คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [ คนเลว :: CH - 6 ] 100 % || Line Chat ❤ ||
Bad.. คนเลว (6)
ประธานบริษัทฮวังกรุ๊ปเจ้าของร่างกายที่พกความสูงมา181เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมเข้มกับสูทเข้ารูปเสริมให้อีกคนนั้นดูโดดเด่น เนคไทด์สีดำขลับที่เจ้าตัวกำลังผูกขณะเดินลงบันได มันช่างชวนให้นึกภาพสยองหากเจ้าตัวนั้นมัวแต่ใส่ใจกับเนคไทด์แล้วก้าวผิดท่าลงมา คงไม่ใช่ภาพที่น่าดู
"คุณชายจะรับข้าวต้มไหมคะ"
แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามเจ้าของบ้าน ซึ่งเขาส่ายหัวแทนคำตอบ บนโต๊ะอาหารใหญ่โตที่มินฮยอนเคยนั่งกินข้าวเพียงลำพังและมีแม่บ้านล้อมรอบจนดูน่ารำคาญ แต่ตอนนี้กลับมีร่างบางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จิ้มผักต้มกินแทนอาหารเช้า
"กินผักอย่างเดียว?"
"ครับ"
"แล้วจะอิ่มรึไง ป้าครับไปตักข้าวต้มให้เด็กนี่ด้วย"
"ป้าไม่ต้องครับ คือช่วงนี้ไดเอทอยู่"
"ห้ะ?"
"ก็ไดเอทไง ผมเป็นนายแบบนะ คุณอย่าลืมสิ"
"ผอมจะตายอยู่แล้ว ดูข้อมือนายสิ แทบจะขาดแล้วมั้ง"
ร่างสูงฉวยข้อมือเล็กขึ้นมาจับ ถ้าเขาไม่เคยพิสูจน์มาแล้วว่านายแบบนี่เป็นผู้ชายทั้งแท่งคงไม่อยากจะเชื่อ ผิวก็ขาว ตัวก็บาง แถมหน้ายังสวยกว่าพวกผู้หญิงในบริษัทอีก
"ไม่ต้องยุ่งกับผมหรอกน่า คุณนั่นแหละ มื้อเช้าแทนที่จะกินข้าวกินปลาบ้าง กินแต่กาแฟ เดี๋ยวก็เป็นโรคหัวใจตายหรอก"
"เดี๋ยวนี้กล้าสอนฉันเหรอ"
"ผมไม่ได้สอน แค่พูด~ ประโยคบอกเล่าน่ะ รู้จักไหม"
คนตัวเล็กหยุดพูดเมื่อมองคุณผู้ชายตรงหน้าที่เริ่มปั้นสีหน้าไม่พอใจ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาเงียบสนิท มีเพียงเสียงส้อมกระทบกับจานเวลาชเวเร็นจิ้มผัก เสียงแก้วกระทบกับโต๊ะเวลาร่างสูงวางแก้วกาแฟลง พร้อมกับเสียงพลิกหน้าหนังสือพิมพ์
"ถ้าจะไปทำงานบอกป้าโบมี อย่าคิดหนี ไม่งั้นฉันจะจับนายใส่กุญแจมืออีก แล้วก็นี่.."
ประธานยื่นโทรศัพท์เครื่องบางคืนให้กับเจ้าของ
"เบอร์ฉัน เมมไว้ให้แล้ว มีอะไรก็โทรมา บอดี้การ์ดของฉันจะตามนายไปทุกที่ เข้าใจนะ"
"แม้แต่ห้องน้ำ ?"
"ทุกที่"
..เผด็จการ !
หน้าหวานเบ้ปาก พยักเพยิดริมฝีปากล้อเลียนคนตรงหน้าก่อนจะยกแก้วนมสดรสจืดไขมัน 0% ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ราวกับจะเอาให้เมานมวัวตายมันตรงนั้น มุมปากเปื้อนคราบนมสด ร่างสูงส่ายหัวอย่างเอือมระอากับพฤติกรรมเด็กๆ ของนายแบบ เดือดร้อนเจ้าของบ้านต้องปากระดาษทิชชู่ใส่หน้าคนตัวเล็ก
..คงกำลังคิดว่าคนอย่างมินฮยอนจะเอื้อมมือไปเช็ดให้แบบในซีรี่ย์หวานแหววเหรอ ? คิดผิดซะล่ะมั้ง
"บอกดีๆ ก็ได้ !"
"เฮอะ.."
"แล้วนั่นคุณจะไปไหน"
"ทำงาน"
Bad..
โต๊ะเลขาควอนนาราหน้าห้องทำงานของท่านประธานดูเหมือนจะตกเป็นของนักศึกษาฝึกงานตัวปลอมอย่างคิมจงฮยอนไปเสียแล้ว เพราะเจ้าของโต๊ะตัวจริงถูกลากไปดูงานกับหุ้นส่วนรายใหญ่มีศักดิ์เป็นพี่สาวแท้ๆ ของท่านประธานฮวังมินฮยอน
"ก็ต้องมีข้อมูลบ้างล่ะน่า"
จงฮยอนมาถึงบริษัทแต่เช้ากว่าใครๆ เพื่อจะมาค้นข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเลขานารา มือเล็กลากเม้าส์ไปมา เข้าโฟลเดอร์นู่นนี่เพื่อหารายละเอียดเกี่ยวกับงานประมูลสินค้า ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเจอโฟลเดอร์หนึ่งในส่วนบันทึกข้อมูลของนารา
'เอกสารประชุมการประมูลสินค้า'
เขารีบคลิกเข้าดูทันทีอย่างรวดเร็ว หันรีหันข้างมองเผื่อจะมีใครเดินมา แต่เมื่อหันกลับมามองหน้าจอคอมพ์เขาแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะ โฟลเดอร์นั้นถูกล็อค แถมยังให้ใส่รหัสผ่านอีกด้วย จงฮยอนมองหารหัสผ่านเผื่อเลขาคนสวยอาจจะเขียนใส่โพสอิทแล้วแปะเอาไว้ตามโต๊ะ.. แต่กลับผิดคาด เลขาสาวรอบครอบกว่าที่คิด แม้แต่ตัวเลขสักตัวหรือข้อความสัญญาลักษณ์ต่างๆ ก็ไม่มีพอจะให้เดาได้เลย สิ่งเดียวที่จงฮยอนรู้คือ
'KwonNara'
เขาลองพิมพ์ใส่ลงไปในช่องรหัสผ่านแต่..
'incorrect password'
'12345678'
'incorrrect password'
'1234abcd'
'incorrect password'
'iloveyou'
'incorrect password'
'ไรท์เตอร์สวยจังเลยครับ'
'incorrect password'
สมแล้วที่เป็นเลขาของบริษัทฮวังกรุ๊ป.. ลองซุ่มใส่รหัสผ่านยอดฮิตของคนทั่วโลกก็แล้ว แต่ก็ยังเป็นศูนย์ หรือเขาควรจะไปฝ่ายบุคคลแล้วถามประวัติของเลขา เช่นพวกวันเกิด บ้านเลขที่หรือแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็คงจะดูผิดสังเกตเกินไป ฝ่ายบุคคลใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ
ก่อนจะปล่อยให้นักศึกษาฝึกงานได้คิดแผนการไปไกลกว่านี้พนักงานบริษัทก็พากันเดินเข้ามานั่งประจำโต๊ะทำงาน เสียงเฮฮาพูดคุยนินทาคนนู้นนี้เตือนให้อีกคนต้องปิดคอมพ์อย่างน่าเสียดาย
"อ้าวจงฮยอน! มาแต่เช้าเชียวนะเรา"
เสียงพนักงานหนุ่มเอ่ยทักเขา
"อรุณสวัสดิ์ครับ.."
"เที่ยงนี้ฉันมีนัดกับผู้จัดการสาขาย่อยประเทศจีน เตรียมเอกสารให้ด้วย"
คำสั่งที่ดูเหมือนจะไม่ได้พูดกับเขาแต่ก็คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากเขาคนเดียว จงฮยอนอ้าปากค้างชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ในขณะที่ประธานบริษัทเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
"เอกสารอะไรครับ"
ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะผลักบานประตูห้องทำงาน เขาปรายตามองไปที่นักศึกษาฝึกงาน ลืมตัวไปว่าเลขาหน้าห้องถูกเปลี่ยนตัวกระทันหัน ท่านประธานถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง
..ฮวังซูจินไม่น่าพรากนาราไปจากเขาเลย !
"ขยายสาขา"
"อะ.. อ๋อครับ"
"เอามาให้ฉันก่อน 10 โมง"
"ได้ครับ"
"ลืมอะไรไปอย่าง"
"??"
"หน้าที่ของควอนนาราอีกอย่าง.. ทุกเช้าเธอจะไปยืนรอ บอกตารางงานของฉันทุกอย่าง แล้วก็หอบแฟ้มบ้าพวกนี้ อย่าให้ฉันต้องถือมาเองแบบนี้อีก เข้าใจนะ"
โครม!!
ว่าจบก็โยนแฟ้มเอกสารในมือสองสามแฟ้มลงตรงหน้านักศึกษาฝึกงาน เอกสารกระจัดกระจายเต็มพื้น เรียกเสียงฮือฮาให้พนักงานน้อยใหญ่ลุกขึ้นชะโงกหน้ามาดู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากยิ้มแหยๆ ก้มหัวให้ท่านประธานจอมโหดก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน คนถูกดุยืนกุมมือ ก้มหน้าจนแทบจะชิดอกด้วยความกลัว
หากมองดูจำนวนแฟ้มเอกสารแล้วไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรสำหรับมินฮยอนเลยสักนิด แค่อยากจะแกล้งเด็กใหม่ เผื่อจะร้องไห้ขี้มูกโป่งยอมลาออกไป และสุดท้ายพี่สาวของเขาก็ต้องรีบส่งควอนนาราเลขาฝีมือดีกลับมา
พอพ้นสายตาร่างสูง จงฮยอนเบ้ปากด้วยความหมันไส้ก่อนจะก้มลงเก็บแฟ้มเอกสารให้กลับมาเหมือนเดิม รีบเอาเข้าไปวางบนโต๊ะ ท่านประธานที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่หมุนเก้าอี้เบาะหนังราคาแพงหนีเขาทันที
"ก็แค่โทรมาถามเฉยๆ .. อืม แค่นี้แหละ"
โทรศัพท์เครื่องบางถูกโยนลงบนโต๊ะ เรียกให้สติของจงฮยอนกลับคืนมา เขาสะดุ้งทันทีที่เผลอยืนฟังเจ้านายคุยโทรศัพท์อย่างลืมตัว
"เสร็จแล้วก็ออกไป"
"ขอโทษครับ"
การประชุมย่อยๆ กับประธานบริษัทสาขาย่อยในประเทศจีนกำลังดำเนินไปได้สวยภายในร้านอาหารจีนหรูหรา ห้องอาหารส่วนตัวสำหรับลูกค้าระดับวีไอพี แสนเงียบสงบ มีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศและการพลิกหน้ากระดาษดังกร๊อบแกร๊บ
"สรุปแล้วก็คงเป็นการตีตลาดไปฮ่องกงกับเซี่ยงไฮ้ ถ้าไม่มีอะไรติดขัดคงใช้เวลาไม่เกินห้าเดือน ผมว่าแบรนด์ของเราคงติดลมบนได้ไม่ยากนะครับ"
เสียงสุขุมของประธานสาขาประเทศจีนกล่าวสรุปด้วยภาษาเกาหลีที่สำเนียงออกจะติดเเปร่งๆ ไปเสียหน่อย
อู๋อี้ฟานหรือคริส อีกชื่อหนึ่งพอจะให้เรียกได้ง่ายๆ เขาปิดเอกสารแล้วส่งต่อให้เลขาสาวสวยข้างตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปหาประธานบริษัทสาขาใหญ่ตัวจริง มินฮยอนยื่นมือไปจับกับคริสอู๋ด้วยความยินดี
"ขอบคุณที่มาด้วยตัวเองนะครับ"
"ไม่มีปัญหาครับ ประธานใหญ่อยากจะพบผมทั้งที พร้อมเสมอครับ"
มินฮยอนยิ้มตอบ ที่กิจการในประเทศจีนเติบโตอย่างรุ่งเรืองเขาต้องยอมรับเลยว่าเป็นเพราะฝีมือคริสอู๋ล้วนๆ ช่วงที่เปิดตัวแบรนด์นาฬิกาเพื่อตีตลาดในประเทศจีนนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศเกาหลีพอดิบพอดี มินฮยอนเลยไม่ได้เข้าไปยุ่งย่ามเพราะมัวแต่กอบกู้เศรษฐกิจของสาขาใหญ่ แต่เพราะมีสาขาที่จีน จึงเป็นตัวช่วยพยุงให้แบรนด์ของเขากลับมาขึ้นแนวหน้าเหมือนเดิม
"ว่าแต่นี่คุณเปลี่ยนเลขาใหม่แล้วเหรอครับ ครั้งที่แล้วไม่ใช่เด็กคนนี้นี่นา"
มินฮยอนปรายสายตามองเด็กฝึกงานที่กำลังง่วนเก็บเอกสารรวมใส่แฟ้มให้เป็นระเบียบ เมื่อถูกกล่าวถึงเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
"เด็กฝึกงานน่ะครับ พอดีเลขาผมไปดูงานกับฮวังซูจิน"
"เก่งนะครับเนี่ย ตัวแค่นี้แต่ดูทำงานคล่องเชียว"
"ขอบคุณครับ"
คนถูกชมเกาท้ายทอยแก้เก้อ จงฮยอนถูกลากตัวออกมาด้วยเพราะผู้จัดการปาร์คที่ร่างสูงตั้งใจจะให้ออกมาด้วยนั้นวันนี้ไม่ได้เข้าบริษัท ขอลาหยุดไปเที่ยวกับครอบครัวตั้งแต่สองวันที่แล้ว
เสียงพูดคุยสิ้นสุดลงพร้อมกับการโค้งตัวลา คริสอู๋กับเลขาสาวขึ้นรถกลับไปยังโรงแรมที่พัก ทิ้งไว้แต่นักศึกษาฝึกงานและท่านประธานฮวัง จงฮยอนเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เขาลงจากรถแล้ววิ่งกลับเข้าไปในร้านอาหาร
"ผมลืมแท๊ปเลตไว้ รอแป๊บนึงนะครับ"
มินฮยอนถอนหายใจแรงๆ แสดงอาการไม่พอใจ แค่ของเล็กน้อยแค่นี้ยังลืมได้แล้วนับประสาอะไรกับงานใหญ่ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า เขาเองรำคาญที่ต้องมาคอยบอกให้ทำนู่นทำนี่เหมือนต้องมาเริ่มสอนนับเลขให้เด็กอนุบาลที่ทำได้แค่พูดตาม แต่ยังหาวิธีคิดบวกลบคูณหารเลขพวกนั้นไม่ได้
เขาหันไปมองตามทางท่ีจงฮยอนวิ่งหายเข้าไป ฉับพลันคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน แทนที่จะได้เห็นนักศึกษาฝึกงานวิ่งออกมาแต่กลับเป็นเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างตากำลังเดินเข้าร้านอาหารที่เขาเพิ่งเดินออกมากับใครคนหนึ่งที่เขาคุ้นหน้า อาจจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่เขาแอบเห็นรูปในโทรศัพท์มือถือของชเวเร็น
ไม่นานจงฮยอนก็วิ่งออกมารีบก้าวขึ้นมานั่งบนรถ ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่แต่คำขอโทษพวกนั้นคงไม่เข้าโสตประสาท หากสายตาคู่เรียวยังจับจ้องนายแบบจนรถหักเลี้ยวจากซอยลับสายตาไป
'จะกลับกี่โมง'
ร่างสูงเลือกที่จะส่งข้อความหาชเวเร็นแทนการโทรศัพท์หา เพราะไม่อยากให้คนขับรถและจงฮยอนรู้เรื่องส่วนตัวมากจนเกินไป ถึงแม้คนขับรถของเขาจะถูกอบรมว่าอย่ายุ่งย่ามเรื่องเจ้านาย แต่กับเด็กฝึกงานคนนี้คงยังไม่มีใครสั่งสอน
มือใหญ่กำโทรศัพท์แน่น รอคอยให้อีกฝ่ายตอบกลับ เหลือบมองวิวข้างถนนสลับกับมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังมืดสนิท นิ้วเรียวสไลด์เข้าไปดูในข้อความหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม นอกเสียจาก..
'พริตตี้สาวอกบึ้ม 75+ ถอดฟันปลอมโชว์เหงือกขาวเนียน สนใจกด *1234567890#'
...น่ารำคาญเสียนี่กระไร แค่อ่านข้อความก็อยากจะอ้วกเอาลำไส้เล็กออกมาพันคอตาย
"ตอบดิ.."
"คุณมินฮยอนว่าอะไรนะครับ"
"ยุ่ง"
นั่นแหละทำให้จงฮยอนเลือกจะสงบปากสงบคำ นั่งเจียมตัวอย่างเงียบๆ ไปตลอดทางกลับบริษัท
Bad..
Ren's Part
ประมานสิบนาที สิบห้านาที.. หรืออาจจะมากกว่านั้นแต่ก็ช่างมันเถอะครับเพราะมันเป็นเวลาที่ผมกับพี่จองบิน (ผู้จัดการผมเองครับ) นั่งรอใครบางคนที่พี่จองบินบอกว่าเขานัดไว้จะมาคุยเรื่องงานเดินแบบเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่อะไรสักอย่างซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย พอเสร็จงานจากการถ่ายแบบลงนิตยสารพี่ผู้จัดการตัวดีก็ลากผมมา ตอนแรกผมก็ปฏิเสธไป มันมี 2 เหตุผลครับ ข้อแรกคือปกติเวลารับงานอะไรจะผ่านพี่จองบินคนเดียว ไม่จำเป็นต้องลากผมไปด้วย นอกเสียจากจะเป็นงานใหญ่งานโต และอีกข้อคือผมมาทำงานโดยมีคนขับรถที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ดจากบ้านตระกูลฮวังมาคอยคุมความประพฤติ
..ทำอย่างกับผมเป็นนักโทษแหนะ เหอะ ! ถ้าไม่ติดว่าต้องพลีชีพช่วยชีวิตเพื่อนรักอย่างไอ้จงฮยอน สาบานได้เลยว่าชเวเร็นคนแมนคนนี้หนีออกมาจากบ้านนรกนั่นได้ตั้งแต่คืนแรกแล้ว !
"รอนานไหมครับ"
ก่อนที่ผมจะได้นึกภาพตบตีจิกหัวไอ้ประธานบ้านั่นเสียงทุ้มๆ ของคนมาใหม่ก็เข้ามาขัดความคิดผมเสียก่อน พี่จองบินลุกขึ้นโค้งตัวทักทายอย่างเป็นมิตรและผมในฐานะนายแบบมารยาทงามแต่ชื่อเสียงเสื่อมทรามก็ต้องลุกขึ้นทักทายตามเช่นกัน
..ผมไม่เห็นคุ้นหน้าหรือรู้จักเขาเลย ถึงแม้ว่าพี่จองบินจะแนะนำตัวเขาให้ผมฟังก็ตาม
"นี่คุณคังดงโฮ หุ้นส่วนห้องเสื้อ K. Story ที่พี่บอกนายไปไง"
"ยินดีที่ได้เจอนะครับ คุณยังจำผมได้ไหม?"
ผมขมวดคิ้ว.. เอาจริงๆ นะ วันนึงผมเจอคนประมานครึ่งประเทศ ผู้ชายหัวเกือบเกรียนคนนี้ผมคงจะเคยคุยเคยทักทายที่ไหนสักที่ แต่ก็อย่างที่ผมบอกไง วันๆ ผมเจอตั้งแต่ประธานาธิปดีเกาหลีใต้ยันเด็กป.3 โรงเรียนผึ้งน้อยใครจะไปจำได้วะ
"งานเปิดตัวนาฬิกาไงครับ ที่โรงแรม.."
เขาพยายามเว้นจังหวะให้ผมนึกภาพตาม แต่ผมมันสมองปลาทอง แค่จำทางกลับบ้านได้ก็บุญแค่ไหนแล้ว
"อ๋ออ ครับ จำได้แล้ว"
..ที่ไหนล่ะ !! ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน !
"ดีใจแฮะ ต้องขอโทษที่มาเลทไปนิดหน่อยนะครับ ติดประชุมกับดีไซเนอร์"
"ไม่เป็นไรครับ เรามาทานอาหารก่อนไหม อิ่มแล้วเราค่อยคุยเรื่องงานกัน"
เพราะนี่คือร้านอาหารจีน โต๊ะอาหารเลยเป็นทรงกลมตามสไตล์ไชน่าทาวน์ อาหารต่างๆ นานามาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ พวกเราเริ่มกินกันอย่างมีมารยาท ผมก็คีบแต่ผักกินตามวิถีของผมที่โดนพี่จองบินสั่งให้ควบคุมน้ำหนัก แต่ดูของที่เขาสั่งสิครับ เป็ดปักกิ่งงี้ หูฉลามน้ำแดงงี้ ไม่สงสารผมบ้างเลย !
เห้อ จะว่าไปผมก็เริ่มเห็นความดีในตัวของฮวังมินฮยอนแล้วนะครับ อย่างน้อยเขาก็ไม่ให้ผมต้องอดๆ อยากๆ แถมยังบอกว่าผมผอมจนจะตายอยู่แล้ว ทำไมพี่จองบินของผมถึงไม่พูดเหมือนเขามั่งนะ
..บ้าหรือไง !! ผมเผลอไปมองหมอนั่นเป็นคนดีได้ไง !!?? ช่วยลืมๆ ไอ้สิ่งที่ผมคิดไปด้วยนะครับ
เรากินกันไปพูดคุยกันไป ไหลออกนอกเรื่องบ้างแต่แล้วก็วกกลับเข้าเรื่องงาน คุณดงโฮบอกว่าดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้อ K. Story ที่แสนโด่งดังจนเทียบเท่าแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังจากฝั่งยุโรปคือพี่สาวรุ่นพี่ที่จบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ไปๆ มาๆ ก็เลยชักชวนกันให้มาร่วมหุ้น เสื้อผ้าแบรนด์นี้ผมมีโอกาสได้ใส่หลายครั้งนะ ซื้อเองบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกตาเฒ่าสนับสนุนมาซะมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ก็ฟรีนิครับ
ตั้งแต่มีเรื่องจงฮยอนมาให้ผมปวดหัวผมก็ไม่ได้ออกไปล่อลวงตาเฒ่าหัวงูที่ไหนเลย คงเป็นเพราะชีวิตผมมันวุ่นวายโดนรุกรานจากมินฮยอนแค่นี้ผมก็เหนื่อยจนไม่มีแรงไปสู้กับใครแล้ว อีกอย่างเขาไม่ปล่อยให้ผมคาดสายตา ก็เพิ่งจะมีตอนนี้ละมั้งครับที่ผมเหมือนได้รับอิสระ
"ช่วงนี้คุณเร็นงานเยอะไหมครับ เพิ่งมีข่าวว่าคุณเข้าโรงพยาบาลนี่"
"ครับ ผมรู้สึกเหนื่อยๆ กับงานพี่จองบินก็เลยพาผมไปนอนให้น้ำเกลือเฉยๆ น่ะครับ"
"แย่หน่อยนะครับ"
"ชินแล้วล่ะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะ"
"ผมไปด้วยสิ"
ผมยิ้มรับก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมๆ กับคุณดงโฮ นี่ก็ปาไปเกือบจะสองทุ่มแล้วที่ผมทิ้งคนขับรถของตระกูลฮวังเอาไว้ในลานจอดรถของร้านอาหาร ผมทิ้งกระเป๋าสัมภาระและหยิบออกมาแค่โทรศัพท์มือถือ ให้เอาไว้เป็นหลักประกันว่าผมจะไม่หนีไปไหน ถ้าเขาดึงดันจะตามเข้ามาผู้คนคงยิ่งแตกตื่นกับชายชุดดำปี๋กับแว่นกันแดด มองยังไงก็ดูเป็นผู้ก่อการร้ายทางสายตา.. ไอ้บ้ามินฮยอนก็น่าจะคัดหน้าตาเสียหน่อย เอาแค่สูง รูปร่างใช้ได้ก็พอ ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาโจรสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาขู่กันเลย หนวดก็เฟิ้ม กล้ามก็บึ้ก! กลัวนะเนี่ย กลัว!
ผมเลือกเข้าห้องน้ำห้องในสุด ปิดประตู ล็อคกลอน พับฝาชักโครกลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เผื่อว่าคนขับรถหน้าโจรจะโทรฟ้องเจ้านายตัวดีแล้วจะพาลกระหน่ำใส่ผม
การแจ้งเตือนข้อความแสดงหน้าจอ ผมรีบสไลด์เปิดอ่านทันทีอย่างไม่ลังเล
'จะกลับกี่โมง'
'อีกสักพัก คนขับรถของคุณยังอยู่กับผม ไม่ต้องห่วง..'
'Low Battery'
ป๊อบอัพแจ้งเตือนว่าแบตกำลังจะหมดตอนที่ผมกำลังพิมพ์ พอผมกด 'Dismiss' ปุ๊บ.. หน้าจอก็ดับสนิท.. อะไรอีกวะ ! เมื่อกี้เหลือตั้ง 3% แล้วจู่ๆ จะมาดับได้ไง และผมยังไม่ได้ส่งข้อความกลับหามินฮยอนด้วยซ้ำ เขาส่งข้อความมาตั้งแต่ 5 โมงเย็น จนป่านนี้ผมยังไม่ตอบ สาบานได้เลยว่าถ้าผมกลับถึงบ้านปุ๊บ หมอนี่ต้องแหกอกผมแน่ !
ผมเลิกทึ้งหัวกบาลตัวเองออกมาจัดทรงผมหน้ากระจกมีคุณดงโฮยืนรออยู่แล้ว คาดว่าเขาคงเสร็จธุระนานแล้วด้วย ผมทำได้แค่ยิ้มแหยๆ ลูบปลายผมป้อยๆ ให้เข้าทรงตามเดิม ตอนที่เดินออกมาผมรู้สึกมึนแปลกๆ คงเป็นเพราะวันนี้ผมกินแต่น้ำกับผัก สารอาหารคงไม่เพียงพอ
"คุณเร็นครับ เรามาถ่ายรูปคู่กันไหม?"
"ครับ? ในนี้น่ะเหรอ"
"อ่าหะ เกรงว่าถ้าไปถ่ายข้างนอกเดี๋ยวจะกลายเป็นข่าวไปซะ แต่ถ้าคุณไม่อยากถ่ายก็ไม่เป็นไร ผมเป็นแฟนคลับคุณ แค่ได้เจอคุณก็พอแล้ว"
แหม พูดซะขนาดนี้.. ป๋าเร็นจัดให้
"เฮ่ย ไม่ใช่งั้นครับ เอาสิครับ ถ่ายเลย"
คุณดงโฮฉีกยิ้มแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะมายืนซ้อนทับผมด้านหลัง ทำให้เราใกล้กันจนผมได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาด้วย ไม่กี่วินาทีต่อมารูปคู่ของเราก็อยู่ในโทรศัพท์เขา
"อาา~ ดีใจแฮะ เดี๋ยวผมจะเอาไปอวดเด็กๆ ในออฟฟิตนะ"
ผมเชื่อแล้วจริงๆ ว่าเขาเป็นแฟนคลับผม บนโต๊ะอาหารเขาก็เอาแต่พูดว่าชอบผมงั้นงี้
เวลาเขายิ้มผมเห็นเขี้ยวเล็กๆ ของเขาด้วย จะว่าไปคุณดงโฮนี่ค่อนข้างหล่อแต่ออกแนวผู้ชายแมนๆ แต่มินฮยอนจะหล่อแบบเจ้าชาย และก็คงเป็นโรคเจ้าชาย ไม่ว่าจะทำอะไร ขยับไปทางไหนเขาก็ดูดีไปหมด
อ้ากกก !
ลืมไปซะ!!
ลืมไปให้หมดกับสิ่งที่ผมเผลอชมไป !!!!
พอเราถ่ายรูปเสร็จจังหวะที่ผมกำลังหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกเหมือนห้องน้ำมันหมุนๆ ทำให้เสียการทรงตัวนิดหน่อยแต่ดีที่ผมคว้าขอบอ่างล้างมือไว้ทัน พอๆ กับที่คุณดงโฮรีบคว้าแขนผมไว้
"ขอบคุณครับ"
"คุณไม่สบายหรือเปล่า"
"เปล่าครับ ผมคงหมุนตัวเร็วไป ขอบคุณครับ"
พวกเราแยกย้ายกันในช่วงเวลาประมาน 3 ทุ่มน่าจะได้ พี่จองบินดึงดันจะไปส่งผมถึงคอนโด แต่ผมบ่ายเบี่ยงไป อ้างว่าจะไปนอนค้างบ้านจงฮยอน แน่นอนว่าพี่จองบินไม่ได้รับรู้เรื่องที่ผมย้ายไปอยู่บ้านมินฮยอนเลยสักนิด ส่วนเรื่องคนขับรถนี่ผมก็บอกว่าบริษัทส่งมาแทนคนขับรถคนเก่าที่พอดิบพอดีลาไปช่วยเมียคลอดลูก ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้เอะใจอะไร
ผมเข้ามาในบ้าน ป้าโบมีก็วิ่งเข้ามาต้อบรับ ต่อให้ผมเป็นคนดังมีชื่อเสียง มีคนเข้ามาคอยรับใช้ตลอดแต่ผมก็ไม่เคยจะชินนะ ผมรู้สึกแปลกๆ ที่คนอายุมากกว่าผมต้องมาถือของให้ มันดูไม่เสมอภาคทางสังคมอะ เป็นคนรับใช้หรือเป็นนักการเมืองใหญ่โต สุดท้ายก็คนเหมือนกัน
"ทานอะไรมาหรือยังคะ คุณเร็น"
"เรียบร้อยแล้วครับป้า"
ป้าโบมีเป็นแม่บ้านเก่าแก่ ท่าทางใจดีของแกทำให้ผมคิดถึงแม่เลยล่ะครับ เมื่อก่อนตอนที่ผมยังเป็นเด็กๆ พอผมกลับมาจากโรงเรียนปุ๊บแม่ก็จะชอบถามว่ากินข้าวหรือยัง แทนที่จะถามว่าวันนี้ไปก่อเรื่องอะไรมาบ้าง
"งั้นดีเลยค่ะ รีบไปหาคุณชายเร็วๆ เลย แกนั่งรอคุณตั้งแต่กลับมาจากบริษัทแล้วค่ะ ดูท่าทางจะอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย"
ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปหามินฮยอนที่ห้อง แสงไฟกับความเย็นช่ำของแอร์เล็ดลอดออกมาช่องใต้ประตู ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกขวัญกำลังใจ และเคาะประตูห้อง
ผิดจากที่ผมพูดที่ไหนล่ะ ตาตี่ๆ นั่นตวัดมามองทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง เขาเอนหลังพิงกับเก้าอี้ทำงานมองผมทั้งๆ ที่ไม่พูดอะไรสักคำ
"ป้าโบมีบอกว่าคุณรอผมอยู่ ?"
"อืม"
"แล้ว.. มีอะไรครับ ?"
ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก็ดูหน้าเขาสิครับ ถึงแม้จะนั่งนิ่ง แต่รังสีอำมหิตนี่แผ่ไปทั่วห้อง แอร์ที่เย็นฉ่ำจนแทบจะแช่แข็งได้ผมว่าอีกนิดหิมะคงตกในห้องนี้แน่
"รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรผิด"
เรื่องให้คิดเองนี่อย่าให้พูดเลยครับ ผมมันอยู่จำพวกคิดไม่เป็น แล้วยิ่งมึนๆ แบบนี้อีกนะ พอเลย !
"ผมทำอะไร ?"
ก็มันจริงนี่ ใครจะไปรู้วันนี้ผมแค่ไปถ่ายแบบลงนิตยสาร แล้วก็ไปคุยงานที่ร้านอาหารกับคุณดงโฮไง
"ทำไมไม่ตอบข้อความ"
"แบตหมดครับ ผมเห็นข้อความคุณแล้วนะ แต่แบตมันหมดซะก่อนที่ผมจะตอบ"
"แล้วไปไหนมา"
"ไปคุยงานกับผู้จัดการครับ คุณไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม"
"มี"
ผมอยากจะวิ่งเข้าไปต่อยหน้าหล่อๆ นั่นให้ดั้งยุบจมทะลุกะโหลกหลังให้รู้แล้วรู้รอด แต่สภาพผมเวลานี้ไม่มีแรงต่อกรอะไรทั้งนั้น มึนหัว ในท้องก็มีแต่ลมเพราะกินไปนิดเดียว ผมอยากนอน !!
"อะไรครับ"
"ฉันอยากกินแอปเปิ้ล"
"เดี๋ยวผมไปบอกป้าโบมีให้นะ"
"ไม่.. ตอบแทนหน่อยสิที่ให้อยู่บ้านฟรีๆ น่ะ แค่ปลอกแอปเปิ้ลเอง"
เหอะ ! เหอะ !! เหอะ!! เหอะ !!!!!!!!!
ผมเดินต้อกแต้กลงมาจากห้อง เลี้ยวเข้าไปในครัวที่มืดสนิท เวลานี้พวกแม่บ้านคงไปนอนกันหมดแล้ว ผมควานหาสวิตส์ไฟเปิดให้ความสว่าง เปิดตู้เย็นเอาแอปเปิ้ลออกมาล้างน้ำและจัดการปลอกช้าๆ เห็นผมแมนๆ อย่างนี้เรื่องเข้าครัวก็ถนัดเอาเรื่องนะครับ ตอนเด็กๆ ชอบเล่นขายก๋วยเตี๋ยว ขโมยมีดแม่มาเล่นสุดท้ายก็โดนแม่ตีจนก้นช้ำเลยครับ.. เห้อ จะไปว่าไปก็คิดถึงแม่ขึ้นมา พักหลังๆ นี้งานยุ่งผมเลยไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านเลย
ว่าแล้วก็โทรหาหน่อยดีกว่า
ผมวางมีดลงวิ่งไปหยิบโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายมากดต่อสายหาแม่ ไม่นานเสียงที่คุ้นเคยก็รับสายผม
"สวัสดีค่ะ"
"แม่~ ผมเอง"
"ผมไหน?"
นี่ผมไม่ได้คุยกับแม่นานจนท่านจำเสียงผมไม่ได้แล้วสินะ
"มินกิของแม่ไงครับ"
"มินกิไหน ฉันไม่มีลูกชื่อนี้ ฉันไม่เคยท้อง"
"โถ่แม่อ่า~ งอนผมอีกแล้วเหรอ ไม่เอานะ อย่างอนนะคนสวย นะครับ~ น้าา"
"ลูกบ้า.. แล้วเป็นไงล่ะ สบายดีไหม ออกจากโรงพยาบาลหรือยัง"
แค่คำถามง่ายๆ พื้นฐานพวกนี้ทำผมน้ำตาคลอเบ้า เป็นคำถามเดียวกับพวกนักข่าวถาม แต่น้ำเสียงช่างแตกต่างเหลือเกิน
ผมกำโทรศัพท์แน่น เม้มริมฝีปาก ไม่อยากร้องไห้ให้แม่ได้ยิน เพราะทุกครั้งที่ผมร้องไห้แม่จะกระวีกระวาดรีบมาจากปูซานมาโซลทันที แล้วสุขภาพท่านก็ไม่ค่อยดีด้วย เพราะงั้นผมเลยทำตัวเข้มแข็งใส่ท่านตลอด
"สบายดีครับ แม่.. ไม่ต้องห่วงนะ ดึกป่านนี้ยังไม่นอนอีกเหรอ"
"ก็แม่รู้ไงว่าเดี๋ยวต้องมีลูกขี้แงโทรมา"
"รักแม่นะครับ"
"พ่อกับแม่รอโทรศัพท์จากลูกทุกวันเลยนะ"
"ผมก็คิดถึงทุกวันเลย.."
"เร็น!.. ชเวเร็น!!"
"อะ.."
เพราะเสียงตวาดกร้าวดังลั่นบ้านจากเจ้าของบ้านทำผมตกใจ เผลอกดมีดแรงไปหน่อยจนมันไถลจากแอปเปิ้ลลื่นๆ มาบาดนิ้วผม เลือดไหลซิปๆ ผมรีบล้างน้ำแล้วใช้ปากกัดแผลเอาไว้ไม่ให้เลือดมันไหลออกมามากกว่านี้
"เป็นอะไรน่ะลูก"
"ปละ.. เปล่าครับ แม่แค่นี้ก่อนนะ พี่จองบินเรียกผมน่ะ ฝากบอกพ่อด้วยว่าผมคิดถึงม๊ากมาก รักแม่นะครับ"
ผมละล่ำละลักกรอกเสียงพูดกับแม่ เช็ดคราบเลือดกับกางเกง ก่อนจะวางโทรศัพท์แล้วรีบเดินออกไปหาไอ้เจ้าของบ้านเอาแต่ใจตัวเองเป็นเด็กป.3 กลางบ้าน
"อะไรอีกครับ"
"นายจะทำให้ฉันต้องหงุดหงิดไปถึงไหน!"
ผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าผมไปทำอะไรให้เขาหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ผมก็ยืนหน้าโง่ๆ ปลอกแอปเปิ้ลให้เขากินอยู่เนี่ย ! ดูหน้าเขาสิครับ คิ้วสวยๆ นั่นขมวดเข้าหากันอยู่ตลอดเวลา ปั้นหน้ายักษ์หน้ามารไม่เว้นวัน
"ผมทำอะไรอีกล่ะ ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหนเลย"
"เหอะ! นายไม่ได้ทำมันตอนนี้ แต่ก่อนหน้านี้ล่ะ!!"
ผมขมวดคิ้ว สาบานได้ว่าผมไม่มีปัญญาไปคิดทบทวนกิจกรรมตัวเองแน่ แค่ยืนตอนนี้ผมแทบยังยืนไม่ไหว จนต้องเอนตัวพิงกับเปียโนหลังใหญ่กลางบ้าน
มินฮยอนโยนโทรศัพท์ใส่ จนผมต้องรีบคว้ามันไว้ก่อนจะตกแตกลงพื้นให้เสียดายของ ภาพในจอโทรศัพท์เป็นรูปคู่ของผมกับคุณดงโฮที่เราเพิ่งถ่ายด้วยกันวันนี้ นี่ภาพหลุดหรืออะไรยังไง? ทำไมถึงได้มาอยู่ในเครื่องมินฮยอนได้
"ทำไมคุณ.. ถึงมีรูปนี้"
"มันเรื่องของฉัน! คำถามที่นายต้องตอบคือไปเจอไอ้แบคโฮมาได้ยังไง!!!"
เขากระชากตัวผมเจ้าไปใกล้ บีบที่หัวไหล่ผมจนเจ็บ จ้องเข้ามาในตาจนผมต้องเบี่ยงหน้าหนี
"แบคโฮ ? ไม่ใช่นะ นี่คุณดงโฮต่างหาก วันนี้ผมเพิ่งไปคุยงานกับเขามา.."
"คุยงานหรือขายตัว ?"
"คุณมินฮยอน! คุณพูดอะไรออกมาน่ะ เชื่อผมบ้างได้ไหม!? ปล่อยผมด้วย ผมเจ็บ!"
"ไม่ต้องมาทำสำออย หึ ไปคุยงานกับผู้จัดการ คุยเรื่องอะไร ขายตัวให้ไอ้แบคงั้นเหรอ แล้วเป็นไงล่ะ.. มันให้เท่าไหร่ !!"
"ผมไม่รู้จักแบคโฮอะไรของคุณ ถึงแม้ว่าคุณดงโฮกับคุณแบคโฮจะเป็นคนเดียวกันแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผมเลย! เขาไม่ได้ใจร้ายเหมือนคุณ ! ปล่อยผม"
ผมพยายามสะบัดตัวออก แต่เขากลับเปลี่ยนมาบีบที่ข้อมือผมแทน เลือดไหลออกมาจากแผลที่โดนมีดบาด คราบเลือดไหลเป็นทางจากปลายนิ้วลงมาจนถึงฝ่ามือ
คุณมินฮยอนไม่พูดอะไร เขาเอาแต่มองผมด้วยสายตาเหยียดหยามจนผมแทบจะไม่อยากทนอยู่มองหน้าเขาอีกต่อไป อยากจะวิ่งหนีกลับบ้าน กลับไปหาแม่ แม่แค่คนเดียวที่เข้าใจผมกว่าใครๆ ..
"ฉันรู้จักนิสัยดี ทั้งนายและมัน!"
"หึ.. ผมขายตัวให้เขา ! คุณดงโฮให้เงินผมเยอะ ผมก็เลยยอม !! นี่ใช่ไหมที่คุณอยากได้ยินน่ะ!!"
".. น่ารังเกียจ"
"ร่างกายผมมันไร้ค่าตั้งแต่มีคุณเข้ามาในชีวิตผมแล้ว ..คุณมินฮยอน"
ผมสะบัดข้อมือออก ดูเหมือนเลือดหยดน้อยๆ จะกระเด็นเปื้อนแก้มเขาด้วยตอนที่ผมสะบัด แต่ช่างเถอะ เวลานี้ผมไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องเล็กน้อยบ้าบอพวกนี้ ผมควรจะรีบหาเอกสารให้จงฮยอน ทำให้มันจบๆ ไป ชีวิตผมจะได้ไม่ต้องเวียนว่ายอยู่กับผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้
ปึง !!
ผมตั้งใจกระแทกบานประตูห้องนอนจนเสียงดังลั่นทั่วบ้านหลังใหญ่โต ทิ้งตัวนอนราบไปกับเตียง โดยไม่คิดจะทำแผลที่นิ้ว
มันเจ็บจนชา .. สักพักเดี๋ยวมันก็หายไป
Bad...
เสียงผิวปากเงียบลงเมื่อริมฝีปากหยักนั้นกดลงจูบท้ายทอยคนตัวเล็กพร้อมกับอ้อมแขนโอบรัดรอบเอวบางจากด้านหลัง ปลายคางมนเกยอยู่บนลาดไหล่ด้วยท่าทางอารมณ์ดีเกินความจำเป็น
.. จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไงเล่า แค่หยอกไก่ เอารูปคู่ที่ถ่ายกับนายแบบชเวเร็นคนดังส่งไปให้คู่แข่งดู น่าตกใจที่ผลตอบรับดีเกินคาด มินฮยอนกระหน่ำโทรเข้าหาเป็นสิบๆ สาย ดูแค่นี้ก็รู้ว่ามินฮยอนทั้งรักทั้งหลงชเวเร็นมากแค่ไหน
หมากเดินเกมส์ตัวสำคัญปรากฏแล้ว รอเวลาแค่.. รุกฆาต
"หึ อารมณ์ดีอะไรมาล่ะ หลอกฟันสาวบริสุทธิ์มาได้หรือไง"
"อืม ..น่าจะงั้น สะใจเป็นบ้า หึ"
อารอนแค่พูดประชด แทนที่จะได้ฟังคำปฏิเสธ กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีจากแบคโฮแทน ความรู้สึกหงุดหงิดตีตื้นขึ้นมาจนต้องออกแรงดันให้อีกคนออกห่าง คิ้วสวยขมวดเข้าหากันตอนที่โดนรวบข้อมือแล้วถูกดึงเข้าไปประชิด เพราะความสูงที่ห่างกันไม่มากนักทำให้เห็นรายละเอียดบนผิวหน้าได้ชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาตามสไตล์ผู้ชายแมนๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้จนอีกคนใจกระตุก จ้องตาค้างไว้กลัวว่าถ้าเผลอกระพริบตาร่างของอารอนอาจจะปลิวไปนอนบนเตียง ปลายจมูกรั้นหยุดอยู่ซอกคอ กลิ่นหอมจากน้ำหอมทำให้แบคโฮนิ่วหน้า การแต่งตัวที่ดูดีจนผิดปกติ แถมยังใส่น้ำหอม..
อารอนไม่ใช่คนชอบฉีดน้ำหอมถ้าไม่ใช่ว่าต้องออกงานสำคัญอะไร แบคโฮรู้ข้อนี้ดี..
"จะไปไหน"
แบคโฮสำรวจร่างบางตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อโปโลสีฟ้าอ่อนดูสบายตา มีเสื้อคลุมตัวบางสีขาวพาดไว้บนบ่ากับกางเกงขายาวสีขาว ทรงผมถึงแม้จะไม่ได้เซตเหมือนไปออกงานแต่ก็ถูกจัดระเบียบซะจนน่ารัก ไม่เหลือเค้าความเป็นนายแบบสุดเท่บนเวทีเลย
"เรื่องของฉัน"
"อย่าให้อารมณ์เสีย ตอบดีๆ"
"กินข้าว"
"ดึกป่านนี้เนี่ยนะ !?"
"อืม"
"ไปกับใคร ที่ไหน"
"ไม่จำเป็นต้องรู้"
"อารอน ! ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้อารมณ์เสีย"
"ที่นายไปไหนก็ไม่เคยเห็นบอกฉันมั่งเลยนี่ คิดจะไปก็ไป จะมาก็มา คอนโดฉันไม่ใช่โรงแรม.."
ติ๊ง !
เสียงกริ่งราวกับเสียงสวรรค์ห้ามทัพสงคราม หรืออาจจะกลายเป็นมรสุมทันที หากภาพและเสียงในจออินเตอร์คอมพ์นั้นไม่ใช่ตากล้องผมแดง
"ปล่อย"
"ไอ้บ้านี่เอง"
"นี่! หยุดนะแบคโฮ"
อารอนฉุดข้อมือไว้ตอนที่แบคโฮสะบัดออกแล้วจะเดินไปเปิดประตูห้อง ระดับความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเมื่อเสียงเจสันลอดผ่านอินเตอร์คอมพ์
"อารอนครับ"
"ไม่อยู่! มาทางไหนกลับไปทางนั้น"
แบคโฮกระชากบานประตูบานประตูออกไปเผชิญหน้ากับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญสำหรับเขา เจสันยิ้มให้แล้วมองเลยไปยังคนที่เขาต้องการด้านหลัง อารอนถอนหายใจก่อนจะส่งยิ้มกลับมา
"พร้อมหรือยัง ?"
การกระทำที่ทำให้แบคโฮกลายเป็นธาตุอากาศแบบนี้มันเกินจะอดทนไหว แต่เจสันเองก็แค่หาวิธีเลี่ยงการมีปากมีเสียง ไม่อยากให้อารอนกลายเป็นจุดสนใจ แล้วตกเป็นข่าว
"จะไม่มีการไปไหนทั้งนั้น"
ร่างสูงแสดงอากัปกิริยาไม่พอใจ ฉุดข้อมือเล็กไว้ตอนที่อารอนกำลังจะเดินชนไหล่เขาออกไป มือใหญ่ดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาประชิดตัวก่อนจะส่งมืออีกข้างมาโอบเอวไว้
"ปล่อย"
"ไม่ปล่อย.. ส่วนคุณกลับไปซะ อารอนไม่ว่างไปด้วยแล้ว"
"แบคโฮ ! อย่าเสียมารยาทได้ไหม ปล่อยฉันด้วย"
"ไม่เป็นไร เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ถ้าวันนี้ไม่สะดวก"
เจสันยิ้มบางๆ ส่งไป แสดงความจริงใจว่าไม่เป็นไรตามที่พูด ถึงแม้ในใจจะแอบหน่วงนิดๆ ก็ตาม เป็นใครก็เฟลทั้งนั้นแหละนะ อุตส่าตั้งใจแต่งตัวซะหล่อ..
..ยอมรับตรงนี้เลยนะ เจสันรู้สึกถูกชะตากับอารอนตั้งแต่วันที่ถ่ายแบบในสตูดิโอแล้ว
ชีวิตหนุ่มโสดตลอด 5 ปี คงถูกทำลายเพราะควักอารอนคนนี้ซะแล้วมั้ง
"คุณเจสัน.."
"งั้นผมไปนะ"
"บาย !!"
ปึง !
มีแต่คนเถื่อนเท่านั้นที่ทำเรื่องเสียมารยาทได้ขนาดนี้ ชิงตัดบทพูดไม่พอยังปิดประตูใส่หน้าตากล้องเขาอีก อารอนชักสีหน้า สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของคนเถื่อนอย่างแบคโฮ คนก่อเรื่องยักไหล่ไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่ก่อนเลย
"ไอ้เด็กนิสัยเสีย ไม่มีมารยาท ไม่รู้จักกาลเทศะ"
"ด่าอีกสิ ด่าเลย ด่าให้ตายยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้ไปกับไอ้หัวแดงหน้าแหลมนั่นแน่"
"ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกเขาดีๆ เขาอายุมากกว่านายนะ"
"หึ.. แคร์ตายล่ะ"
"ไม่รู้จักโต"
อารอนเดินกระแทกส้นเท้าเข้าห้องนอน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดโปรแกรมสนทนาขึ้นมากดไปที่ชื่อผู้ติดต่อที่เพิ่งบันทึกเอาไว้ได้ไม่นาน
'Jason Fu'
ทักทายด้วยการส่งสติ๊กเกอร์เจ้า Moon ตัวกลมๆ ขาวๆ ไปหนึ่งตัว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเกลือกลิ้งบนที่นอนรอให้อีกคนตอบกลับ รอไม่ถึงนาทีเจสันก็ส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์ตอบกลับ
'ขอโทษนะครับ~"
'สบายมาก'
'คุณเจสันอยู่ไหนแล้วครับ'
'ขับรถอยู่ เดี๋ยวจะเกี่ยวสาวๆ แถวนี้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนซะหน่อย โดนเบี้ยวนัดแบบนี้ไม่ดีเลยแฮะ'
'งื้ออ~ ขอโทษจริงๆ ครับ'
อีกคนทิ้งช่วงบทสนทนาไปนานเกือบสิบนาทีปล่อยให้นายแบบนอนจ้องโทรศัพท์ อารอนแอบคิดว่าที่เจสันไม่ตอบคงเป็นเพราะโกรธเขาแน่ๆ เป็นใครก็ต้องโกรธถูกไหมล่ะ
'Jason Fu sent you a sticker.'
เท่านั้นล่ะ อารอนที่กำลังนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงรีบลุกขึ้นมาคว้าโทรศัพท์ไปตอบทันที
'คุณเจสันโกรธผมใช่ไหมอะ ? ขอโทษจริงๆ นะครับ'
...
เอาอีกแล้ว เจสันเงียบไปอีกแล้วทำให้อารอนใจไม่ดีเลยจริงๆ เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่ต้องมาทำให้โกรธแบบนี้
'เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นข้าวสักมื้อแก้ตัวได้ไหมครับ?
'เงียบตั้งนาน นึกว่าโกรธ'
'ขับรถอยู่น่ะ'
'คุณเจสันว่างวันไหนล่ะ เลือกร้านเลยเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง'
'แพงๆ เลยนะ'
'สบายย!! แล้วแต่คุณเลย'
อารอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างไม่รู้ตัว เหมือนเด็กม.ปลายกำลังมีความรัก แค่การคุยผ่านตัวอักษรทำให้ตื่นเต้นทุกครั้ง อยากรู้ว่าอีกคนจะตอบกลับยังไง
จู่ๆ การคุยผ่านตัวอักษรก็เปลี่ยนไป สายเรียกเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอทำเอาอารอนดีใจจนเนื้อเต้น รีบกดรับสายทันที
"ว่าไงครับ"
"ขับรถอยู่ ไม่สะดวกพิมพ์เลยโทรเอาดีกว่า"
"อ๋อ..ครับ"
รู้สึกแปลกนิด ทำตัวไม่ค่อยถูก ไม่รู้จะพูดอะไรทันที
"อารอน"
"ค..ครับ คุณเจสัน"
"ไหนบอกจะเรียกผมว่าอาเฟยไง"
"ลืมตัวแฮะ อาเฟย"
"มีแต่คนในครอบครัวผมนะที่เรียกแบบนี้"
"หระ.. เหรอครับ"
พูดแบบนี้คือ.. เขาก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวใช่ไหม ? คิดเองเออเองก็ฟินจนตัวจะแตก
"แล้วนี่จะถึงบ้านยังครับ ขับรถดีๆ นะ"
"อยู่บนทางด่วนครับ รถติดแฮะ อยู่คุยเป็นเพื่อนผมก่อนนะ"
...ทำไมใจเต้น ? ความรู้สึกตื่นเต้นว้าวุ่นแบบนี้จางหายไปนาน นานตั้งแต่แบคโฮยังเป็นดงโฮของเขา ไม่ใช่ของคนอื่น..
"อารอน.. เงียบทำไม"
"ครับ ?"
"อยู่คุยเป็นเพื่อนผมนะ จนกว่าผมจะถึงบ้าน โอเคมั้ย?"
"..ครับ อาเฟย"
ความเคยชินปลุกร่างบางให้ลุกขึ้นตื่นในช่วงสายๆ เพราะวันนี้ไม่มีตารางงานผู้จัดการส่วนตัวจึงไม่โทรตามมารบกวนเวลาพักผ่อนของไอดอลนายแบบคนดัง หลังจากเมื่อคืนที่อ่อนเพลียจนเผลอหลับไป
ชเวเร็นยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอาป้อยๆ นวดหน้าตัวเองไม่ให้บวมเหมือนอย่างที่ทำทุกครั้งตอนตื่นนอนแต่ความสากจากปลายนิ้วชี้ตรงที่โดนมีดบาดทำให้คนตัวเล็กต้องยกมือออกจากแก้ม
...พลาสเตอร์
เมื่อคืนเขาเผลอหลับไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำแน่นอนว่าคงไม่มีเวลามานั่งติดพลาสเตอร์.. มองไปรอบๆ ห้องก็ถึงกับบางอ้อเห็นแก้วนมสดว่างอยู่บนโต๊ะ
คงเป็นป้าโบมีสินะ..
ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวนายแบบก็เดินเฉิดฉายลงมาจากห้องนอน ป้าโบมีกำลังปัดฝุ่นตามตู้โชว์ถ้วยรางวัลต่างๆ นานามากมายฉีกยิ้มให้กับเขา วางไม้ปัดขนไก่แล้วเดินเข้ามาหา
"ตื่นแล้วเหรอคะ"
"ครับ"
"ป้าเตรียมมื้อเช้าไว้ให้แต่คงจะเย็นหมดแล้วเดี๋ยวป้าไปอุ่นให้นะคะ"
"ขอบคุณครับ.. เออป้าโบมีครับ ผมขอพลาสเตอร์อันใหม่ด้วยนะ อันที่ป้าติดให้ผมมันเปียกน้ำตอนอาบน้ำน่ะครับ"
ว่าพร้อมกับยกมือขึ้นลูบนิ้วโชว์ให้แม่บ้านเห็นว่ามันเปียกจริงๆ
"คะ? คุณเร็นไปโดนอะไรมา เป็นแผลเหรอคะ ตรงไหน ? ให้ป้าดูหน่อย ต้องทำแผลหรือเปล่า ไหนๆ ขอป้าดูหน่อยสิคะ"
แม่บ้านจับมือนายแบบขึ้นมาดูแผล พลาสเตอร์สีชมพูแป๋นแปะอยู่บนปลายนิ้วชี้
"นิ้วชี้นี่ไง เมื่อเช้าป้าเป็นคนติดพลาสเตอร์ให้ผมนี่"
"เอ๋ ? ป้าเปล่านะคะคุณเร็น"
"แล้วใครเอานมไปวางในห้อง ผมก็นึกว่าป้าเสียอีก"
"นมเหรอคะ?" แม่บ้านทำท่าคิด.. "อ๋อ คุณมินฮยอนค่ะ เมื่อเช้าเห็นขอนมแก้วนึง ป้าก็ตกใจนึกว่าคุณชายแกจะทานเอง ปกติดื่มแต่กาแฟ.. แกเอาขึ้นไปวางบนห้องคุณก่อนออกไปทำงานน่ะ"
"คุณมินฮยอน ?"
...คุณจะดี หรือจะร้ายกันแน่
มื้อเช้าที่เกือบจะกลายเป็นมื้อเที่ยงเสร็จสิ้นลง ร่างกายบอบบางยังจำเป็นต้องควบคุมน้ำหนักเดินโต๋เต๋ออกมานั่งม้านั่งในสนามหน้าบ้านอย่างคนว่างงาน ชเวเร็นแหงนมองท้องฟ้าที่ดูจะสดใสผิดปกติ ลมเย็นๆ กับแสงแดดอุ่นๆ แบบนี้ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว
ก่อนที่นายแบบจะได้เคลิบเคลิ้มกับธรรมชาติมากไปกว่านี้เสียงการสั่นสะเทือนของเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นขัดจังหวะ เมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นเพื่อนรัก จึงไม่อิดออดที่จะรับสาย
"ไง หายเงียบเชียว"
"ใครกันแน่ที่หาย แกน่ะสิ! ตอนนี้ฉันเข้ามาอยู่ในบริษัทฮวังกรุ๊ปได้แล้วนะเว้ย มันกำลังไปได้สวย.. ว่าแต่แกเถอะ คุณชเวเร็น ไหนจะช่วยเพื่อนไง หายเงียบเลยนะครับ ไปหาที่คอนโดก็ไม่เคยจะอยู่"
"ฉันช่วยแกอยู่น่า"
"ช่วยห่าไรครับ ยังเห็นข่าวแกไปออกงานนู่นนั่นนี่ ช่วยอะไรครับ"
"ตอนนี้ฉันอยู่.."
"คุณเร็นคะ"
ก่อนที่นายแบบจะได้บอกเพื่อนรักว่าตอนนี้อยู่บ้านเป้าหมายแม่บ้านก็เดินเข้ามาเสียก่อนพร้อมแก้วน้ำส้ม ทำให้เร็นต้องป้องปากพูดเสียงเบาลงเพื่อไม่ให้แม่บ้านได้ยินบทสนทนา
"เสียงใครวะ"
"แม่บ้าน"
"อ่อ เออนี่ จะบอกว่าเมื่อวันก่อนฉันแอบใช้คอมเลขาฯ มินฮยอน เจอโฟลเดอร์เกี่ยวกับการประมูลว่ะ แต่มันใส่พาสเวิร์ด ที่แย่คือฉันเดาพาสเวิร์ดบ้าบอพวกนั้นไม่ออก ถ้ารู้ประวัติยัยเลขานั่นสะหน่อยฉันคงพอเดาได้"
"ลองไปขอดูประวัติฝ่ายบุคคลสิ"
"ง่ายขนาดนั้นก็ดีดิ เผลอๆ ถ้าโดนจับได้ไม่ตายดีแน่"
..ถ้าเขาลองหลอกถามมินฮยอนดูล่ะ น่าจะได้มั้ง
"เดี๋ยวฉันจะลองช่วย"
"ช่วยไงวะ"
"เออน่า ช่วยแน่ แต่แค่นี้ก่อนนะ"
ชเวเร็นวางสายแล้วหันมาหาแม่ป้าโบมียืนอยู่ไม่ไกล ริมฝีปากเหี่ยวย่นตามวัยระบายยิ้มออกมา
"ป้ามีอะไรก็ไปทำเถอะครับ"
"นี่แหละค่ะหน้าที่ของป้า.. คุณชายท่านสั่งให้คอยดูแลคุณ"
"ผมไม่ได้เป็นอะไรนะครับ"
"ทราบค่ะ"
..นี่คงกลัวเขาหนีมากสินะ
"แล้วเขาจะกลับกี่โมงครับ"
"ทำไม ? คิดถึงเหรอ"
อย่าคิดว่าเป็นเสียงแม่บ้าน.. ร่างบางหันไปทางต้นเสียง คุณชายเจ้าของบ้านเพิ่งลงจากรถกำลังเดินเข้ามาหา คนตัวเล็กสะบัดหน้าหนีไปอีกทางทันที พอเห็นหน้าผู้ชายคนนี้คำดูถูกดูแคลนเมื่อคืนก็พรั่งพรายขึ้นมา
มินฮยอนพยักเพยิดหน้าให้แม่บ้านออกไปจากตรงนี้ ก่อนที่ตัวเองจะสาวเท้าเดินไปยืนตรงหน้าอีกคน
"โกรธเหรอ"
แค่คำถามสั้นๆ ก็ทำเอานายแบบลืมความรู้สึกก่อนหน้านี้ไปเสียหมด ถึงแม้มันจะฟังดูห้วนๆ แต่เพราะมันมาจากปากผู้ชายนิ่งๆ คนนี้มันเลยฟังดูผิดแปลก
"ไม่มีอะไรให้โกรธ"
"มีดบาดทำไมไม่บอก"
"..."
ขายาวทรุดย่อตัวนั่งลงตรงหน้า นายแบบเบิกตากว้างกระพริบตาปริบๆ ใครจะไปเชื่อล่ะว่าประธานบริษัทหยิ่งในศักดิ์ศรีจะย่อตัวนั่งลงอยู่ต่ำกว่า มือใหญ่ประครองมือเล็กที่ตกแต่งด้วยพลาสเตอร์สีสดใส พอชเวเร็นรู้ว่าเจ้าของพลาสเตอร์นี้คือใครก็ไม่ยอมแกะออก ยอมปล่อยให้พลาสเตอร์ชื้นแฉะประทับปิดปากแผลเอาไว้
"ขอโทษ"
เพียงแค่นั้นริมฝีปากหยักก็จรดลงบนพลาสเตอร์สีสวย ไม่ใช่ว่าขอโทษเพราะเรื่องที่เจ็บตัว แต่ขอโทษที่ไม่เคยพูดจาได้เข้าหูใคร ปากเขามันเป็นแบบนี้ คงต้องโทษตัวเองอย่างเดียว
ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นมา จู่ๆ อากาศที่กำลังเย็นสบายกลับร้อนระอุ แต่แปลกที่มันร้อนอยู่แค่ผิวแก้ม คงจะเป็นเพราะแผลที่ปลายนิ้ว.. แต่นิ้วกับแก้มอยู่ห่างกันเสียไกลลิบ มันใช่ที่ไหนเล่า !
สายตาเฉียบคมช้อนขึ้นมองคนตัวเล็ก นายแบบจำต้องเม้มริมฝีปากตามความเคยชิน เบือนหน้าหนีหลบสายตาทรงเสน่ห์ที่ไม่อยากจะจ้องมองให้นาน กลัวว่าจะถลำลึกเข้าไป เมื่อเผลอตัวแล้วจะถอนตัวไม่ขึ้น หากหลบเลี่ยงได้ไม่นานมือใหญ่วางลงบนแก้มนิ่มเรียกให้อีกคนหันมาเผชิญหน้ากัน
"จะพยายาม.. ไม่ใช้อารมณ์อีกก็แล้วกัน"
ร่างสูงยืดตัว รั้งคอขาวระหงส์ลงมามอบสัมผัสอ่อนหวานบนริมฝีปากบาง ไร้ซึ่งการจาบจ้วง เพียงแค่ริมฝีปากทาบทับแตะกันแผ่วเบา นายแบบหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู ก่อนที่เปลือกตาสวยจะเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อริมฝีปากของอีกคนถอดถอนออก ระยะห่างเพียงแค่ปลายจมูกชนกันทำให้เขาไม่สามารถหลบสายตาไปวางพักได้ที่ไหน คงจะมีแต่สันจมูกโด่งกับดวงตาเรียวเล็กที่เห็นอยู่ตอนนี้
"พูดแล้ว.. ทำให้ได้อย่างที่พูดนะ"
#ฟิคคนเลว
#ฟิคคนเลว
#ฟิคคนเลว
----------------------------------------------
20.14 น.
อัพแล้วนะ
กลับมาสนใจเรานะ T_T
CRY.q
#ฟิคคนเลว
#ฟิคคนเลว
#ฟิคคนเลว
#ฟิคคนเลว
ความคิดเห็น