คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 : เข้าตาจน
ตอนที่ 6 : เข้าตาจน
มอเตอร์ไซค์สีดำมะเมื่อมคันใหญ่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง ก่อนจะหยุดจอดอยู่ตีนบันไดเลื่อนขึ้นไปยังรถไฟฟ้าบนดิน เด็กหนุ่มผู้นั่งซ้อนมาตวัดขาลงอย่างคล่องแคล่ว ถอดหมวกกันน็อค สะบัดผมที่ลีบแบนและชื้นเหงื่อเล็กน้อย แล้วส่งคืนให้คนอายุมากกว่าที่ใจดีอุตส่าห์พามาส่ง
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ชวัลฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายที่ไม่ถอดหมวกกันน็อคแบบเต็มศีรษะ แต่เปิดแผงกันลมบริเวณดวงตาแทน เขาจึงเห็นนัยน์ตาเรียวสีดำที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ
เขาคิดว่าศิลาเท่มากในเสื้อหนังกันลมสีดำ กางเกงสีน้ำเงินเข้มที่มีรอยขาดประปรายตามเทรนด์แฟชัน และรองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำ
“กลับดี ๆ เงินที่ได้ไปก็ใช้ให้ดีละ” คนอายุมากกว่าเอ่ยทิ้งท้ายก่อนเร่งเครื่องขับจากไป ทิ้งไว้เพียงควันจาง ๆ จากท่อไอเสีย และความรู้สึกบางอย่างที่ตกตะกอนอยู่ในใจชวัล
จะได้เจอกันอีกไหมนะ
เด็กหนุ่มอมยิ้ม เมื่อกี้เขาได้เกาะเอวศิลาด้วย ชวนให้นึกถึงกิจกรรมบนเตียงอันเร่าร้อนเมื่อคืนนี้ที่ตนได้กอดรัดเอวอีกฝ่ายแน่นตอนได้อยู่ข้างหลัง ไม่ใช่แค่ตอนที่กอดรัดแน่นหรอก ศิลาก็โอบรัดเขาแน่นมาก ๆ เหมือนกัน
ประสบการณ์มีเซ็กซ์ครั้งแรกน่าประทับใจสุด ๆ ต่อให้ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะเสียซิงให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักหน้ากัน
ใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาเฉย นึกขึ้นมาตอนนี้ก็เพิ่งเขินอาย ต่างจากศิลาที่ดูไม่อินังขังขอบใด ๆ แม้ขึ้นเตียงกับคนแปลกหน้า
“คุณศิลา คือเรื่องเมื่อคืนน่ะ ผม…”
“ฉันฝืนใจนายรึเปล่า?”
“ก็…ไม่ครับ”
“ก็แค่นั้น ไม่ต้องคิดมากในเมื่อฉันเมา นายก็เมา”
“…”
“น้ำแตกแยกทาง ไม่มีใครเสียหายอยู่แล้ว”
“อ่า…”
ก็จริง…
จู่ ๆ ชวัลก็รู้สึกหงอยขึ้นมา สงสัยมีแค่เขาคนเดียวที่เขินและเผลอใจเต้น… อีกคนน่าจะอายุมากกว่าหลายปี ประสบการณ์บนเตียงคงโชกโชนน่าดูถึงได้แยกเซ็กซ์ออกจากความรู้สึกได้
“ไอ้ชวัล ไอ้กากเอ๊ย” ก่นด่าตัวเองขณะก้าวขึ้นบันไดเลื่อน จะว่าไปแล้วเขาได้ยินศิลาสบถบ่อยมากเหมือนกัน
อืม…ค่อนข้างต่างจากที่เจอครั้งแรกอยู่มาก หมายถึงตอนที่ขอให้เขาเป็นไม้กันหมา ศิลาดูเป็นคนอารมณ์ดีกว่านี้และยิ้มให้ด้วย แต่ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อครู่นี้กลายเป็นคนดูไม่แยแสอะไรและขี้หงุดหงิด
“แฮงค์มั้ง” ชวัลพึมพำกับตัวเองขณะหยิบมือถือขึ้นมาเติมเงินเข้าบัตรโดยสาร รู้สึกไม่ชินตาเท่าไรที่เห็นยอดเงินคงเหลือเยอะขนาดนี้ในบัญชี
แต่เอาเถอะ…พอเอาไปจ่ายหนี้ที่คั่งค้าง ก็คงเหลือไม่ต่างจากเดิม
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว กดเติมเงินเสร็จเรียบร้อยก่อนเดินผ่านเกทเข้าไปในชานชาลา
รู้สึกอยากนอนอีกตื่นชะมัด จะได้เก็บแรงไปทำงานพิเศษบ่ายวันนี้ต่อ
###
การตื่นแต่เช้าไปเรียนคาบแรกของสัปดาห์นั้นเป็นสิ่งที่ชวัลไม่ชอบเลยมาตั้งแต่เป็นเฟรชชี่ แต่โชคดีที่ตนหอพักของตนอยู่ไม่ห่างจากรั้วมหาวิทยาลัยเพราะได้โควตาหอใน ทำให้อย่างน้อยไม่ต้องรีบตอนเร็วและกระหืดกระหอบไปให้ทันเช็คชื่อ
มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยรัฐระดับกลาง ๆ ของประเทศ แต่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังในสาขามนุษย์ศาสตร์ และสาขาด้านการท่องเที่ยว ผลิตบุคลากรที่มีชื่อเสียงมากมายในสาขาเด่นดังเหล่านี้ ดังนั้นชวัลจึงภาคภูมิใจที่ตนสามารถสอบเข้าสาขาที่ต้องการ อีกทั้งได้ทุนการศึกษาแบบครึ่งจำนวนมาตั้งแต่ปีหนึ่ง
ใจจริงก็อยากได้ทุนเต็มจำนวนอยู่หรอก แต่ความฉลาดของเขาเอื้อมถึงแค่เกรด 3.5 ไม่สามารถแตะ 3.7 ได้สักที
คาบแรกของวันจันทร์เป็นวิชาเรียนรวมวิชาพื้นฐานด้านการละคร ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเรียนเอกอะไรของคณะ ก็ยังต้องเข้าคลาสไม่ให้ขาด ชวัลซึ่งเรียนเอกภาษาอังกฤษจึงไม่ใช่ข้อยกเว้น
เด็กหนุ่มเดินหาวหวอด ๆ ขึ้นไปยังแถวเก้าอี้ท้ายห้องซึ่งมนัสจองไว้ให้แล้ว “หวัดดี” เขาทัก
“ไงไอ้วัน วันหยุดที่ผ่านมาสุดเหวี่ยงไปแล้วใช่ไหมล่ะ?” มนัสแซว ยักคิ้วถามอย่างกวนอารมณ์
“สุดเหวี่ยงเหี้ยไร ก็ต้องทำงานพิเศษดิวะ” ชวัลถลึงตาตอบขณะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ เพื่อนสนิท
“เอ้า ก็คืนวันศุกร์ไง ที่อยู่ดี ๆ มึงก็หายตัวไปเฉย” อีกคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเอนตัวมาถาม หรี่ตาลงพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย อีกฝ่ายก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่ไปตี้ด้วยกันเมื่อคืนก่อน “รู้อีกทีก็ตอนที่มึงส่งข้อความบอกไอ้นัดว่าจะกลับพร้อมพี่ที่รู้จักกัน”
“พี่ที่รู้จักกันจริงป่าว?”
“หรือพี่ที่เพิ่งเจอ?”
“เฮ้ย หรือว่าผู้ชายที่แอบมองมึงที่ร้านวะ?”
ชวัลเกาหัวแกรก ๆ ทำไมจู่ ๆ พวกนี้มันอยากรู้อะไรกันขนาดนั้น เป็นโชคดีของเขาที่อาจารย์เข้ามาพอดี บทสนทนาคาดคั้นเหล่านั้นจึงเป็นอันถูกพับเก็บไป แต่ใช่ว่าเขาจะรอดจากเพื่อนสนิทที่เอนตัวมากระซิบถาม
“สรุป ใช่เขาปะวะ?”
“เขาไหน?”
“ก็คนที่แอบมองมึงไง”
“...”
“ฮั่นแน่ หูแดง”
ชวัลตะปบหูตัวเองทันที พบว่ามันร้อนหน่อย ๆ อย่างน่าโมโห ได้แต่ทำเสียงจิ๊ในลำคอเพราะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ กจมนัส “ไอ้สัด” เขาสบถ “เออ ไปกับเขานั่นแหละ”
“เชี่ย จริงดิ กูเดานะเนี่ย” มนัสทำตาโต
“เออ” ชวัลกระซิบตอบ ทำทีเป็นกำลังจดข้อความตามสไลด์ของอาจารย์ “กูไม่ซิงแล้ว จบปะ”
“กับผู้ชาย?”
“ก็...อืม” ท้ายเสียงเบาลงเล็กน้อย ชำเลืองไปทางเพื่อนสนิทเพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะมีทีท่าอย่างไร แต่ไม่เห็นสีหน้าประหลาดใจ มีแต่พยักหน้ารับรู้และดูภาคภูมิใจแปลก ๆ “มึงดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนะที่กูนอนกับผู้ชาย”
มนัสไหวไหล่ “ความลับเลยนะ กูไม่เคยบอกใคร” เจ้าตัวเอนตัวมาพูดเบา ๆ “กูลองมาหมดแล้ว ถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นไบไง”
อะไรนะ?
“อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้ว่ากูเป็นไบ”
“เออดิ” ชวัลกระซิบโต้กลับ “เพิ่งรู้ก็ตอนนี้เนี่ย มิน่ามึงเชียร์กูจัง”
มนัสหัวเราะเบา ๆ “แล้วเป็นไง? ชอบปะ ฟินปะ”
“มันใช่เวลาถามเรื่องนี้ในห้องเรียนเหรอวะ?”
“ไม่ แต่กูขี้เสือก”
ชวัลกลอกตา เคาะปลายปากกากับสมุดที่จดอยู่สองสามครั้ง แม้สายตาวางอยู่ที่สไลด์หน้าห้อง แต่จิตใจล่องลอยไปถึงคืนวันศุกร์อันเร่าร้อนกับศิลาแล้ว “ก็...ดี” เขากระซิบ “กูไม่ได้รังเกียจอะไร”
ชวัลตอบอย่างหนักแน่น มั่นใจในประสบการณ์ที่ได้รับเพราะค่ำคืนนั้นนับได้ว่าเป็นคืนหนึ่งที่ดีและพิเศษที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว ดีมากเสียจนอดไม่ได้ที่อยากได้สัมผัสอะไรแบบนั้นอีก
จะว่าไปแล้ว...ป่านนี้ไม่รู้ว่าคุณศิลาคนนั้นทำอะไรอยู่
คาบเรียนสองชั่วผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย หลายคนง่วงหงาวหาวนอนเพราะเป็นคาบเช้าวันจันทร์ ซึ่งอาจารย์เพียงเพ็ญ อาจารย์ประจำภาควิชาการละครเข้าใจดีจึงไม่ได้ว่าอะไร นอกจากย้ำว่าอย่าลืมไปโหลดสไลด์ของวันนี้และดูภาพยนต์ตามที่เธอแนะนำไปด้วย
ชวัลเก็บของใส่กระเป๋าสะพายข้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากับมนัสตั้งใจว่าจะไปหาของว่างกินแล้วจะไปสิงห้องสมุดที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำเสียหน่อย
“ชวัล คาบต่อไปมีเรียนไหม?” อาจารย์เพียงเพ็ญทักเขาที่กำลังจะเดินออกจากห้องเรียนไปเสียก่อน
“ไม่มีครับอาจารย์ มีอีกทีก็ช่วงบ่ายเลยครับ” ชวัลตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย
“ดีเลย อาจารย์มีเรื่องจะคุยกับเธอนิดหน่อยน่ะ”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับ “ได้ครับอาจารย์” จากนั้นก็หันไปมองมนัสที่เดินตามหลังมา “เจอกันที่ห้องสมุดเลยก็แล้วกัน”
มนัสพยักหน้า ยกมือไหว้อาจารย์ทีหนึ่งก่อนเดินออกจากห้องไปก่อน ส่วนชวัลนั้นอาสาช่วยอาจารย์เพียงเพ็ญถือหนังสือที่เธอนำมาใช้ประกอบการสอน จากนั้นเดินตามอีกฝ่ายขึ้นไปยังห้องพักครู่ที่ชั้นสิบของตึกเดียวกัน
ห้องพักครูของภาควิชาการละครนั้นจะแบ่งพื้นที่ให้อาจารย์สองคนต่อหนึ่งห้อง บังเอิญว่าตอนนี้อาจารย์อีกคนมีสอนต่างคณะพอดี เวลานี้จึงมีเพียงเขาและอาจารย์เพียงเพ็ญเท่านั้น
“นั่งก่อนสิ” อาจารย์สาวว่าอย่างใจดี
“ขอบคุณครับ” ชวัลเริ่มใจไม่ดีแล้ว เพราะสีหน้าของอีกฝ่ายดูมีริ้วของความกังวล เขาวางกระเป๋าไว้บนตัก เหยียดหลังตรงรอฟังสิ่งที่อาจารย์จะพูด
อาจารย์เพียงเพ็ญถอนหายใจสั้น ๆ ประสานมือวางบนโต๊ะ ดูลำบากใจที่จะพูดเช่นกัน “ฝ่ายการเงินแจ้งอาจารย์มาว่าเธอยังค้างค่าหอพักกับค่าเทอมอยู่นะ” เธอบอก
ชวัลเม้มปาก พยักหน้ารับรู้ เขาไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้ถึงปัญหาที่เขาเผชิญอยู่ เพราะอาจารย์เพียงเพ็ญเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้ถึงปัญหาด้านการเงิน รวมไปถึงครอบครัวของเขาด้วย
“เธอติดต่อพ่อกับแม่ได้บ้างไหม?” อาจารย์เพียงเพ็ญถามอย่างเป็นห่วง
เด็กหนุ่มส่ายหน้า สิ่งที่เหลืออยู่ต่างหน้าของสองคนนั้นมีเพียงหนี้ก้อนโตเท่านั้น เงินจำนวนห้าหลักที่ได้มาจากศิลาเมื่อวันก่อน เขาก็นำไปผ่อนหนี้ของสองเดือนที่แล้วหมดแล้ว เหลือเพียงนิดหน่อยเพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
เขาต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้ก่อน เพราะเจ้าหนี้น่ะ...ไม่ใช่หนี้ในระบบ ยิ่งนานวัน ดอกเบี้ยก็ยิ่งสูง ยังนับว่าโชคดีที่เงินก้อนของศิลาช่วยผ่อนผันไปได้มาก แต่ตอนนี้...ยังเหลือค่าหอพักกับค่าเทอมส่วนต่างที่ค้างมาสองเทอมแล้ว
อาจารย์เพียงเพ็ญถอนหายใจ “เอางี้ เรื่องค่าหอพักอาจารย์ช่วยออกให้ก่อนได้” เธอเสนอ และนั่นเรียกให้ชวัลเงยหน้าขึ้นทันที
“ไม่เป็นไรครับอาจารย์ อย่าเลยครับ” เขาปฏิเสธทันที เขาไม่อยากติดหนี้ใครอีกแล้ว
“อาจารย์ไม่ได้ให้เปล่า และไม่ได้จะคิดดอกเบี้ยอะไร อาจารย์แค่อยากให้อย่างน้อยเธอมีที่อยู่ ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว อาจารย์อยากช่วยเธอจริง ๆ” หญิงสาวว่าพลางระบายยิ้ม “อีกอย่าง อาจารย์เห็นว่าเธอขยันเรียนและพยายามมากเพื่อรักษาทุนที่ได้รับ ดังนั้นทำไมอาจารย์จะไม่ช่วยเธอล่ะ”
ชวัลเม้มปาก รู้สึกตื้นตันจนแทบจะร้องไห้ “ขอบคุณมากครับอาจารย์ ขอบคุณจริง ๆ”
“แต่เรื่องค่าเทอม...”
“ผมจะรีบทำงานหาเงินมาจ่ายครับ” ชวัลโพล่งออกมาทันที “อาจารย์...ช่วยพูดกับฝ่ายการเงินให้หน่อยได้ไหมครับว่า สิ้นเทอมนี้ผมจะจ่าย”
อาจารย์เพียงเพ็ญพยักหน้า ระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน ทั้งปลอบประโลมและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ได้อยู่แล้ว ยังไงก็อย่าหักโหมมากนักรู้ไหม”
“ครับอาจารย์ ขอบคุณอีกครั้งครับ” ชวัลยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความตื้นตัน ก่อนจะขอตัวกลับไปหาเพื่อนที่รออยู่
เด็กหนุ่มยืนเหม่ออยู่หน้าลิฟต์ มองตัวเลขหน้าแผงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมความกลัดกลุ้มที่ทบทวี...
เขาจะหาเงินจากไหนดี
To Be Continued
ขอเป็นกำลังใจให้น้อง มัมหมีปวดจัย
#สาดแสงศิลา
ความคิดเห็น