คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Ch.4 White Serpent
Ch. 4
White
Serpent
ตั้งแต่วันนั้นที่ศาสตราจารย์ฮโยจองมาหามินฮยอกที่ห้องพยาบาล
เขาก็รู้สึกถึงสายตาแปลกๆของเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่จ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่หายดีและออกจากห้องพยาบาลได้
แถมพักนี้ดงมินก็ชอบมาหาเขาบ่อยๆในช่วงพักกลางวัน ยิ่งโหมไฟของข่าวลือว่ามินฮยอกกับดงมินคบกันให้แรงขึ้นไปอีก มินฮยอกจึงต้องลี้ภัยมาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านตัวเอง
“นายไม่คิดจะแก้ข่าวหน่อยหรอ
มินฮยอก” ยูจองว่าระหว่างที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
“ไม่อ่ะ
บอกไปยังไงพวกเขาก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี” คนผมสีขนกาที่มีแถบไฮไลท์สีส้มแดงแซมอยู่ตอบเพื่อนตัวเล็กของตน
มินฮยอกนอนอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่ยืมมาจากห้องสมุดกินพื้นที่โซฟาหน้าเตาผิงไปทั้งหมด “อีกอย่าง ข่าวลือก็มีอยู่ได้ไม่นานหรอก อีกสักพักก็คงซาลงไป”
“ไม่อยากแก้เพราะว่าขี้เกียจหรือว่าเป็นเรื่องจริงกันล่ะ?”
เสียงนิ่งๆของคังชานฮีดังขึ้นด้านหลังโซฟา
“ก็เหมือนกับเรื่องนายกับรุ่นพี่โรอุนนั่นแหละ
เรื่องนี้ก็ดูท่าว่าจะเป็นหัวข้อใหญ่อีกเรื่องนะ” มินฮยอกลุกขึ้นมาสวนกลับทันควัน
ปล่อยให้ชานฮีนิ่งไปจนเหมือนโดนสาปให้กลายเป็นหิน
“แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ข่าวลือ”
มินฮยอกว่า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปาก เขาค่อนข้างมั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างโรอุนกับชานฮี
เพราะเขาบังเอิญไปเห็นทั้งคู่นัดเจอกันที่หน้าห้องน้ำชายชั้นสามตอนที่เขาเพิ่งจัดการย้อมผมของตัวเองเสร็จ
“ชานฮี....ทำไมเงียบล่ะ”
หนังสือในมือของยูจองดูด้อยค่าลงไปเลยเมื่อมินฮยอกพูดถึงเรื่องของชานฮี
เธอปิดมันและวางลงไปที่ตักของตน “หรือว่ามันจะจริง?...”
“ฉันว่าเรารีบเตรียมตัวไปเรียนคาบต่อไปกันดีกว่า
ช่วงพักกลางวันจะหมดแล้ว”
ชานฮีที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นในทันที
มินฮยอกเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้น รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าเมื่อยูจองมองหน้าเขาด้วยความต้องการคาดคั้นความจริงออกจากปากของเขา
“ไว้ค่อยหาเวลาขอโทษเจ้านั่นละกัน”
มินฮยอกยักไหล่ เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอีกคน ทิ้งยูจองให้นั่งทำหน้างงอยู่คนเดียว
“เจ้าบ้า!!
บอกฉันก่อนสิยะ!!”
ยูจองเดินตามพวกมินฮยอกจนมาถึงนอกปราสาท
พยายามที่จะคาดคั้นคำตอบจากพวกเขาแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มกวนประสาทจากมินฮยอกกับใบหน้านิ่งๆของชานฮีที่ตอนนี้ดูใจเย็นลงแล้ว
ยูจองจึงหยิกเข้าไปที่หลังของเพื่อนชายทั้งสองจนร้องโอดโอย
“มาร์คน่าจะอยู่ด้วย
เสียดายจัง คงจะหยุดเสียงยัยนี่ได้” มินฮยอกบ่นถึงเพื่อนอีกคนที่ไม่อยู่
เพราะมาร์คได้เลือกวิชาเสริมคนละอย่างกับเขา
“แย่หน่อยนะจ๊ะ
พ่อซีคเกอร์เนื้อหอม” ยูจองเยาะเย้ยอีกฝ่าย
“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง”
“ถามชานฮีเอาสิ
แต่ไม่รู้ว่าจะตอบเธอหรือเปล่านะ” เจ้าของผมสีปีกกาแซมแดงพยักพเยิดไปทางเพื่อนอีกคนที่กำลังเดินอยู่เงียบๆ
“ค่อยบอกทีหลังได้ไหม?”
ชานฮีหันมาทำหน้าขอร้องใส่ยูจอง ซึ่งเธอไม่ใช่คนพูดยากอะไรจึงตอบตกลง
ทั้งสามคนหยุดอยู่ที่ด้านหน้าทุ่งหญ้าโล่งกว้างหลังปราสาทสำหรับเรียนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ
มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่มาถึงก่อนนักเรียนคนอื่นๆ
ศาสตราจารย์ประจำวิชากำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ตรงกลางทุ่งหญ้า
ในมือของเขามีสัตว์คล้ายตัวตุ่นปากเป็ดแต่ตัวอ้วนกว่าและมีขนสีดำ เขาจับมันห้อยหัวและเขย่าก่อนจะมีของมีแสงระยิบระยับหล่นออกจากกระเป๋าหน้าท้องของมัน
รวมไปถึงต่างหูที่หายไปของมินฮยอกด้วย
“นั่นต่างหูผม!”
มินฮยอกตะโกนขึ้น เรียกความสนใจของศาสตราจารย์ประจำวิชาให้หันไปหาเขา
ขาเรียวของมินฮยอกพาร่างของเขาไปใกล้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ขโมยของนักเรียนอีกแล้วนะเจ้าตัวแสบ”
ชายหนุ่มว่าก่อนจะส่งสายตาคาดโทษให้กับสัตว์ประหลาดในมือก่อนจะให้มินฮยอกหยิบต่างหูของเขาที่ถูกขโมย
“นั่นตัวอะไรหรอฮะศาสตราจารย์โยซอบ”
เด็กชายเก็บต่างหูของต้นไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วมองไปที่สัตว์ตัวอ้วน
ก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะเดินเข้ามาสมทบ
“นิฟเฟลอร์น่ะ
แต่ฉันจะบอกแค่นี้ก่อนนะ เพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบนักเรียนคนอื่น”
ศาสตารจารย์ตาโตว่าขณะกำลังเขย่านิฟเฟลอร์อีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในตัวของมันอีก
เสียงจอแจของนักเรียนคนอื่นๆเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ
เป็นสัญญาณว่าคาบเรียนกำลังจะเริ่มขึ้น
โชคดีของมินฮยอกที่ไม่ต้องเรียนรวมกับพวกสลิธีรินในคาบนี้
แต่แลกมาด้วยการเรียนร่วมกับเรเวนคลอที่กำลังจ้องเขาอย่างสนอกสนใจ ซึ่งบางสายตาก็ไม่เป็นมิตรนัก
“ไปรวมกับคนอื่นได้แล้ว”
ศาสตราจารย์ตัวเล็กว่าพลางอุ้มตัวนิฟเฟลอร์ให้อยู่นิ่งๆแล้วกอดมันไว้อย่างแน่นหนา
พวกมินฮยอกเดินกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับนักเรียนคนอื่นๆ เสียงซุบซิบยังคงเกี่ยวกับเรื่องของเขากับดงมิน
มันทำให้มินฮยอกรำคาญใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นหรือแสดงอาการไม่ชอบใจอย่างใด
“สวัสดีนักเรียนทุกคน
วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ ไหนใครตอบได้บ้างว่าเจ้านี่เรียกว่าอะไร
ยกเว้นสามคนที่มาถึงก่อนนะ” โยซอบลุกขึ้น
มือเล็กๆของเขาเกาท้องเจ้าตัวอ้วนในอ้อมแขน
มันส่งเสียงเล็กๆของมันออกมาอย่างน่ารัก
เป็นเหตุให้เสียงแหลมสูงของนักเรียนหญิงหลายคนถูกส่งออกมา
แขนเรียวยาวของผู้หญิงตัวสูงในหมู่เรเวนคลอถูกยกขึ้นเพื่อตอบคำถามของศาสตราจารย์
“คุณคิม”
โยซอบขานนามสกุลของเธอคนนั้น
ปากสีแดงสดของเธอขยับและพูดชื่อของสัตว์ในมือของชายตัวเล็ก
“เจ้าตัวนั้นเรียกว่านิฟเฟลอร์หรือเปล่าคะ?”
“ถูกต้อง
เก่งมากคุณคิมโดยอน” โยซอบยิ้ม “เจ้าตัวนี้คือนิฟเฟลอร์
มีนิสัยชอบเก็บของแวววาวมาใส่กระเป๋าหน้าท้องของมัน ตรงนี้”
เขาว่าพลางตบที่ท้องของมันเบาๆก่อนจะพูดต่อ “ซึ่งมันมีพื้นที่เยอะมากเหมือนโดนร่ายคาถาขยายพื้นที่เลยล่ะ
มันมักจะอาศัยอยู่ใต้พื้นดินประมาณ20ฟุตได้ ค่อนข้างที่จะควบคุมยากนิดหน่อย
แต่ถ้าฝึกมันดีๆมันก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีประโยชน์มากเลยล่ะนะ”
“แล้วพวกเธอรู้หรือเปล่าว่าเจ้าตัวพวกนี้ยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่าง
สิ่งนั้นมันคืออะไร คราวนี้มีคะแนนให้นะ” โยซอบถามคำถามอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่ใช่โดยอนที่เป็นคนตอบ
“ค้นหาสมบัติใต้ดินในพื้นที่ที่โดนคำสาปฮะ”
มินฮยอกกลับมาเป็นจุดเด่นอีกครั้ง
“ถูกต้อง
ให้กริฟฟินดอร์ 5 คะแนน” โยซอบดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาสะบัดก่อนกรงบรรจุนิฟเฟลอร์หลายตัวจะลอยมาตั้งด้านหลังเขา
“โดยเราจะมาเล่นเกมกัน โดยใช้ความสามารถของเจ้าพวกนิฟเฟลอร์พวกนี้
เลือกตัวที่ชอบได้เลย แต่อย่าลืมนำมาคืนหลังจบคาบด้วยนะครับ”
กรงของนิฟเฟลอร์ถูกปลดล็อค
ภายในมีนิฟเฟลอร์จำนวนหลายตัว โดยแต่ละตัวมีสีขนเข้มไม่เท่ากันแต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นโทนสีดำ
นักเรียนทั้งหมดกรูเข้าไปเลือกนิฟเฟลอร์ที่ตัวเองชอบ
เหลือไว้เพียงแค่มินฮยอกที่ยืนดูอยู่ด้านนอก
“ไม่เข้าไปเลือกหรอคุณพัค?”
โยซอบเดินมาหาเขาด้วยความแปลกใจ
“ผมรอให้คนอื่นเลือกก่อนดีกว่า
ผมไม่ชอบการตะลุมบอนสักเท่าไหร่น่ะฮะ”
มินฮยอกยิ้มบางๆก่อนเกือบจะหงายหลังลงไปเมื่อมีนิฟเฟลอร์หนึ่งตัวปีนออกมาจากกรงแล้วกระโดดขึ้นมาเกาะที่หน้าของเขาพอดิบพอดี
“เจ้าตัวนี้ไม่ค่อยอยากมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์สักเท่าไหร่เลยนะครับโดยปกติแล้ว”
โยซอบกล่าวอย่างประหลาดใจ “ดูท่าเจ้าตัวนี้จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากคุณแน่ๆ”
“รุนแรงจังเลยนะเจ้าอ้วน”
มินฮยอกที่อยู่บนพื้นดึงนิฟเฟลอร์ที่กำลังเกาะหน้าของตนออกจากการเกาะกุมก่อนจะยิ้มให้มัน
“แล้วจะเอามันมาทำอะไรหรอฮะ?”
“ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไงล่ะ”
โยซอบยิ้มก่อนจะเกาคางเจ้าตัวที่อยู่ในอ้อมอกตัวเอง
“เอาล่ะทุกคน
เลือกกันหมดแล้วใช่ไหม” นักเรียนทุกคนในพื้นที่ขานรับ “ดีมาก
ใต้ทุ่งหญ้าพวกนี้ฉันฝังเหรียญทองเอาไว้ ให้ใช้นิฟเฟลอร์ของแต่ละคนหามัน
ใครหาได้มากที่สุดฉันมีรางวัลให้”
“อ้อ
แล้วถ้าคิดจะขโมยล่ะก็ไม่มีประโยชน์หรอก
เพราะเมื่อเกมจบเหรียญพวกนี้ก็จะหายกลายเป็นอากาศยังไงล่ะ”
โยซอบยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าผิดหวังของเด็กชายบางคน “เริ่มได้!”
นิฟเฟลอร์ของมินฮยอกกระโดดออกจากมือของเขาในทันทีเมื่อได้รับสัญญาณ
มันดมวนรอบๆพื้นที่ที่โยซอบยืนอยู่ก่อนที่มันจะลงมือขุดอย่างรวดเร็ว
ในนั้นมีเหรียญทองฝังไว้อยู่สองเหรียญ และเหรียญที่สามก็ตามมาเมื่อมันขุดลึกลงไปอีก
“เก่งแฮะ”
มินฮยอกมองอย่างอึ้งๆก่อนจะวิ่งตามนิฟเฟลอร์ของเขาที่กำลังวิ่งห่างออกไปจากคนอื่นๆโดยที่โยซอบไม่ทันสังเกตเห็น ระหว่างทางมันก็ขุดไปเรื่อยๆจนเขาได้มามากกว่าสิบเหรียญแล้ว
นิฟเฟลอร์ของมินฮยอกหยุดอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะส่งเสียงขู่สิ่งที่อยู่บนนั้น
มินฮยอกเดินเข้าไปใกล้มันและอุ้มมันขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นไม้
บนนั้นปรากฏงูเหลือมยักษ์ตัวสีขาวตลอดทั้งตัว
นัยน์ตาของมันที่เป็นสีฟ้ากำลังจ้องเขาอยู่ ตาดำของมันที่เป็นรูปขีดขยับเล็กน้อยขณะกำลังเลื้อยลงมาจากต้นไม้
เป้าหมายของมันคือมินฮยอก ลิ้นแฉกสีเนื้อของมันผลุบออกจากปากและสั่นเป็นจังหวะ
“นายคงไม่เป็นอันตราย
ใช่ไหม?” มินฮยอกพยายามทำใจดีสู้เสือ น้ำลายหนืดถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก
เขากระชับนิฟเฟลอร์ในแขนให้แน่นขึ้น เจ้าตัวอ้วนรีบมุดเข้าไปในเสื้อคลุมของมินฮยอกแทบจะในทันที
ไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุมของเขาส่งเสียงโน้ตดนตรีเสียงต่ำๆขึ้นมา
งูยักษ์ตัวสีขาวนั้นหยุดไปเสียดื้อๆเมื่อหน้าของมันตรงกับมินฮยอกพอดี
ก่อนที่มันจะยื่นหน้ามาใกล้ใบหน้าของเขาแล้วเลื้อยไปรอบๆราวกับสำรวจ
แต่อยู่ๆมินฮยอกก็ได้ยินเสียงนุ่มที่คุ้นหูออกมาจากงูยักษ์ที่กำลังคลออยู่ข้างหูเขา
“ย้อมผม?”
“พ-พูดกับผมหรอ?”
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขากำลังหูฝาดเพราะความกลัว ใครจะไม่สติแตกเมื่อมีงูยักษ์ยาวมากกว่าสามเมตรกำลังจะพันรอบตัวล่ะ
มินฮยอกเกร็งไปทั้งตัวเมื่อเสียงฟ่อดังข้างหูเข้าอีกครั้งก่อนจะรับรู้ถึงลิ้นเย็นๆของมันลากผ่านใบหู ไม้กายสิทธิ์ของมินฮยอกสั่นเล็กน้อย
“โฮ่?
ฟังฉันออกด้วย?” มินฮยอกค่อยๆส่งมือไปจับไม้กายสิทธิ์ที่กำลังสั่นในเสื้อคลุมของตน
“ทางที่ดีฉันว่าปล่อยไม้กายสิทธิ์ดีกว่านะ”
ไม่ผิดแน่
งูตัวนี้กำลังพูดกับเขา นิฟเฟลอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนมินฮยอกกำลังสั่นด้วยความกลัว
งูตัวสีขาวกำลังข้ามจากต้นไม้มาพันอยู่รอบตัวเขา
ส่วนหางของมันที่อยู่ใกล้นิฟเฟลอร์ที่สุดถูกเจ้าตัวอ้วนข่วนลงไปอย่างจังก่อนมันจะอ้าปากกว้างร้องฟ่อเสียงดังลั่นข้างหูของมินฮยอก
เกล็ดสีขาวสะอาดของมันตอนนี้มีรอยแผลเป็นรอยข่วนของกงเล็บนิฟเฟลอร์เสียแล้ว
นิฟเฟลอร์ตัวน้อยกรีดร้องดังลั่นดึงความสนใจของคนอื่นๆที่อยู่อีกฟากของทุ่งหญ้า
“แสบนักนะ
เจ้าอ้วน!”
เสียงนุ่มแต่เยือกเย็นปนเสียงฟ่อของมันดังขึ้นอีกครั้ง
หัวของมันหันไปหาอีกฟากของทุ่งหญ้า
เหมือนมันจะรู้ว่ากำลังมีคนมาทางนี้จึงรีบคลายตัวออกจากมินฮยอก
แต่ก่อนไปมันดันกลับฝากรอบประทับไว้ที่ข้างคอของเขาเสียนี่
เขี้ยวใสของงูยักษ์ฝังเข้าไปข้างคอสีแทนของมินฮยอกอย่างเบาแรงเหมือนกลัวว่าเขาจะเจ็บแถมมันยังเลียเลือดที่ไหลออกมาของเขาอีก
“ไว้เจอกันใหม่”
มันพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย
สัมผัสเย็นๆและน้ำหนักของงูยักษ์หายไปจากตัวมินฮยอก
มันเลื้อยหายไปในพุ่มไม้ข้างหน้าเขา มินฮยอกทรุดลงไปกับพื้นก่อนจะก้มลงมองนิฟเฟลอร์ที่กำลังทำหน้ากลัวสุดขีด
ข้างตาของมันมีหยดน้ำตากำลังไหล
“เจ้าตัวเล็ก
ไม่ต้องกลัวนะ” มินฮยอกว่าระหว่างที่กำลังกอดมันไว้
ก่อนที่จะรู้สึกถึงมือคนที่มาแตะหลังเขา และนั่นเป็นของศาสตราจารย์โยซอบ
“เกิดอะไรขึ้น”
สีหน้าเขาค่อนข้างเป็นกังวล
“ผ-ผมเจองูยักษ์”
มินฮยอกพูดอย่างตะกุกตะกัก สายตาตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด “มัน ก-กัดผมด้วย”
เขาว่าพลางเปิดคอเสื้อให้โยซอบดู
“เป็นงูไม่มีพิษน่ะ
แต่ทางที่ดีเธอควรไปห้องพยาบาลนะคุณพัค” โยซอบมีใบหน้าผ่อนคลายลงเมื่อสังเกตรอยแผล
“แล้วนิฟเฟลอร์ล่ะ?”
“ร้องไห้ครับ...
มันกำลังร้องไห้” มินฮยอกก้มมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในมือ “มันไล่งูออกไปให้ผมด้วย”
“ถึงจะขี้กลัวแต่มันดูรักเธอมากนะเนี่ย”
โยซอบก้มลงไปหานิฟเฟลอร์ตัวสีเทาของมินฮยอกก่อนจะลูบหัวแล้วอุ้มมันขึ้นมา “หนักแฮะ
เธอเก็บเหรียญไปได้เท่าไหร่เนี่ยคุณพัค”
“ประมาณ 20
กว่าเหรียญได้มั้งครับ?”
“ฉันว่าเราได้ผู้ชนะแล้วล่ะนะ”
โยซอบยิ้มก่อนจะยื่นมือให้มินฮยอกเพื่อดึงให้เขาลุกขึ้น “เอาล่ะ
กลับไปจุดรวมตัวกันเถอะ”
___________
“คอไปโดนอะไรมางั้นหรือคะ?
คุณมินฮยอก”
มาดามคังว่าระหว่างกำลังเปิดตู้ยาเพื่อหาสมุนไพรเวทมนตร์มาจัดการกับแผลบนคอของมินฮยอก
“งูกัดน่ะฮะ”
สิ้นคำ มาดามคังก็หันมาทำตาโต
“ในบริเวณฮอกวอตส์ไม่พบเจองูมานานหลายปีแล้วนะคะ
คุณไปเจอมันที่ไหนกัน?” คังโซยูมัดผมของเธอขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปใกล้มินฮยอกเพื่อสังเกตรอยแผล
“รอยไม่ลึกแต่ค่อนข้างกินพื้นที่เยอะ ไม่จำเป็นต้องแปะผ้า ทายานิดหน่อยรอยแผลก็หายไปแล้วล่ะค่ะ
โชคดีนะคะที่เป็นงูไม่มีพิษน่ะ”
“ผมเจอมันตรงต้นไม้ในทุ่งหญ้าใกล้ๆป่าต้องห้ามน่ะฮะ”
มินฮยอกว่าพลางนึกถึงรูปร่างของมัน “ตัวสีขาวตลอดทั้งตัว ตาสีฟ้า แถมตัวใหญ่มาก
ยาวมากกว่าสามเมตร”
มาดามคังบ่นใส่มินฮยอกทันทีที่เขาพูดจบ
ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการไม่ระวังตัวจนเป็นเหตุให้เขาต้องมาที่ห้องพยาบาลบ่อยครั้งจนสนิทกับเธอเสียแล้ว
ระหว่างที่เธอบ่นก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินดังเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆก่อนที่จะหยุดลงข้างตัวมินฮยอก
“บังเอิญจังเลยนะ”
เจ้าของไฮไลท์สีแดงหันไปหาต้นเสียงและพบว่าเป็นพรีเฟ็คผมสีเงินจากบ้านสลิธีริน
“ไม่ยักรู้แฮะว่าพี่จะเข้าห้องพยาบาลด้วย”
“ฉันก็เจ็บเป็นนะ
พัคมินฮยอก” มุนบินกล่าวก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเขา
“เป็นอะไรมาล่ะคะ?
คุณมุน” มาดามคังว่าระหว่างที่กำลังบดผสมยาก่อนจะนำมาแปะแผลบนคอของมินฮยอก เสื้อคลุมกับสเวตเตอร์สีเลือดหมูของเขาถูกถอดออก
กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดเล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการทำแผล
สายตาของมุนบินแอบลอบสำรวจเนื้อหนังของเขาอยู่เป็นระยะ
ลูกกระเดือกของพรีเฟ็คขยับขึ้นลงบ่อยครั้งจากการกลืนน้ำลาย
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ”
คนตัวสูงว่าก่อนจะถกขากางเกงขึ้น
ปรากฏให้เห็นรอยแผลยาวจำนวนสี่ขีดคล้ายรอยข่วนค่อนข้างลึก “ไปแหย่ตัวนีเซิลของเพื่อนนิดหน่อย
ก็เลยได้ของขวัญกลับมาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ”
“แผลลึกจัง”
ตาสีน้ำตาลไหม้ของมินฮยอกจ้องลงไปที่รอยข่วนบนขามุนบินที่กำลังถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลังจากทายาที่ทำมาจากสมุนไพรเวทมนตร์แล้ว คังโซยูขอตัวทันทีเมื่อทำแผลเสร็จหลังจากกำชับให้ทั้งสองคนกลับไปเรียนให้ทันวิชาต่อไป
“เป็นห่วงฉันหรอ?
ทั้งๆที่คบอยู่กับเจ้าเรเวนคลอนั่นน่ะนะ?” มุนบินว่า คิ้วเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
“ขอร้อง พี่บินก็รู้ว่าข่าวลือพวกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง”
คนตัวเล็กพูดเสียงงอแง เป็นใครก็ได้ที่จะเชื่อเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่มุนบิน
“ให้ตายเถอะ
มินฮยอก” มุนบินหลุดขำ ดวงตาจันทร์เสี้ยวของมุนบินถูกนำขึ้นมาประดับใบหน้าอีกครั้ง
เขายิ้มให้กับท่าทางของมินฮยอก ปรากฏให้เห็นฟันบางซี่ที่รูปร่างคล้ายขอเหมือนเขี้ยวของงู
“รู้ตัวบ้างไหมว่าน่ารัก?” มินฮยอกเงียบไปในทันทีราวกับโดนสาปให้เป็นใบ้
เขาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองเงียบๆก่อนจะสวมสเวตเตอร์และเสื้อคลุมของตนกลับเป็นเหมือนเดิม
ริ้วสีชมพูขึ้นมาที่ใบหู
“พี่บินเคยเห็นงูในฮอกวอตส์บ้างไหม?”
เปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ นี่ล่ะนิสัยของมินฮยอก มุนบินหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เลย
ไม่แม้แต่สักตัว”
“งั้นหรอ..”
มินฮยอกมองลงไปที่พื้นก่อนจะนึกอะไรออก
“ผมได้คูปองส่วนลดขนมร้านน้ำชาคุณนายพัดดิฟุทมา
ช่วงวันหยุดนี้พี่ว่างหรือเปล่า? พยายามชวนเพื่อนแล้วแต่ก็ปฏิเสธทุกคนเลย”
“ที่ได้มาจากเกมหาเหรียญของศาสตราจารย์โยซอบนั่นน่ะนะ?”
คนผมสีเงินเลิกคิ้วขึ้น
“พี่รู้ได้ไง?”
“ฉันก็ลงเรียนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษเมื่อตอนปีสี่เหมือนกันนะ
แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ”
“กำลังชวนฉันออกเดทอยู่หรือไง
มินฮยอก?” มุนบินดึงความสนใจกลับมาสู่ร้านน้ำชาของคุณนายพัดดิฟุท
แขนทั้งสองข้างของมุนบินถูกยกขึ้นมากอดไว้ที่ออกของเขา
มุมปากยกยิ้มแหย่ให้กับอีกฝ่าย ใครๆก็รู้ว่าร้านน้ำชานั่นเป็นสถานที่ที่นักเรียนในฮอกวอตส์ทุกคนมักจะชวนกันไปออกเดท
“ป-เปล่า...
ผมก็แค่ชอบกินขนม พี่บินไปนะ นะ” จริงๆมินฮยอกก็เขินอยู่เหมือนกัน
แต่ขนมเค้กในร้านน้ำชานั่นมันอร่อยเสียจนเขาทนไม่ได้ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง
ขอแค่ให้เขาได้กินขนมในร้านก็พอ น้ำเสียงอ้อนที่ถูกนำมาใช้ไม่บ่อยของมินฮยอกถูกใช้กับมุนบิน
“อยากกินขนม
ไปฮันนี่ดุ้กส์ไม่ดีกว่าหรอ?” มุนบินแหย่อีกคนเล่นอีกครั้ง
“ถ้าพี่ไม่อยากไป
ผมไปคนเดียวก็ได้” มินฮยอกลุกขึ้น สายตาแสดงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
ในเมื่อลูกอ้อนของเขาใช้ไม่ได้ผล มินฮยอกก็จะไม่เซ้าซี้อีกคนต่อ
ขาเรียวของเขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะพาตัวเองออกไปจากห้องพยาบาล
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือของเขาถูกดึงไว้
“ใครบอกไม่อยากไป”
มุนบินลุกขึ้นหลังจากพูดจบ
ในมือขาวของเขายังมีอวัยวะเดียวกันของมินฮยอกไว้อยู่
เดินนำคนตัวเล็กกว่าออกจากห้องพยาบาล
“ต่อไปเรียนอะไร?”
“ป-ป้องกันตัวจากศาสตร์มืดฮะ
ทำไม--” มินฮยอกตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของรุ่นพี่ พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็ถูกอีกคนขัดเสียก่อน
“เดี๋ยวพาไปส่ง”
ไม่ว่าเปล่า มุนบินกระชับมืออีกฝ่ายให้แน่นขึ้นเดินผ่านฝูงคนที่กำลังเดินอยู่ที่ทางเดินของปราสาท มินฮยอกเดินตามอย่างว่าง่ายพลางหลบสายตาผุ้คนที่กำลังมองมาที่พวกเขา ความร้อนและริ้วสีชมพูปรากฏขึ้นที่ใบหูอีกครั้งเมื่อมินฮยอกมองมือของตนที่กำลังถูกอีกคนจับเอาไว้ เสียงซุบซิบดังขึ้นระงมทุกที่ที่พวกเขาเดินผ่าน มุนบินและมินฮยอกเดินผ่านนักเรียนฮอกวอตส์จนมาถึงชั้นสามของหอคอยเทอร์นิสเมกัสก่อนจะหยุดลงที่หน้าห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
“เจอกันวันเสาร์ที่หน้าประตูปราสาท”
มุนบินกระซิบข้างหูมินฮยอกก่อนจะเป่าลมใส่แล้วยกยิ้มก่อนจะเดินหายไป ทิ้งให้มินฮยอกยืนนิ่งอยู่หน้าห้องเรียนก่อนจะถูกทักด้วยผีขี้แกล้งของฮอกวอตส์ในชุดตัวตลก
“เจ้าหนูไฮไลท์แดงคนนี้นี่เนื้อหอมจังเลยน้า~”
เสียงของมันมีเสียงสะท้อนเล็กน้อย ซึ่งนั่นเป็นธรรมชาติของผีอยู่แล้ว
“พีฟส์! ผมตกใจนะ!” ผีโพลเตอร์ไกส์เจ้าของชื่อพีฟส์หัวเราะคิกคักอย่างยียวนใส่มินฮยอก
สร้างความรำคาญให้กับเขาไม่น้อย
“คนนั้นก็มาจีบ
คนนี้ก็มาแกล้ง เด็กสมัยนี้นี่มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงๆ”
เสียงแหลมสูงของผีในชุดตัวตลกดังขึ้นอีกครั้ง มันลอยผ่านตัวมินฮยอก
สัมผัสเย็นวาบแล่นไปทั่วตัวของเด็กชาย
“ข่าวลือกับเด็กเรเวนคลอคนนั้นยังไม่ทันหายไปก็มีอีกคนเข้ามาแล้ว
สมัยนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ? อ๋อ! ฮ็อทจริงๆเลยนะเจ้าหนูพัคมินฮยอก” จบประโยคพีฟส์ก็หัวเราะปากกว้าง
ทิ้งให้มินฮยอกยืนมองมันนิ่งๆอยู่ตรงนั้น
“วัดดิวาซี”
เสียงร่ายคาถาของมินฮยอกดังขึ้นก่อนจะมีหมากฝรั่งพุ่งออกจากไม้กายสิทธิ์สีสวยของเขาเข้าสู่หลอดลมของพีฟส์จนมันสำลัก
“ไปไกลๆเลยนะพีฟส์
ไม่ตลกด้วย” เจ้าของผมไฮไลท์แยกเขี้ยว
สายตาของเขาดุเหมือนกับแมวป่าตัวโตที่เป็นสัญลักษณ์ประจำบ้านของเขา พีฟส์ลอยหายไปในกำแพงระหว่างที่กำลังชี้หน้าเขาและมองมินฮยอกด้วยสายตาคาดโทษ
มินฮยอกจึงเตรียมร่ายคาถาอีกครั้ง พีฟส์เห็นดังนั้นก็รีบหายตัวออกไปจากตรงนั้นทันที
“มาเร็วตลอดเลยนะครับ
คุณพัค” ศาสตราจารย์ประจำวิชาที่กำลังนั่งรอนักเรียนในห้องกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่ามินฮยอกเปิดประตูเข้ามาในห้องเป็นคนแรก
เขามองใบหน้าอันบูดบึ้งของมินฮยอกก่อนจะกล่าวออกมา “ผมเดาว่าคุณไปเจอพีฟส์มาล่ะสิท่า”
มินฮยอกตอบเป็นการพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตน
ศาสตราจารย์หนุ่มหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะปลอบให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
สักพักก็มีนักเรียนคนอื่นๆเดินเข้ามาในห้อง นั่งประจำที่ของตนจนไร้ที่ว่าง
โชคไม่ดีที่คาบนี้เขาต้องเรียนร่วมกับสลิธีริน
มินฮยอกพยายามจะไม่สนใจคิมเยริมที่คอยต่อล้อต่อเถียงกับเขามากนัก เพราะเขาอาจจะเผลอสาปให้ยัยนั่นกลายเป็นหมูหากเขาทนไม่ไหวขึ้นมา
“มากันครบแล้ว
ผมขอเริ่มสอนเลยก็แล้วกัน” เสียงนุ่มของศาสตราจารย์รูปหล่อประจำวิชาดังขึ้นก่อนการเรียนการสอนจะเริ่มขึ้น
มินฮยอกอาจจะมีสายตาจดจ่อกับสิ่งที่ศาสตราจารย์กำลังสอนอยู่ข้างหน้าก็จริง
แต่ใครจะไปรู้ว่าในหัวของเขามีแต่ความคิดที่ว่า เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์เร็วๆ
--------
Let's Talk!
งู งองู งูเงี้ยวเขี้ยวขอ งูตัวนี้ออกมาบ่อยแน่นอนค่ะไม่ต้องห่วง
แฮ่
เผื่อใครนึกผมมินฮยอกกับเจ้าตัวนิฟเฟลอร์ไม่ออก
ขออนุญาตแปะรูปค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า
นี่ผมน้อง
นี่นิฟเฟลอร์
#สลิธีรินคนนั้น
ความคิดเห็น