ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสงสาดศิลา [มี Ebook]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 : เข้าตาจน

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 66


    ตอนที่ 6 : เข้าตาจน

     

    มอเตอร์ไซค์สีดำมะเมื่อมคันใหญ่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง ก่อนจะหยุดจอดอยู่ตีนบันไดเลื่อนขึ้นไปยังรถไฟฟ้าบนดิน เด็กหนุ่มผู้นั่งซ้อนมาตวัดขาลงอย่างคล่องแคล่ว ถอดหมวกกันน็อค สะบัดผมที่ลีบแบนและชื้นเหงื่อเล็กน้อย แล้วส่งคืนให้คนอายุมากกว่าที่ใจดีอุตส่าห์พามาส่ง

    “ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” ชวัลฉีกยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายที่ไม่ถอดหมวกกันน็อคแบบเต็มศีรษะ แต่เปิดแผงกันลมบริเวณดวงตาแทน เขาจึงเห็นนัยน์ตาเรียวสีดำที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

    เขาคิดว่าศิลาเท่มากในเสื้อหนังกันลมสีดำ กางเกงสีน้ำเงินเข้มที่มีรอยขาดประปรายตามเทรนด์แฟชัน และรองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำ

    “กลับดี ๆ เงินที่ได้ไปก็ใช้ให้ดีละ” คนอายุมากกว่าเอ่ยทิ้งท้ายก่อนเร่งเครื่องขับจากไป ทิ้งไว้เพียงควันจาง ๆ จากท่อไอเสีย และความรู้สึกบางอย่างที่ตกตะกอนอยู่ในใจชวัล

    จะได้เจอกันอีกไหมนะ

    เด็กหนุ่มอมยิ้ม เมื่อกี้เขาได้เกาะเอวศิลาด้วย ชวนให้นึกถึงกิจกรรมบนเตียงอันเร่าร้อนเมื่อคืนนี้ที่ตนได้กอดรัดเอวอีกฝ่ายแน่นตอนได้อยู่ข้างหลัง ไม่ใช่แค่ตอนที่กอดรัดแน่นหรอก ศิลาก็โอบรัดเขาแน่นมาก ๆ เหมือนกัน

    ประสบการณ์มีเซ็กซ์ครั้งแรกน่าประทับใจสุด ๆ ต่อให้ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะเสียซิงให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักหน้ากัน

    ใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาเฉย นึกขึ้นมาตอนนี้ก็เพิ่งเขินอาย ต่างจากศิลาที่ดูไม่อินังขังขอบใด ๆ แม้ขึ้นเตียงกับคนแปลกหน้า

     

    “คุณศิลา คือเรื่องเมื่อคืนน่ะ ผม…”

    “ฉันฝืนใจนายรึเปล่า?”

    “ก็…ไม่ครับ”

    “ก็แค่นั้น ไม่ต้องคิดมากในเมื่อฉันเมา นายก็เมา”

    “…”

    “น้ำแตกแยกทาง ไม่มีใครเสียหายอยู่แล้ว”

    “อ่า…”

     

    ก็จริง…

    จู่ ๆ ชวัลก็รู้สึกหงอยขึ้นมา สงสัยมีแค่เขาคนเดียวที่เขินและเผลอใจเต้น… อีกคนน่าจะอายุมากกว่าหลายปี ประสบการณ์บนเตียงคงโชกโชนน่าดูถึงได้แยกเซ็กซ์ออกจากความรู้สึกได้

    “ไอ้ชวัล ไอ้กากเอ๊ย” ก่นด่าตัวเองขณะก้าวขึ้นบันไดเลื่อน จะว่าไปแล้วเขาได้ยินศิลาสบถบ่อยมากเหมือนกัน

    อืม…ค่อนข้างต่างจากที่เจอครั้งแรกอยู่มาก หมายถึงตอนที่ขอให้เขาเป็นไม้กันหมา ศิลาดูเป็นคนอารมณ์ดีกว่านี้และยิ้มให้ด้วย แต่ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อครู่นี้กลายเป็นคนดูไม่แยแสอะไรและขี้หงุดหงิด

    “แฮงค์มั้ง” ชวัลพึมพำกับตัวเองขณะหยิบมือถือขึ้นมาเติมเงินเข้าบัตรโดยสาร รู้สึกไม่ชินตาเท่าไรที่เห็นยอดเงินคงเหลือเยอะขนาดนี้ในบัญชี

    แต่เอาเถอะ…พอเอาไปจ่ายหนี้ที่คั่งค้าง ก็คงเหลือไม่ต่างจากเดิม

    เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว กดเติมเงินเสร็จเรียบร้อยก่อนเดินผ่านเกทเข้าไปในชานชาลา

    รู้สึกอยากนอนอีกตื่นชะมัด จะได้เก็บแรงไปทำงานพิเศษบ่ายวันนี้ต่อ

     

    ###

     

    การตื่นแต่เช้าไปเรียนคาบแรกของสัปดาห์นั้นเป็นสิ่งที่ชวัลไม่ชอบเลยมาตั้งแต่เป็นเฟรชชี่ แต่โชคดีที่ตนหอพักของตนอยู่ไม่ห่างจากรั้วมหาวิทยาลัยเพราะได้โควตาหอใน ทำให้อย่างน้อยไม่ต้องรีบตอนเร็วและกระหืดกระหอบไปให้ทันเช็คชื่อ

    มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยรัฐระดับกลาง ๆ ของประเทศ แต่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังในสาขามนุษย์ศาสตร์ และสาขาด้านการท่องเที่ยว ผลิตบุคลากรที่มีชื่อเสียงมากมายในสาขาเด่นดังเหล่านี้ ดังนั้นชวัลจึงภาคภูมิใจที่ตนสามารถสอบเข้าสาขาที่ต้องการ อีกทั้งได้ทุนการศึกษาแบบครึ่งจำนวนมาตั้งแต่ปีหนึ่ง

    ใจจริงก็อยากได้ทุนเต็มจำนวนอยู่หรอก แต่ความฉลาดของเขาเอื้อมถึงแค่เกรด 3.5 ไม่สามารถแตะ 3.7 ได้สักที

    คาบแรกของวันจันทร์เป็นวิชาเรียนรวมวิชาพื้นฐานด้านการละคร ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเรียนเอกอะไรของคณะ ก็ยังต้องเข้าคลาสไม่ให้ขาด ชวัลซึ่งเรียนเอกภาษาอังกฤษจึงไม่ใช่ข้อยกเว้น

    เด็กหนุ่มเดินหาวหวอด ๆ ขึ้นไปยังแถวเก้าอี้ท้ายห้องซึ่งมนัสจองไว้ให้แล้ว “หวัดดี” เขาทัก

    “ไงไอ้วัน วันหยุดที่ผ่านมาสุดเหวี่ยงไปแล้วใช่ไหมล่ะ?” มนัสแซว ยักคิ้วถามอย่างกวนอารมณ์

    “สุดเหวี่ยงเหี้ยไร ก็ต้องทำงานพิเศษดิวะ” ชวัลถลึงตาตอบขณะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ เพื่อนสนิท

    “เอ้า ก็คืนวันศุกร์ไง ที่อยู่ดี ๆ มึงก็หายตัวไปเฉย” อีกคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเอนตัวมาถาม หรี่ตาลงพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย อีกฝ่ายก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่ไปตี้ด้วยกันเมื่อคืนก่อน “รู้อีกทีก็ตอนที่มึงส่งข้อความบอกไอ้นัดว่าจะกลับพร้อมพี่ที่รู้จักกัน”

    “พี่ที่รู้จักกันจริงป่าว?”

    “หรือพี่ที่เพิ่งเจอ?”

    “เฮ้ย หรือว่าผู้ชายที่แอบมองมึงที่ร้านวะ?”

    ชวัลเกาหัวแกรก ๆ ทำไมจู่ ๆ พวกนี้มันอยากรู้อะไรกันขนาดนั้น เป็นโชคดีของเขาที่อาจารย์เข้ามาพอดี บทสนทนาคาดคั้นเหล่านั้นจึงเป็นอันถูกพับเก็บไป แต่ใช่ว่าเขาจะรอดจากเพื่อนสนิทที่เอนตัวมากระซิบถาม

    “สรุป ใช่เขาปะวะ?”

    “เขาไหน?”

    “ก็คนที่แอบมองมึงไง”

    “...”

    “ฮั่นแน่ หูแดง”

    ชวัลตะปบหูตัวเองทันที พบว่ามันร้อนหน่อย ๆ อย่างน่าโมโห ได้แต่ทำเสียงจิ๊ในลำคอเพราะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ กจมนัส “ไอ้สัด” เขาสบถ “เออ ไปกับเขานั่นแหละ”

    “เชี่ย จริงดิ กูเดานะเนี่ย” มนัสทำตาโต

    “เออ” ชวัลกระซิบตอบ ทำทีเป็นกำลังจดข้อความตามสไลด์ของอาจารย์ “กูไม่ซิงแล้ว จบปะ”

    “กับผู้ชาย?”

    “ก็...อืม” ท้ายเสียงเบาลงเล็กน้อย ชำเลืองไปทางเพื่อนสนิทเพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะมีทีท่าอย่างไร แต่ไม่เห็นสีหน้าประหลาดใจ มีแต่พยักหน้ารับรู้และดูภาคภูมิใจแปลก ๆ “มึงดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนะที่กูนอนกับผู้ชาย”

    มนัสไหวไหล่ “ความลับเลยนะ กูไม่เคยบอกใคร” เจ้าตัวเอนตัวมาพูดเบา ๆ “กูลองมาหมดแล้ว ถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นไบไง”

    อะไรนะ?

    “อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้ว่ากูเป็นไบ”

    “เออดิ” ชวัลกระซิบโต้กลับ “เพิ่งรู้ก็ตอนนี้เนี่ย มิน่ามึงเชียร์กูจัง”

    มนัสหัวเราะเบา ๆ “แล้วเป็นไง? ชอบปะ ฟินปะ”

    “มันใช่เวลาถามเรื่องนี้ในห้องเรียนเหรอวะ?”

    “ไม่ แต่กูขี้เสือก”

    ชวัลกลอกตา เคาะปลายปากกากับสมุดที่จดอยู่สองสามครั้ง แม้สายตาวางอยู่ที่สไลด์หน้าห้อง แต่จิตใจล่องลอยไปถึงคืนวันศุกร์อันเร่าร้อนกับศิลาแล้ว “ก็...ดี” เขากระซิบ “กูไม่ได้รังเกียจอะไร”

    ชวัลตอบอย่างหนักแน่น มั่นใจในประสบการณ์ที่ได้รับเพราะค่ำคืนนั้นนับได้ว่าเป็นคืนหนึ่งที่ดีและพิเศษที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว ดีมากเสียจนอดไม่ได้ที่อยากได้สัมผัสอะไรแบบนั้นอีก

    จะว่าไปแล้ว...ป่านนี้ไม่รู้ว่าคุณศิลาคนนั้นทำอะไรอยู่

     

    คาบเรียนสองชั่วผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย หลายคนง่วงหงาวหาวนอนเพราะเป็นคาบเช้าวันจันทร์ ซึ่งอาจารย์เพียงเพ็ญ อาจารย์ประจำภาควิชาการละครเข้าใจดีจึงไม่ได้ว่าอะไร นอกจากย้ำว่าอย่าลืมไปโหลดสไลด์ของวันนี้และดูภาพยนต์ตามที่เธอแนะนำไปด้วย

    ชวัลเก็บของใส่กระเป๋าสะพายข้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากับมนัสตั้งใจว่าจะไปหาของว่างกินแล้วจะไปสิงห้องสมุดที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำเสียหน่อย

    “ชวัล คาบต่อไปมีเรียนไหม?” อาจารย์เพียงเพ็ญทักเขาที่กำลังจะเดินออกจากห้องเรียนไปเสียก่อน

    “ไม่มีครับอาจารย์ มีอีกทีก็ช่วงบ่ายเลยครับ” ชวัลตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย

    “ดีเลย อาจารย์มีเรื่องจะคุยกับเธอนิดหน่อยน่ะ”

    เด็กหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับ “ได้ครับอาจารย์” จากนั้นก็หันไปมองมนัสที่เดินตามหลังมา “เจอกันที่ห้องสมุดเลยก็แล้วกัน”

    มนัสพยักหน้า ยกมือไหว้อาจารย์ทีหนึ่งก่อนเดินออกจากห้องไปก่อน ส่วนชวัลนั้นอาสาช่วยอาจารย์เพียงเพ็ญถือหนังสือที่เธอนำมาใช้ประกอบการสอน จากนั้นเดินตามอีกฝ่ายขึ้นไปยังห้องพักครู่ที่ชั้นสิบของตึกเดียวกัน

    ห้องพักครูของภาควิชาการละครนั้นจะแบ่งพื้นที่ให้อาจารย์สองคนต่อหนึ่งห้อง บังเอิญว่าตอนนี้อาจารย์อีกคนมีสอนต่างคณะพอดี เวลานี้จึงมีเพียงเขาและอาจารย์เพียงเพ็ญเท่านั้น

    “นั่งก่อนสิ” อาจารย์สาวว่าอย่างใจดี

    “ขอบคุณครับ” ชวัลเริ่มใจไม่ดีแล้ว เพราะสีหน้าของอีกฝ่ายดูมีริ้วของความกังวล เขาวางกระเป๋าไว้บนตัก เหยียดหลังตรงรอฟังสิ่งที่อาจารย์จะพูด

    อาจารย์เพียงเพ็ญถอนหายใจสั้น ๆ ประสานมือวางบนโต๊ะ ดูลำบากใจที่จะพูดเช่นกัน “ฝ่ายการเงินแจ้งอาจารย์มาว่าเธอยังค้างค่าหอพักกับค่าเทอมอยู่นะ” เธอบอก

    ชวัลเม้มปาก พยักหน้ารับรู้ เขาไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้ถึงปัญหาที่เขาเผชิญอยู่ เพราะอาจารย์เพียงเพ็ญเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้ถึงปัญหาด้านการเงิน รวมไปถึงครอบครัวของเขาด้วย

    “เธอติดต่อพ่อกับแม่ได้บ้างไหม?” อาจารย์เพียงเพ็ญถามอย่างเป็นห่วง

    เด็กหนุ่มส่ายหน้า สิ่งที่เหลืออยู่ต่างหน้าของสองคนนั้นมีเพียงหนี้ก้อนโตเท่านั้น เงินจำนวนห้าหลักที่ได้มาจากศิลาเมื่อวันก่อน เขาก็นำไปผ่อนหนี้ของสองเดือนที่แล้วหมดแล้ว เหลือเพียงนิดหน่อยเพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

    เขาต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้ก่อน เพราะเจ้าหนี้น่ะ...ไม่ใช่หนี้ในระบบ ยิ่งนานวัน ดอกเบี้ยก็ยิ่งสูง ยังนับว่าโชคดีที่เงินก้อนของศิลาช่วยผ่อนผันไปได้มาก แต่ตอนนี้...ยังเหลือค่าหอพักกับค่าเทอมส่วนต่างที่ค้างมาสองเทอมแล้ว

    อาจารย์เพียงเพ็ญถอนหายใจ “เอางี้ เรื่องค่าหอพักอาจารย์ช่วยออกให้ก่อนได้” เธอเสนอ และนั่นเรียกให้ชวัลเงยหน้าขึ้นทันที

    “ไม่เป็นไรครับอาจารย์ อย่าเลยครับ” เขาปฏิเสธทันที เขาไม่อยากติดหนี้ใครอีกแล้ว

    “อาจารย์ไม่ได้ให้เปล่า และไม่ได้จะคิดดอกเบี้ยอะไร อาจารย์แค่อยากให้อย่างน้อยเธอมีที่อยู่ ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว อาจารย์อยากช่วยเธอจริง ๆ” หญิงสาวว่าพลางระบายยิ้ม “อีกอย่าง อาจารย์เห็นว่าเธอขยันเรียนและพยายามมากเพื่อรักษาทุนที่ได้รับ ดังนั้นทำไมอาจารย์จะไม่ช่วยเธอล่ะ”

    ชวัลเม้มปาก รู้สึกตื้นตันจนแทบจะร้องไห้ “ขอบคุณมากครับอาจารย์ ขอบคุณจริง ๆ”

    “แต่เรื่องค่าเทอม...”

    “ผมจะรีบทำงานหาเงินมาจ่ายครับ” ชวัลโพล่งออกมาทันที “อาจารย์...ช่วยพูดกับฝ่ายการเงินให้หน่อยได้ไหมครับว่า สิ้นเทอมนี้ผมจะจ่าย”

    อาจารย์เพียงเพ็ญพยักหน้า ระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน ทั้งปลอบประโลมและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ได้อยู่แล้ว ยังไงก็อย่าหักโหมมากนักรู้ไหม”

    “ครับอาจารย์ ขอบคุณอีกครั้งครับ” ชวัลยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความตื้นตัน ก่อนจะขอตัวกลับไปหาเพื่อนที่รออยู่

    เด็กหนุ่มยืนเหม่ออยู่หน้าลิฟต์ มองตัวเลขหน้าแผงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมความกลัดกลุ้มที่ทบทวี...

    เขาจะหาเงินจากไหนดี

     

    To Be Continued

    ขอเป็นกำลังใจให้น้อง มัมหมีปวดจัย

    #สาดแสงศิลา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×