมหางานอยู่จริง ๆ”
เจ้าของร้านอาหารผุดลุกขึ้นยืน ผ่อนลมหายใจยาวอย่างหงุดหงิด “ไม่ก็คือไม่ ฉันไม่อยากให้ชีวิตวุ่นวายกว่านี้” เขาปฏิเสธเสียงแข็งและก้าวยาว ๆ ผ่านเด็กหนุ่มออกจากฉากกั้นไม้ไปอย่างรวดเร็ว
แต่ชวัลไม่ยอมแพ้ ไม่ใช่แค่เพราะจะได้เจอศิลาบ่อยขึ้นเท่านั้น ยังเพราะเขาต้องมีงานและหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ได้ “เดี๋ยวสิคุณ! อย่างน้อยก็สัมภาษณ์ผมก่อนเถอะ นะครับ” เขาเดินตามไปติด ๆ
“ฉันไม่รับเด็กอย่างนายมาทำพาร์ทไทม์”
“ผมไม่ใช่เด็กแล้ว อายุถึงเกณฑ์ที่คุณกำหนดด้วย” ชวัลแย้งอย่างไม่ยอมแพ้และคว้าต้นแขนคนอายุมากกว่า “คราวก่อนคุณให้ผมช่วยกันคนให้ไม่ใช่หรือไง?”
ศิลาทำเสียงจิ๊ “นั่นเพราะจำเป็น” เขาแก้ตัว แกะมือของอีกฝ่ายออกและหันมากอดอกตีหน้าขรึม “กลับไปเลย ไม่รับก็คือไม่รับ”
“โธ่พี่…คุณศิลา ผมหางานทำเพราะร้อนเงินจริง ๆ” ชวัลทำหน้าหงอยเรียกร้องความสนใจ
แต่อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“คุณศิลา…”
สีหน้าถมึงทึงคงอยู่ได้ไม่นาน แปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดแทน “เอาเป็นว่าฉันจะช่วยหางานพาร์ทไทม์อื่นที่ให้เงินดีก็แล้วกัน” ศิลาตัดบท
ชวัลคอตก มันก็ดีอยู่หรอก…แต่เขาอยากเจอหน้าอีกฝ่ายอีกนี่นา แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเจ้าของร้านไม่ยอม “ก็ได้ครับ ขอบคุณครับ” เขาตอบรับเสียงหงอย เดินบ่าลู่ไปยังลิฟต์ที่จะพาเขาลงไปชั้นล่าง
รู้สึกเหมือนอกหักทิพย์ยังไงก็ไม่รู้…แถมความหวังที่จะหางานหาเงินได้ไว ๆ ก็ริบหรี่ลงทุกที
กลับหอพักไปนอนสักตื่นน่าจะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้น
###
ชวัลสบถ เขาไม่น่ากลับไปก่อนเลย
เด็กหนุ่มที่เพิ่งถึงหน้าหอพักรีบเรียกแท็กซี่ให้พาเขากลับไปยังโรงแรม Arcaned City แทนที่จะนั่งรถไฟฟ้าบนดินเหมือนเคย เป็นเพราะข่าวด่วนต้นชั่วโมงที่เขาเห็นจากโซเชียลมีเดียไอค่อนนกฟ้า
ข่าวที่พนักงานร้านอาหาร SL Restaurant & Bar ติดยาเสพติดและซัดทอดไปถึงเจ้าของโรงแรม ตอนนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงถูกพาตัวไปให้ปากคำที่โรงพักในเขตพื้นที่
ชวัลกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น หลักฐานที่แน่นหนาและน่าจะช่วยศิลารวมไปถึงเจ้าของโรงแรมอยู่ในมือของเขาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากกว่า ผู้หญิงกับผู้ชายคู่นั้นน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย
ในเมื่อเป็นพนักงานร้านอาหารร้านนั้น ศิลาคงไม่พ้นตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
ใช้เวลาไม่นานเท่านั่งรถไฟฟ้าเพราะการจราจรวันอาทิตย์ไม่สาหัสสากรรจ์ ชวัลจ่ายเงินด้วยราคาที่สูงกว่าการนั่งขนส่งสาธารณะหลายเท่าและรีบวิ่งลงจากรถอย่างร้อนรน
มือกดสัญลักษณ์ขึ้นซ้ำ ๆ ระหว่างรอนั้นได้ยินเสียงแขกกระซิบกระซาบกันอย่างหนาหูเรื่องข่าวฉาวนั่น ยิ่งได้ยินก็ยิ่งรู้สึกว่าลิฟต์มาช้าเหลือเกิน
ติ๊ง
ลิฟต์มาแล้ว ชวัลแทบจะกระโจนพรวดเข้าไป กดเลขห้าและกดปิดประตูทันที ในใจภาวนาว่าตนจะไม่มาช้าจนเกินไป ดังนั้นเมื่อเขาขึ้นมาถึงชั้นห้า เด็กหนุ่มก็พุ่งออกไป วิ่งตรงไปยังร้านอาหารและถามหาศิลาทันที
“ผมมีหลักฐานแก้ต่างเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ!” ชวัลโพล่งอกไปเสียงดังพลางหอบหายใจ “คุณศิลาอยู่ที่นี่ไหมครับ?”
“คุณศิลาบอกว่ากำลังกลับจากโรงพักค่ะ” พนักงานสาวคนเดิมตอบด้วยสีหน้าอันซีดเผือด “ถ้าอย่างนั้นน้องไปรอในโซนสัมภาษณ์ก่อนนะ พี่จะบอกคุณศิลาให้”
ชวัลพยักหน้า แต่เขานั่งรอไม่ไหว ได้แต่เดินวนไปวนมาอย่างร้อนรน ป่านนี้ไม่รู้ว่าตำรวจสอบพยานไปถึงไหนแล้ว…ไม่รู้ว่าศิลาจะโดนอะไรบ้างไหม…
“ชวัล!” รอไม่นานเสียงที่ตนอยากได้ยินก็ดังขึ้นจากข้างหลัง
เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่หน้าตาตื่นวิ่งมา เขาหยิบมือถือออกมาเปิดคลิปที่อัดไว้ให้ดูทันที พวกเขายืนมุงดูจนศีรษะเกือบชนกัน ชวัลไม่อยากคิดอกุศลอะไรตอนนี้ แต่กลิ่นน้ำหมอของศิลานั้นเหมือนเมื่อคืนก่อนเลย
แต่ดูเหมือนว่าคนอายุมากกว่าไม่ได้สนใจหรือทันสังเกต “คริมสันอยู่ที่ห้องทำงานไหม? ฉันอยากเจอเขา” เขาเงยหน้าขึ้นถามพนักงานสาวทันที
“สักครู่นะคะ” เธอกดโทรศัพท์หาหน้าห้องเจ้านายใหญ่ทันที “คุณกันย์ คุณคริมสันอยู่ที่ห้องไหมคะ? ค่ะ คุณศิลาอยากพบ ได้ค่ะ จะให้ขึ้นไปเลย”
“ดี ส่วนนาย ตามฉันมา” ศิลาหันมาบอกเด็กหนุ่มและเดินนำออกไป
ชวัลกะพริบตาปริบ ๆ เพราะยังตั้งตัวไม่ถูก ตามไป? หมายความว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปเจอเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ที่ว่าเป็นมาเฟียน่ะเหรอ?
เขากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ข่มความประหม่าลงและรีบเดินตามเจ้าของร้านอาหารไปด้วยใจอันถี่รัว
To Be Continued
พระเอกมาแล้ว
#สาดแสงศิลา
ความคิดเห็น