รักไม่ซื่อ - รักไม่ซื่อ นิยาย รักไม่ซื่อ : Dek-D.com - Writer

    รักไม่ซื่อ

    ผู้เข้าชมรวม

    66

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    66

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 มิ.ย. 65 / 11:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวชั้นปี 1   ความรักที่เริ่มต้นด้วยดีมาตลอดและก็เหมือนว่า ความรักครั้งนี้จะสมหวังทุกสิ่งทุกอย่าง แต่แล้วโชคชะตาก็ผลิกผันทำให้รักนี้ต้องจบลงในที่สุด

     

    "รักไม่ซื่อ"

    "เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวชั้นปี 1

    ความรักที่เริ่มต้นด้วยดีมาตลอดและก็เหมือนว่า ความรักครั้งนี้จะสมหวังทุกสิ่งทุกอย่าง

    ตลอดทั้งการเรียนที่ใกล้จะจบ และมีหน้าที่การงานที่ดีรออยู่เบื้องหน้า รวมทั้งครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างก็สนับสนุนกันดี

    แต่แล้วจู่ๆวันหนึ่งโชคชะตาก็เกิดผลิกผัน เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

    จนทำให้ความรักของทั้งคู่นั้นเป็นอันต้องจบลงอย่างไร้เยื่อใย

    เหตุเพราะความมักมาก หลงผิดจากอารมณ์ชั่ววูบ จนกลายมาเป็นสาเหตุ

    ที่ทำให้ความรักครั้งนี้ ต้องจบลง

    อย่างไม่มีวันหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกตลอดไป"

     

    แรกเริ่ม....

    ทั้งคู่พบรักกันระหว่างเข้าเรียนปีหนึ่ง

    เราสองคนเรียนกันคนละคณะ เจอกันครั้งแรกตอนกิจกรรมรับน้อง

    ทั้งคู่ก็เกิดความรู้สึกดีๆต่อกัน และต่อมาไม่นานเราทั้งสองก็ได้แลกเบอร์โทร ตกลงคบหาดูใจกัน

    ซึ่งความรักก็เริ่มต้นด้วยดีเสมอตลอดเวลาที่เราคบหาดูใจกัน ต่างคนก็ต่างช่วยงานกัน ติววิชาเรียนให้กันและกัน เราทั้งคู่คบกันก็จริงแต่ เรื่องเรียนเราก็ไม่ทิ้ง

    จนวันหนึ่งฝ่ายชายได้พาเราไปแนะนำตัวให้รู้จักครอบครัวของเขา ให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าเราสองคนกำลังคบหาดูใจกันอยู่

    และความรักก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนเราทั้งคู่ใกล้ที่จะเรียนจบ

    ช่วงฝึกงาน ฝ่ายชายก็ได้ชวนให้เราเข้าไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน

    และเราก็คือผู้หญิงคนแรก

    ที่เขาพาเข้าบ้านมาไหว้พ่อไหว้แม่

    และได้พาเราย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านเป็นคนแรก

    ทั้งบ้านฝ่ายชายก็ดูรักเราดี เอ็นดูเราเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ปะหนึ่งคนในครอบครัว

    เราสองคนฝึกงานกันคนละที่กัน

    เวลาฝึกงานก็ไม่ตรงกัน คนหนึ่งเข้างานเช้า

    อีกคนเข้าสายๆเกือบๆเที่ยง

    เป็นแบบนี้มานานหลายเดือน แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราก็ไว้ใจคนของเรา

    มีการโทรคุยกันบ้างระหว่างวัน

    วันหยุดเราก็มักจะออกไปเดินเที่ยวห้างบ้าง สวนสาธารณะบ้าง

    เลิกงานกันคนละเวลา แต่เราก็มักจะรอกินข้าวด้วยกันเสมอมา จนเราทั้งคู่ก็เรียนจบ

    พอเราทั้งคู่เรียนจบต่างคนก็ต่างได้งานทำกันทั้งคู่ ทำมาเป็นปีๆ

    และแล้วครอบครัวฝ่ายชายก็เห็นสมควรถึงเวลาที่จะพูดคุยเรื่องงานแต่ง จะมาสู่ขอเรา กับพ่อแม่เราให้ถูกต้องตามประเพณี

    ช่วงต้นเดือนกุมภาฯ ก็ได้มีการพูดคุยกันปรึกษากับเราก่อน แต่ตอนนั้นเรายังไม่ทันได้พาไปตกลงกับพ่อแม่ของเรา

    ช่วงนั้นงานเราค่อนข้างยุ่งๆงานแน่นตั้งแต่ต้นปียันสิ้นปีเลย

    เราคาดว่าหลังปีใหม่ค่อยตกลงกันอีกทีเรื่องวันไปคุยกับครอบครัวเราและหาฤกษ์แต่ง

    ระหว่างนั้น ทางพ่อฝ่ายชายก็ได้นำแหวนเพชรจากร้านพี่ชายของตน มาให้เราเลือกแบบเลือกลาย และขนาดไซส์ของแหวน ก่อนจะสั่งทำให้ เพื่อใช้เป็นการสู่ขอเราในวันงาน

    ทุกอย่างก็กำลังไปได้ดี ราบรื่นทุกอย่าง

    และแล้ว จู่ๆงานที่แฟนทำอยู่เ กิดมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้แฟนเราต้องเดิทางออกต่างจังหวัดเป็นประจำ ไปทีก็หนึ่งถึงสองอาทิตย์ ถึงจะได้กลับ เป็นแบบนี้ตลอดสี่เดือน

    และแล้วแฟนก็ได้กลับมาทำประจำที่

    ออฟฟิตไม่ต้องเดินทางบ่อยๆแล้ว

    ความรักของเราก็ดูปกติดีอยู่ ไม่มีไรที่ผิดปกติ และแล้ววันหนึ่ง เราทั้งคู่ก็ได้วันหยุดตรงกันสะที

    ขณะที่เราทั้งคู่นอนพักผ่อนเล่นมือถืออยู่ ก็ได้มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากมือถือของแฟน

    และทันใดนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปคุยโทรศัพท์ข้างล่างทันดี ด้วยความเร่งรีบ

    และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนไปของแฟนเรา ด้วยท่าทีแปลกๆ ที่เขาแสดงออกมา

    ดูท่าไม่อยากจะให้เราได้ยินตอนคุยโทรศัพท์ พอเขาขึ้นมาที่ห้อง

    เราจึงถามว่า " ใครโทรมาเหรอ "

    คำตอบที่ได้คือ "ป้าโทรมา"

    เพราะเหตุนี้จึงทำให้เราเริ่มสงสัยในตัวเขาและเริ่มจับผิดเขานั้นเอง

    หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เริ่มมีปากเสียงกันเล็กๆน้อย ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

    และช่วงหลังๆ เขามักจะทานข้าวนอกบ้านมา โดยไม่รอทานพร้อมกันเหมือนที่เคย

    ชวนกินข้าวทีไรก็บอกทานมาแล้ว อิ่มแล้ว ซึ่งมันผิดปกติมากๆ คำพูดเย็นชา หน้าก็ไม่อยากมอง เวลาพูด คุยกัน

    ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปจนเราเริ่มหมั่นใจว่าเขามีคนอื่น

    และแล้วอยู่มาวันหนึ่งห ลังแฟนเลิกงานกลับมาเราดันบังเอิญเห็น......

    "รอยซ้ำที่คอ"

    ใกล้ๆกับปกคอเสื้อทำงานของเขา และแน่นอนรอยนั้นมันคือรอยดูด ซึ่งไม่ได้เกิดจากเราแน่นอน เพราะเราแทบจะไม่เคยมีอะไรกันมาสักพักแล้ว

    ตอนนั้นความรู้สึกที่ได้เห็นรอยนั่น

    ใจเราสั่นเต้นไม่เป็นจังหวะเลย เรารับรู้ถึงความจริงที่เรากำลังสัยอยู่นั้น มันคือเรื่องจริงไม่ผิดแน่

    เราจึงถามเขาไปว่า นั่นรอยอะไร

    และเราก็ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะตอบกลับมาว่า......

    "รอยยุ่งกัด"

    สิ้นเสียงนั้น เราตบหน้าเขาทันที ....

    หนึ่งครั้งด้วยหลังมือ เสียงตบดังไปถึงห้องแม่ข้างบนชั้นสองเลยทีเดียว จนแม่ลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    เราทั้งเสียใจทั้งโมโห น้ำตาลคอลแล้วตอนนั้น แต่เราก็ได้ถามต่อไปอีกว่า...

    "เขาเป็นใคร และมีไรกันรึยัง"

    เขาจึงตอบกลับมาว่า "รุ่นน้องที่ทำงาน ยังไม่ได้มีอะไรกัน แค่คุยกัน"

    เท่านั้นแหละ เราจึงนึกถึงเมื่อตอนกลางวันของวันนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เราไม่รู้จักได้แอดเฟซมาขอเป็นเพื่อนเรา

    และได้เห็นว่านผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนในเฟซสำรองของแฟนเรา

    เราจึงบอกให้เขาเปิดคอมแล้วเข้าเฟซสำรองนั่นสะ เขาก็ยอมเข้าเฟซให้

    เราแต่โดยดี

    และแล้วหลักฐานทุกสิ่งทุกอย่าง

    ก็ถูกเปิดเผย เพราะเขาไม่เคยลบข้อความที่คุยกันเลย

    เรานั่งอ่านไปน้ำตาไหลไป จุกจนพูอะไรไม่ออก เและแม่ของเขาก็เข้าจับที่ไหล่เรา

    และพูดออกมาว่า...

    "ไม่น่าเลย ไม่น่าทำแบบนี้เลย และแม่ก็ถอนหายใจ "

    แล้วหันไปพูดกับลูกชายว่า ...

    "แก้วมันได้ร้าวเแล้ว มันจะไม่มีทางที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วนะลูก "

    พร้อมกับซ่ายหัวให้ลูกชายที่ทำกับเราแบบนั้น..

    พอเราได้สติเราเลยลุกขึ้นถามเขาทั้งน้ำตาว่า ..

    " ได้ป้องกันไหม ใส่ถุงรึเปล่า"

    คำตอบที่ได้นั้นทำเราแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อเขาบอกว่า ...

    ***ไม่ได้ใส่ ไม่ได้ป้องกัน***

    **คือถ้าใครไม่เจอกับตัวก็จะไม่รู้เหรอว่าความจริงนั้นมันเจ็บปวดมากแค่ไหน**

    เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลย พร้อมกับยื่นคำขาด ว่าเราจะเลิกเรารับไม่ได้กับสิ่งที่เขากระทำกับเรา

    แต่เขาก็ไม่ยอม และขอโอกาสให้เขาแก้ตัวสักครั้ง ยังไงก็ไม่ยอมเลิกกับเรา

    และเราก็ได้ยินเสียงดังมาแต่ไกลเลย..

    "หนู..ให้โอกาสลูกพ่อสักครั้งเถอะ นะ

    มันผิดพลาดไปแล้ว ลองให้โอกาสมัได้นแก้ตัวสักครั้งเถอะนะ พ่อขอร้อง"

    พ่อเขาค่อนข้างรักลูกชายเขามาก เพราะเขามีเชื้อสายจีน และเขาเองก็รักเราและเอ็นดูเรามาตลอด

    ด้วยความที่เราเองก็รักเขา และยังทำใจไม่ได้ เรายังไม่เข้มแข็งพอที่จะเดินออกไป ณ ตอนนั้น เราเลยบอกว่า

    "หนูก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าความรู้สึกที่เสียไปมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้รึเปล่า เราพูดทั้งน้ำตา"

    พูดจบเราก็เดินขึ้นห้องไป แล้วเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง

    หลังจากนั้นเราก็พยายามที่จะลืมเรื่องทุกอย่าง และลองให้โอกาสเขาสักครั้ง

    และเราก็ได้พยายามอยู่นานหลายเดือนเกือบปี

    ***ที่สุดแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว**

    ***สุดท้ายวันนั้นก็มาถึง ....***

    ***วันที่เราเข้มแข็งพอที่จะเดินออกจากจุดๆนั้นและออกจากชีวิตเขาได้สะที***

     

     

    "ขอขอบพระคุณทุกๆกำลังใจที่กดติดตามกดไลท์และอ่านจนจบนะคะ"

     

    แต่งโดย   Yoyoei.

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×