คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Ch.3 Hospital Wing
Ch. 3
Hospital
Wing
“ดีนะคะเนี่ยที่เธอไม่เป็นอะไรมากน่ะ
คุณมินฮยอก” มาดามคังที่ประจำอยู่ห้องพยาบาลว่า
ที่เธอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากคือการที่มินฮยอกแขนหัก มีแผลที่สะโพกยาวจนถึงเอว
หางคิ้วด้านซ้ายแตก และอาการช้ำที่ก้นกบ แถมยังสลบตั้งแต่ตอนเย็นวานนี้ยาวจนถึงก่อนหน้าปัจจุบัน
“นี่ขนาดไม่เป็นอะไรมากนะฮะเนี่ย”
มินฮยอกที่เพิ่งฟื้นว่าอย่างติดตลก
เขาขำน้อยๆแต่ก็ต้องหยุดไปเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บที่คิ้วของเขา
“ควิดดิชก็แบบนี้แหละค่ะ
มีคนเจ็บกว่าคุณอีกตั้งเยอะ กรณีของคุณถือว่าธรรมดามากเลยนะคะกับการตกจากไม้กวาดน่ะ”
มาดามคังพูดต่อระหว่างที่กำลังหยิบสมุนไพรและขวดยาต่างๆ
บนชั้นก่อนจะเดินมาที่เตียงของมินฮยอก เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาสะบัดเบาๆ
ก็มีผ้าพันแผลวางอยู่บนเตียงข้างๆ
“ฉันละเบื่อช่วงควิดดิชจริงๆ
ไม่มีใครหรอกนะคะที่อยากเห็นนักเรียนเข้าออกห้องพยาบาลบ่อยๆ”
ใบหน้าแสนใจดีขมวดคิ้วพลางล้างแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้กับมินฮยอกอย่างเบามือ
เมื่อเสร็จ เธอก็หยิบชามยาน้ำสีเข้มมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
“กรุณาดื่มมันให้หมดแล้วนอนพักด้วยนะคะ ถ้าคุณอยากจะออกไปจากห้องนี้เร็วๆ”
เธอว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้แค่มินฮยอกที่นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง
“ขมจนแทบเป็นบ้า
แหวะ จะอ้วก” มินฮยอกว่าหลังจากที่ได้จิบยานั้นลงไปเพียงหนึ่งอึกเล็กๆ
ก่อนจะวางมันทิ้งไว้อยู่ที่เดิม ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเพราะรสขม
“แต่ถ้าไม่กินนายจะไม่หายนะ
มินฮยอก” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นมาจากปลายเตียงของเจ้าของชื่อ มินฮยอกหันไปหาต้นตอของเสียงก่อนจะยิ้มออกมา
“พี่อึนอู
ตื่นเช้าจัง” มินฮยอกเรียกกัปตันทีมควิดดิชของเรเวนคลออย่างสนิทสนม
“ไม่เอา ไม่เรียกชื่อนี้
ชื่อนี้คนอื่นเรียก” อึนอูว่าก่อนจะลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างๆ เตียงเพื่อนตัวน้อยที่เคยเล่นด้วยกันสมัยเด็กจากความสนิทสนมของพี่สาว
มินฮยอกทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“มินฮยอกไม่ใช่คนอื่น”
อึนอูว่าหลังจากได้ยินสิ่งที่คนตัวเล็กคิด
มินฮยอกลืมไปเสียสนิทว่าอึนอูเป็นเลจิลิเมนส์
“พี่ดงมินอย่าแอบอ่านใจคนอื่นสิ
พอติดเป็นนิสัยแล้วมันจะแก้ไม่หายนะรู้ไหม?” ชื่อจริงของชาอึนอูถูกส่งออกมากจากปากสีสวยของมินฮยอก
สายตาเง้างอนถูกส่งให้กับคนแก่กว่า
“พอเป็นเรื่องของมินฮยอกพี่ก็อยากรู้ไปหมดนี่นา
พี่ผิดหรอครับ?” สายตาลูกหมาที่ดงมินมักจะใช้กับพี่สาวของเขาบ่อยๆ และกับมินฮยอกในบางครั้ง
ถูกนำออกมาใช้ มือของเขาจับไปที่มือของมินฮยอกที่วางอยู่บนเตียงแล้ววนนิ้วโป้งบนหลังมือของซีคเกอร์คนเก่งที่เพิ่งตกจากไม้กวาด
“มาไม้นี้ตลอดเลย
ใครมันจะไปโกรธลงล่ะ” มินฮยอกว่าก่อนจะบีบมือพี่ชายคนสนิทตอบ
“น่ารักที่สุด”
ดงมินว่าก่อนจะยื่นหน้าไปจุ๊บหน้าผากของมินฮยอก
“พี่ดงมิน! ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ!” คนตัวเล็กแหวใส่ ดวงตาแสดงถึงความตกใจ เขาจะยกมืออีกข้างที่ไม่เจ็บมาตีเขาก็ไม่ได้เพราะดงมินจับเอาไว้อยู่
“แล้วใครกันล่ะที่ยังทำตัวเหมือนเด็กดื้อ
ไม่ยอมกินยาเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด” พรีเฟ็คบ้านสีน้ำเงินยกคิ้วก่อนจะชี้ไปที่ชามยาสีเข้มข้างหัวเตียง
“ก็มันไม่อร่อยนี่นา”
คนอายุน้อยพูดเสียงอ้อมแอ้ม
“อยากให้พี่ป้อนหรือจะกินเอง?”
คนตัวสูงว่าก่อนจะหยิบชามยามาถือไว้
มินฮยอกรีบส่ายหน้าพัลวันเสียจนต่างหูยาวที่หูซ้ายของเขาสะบัดไปมาด้วยความรุนแรง
“ผมกินเองได้ฮะ”
มือสีแทนแย่งชามยาจากอีกคน
“งั้นก็กินเลย
ตอนนี้ ไม่ต้องรอให้พี่ออกไป เพราะพี่จะนั่งมองเรากินจนหมด”
ดงมินอ่านความคิดของมินฮยอกอีกครั้ง การที่เขารู้ทันคนตัวเล็กทั้งหมดทำให้มินฮยอกขมวดคิ้วใส่เขาเชิงงอน
“ไม่เห็นต้องดุกันเลย”
มินฮยอกว่าเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆบนกลุ่มผมของตน
“ดุเพราะเป็นห่วง
มินฮยอกเข้าใจพี่ใช่ไหมครับ?” ดวงตาคมของคนอายุมากกว่าส่งสายตาอ่อนโยนให้มินฮยอก
นั่นทำให้เขาผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยิ้มให้บางๆ
“รู้แล้วฮะ
จะพยายามไม่ทำให้เป็นห่วง”
“ทีนี้ก็กินยาได้แล้ว
เด็กดื้อ” น้ำเสียงและรอยยิ้มเอ็นดูถูกส่งให้มินฮยอกอีกครั้ง
มินฮยอกยกชามขึ้นดื่มจนหมด
รสชาติอันไม่น่าพิสมัยของมันทำให้เขาสำลัก เจ้าของเข็มกลัดพรีเฟ็คสีน้ำเงินรีบหยิบแก้วน้ำส่งให้คนเป็นน้องด้วยความร้อนรน
ปากสีสดของมินฮยอกรีบกระดกน้ำเสียจนน้ำบางส่วนหกจากแก้วสู่ผิวเนียนของเขาและไหลยาวจนไปถึงลำคอ
ดงมินจ้องมินฮยอกอย่างไม่วางสายตา
“เก่งมาก
ทีนี้ก็นอนพักซะ มาดามคังบอกฉันว่าหายไวสุดอย่างน้อยก็ประมาณหนึ่งอาทิตย์”
อึนอูว่าก่อนจะลุกขึ้น ส่งมือไปยังหัวทุยของอีกฝ่ายแล้วลูบไปมาเบาๆ
“จะไปแล้วหรอฮะ?”
ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ถูกช้อนขึ้นมองผู้เป็นพี่ชาย
“พี่ต้องไปเรียนนะครับ”
“ก็รู้...
แต่พี่เพิ่งมาเองนะฮะ” อึนอูรู้ดีว่ามินฮยอกน่ะขี้เหงาขนาดไหน
กว่าจะมาเป็นมินฮยอกที่ร่าเริงแบบทุกวันนี้เขาก็เคยเป็นเด็กเงียบๆ คนนึงมาก่อน ถ้าไม่มีอึนอูคอยดูแลอยู่ข้างๆคงไปไหนไม่รอด
คนที่คอยอยู่ข้างๆ เขาก่อนจะเข้ามาทีฮอกวอตส์ก็มีแต่อึนอู
“งั้นเดี๋ยวพี่มาเยี่ยมอีกทีตอนเย็นๆก็แล้วกันนะครับเด็กดี”
คนตัวสูงว่าพลางส่งยิ้มให้มินฮยอก คนที่นอนอยู่บนเตียงพยักหน้าให้เขาเบาๆ
ก่อนจะไล่เขาออกไปเพราะสรรพนามน่าอายนั่น ดงมินเดินออกจากห้องพยาบาลอย่างสบายอารมณ์
ทิ้งมินฮยอกไว้ในห้องพยาบาลเพียงลำพังอีกครั้ง
ด้วยฤทธิ์ยาทำให้เปลือกตาของมินฮยอกหนักอึ้ง
เขาพยายามจัดร่างกายตัวเองให้ลงไปนอนราบกับเตียงอย่างระมัดระวังก่อนที่จะปิดตาลงและเข้าสู่การหลับใหล
___________
“เปิดหนังสือไปหน้า
846” เสียงของศาสตราจารย์ยงส่งสัญญาณให้มุนบินรีบเปิดหนังสือไปที่หน้าดังกล่าว
วิชาปรุงยาเป็นวิชาสุดท้ายของวัน ซึ่งเป็นวิชาที่เลิกช้าที่สุดในความคิดของเขา
“ไหนดูซิ
นี่อะไร” ศาสตราจารย์หนุ่มพูดขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์
“น้ำยาสันติครับศาสตราจารย์”
เสียงของนักเรียนฮัฟเฟิลพัฟฟ์สักคนในห้องพูดขึ้นมา
“ฉันไม่ได้ถามเธอ
คุณอี” คนในชุดมักเกิ้ลทันสมัยผิดวิสัยพ่อมดกลอกตา
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากทั้งสองบ้านดังขึ้นประสานกัน ยงจุนฮยองเป็นศาสตราจารย์ประจำบ้านสลิธีรินและเป็นเลือดบริสุทธิ์ก็จริง
แต่เขากลับใจดีกับทุกคน แถมเรื่องแฟชั่นและความทันสมัยล่ะก็เขายอมไม่ได้
นี่มันปีไหนกันแล้วล่ะ
“นี่คือน้ำยาสันติ
มีฤทธิ์คลายความเครียดหลังจากได้ดื่มลงไป
มักใช้ได้ดีกับพวกเธอที่กำลังจะได้รับการสอบว.พ.ร.ส.เชียวล่ะ
แต่ระวังไว้หน่อยถ้าพวกเธอดื่มมันเกินขนาดล่ะก็ แทนที่จะหายเครียด
ก็จะเครียดยิ่งกว่าเดิมเพราะหลับไปโดยไม่ได้อ่านหนังสือเลยยังไงล่ะ”
จุนฮยองกล่าวติดตลก “อ้อ เจ้านี่ปรุงค่อนข้างยาก และฉันจะใช้มันเป็นข้อสอบด้วย
ฉันหวังว่าพวกเธอจะได้ ‘พ’ หรือพอรับได้กันในการสอบ”
เขากล่าวอย่างเป็นกันเองกับพวกฮัฟเฟิลพัฟฟ์แล้วหันมาที่โต๊ะของนักเรียนที่อยู่ใต้อาณัติการปกครองของเขาอย่างสลิธีรินก่อนจะพูดเสียงเย็น
“ส่วนพวกเธอ... ‘ด’หรือดีเยี่ยมเท่านั้นที่ฉันจะรับได้
ต่ำกว่านั้นถือว่าสอบตก”
“มุนบิน ฉันว่าฉันต้องพึ่งนายอีกรอบแล้วล่ะ”
ซึงกวานบีบขมับตัวเองหลังจากจุนฮยองพูดจบ
ในบรรดาวิชาของฮอกวอตส์ทั้งหมดเขาไม่เคยสอบได้คะแนนเกินกว่า ‘ล’ หรือเลวในวิชาปรุงยาเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่วิชาอื่นก็พอดูได้อยู่ก็เถอะ
“นายก็พูดแบบนี้ทุกปี
พอฉันสอนก็หลับ” พรีเฟ็คผมสีเงินทำตาขวางใส่ผู้เป็นเพื่อนก่อนจะถูกขานชื่อให้ตอบคำถามเนื่องจำเขามักจะทำได้คะแนนสูงสุดของชั้นปีในวิชาปรุงยา
อีกทั้งยังเป็นพรีเฟ็คคนโปรดของจุนฮยองอีกด้วย
“คุณมุน
ไหนลองตอบซิว่าน้ำยาสันติใช้อะไรเป้นส่วนผสมบ้าง”
จุนฮยองว่าก่อนจะสะบัดไม้กายสิทธิ์ หนังสือเล่มหนาบนโต๊ะของทุกคนจากที่กำลังเปิดค้างไว้ก็ปิดสนิทในทันที
“ผงมูนสโตน
น้ำเชื่อมจากดอกเฮเลบอร์ ขนเม่นบด และเขายูนิคอร์นที่บดเป็นผง”
มุนบินตอบได้ไม่ยากเย็นนัก เนื่องจากเขาฝึกปรุงมันบ่อยๆในเวลาว่าง
กว่าจะสำเร็จเขาก็ได้น้ำยาสีดำขลับมาตั้งหลายขวดเหมือนกัน
“ยอดเยี่ยม! ให้สลิธีริน 5
คะแนน”
ศาสตราจารย์หนุ่มยิ้มอย่างพอใจก่อนจะสะบัดไม้กายสิทธิ์ให้หนังสือเปิดอีกครั้ง “ในหนังสือของเธอมีวิธีทำอยู่ในนั้นหมดแล้ว
ส่วนวัตถุดิบก็อยู่บนโต๊ะกลางนี่ ฉันขอให้พวกเธอทำตามวิธีทำอย่าง-เคร่ง-ครัด”
เขาเน้นคำก่อนจะพูดต่อ “หากมีข้อผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็เท่ากับจบเห่ ทำใหม่
เสียเวลา” ศาสตราจารย์หนุ่มยักไหล่
“เอาล่ะ
มีเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งสำหรับฮัฟเฟิลพัฟฟ์
ส่วนสลิธีรินฉันให้เวลาพวกเธอแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
นาฬิกาทรายสองเรือนปรากฏขึ้นอยู่บนโต๊ะกลางห้อง เรือนแรกบรรจุทรายสีเหลือง
มีขนาดใหญ่กว่าอีกเรือนที่บรรจุทรายสีเขียวเล็กน้อย “เริ่มได้”
ไม้กายสิทธิ์ไม้เอล์มของมุนบินถูกสะบัดไปมาระหว่างที่เขากำลังตวงส่วนผสม
ดวงตาสีรัตติกาลของเขาเพ่งมองไปที่ขีดแสดงค่าเพื่อความแม่นยำของปริมาณ
เมื่อได้อย่างที่ต้องการแล้วเขาพาพวกมันกลับมาที่โต๊ะของเขาที่มีหม้อคุณภาพดีตั้งอยู่
นักเรียนคนอื่นมองวิธีการปรุงยาของเขาอย่างสนอกสนใจ
ใครจะไม่อยากดูนักเรียนอัจฉริยะของห้องปรุงยากันล่ะ
หลอดทดลองที่บรรจุผงมูนสโตนถูกเอียงก่อนสิ่งที่อยู่ข้างในจะไหลลงไปในหม้อต้ม
ย้อมสีของน้ำยาให้กลายเป็นสีเขียวสด
มุนบินคนน้ำยาจนเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงินก่อนจะเติมผงมูนสโตนอีกครั้งจนน้ำยากลายเป็นสีม่วง
ทุกครั้งที่มุนบินขยับ มันดูช่างดูนุ่มนวลและงดงาม
ราวกับศิลปินบรรจงแต้มสีลงบนภาพวาด แสงจากน้ำยาที่สะท้อนเขาสู่ใบหน้าขาวของเขาเปลี่ยนไปมาหลายครั้งก่อนจะเป็นแสงสีฟ้าเทอร์ควอยซ์และมีไอน้ำสีเงินลอยออกมาจากหม้อด้านหน้าเขา
“ดีมากคุณมุน”
จุนฮยองเดินมาใกล้ๆเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ และมุนบินก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง
น้ำยาที่มุนบินปรุงในวิชาเรียนของเขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นน้ำยาชั้นเลิศเลยด้วยซ้ำ
“ทุกคนกรุณาดูน้ำยาของคุณมุนเป็นตัวอย่าง
เมื่อคุณทำสำเร็จก็จะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ถ้าของคนไหนมีปฏิกิริยาระเบิด
มีแสงวูบวาบ หรือมีไอสีอื่นๆลอยออกมานอกจากสีเงินละก็
ฉันมีของขวัญให้พวกเธอเป็นการบ้านด้วยล่ะ” ศาสตราจารย์หนุ่มคลี่ยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าโอดครวญของเด็กนักเรียนที่กำลังอยู่ในขั้นตอนแรกๆเพราะเอาแต่ให้ความสนใจมุนบินจนเขาทำเสร็จคนแรก
มุนบินยิ้มขอบคุณศาสตราจารย์ประจำบ้านเมื่อเขาประกาศว่าน้ำยาของเขาสามารถได้คะแนนระดับ
‘ก’ หรือเกินความคาดหมาย ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดในการสอบว.พ.ร.ส. สร้างความรู้สึกหมั่นไส้และชื่นชมให้กับนักเรียนคนอื่นๆในห้อง
อยู่ๆก็เกิดเสียงระเบิดลูกเล็กๆดังขึ้นจากหนึ่งในโต๊ะของฮัฟเฟิลพัฟฟ์
ใบหน้าของเจ้าของเสียงระเบิดดังกล่าวเปลี่ยนเป็นสีชมพูจากน้ำยาที่กระเด็นใส่หน้า
ยงจุนฮยองตะโกนขึ้นมาทันทีว่า “ ‘ย’!!!
แย่มาก!! ใครสั่งให้เธอหยดน้ำเชื่อม 10 หยด หา!?” ก่อนเขาจะรีบเดินไปหาเด็กคนนั้นแล้วชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่หน้าของเธอ
น้ำสีชมพูบนใบหน้าเธอขยับและกระโดดลงไปในหม้ออีกครั้งก่อนที่มันจะหายไปหลังจากจุนฮยองร่ายคาถา
“อีวาเนสโค”
“เหลืออีกครึ่งชั่วโมงนะฮัฟเฟิลพัฟฟ์
ส่วนสลิธีริน ฉันจะตรวจพวกเธอทีละคน” ยงจุนฮยองว่าก่อนจะเดินไล่ไปทีละโต๊ะ
ส่วนใหญ่นั้นได้คะแนนพอรับได้
แต่เมื่อมาหยุดที่เพื่อนซี้ของมุนบินแล้วเขาก็กุมขมับในทันที
“ฉันว่าเราคงต้องคุยกันหลังเลิกเรียนแล้วล่ะคุณบู น้ำยาสันติของเธอมันแย่มากเสียจนสมารถเรียกว่าขยะ”
เขารีบชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่หม้อต้มของซึงกวานเพื่อลบสิ่งน่าเกียดน่ากลัวออกไปจากสายตาเขาในทันที
เขาบีบไหล่ซึงกวาน’เล็กน้อย’ก่อนจะเดินไปตรวจฝั่งฮัฟเฟิลพัฟฟ์และสั่งเลิกเรียน
“อย่าลืมทำการบ้านมาส่งฉันด้วยล่ะ
ฉันหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำมาและทำความเข้าใจวิธีการปรุงยาด้วย
หากมีข้อสงสัยอะไรสามารถถามฉันได้ตลอดที่เจอกันในฮอกวอตส์เลยนะ เลิกเรียนได้”
เจ้าของนามสกุลบูทำหน้าหงอยเมื่อโดนกักตัวไว้กับศาสตราจารย์ประจำบ้าน
มุนบินตบบ่าเพื่อนเขาเบาๆก่อนจะยิ้มเยาะอีกฝ่าย
เขารีบเดินออกมาจากห้องเรียนวิชาปรุงยาหลังจากซึงกวานด่าทอเขาเมื่อเห็นรอยยิ้มของตน
แกล้งซึงกวานถือว่าเป็นกิจกรรมแก้เครียดของมุนบินอันดับต้นๆเลยล่ะ
ขายาวก้าวอย่างเร่งรีบ
เขาได้ข่าวเรื่องมินฮยอกตกไม้กวาดตั้งแต่เมื่อวันเกิดเหตุหรือก็คือเมื่อวานแล้ว
เขาพยายามที่จะเข้าไปเยี่ยมซีคเกอร์ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ตั้งแต่เย็นวานนี้แต่ก็ถูกปฏิเสธจากมาดามคัง
เช้านี้เขาก็กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพยาบาลแต่มาดามคังก็เดินออกมาพอดี
เธอย้ำนักย้ำหนาว่าให้ไปเยี่ยมตอนเย็นเพราะตอนเช้ามินฮยอกกำลังพักผ่อน
ไม่มีใครในฮอกวอตส์รู้ว่าภายใต้ดวงตาอันเย็นชาของมุนบินนั้นซ่อนความร้อนรนไว้ข้างใน
ตอนนี้เขาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพยาบาลที่กำลังปิดสนิท
มือขาวผลักประตูไม้ออกแล้วเดินเข้าไปในห้อง
นัยน์ตาสีรัตติกาลสอดส่องหาคนตัวเล็กของเขาก่อนจะหยุดที่เตียงด้านในสุด
พรีเฟ็คในเสื้อคลุมแถบเขียวรีบเดินไปที่เตียงเป้าหมายก่อนจะพบว่ามินฮยอกกำลังหลับ
เขาลากเก้าอี้มาวางไว้ข้างเตียงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งมองคนผิวสีแทนหลับ มือขาวยื่นไปลูบกลุ่มผมสีปีกกาของอีกคนที่อยู่บนเตียงแต่ก็ต้องผละออกเมื่อมินฮยอกทำท่าเหมือนจะตื่น
“อือ..”
เสียงงัวเงียลอดออกมาจากลำคอของคนอายุน้อย มือที่ไม่มีเฝือกของเขายกขึ้นมาขยี้ตาเบาๆก่อนจะปรับสภาพสายตามองคนที่อยู่ข้างๆ
แสงสีเงินตกกระทบกับดวงตาเขาพอดี ทำให้มินฮยอกรู้ว่าใครมา
“รุ่นพี่มุนบิน?”
น้ำเสียงเพิ่งตื่นนอนของมินฮยอกมักทำให้คนใจอ่อน และนั่นรวมไปถึงมุนบิน
“ไง”
มุนบินยกมือทัก
“มาทำอะไรหรอฮะ?”
คนเด็กกว่าพยายามยันตัวขึ้นมานั่งด้วยแขนข้างเดียว
ความปวดร้าวแล่นจากก้นกบและแผลบริเวณเอวไปสู่ทั่วร่างจนต้องร้องโอ๊ยออกมา
“มาหานายไง การถามสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้วมันเสียมารยาทนะ”
ชายผมสีเงินเข้าไปช่วงประคองพลางพูด
“เป็นยังไงบ้าง?”
“ก็อย่างที่เห็นล่ะฮะ
มาดามคังบอกว่ากว่าจะหายเป็นปกติก็สองอาทิตย์ได้” มินฮยอกว่าพลางชี้แขนในเฝือกของตน
“ทำไมถึงตกจากไม้กวาดล่ะ
ไหนบอกว่าจะโค่นที่หนึ่งอย่างฉันไง?”
“ก็เพราะรุ่นพี่นั่นแหละ!” มินฮยอกแยกเขี้ยว
“โฮ่?
เพราะฉัน? ฉันทำไม?” มินฮยอกเงียบไปสักพักก็หันหนีอีกฝ่ายแถมยังหลบตามุนบินอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะฉันทำแบบนี้หรอ?” เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูคนตัวเล็ก
เสียงลมหายใจที่ออกจากปากของอีกคนทำใจมินฮยอกเต้นระส่ำ
“รุ่นพี่!” มินฮยอกหันไปแหวใส่อีกคนแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหน้าของทั้งสองคนใกล้กันเกินคืบ
แถมมุนบินก็กำลังยกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่ชอบทำอยู่อีก
ใบหน้าของซีคเกอร์คนเก่งแห่งกริฟฟินดอร์ขึ้นสีอีกครั้ง
“แสดงว่าใช่”
มุนบินผละออกแล้วกลับมาอยู่ในท่านั่งกอดอก ที่มุมปากยังคงยกยิ้ม “แล้วอีกอย่าง
ฉันมีชื่อ เรียกรุ่นพี่ๆแบบนี้มันค่อนข้างน่ารำคาญ”
“ผมอยากออกจากที่นี่เร็วๆจัง...”
มินฮยอกว่าตัดบทเสียดื้อๆ ดวงตาสีน้ำตาลไหม้มองออกไปนอกหน้าต่าง
ตอนนี้พวกฮัฟเฟิลพัฟฟ์คงกำลังซ้อมควิดดิชกันอยู่ข้างนอกแน่ๆ
“ฉันว่าฉันช่วยนายได้นะ
ยกเว้นแขนที่หักของนายไว้อย่างนึง” มุนบินหยิบไม้กายสิทธิ์สีหม่นของตนออกมาก่อนจะแตะไปที่หางคิ้วของอีกฝ่ายก่อนจะพูดคาถาสามครั้ง
“วัลเนอรา ซาเนนทอร์”
เลือดที่ซึมอยู่ที่ผ้าพันแผลถูกดูดกลับเข้าไปในแผลก่อนที่มันจะสมานอย่างรวดเร็ว
มือสีแทนรีบแกะผ้าที่แปะบนหางคิ้วของตนออกอย่างประหลาดใจ
“คาถานี้ไม่มีสอนนี่”
มินฮยอกหันไปมองพรีเฟ็คคนเก่งอย่างสงสัย
“อย่าไปบอกใครล่ะ”
มุนบินยักคิ้ว
ต้องขอบคุณหนังสือเก่าๆในห้องสมุดของฮอกวอตส์ที่เขาอ่านฆ่าเวลาเสียแล้ว “มีแผลตรงไหนอีกหรือเปล่า?”
มินฮยอกพยักหน้าอย่างเร่งรีบ
การได้ออกไปจากห้องนี้ไวๆแล้วกลับไปอยู่บนไม้กวาดอีกครั้งสำหรับซีคเกอร์อย่างเขาถือว่าเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด
เขาเลิกเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของตนขึ้นแล้วถกกางเกงขาสั้นของตนลงเล็กน้อย
เผยให้เห็นรอยแผลยาวจากช่วงสะโพกจนถึงเอวที่มีผ้าพันแผลซึมเลือดแปะอยู่
แต่ด้วยเนื้อหนังของเขาที่ถูกเผยให้เห็นมากเกินไป
มุนบินก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ
“แผลใหญ่กว่าที่คิด
แต่จะพยายาม” มุนบินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม้กายสิทธิ์เอล์มกำลังอยู่เหนือรอยแผลของมินฮยอก
เขาร่ายคาถาอีกครั้ง
“วัลเนอรา
ซาเนนทอร์” เสียงนุ่มของพรีเฟ็คผมสีเงินพูดซ้ำอยู่สามครั้ง
ไม้กายสิทธิ์ลากไปตามรอยแผลยาวระหว่างร่ายก่อนแผลจะเริ่มสมานตัว
ผ้าพันแผลถูกคลายออกก่อนมุนบินจะลุกขึ้นไปที่ตู้เก็บยาและหยิบสารสกัดจากต้นดิททานี่มาทารอยแผล
เขาพยายามอย่างมากที่จะข่มความรู้สึกตัวเองเอาไว้ระหว่างลากมือไปบนผิวของอีกฝ่าย
“ดูเกร็งๆนะฮะ”
เสียงของมินฮยอกดึงให้มุนบินเงยไปหา
รอยยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ถูกประดับขึ้นบนใบหน้าของมินฮยอก มันช่างดูเย้ายวนอย่างน่าประหลาด
มุนบินเห็นดังนั้นจึงเคาะไม้กายสิทธิ์ไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย
“นี่คืออะไรหรอฮะพี่บิน?”
มินฮยอกมองขวดที่มีของเหลวสีน้ำตาลในมือคนอายุมากกว่าอย่างสนอกสนใจ สรรพนามใหม่ที่มินฮยอกใช้เรียกอีกคนช่างลื่นหูสำหรับคนฟัง
“สารสกัดต้นดิททานี่
เป็นสมุนไพรรักษาแผลที่ค่อนข้างหายากเพราะฤทธิ์ของมันมีพลังการรักษามหาศาล อย่างที่กำลังทำกับนายอยู่ตอนนี้”
มุนบินว่าพลางส่งสายตาไปยังเอวของอีกฝ่ายที่แผลกำลังสมานและหายเป็นปกติ
ผิวเนียนไร้รอยแผลเป็นกลับมาอีกครั้ง มุนบินกระแอมเบาๆเมื่อมินฮยอกดึงเสื้อขึ้นสูงกว่าเดิม
เรียกเสียงหัวเราะขี้เล่นออกมาจากริมฝีปากสีสดของมินฮยอก
“นึกว่าอยากเห็นเสียอีก”
มินฮยอกปล่อยเสื้อลงและดึงกางเกงขึ้นอย่างช้าๆด้วยแขนข้างเดียว
ปกปิดผิวสีแทนของเขาอีกครั้ง
“ยั่วฉันอยู่หรือไง?”
“แกล้งต่างหาก”
พูดไม่ทันจบก็ถูกมือขาวของอีกคนมาหยิกเข้าไปที่แก้ม
หนำซ้ำยังบิดไปบิดมาเสียจนขึ้นรอยแดง
“ทำแบบนี้กับคนอื่นระวังจะไม่ได้ออกจากห้องพยาบาลนะมินฮยอก”
มุนบินส่งสายตาดุใส่อีกคนพลางสะบัดไม้กายสิทธิ์เพื่อให้ขวดสารสกัดกลับไปอยู่ในตู้ดังเดิม
ให้ตายเถอะ มินฮยอกมีฤทธิ์เหลือร้ายมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก
มาดามคังกลับเขามาในห้องพยาบาลอีกครั้ง
ในมือของเธอมีถาดอาหารและชามยาสีเข้มคุ้นตามินฮยอก
บรรยากาศรอบๆมินฮยอกห่อเหี่ยวลงภายในทันทีเมื่อเห็นมัน มาดามคังวางชามยาไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของแผลที่คิ้วและเอวของมินฮยอก
“แผลหายไวผิดปกตินะคะนี่”
เธอขมวดคิ้ว
“อาจเป็นเพราะผมมีเวทมนตร์อยู่ในตัวเยอะก็ได้นะฮะ”
มินฮยอกกล่าวติดตลก
“คุณมินฮยอก...”
มาดามคังขมวดคิ้ว ส่งสายตาคาดโทษให้เด็กชาย
“แต่ก็ดีแล้ว
ฉันไม่อยากให้ใครอยู่ที่ห้องพยาบาลนาน” ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากรักษา
เพียงแต่เธอไม่อยากเห็นใครเจ็บป่วยต่างหาก “ถ้าแผลหายไวขนาดนี้
ฉันว่าคุณพัคน่าจะออกจากห้องพยาบาลได้ประมาณวันศุกร์นะคะ
เรื่องแขนหักไม่น่าเป็นห่วง”
จบประโยค
มินฮยอกก็ยิ้มออกมา เขาคิดถึงไม้กวาดและคนอื่นๆจะแย่ ถึงแม้ว่าเพื่อนทั้งสามคนและคนในทีมจะมาเยี่ยมไปแล้วเมื่อตอนพักเที่ยง
แต่มันก็ดีกว่าที่จะได้ออกไปจากห้องนี้สักที
แต่ความดีใจก็ต้องหยุดไว้เมื่อมุนบินขัดขึ้น
“แต่นายก็ยังต้องกินยาอยู่ดี”
“รู้แล้วฮะ
ไม่ต้องย้ำก็ได้” มินฮยอกหันไปทำหน้าบูดใส่อีกคนก่อนจะยกชามยาขึ้นมากระดก
มินฮยอกทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้เมื่อจัดการกับยาเรียบร้อยแล้ว
“ใจเด็ดดีนี่” มินฮยอกทำตาขวางใส่คนพูดที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
“ฉันดีใจนะคะที่คุณกินยาที่ฉันให้อย่างเคร่งครัด
คุณพัค” มาดามคังยิ้มแล้วบอกถึงเรื่องสำคัญก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “อีกสักพักศาสตราจารย์ประจำบ้านของคุณจะมาเยี่ยมคุณ”
“ฉันคงต้องไปแล้วล่ะนะ”
มุนบินว่าก่อนจะลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้วและถึงเวลาอาหารเย็น
มือใหญ่ขอเขาส่งไปขยี้หัวอีกฝ่ายก่อนเขาจะเดินออกไปจากห้อง
เขาเปิดประตูใหญ่ของห้องพยาบาลและสวนทางกับพรีเฟ็คประจำบ้านเรเวนคลอพอดิบพอดี
สายตาของอึนอูที่ส่งให้เขาดูไม่เป็นมิตรนัก
“มินฮยอก”
เสียงทุ้มที่ดูอารมณ์ดีของอึนอูดังขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของชื่อกำลังจัดผมตัวเองอยู่อย่างน่ารัก
“พี่ดงมิน
กำลังรออยู่เลย” มินฮยอกส่งยิ้มให้พี่ชายคนสนิท
อึนอูมองเก้าอี้ว่างที่อยู่ข้างเตียงอีกคนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนนั้น
“มีเก้าอี้มาวางแบบนี้
มีคนมาเยี่ยมมินฮยอกหรอครับ?” เขาได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ
“อย่าบอกนะว่าเป็นซีคเกอร์ของสลิธีรินที่เพิ่งเดินสวนพี่ไปคนนั้น”
อึนอูว่าพลางขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่ไว้ใจคนๆนั้นขึ้นมาตั้งแต่เขาสังเกตเห็นสายตาของมุนบินที่มองมินฮยอกเมื่อตอนวันเปิดภาคเรียนแล้ว
“พี่ดงมินหึงหรอฮะ?”
มินฮยอกแกล้งแหย่เล่น แต่ก็ได้คำตอบที่ไม่ได้หาวิธีตั้งรับไว้
“หึงครับ” อึนอูว่าก่อนจะขยับเข้าไปใกล้น้องชาย
“หึงมากด้วย”
ดวงตาคมจ้องเข้าไปในตาสวยของมินฮยอกที่กำลังสั่นไหว
“หึงอะไรเล่า พี่ดงมินหยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย”
เป็นมินฮยอกที่เป็นฝ่ายหันหน้าหนี เขาไม่ชินสักทีกับการที่ดงมินทำแบบนี้
ทั้งๆที่ดงมินชอบทำแบบนี้กับเขาบ่อยๆก็เถอะ
“มินฮยอกเขินได้น่ารักมากเลยนะ
รู้ตัวหรือเปล่า?” อึนอูเอื้อมมือไปจับมือของอีกคนขึ้นมาจุมพิตที่หลังมือเบาๆก่อนจะเอามันมาแนบแก้มของตนพลางมองปฏิกิริยาคนตัวเล็ก
“ฮื่อ...พี่ดงมิน
ไม่เอา ไม่แกล้ง” มินฮยอกที่ใบหน้าแดงก่ำครางในลำคออย่างไม่ชอบใจ
เขาไม่ชอบตอนที่ดงมินอยู่กับเขาตามลำพังเลย
“ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับ
แต่พี่พูดจริงนะเรื่องหึง” ดงมินว่าพลางปล่อยมือของมินฮยอกและหยิบถาดอาหารที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมาวางไว้บนตักของอีกคน
มินฮยอกมองหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรด้วยสายตาไร้อารมณ์
“พี่จะป้อนครับ
เราแขนเจ็บอยู่นี่” กัปตันทีมควิดดิชว่าก่อนจะหยิบช้อนมาตักซุปในชามแล้วจ่อปากคนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ
ไหนบอกว่าจะเลิกแกล้งแล้วไง” มินฮยอกงอแงก่อนจะงับช้อนตรงหน้า
“แต่ก็ยอมให้พี่ป้อนนี่ครับ”
ดงมินยิ้มแล้วยกมือขึ้นลูบหัวทุยของอีกฝ่าย
“ฉันมาผิดเวลาหรือเปล่านะ?”
เสียงแหลมสูงติดแหบเป็นเอกลักษณ์ของศาสตราจารย์ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ดังขึ้น
เรียกความสนใจของนักเรียนทั้งสองคนที่กำลังทำตัวเหมือนเป็นคู่รักให้หันไปมอง บนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่
ดวงตาของเธอมองพวกเขาอย่างแปลกๆ
“ศาสตราจารย์ฮโยจอง! คือ--!!” มินฮยอกพยายามหาคำอธิบายร้อยพันในหัวของตน
“ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันว่าฉันรู้” ศาสตราจารย์ประจำวิชาแปลงร่างหัวเราะน้อยๆ
ทิ้งให้มินฮยอกนั่งเหวอไปพักหนึ่ง แต่ดงมินกลับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร
แถมรู้สึกชอบใจด้วยซ้ำ “ทีนี้ขอความเป็นส่วนตัวระหว่างฉันกับนักเรียนในอาณัติฉันหน่อยนะคะ
คุณชา”
อึนอูพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น
ลูบหัวมินฮยอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่แคร์ว่าทุกการกระทำของเขามีสายตาของศาสตราจารย์สาวมองอยู่ด้วยความชอบใจ
ทิ้งให้มินฮยอกนั่งหน้าแดงก่ำหยิบผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตัวเองท่ามกลางเสียงหัวเราะและคำแซวของศาสตราจารย์คนสนิท
“ไม่ใช่อย่างที่ศาสตราจารย์คิดจริงๆนะครับ
เชื่อผมเถอะ”
“ฉันว่าฉันเชื่อสายตาฉันมากกว่านะ
คุณมินฮยอก”
“โถ่...”
มินฮยอกหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ศาสตราจารย์ฮโยจองพูดธุระของเธอจนจบก่อนจะเดินออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
หัวข้อใหญ่ในการพูดคุยของผู้หญิงในฮอกวอตส์รวมไปถึงนักเรียนชายเปลี่ยนเป็น ซีคเกอร์ของกริฟฟินดอร์กับคีปเปอร์ของเรเวนคลอกำลังคบหากัน
#สลิธีรินคนนั้น
ความคิดเห็น