ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HELP ME ช่วยลบมันทีได้ไหม

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 2 - ใจนักเลง

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 58


     CHAPTER 2

    -          ใจนักเลง    -




    บรรยากาศที่ฉันรับรู้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านจนกระทั่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ บอกได้คำเดียวเลยว่าหลายคนให้ความสนใจกับการมาของพี่เตและเจ้ฟางไม่น้อย เพราะทั้งหนุ่มใหญ่หนุ่มเล็ก สาวเอ็กซ์สาวหมวยมองกันจนตาจะเป็นรูปหัวใจอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ได้สนใจ

     

    “ เจ้ฟางกับพี่เตนี้ใช่เล่นๆเลยนะเนี่ย คนมองกันตาเยิ้มเลย” ฉันว่าในจังหวะเดียวกับที่พี่เตชงเหล้าให้เจ้ฟางเสร็จ

     

    “มันเป็นธรรมดาของคนหน้าตาดีล่ะนะ ฮ่ะๆๆ” เจ้ฟางบอกก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก

     

    “เบาเว้ย นี้พึ่งมาถึง” พี่เตร้องห้าม

     

    “มึง กูมาเพื่อเมา ถ้าไม่มาเพื่อเมากูจะให้มึงไปรับกูทำไม?” เจ้ฟางหันมาเลิกคิ้วให้

     

    “เฮ้อ ตามสบายเลย” พี่เตทำหน้าเหนื่อยที่จะห้าม และทำหน้าที่ชงเหล้าของตัวเองต่อไป

     

    “มาแล้วววว อะไร ทำไม ทำไมกินไม่รอฉันอ่ะ” สาวสวยเซ็กซี่คนนึงเดินเข้ามาก่อนจะโวยเสียงแหลม

     

    “มาช้าไม่มีสิทธิ์บ่นเว้ย นั่งๆ เดี๋ยวกูชงเหล้าให้” พี่เตหันไปตอบ ก่อนจะชงเหล้าให้ทันที พี่แกไปสมัครงานเป็นบาร์เทนเดอร์น่าจะรุ่งนะ

     

    สาวเจ้าผู้มาใหม่นั่งลงตรงโซฟาคู่ข้างเจ้ฟางทันที ส่วนฉันนั่งบนโซฟาคู่ข้างพี่เต อีกฝั่งก็มีเก้าอี้เดียวสองตัวตั้งอยู่

     

    “นี้กันย์ใช่ไหม พี่ชื่อพลอยนะ เป็นเพื่อนสนิทกับฟาง” พี่พลอยหันมาแนะนำตัวเองกับฉัน พี่พลอยเป็นเจ้าของใบหน้าและหุ่นเซ็กซี่บาดใจ เรือนผมสีแดงที่ตัดสั้นนั้นยิ่งทำให้เธอดูเปรี้ยวจนเข็ดฟันเลยทีเดียว

     

    “ค่ะ” บอกตรงๆว่าอย่างเกร็ง ก็ไม่รู้จักเพื่อนเจ้ฟางสักคนเลย

     

    “แกอย่าใช้สายตาจิกกัดน้องฉัน มันกลัวแล้วนั้นนะ” เจ้ฟางว่าขำๆ

     

    “อะไรกัน ฉันยังไม่จิกสักหน่อย” พี่พลอยว่าก่อนรับแก้วจากพี่เตมาดื่ม

     

    “ทำไมพี่เตต้องชงเหล้าให้ทุกคนเลยล่ะคะ”ฉันหันไปกระซิบถามเบาๆ ก่อนพี่เตจะหันมายิ้มหวานให้

     

    “ถ้าพวกแม่งชงเองนะ เปลืองชิบหาย แน่นโซดาน้อยๆเหล้าเยอะๆ แล้วแม่งก็เมาเป็นหมูเป็นหมา ลำบากพี่ที่ต้องแบกกลับ” พี่เตกระซิบตอบ นั้นทำให้ฉันพยักหน้ารับรู้ก่อนพี่เตจะชงเหล้าไปเงียบๆ เจ้ฟางก็พูดคุยกับพี่พลอยบ้างคุยกับฉันบ้าง

     

    จนเวลาผ่านไปซักพักมีร่างสูงเจ้าของใบหน้าเงียบขรึมแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ดวงตาเฉียบคมที่ดูแฝงความเย็นชา สีผมดำสนิทยิ่งทำให้ร่างสูงดูลึกลับก็นั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะ

     

    “แอลนี้กันย์น้องฉัน กันย์นี้แอล...เอ่อ...เพื่อนเจ้เอง” ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ทำไมสรรพนามที่ใช้ต่างกับพี่เต และอีกอย่างคำว่าเพื่อนของเจ้ฟางมันไม่ได้ให้ความรู้สึกหนักแน่นเลยสักนิด

     

    “สวัสดีคะ ยินดีที่ได้รู้จักคะพี่แอล” ฉันยกมือไหว้อีกฝ่าย ร่างสูงแค่มองผ่านแวบเดียวก่อนแววตาคู่นั้นจะฉายแววหงุดหงิด แต่ก็แค่แวบเดียวก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างเดิมแล้วพยักหน้ารับรู้แค่ครั้งเดียว

     

    พี่แกจะนิ่งไปไหน

     

    การมาของพี่แอลดูทำให้บรรยากาศมาคุขึ้นเล็กน้อย แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะดูเหมือนการมาของอีกคนจะดึงสายตาของฉันไว้ได้มากกว่า

     

    “ทำไมกูต้องนั่งข้างไอ่แอลว่ะ” ร่างสูงที่พึ่งมาถึงเอ่ยทัก

     

    “นั่งตรงไหนก็ได้แดกเหมือนกันล่ะมึง นั่งๆไปเหอะ ไอ่แอลมันไม่กัดมึงหรอกนะ” พี่เตว่า

     

    “เออ มันไม่กัดกู แต่มันจะแย่งเหล้ากูแดกถ้ามึงชงไม่ทัน” ร่างสูงว่าก่อนจะนั่งลงข้างพี่แอลทันที  คำด่านั้นไม่ได้ทำให้ร่างสูงของพี่แอลสะทกสะท้าน

     

    “จ้องตาไม่กระพริบเลยนะเรา คิคิ” พี่พลอยหันมากระซิบกับฉัน แล้วทำไมต้องทำหน้าล้อๆแบบนั้นใส่ด้วยล่ะ จะไม่ให้จ้องได้ยังไง ก็ความรู้สึกนี้มัน...

     

    “แล้วนั้น...” ร่างสูงชี้มาที่ฉัน

     

                “แฟนกูเอง” พี่เตว่าก่อนจะขยับมาแล้วโอบไหล่ฉันไว้ ฉันเลยหันไปทำหน้าเหวอใส่ทันที

     

                “อย่ามาอำกู อมอุนจิมาพูดกูก็ไม่เชื่อ” ร่างสูงว่าก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก

     

                “น้องเราเองทัต แล้วมึงนะปล่อยแขนจากน้องกูด้วยเลย” เจ้ฟางแยกเขี้ยวใส่

     

                “เออ ก็ว่าทำไมหน้าคล้ายๆกัน” ร่างสูงว่า

     

                ชื่อทัตสินะ เหมือน...เหมือนเกินไป ความรู้สึกเวลาจ้องมองมันเหมือนเกินไป ทั้งที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง ทำไมกลับให้ความรู้สึกเหมือนเขาคนนั้นได้

     

                “กันย์เป็นไรเปล่า จ้องไอ่ทัตตาไม่กระพริบเลย พี่รู้มันหล่อ แต่พี่ว่าพี่ก็หล่อสู้มันได้นะ ทำไมไม่เห็นเราจ้องพี่แบบนี้เลย” พี่เตหันมากระซิบกับฉัน

     

                “อ่า เปล่าจ้องนะคะ แค่เห็นว่าจี้พี่เขาสวยดี” ฉันอ้างไปงั้น

     

                ไอ่ทัตมันใส่สร้อยด้วยหรือว่ะ หรือมันซ่อนอยู่ในเสื้อ ไม่นะกูก็ไม่เคยเห็นมันใส่

     

                หลังจากฉันพูดไปแบบนั้น ฉันก็ไม่กล้าที่จะจ้องพี่ทัตตรงๆเลย ก็มีแอบมองบ้าง และหลายครั้งที่หันไปสบตากับอีกฝ่าย พอเป็นแบบนั้นฉันก็เลือกที่จะหันไปมองพี่แอลซึ่งนั่งดื่มไปเงียบๆ พี่แกก็เป็นอีกคนที่ทำท่าทีแปลกๆ หลายครั้งที่เจ้ฟางหัวเราะคิกคักกับพี่พลอย หันมาอ้อนพี่เต พี่แอลมักชอบทำท่าทางหงุดหงิด แต่ก็เพียงแวบเดียว ถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงไม่รู้

     

                “กันย์ ไปเต้นกันไหม?” พี่พลอยหันมาถาม ขณะที่พี่เตกับเจ้ฟางเดินออกไปแล้ว

     

                “ไม่ดีกว่าคะ” ฉันปฏิเสธเพราะรู้สึกได้ว่าแอลกอฮอล์ในเลือดตอนนี้มีมากพอสมควร

     

                “อ่า งั้นถ้าเปลี่ยนใจก็ไปหาเต้นกับพวกพี่ได้นะ” แล้วพี่พลอยก็เดินไปรวมกลุ่มกับพี่เตและเจ้ฟางที่เต้นอยู่ก่อนแล้ว

     

                ฉันหันกลับมา และปฏิกิริยาของฉันมันทำให้ฉันหันไปมองโซฟาที่มีร่างสูงของพี่ทัตนั่งอยู่แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนมานั่งตรงโซฟาคู่แล้ว

     

                สงสัยการนั่งข้างพี่แอลจะอึดอัด

    45%
     

                ฉันเผลอหันไปมองร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโซฟาคู่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้แววตาของอีกฝ่ายต่างออกไป แววตาที่ฉายแววอบอุ่น แววตาที่ทำให้รับรู้ได้ถึงแล้วเป็นห่วง และมันทำให้ฉันคิดถึงใครอีกคน

                .

                .

              “เป็นไงบ้าง” ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงถามขึ้นทันทีเมื่อฉันลืมตาขึ้น

     

              “อื้อ ปวดหัว” ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงรับรู้ได้ว่าโลกหมุนเมื่อฉันพยามลุกขึ้นนั่ง นั้นทำให้ร่างสูงรีบช่วยประคองร่างนั้นให้ลุกขึ้นนั่ง

     

              “ก็บอกแล้วว่าอย่าตากฝน เราป่วยง่ายนะกันย์” ร่างสูงบ่น

     

              “ช่วยไม่ได้ ก็มันลืมร่มไว้ที่บ้าน” ร่างบางบ่นและเธอรับรู้ได้ทันทีว่าเสียงเธอแหบแค่ไหน

     

              “เฮ้อ วันหลังอย่าตากฝนอีกนะ เราเป็นห่วง รู้ไหม” ร่างสูงตรงหน้าพูดขึ้น แววตาฉายชัดถึงความเป็นห่วง ก่อนส่งฝ่ามือใหญ่มาขยี้หัวทุยของร่างเล็กตรงหน้ามอบความอบอุ่นให้เธอ

              .

              .

              ฉากความทรงจำฉายชัดในหัวฉัน และนั้นทำให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากอย่างไม่หยุด รู้ว่าเหล้าไม่ได้ช่วยให้ลืมความเจ็บปวดนี้ แต่ถ้าเหล้าจนหลับไปเลยก็คงจะดีกว่านี้ ฉันรู้ตอนนี้สติฉันไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว ในจังหวะเดียวกันเสียงดนตรีก็เล่นเพลงที่ดังอยู่ในช่วงนี้เพราะถูกนำมาแข่งขันในรายการ

             

                เมื่อเธอเลือกอยู่กับเขา ตัวฉันคุกเข่าสั่นไหว

    ใจนักเลงจึงปวดร้าวเจียนตาย ปล่อยเธอไปตามใจเธอต้องการ

    จะยอมให้สั่งและตัดสิน ว่าฉันต้องถูกทอดทิ้ง

    เรานั้นมันไม่อาจฝืนความจริง ได้แต่ยิ้มอวยพรให้ไปดี

     

    ตอนนี้คงมีความสุขอยู่สินะ กับเธอคนนั้น ไม่ต้องคบแบบหลบๆซ่อนๆแล้วสินะ ความอบอุ่นนั้นที่ฉันเคยได้รับมันเป็นของเธอคนนั้นเป็นแล้วสินะ เธอคงมีความสุขดี แล้วทำไมมีแค่ฉันที่ยังจำทุกสัมผัสของเธอได้กันนะ

     

    ฉันได้แต่คิดในใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่แอลที่มองฉันอยู่

     

    ฉันคงไปทำหน้าเศร้าให้เขาสังเกตเห็นสินะ

     

    พี่แอลละสายตาจากฉันก่อนจะดื่มเหล้าต่อไปเงียบๆ

     

    เป็นแบบพี่จะดีไหม เย็นชาแบบนั้นจะเคยรู้สึกเจ็บปวดไหมนะ

     

    ฉันรู้สึกเหมือนมีดวงตาอีกคู่มองอยู่ และทันทีที่ฉันเงยหน้าก็เห็นว่าพี่ทัตนั้นเองที่จ้องฉันอยู่ ความรู้สึกบางอย่างที่ฉันได้รับจากร่างสูง มันทำให้ฉันอย่างไขว่คว้าไว้

    (END : GUN SIDE)

    ดูเหมือนร่างกายจะก่อนความคิด ตอนนี้กันย์ถึงได้นั่งลงตรงข้างร่างสูงของทัตเรียบร้อยแล้ว และร่างสูงก็หันมามองอย่างสงสัย

     

    “ทำไม...ฮึก...ทำไมต้องทิ้งเรา” กันย์ปล่อยโฮออกมาทันที และนั้นทำให้ร่างสูงตรงหน้าทำอะไรไม่ถูก ก่อนหันไปมองแอลเพื่อนสนิทที่แสนเย็นชาของเขา และอีกฝ่ายเพียงยักไหล่ให้ครั้งหนึ่งประหนึ่งว่า ไม่เกี่ยวกับกู น้องเข้าไปหามึงก็จัดการเอาเอง

     

    “ฮึก กอดเราได้ไหม เหมือนที่...ฮือ เคยกอดเวลา ฮึก..เราทำตัวอ่อนแอ” ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นสบตา

     

    “พี่ไม่ใช่แฟนเรานะครับ” ทัตพยามอธิบาย

     

    “ฮึก...ไม่ใช่หรอ ไม่ใช่แฟนเราหรอก” กันย์พึมพำ พร้อมขยับตัวออกห่าง เพียงครู่หนึ่งก่อนจะขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง

     

    “ถ้าไม่ใช่...ฮึก..งะ..งั้น ฮึก ช่วย..ช่วยกันย์หน่อยได้ไหม” ร่างเล็กตรงหน้าเงยหน้าสบตาพร้อมดวงตาคลอน้ำตา

     

    “พี่ช่วย...ช่วยลบมันออกไปทีได้ไหม” ร่างเล็กเอ่ยเสียงสั้น

     

    “ลบอะไร?” ทัตเอ่ยถาม

     

    “สัมผัสนั้น รอยจูบนั้น ช่วย...ฮือ..ช่วยลบมันออกไปทีได้ไหม” กันย์ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ก่อนจะเขย่าแขนของทัต

     

    “ช่วย..ฮึก..ช่วยกันย์หน่อยนะ” เสียงสั่นยังดังต่อไปเรื่อยๆ

     

    “ลบอะไรนะ แล้วจะให้พี่ลบยังไง?” ทัตถามอย่างสงสัย ก่อนทุกอย่างจะกระจ่างชัดเมื่อร่างเล็กตรงหน้าขยับนั่งคุกเข่าบนโซฟาแล้วก้มหน้าลงจูบเขา ร่างสูงผงะไปเล็กน้อยก่อนจะรับรู้ได้ถึงริมฝีปากนุ่มที่ได้สัมผัส

     

    เพียงริมฝีปากสัมผัสกันไม่ได้เป็นสัมผัสที่ล้ำลึกเหมือนที่ร่างสูงเคยพบเจอ แต่ริมฝีปากคู่นี้กลับละมุนยิ่งกว่าสายไหมที่เคยกินสมัยเด็ก ความรู้สึกแผ่ซ่านไปทั่วเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างทั้งร่าง ก่อนร่างเล็กจะผละออกไป พร้อมเผยรอยยิ้มกว้างจนดวงตากลมโตขึ้นรูปเป็นสระอิ (ฉันชอบรอยยิ้มแบบนี้จังพี่ชายย //ฟินมาก)

     

    ร่างของกันย์นั่งลงบนโซฟา แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับทัตที่ยังคงสับสนกับการกระทำของร่างตรงหน้า ก่อนร่างเล็กจะขยับเข้ามาแล้วเอนศีรษะสบกับไหล่กว้างของเขา

     

    “งื้อ ง่วงนอน ขอออออ...นอนหน่อยน้า” เสียงยานคางพูดขึ้น ก่อนทัตจะรับรู้ถึงน้ำหนักที่เทมายังหัวไหล่ของเขา

     

    เมาหรือง่วงนอนกันแน่? แล้วเมื่อกี้ทำเพื่ออะไร

     

    ทัตได้เพียงแค่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจก่อนจะใช้มือประคองศีรษะของกันย์ไว้แล้วขยับตัวออกก่อนจะค่อยๆวางร่างเล็กให้นอนลงบนโซฟาคู่ จากนั้นร่างสูงก็ขยับไปนั่งตรงที่ของตนเอง เขายังคงจ้องร่างบางของกันย์ไม่วางตา

     

    ถ้าดวงตาของเธอฉายแววมีความสุขจริงๆสักครั้ง ริมฝีปากที่ดูยังไงก็ฝืนยิ้มนั้น ถ้ามันแย้มยิ้มเพราะมีความสุขจริงๆสักครั้ง มันคงน่ามองมาเลยละนะ...กันย์

     

    “อ้าว กันย์หลับแล้วหรือ” พลอยที่กลับมาคนแรกถามร่างสูงของทัตที่นั่งอยู่

     

    “เห็นว่าน้องมันเต้นอยู่หรือไง ถามแปลกๆ” เตที่เดินตามมาติดๆค้อนเข้าให้

     

    “ก็ถามพอเป็นพิธีย่ะ เข้าใจไหมเนี่ยย” พลอยโวย ก่อนนั่งลงตรงที่ที่กันย์เคยนั่ง

     

    “งั้นกลับกันเลยไหมฟาง” พลอยถามเพื่อนสนิทผมส้มที่ยืนอยู่

     

    “ฟางกลับเลยไหม” ฟางที่กำลังชะเง้อมองหาใครสักคนอยู่ไม่ตอบ ทำให้พลอยหันไปถามย้ำอีกรอบ

     

    “อะ...เอ่อ..กลับเลยๆ กลับเลยก็ได้” ฟางว่าก่อนเดินไปปลุกกันย์ที่หลับอยู่

     

    “ทัต มึงไปส่งฟางกับน้องกันย์ด้วยนะ ยังไงก็ทางผ่านอยู่แล้ว” เตบอก ก่อนทัตจะพยักหน้ารับรู้ เป็นจังหวะที่ร่างสูงของแอลเดินกลับมา และทั้งโต๊ะก็จัดการเช็คบิลออกจากร้าน

     

    ทัตกำลังนั่งมองร่างเล็กของกันย์ที่หลับอยู่ตรงเบาะหลัง ใบหน้าที่ดูอ่อนล้านั้นให้ความรู้สึกน่าทะนุถนอมเสียจนเขาอดใจเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกหน้าของร่างเล็กไปทัดไว้ที่หู จ้องมองร่างนั้นอยู่อึดใจก่อนละสายตา แล้วนั่งรอฟางที่คุยธุระกับแอล ก่อนร่างเล็กจะเดินมาขึ้นรถด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วหันมาฝืนยิ้มให้เขา

     

    “ไปเถอะ” เสียงสั่นๆของฟางดังขึ้น

     

    “เฮ้อ ยังตัดใจไม่ได้สินะ” ทัตรู้ว่าฟางรู้สึกอย่างไรกับร่างสูงผู้เย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำแล้วขับรถออกไปทันที


    100%







     

    สวัสดีอีกรอบค่ะ นั้นพระเอกของเราโผล่มาสักที รู้สึกเหมือนแต่ละตอนเราแต่งสั้นไปไหม ฮ่าๆๆ

    ก็อย่างที่บอกเนอะ พระเอกเรื่องนี้น่ารัก แต่จะน่ารักขนาดไหนเราคงต้องรอลุ้นกัน

    ส่วนคู่รองก็มาแล้วน้า น่าจะเดากันถูกแล้วล่ะ จากนี้จะมีตอนของคู่รองมาคั่นคู่หลักเป็นพักๆไปเนอะ

    เค้าไม่รู้ว่าเคยเป็นกันไหมเวลาเห็นใครสักคนแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอีกคน

    แต่ลองถามคนรอบตัวส่วนใหญ่ก็เป็นกัน เลยเอาตรงนี้ล่ะมาทำให้เกิดเรื่อง

    พี่แอลของเรามาทั้งที่ยังไม่ได้หือ ได้อือกับใครเค้าเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆ

    ยังไงก็ฝากติดตามผลงานเซย์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยคะ ม้วฟ เลิฟยูววว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×