คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 0 - เจ็บที่เธอทำไว้ (แก้ไขรอบสอง)
(แก้ไขรอบสองโดยเปลี่ยนลูกพี่ลูกน้องจากพลอยเป็นฟางนะคะ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกคะแต่เนื้อหายังเหมือนเดิมค่ะ)
CHAPTER 0
- เจ็บที่เธอทำไว้ –
@หอพัก K
แกร๊ก แอ๊ดด
ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกฉันก็รีบเดินเข้าไป ก่อนจะวางลังใบใหญ่ที่แสนจะหนักอึ้งลงบนพื้นอย่างแรง
ตุ้บ!
ฉันมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะพบเตียงคู่ที่วางอยู่ใกล้หน้าต่าง ปลายเตียงมีชั้นวางของและโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ ก่อนที่ฉันจะหันไปเห็นห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าประตู (ถ้าจินตนาการไม่ออกให้นึกถึงหอพักแบบในหนัง Yes or No ภาคแรกนะคะ แค่มีเตียงคู่ไม่ใช่สองเตียง อิอิ)
“ให้เจ้เรียกคนมาช่วยขนของไหม เราตัวเล็กนิดเดียวเองนะกันย์” เจ้ฟาง สาวสวยเจ้าของใบหน้ารูปไข่ที่ถูกห้อมลอบไปด้วยเรือนผมสีส้มพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวกันย์ขนเอง ลังนี้หนักที่สุดแล้ว อีกอย่างกันย์ก็ไม่ได้เอาอะไรมามาก พวกของใช้ก็กะว่าจะมาซื้อเอาที่นี้เลย” ฉันตอบคนตรงหน้า
“แน่ใจนะ? โอเค ถ้างั้นมีอะไรก็เรียกเจ้ได้นะ เจ้อยู่ถัดไปอีกสองห้องนะ” เจ้ฟางเหมือนจะไม่แน่ใจว่าควรให้ฉันขนของคนเดียวจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่รบเร้าอะไรเพราะรู้ดีว่าฉันตัดสินใจแน่แล้ว ก่อนทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็ชะงักเหมือนจะนึกอะไรออก
“เราบอกว่าไม่ได้ซื้อของใช้มาหรอ งั้นให้เจ้พาไปไหม หรือถ้าเราจะไปเองเอารถไปก็ได้นะ” เจ้ฟางบอกก่อนจะก้มหากุญแจรถในกระเป๋า
เจ้กับฉันเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ และฉันก็ใฝ่ฝันมานานแล้วว่าจะมาเรียนมหาลัยเดียวกับเจ้ให้ได้ และฉันก็ทำสำเร็จ ม๊าจัดการติดต่อเจ้ฟางว่าจะให้ฉันมาอยู่ด้วย แต่ด้วยความที่ฉันไม่ค่อยชอบแชร์ห้องกับใคร ม๊าเลยตัดสินใจให้มาอยู่หอพักเดียวกันกับเจ้แต่อยู่คนละห้อง
เจ้ออกจะมีฐานะทางบ้านที่ดีกว่า แต่ฐานะทางบ้านฉันก็ไม่ได้แย่อะไร การที่ฉันไม่มีรถจะขับไม่ได้หมายความว่าฉันจน ก็แค่เกรงใจป๊ากับม๊าเท่านั้น อีกอย่างหอพักที่ฉันอยู่ก็ไม่ได้ไกลจากตัวมหาลัยมากนัก เรื่องรถจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นสำหรับฉัน
“อ่ะนี้ ใช้เสร็จแล้วค่อยมาให้เจ้นะ” เจ้บอกก่อนจะเดินไปยังห้องของตนเอง
และทันทีที่เจ้ไปแล้ว ฉันซึ่งแกล้งปั้นหน้าว่าเป็นน้องสาวที่ร่าเริงก็เหมือนถอดหน้ากากออก ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าดวงตาฉันหม่นลงแค่ไหนก็ตอนที่ได้สำรวจใบหน้าตัวเองในกระจก ฉันอาจเป็นคนที่แกล้งร่าเริงได้เนียนมาก แต่ก็มักจะแสดงอารมณ์จริงๆออกมาก็เมื่อไม่มีคนอยู่ด้วย หรือตอนที่ฉันจมอยู่กับความคิดตัวเอง
เหม่ออยู่ได้ไม่นาน ฉันก็เดินลงไปขนของที่เหลือต่อทันที
ตุ้บ!
“ครบ” ฉันว่าหลังจากที่วางลังใบสุดท้ายลงกับพื้นห้อง
ฉันจัดการแกะกล่องลังแล้วจัดของให้เข้าที่เข้าทางทันที จัดไปได้สักพักใหญ่ๆก็เสร็จเรียบร้อย ฉันหันไปมองนาฬิกาลายลิงที่ตั้งอยู่บนลิ้นชักข้างเตียงก่อนจะพบว่านี้พึ่งจะบ่ายโมง ฉันมาถึงที่นี้ตั้งแต่เช้า และยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอย่างจริงจัง
ฉันจึงหยิบกุญแจรถที่เจ้ให้ไว้แล้วเดินตรงไปยังลิฟท์ของหอพัก ก่อนจะลงไปยังลานจอดรถ แต่แล้ว..
.
.
.
ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเจ้ไม่ได้บอกว่ารถของเจ้คันไหน สีอะไรหรือแม้กระทั่งรุ่นอะไร แต่เมื่อฉันมาถึงลานจอดรถฉันก็ลองกดปุ่มปลดล็อคดู เสียงดัวมาจากด้านหน้าไม่ใกล้มากนัก ฉันเดินไปเล็กน้อยก่อนจะกดอีกครั้ง และเป๊ะเมื่อฉันกดปุ่มปลดล็อค เจ้ารถคันงามที่อยู่ด้านซ้ายมือฉันก็กระพริบไฟหนึ่งทีและส่งเสียงออกมาประมาณว่า ฉันนี้ล่ะ จะเสียบได้พอดีกับกุญแจที่เธอมีอยู่
ฉันขึ้นไปนั่งบนรถ และขับรถไปยังห้างที่อยู่ใกล้ๆหอพักทันที ฉันจอดรถและตรงดิ่งไปยังศูนย์อาหารเพื่อหาอะไรทาน และหลังจากทานเสร็จ ฉันก็ไปเดินซื้อของต่อทันที
ขณะที่ฉันเลือกยาสระผมอยู่นั้น ฉันก็บังเอิญเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย มันทำให้ฉันชะงักไป ก่อนจะได้สติและเห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่ฉันกำลังคิดถึงอยู่
.
.
.
‘เลิกกันเหอะ เธอแม่งไม่เคยคิดจะพยามรักษาความสัมพันธ์ของเราสองคนเลยว่ะ’ เสียงร่างสูงเอ่ยขึ้นเหมือนจะตัดพ้อ
‘อื้ม เลิกกันก็ดี’ ร่างเล็กพูดขึ้น พยามควบคุมน้ำเสียงให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เหมือนกับว่าเธอไม่รู้สึกอะไร
‘จนวินาทีสุดท้ายเธอก็ไม่คิดจะยื้อเราจริงๆสินะ’ เสียงชายหนุ่มคนเดิมพูดขึ้น
...แล้วจะยื้อทำไมในเมื่อเธอก็มีเขาอีกคนอยู่แล้ว...
‘ใช่ ก็ไม่รู้จะยื้อกันไปทำไม’ ร่างเล็กตอบกลับ เธอก็ได้แค่เก็บมันไว้ในใจ รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังโยนความผิดทุกอย่างให้ตัวเธอเอง ทั้งๆที่เขาก็แค่มีคนใหม่ไปแล้วเท่านั้นเอง แต่เธอก็เลือกที่จะปิดเงียบ เลือกที่จะทำเหมือนกับเธอไม่รู้
..เลือกที่จะเป็นยัยหน้าโง่จนวินาทีสุดท้าย
‘เหอะ ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง เราถึงได้เลิกกัน’ ร่างสูงพูดขึ้นน้ำเสียงคล้ายดูถูก
‘เราก็เป็นแบบนี้นานแล้ว จะไปก็ไปเถอะ อย่ามาตอกย้ำ’ ร่างเล็กเลือกที่จะนิ่ง ทั้งๆที่อยากจะตะโกนใส่หน้าร่างสูงว่าเธอรู้ว่าทำไมความสัมพันธ์นี้ถึงจบลง
‘ก็ดี จบๆกันไปซะที น่าเบื่อ!’ ร่างสูงสบถแล้วเดินจากไป
‘อื้ม น่าเบื่อเหมือนกัน เบื่อที่จะต้องมานั่งแกล้งโง่ไปวันๆ’ ร่างเล็กได้แค่พูดกับตนเอง
เพราะเธอเป็นแบบนี้...เพราะเธอเลือกที่จะเงียบ...เพราะเธอเลือกที่จะแกล้งโง่...มันก็เลยต้องจบลงเหมือนเธอเป็นคนผิด...
แต่ก็อย่างที่รู้กัน..คนที่เงียบอาจจะเป็นคนที่เจ็บกว่า...และคนที่ดูเหมือนจะโง่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย
‘ดีแล้วล่ะกันย์ ฮึก..มันจบไปแล้ว...ไม่ต้องทนแล้ว ฮึก..ไม่ต้องร้องไห้ให้ผู้ชายสารเลวแบบนั้นอีกแล้ว ฮึก..ฮือ... แล้วแกจะร้องไห้อีกทำไม!!!’ ร่างเล็กเดินไปก็พึมพำกับตนเองไปพร้อมร้องไห้ไปด้วย
ดูเหมือนจะเข้มแข็ง...แต่จริงๆข้างในโคตรจะอ่อนแอ
.
.
.
ฉากความทรงจำที่ฉันไม่อยากจำ ได้ฉายชัดขึ้นในความคิด เหมือนเทปที่เล่นซ้ำไปซ้ำมา และมันทำให้น้ำตาฉันเอ่อคลอทันที ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ สงบสติอารมณ์อยู่สักพัก ก่อนจะเดินเลือกซื้อของจนเสร็จ แล้วขับรถกลับหอพักทันที
.
เหมือนฉันจะลืมมันได้ แต่ฉันก็ไม่เคยลืมมันได้เลยสักวินาที
(เค้ารีเขียนใหม่นะ เพราะว่ารู้สึกว่าบรรยายได้ไม่ดี)
ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากเนอะ น่าเบื่อหน่อย
แต่พยามเล่าชีวิตของนางเอกเราว่าเธอเจออะไรมา
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านค่ะมากๆค่ะ ขอบคุณด้วยใจจริง
ความคิดเห็น