ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสงสาดศิลา [มี Ebook]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 : หลังสร่างเมา

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 66


    ตอนที่ 5 : หลังสร่างเมา

     

    แสงแดดอ่อน ๆ ของยามสายลอดผ่านม่านหน้าตา ตัดกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศแตะผิวกายส่วนที่ไม่ได้อยู่ใต้ผ้านวม ค่อย ๆ ปลุกให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นจากฝัน ก่อนจะถูกโจมตีด้วยอาการปวดหัวจี๊ดจนอยากนอนหลับอีกสักตื่น

    เขาค่อย ๆ พลิกตัวนอนหงายพลางนวดขมับ พลันอาการเมื่อยขบและปวดตามตัวโจมตีอีกระลอก “โอย…” ร้องโอดโอยเบา ๆ

    ดวงตาปรือเปิดอย่างเชื่องช้า เหม่อมองภาพเบลอในครรลองสายตาอยู่ครู่หนึ่ง … เพดานห้อง ม่านหน้าต่าง และชั้นหนังสือฝั่งตรงข้าม … ที่นี่เป็นห้องของเขาเอง แล้วเมื่อคืนนี้เขากลับจากร้านเหลาสุรายังไง? มีสติถึงขั้นสแกนลายนิ้วมือกับหยิบคีย์การ์ดแตะเซนเซอร์ได้เลยเหรอ? จำได้ว่าไอ้เจนภพแม่งชงเหล้าซะเข้ม ส่วนเขาก็บ้าจี้ดื่มจนหมด

    ต่อให้คอทองแดงแค่ไหนก็คงต้านไม่ไหว

    ศิลานอนนิ่ง ๆ ขณะพยายามรื้อฟื้นความทรงจำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    เมื่อคืนนี้กลุ่มเพื่อนสมัยมหาลัยฯ (ที่เรียนจบกันมาหลายปีแล้ว) นัดกินเหล้าเนื่องในโอกาสที่อยากจะเมาที่ร้านประจำอย่างเหลาสุรา เขาจึงแวบออกจากร้าน SL Restaurant & Bar ซึ่งตนเป็นเจ้าของมาทักทายเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน

    ไม่นึกเลยว่าจะเจอเกศรา หนึ่งในหญิงสาวที่ครอบครัวอยากให้แต่งงานด้วย และเป็นหนึ่งในคนที่ผู้เป็นแม่หมายตาไว้มากที่สุด ซึ่งนั่นทำให้ศิลาหงุดหงิดจนถึงขั้นโมโหในบางครั้ง

    เขาอายุเข้าเลขสามแล้ว การจะรักใครชอบใคร หรือแต่งงานกับใคร ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาควบคุม ยิ่งเป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เป็นหลัก…ใครมันจะไปยอม

    เพราะแบบนั้นศิลาจึงดื้อรั้นออกมาเปิดร้านอาหารของตัวเองตั้งแต่เรียนจบ ไม่ยอมสืบทอดธุรกิจเทรดดิ้งของครอบครัว โชคดีแค่ไหนที่ได้เพื่อนร่วมธุรกิจเป็นคริมสัน ปริยากร เจ้าของโรงแรมห้าดาว Arcaned City ที่ให้เขาเช่าพื้นที่ในโรงแรมในราคามิตรภาพ

    จากเพื่อนร่วมธุรกิจจึงกลายมาเป็นเพื่อนสนิทในวัยทำงานไปโดยปริยาย

    กิจการร้านอาหารเป็นไปได้ด้วยดี เพราะโดดเด่นทั้งด้วยรสชาติ ราคา ทำเลทอง และคอกเทลรสดี ทำให้เขาไม่คิดจะกลับไปสืบทอดกิจการของที่บ้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรผู้เป็นแม่กลับไม่ยอมปล่อยเขาไปเสียที ต่อให้เขาออกจากบ้านแล้ว แต่ก็ยังส่งคนมาตามการเคลื่อนไหวของเขาอยู่ไม่ห่าง

    การที่เกศรารู้ว่าเขาอยู่ร้านเหลาสุรา คงไม่พ้นโทรไปถามคุณนายศิกานต์อย่างแน่นอน

    แรก ๆ เป็นการดูตัวอย่างเป็นทางการ ศิลาจึงใช้วิธีจ้างคนมาเล่นละครตบตามาเป็นคนคุยบ้างละ เป็นแฟนบ้างละ เปลี่ยนแทบไม่ซ้ำหน้าเพราะอยากให้มองตัวเองว่าเป็นคนเจ้าชู้ประตูดิน แผนการนี้ได้ผลทุกครั้ง

    แต่หลัง ๆ มานี้คุณนายศิกานต์เปลี่ยนแผน เริ่มส่งคนมาหาที่ร้านโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เขาจึงเริ่มหาคนมาเป็นไม้กันหมาไม่ทันแล้ว

    เมื่อคืนนี้ก็เช่นกัน

    เพราะสถานการณ์จวนตัวและคับขัน ศิลาจึงจำต้องเลือกเด็กหนุ่มวัยมหาลัยฯ คนหนึ่งมาเป็นไม้กันหมาแก้ขัด

    ความจริงแล้วเขาไม่เคยจ้างผู้ชายมาเล่นละครตบตามาก่อน แม้รู้ว่านั่นอาจเป็นวิธีที่ทำให้คุณนายศิกานต์ยอมรามือถ้าพบว่าลูกชายไม่สนใจผู้หญิง แต่เพราะเขายังไม่พร้อมต่างหาก

    ศิลายังไม่พร้อมพูดกับใครว่า…เขาเป็นเกย์

    แม้แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันก็ยังไม่รู้ ศิลาเก็บเป็นความลับมาตลอดหลายปี น่าจะมีเพียงคริมสันเท่านั้นที่ไม่ต้องถามก็มองออก แต่เพราะเป็นคริมสันนั่นละ ทำให้ความลับของศิลายังคงเป็นความลับ

    อีกฝ่ายเป็นคนให้เบอร์ติดต่อคนจัดหาชายหนุ่มหน้าตาดีลีลาเด็ดด้วยซ้ำ อีกท้ังยังบอกว่าจะเปิดห้องให้โดยคิดค่าใช้จ่ายแค่ครึ่งเดียว

     

    “ถ้าเรียกมาที่นี่ อย่างน้อยบ้านแกก็เข้ามาเสือกไม่ได้”

     

    โรงแรม Arcaned City มีระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของแขกที่ยอดเยี่ยม ศิลาไม่กังขาในเรื่องนั้น ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมาเขาจึงมีโอกาสได้ใช้บริการอยู่บ้าง

     

    “จ้างผู้ชายไปเป็นไม้กันหมาก็จบแล้ว ใช้เด็ก ๆ ในลิสต์ของคนที่ฉันให้เบอร์ไปก็ได้ แบบนั้นน่ะรับรองบ้านแกได้ไฟลุกสมใจ”

    “ฉันไม่พร้อม”

    “เฮ้อ…งั้นคงต้องเหนื่อยต่อไป”

    “แก้ปัญหาที่ปลายเหตุชัด ๆ”

    “แล้วแกแก้ที่ต้นเหตุได้ไหมล่ะ?”

     

    ก็ไม่ได้ไง…

    เขาซึ้งใจที่คริมสันพยายามช่วย แต่นั่นละ…เขาไม่พร้อม

    กระทั่งเมื่อคืนบังเอิญเห็นกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งในร้านเหลาสุรา…สายตาดึงดูดไปยังเด็กหนุ่มคนนั้นที่ดูเป็นจุดสนใจของใครหลาย ๆ คนในร้าน

    วินาทีนั้นความทรงจำหลังจากนั้นก็พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก

    ทั้งตอนที่ชวัลตกลงรับทำงานให้ชั่วคราว

    ทั้งตอนที่ตัวเขาจูบอีกฝ่ายหน้าตาเฉย

    ทั้งตอนที่เด็กหนุ่มพาเขาขึ้นมาที่นี่

    และ…ตอนที่พวกเขาลึกซึ้งกันมากกว่านั้นอย่างสุดเหวี่ยง จากโซฟาเบดลากยาวมาถึงห้องนอน

     

    “อึก เสียว ซี้ด… ตรงนั้น”

    “ตรงนี้เหรอครับ?”

    “อะ แฮ่ก ร..เร็วไป”

    “อา…โคตรดีเลยพี่ศิลา”

     

    เสร็จไปกี่รอบจำไม่ได้ แต่ตอนนี้จำได้แล้วว่ามันเร่าร้อนมากแค่ไหน

    ไม่น่าปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนั้นเลย เมาทีไร…นิสัยเสียลากคนขึ้นเตียงจะอาละวาดทุกที ที่จูบตอนนั้นก็แค่เพื่อให้เกศราเลิกวอแวกับเขาเสียที

    “แม่งเอ๊ย” ศิลาสบถและผุดลุกขึ้นนั่ง ก่อนต้องเบ้หน้าเพราะเอวและช่วงล่างที่ปวดระบมไปหมด เสยผมยาวประบ่าขึ้นลวก ๆ อย่างหงุดหงิด

    เขาค่อย ๆ พาตัวเองลงจากเตียง เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่าแม้ท่อนบนไร้เสื้อผ้า แต่ท่องล่างสวมกางเกงขายาวผ้าร่ม ไม่ได้เปลือยล่อนจ้อน อีกทั้งเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน พอเหลือบมองบนพื้น ก็ไม่พบเศษซากอารยธรรมใด ๆ ทั้งที่เมื่อคืนสุดเหวี่ยงขนาดนั้นแท้ ๆ

    มันก็มีอยู่คนเดียวนั่นละที่จะเก็บกวาดได้เพราะเขาน่าจะผล็อยหลับไป ถือว่าเป็นเด็กดีอยู่

    ว่าแต่…ไอ้เด็กนั่นอยู่ไหน? เพราะคอนโดแห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นเลิศ หากไม่มีคีย์การ์ดหรือรู้รหัสลิฟต์ จะไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้

    ศิลาเลิกคิดยิบย่อย ค่อย ๆ พยุงตัวเองที่ท่อนล่างร้าวระบมไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว

    “ไอ้เด็กนั่น…” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อเห็นสภาพของตัวเองในกระจก แม้ไม่มีหลักฐานนอกร่มผ้า แต่ตามแผงอกและหัวไหล่เต็มไปด้วยรอยจ้ำ และรอยกัดจาง ๆ “…เป็นหมาคันฟันรึไงวะ”

    ศิลาอาบน้ำ แต่งตัวไปด้วย ก่นด่าอีกฝ่ายไปด้วย กว่าจะพาตัวเองออกมาจากห้องนอนก็ทุลักทุเลพอสมควร เดินผ่านส่วนรับแขกไปอย่างเชื่องช้า…ก่อนจะชะงักไปเมื่อพบว่าโซฟาเบดมีใครบางคนยึดครอง

    เป็นชวัลที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เจ้าตัวอยู่ในเสื้อยืดกับกางเกงขายาวที่ศิลาจำได้ว่าเป็นของเขา อีกฝ่ายนอนกอดตัวเองแะตะแคงข้างหันมาหา แก้มถูกดันเป็นก้อนน่าหยิกชอบกล ผมม้าปรกหน้าผาก ต่างหูสีเงินตามใบหูสว่างวาบท้าแสงแดดอุ่น ริมฝีปากหยักยิ้มน้อย ๆ ราวกับว่ากำลังฝันดี มองดูอย่างไรก็เด็กมหาลัยฯ ที่อายุน้อยกว่าน่าจะเกือบสิบปี

    เปลือกตาคู่นั้นซ่อนดวงตาโตและใสแจ๋ว ออดอ้อนเหมือนลูกหมาตัวหนึ่ง และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ดีว่าต้องใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร เมื่อคืนนี้จึงยอมให้อีกฝ่ายตักตวงไปตั้งไม่รู้กี่รอบ

    จากไร้ประสบการณ์ดูเงอะงะ เรียนรู้ไวเสียจนตอนนี้ทำเขาปวดเอวเป็นบ้า ไหนจะปวดห้วตุ้บ ๆ ไม่หาย จนพลอยให้เริ่มหงุดหงิด

    เมื่อคืนนี้สถานการณ์บังคับ ต่อให้ชวัลคนนี้ตรงสเป็คหลายอย่าง แต่เขายังไม่พร้อมเปิดตัว ยิ่งคิดแบบนั้นก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

    “เฮ้ ตื่น!” ศิลาเขย่าไหล่เด็กหนุ่มอย่างไม่เกรงใจ

    “หือ…” ชวัลตื่นง่าย ดวงตาปรือเปิดขึ้นช้า ๆ กะพริบถี่อย่างงุนงง “พี่ศิลา ตื่นแล้วเหรอครับ”

    “อย่าเรียกฉันว่าพี่ หน้าที่ที่ฉันจ้างนายมันจบแล้ว” ศิลาพูด เหยียดกายขึ้นยืนเต็มความสูงและหยิบมือถือตัวเองออกมา “บอกเลขบัญชีมา ฉันจะได้โอนส่วนที่เหลือให้”

    “พี่ เอ่อ…คุณไม่เจ็บอะไรตรงไหนใช่ไหมครับ ผมเสิร์ชดูเขาบอกว่าอาจมีอาการปวดเมื่อยตามตัวตอนเช้า…”

    “ฉันไม่ได้ซิง เคนะ?” ศิลากลอกตา ไม่มีทางบอกหรอกว่าอีกฝ่ายทำตัวเขาปวดเอวขนาดไหน “เลขบัญชี”

    “อ้อ พร้อมเพย์นะครับ” ชวัลยิ้มก่อนจะบอกเบอร์สิบหลักไป ไม่นานนักก็มีเสียงแจ้งเตือนเงินเข้าดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    “แล้วก็ไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันต้องออกไปทำงาน ที่นี่ต้องมีคีย์การ์ดหรือรหัสลิฟต์ถึงจะลงไปได้” เจ้าของห้องว่า หรี่ตามองเสื้อผ้าบนตัวเด็กหนุ่ม “แล้วเสื้อน่ะหยิบมาจากไหน?”

    “แหะ ๆ ขอโทษด้วยที่ถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของคุณนะครับ แต่เมื่อคืนชุดพวกเราเละมาก และผมกลัวคุณไม่สบายก็เลยต้องหาเสื้อตัวใหม่…”

    “แล้วทำไมมานอนตรงนี้?”

    “งั้นจะให้ผมนอนที่ไหนอะครับ? ผมไม่กล้านอนห้องคุณหรอก พื้นที่ส่วนตัวคุณนี่นา” ชวัลตอบหน้าซื่อ

    ศิลาจิ๊ปาก เบนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่อยากสบมองดวงตากลมคู่นั้นเลย แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าค่อนข้างประทับใจในคำตอบพอสมควร “เอาเถอะ ไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันจะไปส่งรถไฟฟ้าก็แล้วกัน”

    “คุณทำงานวันเสาร์ด้วยเหรอครับ?”

    “เออ”

    “งานบาร์เทนเดอร์ไม่ได้มีแต่ตอนกลางคืนเหรอครับ?”

    “คนเป็นเจ้าของร้านไม่มีวันหยุดหรอก เข้าใจไหม?” ศิลาตอบอย่างขอไปที “เลิกถามได้แล้ว ไป อาบ น้ำ!”

    “แหะ คร้าบ” แล้วร่างสูงของเด็กหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นจากโซฟาเบด เดินตรงไปยังห้องน้ำนอกห้องนอนใหญ่

    เออ มันรู้ว่าอีกว่าห้องน้ำเล็กอยู่ตรงไหน

    ศิลาผ่อนลมหายใจยาว ทำไมเขารู้สึกว่าชีวิตหลังจากนี้จะวุ่นวายน่าดู


     

    To Be Continued
     

    วุ่นวายแค่ไหนให้คุกกี้ทำนายกัน
     

    #สาดแสงศิลา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×