คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : ต่อรอง
ตอนที่ 9 : ต่อรอง
ชวัลไม่นึกเลยว่าแค่มาสมัครงานเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหาร จะได้มาเจอกับเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อเสียงทั้งด้านดีและไม่ดี “คุณศิลา” เขาเรียกอีกคนระหว่างที่ลิฟต์พาขึ้นไปชั้นบนของโรงแรม “ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในคลิป...คือพนักงานของร้านคุณที่ลาออกไปเหรอครับ?”
คนอายุมากกว่าชำเลืองมอง สีหน้าดูบอกบุญไม่รับเท่าไรนักแต่ก็ยอมตอบคำถามเขาแต่โดยดี “ใช่ อยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว ทำงานดีมาตลอด แต่หลัง ๆ มานี้ดูสติไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไร” พูดไปคิ้วขมวดไปด้วย “ฉันเข้าใจว่าน่าจะมีปัญหาครอบครัว รู้มาบ้างเหมือนกันว่าที่บ้านมันไม่ค่อยโอเค ฉันเคยถามแล้วแต่มันไม่ยอมบอก ฉันก็จนปัญญา แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะพี้ยาจนลงแดงแบบนั้น”
“เพราะแบบนั้นคุณก็เลยต้องไปให้ปากคำที่โรงพักใช่ไหมครับ?”
“เออสิ น่าหงุดหงิดเป็นบ้า” ศิลาสบถเบา ๆ ตอนนี้ตัวเลขบนแผงดิจิตอลขยับถึงเลข 22 แล้ว ชายหนุ่มจึงหันไปหาคนอายุน้อยกว่าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บอกไว้ก่อนเลย ไม่ว่านายจะได้ยินข่าวอะไรมา ฉันยืนยันได้เลยว่าคริมสันไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด”
ชวัลพยักหน้าเบา ๆ เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าของโรงแรมจะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกหรือไม่ แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนี้...เขาก็พอเดาได้ว่ามีคนวางแผนใส่ร้ายคริมสัน อาจจะเป็นผู้หญิงในคลิปคนนั้น...หรือ ‘นายใหญ่’ ที่เธอพูดถึง
ติ๊ง
ประตูลิฟต์เปิดออก ศิลาพาเด็กหนุ่มเดินตรงไปยังประตูใหญ่ที่สุดทางเดินซึ่งมีชายสวมแว่นยืนรอข้างหน้าอยู่แล้ว
“รอสักครู่นะครับ” เจ้าตัวว่าก่อนเดินไปเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านาย “บอสครับ คุณศิลามาขอพบครับ”
“เอ่อ คุณศิลาครับ” ชวัลกระตุกชายเสื้อคนอายุมากกว่า “คือ...คุณคริมสันดุไหม?”
คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ก่อนแสยะยิ้มที่ดูเยาะเย้ยอย่างไรชอบกล “เดี๋ยวก็รู้” เขาตอบพลางยักคิ้วให้
ให้ตาย ไม่ช่วยอะไรเลย ชวัลอยากร้องไห้อีกแล้ว
“เชิญครับ”
แล้วเด็กหนุ่มหน้าซื่อก็ได้เข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของโรงแรม Arcaned City หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ซึ่งมีอุปกรณ์สำนักงานจำนวนน้อยชิดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ คือชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนในเชิ้ตสีแดงเข้มเป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับใบหน้าแบบชาวตะวันตก ดวงตาสีฟ้าไม่เหมือนใคร และเส้นผมยาวสีน้ำตาลอ่อน
คริมสัน ปริยากร
“แกทำฉันประหลาดใจ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายทุ้มนุ่มน่าฟัง เจ้าตัวเปลี่ยนที่นั่งมายังโซฟารับแขก “ฉันจำได้ว่าแกไม่สัมภาษณ์เด็กคนนี้ แล้วทำไมถึงพามา?”
ระหว่างนั้นชวัลถูกพาไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาว แผ่นหลังของเขาเหยียดเกร็งโดยไม่ตั้งใจเมื่อถูกนัยน์ตาสีฟ้าสำรวจอย่างเปิดเผย
“เขามีคลิปที่น่าจะช่วยแกได้” ศิลาตอบอย่างจริงจังก่อนพยักเพยิดไปทางเด็กหนุ่ม “ชวัล เปิดคลิปนั่น”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออดแม้ยังรู้สึกตื่นกลัว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จิ้มไอค่อนแกลอรี่และเลือกโฟลเดอร์วิดิโอ และวางมือถือหงายหน้าลงบนโต๊ะกระจก “ตอนที่เกิดเหตุผมลงไปชั้นล่างแล้วครับ ก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งเห็นข่าวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว”
หน้าจอปรากฏภาพใบหน้าของตน และเครื่องหมายสามเหลี่ยมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘เล่น’
“คือ...ผมทำคอนเทนต์ในยูทูปด้วยครับ อัด vlog บ้างตามประสา วันนี้ที่มาสัมภาษณ์งานก็เป็นส่วนหนึ่งของ vlog รอบนี้ครับ” ชวัลอธิบายต่อเมื่อโดนมองอย่างคาดคั้น “ก่อนเริ่มเวลาสัมภาษณ์ ผมก็เลยอัดนี่ไว้”
แล้วเขาก็กดปุ่ม ‘เล่น’
จากนั้นคลิปที่อัดไว้ก็เล่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ กระทั่งหน้าจอไหววูบเพราะเขาต้องรีบเก็บมือถือให้พ้นจากสายตา “ผมรีบเก็บกล้องเพราะเหมือนผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองมาทางนี้ครับ” เขารีบอธิบาย “บอกตามตรงว่าตอนนั้นไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องเงิน แต่ติดอยู่ที่พนักงานคนนั้นพูดถึงพี่ศิ...คุณศิลา”
ชวัลรีบเปลี่ยนสรรพนามตอนท้าย ยิ้มแห้งให้คนอายุมากกว่าที่ลอบถลึงตาใส่ตน จากนั้นลอบมองปฏิกิริยาของคริมสัน ตอนนี้อีกฝ่ายเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ กอดอกนิ่ง ปลายนิ้วเคาะแขนตัวเองเป็นจังหวะราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แน่นอนว่าชวัลไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ให้รำคาญใจ แม้คริมสันไม่เอ่ยอะไร แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมารอบตัวนั้นพลอยให้เขาต้องเคารพยำเกรงไปด้วย
กระทั่งในที่สุดรอยยิ้มหวานก็ทอดลงบนริมฝีปาก “ขอบใจมากชวัล” คริมสันว่า “ฉันไม่รู้จะมีอะไรตอบแทนนายได้นอกจาก...ปล่อยให้พวกนายเคลียร์ปัญหาอะไรก็ตามระหว่างกันในห้องนี้”
แน่นอนว่าชวัลยิ้มร่าในขณะที่ศิลาสบถใส่คนที่ลุกขึ้นยืนจากโซฟาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่น่าไว้ใจ
“แกจะไปไหน!”
“มีคนต้องไปเจอสักหน่อย” คริมสันยักคิ้วให้ “ใช้ห้องนี้ได้ตามสบายเพราะกันย์กับเดวาจะตามฉันไปด้วย”
“ใช้อะไร...”
“แต่อย่าลืมเก็บกวาดให้เรียบร้อยล่ะ” คริมสันไม่รอให้เพื่อนของตนโวยวาย ก้าวขายาว ๆ ออกจากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ข้างหลัง
ศิลาขยี้ศีรษะตัวเองจนผมยุ่งเหยิงไปหมด อยากจะสบถด่าเพื่อนที่รู้มากและจุ้นจ้านขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาเผลอเล่าหรือแสดงท่าทีอะไรออกไปมันถึงเดาอะไร ๆ ไปถึงไหนต่อถึงไหน
“คุณศิลา” เสียงเรียกจากคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันมากบนโซฟาตัวเดียวกัน เจ้าของชื่อเดาะลิ้นพลางถอนหายใจยาว เขาไม่มีปัญหาอะไรต้องเคลียร์กับเจ้าเด็กนี่แล้ว ดังนั้นปล่อยให้ไอ้ห้องทำงานนี่เป็นหมันไปเถอะ
“เอาเป็นว่าขอบใจที่ช่วยเพื่อนฉัน เอาไว้จะขอรางวัล...”
“ทำไมคุณดูหงุดหงิดตอนเจอผมจังเลยครับ? ผมทำอะไรผิดเหรอ?” ชวัลถามตามตรงด้วยน้ำเสียงหงอยเหงา “ถ้าเป็นเรื่องที่มาสมัครงานที่นี่ สาบานเลยว่าผมไม่รู้ว่าร้านอาหารนี้เป็นของคุณ ตอนพี่ตงแนะนำ ผมรู้แค่ชื่อร้านเท่านั้นเองครับ”
“...”
“จริง ๆ นะครับ เชื่อผมนะ”
ศิลาพยายามไม่หันไปมองแววตากลมโตของอีกฝ่าย เพราะเป็นบทเรียนแล้วว่าจะถูกตะล่อมให้โอนอ่อนโดยง่ายดาย
ความจริงแล้วเขารู้ดีกว่าใครว่าชวัลไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเพียงแต่อยากตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อยากเอาคนที่เคยจ้างมาเป็นไม้กันหมามาอยู่ใกล้ตัว เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่หญิงสาวคนนั้นดันตกหลุมรักเขาขึ้นมาจริง ๆ และนั่นทำให้เกิดปัญหาตามหึงหวงวุ่นวายไปหมด
นั่นเป็นเหตุผลหนึ่ง
ส่วนอีกสาเหตุอีกประการคือ ชวัลตรงสเป็คเขามากเกินไป จนเขากลัวตัวเองเผลอใจเข้าสักวัน หรือแสดงท่าทีจนคนอื่นรู้รสนิยมของตัวเอง
แม้ผ่านมานานแล้ว แต่ศิลายังคงฝังใจและก้าวข้ามบาดแผลเมื่อครั้งวัยเยาว์ไม่ได้ เพราะแบบนั้นเขาจึงยังไม่พร้อมเริ่มต้นใหม่ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น
“เออ รู้แล้วน่า และนายก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย” ศิลาถอนหายใจอย่าหงุดหงิด “แต่ยังไงก็ตามฉันให้นายทำงานที่นี่ไม่ได้”
“โธ่ ทำไมล่ะครับ?”
ให้ตาย เขาจะอธิบายอย่างไรดี?
“แล้วทำไมนายถึงอยากทำงานที่นี่นักหนา? ฉันบอกแล้วไงว่าจะช่วยหางานให้” ในที่สุดคนอายุมากกว่าก็ทนไม่ไหว หันกลับมาเผชิญหน้าและกอดอกตีหน้าขรึมให้ดูน่าเกรงขาม แต่กลายเป็นว่าชวัลยิ้มร่าด้วยความดีใจ
หรือคิดว่านี่เป็นการสัมภาษณ์งานไปแล้ว?
“ผมอยากได้เงินครับ” ชวัลตอบเต็มปากเต็มคำ แววตามุ่งมั่นและหนักแน่น “ผมจำเป็นต้องหาเงินหลักหมื่นให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้...เป็นค่าเทอมน่ะครับ”
ศิลาเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเหตุผลนั้น
“ผมมีข้อจำกัดหลายอย่างเวลาเลือกงานพาร์ทไทม์น่ะครับ” เด็กหนุ่มรีบพูดต่อทนที มือที่วางอยู่หน้าตักกำเข้าหากัน “เพราะผมยังต้องทำเกรดให้ได้ดีเพื่อรับทุนการศึกษา คือ...ผมได้ทุนแค่ครึ่งเดียวน่ะครับ ดังนั้นผมก็เลยว่ามองงานที่จะไม่เบียดชั่วโมงเรียนกับอ่านหนังสือและให้ค่าจ้างดี”
“แล้วนายคิดว่างานที่นี่เหมาะกับนายงั้นเหรอ?”
มาถึงจุดนี้ชวัลฉีกยิ้มกว้าง แผ่นหลังเหยียดตรงกว่าเดิม อีกทั้งดวงตาเป็นประกาย “ผมมีประสบการณ์เป็นเด็กเสิร์ฟมาหลายปีครับ ทำมาหลายร้านตั้งแต่อายุสิบห้าเลยครับ” เขารีบขายตัวเองอย่างกระตือรือร้น “ทั้งร้านข้าวต้ม ร้านอาหารในโรงแรม ร้านอาหารไทย แล้วก็ตอนนี้ผมทำงานในร้านฟาสฟู้ดครับ ดังนั้นผมมั่นใจเลยว่าจะสามารถทำงานเป็นบริกรในร้านอาหารของคุณได้ครับ!”
“เดี๋ยว อายุสิบห้า?” ศิลายกมือเบรก “นั่นไม่เรียกทำงาน นั่นเรียกว่าใช้แรงงานเด็ก”
ชวัลอ้าปากพะงาบ ๆ สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด “คือว่า...” เขาตอบอ้อมแอ้ม “...มันจำเป็นนี่ครับ แต่ป้าเจ้าของร้านไม่ได้ให้ผมทำหลายชั่วโมงขนาดนั้น...”
ศิลาถอนหายใจยาว ฟังประวัติคร่าว ๆ มาขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวร้อนเงินมากแค่ไหน ดีไม่ดีฐานะทางบ้านอาจจะขัดสนน่าดูถึงให้ลูกทำงานตั้งแต่อายุเท่านั้นทั้งที่ผิดกฎหมาย
แต่ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ชวัลไม่ใช่คนแรกที่มีปัญหาด้านการเงิน เรียกได้ว่าผู้สมัครเกือบทุกรายมีประวัติดราม่าชวนร้องไห้กันทั้งนั้น
“คุณศิลา”
ให้ตายสิ เขาควรหลบตาได้แล้ว
“พี่ศิลา”
คนอายุมากกว่าลอบกัดปากเมื่อโทนเสียนั้นเปลี่ยนเป็นออดอ้อนมากขึ้น อีกทั้งเจ้าตัวขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นพร้อมอาวุธเด็ดประจำตัว
“ผมช่วยเพื่อนพี่ไว้ด้วยนะ จะไม่ให้รางวัลผมจริง ๆ เหรอครับ?”
เป็นโทนเสียงที่ใช้เมื่อคืนก่อน
แม่ง
จะถือเป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบรึเปล่าวะ...
“ผมต้องทำยังไงพี่ถึงจะยอมรับผมเข้าทำงานเหรอครับ?” ชวัลยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ พยายามที่จะสบตาคนอายุมากกว่าให้ได้ “ผมยอมทุกอย่างเลยนะ”
ไอ้เด็กนี่ มันรู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา!
ได้ ถ้าอย่างนั้นเขาจะแกล้งให้เตลิดไปไกล เกลียดขี้หน้ากันไปเลยยิ่งดี!
“ยอมทำทุกอย่าง?” ศิลาถามซ้ำ ยอมผินหน้าไปมองอีกฝ่าย ก่อนต้องชะงักเมื่อพบว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มอยู่ใกล้เพียงปลายจมูกชนกันเท่านั้น
“ครับ” ชวัลคลี่ยิ้มกว้าง กระแทกตาเสียจนคนอายุมากกว่าต้องผ่อนลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์
“ทำให้ฉันพอใจ” ศิลายักคิ้วอย่างท้าทาย
ชวัลดูคล้ายงุนงงไปครู่หนึ่ง ดวงตากลมกะพริบช้า ๆ ราวกับว่าเจ้าตัวกำลังครุ่นคิด แต่เพราะใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก...มากเสียจนศิลาเห็นประกายบางอย่างในแววตาคู่นี้
เดี๋ยวนะ
“ได้ครับ” ชวัลระบายยิ้มจาง ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะทาบทับลงบนริมฝีปากของคนอายุมากกว่าโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
To Be Continued
เอ๊ะ ทำยังไงให้พอใจอะ? อรุ่ม
#สาดแสงศิลา
ความคิดเห็น