ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Astro] That Certain Slytherin [BinHyuk] #HogwartsAU

    ลำดับตอนที่ #4 : Ch.4 White Serpent

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 222
      16
      22 ก.ย. 61

    Ch. 4

    White Serpent


     

                    ตั้งแต่วันนั้นที่ศาสตราจารย์ฮโยจองมาหามินฮยอกที่ห้องพยาบาล เขาก็รู้สึกถึงสายตาแปลกๆของเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่จ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่หายดีและออกจากห้องพยาบาลได้ แถมพักนี้ดงมินก็ชอบมาหาเขาบ่อยๆในช่วงพักกลางวัน ยิ่งโหมไฟของข่าวลือว่ามินฮยอกกับดงมินคบกันให้แรงขึ้นไปอีก มินฮยอกจึงต้องลี้ภัยมาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้านตัวเอง


     

                    “นายไม่คิดจะแก้ข่าวหน่อยหรอ มินฮยอก” ยูจองว่าระหว่างที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่


     

                    “ไม่อ่ะ บอกไปยังไงพวกเขาก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี” คนผมสีขนกาที่มีแถบไฮไลท์สีส้มแดงแซมอยู่ตอบเพื่อนตัวเล็กของตน มินฮยอกนอนอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่ยืมมาจากห้องสมุดกินพื้นที่โซฟาหน้าเตาผิงไปทั้งหมด “อีกอย่าง ข่าวลือก็มีอยู่ได้ไม่นานหรอก อีกสักพักก็คงซาลงไป”


     

                    “ไม่อยากแก้เพราะว่าขี้เกียจหรือว่าเป็นเรื่องจริงกันล่ะ?” เสียงนิ่งๆของคังชานฮีดังขึ้นด้านหลังโซฟา


     

                    “ก็เหมือนกับเรื่องนายกับรุ่นพี่โรอุนนั่นแหละ เรื่องนี้ก็ดูท่าว่าจะเป็นหัวข้อใหญ่อีกเรื่องนะ” มินฮยอกลุกขึ้นมาสวนกลับทันควัน ปล่อยให้ชานฮีนิ่งไปจนเหมือนโดนสาปให้กลายเป็นหิน


     

                    “แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ข่าวลือ” มินฮยอกว่า รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปาก เขาค่อนข้างมั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างโรอุนกับชานฮี เพราะเขาบังเอิญไปเห็นทั้งคู่นัดเจอกันที่หน้าห้องน้ำชายชั้นสามตอนที่เขาเพิ่งจัดการย้อมผมของตัวเองเสร็จ


     

                    “ชานฮี....ทำไมเงียบล่ะ” หนังสือในมือของยูจองดูด้อยค่าลงไปเลยเมื่อมินฮยอกพูดถึงเรื่องของชานฮี เธอปิดมันและวางลงไปที่ตักของตน “หรือว่ามันจะจริง?...”


     

                    “ฉันว่าเรารีบเตรียมตัวไปเรียนคาบต่อไปกันดีกว่า ช่วงพักกลางวันจะหมดแล้ว” ชานฮีที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นในทันที มินฮยอกเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้น รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าเมื่อยูจองมองหน้าเขาด้วยความต้องการคาดคั้นความจริงออกจากปากของเขา


     

                    “ไว้ค่อยหาเวลาขอโทษเจ้านั่นละกัน” มินฮยอกยักไหล่ เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอีกคน ทิ้งยูจองให้นั่งทำหน้างงอยู่คนเดียว


     

                    “เจ้าบ้า!! บอกฉันก่อนสิยะ!!


     

                    ยูจองเดินตามพวกมินฮยอกจนมาถึงนอกปราสาท พยายามที่จะคาดคั้นคำตอบจากพวกเขาแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มกวนประสาทจากมินฮยอกกับใบหน้านิ่งๆของชานฮีที่ตอนนี้ดูใจเย็นลงแล้ว ยูจองจึงหยิกเข้าไปที่หลังของเพื่อนชายทั้งสองจนร้องโอดโอย


     

                    “มาร์คน่าจะอยู่ด้วย เสียดายจัง คงจะหยุดเสียงยัยนี่ได้” มินฮยอกบ่นถึงเพื่อนอีกคนที่ไม่อยู่ เพราะมาร์คได้เลือกวิชาเสริมคนละอย่างกับเขา


     

                    “แย่หน่อยนะจ๊ะ พ่อซีคเกอร์เนื้อหอม” ยูจองเยาะเย้ยอีกฝ่าย “ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง”


     

                    “ถามชานฮีเอาสิ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบเธอหรือเปล่านะ” เจ้าของผมสีปีกกาแซมแดงพยักพเยิดไปทางเพื่อนอีกคนที่กำลังเดินอยู่เงียบๆ


     

                    “ค่อยบอกทีหลังได้ไหม?” ชานฮีหันมาทำหน้าขอร้องใส่ยูจอง ซึ่งเธอไม่ใช่คนพูดยากอะไรจึงตอบตกลง


     

                    ทั้งสามคนหยุดอยู่ที่ด้านหน้าทุ่งหญ้าโล่งกว้างหลังปราสาทสำหรับเรียนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่มาถึงก่อนนักเรียนคนอื่นๆ ศาสตราจารย์ประจำวิชากำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ตรงกลางทุ่งหญ้า ในมือของเขามีสัตว์คล้ายตัวตุ่นปากเป็ดแต่ตัวอ้วนกว่าและมีขนสีดำ เขาจับมันห้อยหัวและเขย่าก่อนจะมีของมีแสงระยิบระยับหล่นออกจากกระเป๋าหน้าท้องของมัน รวมไปถึงต่างหูที่หายไปของมินฮยอกด้วย


     

                    “นั่นต่างหูผม!” มินฮยอกตะโกนขึ้น เรียกความสนใจของศาสตราจารย์ประจำวิชาให้หันไปหาเขา ขาเรียวของมินฮยอกพาร่างของเขาไปใกล้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว


     

                    “ขโมยของนักเรียนอีกแล้วนะเจ้าตัวแสบ” ชายหนุ่มว่าก่อนจะส่งสายตาคาดโทษให้กับสัตว์ประหลาดในมือก่อนจะให้มินฮยอกหยิบต่างหูของเขาที่ถูกขโมย


     

                    “นั่นตัวอะไรหรอฮะศาสตราจารย์โยซอบ” เด็กชายเก็บต่างหูของต้นไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วมองไปที่สัตว์ตัวอ้วน ก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะเดินเข้ามาสมทบ


     

                    “นิฟเฟลอร์น่ะ แต่ฉันจะบอกแค่นี้ก่อนนะ เพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบนักเรียนคนอื่น” ศาสตารจารย์ตาโตว่าขณะกำลังเขย่านิฟเฟลอร์อีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในตัวของมันอีก เสียงจอแจของนักเรียนคนอื่นๆเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่าคาบเรียนกำลังจะเริ่มขึ้น โชคดีของมินฮยอกที่ไม่ต้องเรียนรวมกับพวกสลิธีรินในคาบนี้ แต่แลกมาด้วยการเรียนร่วมกับเรเวนคลอที่กำลังจ้องเขาอย่างสนอกสนใจ ซึ่งบางสายตาก็ไม่เป็นมิตรนัก ก็ดงมินน่ะเปรียบเสมือนสมบัติของเรเวนคลอเลยนี่นา


     

                    “ไปรวมกับคนอื่นได้แล้ว” ศาสตราจารย์ตัวเล็กว่าพลางอุ้มตัวนิฟเฟลอร์ให้อยู่นิ่งๆแล้วกอดมันไว้อย่างแน่นหนา พวกมินฮยอกเดินกลับเข้าไปรวมกลุ่มกับนักเรียนคนอื่นๆ เสียงซุบซิบยังคงเกี่ยวกับเรื่องของเขากับดงมิน มันทำให้มินฮยอกรำคาญใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นหรือแสดงอาการไม่ชอบใจอย่างใด


     

                    “สวัสดีนักเรียนทุกคน วันนี้เราจะมาเรียนเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ ไหนใครตอบได้บ้างว่าเจ้านี่เรียกว่าอะไร ยกเว้นสามคนที่มาถึงก่อนนะ” โยซอบลุกขึ้น มือเล็กๆของเขาเกาท้องเจ้าตัวอ้วนในอ้อมแขน มันส่งเสียงเล็กๆของมันออกมาอย่างน่ารัก เป็นเหตุให้เสียงแหลมสูงของนักเรียนหญิงหลายคนถูกส่งออกมา แขนเรียวยาวของผู้หญิงตัวสูงในหมู่เรเวนคลอถูกยกขึ้นเพื่อตอบคำถามของศาสตราจารย์


     

                    “คุณคิม” โยซอบขานนามสกุลของเธอคนนั้น ปากสีแดงสดของเธอขยับและพูดชื่อของสัตว์ในมือของชายตัวเล็ก


     

                    “เจ้าตัวนั้นเรียกว่านิฟเฟลอร์หรือเปล่าคะ?”


     

                    “ถูกต้อง เก่งมากคุณคิมโดยอน” โยซอบยิ้ม “เจ้าตัวนี้คือนิฟเฟลอร์ มีนิสัยชอบเก็บของแวววาวมาใส่กระเป๋าหน้าท้องของมัน ตรงนี้” เขาว่าพลางตบที่ท้องของมันเบาๆก่อนจะพูดต่อ “ซึ่งมันมีพื้นที่เยอะมากเหมือนโดนร่ายคาถาขยายพื้นที่เลยล่ะ มันมักจะอาศัยอยู่ใต้พื้นดินประมาณ20ฟุตได้ ค่อนข้างที่จะควบคุมยากนิดหน่อย แต่ถ้าฝึกมันดีๆมันก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีประโยชน์มากเลยล่ะนะ”


     

                    “แล้วพวกเธอรู้หรือเปล่าว่าเจ้าตัวพวกนี้ยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่าง สิ่งนั้นมันคืออะไร คราวนี้มีคะแนนให้นะ” โยซอบถามคำถามอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่โดยอนที่เป็นคนตอบ


     

                    “ค้นหาสมบัติใต้ดินในพื้นที่ที่โดนคำสาปฮะ” มินฮยอกกลับมาเป็นจุดเด่นอีกครั้ง


     

                    “ถูกต้อง ให้กริฟฟินดอร์ 5 คะแนน” โยซอบดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาสะบัดก่อนกรงบรรจุนิฟเฟลอร์หลายตัวจะลอยมาตั้งด้านหลังเขา “โดยเราจะมาเล่นเกมกัน โดยใช้ความสามารถของเจ้าพวกนิฟเฟลอร์พวกนี้ เลือกตัวที่ชอบได้เลย แต่อย่าลืมนำมาคืนหลังจบคาบด้วยนะครับ”


     

                    กรงของนิฟเฟลอร์ถูกปลดล็อค ภายในมีนิฟเฟลอร์จำนวนหลายตัว โดยแต่ละตัวมีสีขนเข้มไม่เท่ากันแต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นโทนสีดำ นักเรียนทั้งหมดกรูเข้าไปเลือกนิฟเฟลอร์ที่ตัวเองชอบ เหลือไว้เพียงแค่มินฮยอกที่ยืนดูอยู่ด้านนอก


     

                    “ไม่เข้าไปเลือกหรอคุณพัค?” โยซอบเดินมาหาเขาด้วยความแปลกใจ


     

                    “ผมรอให้คนอื่นเลือกก่อนดีกว่า ผมไม่ชอบการตะลุมบอนสักเท่าไหร่น่ะฮะ” มินฮยอกยิ้มบางๆก่อนเกือบจะหงายหลังลงไปเมื่อมีนิฟเฟลอร์หนึ่งตัวปีนออกมาจากกรงแล้วกระโดดขึ้นมาเกาะที่หน้าของเขาพอดิบพอดี


     

                    “เจ้าตัวนี้ไม่ค่อยอยากมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์สักเท่าไหร่เลยนะครับโดยปกติแล้ว” โยซอบกล่าวอย่างประหลาดใจ “ดูท่าเจ้าตัวนี้จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากคุณแน่ๆ”


     

                    “รุนแรงจังเลยนะเจ้าอ้วน” มินฮยอกที่อยู่บนพื้นดึงนิฟเฟลอร์ที่กำลังเกาะหน้าของตนออกจากการเกาะกุมก่อนจะยิ้มให้มัน “แล้วจะเอามันมาทำอะไรหรอฮะ?”


     

                    “ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไงล่ะ” โยซอบยิ้มก่อนจะเกาคางเจ้าตัวที่อยู่ในอ้อมอกตัวเอง


     

                    “เอาล่ะทุกคน เลือกกันหมดแล้วใช่ไหม” นักเรียนทุกคนในพื้นที่ขานรับ “ดีมาก ใต้ทุ่งหญ้าพวกนี้ฉันฝังเหรียญทองเอาไว้ ให้ใช้นิฟเฟลอร์ของแต่ละคนหามัน ใครหาได้มากที่สุดฉันมีรางวัลให้”


     

                    “อ้อ แล้วถ้าคิดจะขโมยล่ะก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะเมื่อเกมจบเหรียญพวกนี้ก็จะหายกลายเป็นอากาศยังไงล่ะ” โยซอบยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าผิดหวังของเด็กชายบางคน “เริ่มได้!


     

                    นิฟเฟลอร์ของมินฮยอกกระโดดออกจากมือของเขาในทันทีเมื่อได้รับสัญญาณ มันดมวนรอบๆพื้นที่ที่โยซอบยืนอยู่ก่อนที่มันจะลงมือขุดอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีเหรียญทองฝังไว้อยู่สองเหรียญ และเหรียญที่สามก็ตามมาเมื่อมันขุดลึกลงไปอีก


     

                    “เก่งแฮะ” มินฮยอกมองอย่างอึ้งๆก่อนจะวิ่งตามนิฟเฟลอร์ของเขาที่กำลังวิ่งห่างออกไปจากคนอื่นๆโดยที่โยซอบไม่ทันสังเกตเห็น ระหว่างทางมันก็ขุดไปเรื่อยๆจนเขาได้มามากกว่าสิบเหรียญแล้ว


     

                    นิฟเฟลอร์ของมินฮยอกหยุดอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะส่งเสียงขู่สิ่งที่อยู่บนนั้น มินฮยอกเดินเข้าไปใกล้มันและอุ้มมันขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นไม้ บนนั้นปรากฏงูเหลือมยักษ์ตัวสีขาวตลอดทั้งตัว นัยน์ตาของมันที่เป็นสีฟ้ากำลังจ้องเขาอยู่ ตาดำของมันที่เป็นรูปขีดขยับเล็กน้อยขณะกำลังเลื้อยลงมาจากต้นไม้ เป้าหมายของมันคือมินฮยอก ลิ้นแฉกสีเนื้อของมันผลุบออกจากปากและสั่นเป็นจังหวะ


     

                    “นายคงไม่เป็นอันตราย ใช่ไหม?” มินฮยอกพยายามทำใจดีสู้เสือ น้ำลายหนืดถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก เขากระชับนิฟเฟลอร์ในแขนให้แน่นขึ้น เจ้าตัวอ้วนรีบมุดเข้าไปในเสื้อคลุมของมินฮยอกแทบจะในทันที ไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุมของเขาส่งเสียงโน้ตดนตรีเสียงต่ำๆขึ้นมา


     

                    งูยักษ์ตัวสีขาวนั้นหยุดไปเสียดื้อๆเมื่อหน้าของมันตรงกับมินฮยอกพอดี ก่อนที่มันจะยื่นหน้ามาใกล้ใบหน้าของเขาแล้วเลื้อยไปรอบๆราวกับสำรวจ แต่อยู่ๆมินฮยอกก็ได้ยินเสียงนุ่มที่คุ้นหูออกมาจากงูยักษ์ที่กำลังคลออยู่ข้างหูเขา


     

                    “ย้อมผม?”


     

                    “พ-พูดกับผมหรอ?” เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขากำลังหูฝาดเพราะความกลัว ใครจะไม่สติแตกเมื่อมีงูยักษ์ยาวมากกว่าสามเมตรกำลังจะพันรอบตัวล่ะ มินฮยอกเกร็งไปทั้งตัวเมื่อเสียงฟ่อดังข้างหูเข้าอีกครั้งก่อนจะรับรู้ถึงลิ้นเย็นๆของมันลากผ่านใบหู ไม้กายสิทธิ์ของมินฮยอกสั่นเล็กน้อย


     

                    “โฮ่? ฟังฉันออกด้วย?” มินฮยอกค่อยๆส่งมือไปจับไม้กายสิทธิ์ที่กำลังสั่นในเสื้อคลุมของตน


     

                    “ทางที่ดีฉันว่าปล่อยไม้กายสิทธิ์ดีกว่านะ”


     

                    ไม่ผิดแน่ งูตัวนี้กำลังพูดกับเขา นิฟเฟลอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนมินฮยอกกำลังสั่นด้วยความกลัว งูตัวสีขาวกำลังข้ามจากต้นไม้มาพันอยู่รอบตัวเขา ส่วนหางของมันที่อยู่ใกล้นิฟเฟลอร์ที่สุดถูกเจ้าตัวอ้วนข่วนลงไปอย่างจังก่อนมันจะอ้าปากกว้างร้องฟ่อเสียงดังลั่นข้างหูของมินฮยอก เกล็ดสีขาวสะอาดของมันตอนนี้มีรอยแผลเป็นรอยข่วนของกงเล็บนิฟเฟลอร์เสียแล้ว นิฟเฟลอร์ตัวน้อยกรีดร้องดังลั่นดึงความสนใจของคนอื่นๆที่อยู่อีกฟากของทุ่งหญ้า


     

                    “แสบนักนะ เจ้าอ้วน!


     

                    เสียงนุ่มแต่เยือกเย็นปนเสียงฟ่อของมันดังขึ้นอีกครั้ง หัวของมันหันไปหาอีกฟากของทุ่งหญ้า เหมือนมันจะรู้ว่ากำลังมีคนมาทางนี้จึงรีบคลายตัวออกจากมินฮยอก แต่ก่อนไปมันดันกลับฝากรอบประทับไว้ที่ข้างคอของเขาเสียนี่ เขี้ยวใสของงูยักษ์ฝังเข้าไปข้างคอสีแทนของมินฮยอกอย่างเบาแรงเหมือนกลัวว่าเขาจะเจ็บแถมมันยังเลียเลือดที่ไหลออกมาของเขาอีก


     

                    “ไว้เจอกันใหม่”


     

                    มันพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย สัมผัสเย็นๆและน้ำหนักของงูยักษ์หายไปจากตัวมินฮยอก มันเลื้อยหายไปในพุ่มไม้ข้างหน้าเขา มินฮยอกทรุดลงไปกับพื้นก่อนจะก้มลงมองนิฟเฟลอร์ที่กำลังทำหน้ากลัวสุดขีด ข้างตาของมันมีหยดน้ำตากำลังไหล


     

                    “เจ้าตัวเล็ก ไม่ต้องกลัวนะ” มินฮยอกว่าระหว่างที่กำลังกอดมันไว้ ก่อนที่จะรู้สึกถึงมือคนที่มาแตะหลังเขา และนั่นเป็นของศาสตราจารย์โยซอบ


     

                    “เกิดอะไรขึ้น” สีหน้าเขาค่อนข้างเป็นกังวล


     

                    “ผ-ผมเจองูยักษ์” มินฮยอกพูดอย่างตะกุกตะกัก สายตาตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด “มัน ก-กัดผมด้วย” เขาว่าพลางเปิดคอเสื้อให้โยซอบดู


     

                    “เป็นงูไม่มีพิษน่ะ แต่ทางที่ดีเธอควรไปห้องพยาบาลนะคุณพัค” โยซอบมีใบหน้าผ่อนคลายลงเมื่อสังเกตรอยแผล “แล้วนิฟเฟลอร์ล่ะ?”


     

                    “ร้องไห้ครับ... มันกำลังร้องไห้” มินฮยอกก้มมองเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในมือ “มันไล่งูออกไปให้ผมด้วย”


     

                    “ถึงจะขี้กลัวแต่มันดูรักเธอมากนะเนี่ย” โยซอบก้มลงไปหานิฟเฟลอร์ตัวสีเทาของมินฮยอกก่อนจะลูบหัวแล้วอุ้มมันขึ้นมา “หนักแฮะ เธอเก็บเหรียญไปได้เท่าไหร่เนี่ยคุณพัค”


     

                    “ประมาณ 20 กว่าเหรียญได้มั้งครับ?”


     

                    “ฉันว่าเราได้ผู้ชนะแล้วล่ะนะ” โยซอบยิ้มก่อนจะยื่นมือให้มินฮยอกเพื่อดึงให้เขาลุกขึ้น “เอาล่ะ กลับไปจุดรวมตัวกันเถอะ”


     

    ___________


     

                    “คอไปโดนอะไรมางั้นหรือคะ? คุณมินฮยอก” มาดามคังว่าระหว่างกำลังเปิดตู้ยาเพื่อหาสมุนไพรเวทมนตร์มาจัดการกับแผลบนคอของมินฮยอก


     

                    “งูกัดน่ะฮะ” สิ้นคำ มาดามคังก็หันมาทำตาโต


     

                    “ในบริเวณฮอกวอตส์ไม่พบเจองูมานานหลายปีแล้วนะคะ คุณไปเจอมันที่ไหนกัน?” คังโซยูมัดผมของเธอขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปใกล้มินฮยอกเพื่อสังเกตรอยแผล “รอยไม่ลึกแต่ค่อนข้างกินพื้นที่เยอะ ไม่จำเป็นต้องแปะผ้า ทายานิดหน่อยรอยแผลก็หายไปแล้วล่ะค่ะ โชคดีนะคะที่เป็นงูไม่มีพิษน่ะ”


     

                    “ผมเจอมันตรงต้นไม้ในทุ่งหญ้าใกล้ๆป่าต้องห้ามน่ะฮะ” มินฮยอกว่าพลางนึกถึงรูปร่างของมัน “ตัวสีขาวตลอดทั้งตัว ตาสีฟ้า แถมตัวใหญ่มาก ยาวมากกว่าสามเมตร”


     

                    มาดามคังบ่นใส่มินฮยอกทันทีที่เขาพูดจบ ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการไม่ระวังตัวจนเป็นเหตุให้เขาต้องมาที่ห้องพยาบาลบ่อยครั้งจนสนิทกับเธอเสียแล้ว ระหว่างที่เธอบ่นก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินดังเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆก่อนที่จะหยุดลงข้างตัวมินฮยอก


     

                    “บังเอิญจังเลยนะ” เจ้าของไฮไลท์สีแดงหันไปหาต้นเสียงและพบว่าเป็นพรีเฟ็คผมสีเงินจากบ้านสลิธีริน


     

                    “ไม่ยักรู้แฮะว่าพี่จะเข้าห้องพยาบาลด้วย”


     

                    “ฉันก็เจ็บเป็นนะ พัคมินฮยอก” มุนบินกล่าวก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเขา


     

                    “เป็นอะไรมาล่ะคะ? คุณมุน” มาดามคังว่าระหว่างที่กำลังบดผสมยาก่อนจะนำมาแปะแผลบนคอของมินฮยอก เสื้อคลุมกับสเวตเตอร์สีเลือดหมูของเขาถูกถอดออก กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดเล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการทำแผล สายตาของมุนบินแอบลอบสำรวจเนื้อหนังของเขาอยู่เป็นระยะ ลูกกระเดือกของพรีเฟ็คขยับขึ้นลงบ่อยครั้งจากการกลืนน้ำลาย


     

                    “อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” คนตัวสูงว่าก่อนจะถกขากางเกงขึ้น ปรากฏให้เห็นรอยแผลยาวจำนวนสี่ขีดคล้ายรอยข่วนค่อนข้างลึก “ไปแหย่ตัวนีเซิลของเพื่อนนิดหน่อย ก็เลยได้ของขวัญกลับมาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ”


     

                    “แผลลึกจัง” ตาสีน้ำตาลไหม้ของมินฮยอกจ้องลงไปที่รอยข่วนบนขามุนบินที่กำลังถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลังจากทายาที่ทำมาจากสมุนไพรเวทมนตร์แล้ว คังโซยูขอตัวทันทีเมื่อทำแผลเสร็จหลังจากกำชับให้ทั้งสองคนกลับไปเรียนให้ทันวิชาต่อไป


     

                    “เป็นห่วงฉันหรอ? ทั้งๆที่คบอยู่กับเจ้าเรเวนคลอนั่นน่ะนะ?” มุนบินว่า คิ้วเลิกขึ้นด้วยความสงสัย


     

                    “ขอร้อง พี่บินก็รู้ว่าข่าวลือพวกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง” คนตัวเล็กพูดเสียงงอแง เป็นใครก็ได้ที่จะเชื่อเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่มุนบิน


     

                    “ให้ตายเถอะ มินฮยอก” มุนบินหลุดขำ ดวงตาจันทร์เสี้ยวของมุนบินถูกนำขึ้นมาประดับใบหน้าอีกครั้ง เขายิ้มให้กับท่าทางของมินฮยอก ปรากฏให้เห็นฟันบางซี่ที่รูปร่างคล้ายขอเหมือนเขี้ยวของงู


     

                    “รู้ตัวบ้างไหมว่าน่ารัก?” มินฮยอกเงียบไปในทันทีราวกับโดนสาปให้เป็นใบ้ เขาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองเงียบๆก่อนจะสวมสเวตเตอร์และเสื้อคลุมของตนกลับเป็นเหมือนเดิม ริ้วสีชมพูขึ้นมาที่ใบหู


     

                    “พี่บินเคยเห็นงูในฮอกวอตส์บ้างไหม?” เปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ นี่ล่ะนิสัยของมินฮยอก มุนบินหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า


     

                    “ไม่เลย ไม่แม้แต่สักตัว”


     

                    “งั้นหรอ..” มินฮยอกมองลงไปที่พื้นก่อนจะนึกอะไรออก


     

                    “ผมได้คูปองส่วนลดขนมร้านน้ำชาคุณนายพัดดิฟุทมา ช่วงวันหยุดนี้พี่ว่างหรือเปล่า? พยายามชวนเพื่อนแล้วแต่ก็ปฏิเสธทุกคนเลย”


     

                    “ที่ได้มาจากเกมหาเหรียญของศาสตราจารย์โยซอบนั่นน่ะนะ?” คนผมสีเงินเลิกคิ้วขึ้น


     

                    “พี่รู้ได้ไง?”


     

                    “ฉันก็ลงเรียนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษเมื่อตอนปีสี่เหมือนกันนะ แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ”


     

                    “กำลังชวนฉันออกเดทอยู่หรือไง มินฮยอก?” มุนบินดึงความสนใจกลับมาสู่ร้านน้ำชาของคุณนายพัดดิฟุท แขนทั้งสองข้างของมุนบินถูกยกขึ้นมากอดไว้ที่ออกของเขา มุมปากยกยิ้มแหย่ให้กับอีกฝ่าย ใครๆก็รู้ว่าร้านน้ำชานั่นเป็นสถานที่ที่นักเรียนในฮอกวอตส์ทุกคนมักจะชวนกันไปออกเดท


     

                    “ป-เปล่า... ผมก็แค่ชอบกินขนม พี่บินไปนะ นะ” จริงๆมินฮยอกก็เขินอยู่เหมือนกัน แต่ขนมเค้กในร้านน้ำชานั่นมันอร่อยเสียจนเขาทนไม่ได้ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ขอแค่ให้เขาได้กินขนมในร้านก็พอ น้ำเสียงอ้อนที่ถูกนำมาใช้ไม่บ่อยของมินฮยอกถูกใช้กับมุนบิน


     

                    “อยากกินขนม ไปฮันนี่ดุ้กส์ไม่ดีกว่าหรอ?” มุนบินแหย่อีกคนเล่นอีกครั้ง


     

                    “ถ้าพี่ไม่อยากไป ผมไปคนเดียวก็ได้” มินฮยอกลุกขึ้น สายตาแสดงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ในเมื่อลูกอ้อนของเขาใช้ไม่ได้ผล มินฮยอกก็จะไม่เซ้าซี้อีกคนต่อ ขาเรียวของเขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะพาตัวเองออกไปจากห้องพยาบาล แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือของเขาถูกดึงไว้


     

                    “ใครบอกไม่อยากไป”


     

                    มุนบินลุกขึ้นหลังจากพูดจบ ในมือขาวของเขายังมีอวัยวะเดียวกันของมินฮยอกไว้อยู่ เดินนำคนตัวเล็กกว่าออกจากห้องพยาบาล


     

                    “ต่อไปเรียนอะไร?”


     

                    “ป-ป้องกันตัวจากศาสตร์มืดฮะ ทำไม--” มินฮยอกตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของรุ่นพี่ พูดยังไม่ทันจบประโยคเขาก็ถูกอีกคนขัดเสียก่อน


     

                    “เดี๋ยวพาไปส่ง”


     

                    ไม่ว่าเปล่า มุนบินกระชับมืออีกฝ่ายให้แน่นขึ้นเดินผ่านฝูงคนที่กำลังเดินอยู่ที่ทางเดินของปราสาท มินฮยอกเดินตามอย่างว่าง่ายพลางหลบสายตาผุ้คนที่กำลังมองมาที่พวกเขา ความร้อนและริ้วสีชมพูปรากฏขึ้นที่ใบหูอีกครั้งเมื่อมินฮยอกมองมือของตนที่กำลังถูกอีกคนจับเอาไว้ เสียงซุบซิบดังขึ้นระงมทุกที่ที่พวกเขาเดินผ่าน มุนบินและมินฮยอกเดินผ่านนักเรียนฮอกวอตส์จนมาถึงชั้นสามของหอคอยเทอร์นิสเมกัสก่อนจะหยุดลงที่หน้าห้องเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด


     

                    “เจอกันวันเสาร์ที่หน้าประตูปราสาท” มุนบินกระซิบข้างหูมินฮยอกก่อนจะเป่าลมใส่แล้วยกยิ้มก่อนจะเดินหายไป ทิ้งให้มินฮยอกยืนนิ่งอยู่หน้าห้องเรียนก่อนจะถูกทักด้วยผีขี้แกล้งของฮอกวอตส์ในชุดตัวตลก


     

                    “เจ้าหนูไฮไลท์แดงคนนี้นี่เนื้อหอมจังเลยน้า~” เสียงของมันมีเสียงสะท้อนเล็กน้อย ซึ่งนั่นเป็นธรรมชาติของผีอยู่แล้ว


     

                    “พีฟส์! ผมตกใจนะ!” ผีโพลเตอร์ไกส์เจ้าของชื่อพีฟส์หัวเราะคิกคักอย่างยียวนใส่มินฮยอก สร้างความรำคาญให้กับเขาไม่น้อย


     

                    “คนนั้นก็มาจีบ คนนี้ก็มาแกล้ง เด็กสมัยนี้นี่มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงๆ” เสียงแหลมสูงของผีในชุดตัวตลกดังขึ้นอีกครั้ง มันลอยผ่านตัวมินฮยอก สัมผัสเย็นวาบแล่นไปทั่วตัวของเด็กชาย


     

                    “ข่าวลือกับเด็กเรเวนคลอคนนั้นยังไม่ทันหายไปก็มีอีกคนเข้ามาแล้ว สมัยนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ? อ๋อ! ฮ็อทจริงๆเลยนะเจ้าหนูพัคมินฮยอก” จบประโยคพีฟส์ก็หัวเราะปากกว้าง ทิ้งให้มินฮยอกยืนมองมันนิ่งๆอยู่ตรงนั้น


     

                    “วัดดิวาซี”


     

                เสียงร่ายคาถาของมินฮยอกดังขึ้นก่อนจะมีหมากฝรั่งพุ่งออกจากไม้กายสิทธิ์สีสวยของเขาเข้าสู่หลอดลมของพีฟส์จนมันสำลัก


     

                    “ไปไกลๆเลยนะพีฟส์ ไม่ตลกด้วย” เจ้าของผมไฮไลท์แยกเขี้ยว สายตาของเขาดุเหมือนกับแมวป่าตัวโตที่เป็นสัญลักษณ์ประจำบ้านของเขา พีฟส์ลอยหายไปในกำแพงระหว่างที่กำลังชี้หน้าเขาและมองมินฮยอกด้วยสายตาคาดโทษ มินฮยอกจึงเตรียมร่ายคาถาอีกครั้ง พีฟส์เห็นดังนั้นก็รีบหายตัวออกไปจากตรงนั้นทันที


     

                    “มาเร็วตลอดเลยนะครับ คุณพัค” ศาสตราจารย์ประจำวิชาที่กำลังนั่งรอนักเรียนในห้องกล่าวขึ้นเมื่อเห็นว่ามินฮยอกเปิดประตูเข้ามาในห้องเป็นคนแรก เขามองใบหน้าอันบูดบึ้งของมินฮยอกก่อนจะกล่าวออกมา “ผมเดาว่าคุณไปเจอพีฟส์มาล่ะสิท่า”


     

                    มินฮยอกตอบเป็นการพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตน ศาสตราจารย์หนุ่มหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะปลอบให้อีกฝ่ายใจเย็นลง สักพักก็มีนักเรียนคนอื่นๆเดินเข้ามาในห้อง นั่งประจำที่ของตนจนไร้ที่ว่าง โชคไม่ดีที่คาบนี้เขาต้องเรียนร่วมกับสลิธีริน มินฮยอกพยายามจะไม่สนใจคิมเยริมที่คอยต่อล้อต่อเถียงกับเขามากนัก เพราะเขาอาจจะเผลอสาปให้ยัยนั่นกลายเป็นหมูหากเขาทนไม่ไหวขึ้นมา


     

                    “มากันครบแล้ว ผมขอเริ่มสอนเลยก็แล้วกัน” เสียงนุ่มของศาสตราจารย์รูปหล่อประจำวิชาดังขึ้นก่อนการเรียนการสอนจะเริ่มขึ้น


     

                    มินฮยอกอาจจะมีสายตาจดจ่อกับสิ่งที่ศาสตราจารย์กำลังสอนอยู่ข้างหน้าก็จริง แต่ใครจะไปรู้ว่าในหัวของเขามีแต่ความคิดที่ว่า เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์เร็วๆ


     

    --------

     

    Let's Talk!

     

    งู งองู งูเงี้ยวเขี้ยวขอ งูตัวนี้ออกมาบ่อยแน่นอนค่ะไม่ต้องห่วง แฮ่

    เผื่อใครนึกผมมินฮยอกกับเจ้าตัวนิฟเฟลอร์ไม่ออก ขออนุญาตแปะรูปค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า


    นี่ผมน้อง

     

    นี่นิฟเฟลอร์


    #สลิธีรินคนนั้น

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×