ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ll หัวขโมยแห่งบารามอส ll หลังจากสงครามเอเดน-เดมอส

    ลำดับตอนที่ #50 : ~๐(^-^)๐~งานหมั้น - HaPpY EnDinG~๐(^-^)๐~ 100% ค่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.48K
      1
      23 ส.ค. 50



    ภายในห้องนั่งเล่นที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากเตาพิงที่ให้ความสว่างและความอบอุ่น ถัดออกไปไม่ไกลที่โซฟาขนาดใหญ่

    ร่างของชายวัยกลางคนกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขาบ่งบอกถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี



    แอ๊ด!! ปัง!!



    เสียงเปิดและปิดประตูดังขึ้น ชายวัยกลางคนมองไปยังผู้มาเยียน และก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ผู้มาเยียนจึงเอ่ยขึ้นก่อน



    "ท่านพ่อเรียก ลูกมาพบหรือพระเจ้าค่ะ"



    "อืม นั่งลงก่อนสิ" ชายวัยกลางคนพูด ชายหนุ่มจึงเดินไปนั่งลงตรงโซฟาที่ตรงข้ามกัน



    "มีเรื่องอะไรหรือพระเจ้าค่ะ" ชายหนุ่มถาม ใบหน้าเรียบเฉย ไม่แฝงความรู้สึกใดทั้งสิ้น



    "ลูกคิดอยากจะเป็นรัชทายาทหรอ" ชายวัยกลางคนเอ่ยออกมา ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด แต่ก็แฝงไปด้วยความเอ็นดูลูก



    "พี่หญิงบอกท่านพ่อ??" ชายหนุ่มเอ่ยเป็นเชิงถาม



    "ไม่ต้องสนว่าใครจะบอกพ่อ ลูกแค่ตอบมาก็พอ"



    "พระเจ้าค่ะ ลูกอยากเป็นรัชทายาท" ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนตอบ ถึงยังไงก็คงต้องบอกความจริงไปอยู่ดี



    "เหตุผล??"



    "ลูกแค่อยากให้ท่านพ่อและท่านแม่หันมามองลูกบ้างเท่านั้น" ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงขมขื่น



    "เพียงเท่านี้หรือที่ลูกต้องการ" ชายวัยกลางคนถามต่อ เขาก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของลูกชายอยู่บ้าง



    "ท่านพ่อคงยังไม่ทราบ พวกพี่คนอื่นๆ เค้าว่าลูกว่าอย่างไร เค้าดูถูกลูกต่างๆนาๆ ทุกสิ่งทุกอย่างลูกทำไปเพียงเพราะ

    ไม่อยากให้ใครดูถูก" ชายหนุ่มตอบพลางก้มหน้าลงต่ำ เพื่อปกปิดใบหน้าที่เศร้าหมองของตัวเองไว้



    "พ่อคงต้องสอนลูกหน่อยแล้วล่ะ ลูกรู้มั้ย ลูกมีค่าแค่ไหน ถึงใครจะมองว่าเราไม่มีค่า แต่เราก็ต้องพึงระลึกไว้ในจิตใจว่าเรามีค่าเสมอ

    ผู้ที่ไม่เห็นค่าในตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดียรัจฉาน แม้นว่าลูกจะไม่ได้เป็นรัชทายาท พ่อก็อยากให้ลูกรู้ไว้

    ว่าพ่อและแม่เห็นคุณค่าในตัวลูกเสมอ เรารักลูกทุกคนเท่าเทียมกัน" ชายวัยกลางคนพูดอย่างปลอบโยนลูกชาย



    จริงสินะ เขาลืมไปได้ยังไง เพราะอำนาจและความโลภทำให้เขาลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งพี่สาวที่ดีกับเขาเสมอมา

    ไม่เคยพูดให้ร้ายเขา ไม่เคยแม้แต่จะดูกเหยียดหยามเขาเลย เขาเกือบจะทำผิดไปซะแล้ว เขาเกือบจะทำความผิดครั้ง

    ใหญ่หลวงไปซะแล้ว



    "ลูกเสียใจจริงๆ ลูกอยากจะขอโทษพี่หญิงเหลือเกิน แต่ลูกก็ไม่รู้ว่าพี่หญิงจะยอมรับฟังคำขอโทษของลูกรึเปล่า"

    ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด



    "ลอเรนซ์ไม่โกรธลูกหรอก แถมยังสอนพ่ออีกต่างหาก" ชายวัยกลางคนพูดพลางกลั้วหัวเราะอย่างพอใจ



    "ว่าไรหรือพระเจ้าค่ะ" ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ พ่อที่ดื้อรั้นคนนี้น่ะหรือ ที่ยอมฟังคนอื่นพูดจนจบ

    แม้แต่ท่านแม่เอง ท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจจะฟังเลยด้วยซ้ำ



    "ลอเรนซ์พูดว่า  ใครบ้างที่ไม่อยากมีอำนาจ ใครบ้างที่ไม่อยากมีทรัพย์สมบัติมหาศาล ถ้าเพียงเราลดความเห็นแก่ตัว

    และความโกรธเกรี้ยวลงบ้าง แล้วลองเปิดใจให้กว้าง ลองคิดดูว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ก็จะเห็นได้ว่าไม่มีใครถูกและผิด

    เพราะคนเราไม่เหมือนกัน ความคิดทุกสิ่งทุกอย่างจึงแตกต่างกัน เฉกเช่นตัวเราเอง ท่านพ่อจะปฏิเสธหรือว่าท่านพ่อไม่เคยโลภ

    ถ้าเช่นนั้นแล้วเราจะเกรงกลัวทำไมกับเพียงแค่ความโลภของมนุษย์ที่มอมเมาให้คนหลงผิด " ชายวัยกลางคนพูด



    "จริงหรือพระเจ้าค่ะ พี่หญิงไม่โกรธลูกหรือ" ชายหนุ่มถามต่อ



    "จริงสิ ส่วนเรื่องรัชทายาท พ่อไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องนี้ ลอเรนซ์เป็นรัชทายาทมาตั้งแต่กำเนิด ด้วยพระประสงค์ของท่านปู่ลูก

    ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว พ่อไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลอะไรได้" ชายวัยกลางคนพูด



    "ลูกเข้าใจแล้วพระเจ้าค่ะ ลูกเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านปู่ถึงเลือกพี่หญิง" ชายหนุ่มพูดอย่างชื่นชมในตัวของพี่สาว



    "เมื่อลูกเข้าใจพ่อก็ดีใจ" ชายวัยกลางคนตอบกลับมา ใบหน้าที่เคยบึ้งตึง บัดนี้กลับมายิ้มแย้มเช่นเดิมอีกแล้ว



    "พรุ่งนี้ลูกจะไปขอโทษพี่หญิง" ชายหนุ่มเอ่ยพลางนึกอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ



    "อืม แต่ลูกต้องไปเช้าๆหน่อยนะ เพราะพรุ่งนี้เป็นงานหมั้นของลอเรนซ์" ชายวัยกลางคนพูด พอพูดถึงงานหมั้น

    ใบหน้าของเขาก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม



    "พระเจ้าค่ะ งั้นลูกขอตัว" ชายหนุ่มพูด ชายวัยกลางคนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาติ แล้วประตูก็ปิดลงพร้อมกับร่างของ

    ชายหนุ่มที่ออกจากห้องไป



    'ราบิล ลูกยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ พ่อเชื่อว่าลูกจะสามารถพบสิ่งที่ลูกไม่มี แต่ลอเรนซ์มีแน่นอน แต่กว่าจะถึงเวลานั้นคง

    อีกยาวไกล เพราะแม้แต่พ่อเองก็ไม่อาจเทียบลอเรนซ์ได้ เธอสูงส่งเกินกว่าใครๆ ด้วยสติปัญญาที่ได้รับจากปู่ และความอ่อนโยน

    ที่ได้รับจากแม่' ชายวัยกลางคนคิดในใจพลางทิ้งตัวลงนอนลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ในบรรดาลูกทั้งหมดที่เขามีคนที่เขา

    อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจที่สุดก็คือลอเรนซ์ และอีกคนก็คือราบิล เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็อยากจะอยู่กับ

    ทั้งสองมากกว่าใครคนอื่นจริงๆ



    --------------------------------------------------------------------------------------------------------



    แสงแดดในยามเช้าลอดผ่านหมอกหนาทึบ วันนี้เป็นวันที่อากาศติดจะเย็นเล็กน้อย แต่สำหรับงานมงคลแล้ววันนี้ถือ

    เป็นวันที่ดีทีเดียว เจ้าของงานตื่นแต่เช้าด้วยความกระวนกระวายใจ เธอได้รอบๆห้องอย่างร้อนรน จนเสียงเคาะประตูดังขึ้น



    ก๊อก ก๊อก!!



    "ใครคะ" หญิงสาวเอ่ยถามออกไป



    "ข้าเองพี่หญิง" เสียงชายหนุ่มลอดกลับเข้ามา



    "ราบิลหรอ เดี๋ยวนะ" ลอเรนซ์พูดพลางหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวม แล้วเปิดประตูให้น้องชาย



    "มีอะไรแต่เช้าหรอ" ลอเรนซ์ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงที่ร่าเริงเหมือนปกติ ทำให้ราบิลยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม



    "ข้าอยากจะมาขอโทษพี่หญิงเรื่องเมื่อวาน" ราบิลพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด



    "ไปที่สวนกันดีกว่า" ลอเรนซ์พูดแล้วเดินนำไปก่อน ราบิลจึงเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้



    ภายในสวน นกมากมายกำลังร้องเพลงขับขาน สายลมอ่อนๆพัดผ่านไป กลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาแตะจมูกอยู่ไม่ขาด

    น้ำชาและของว่างถูกวางไว้บนโต๊ะ ราบิลมองพี่สาวที่จิบน้ำชาอย่างสบายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นมาก่อน



    "ข้าอยากจะขอโทษพี่หญิงเรื่องเมื่อวานนี้" ราบิลพูดอย่างจริงจัง ลอเรนซ์จึงวางแก้วน้ำชาลง



    "พี่ไม่ถือสาหรอก พี่เข้าใจเจ้าดี อย่าคิดมากเลยนะ" ลอเรนซ์พูดเป็นเชิงปลอบใจน้องชาย



    "แต่ข้าทำให้พี่หญิงบาดเจ็บ" ราบิลค้านขึ้นมา



    "เจ้าก็ลองดูสิ ที่ตัวข้ามีบาดแผลที่ไหน อย่าคิดมากเลยราบิล เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป พี่ไม่คิดจะถือสาอะไร"

    ลอเรนซ์พูดพลางยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบอีก



    "เจ้ารู้มั้ยคนที่ชอบเอาเรื่องที่ผ่านไปแล้วมาพูดน่ะ มีแต่คนแก่ทั้งนั้นแหละ" ลอเรนซ์พูดอย่างหยอกล้อ



    เสียงหัวเราะคลุกเคล้าไปกับบรรยากาศที่เป็นใจ ทำให้พี่น้องสองคนคืนดีกันได้เป็นผลสำเร็จ ลูคัสที่จะไปหาลอเรนซ์เดินผ่านสวน

    ได้ยินเสียงหัวเราะจึงหยุดมอง ลอเรนซ์กำลังหัวเราะอย่างสดใส กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก ไวกว่าความคิด ใจสั่งให้ก้าวเท้าตรงไปยังทั้งสองทันที



    "อ้าวลูคัส อรุณสวัสดิ์" ลอเรนซ์เอ่ยทักทายอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นลูคัสเดินเข้ามา แต่เธอก็ยังไม่หยุดหัวเราะ



    "มาทำอะไรอยู่นี่แต่เช้า" ลูคัสถามอย่างเยือกเย็น สายตาจับจ้องไปที่ราบิลอย่างไม่วางตา



    "ก็มานั่งคุยกันน่ะสิ ถามได้" ลอเรนซ์ตอบกลับไป โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้อารมณ์โกรธของลูคัสเริ่มครุกกรุ่นแล้ว



    "ลอเรนซ์!!"



    "จะตะโกนทำไมเล่า อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง" ลอเรนซ์พูดพลางเอามือปิดหู



    "ใช่ครับ" ราบิลเสริมขึ้นมาบ้าง



    "นายเกี่ยวอะไรด้วย" ลูคัสพูดอย่างหมดความอดทน ซึ่งลอเรนซ์สรุปได้คำเดียวว่า ' มันหึง..!! '



    "ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ" ลอเรนซ์พูดขึ้นบ้างและพยายามซ่อนรอยยิ้มไว้



    "แล้วมันเกี่ยวยังไง" ลูคัสที่หมดความอดทนไปเรียบร้อยแล้วถาม



    "ก็เกี่ยวสิ ราบิลเป็นน้องฉันนะ" ลอเรนซ์ตอบ



    "เป็นน้อง.." ลูคัสทำท่าจะพูดต่อ แต่เสียงกลับกลืนหายเข้าไปในลำคออย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาได้แต่ยืนอึ้งอย่างเดียว น้องลอเรนซ์

    เขาหึงแม้แต่น้องของเธอหรอเนี่ย



    "ก็น้องน่ะสิ นายจะบ้ารึเปล่า หึงได้แม้กระทั่งน้องฉัน" ลอเรนซ์พูดอย่างอารมณ์ดี แต่มันกลับทิ่มแทงจิตใจของลูคัส



    "ฉะ..ฉันไม่รู้ขอโทษด้วย" ลูคัสพูดขึ้น เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วแล้ว



    "ไม่หรอกครับ พี่ไม่ผิดหรอก ผมผิดเองที่ไม่แนะนำตัวก่อน ผมราบิลครับ" ราบิลเอ่ยพลางยื่นมือออกไป



    "ยินดีที่ได้รู้จักนะฉันลูคัส ซาโดเรีย พี่เขยนาย" ลูคัสพูดพลางเอื้อมมือไปจับมือราบิล



    "ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณพี่เขย" ราบิลพูด บทสนทนาที่ลอเรนซ์ได้ยินแล้วแทบจะเป็นลม



    "ราบิล!! ลูคัส!!" ลอเรนซ์ตะโกนออกมา หลังจากที่ฟังทั้งสองคุยกันอยู่นานสองนาน แล้วก็เกี่ยวกับเธอทั้งหมดด้วย



    "มีอะไรหรอลอรี่ / มีอะไรหรอพี่หญิง" ทั้งสองถามออกมาพร้อมกัน



    "ช่างเถอะ ฉันไปดีกว่า" ลอเรนซ์พูดแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะทันที



    "ไปไหนหรือครับพี่หญิง" ราบิลถาม



    "ไปแต่งตัวไง เดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว" ลูคัสเป็น่ายตอบให้แทน ราบิลพยักหน้าเข้าใจ ส่วนลอเรนซ์



    "ลูคัส นะ..นายตายแน่!!" ลอเรนซ์พูดแล้วมีดหลายเล่มก็พุ่งไปทางลูคัส แต่เขาก็หลบได้อีกตามเคย



    "ลอรี่นี่ล่ะก็อายก็บอกสิ" ลูคัสพูดหยอกอย่างอารมณ์ดี



    "ฉันไม่สนพวกนายแล้ว" ลอเรนซ์พูดแล้วเดินปึงปังเข้าไปข้างใน



    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    งานหมั้นถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้มาร่วมงานมีมากกว่า 5000 คน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญทั้งนั้น เช่น เอวิเดส  ลูน่า  บาโร  มหาปราชญ์เลโมธี  เวส ฟีลมัส  กาเบรียล บริสตั้น  เฮลด้า ซิลเวอร์ ฯลฯ



    ภายในห้องโถงถูกจัดแต่งด้วยสีขาวและสีชมพูอ่อนสบายตา อาหารและเครื่องดื่มเต็มไปหมด เสียงเพลงที่ถูกบรรเลงคลอไปเรื่อยให้เข้ากับบรรยากาศ แขกเรื่อเริ่มทยอยกันมาเกือบครบแล้ว แต่เจ้าของงานยังไม่มีใครปรากฏตัวออกมาเลย



    ~ห้องลอเรนซ์~



    "เจ้าหญิงเพคะ อยู่นิ่งๆสิเพคะ" ชาเนียพูดพลางถอนหายใจ เธอจับเจ้าหญิงแต่งหน้ามากว่า 10 นาทีแล้ว แต่ก็ไม่มีแววว่าจะเวร็จซะที เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะพระคู่หมั้นของเจ้าหญิงที่พูดหยอกไม่หยุด



    "ก็..ก็ฉัน..." ลอเรนซ์ทำท่าจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก



    "ท่านลูคัส เชิญออกไปรอข้างนอกก่อนค่ะ" ชาเนียหันไปพูดกับลูคัส



    "โธ่ คุณชาเนีย ผมสัญญาว่าจะไม่หยอกลอรี่ก็ได้ครับ" ลูคัสพูดอย่างโอยครวญ



    "ไม่ต้องเลนค่ะ ท่านลูคัสพูดอย่างนี้มาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งแล้วนะคะ เชิญออกไปข้างนอกค่ะ" ชาเนียพูด ลูคัสทำหน้าเศร้าแต่ก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี



    "เอาล่ะค่ะ เจ้าหญิงคงจะอยู่เฉยๆได้แล้วใช่มั้ยเพคะ" ชาเนียพูดแกมบังคับ



    "ค่ะ อีกนานมั้ยคะ กว่างานจะเริ่ม" ลอเรนซ์ถามพลางมองกระจกที่อยู่ตรงหน้า



    "งานเริ่มนานแล้วค่ะ แต่เวลาที่เจ้าหญิงต้องออกไปปรากฏตัวพร้อมพระคู่หมั้นคืออีก 15 นาที เพราะงั้นเจ้าหญิงต้องอยู่นิ่งๆนะคะ" ชาเนียพูดพลางเริ่มแต่งหน้าต่อ



    และไม่ถึง 5 นาทีการแต่งหน้าก็เสร็จสิ้นลง ผมก็เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่ไปเปลี่ยนชุดเท่านั้น



    "เหลืออีก 10 นาทีไปเปลี่ยนชุดเถอะเพคะ" ชาเนียพูด ลอเรนซ์พยักหน้า



    ชุดที่จะใส่วันนี้เป็นชุดเกาะยาวกลอมพื้นสีขาวสะอาด ที่กระโปรงประดับไข่มุกเม็ดเล็กๆไว้รอบๆ รองเท้าเป็นรองเท้าส้นสูงสีขาวที่เข้ากันเป็นอย่างดี



    "พี่ลอเรนซ์ฮะ ได้เวลาแล้ว" เฟรนิที่รับอาสาจะมาตามลอเรนซ์พูดพลางเดินเข้ามาในห้อง



    "อืม พี่เสร็จแล้ว" ลอเรนซ์พูด เมื่อเฟรินเห็นลอเรนซ์ก็ถึงกับพูดไม่ออก วันนี้เธอสวยราวกับเทพธิดาจริงๆ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มเล็กน้อย ผมที่เกล้าเป็นมวยไว้ประดับด้วยไข่มุกสีขาวสวย ชุดกระโปรงเกาะอกยาวกลอมพื้นที่เผยให้เห็นรำคอระหงส์ และไหลบาง จนเฟรินอดแซวไม่ได้



    "ผมว่านะ แต่งกันเลยดีกว่านะฮะ ไม่ต้องหมั้นหรอก"



    "บ้าหรอเฟริน เลิกพูดเล่นได้แล้ว ไปกันเถอะ" ลอเรนซ์พูดแล้วเดินออกไปพร้อมน้องสาว



    ~ที่งาน~



    ลูคัสออกมารอข้างนอกเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ลอเรนซ์ออกมางานก็จะเริ่มทันที แต่ทำไมเธอยังไม่ออกมานะ ใจเขาเต็นรัวไปหมดแล้ว ความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ซาตานหนุ่มวางตัวไม่ค่อยถูก



    "เจ้าหญิงลอเรนซ์เสด็จ" เสียงประกาศอันดังก้องที่ทำให้คนทั้งห้องหันไปมอง คนที่เดินออกมาคนแรกคือเฟริน และคนที่ตามออกมาคือหญิงสาวผิวขาวเนียน ผมสีทองสลวยถูกเกล้าไว้ ชุดที่สวมใส่ดูแล้วช่างเหมือนชุดแต่งงานจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งราวกับต้องมนตร์สะกด ไม่มีใครสามารถละสายตาไปจากลอเรนซ์ได้จริงๆ



    หลังจากผ่านไปไม่นาน มนตร์สะกดก็คลายออก ทุกคนสามารถเคลื่อนไหวได้เช่นเดิม ลอเรนซ์เดินเข้ามาหาลูคัสที่กำลังคุยกับโซมาเนีย โรเวน ชิวาส และไธนอส  



    "ไงลอเรนซ์ไม่เจอตั้งนาน สวยเหมือนเดิมเลยนะ" โซมาเนียพูดหยอก



    "ใช่ลอเรนซ์ ฉันไม่เคยนึกเลยว่านายจะสวยขนาดนี้" ไธนอสพูดขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลอเรนซ์ในร่างผู้หญิง



    "หยุดเลยไธนอส นายคงไม่คิดจะมายุ่งกับคู่หมั้นฉันใช่มั้ย" ลูคัสพูดพลางเอามือวางบนไหลลอเรนซ์อย่างถือสิทธิ์ พร้อมกับสายตาที่ทำเอาทุกคนหนาวๆร้อนๆ



    "น่าลูคัส ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ นายก็คิดมากไปได้" ไธนอสพูดพลางยกมืออย่างยอมแพ้



    "ขี้หึงจริงๆเลย" โซมาเนียเปรยขึ้น



    "เธอว่าไรนะโซมี่" ลูคัสถามอย่างไม่แน่ใจ



    "เปล่าๆ ฉันพูดว่าเหมาะสมกันมากเลย" โซมาเนียรีบพูดแก้ตัวทันที



    "เอาล่ะครับ ต่อไปก็ขอเชิญเจาหญิงลอเรนซ์และท่านลูคัสขึ้นเวทีครับ" พิธีกรประกาศ ลอเรนซ์และลูคัสจึงบอกลากลุ่มเพื่อนแล้วเดินขึ้นเวทีไป



    "วันนี้ก็เป็นงานหมั้นของเจ้าหญิงลอเรนซ์ ธิดาองค์โตของกษัตริย์ริชาร์ด เพราะงั้นก็เชิญฝ่าบาทพูดอะไรซักหน่อย" พิธีกรพูด แล้วหลบทางให้ริชาร์ด



    "ขอบคุณทุกท่านมากที่มาร่วมงานในวันนี้ วันนี้ก็ถือเป็นงานมงคลที่นานๆทีแอเรียสจะจัดขึ้น เรามีความยินดีที่เห็นทั้งสองหมั้นกัน มีหลายคนที่ถามว่าทำไมไม่แต่งกันเลยล่ะ คำตอบง่ายๆก็คือ เราหวงลูกสาว เพราะงั้นก็คงอีกนานกว่าจะมีงานมงคลสมรสขึ้น" ริชาร์ดพูดแล้วหันไปมองลูคัส



    "ขอให้เจ้าดูแลลูกสาวเราให้ดีๆ ค่อยๆอยู่ข้างๆเธอเสมอ ไม่ว่าจะทุกข์ยากลำบากแค่ไหนก็อย่าทิ้งเธอ เจ้าจะทำได้มั้ย"



    "ได้พระเจ้าค่ะ" ลูคัสรับคำ



    "ดี งั้นเราก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ" ริชาร์ดพูดแล้วลงจากเวทีไป



    "ครับพิธีหมั้นก็คงจะจบเพียงเท่านี้ ขอเชิญทุกท่านร่วมเต้นรำ สนุกสนานกันต่อเลยครับ" พิธีกรประกาศ แล้วเสียงเพลงก็เริ่มบรรเลงต่อ



    "ขอเชิญเจ้าหญิงลอเรนซ์และท่านลูคัสเปิดฟลอร์ด้วยครับ" พิธีกรประกาศ แต่ทั้งสองคนกลับไม่อยู่แล้ว



    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    "ลูคัส นายจะลากฉันไปไหนเนี่ย" ลอเรนซ์ถาม แต่เท้ากลับยังก้าวไปเรื่อยๆ



    "เดี๋ยวก็รู้เองแหละ" ลูคัสตอบ แล้วเริ่มเร่งความเร็วขึ้น



    "ลูคัส ช้าๆหน่อยสิ" ลอเรนซ์พูดอีก



    "อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว"



    ทั้งสองมาหยุดอยู่ข้างทะเลสาปในเขตพระราชวงศ์ บรรยากาศในตอนบ่ายค่อยข้างเย็นสบายไม่ค่อยร้อนมาก ลอเรนซ์ทิ้งตัวลงนั่งบนหญ้าอย่างเหนื่อยล้า



    "นายมีอะไรก็ว่ามา" ลอเรนซ์พูดพลางหอบด้วยความเหนื่อย



    "ฉันมีอะไรจะให้ดู" ลูคัสพูดแล้วเดินไปที่หลังพุ่มไม้ ซึ่งลอเรนซ์ไม่อาจมองเห็นได้ว่า ลูคัสจะเอาอะไรให้เธอดูกันแน่



    "นี่ไงล่ะ" ลูคัสพูดพลางอุ้มลูกสุนัขออกมา ลูกสุนัขตัวที่ลิซให้มา ลูเรนซ์



    "น่ารักจังเลย" ลอเรนซ์พูดพลางลูบหัวมันอย่างเอ็นดู



    "มันชื่อ ลูเรนซ์" ลูคัสบอก



    "ลูเรนซ์หรอ ชื่อน่ารักจัง" ลอเรนซ์พูดพลางรับมันมาไว้ในมือ



    "นายชอบก็ดีแล้วล่ะ" ลูคัสพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างลอเรนซ์



    "นายไปเอามาจากไหน" ลอเรนซ์พูดพลบางลูบหัวมันเล่นอย่างเอ็นดู



    "ลิซให้มาน่ะ" ลูคัสตอบ ลอเรนซ์กลับไม่สนใจแล้วเล่นกับลูกหมาต่อไป



    "ลอรี่ นายไม่สนฉันเลยหรอ" ลูคัสถามอย่างเรียกร้องความสนใจ



    "ฉันเล่นกับลูเรนซ์อยู่ ไม่เห็นรึไง" ลอเรนซ์พูดกลับมา แต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากลูเรนซ์



    "เชอะ เพิ่งรู้ว่านายเห็นหมานั่นสำคัญกว่าฉัน" ลูคัสพูดอย่างน้อยใจ



    "นายเป็นคนเอามาให้แนเองนะ" ลอเรนซ์บอกพลางอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก



    "ฉันให้ก็จริง แต่ว่านายกลับไปสนแนเลย" ลูคัสพูดอย่างงอนๆแล้วหันหน้าไปทางอื่น



    "โอ๋ๆ ฉันขอโทษนะ" ลอเรนซ์พูด แต่ลูคัสยังงอนอยู่



    "ฉันขอโทษจริงๆ ต้องทำยังไงนายถึงจะหายโกรธล่ะ" ลอเรนซ์พยายามง้อเต็มที่



    "นายต้องบอกว่ารักฉันก่อน"



    "เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอ" ลอเรนซ์ต่อรอง



    "นายไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ฟังก็ได้" ลูคัสพูดแล้วหันไปทางอื่นอีก



    "โอเคๆ ฉันยอมแล้วๆ"



    "พูดมาสิ พูดมาสิ" ลูคัสเร่งเร้าเต็มที่



    "ฉันรักนาย" ลอเรนซ์พูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา



    "ไม่ได้ยินเลย"



    "ฉันรักนาย" ลอเรนซ์พูดเสียงดังขึ้น ลูคัสยิ้มอย่างพอใจ พลางขยับเข้ามาใกล้หญิงสาว จนใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ ใบหน้าของทั้งสองค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันแล้วกัน และริมฝีปากของทั้งคู่ก็ประกบกันพร้อมกับทั้งสองปรือนัตย์ตาลง จูบที่อ่อนโยนแล้วหอมหวาน เปรียบเสมือนคำสาบานของทั้งสอง มีพยานคือลูเรนซ์ที่อยู่ที่ตักของลอเรนซ์



    "นายอย่าบังดิ" เสียงเฟรินดังขึ้น ทำให้ทั้งสองผละออกจากกันทันที



    "นายนั่นแหละบัง" เสียงคิลดังขึ้นอีก



    "เดี๋ยวพวกเขาก็รู้ตัวหรอก" เสียงคาโลดังขึ้นบ้าง



    "แย่แล้วพี่เขารู้ตัวแล้วอะ" เฟรินพูดพลางยิ้มเจื่อนๆให้เพื่อน



    "ออกมานี่เดี๋ยวนี้เลย ทั้งสามคนนั้นแหละ" เสียงของลอเรนซ์ดังขึ้น ทำให้รุ่นน้องทั้งสามสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะยอมเดินออกมาแต่โดยดี



    "มากันตั้งแต่เมื่อไหร่" ลอเรนซ์เอ่ยปากถามก่อน



    "ก็ตั้งแต่พวกพี่ออกมาฮะ" เฟรินตอบพลางก้มหน้าเหมือนคนสำนึกผิด



    "รู้มากแค่ไหน" ลอเรนซ์ถามต่อ



    "ก็ทั้งหมดฮะ" เฟรินตอบหน้าตาย



    "จัดการเลยดีมั้ยลอรี่" ลูคัสถามพลางถอดแว่นตาออก



    "แล้วแต่นายลูคัส" ลอเรนซ์พูด หลังจากจบประโยคนั้น รุ่นน้องทั้งสามก็ต้องพากันวิ่งหนีแทบไม่ทัน เมื่อวิ่งไล่กันจนเหนื่อยแล้ว ทั้ง 5 คนก็มานอนมองท้องฟ้าเล่น เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยอย่างมีความสุขคละเคล้าไปกับธรรมชาติที่สวยงาม



    มิตรภาพคือสิ่งสำคัญที่ทุกคนมี ความรักความห่วงใยที่มอบให้กันเปรียบเสมอความผูกผันของคนสอง หรืออาจจะมากกว่านั้น ถึงแม้เวลาจะหมุนเวียนไปนานเท่าใด มิตรภาพจะคงอยู่ตลอดไปตราบนานเท่านาน เฉกเช่นความรักของพ่อแม่ที่มีให้ลูกไม่มีวันหมด..



    จงอย่ากลัวว่าเราจะเดียวดาย ถ้าเรามีเพื่อนที่ดีซักคน...แล้วคุณล่ะมีเพื่อนที่ดีซักคนหรือยัง จงอย่าท้อแท้ ถ้าข้างหลังยังมีคนคอยให้กำลังใจเราอยู่..แล้วคุณล่ะเคยท้อแท้มั้ย จงอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าเพราะแต่ละคนมีค่าในตัวของตัวเอง...ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่มีค่า คุณคงจะคิดผิดถนัด ลองถามใจตัวเองดู แล้วคุณจะรู้คำตอบของทั้งหมดแน่นอน...  





                                                                                    ~EnD~    





    ...................................................................................................................................................................................





    มูนอัพจบแล้วนะคะ



    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ



    ขอบคุณมากๆเลย



    รักคนอ่านมากมายเลยล่ะ อิอิ..^^



    P.s. ฝากฟิคใหม่ของมูนด้วยนะคะ



    http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=77488



    ช่วยติดตามอ่านต่อไปด้วยนะคะ





                                                                                            >>Minnie~Moonie<<





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×