ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสงสาดศิลา [มี Ebook]

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : ต่อรอง

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 66


    ตอนที่ 9 : ต่อรอง

     

    ชวัลไม่นึกเลยว่าแค่มาสมัครงานเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหาร จะได้มาเจอกับเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อเสียงทั้งด้านดีและไม่ดี “คุณศิลา” เขาเรียกอีกคนระหว่างที่ลิฟต์พาขึ้นไปชั้นบนของโรงแรม “ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในคลิป...คือพนักงานของร้านคุณที่ลาออกไปเหรอครับ?”

    คนอายุมากกว่าชำเลืองมอง สีหน้าดูบอกบุญไม่รับเท่าไรนักแต่ก็ยอมตอบคำถามเขาแต่โดยดี “ใช่ อยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว ทำงานดีมาตลอด แต่หลัง ๆ มานี้ดูสติไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไร” พูดไปคิ้วขมวดไปด้วย “ฉันเข้าใจว่าน่าจะมีปัญหาครอบครัว รู้มาบ้างเหมือนกันว่าที่บ้านมันไม่ค่อยโอเค ฉันเคยถามแล้วแต่มันไม่ยอมบอก ฉันก็จนปัญญา แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะพี้ยาจนลงแดงแบบนั้น”

    “เพราะแบบนั้นคุณก็เลยต้องไปให้ปากคำที่โรงพักใช่ไหมครับ?”

    “เออสิ น่าหงุดหงิดเป็นบ้า” ศิลาสบถเบา ๆ ตอนนี้ตัวเลขบนแผงดิจิตอลขยับถึงเลข 22 แล้ว ชายหนุ่มจึงหันไปหาคนอายุน้อยกว่าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บอกไว้ก่อนเลย ไม่ว่านายจะได้ยินข่าวอะไรมา ฉันยืนยันได้เลยว่าคริมสันไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด”

    ชวัลพยักหน้าเบา ๆ เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าของโรงแรมจะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกหรือไม่ แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนี้...เขาก็พอเดาได้ว่ามีคนวางแผนใส่ร้ายคริมสัน อาจจะเป็นผู้หญิงในคลิปคนนั้น...หรือ ‘นายใหญ่’ ที่เธอพูดถึง

    ติ๊ง

    ประตูลิฟต์เปิดออก ศิลาพาเด็กหนุ่มเดินตรงไปยังประตูใหญ่ที่สุดทางเดินซึ่งมีชายสวมแว่นยืนรอข้างหน้าอยู่แล้ว

    “รอสักครู่นะครับ” เจ้าตัวว่าก่อนเดินไปเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านาย “บอสครับ คุณศิลามาขอพบครับ”

    “เอ่อ คุณศิลาครับ” ชวัลกระตุกชายเสื้อคนอายุมากกว่า “คือ...คุณคริมสันดุไหม?”

    คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ก่อนแสยะยิ้มที่ดูเยาะเย้ยอย่างไรชอบกล “เดี๋ยวก็รู้” เขาตอบพลางยักคิ้วให้

    ให้ตาย ไม่ช่วยอะไรเลย ชวัลอยากร้องไห้อีกแล้ว

    “เชิญครับ”

    แล้วเด็กหนุ่มหน้าซื่อก็ได้เข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของโรงแรม Arcaned City หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ซึ่งมีอุปกรณ์สำนักงานจำนวนน้อยชิดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ คือชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนในเชิ้ตสีแดงเข้มเป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับใบหน้าแบบชาวตะวันตก ดวงตาสีฟ้าไม่เหมือนใคร และเส้นผมยาวสีน้ำตาลอ่อน

    คริมสัน ปริยากร

    “แกทำฉันประหลาดใจ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มนุ่มน่าฟัง เจ้าตัวเปลี่ยนที่นั่งมายังโซฟารับแขก “ฉันจำได้ว่าแกไม่สัมภาษณ์เด็กคนนี้ แล้วทำไมถึงพามา?”

    ระหว่างนั้นชวัลถูกพาไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาว แผ่นหลังของเขาเหยียดเกร็งโดยไม่ตั้งใจเมื่อถูกนัยน์ตาสีฟ้าสำรวจอย่างเปิดเผย

    “เขามีคลิปที่น่าจะช่วยแกได้” ศิลาตอบอย่างจริงจังก่อนพยักเพยิดไปทางเด็กหนุ่ม “ชวัล เปิดคลิปนั่น”

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออดแม้ยังรู้สึกตื่นกลัว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จิ้มไอค่อนแกลอรี่และเลือกโฟลเดอร์วิดิโอ และวางมือถือหงายหน้าลงบนโต๊ะกระจก “ตอนที่เกิดเหตุผมลงไปชั้นล่างแล้วครับ ก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเห็นข่าวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว”

    หน้าจอปรากฏภาพใบหน้าของตน และเครื่องหมายสามเหลี่ยมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘เล่น’

    “คือ...ผมทำคอนเทนต์ในยูทูปด้วยครับ อัด vlog บ้างตามประสา วันนี้ที่มาสัมภาษณ์งานก็เป็นส่วนหนึ่งของ vlog รอบนี้ครับ” ชวัลอธิบายต่อเมื่อโดนมองอย่างคาดคั้น “ก่อนเริ่มเวลาสัมภาษณ์ ผมก็เลยอัดนี่ไว้”

    แล้วเขาก็กดปุ่ม ‘เล่น’

    จากนั้นคลิปที่อัดไว้ก็เล่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ กระทั่งหน้าจอไหววูบเพราะเขาต้องรีบเก็บมือถือให้พ้นจากสายตา “ผมรีบเก็บกล้องเพราะเหมือนผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองมาทางนี้ครับ” เขารีบอธิบาย “บอกตามตรงว่าตอนนั้นไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องเงิน แต่ติดอยู่ที่พนักงานคนนั้นพูดถึงพี่ศิ...คุณศิลา”

    ชวัลรีบเปลี่ยนสรรพนามตอนท้าย ยิ้มแห้งให้คนอายุมากกว่าที่ลอบถลึงตาใส่ตน จากนั้นลอบมองปฏิกิริยาของคริมสัน ตอนนี้อีกฝ่ายเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ กอดอกนิ่ง ปลายนิ้วเคาะแขนตัวเองเป็นจังหวะราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง

    แน่นอนว่าชวัลไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ให้รำคาญใจ แม้คริมสันไม่เอ่ยอะไร แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมารอบตัวนั้นพลอยให้เขาต้องเคารพยำเกรงไปด้วย

    กระทั่งในที่สุดรอยยิ้มหวานก็ทอดลงบนริมฝีปาก “ขอบใจมากชวัล” คริมสันว่า “ฉันไม่รู้จะมีอะไรตอบแทนนายได้นอกจาก...ปล่อยให้พวกนายเคลียร์ปัญหาอะไรก็ตามระหว่างกันในห้องนี้”

    แน่นอนว่าชวัลยิ้มร่าในขณะที่ศิลาสบถใส่คนที่ลุกขึ้นยืนจากโซฟาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่น่าไว้ใจ

    “แกจะไปไหน!”

    “มีคนต้องไปเจอสักหน่อย” คริมสันยักคิ้วให้ “ใช้ห้องนี้ได้ตามสบายเพราะกันย์กับเดวาจะตามฉันไปด้วย”

    “ใช้อะไร...”

    “แต่อย่าลืมเก็บกวาดให้เรียบร้อยล่ะ” คริมสันไม่รอให้เพื่อนของตนโวยวาย ก้าวขายาว ๆ ออกจากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ข้างหลัง

    ศิลาขยี้ศีรษะตัวเองจนผมยุ่งเหยิงไปหมด อยากจะสบถด่าเพื่อนที่รู้มากและจุ้นจ้านขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาเผลอเล่าหรือแสดงท่าทีอะไรออกไปมันถึงเดาอะไร ๆ ไปถึงไหนต่อถึงไหน

    “คุณศิลา” เสียงเรียกจากคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันมากบนโซฟาตัวเดียวกัน เจ้าของชื่อเดาะลิ้นพลางถอนหายใจยาว เขาไม่มีปัญหาอะไรต้องเคลียร์กับเจ้าเด็กนี่แล้ว ดังนั้นปล่อยให้ไอ้ห้องทำงานนี่เป็นหมันไปเถอะ

    “เอาเป็นว่าขอบใจที่ช่วยเพื่อนฉัน เอาไว้จะขอรางวัล...”

    “ทำไมคุณดูหงุดหงิดตอนเจอผมจังเลยครับ? ผมทำอะไรผิดเหรอ?” ชวัลถามตามตรงด้วยน้ำเสียงหงอยเหงา “ถ้าเป็นเรื่องที่มาสมัครงานที่นี่ สาบานเลยว่าผมไม่รู้ว่าร้านอาหารนี้เป็นของคุณ ตอนพี่ตงแนะนำ ผมรู้แค่ชื่อร้านเท่านั้นเองครับ”

    “...”

    “จริง ๆ นะครับ เชื่อผมนะ”

    ศิลาพยายามไม่หันไปมองแววตากลมโตของอีกฝ่าย เพราะเป็นบทเรียนแล้วว่าจะถูกตะล่อมให้โอนอ่อนโดยง่ายดาย

    ความจริงแล้วเขารู้ดีกว่าใครว่าชวัลไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเพียงแต่อยากตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อยากเอาคนที่เคยจ้างมาเป็นไม้กันหมามาอยู่ใกล้ตัว เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่หญิงสาวคนนั้นดันตกหลุมรักเขาขึ้นมาจริง ๆ และนั่นทำให้เกิดปัญหาตามหึงหวงวุ่นวายไปหมด

    นั่นเป็นเหตุผลหนึ่ง

    ส่วนอีกสาเหตุอีกประการคือ ชวัลตรงสเป็คเขามากเกินไป จนเขากลัวตัวเองเผลอใจเข้าสักวัน หรือแสดงท่าทีจนคนอื่นรู้รสนิยมของตัวเอง

    แม้ผ่านมานานแล้ว แต่ศิลายังคงฝังใจและก้าวข้ามบาดแผลเมื่อครั้งวัยเยาว์ไม่ได้ เพราะแบบนั้นเขาจึงยังไม่พร้อมเริ่มต้นใหม่ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น

    “เออ รู้แล้วน่า และนายก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย” ศิลาถอนหายใจอย่าหงุดหงิด “แต่ยังไงก็ตามฉันให้นายทำงานที่นี่ไม่ได้”

    “โธ่ ทำไมล่ะครับ?”

    ให้ตาย เขาจะอธิบายอย่างไรดี?

    “แล้วทำไมนายถึงอยากทำงานที่นี่นักหนา? ฉันบอกแล้วไงว่าจะช่วยหางานให้” ในที่สุดคนอายุมากกว่าก็ทนไม่ไหว หันกลับมาเผชิญหน้าและกอดอกตีหน้าขรึมให้ดูน่าเกรงขาม แต่กลายเป็นว่าชวัลยิ้มร่าด้วยความดีใจ

    หรือคิดว่านี่เป็นการสัมภาษณ์งานไปแล้ว?

    “ผมอยากได้เงินครับ” ชวัลตอบเต็มปากเต็มคำ แววตามุ่งมั่นและหนักแน่น “ผมจำเป็นต้องหาเงินหลักหมื่นให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้...เป็นค่าเทอมน่ะครับ”

    ศิลาเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเหตุผลนั้น

    “ผมมีข้อจำกัดหลายอย่างเวลาเลือกงานพาร์ทไทม์น่ะครับ” เด็กหนุ่มรีบพูดต่อทนที มือที่วางอยู่หน้าตักกำเข้าหากัน “เพราะผมยังต้องทำเกรดให้ได้ดีเพื่อรับทุนการศึกษา คือ...ผมได้ทุนแค่ครึ่งเดียวน่ะครับ ดังนั้นผมก็เลยว่ามองงานที่จะไม่เบียดชั่วโมงเรียนกับอ่านหนังสือและให้ค่าจ้างดี”

    “แล้วนายคิดว่างานที่นี่เหมาะกับนายงั้นเหรอ?”

    มาถึงจุดนี้ชวัลฉีกยิ้มกว้าง แผ่นหลังเหยียดตรงกว่าเดิม อีกทั้งดวงตาเป็นประกาย “ผมมีประสบการณ์เป็นเด็กเสิร์ฟมาหลายปีครับ ทำมาหลายร้านตั้งแต่อายุสิบห้าเลยครับ” เขารีบขายตัวเองอย่างกระตือรือร้น “ทั้งร้านข้าวต้ม ร้านอาหารในโรงแรม ร้านอาหารไทย แล้วก็ตอนนี้ผมทำงานในร้านฟาสฟู้ดครับ ดังนั้นผมมั่นใจเลยว่าจะสามารถทำงานเป็นบริกรในร้านอาหารของคุณได้ครับ!”

    “เดี๋ยว อายุสิบห้า?” ศิลายกมือเบรก “นั่นไม่เรียกทำงาน นั่นเรียกว่าใช้แรงงานเด็ก”

    ชวัลอ้าปากพะงาบ ๆ สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด “คือว่า...” เขาตอบอ้อมแอ้ม “...มันจำเป็นนี่ครับ แต่ป้าเจ้าของร้านไม่ได้ให้ผมทำหลายชั่วโมงขนาดนั้น...”

    ศิลาถอนหายใจยาว ฟังประวัติคร่าว ๆ มาขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวร้อนเงินมากแค่ไหน ดีไม่ดีฐานะทางบ้านอาจจะขัดสนน่าดูถึงให้ลูกทำงานตั้งแต่อายุเท่านั้นทั้งที่ผิดกฎหมาย

    แต่ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ชวัลไม่ใช่คนแรกที่มีปัญหาด้านการเงิน เรียกได้ว่าผู้สมัครเกือบทุกรายมีประวัติดราม่าชวนร้องไห้กันทั้งนั้น

    “คุณศิลา”

    ให้ตายสิ เขาควรหลบตาได้แล้ว

    “พี่ศิลา”

    คนอายุมากกว่าลอบกัดปากเมื่อโทนเสียนั้นเปลี่ยนเป็นออดอ้อนมากขึ้น อีกทั้งเจ้าตัวขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นพร้อมอาวุธเด็ดประจำตัว

    “ผมช่วยเพื่อนพี่ไว้ด้วยนะ จะไม่ให้รางวัลผมจริง ๆ เหรอครับ?”

    เป็นโทนเสียงที่ใช้เมื่อคืนก่อน

    แม่ง

    จะถือเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบรึเปล่าวะ...

    “ผมต้องทำยังไงพี่ถึงจะยอมรับผมเข้าทำงานเหรอครับ?” ชวัลยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ พยายามที่จะสบตาคนอายุมากกว่าให้ได้ “ผมยอมทุกอย่างเลยนะ”

    ไอ้เด็กนี่ มันรู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา!

    ได้ ถ้าอย่างนั้นเขาจะแกล้งให้เตลิดไปไกล เกลียดขี้หน้ากันไปเลยยิ่งดี!

    “ยอมทำทุกอย่าง?” ศิลาถามซ้ำ ยอมผินหน้าไปมองอีกฝ่าย ก่อนต้องชะงักเมื่อพบว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มอยู่ใกล้เพียงปลายจมูกชนกันเท่านั้น

    “ครับ” ชวัลคลี่ยิ้มกว้าง กระแทกตาเสียจนคนอายุมากกว่าต้องผ่อนลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์

    “ทำให้ฉันพอใจ” ศิลายักคิ้วอย่างท้าทาย

    ชวัลดูคล้ายงุนงงไปครู่หนึ่ง ดวงตากลมกะพริบช้า ๆ ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังครุ่นคิด แต่เพราะใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก...มากเสียจนศิลาเห็นประกายบางอย่างในแววตาคู่นี้

    เดี๋ยวนะ

    “ได้ครับ” ชวัลระบายยิ้มจาง ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะทาบทับลงบนริมฝีปากของคนอายุมากกว่าโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า

     

    To Be Continued

    เอ๊ะ ทำยังไงให้พอใจอะ? อรุ่ม

    #สาดแสงศิลา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×