คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Ch.1 Hogwarts Express
Ch.1
Hogwarts
Express
"มินฮยอก แต่งตัวเสร็จหรือยัง
เรากำลังสายนะ!" ราอิมตะโกนขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน มือกำลังจัดเตรียมของให้น้องชายของตัวเองที่กำลังจะไปที่สถานีรถไฟสาย
"มาแล้วๆ"
เสียงทุ้มแหบของเจ้าของชื่อมินฮยอกดังลงมาจากด้านบน เด็กหนุ่มเจ้าของผมสีปีกกากำลังวิ่งลงมาที่ชั้นล่างอย่างรีบร้อน
ราอิมกับมินฮยอกช่วยกันเอาของทั้งหมดขึ้นไปที่ท้ายรถของผู้เป็นพี่สาว
เด็กชายกอดกรงนกฮูกไว้กับตัวก่อนจะเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง ราอิมตามขึ้นมาบนรถด้วยเวลาที่ไล่เลี่ยกันแล้วสตาร์ทรถก่อนจะพุ่งออกจากบริเวณบ้านด้วยความเร็วสูง
"พี่ไม่กลัวมักเกิ้ลเห็นหรอ?"
มินฮยอกหันไปมองผู้เป็นพี่ อ้อมแขนกอดกรงนกฮูกของตนไว้แน่นก่อนจะได้รับคำตอบ
"อย่างไลม์คนนี้หรอจะไม่ร่ายคาถาล่องหนน่ะ"
เธอว่าพลางยกยิ้มที่บริเวณมุมปาก
ความเร็วของรถไม่ตกไปสักพักใหญ่ๆ
อยู่ๆปลายรองเท้าส้นสูงของเธอเหยียบเบรคในทันทีที่ถึงที่หมาย แต่ที่จอดรถมันช่างฟายากเย็นเหลือเกิน
แต่เหมือนเมอร์ลินประทานพร พอเธอบ่นในใจจบรถคันข้างหน้าก็แล่นออกไปจากสถานีทันที ทิ้งที่ว่างในลานจอดรถไว้
มินฮยอกรีบลงจากรถทันทีที่จอด
เขารีบกุลีกุจอไปที่ท้ายรถแล้วเอาสัมภาระของตนไปไว้ในรถเข็นที่จอดอยู่ใกล้ๆ ราอิมรีบล็อครถของตนก่อนจะดันทั้งเจ้าน้องชอยและรถเข็นให้ออกตัวเข้าไปในสถานี
"เหลือเวลาอีกกี่นาที?"
ราอิมถาม บังคับให้น้องชายเลี้ยวรถเข็นผ่านฝูงชนมากมายทั้งมักเกิ้ล หรือคนที่อาจจะเป็นผู้วิเศษในสถานีรถไฟ
มินฮยอกก้มลงมองนาฬิกาสีเบจที่มือของตนก่อนจะตอบกลับ
"ห้านาที- เหวอ!"
ยังพูดไม่ทันจบประโยคมินฮยอกก็ถูกพี่สาวของตนดันเข้าไปในกำแพงของชานชาลา เขาหลับตาปี๋รอความเจ็บที่กำลังจะวิ่งเข้าสู่ตัว
แต่ดันไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกเลย
มินฮยอกลืมตาแล้วพบว่าตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ในชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่แล้ว
แต่ขาของเขาก็ยังไม่หยุดวิ่งเพราะราอิมยังดันที่หลังเขาอยู่ ทั้งสองพุ่งสู่โบกี้รถไฟที่เพื่อนของราอิมยืนอยู่
ผู้เป็นพี่สาวส่งเสียงแหลมสูงออกจากคอของเธอเมื่อได้เจอเพื่อนของเธอ นารา ก่อนจะรีบเอาของทั้งหมดลงจากรถเข็นโลหะทันที
นาราขำน้อยๆเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของตนยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
'ราอิมจัดการเวลาไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก’
"ถึงซักที เหนื่อยชะมัด"
ราอิมว่าก่อนจะหอบเบาๆ
"ถ้าพี่ไม่ตื่นสายก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้หรอก"
เขามองที่พี่สาวของตนด้วยสายตาที่ชอบทำเวลาเธอทำอะไรผิดก่อนจะโดนเอ็ดกลับ
"นายก็เหมือนกันนั่นแหละ
รีบๆขึ้นรถไฟไปเลย" ราอิมดันหลังน้องชายตัวเล็กไปที่รถไฟ
"แล้วเขียนจดหมายมาบ่อยๆด้วยล่ะ
ให้ลูน่าได้บินบ้าง ถ้าไม่เขียนมาล่ะก็ ฉันจะเขียนจดหมายกัมปนาทให้นายจริงๆด้วย"
ลูน่าที่ว่าก็คือเจ้านกฮูกสีขาวแซมดำในกรงที่มินฮยอกถืออยู่ เมื่อได้ยินชื่อของตนเธอก็ร้องออกมา
"รู้แล้วน่าพี่ไลม์"
มินฮยอกส่งเสียงเอื่อยใส่พี่สาว ขาวเรียวก้าวขึ้นไปที่รถไฟ ก่อนจะหันหลังไปโบกมือให้ทั้งราอิมและนาราที่ยืนอยู่ข้างกัน
ราอิมฉีกยิ้มกว้างแล้วโบกมือกลับให้น้องชายตัวดีของเธอเช่นกัน
เสียงไอน้ำพุ่งออกมาจากหัวรถจักรก่อนรถไฟจะส่งเสียงดังและเริ่มออกตัว ราอิมตะโกนอีกครั้งว่า
"เรื่องจดหมายกัมปนาทฉันทำจริงนะ!!"
มินฮยอกส่งสัมภาระของตนให้ผู้ดูแลรถไฟและขำกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน
เขายกกรงสีเงินขึ้นมาแล้วยื่นนิ้วไประหว่างซี่กรงและลูบหัวสัตว์ปีกสีขาวของตน เจ้าลูน่าร้องออกมาอย่างอารมณ์ดี
มินฮยอกเดินหาหาตู้โดยสารที่ยังว่างอยู่
แต่เนื่องจากการที่เขาขึ้นรถไฟเป็นคนสุดท้ายจึงใช้เวลานานหน่อย ก่อนที่จะพบกับตู้ตู้หนึ่งที่มีที่วางพอดี
ข้างในมีเด็กสลิธีรินผมสีเงินหนึ่งคนนั่งอยู่ในนั้นและกำลังมองไปที่วิวข้างนอกอยู่
เขาคือมุนบิน ซีคเกอร์ฝีมือดีที่กำลังเป็นที่พูดถึงกัน แถมเขายังเป็นพรีเฟ็คอีก เสื้อคลุมที่มีสัญลักษณ์รูปงูและตัวPถูกวางไว้ที่เบาะข้างหน้าเขาา
มินฮยอกรู้สึกแย่นิดหน่อยที่เขาเจอสมาชิกบ้านสลิธีริน เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสลิธีรินเท่าไรนัก
แต่ก็ช่วยไม่ได้
มินฮยอกเลื่อนประตูตู้โดยสารออก
ส่งผลให้คนที่อยู่ในนั้นหันมา ตาของทั้งคู่สบกันพอดีหลังจากมินฮยอกปิดประตูและหันกลับมาในตู้โดยสาร
สิ่งที่มินฮยอกเห็นคือผู้ชายผมสีเงินและใบหน้าที่หล่อเหลา โดยเฉพาะตาชั้นเดียวมีนัยน์ตาสีรัตติกาลที่ส่องประกายของคนตรงหน้า
อีกทั้งหางตายังยกขึ้นเล็กน้อยมองแล้วเหมือนกับ...แมว? เขาเคยเห็นมุนบินบ่อยๆ
แต่ไม่ใกล้ขนาดนี้ นั่นทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ
"สวัสดี"
ฝ่ายที่ยั่งอยู่ในตู้ยิ้มน้อยๆให้มินฮยอกก่อนจะกล่าวคำทักทายออกมา
"อ..เอ่อ สวัสดี..ฮะ.."
มินฮยอกตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก "คือ... ผมขออยู่ที่ตู้นี้ได้ไหมฮะ? ค-คือตู้อื่นมันเต็มหมดแล้ว" อยู่ๆมินฮยอกก็รู้สึกว่าการพูดแต่ละคำมันยากขึ้นมาหลังจากได้เจอสลิธีรินคนนี้
"ไม่รู้สิ นายคิดว่าได้ไหมล่ะ?"
มุมปากของเขายังยกขึ้นอยู่เหมือนเดิม ทำให้มินฮยอกรู้สึกเกร็งยิ่งกว่าเดิมและทำท่าจะหันหลังกลับ
"ล้อเล่น ได้สิ
กำลังเหงาๆอยู่พอดี" ชายผมสีเงินว่าพลางหัวเราะน้อยๆก่อนตบไปที่ที่นั่งตรงหน้าของตนเบาๆ
เขาหยิบเสื้อคลุมของเขาออกจากโซฟาตรงหน้า มินฮยอกเห็นดังนั้นจึงเดินไปนั่งและวางกรงนกฮูกไว้ข้างๆตน
"นกฮูกพันธุ์เดียวกันเลยนี่"
ชายผมสีเงินมองไปที่นกฮูกของมินฮยอก เขาเพิ่งสังเกตเห็นนกฮูกของอีกฝ่ายว่าเป็นสีขาวเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าตัวใหญ่กว่าและมีสีขาวตลอดทั้งตัว ดูดุดันกว่านกฮูกของเขาเสียอีก
"แบบนี้เรียกว่าพรหมลิขิตหรือเปล่านะ?"
เจ้าของตาเรียวยังพูดต่อ เขายิ้มให้มินฮยอกเสียจนดวงตาของเขากลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
นั่นทำให้มินฮยอกรู้สึกร้อนนิดๆที่แก้มทั้งสองข้างของตนลามไปถึงหู มันถูกระบายไปด้วยสีชมพูอ่อน
"ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย
ฉันมุนบิน อยู่ปีห้า" เจ้าของเรือนผมสีเงินกล่าวต่อก่อนจะยื่นมือออกมาข้างหน้า
"ผมรู้ตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว
พัคมินฮยอกฮะ ปีสี่ กริฟฟินดอร์" เขายื่นมือไปจับมือของอีกฝ่ายและพูดประโยคแบบเดียวกัน
การที่มุนบินทักเขาก่อนทำให้มินฮยอกผ่อนคลายลงไปเยอะ ความรู้สึกจุกที่อกเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง
"พัคมินฮยอก?
ซีคเกอร์ตัวสำรองของทีมกริฟฟินดอร์นี่" มุนบินว่าพลางวางศอกที่หน้าต่างแล้วเท้าคางของตน
มองไปที่มินฮยอก
"อยู่ฮอกวอตส์มาตั้งห้าปี
ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายลงสนามเลยนะ?" มุนบินพูดต่อ
"ปีนี้เดี๋ยวก็ขึ้นมาเป็นตัวจริงแล้วฮะ
มีการแข่งควิดดิชเมื่อไหร่ ตำแหน่งซีคเกอร์ที่ฝีมือดีที่สุดของพี่ก็จะตกเป็นของผม"
มินฮยอกตอบ เขารู้สึกไม่ดีกับคำว่าตัวสำรองนัก
"จะได้จริงหรอ?
ฉันไม่คิดงั้นมั้ง" มุนบินว่าพลางยกยิ้มมุมปาก มินฮยอกไม่ค่อยชอบใจอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก
แต่มุนบินก็ยังปฏิบัติกับเขาดีกว่าสลิธีรินคนอื่นๆเสียอีก
"คอยดูเถอะฮะ"
มินฮยอกแหวอย่างไม่พอใจ
"จะดูอย่างดีเลยล่ะ"
มุนบินว่าพลางยกยิ้ม
มินฮยอกรู้สึกแปลกๆกับรอยยิ้มนั้นของอีกฝ่าย
มันให้ความรู้สึกเหมือนเขาเป็นหนูตัวเล็กๆที่กำลังจะถูกงูรัดยังไงยังงั้น แต่เขาไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
หัวใจเขาเต้นแรงและเร็วกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"ละ-แล้วพี่ไม่ไปอยู่ตู้พรีเฟ็คหรอฮะ"
มินฮยอกพูดตะกุกตะกักแล้วหลบสายตาอีกฝ่าย
"เบื่อขี้หน้าเจ้าพวกนั้นแล้วล่ะ
พอประชุมเสร็จฉันก็ออกมาอยู่ตรงนี้คนเดียว" มุนบินพูดอย่างไม่ใส่ใจ สายตาของเขามองอีกคนที่กำลังมองที่พื้นอยู่
มือใหญ่ผิดกับขนาดตัวของอีกฝ่ายเล่นกับนิ้วตัวเอง นั่นทำให้มุนบินชมคนอื่นครั้งแรกในใจ
น่ารัก
"อีกอย่างฉันก็เดินตรวจรถไฟจนทั่วแล้วด้วย
แต่แล้วก็มีกริฟฟินดอร์คนนึงมาสาย" มุนบินยิ้มร้าย เขาชอบปฏิกิริยาของคนเด็กกว่าตรงหน้าเขาที่กำลังฟึดฟัด
"ผมตั้งนาฬิกาปลุกแล้วนะ!"
"ก็ไม่ได้ว่าอะไร"
ชายผมสีเงินหัวเราะ
"แค่เห็นว่าหน้าตาตอนขอฉันเข้ามานั่งด้วยมันน่ารักดี"
มุนบินส่งยิ้มร้ายที่มุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ของตนให้อีกฝ่ายอีกรอบ
เสียงรถเข็นขายของดังอยู่ด้านนอกตู้โดยสาร
มุนบินลุกขึ้นไปเปิดประตูก่อนจะซื้อกบช็อคโกแลตกับท็อฟฟี่จำนวนมากแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม
"ฉันเลี้ยง"
มุนบินว่าพลางยื่นห่อกบช็อคโกแลตให้มินฮยอก
"ทำไมอยู่ๆก็..."
เจ้าของดวงตากลมโตรับมาอย่างเก้ๆกังๆก่อนจะฉีกห่อกบช็อคโกแลตออก เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่มันกระโดดขึ้นไปเกาะที่กระจกทันทีที่ห่อถูกแกะออก
มุนบินเห็นดังนั้นจึงรีบยื่นมือไปจับด้วยมือเดียวก่อนที่มันจะกระโดดหนีแล้วเคลื่อนมือไปจ่อที่ปากของมินฮยอก
เขาส่งเสียงอ้าให้คนเด็กกว่า มินฮยอกก็ยอมอ้าปากแต่โดยดี การที่มุนบินป้อนมินฮยอกทำให้ริมฝีปากสัมผัสกับมือของเขาพอดี
นุ่มชะมัด มุนบินนึกในใจ
"ไหนดูซิได้การ์ดใคร" มุนบินชี้แผ่นกระดาษแข็งในมือของอีกฝ่าย มินฮยอกหยิบมันขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นของ'นิวท์ สคามันเดอร์'
"อันนั้นฉันยังไม่มีเลยแฮะ"
มุนบินว่า
"งั้นผมให้"
มินฮยอกว่าพลางยื่นการ์ดให้คนอายุมากกว่า มุนบินรีบส่ายหัว
"นั่นของนาย เก็บไว้แหละดีแล้ว"
มุนบินจับที่ข้อมือของเด็กชายข้างหน้าแล้วดันกลับไปที่ตัวเขา
มินฮยอกตกใจนิดๆที่อยู่ๆอีกฝ่ายจับตัวเขา
ความร้อนแล่นสู่แก้มและใบหูอีกครั้ง นั่นทำให้มินฮยอกพยายามหลบตาอีกฝ่ายในทันที
เสียงเอี๊ยดของล้อรถไฟเป็นสัญญาณว่าถึงที่หมายแล้ว
เสียงอึกทึกคึกโครมดังมาจากด้านนอกตู้โดยสารของพวกเขา เด็กนักเรียนฮอกวอตส์รีบพากันออกจากรถไฟทันที่มันหยุดลง
"คนเยอะจัง"
มินฮยอกพึมพำเบาๆ ทำให้มุนบินหันไปมอง
"งั้นนั่งอยู่นี่สักพักละกัน"
เจ้าของคำพูดนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากมุนบิน เขาว่าพลางยิ้มให้คนเด็กกว่า มินฮยอกพยักหน้าเบาๆก่อนจะทิ้งตัวลงไปพิงที่โซฟาของตน
เมื่อคนเริ่มน้อยลงแล้วมินฮยอกจึงลุกขึ้นบ้าง
เขาหยิบกรงนกฮูกของตนขึ้นมาแล้วเดินออกจากรถไฟโดยที่ด้านหลังมีมุนบินเดินตามมา
"เรา... จะยังได้เจอกันอยู่อีกใช่ไหมฮะ?"
เขาถามออกไป ถึงแม้ว่าจะได้เจอกันอีกแน่นอนก็เถอะ แต่ฮอกวอตส์มันใหญ่เกินไปสำหรับเขานี่
"เจอสิ เจอแน่"
มุนบินยิ้มให้เขาอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเด็กปีหนึ่งออกไปจนหมดแล้ว
มินฮยอกหันมาหาคนตัวสูงกว่าแล้วมองอย่างสงสัย
"พี่ไม่ไปคุมเด็กหรอ?"
"คุมเด็กตรงนี้สนุกกว่า"
คนแก่กว่าว่าพลางยักไหล่ "นายควรสวมผ้าคลุมได้แล้วนะ"
"สนุกอะไรเล่า"
มินฮยอกมุ่ยหน้าแล้วหยิบผ้าคลุมที่มีสีแดงแซมและตราสัญลักษณ์สิงโตขึ้นมาสวม พูดยังไม่ทันจบก็มีคนจากบ้านสลิธีรินอีกคนเดินมุ่งหน้ามาที่ที่พวกเขายืนอยู่
อันฮเยจิน ประธานนักเรียนฝ่ายหญิงของฮอกวอตส์มองไปที่มุนบิน
"คุณมุน กรุณารีบมุ่งหน้าไปที่รถม้าของพรีเฟ็คด้วยค่ะ
ดิฉันตามหาคุณตั้งนาน ไม่นึกนะคะว่าคุณจะอยู่กับเด็กกริฟฟินดอร์ได้น่ะ" ฮเยจินว่าพลางมองไปที่มินฮยอก
"แค่คนนี้เท่านั้นแหละครับคุณประธานนักเรียน
มีเท่านี้ใช่ไหมครับ?" มินฮยอกรู้สึกถึงความร้อนที่เห่อขึ้นหน้าเมื่อได้ยินชายผมสีเงินพูด
"เท่านี้แหละค่ะ
ขอโทษที่เสียมารยาทด้วย" ฮเยจินกล่าวก่อนตะสะบัดผ้าคลุมออกไป ทิ้งให้มินฮยอกอยู่ตามลำพังกับมุนบินอีกครั้ง
"ไปนะ แล้วเจอกัน"
มุนบินหยิบกรงนกฮูกตัวใหญ่ขึ้นจากพื้นพลางโบกมือให้กับมินฮยอก ก่อนจะหยุดแล้วหันมาหาเจ้าของผมสีปีกกาอีกครั้ง
"รีบๆเดินไปที่รถม้าด้วยล่ะ เดี๋ยวสายอีกรอบฉันไม่รู้ด้วยนะ" คนผมสีเงินยิ้มมุมปากก่อนจะหันหลังกลับและเดินไปที่รถม้าของพรีเฟ็ค
___________
มินฮยอกยังคงเขินอยู่กับบทสนทนากับมุนบินเมื่อครู่
เขาเดินตามแถวพวกปีสี่ไปสักพักก็เห็นรถม้าสีดำกับม้าตัวใหญ่แต่มีแต่หนังหุ้มกระดูกมีปีกค้างคาวสีดำอยู่บนหลังของพวกมัน
ใช่ เขาเห็นมัน เขาไม่เคยชินสักทีกับการเห็นเธสทรัลตัวใหญ่
"ยังไม่ชินอีกหรอคุณมินฮยอก?"
เสียงทุ้มดังข้างหลังเขา มินฮยอกสะดุ้งแล้วหันกลับไปมองและเจอกับสเวตเทอร์เก่าๆของอีกฝ่าย
มินฮยอกดึงสายตาไปตามองศาคอของเขาจนหยุดที่ใบหน้าของคนตัวสูงตรงหน้า คนตัวสูงยิ้มให้เขาแต่ด้วยความที่แสงอาทิตย์มันสว่างเกินไปและหนวดเคราของคนตัวสูง
เขาเลยไม่เห็นมัน
"ค-ครับ"
มินฮยอกพยักหน้า "ยังไงก็ไม่ชินสักที"
คนตัวสูงมองมินฮยอกด้วยสาตาเศร้าๆก่อนจะตบที่หลังเขา'เบาๆ' ถึงแม้มันจะทำให้มินฮยอกหลังแทบหักก็ตาม แต่เขารู้ว่าคนตัวยักษ์นั้นหวังดี
"ฉันหวังว่าเธอจะชินกับมันเร็วๆนะ
มันน่ารักกว่าที่เธอคิด เอ้าฮึ้บ!" มินฮยอกลอยหวือไปบนรถม้า ชายร่างยักษ์ยกเขาได้สบายๆ
เขาโค้งขอบคุณก่อนจะเดินไปนั่งที่ยังว่างอยู่ บนรถม้ามีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วสามคน มีเด็กผู้ชายสองคน
และผู้หญิงอีกหนึ่ง
"หวัดดีมินฮยอก"
เด็กผู้ชายข้างๆเขาทักมินฮยอก เขาคนนั้นคือ มาร์คลี เพื่อนสนิทของพัคมินฮยอกตั้งแต่ปีแรก
อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเชสเซอร์ของทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์อีกด้วย
"มาร์ค~~
ฉันคิดถึงนายจัง" กลุ่มผมสีปีกกาขยับมาวางลงบนลาดไหล่ของเพื่อนสนิท
"คนอื่นมาเห็นเขาจะคิดว่าพวกนายเป็นคนรักกันนะ"
เสียงเล็กแหลมของชเวยูจอง เพื่อนอีกคนของมินฮยอกดังขึ้นมาจากที่นั่งด้านหน้า
"ชินแล้วล่ะ ฉันไม่สนใจหรอก"
มินฮยอกว่า
"ฉันก็ชินแล้วเหมือนกัน"
มาร์คว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"ชานฮีไม่พูดอะไรหน่อยหรอ?
ไอพวกนี้ตัวติดกันเกินไปแล้วนะ!"ยูจองสะกิดเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
"ฉันเบื่อจะพูดแล้วล่ะ"
เสียงทุ้มของชานฮีกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
"หันกลับไปได้แล้วยูจอง
รถจะออกแล้ว" มาร์คสะบัดมือไล่ผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่มให้กลับไปนั่งที่
"เอาล่ะ จะออกเดินทางกันแล้วนะ!
ห้ามยื่นแขนออกไปนอกรถด้วยล่ะ!" ผู้ชายร่างยักษ์ตะโกน
เสียงเด็กนักเรียนคนอื่นร้องออกมาด้วยความดีใจ เธสทรัลเริ่มออกเดิน มันช่างสวยงาม แต่ก็น่าสะพรึงกลัว
มินฮยอกกลับรู้สึกว่าเขาชอบสัตว์พวกนี้ซะแล้วล่ะ
"เมื่อกี้ได้นั่งกับสลิธีรินปีห้าบนรถไฟด้วยล่ะ"
มินฮยอกว่า
"สลิธีริน?
ได้ไง?" มาร์คลีก้มมองคนที่กำลังพิงไหล่ของเขา
"ก็มาสายนิดหน่อย
แล้วเหลือแค่ตู้เขาตู้เดียวน่ะ" มินฮยอกมองหน้าอีกคน พอเห็นสีหน้าเด๋อด๋าของเขาแล้วก็หลุดขำออกมา
"เขาไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก
ออกจะดูแลฉันด้วยซ้ำ" มินฮยอกว่าท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนสนิท
"สลิธีริน?
ดูแล? นายยังไม่ตื่นใช่ไหมมินฮยอก?"
เจ้าของชื่อทุบไปที่เพื่อนสนิทของเขาด้วยความไม่พอใจ
เสียงเกือกม้ากระทบพื้นหยุดลง
รถม้าได้มาถึงที่หน้าประตูบานใหญ่ของปราสาท มินฮยอกรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาที่ฮอกวอตส์สักที
หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้เข้าหอไปเขียนจดหมายถึงพี่สาวของเขาเรื่องรุ่นพี่ปีห้าที่เขาได้เจอ
รูปภาพขยับได้ที่อยู่ในโถงทางเดินโบกมือทักทายพวกเขาพร้อมกับกล่าวคำว่ายินดีต้อนรับกลับตลอดทาง
พวกเขามุ่งหน้าไปที่โถงใหญ่ของฮอกวอตส์
เมื่อประตูเปิดออก เผยให้เห็นกำแพงโถงที่ส่องแสงสีทอง ประดับไปด้วยเชิงเทียนลอยกลางอากาศเหนือหัวทุกคน
หลังคาถูกร่ายคาถาให้โปร่งใสเพื่อที่จะได้เห็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ธงสัญลักษณ์ของแต่ละบ้านถูกติดตั้งไว้ที่กำแพงในแต่ละมุมของห้อง
ภายในมีโต๊ะทอดยาวอยู่หกแถว สี่แถวเป็นของเด็กแต่ละบ้าน หนึ่งสำหรับบรรดาศาสตราจารย์
และแถวสุดท้ายสำหรับเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามา พวกมินฮยอกรีบไปนั่งที่โต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์แทบจะในทันทีที่มาถึง
เด็กบ้านอื่นๆทยอยเข้ามานั่งจนเต็มโต๊ะและตามมาด้วยเด็กปีหนึ่ง
เด็กปีหนึ่งทั้งหมดถูกนำไปที่โต๊ะยาวโดยพวกพรีเฟค หนึ่งในนั้นมีพัคจินอู พี่ชายที่เขารู้จัก
เขาเป็นพรีเฟ็คและกัปตันทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ ขณะที่จินอูกำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตนเขาก็สังเกตเห็นน้องชายตัวเล็กของตนที่ไม่ได้เจอกันเสียนานก่อนจะยิ้มให้มินฮยอก
เจ้าของผมสีขนอีกายิ้มตอบอีกคน มินฮยอกมองไปที่โต๊ะเรเวนคลอแล้วกวาดตาสักพักก็พบชาอึนอู
น้องชายของนาราเพื่อนของพี่สาวของเขา เขาพบว่าอึนอูก็กำลังมองหาตนอยู่เหมือนกัน คนอายุมากกว่ายิ้มให้เขาเมื่อมินฮยอกยกมือขึ้นมาโบกทักทาย
นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ของเขาหยุดอยู่ที่โต๊ะของสลิธีริน
มินฮยอกรู้สึกเหมือนกำลังถูกมองอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น และมันก็จริงอย่างที่เขาคิด ตาของเขาพบกับเส้นผมสีเงินอันเป็นเอกลักษณ์ไปเสียแล้วสำหรับมินฮยอกต่อมุนบิน
สายตาเลื่อนลงมาสบที่ใบหน้าของอีกฝ่ายและพบว่ามุนบินกำลังเท้าคางมองตัวเขาอยู่พร้อมรอยยิ้มเล็กๆประดับบนใบหน้า
เด็กชายยิ้มตอบรุ่นพี่เช่นกัน
เสียงเก้าอี้กระแทกพื้นดังก้องจากหน้าห้องโถงไปสู่ด้านหลังของห้องโถง
ส่งผลให้ทุกคนหันหน้าไปที่ด้านหน้าของห้อง ยกเว้นมินฮยอกที่สะดุ้งจนตัวเด้งขึ้นมาจากเก้าอี้
ภาพนั้นอยู่ในสายตาของมุนบินทั้งหมด เขายิ้มให้กับพฤติกรรมของคนตัวเล็กก่อนจะส่ายหัวเบาๆแล้วหันไปที่ด้านหน้าของห้อง
ปรากฏเห็นเป็นแมวลายจุดสีน้ำตาลเทาอยู่บนโพเดียม ก่อนที่มันจะกระโดดลงมาและกลายเป็นศาสตราจารย์กาฮี
เรียกเสียงฮือฮาจากเด็กปีหนึ่งทุกคนได้เป็นอย่างดี
"ความประทับใจแรกของฉันคงจะเป็นความซุ่มซ่ามซะแล้วสิ"
หญิงหน้าตาสะสวยหัวเราะหลังจากการแปลงร่างเป็นแมวแล้วกระโดดขึ้นโพเดียมนั้นจะสร้างจุดสนใจให้เธอก่อนจะเรียกความสนใจเองเสียอีก
"ยินดีต้อนรับผู้วิเศษหน้าใหม่ในรั้วโรงเรียน
และยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้งสำหรับนักเรียนเก่าทุกๆคน" เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง
หนึ่งในนั้นก็มีของมินฮยอกด้วย
"ฉันศาสตราจารย์กาฮี
ทุกคนคงจะรู้จักฉันแล้ว ถ้าเธอไม่คุ้นชื่อฉันก็ขอให้เธออ่านจดหมายทุกฉบับอย่างละเอียดหน่อยล่ะนะ
ไม่อย่างนั้นฉันคงเสียแรงเซ็นชื่อไปอย่างเปล่าประโยชน์" เธอว่าพลางยิ้ม เธอพูดต่อเกี่ยวกับเรื่องของโรงเรียนเพิ่มเติมจากที่รู้กันมาเบื้องต้น
แนะนำศาสตราจารย์ในโรงเรียน กฎ ข้อบังคับ เธอพูดข้อนี้อย่างสั้นๆเนื่องจากเหตุผลของเธอที่ว่าไม่อยากให้เด็กๆเบื่อ
ซึ่งตรงนี้เธอเน้นว่าสามารถถามพรีเฟ็คของแต่ละบ้านได้หากไม่เข้าใจตรงส่วนไหน เธอว่าต่อเรื่องพื้นที่ที่สามารถไปได้และไม่สามารถไปได้
และเมื่อเธอพูดจบก็ถึงเวลาสำคัญ ศาสตราจารย์ฮโยจองได้ถือหมวกหน้าตายับยู่ยี่สีน้ำตาลแก่มาวางไว้ตรงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของด้านหน้าห้องโถง
หมวกคัดสรร
"เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
คุณจง เฉินเล่อ" ศาสตราจารย์กาฮีหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอออกมาแล้วสะบัดเล็กน้อย
ก่อนที่จะมีเศษกระดาษลอยอยู่ด้านหน้าของเธอ
เด็กผู้ชายเจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ตะหนกเล็กน้อย เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่ก่อนที่ศาสตราจารย์ฮโยจองจะวางหมวกคัดสรรไว้บนหัวของเขา
"ฮัฟเฟิลพัฟฟ์!!!" หมวกคัดสรรตะโกนก่อนจะถูกนำออก เฉินเล่อรีบวิ่งไปที่โต๊ะของฮัฟเฟิลพัฟฟ์ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
เสียงโห่ร้องดังมาจากเด็กนักเรียนในชุดคลุมคอปกสีเหลือง เสียงขานชื่อจากศาสตราจารย์กาฮียังคงดังอยู่
ตามมาด้วยเสียงตะโกนของหมวกคัดสรร และเสียงต้อนรับของสมาชิกบ้านนั้นๆที่ได้รับเลือก
มินฮยอกปรบมือเสียงดังทุกครั้งที่ชื่อกริฟฟินดอร์ถูกขาน
การคัดสรรกินเวลาไปสักพัก
มินฮยอกกวาดสายตาไปที่โต๊ะของสลิธีรินแก้เบื่อ ในใจหวังว่าจะได้เห็นพรีเฟ็คผมสีเงินคนนั้น
และเขาใช้เวลาสักพักก็พบมุนบิน หน้าของเขาดูเรียบเฉย ไม่มีความสนใจในกิจกรรมข้างหน้าแม้แต่น้อย
เจ้าของเรือนผมสีเงินละสายตาออกจากด้านหน้าห้องโถงก่อนจะรู้สึกถึงสายตาคนเด็กกว่าที่กำลังจ้องมองตน
มินฮยอกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมุนบินมองมาที่เขาแล้วยิ้มแบบที่เคยยิ้มให้เขาบนรถไฟ
แก้มของมินฮยอกขึ้นสีชมพูอ่อนจนยูจองที่นั่งตรงข้ามเขาสังเกตเห็น
"สะดุ้งอะไรน่ะ
เห็นผี?"
"ไหนใครพูดถึงผีเอ่ย?"
เซอร์นิโคลัสหรือที่เรียกกันอย่างแพร่หลาย'นิคหัวเกือบขาด'
โผล่ขึ้นมากลางโต๊ะที่มินฮยอกกำลังนั่งอยู่ ยูจองสะดุ้งจนก้นไม่ติดเก้าอี้
"เซอร์นิโคลัส!"
ภาพนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในบริเวณ
"เอาล่ะ การคัดสรรได้จบลงแล้ว
พรีเฟ็คทั้งหลาย กรุณาดูแลเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในบ้านของพวกเธอด้วย หากพวกเขามีคำถาม
ก็จงให้คำตอบพวกเขาด้วย" ศาสตราจารย์กาฮีหยุดสักพักก่อนจะยิ้มออกมา "ถึงเวลาของงานเลี้ยงต้อนรับกันแล้ว"
เสียงฮือฮาดังไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่
บรรดาอาหารหน้าตาน่ากินต่างก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะของพวกเขา มินฮยอกมองนักเรียนคนอื่นกำลังตักอาหารของตน
เห็นดังนั้นเขาจึงหยิบจานมาตักอาหารบ้าง มินฮยอกตักไปครบทุกอย่างแล้วแต่กลับมีสิ่งสำคัญขาดหายไปอย่างนึง
ดวงตากลมโตกวาดหาขนมปังบนโต๊ะก่อนจะพบตะกร้าขนมปังอยู่ฝั่งขวามือของเขา จินอูที่นั่งข้างๆเขาเลื่อนตะกร้ามาให้มินฮยอกทันทีที่เห็นว่าเขายื่นมือออกมาเพื่อจะไปหยิบขนมปัง
"ขอบคุณฮะ"
"มินฮยอกของเราเป็นยังไงบ้างเนี่ย
มีเรื่องเกี่ยวกับช่วงปิดเทอมมาเล่าให้ฟังบ้างไหม?" ชายผมสีเขียวกล่าว
"ก็ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวาน่ะฮะ
มีแค่กิน เล่นโทรศัพท์ เต้น นอน" มินฮยอกทำเสียงอ้อมแอ้ม เขาไม่อยากคุยเกี่ยวกับเรื่องโลกมักเกิ้ลมากเท่าไหร่
ถึงเขาจะเป็นนักเรียนคะแนนท็อปในวิชามักเกิ้ลศึกษาและเชี่ยวชาญเทคโนโลยีที่สุดก็เถอะ
"ฉันไม่เข้าใจว่าเครื่องมือของมักเกิ้ลมันสนุกยังไง
ฉันใช้มันไม่เป็นด้วยซ้ำ" จินอูกล่าว
"มันขึ้นอยู่กับความเคยชินน่ะฮะ
ผมที่อยู่ในครอบครัวมักเกิ้ลบอร์นก็ต้องคุ้นเคยอยู่แล้ว" ว่าแล้วมินฮยอกก็หยิบไอพอดและหูฟังที่เขาแอบพกมาให้จินอูดู
นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในการใช้ชีวิตของมินฮยอกเลยล่ะ
"เครื่องเล่นเพลงของมักเกิ้ลน่ะฮะ"
มินฮยอกเห็นหน้าตางงงวยของพี่ชายข้างกาย จินอูพยักหน้าให้น้องชายข้างตัวก่อนจะจัดการอาหารที่ตัวเองตักมา
มินฮยอกเห็นดังนั้นจึงกินต่อก่อนจะหันไปที่โต๊ะของสลิธีรินอีกครั้ง เขาเห็นมุนบินกำลังยัดชิ้นเนื้อเข้าแก้มทั้งสองข้างของเขาจนมันพองเหมือนกับกระรอกผิดวิสัยสลิธีริน
เจ้าของตาเรียวเห็นมินฮยอกหันมามองเขาก็รีบกลืนของที่อยู่ในปากเขาลงไปและทำหน้าขรึมเช่นกัน
เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากมินฮยอกได้อย่างดี เช่นเดียวกันกับมุนบิน มุมปากเขายกขึ้นน้อยๆเช่นกัน
บทสนทนาในโต๊ะของมินฮยอกต่อมาคือควิดดิช
จินอูเป็นคีพเปอร์ให้กับกริฟฟินดอร์มาได้ประมาณห้าปีแล้ว เขาคุยเรื่องแผนการ กลยุทธ์เก่าๆกับมินฮยอกจนไปถึงไม้กวาดสำหรับแข่งควิดดิชรุ่นใหม่ที่กำลังจะออก
เมื่ออาหารหมดลงจินอูก็ยืนขึ้นและทำหน้าที่พรีเฟ็คที่ดี เขาต้อนเด็กปีหนึ่งไปที่ทางออกก่อนจะนำทางไปที่ห้องรับรองของบ้านกริฟฟินดอร์
ซึ่งประตูทางเข้าเป็นรูปวาดของสุภาพสตรีอ้วน เขาพูดรหัสลับก่อนประตูข้างหลังภาพใบใหญ่จะเปิดออก
จินอูเดินนำเข้าไปและบอกทางไปห้องพักสำหรับนักเรียนหญิงและชาย
มินฮยอกเดินตามหลังขบวนปีหนึ่งกับเพื่อนของตน
เขาเห็นสายตาเด็กผู้หญิงปีหนึ่งมองอยู่เป็นระยะ มินฮยอกยิ้มให้เด็กพวกนั้นแล้วโบกมือให้
ส่งผลให้เกิดเสียงวี้ดว้ายในหมู่เด็กปีหนึ่งก่อนที่พวกมินฮยอกจะหัวเราะออกมาก่อนเดินเข้าห้องนั่งเล่นรวมของบ้าน
___________
"ว่าไงลูน่า"
มินฮยอกทักทายนกฮูกสีขาวของตนทันทีที่ถึงห้องนอน ลูน่าไม่ส่งเสียงร้องอะไรและบินมาเกาะบริเวณใกล้ๆมินฮยอก
"ได้คุยกับนกฮูกของพี่มุนบินบ้างหรือเปล่า?" เขายื่นมือไปลูบสัตว์เลี้ยงของเขาด้วยความคิดถึง
"ให้ตายเถอะมินฮยอก
เพิ่งเจอเขาแค่วันเดียวก็เพ้อขนาดนี้แล้วหรอ" เสียงจินอูที่กำลังนอนอยู่เตียงข้างๆแล่นเข้าโสตประสาทของมินฮยอก
ส่งผลให้ใบหน้าของเขาขึ้นสีชมพูเป็นรอบที่ล้านของวันได้แล้วกระมัง
"เอาจริงๆนะ ฉันเคยเห็นเจ้าเด็กมุนบินนั่นสองสามครั้ง
ก็ดูเป็นคนดีอยู่หรอก แต่ถ้าเป็นสลิธีรินฉันก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกนะ"
"อย่าตัดสินหนังสือเพียงเพราะปกสิฮะพี่จินอู"
มินฮยอกว่าพลางพาลูน่ากลับเข้ากรงของเธอ มือเล็กขยี้ตาของตนเพราะรู้สึกง่วงขึ้นมา
"ฝันดีฮะ"
มินฮยอกเดินขึ้นเตียงแล้วพูดตัดบทก่อนจินอูจะขัดเขาอีกประโยค
"ฝันดีมินฮยอก"
เปลือกตาของมินฮยอกเลื่อนมาประกบกัน
ความเหนื่อยล้าของวันนั่นทำให้เขาดูท่าจะง่วงไวกว่าที่คิด ในหัวคิดถึงชีวิตในฮอกวอตส์ที่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ทำให้เขาแทบรอไม่ไหวว่าจะเจออะไรบ้าง มินฮยอกคิดเรื่อยเปื่อยไปสักพักก็ผลอยหลับไป
--------
Let's Talk!
สวัสดีค่ะ เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว ทั้งๆที่เรื่องเก่ายังเขียนไม่จบเลย
แง อย่าทำเลา พักนี้เราชอบคู่มุนบินกับร็อคกี้มากๆเลยล่ะค่ะ แถมแฮรี่พอตเตอร์ก็กลับมาฉายใหม่อีก
เราก็เลยคันมืออยากเขียนขึ้นมา ขอบคุณที่คลิ๊กเข้ามาอ่านนะคะ เราจะพยายามเขียนให้ต่อเนื่องนะคะ
ทุกคนช่วยภาวนาให้เราไม่หมดไฟกลางคันด้วยนะคะ /กราบ
#สลิธีรินคนนั้น
ความคิดเห็น