ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( n u ' e s t ) My Friend | คนนี้กูขอ | MINREN [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #6 : :: CH. 6 เด็กอนุบาล ::

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 55



    6





     

                       “หลังนี้.. ใช่ป่ะวะ” อารอนยืนเกาหัวอยู่หน้าบ้านสีขาวสะอาดตาหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้น หน้าบ้านมีสนามหญ้ากับสวนดอกไม้อีกเล็กน้อย ตรงตามที่เพื่อนสาวของเขาบอกเป๊ะ น่าจะใช่ล่ะมั้ง

     

                       เขาตัดสินใจเดินไปกดกริ่งหน้าบ้าน ไม่นานนักประตูรั้วก็ถูกเปิดออกต้อนรับแขก อารอนเดินตรงเข้ามาในตัวบ้าน แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเขาก็อยู่ในบ้าน และกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมของว่างให้เขาอยู่

     

                       “อลิซ!!

     

                       “อารอนเพื่อนเลิฟ~

     

                       สาวผมบลอนด์สีทองที่ชื่อว่า อลิซ วิ่งเข้ามากอดอารอนทันทีที่เจอ ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันจากอเมริกา แต่เมื่อสองสามวันที่แล้วเมื่ออลิซรู้ว่าอารอนเพื่อนรักหนีกลับมาเกาหลีเธอก็เลยแอบหนีตามกลับมามั่ง

     

                       “คิดถึงมึงว่ะ~

     

                       “กูก็คิดถึงมึงนะจ๊ะ”

     

                       “เดี๋ยว กลิ่นอะไร”

     

                       “กลิ่นอะไร? เฮ้ย กูอาบน้ำนะ”

     

                       “ไม่ใช่ กลิ่มมันเหมือน... เชี่ย! ไฟไหม้บ้านมึงแล้ว” อารอนหันไปเห็นกระทะที่กำลังจะไหม้ ทั้งคู่เลยรีบวิ่งกลับไปที่ครัว แพนเค้กแผ่นกลมๆ ที่อลิซตั้งใจจะทำให้เพื่อนสุดเลิฟทานเป็นอันต้องไหม้เกรียมไปตามระเบียบ

     

                       “โห่ อุตส่าตั้งใจจะทำให้มึงกินนะเนี่ย”

     

              “ช่างมันเถอะ ถ้ากูไม่มานี่มึงคงเผาบ้านตัวเองแล้วล่ะ... ว่าแต่คุณอาไปไหนล่ะ”

     

                       “แหม มึงก็พูดไป แม่ออกไปตลาดตั้งแต่เช้าน่ะ เห็นบอกว่าจะแวะไปหาเพื่อนด้วย คงกลับมามืดๆ นั่นแหละ”

                      

                       “งั้นเหรอ”

     

                       “อืม ไปนั่งคุยกันตรงสวนหน้าบ้านเถอะ วันนี้อากาศดี เหมาะแก่การจู๋จี๋ดู๋ดี๋นะคะที่รัก”  อลิซเดินควงแขนอารอนออกไปนั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน สวนดอกไม้ขนาดย่อมถูกตกแต่งให้ดูสดใส คงจะเป็นฝีมือคุณอาสินะ

     

                       “แล้วมึงยังไงเนี่ย ตามกูกลับมาเกาหลีทำไม”

     

                       “โห่ กูก็คิดถึงมึงนะ มึงหายไปสองวันกูไม่รู้จะเม้ามอยกับใครเลย”

     

                       “ฮ่าๆ มึงนี่นะ”

     

                       “แล้วนี่มึงซุกหัวนอนอยู่ที่ไหน”

     

                       “มึงจำพวกรุ่นน้องในโรงเรียนที่กูเล่าให้ฟังได้มั้ย?”

     

                       “อ่า.. เออๆ ทำไมอะ มึงอย่าบอกนะว่ามึงอยู่กับเด็กพวกนั้น”

     

                       “ก็แน่สิ กูไม่มีบ้านในเกาหลีนี่หว่า”

     

                       “บ้านแม่มึง...”

     

                       “ฮะ?” 

     

                      โอ้ยยย อลิซ อีผ้าบ้า เกือบหลุดไปแล้วไหมล่ะ พ่อของอารอนสั่งไว้แท้ๆ ว่าห้ามบอกมัน เกือบแล้วๆ

     

                       “เปล่า กูหมายถึง.. บ้านแม่กูนี่ไง ทำไมมึงไม่มาอยู่ล่ะ แม่กูรักเด็กผู้ชายขนาดไหนมึงก็รู้นี่”

     

                       “กูเกรงใจน่ะ อยู่กับพวกนั้นก็ไม่ได้อึดอัดมากมายเพราะพวกนั้นไม่ค่อยได้อยู่ห้องสักเท่าไหร่”

     

                        “ไม่เอาอะมึง พรุ่งนี้ขนของมานอนบ้านกูเลยนะ”

     

                       “ฮ่าๆ”

     

                       “หัวเราะอะไรล่ะมึง ก็กูเป็นห่วงที่รักของกูนี่” อลิซโน้มตัวเข้าไปกอดอารอนไว้ มิตรภาพของสองคนนี้ไม่เสื่อมคลายจริงๆ แต่ถ้ากอดกันบ่อยๆ แบบนี้คนอื่นๆ คงเข้าใจว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่ๆ

     

    ++++++++++++++++++++++++++++

     

                       เดิน...

     

                       เดิน...

     

                       เดิน...

     

                       ใช่ แบคโฮกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง จนรูมเมทอยากจะวิ่งไปหยิบปังตอมาสับขาขาดให้แม่งเดินไม่ได้เลย ถึงแม้เจอาร์จะทำสายตาอาฆาตส่งไปให้หลายรอบ แต่แบคโฮก็ยังไม่รู้สึก

     

                       กูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง - -

     

                       “แบคโฮ!! มึงจะเดินอีกนานป่ะ กูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง”

     

                       “ก็ไม่ต้องอ่านดิ”

     

                       กวนตีน - -+

     

                       เจอาร์ปิดหนังสือแท็กบุ๊คเล่มหนา แล้วเดินไปลากไอ้เพื่อนบ้านี่นั่งลงที่โซฟา

     

                       “ไหน มึงบอกกูมาสิ ว่ามึงจะเดินหาหอกอะไร”

     

                       “กูเป็นห่วงพี่อารอน มึงดูดิ๊ จะตีสองแล้วยังไม่กลับเลยเนี่ย”

     

                       “เขาไปหาเพื่อน คงกำลังคุยกันเพลิน มึงอย่าห่วงเลย”

     

                       เพื่อนที่ไหนวะ คุยกันไม่ดูเวล่ำเวลาเลย พี่อารอน พี่รู้ไหมเนี่ยว่าผมเป็นห่วง

     

                       แบคโฮหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหารุ่นพี่ แต่ก็เหมือนเดิม โทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย มันหมายความว่าไงเนี่ย

     

                       “มึงรู้ไหมว่าพี่อารอนไปหาเพื่อนที่ไหน” 

     

                       “...คยองกีมั้ง”

     

                       “ฮะ? มึงรู้ได้ไง”

     

                       “ก็พี่อารอนเคยเล่าให้กูฟังว่า เพื่อนสนิทเขาที่อยู่อเมริกามีบ้านในเกาหลีอยู่หลังนึง อยู่ที่คยองกี แต่กูก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าส่วนไหนของคยองกี”

     

                        ถึงแม้ว่าคยองกีจะอยู่ติดกับโซล แต่ก็ใช่ว่าจะหาเจอง่ายๆ จังหวัดคยองกีก็กว้างใหญ่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

     

    ++++++++++++++++++++++++++

     

                       ที่นี่ที่ไหนใครรู้บ้าง... อารอนไม่อยากจะยอมรับตัวเองเลยว่ากำลังหลงทาง ให้ตายเถอะ รู้งี้ให้อลิซมาส่งก็ดี แต่จะว่าไปอลิซมันก็ไม่ได้อยู่เกาหลีบ่อยๆ คงพากันหลงแน่ๆ แต่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนล่ะวะ

     

                       ตีสองกว่าแล้ว แต่เขายังเดินวนไปวนมาอยู่แถวๆ คยองกีอยู่เลย เดินไปทางไหนมันก็กลับมาอยู่ที่เดิม เฮ้อ เหนื่อยแล้วนะเว้ย

     

                       อารอนหลบไปนั่งพักในสวนสาธารณะคูริ ซึ่งสวนแห่งนี้อยู่ติดกับแม่น้ำฮันด้วย แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ติดว่าเขากำลังหลงทาง อารอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาอลิซ แต่ก็ต้องพบกำลังจำนวนมิสคอลมหาศาล เบอร์แปลกด้วย ใครกันกันที่โทรหาเขาจนมีมิสคอลเกือบยี่สิบสายเนี่ย

     

                       ยังไม่ทันขาดคำเบอร์แปลกที่เป็นมิสคอลเมื่อกี้ก็โทรเข้ามาอีกครั้ง เขาเลยรีบกดรับสายทันที

     

                       “ฮัลโหล”

     

                       “พี่อารอน!!

     

                       เสียงคุ้นๆ

     

                       “นั่นใครครับ?”

     

                       “ผมเอง แบคโฮ”

     

                       “แบคโฮ!!” พอรู้ว่าเป็นแบคโฮเองเขาก็เริ่มจะมีความหวังมากขึ้นว่าเขาจะกลับไปถึงหอพักนั่นได้แน่ๆ

     

                       “พี่อยู่ที่ไหนน่ะ”

     

                       “เอ่อ.. คือ ฉันไม่รู้”

     

                       “ฮะ? พี่อย่าบอกนะว่า...”

     

                       “อืม ฉันกำลังหลงทางล่ะแบคโฮ”

     

                       “อ๊า พี่นี่จริงๆ เลย พี่ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าที่นั่นมันที่ไหน”

     

                       “คยองกี...”

     

                       “นอกจากคยองกีล่ะครับ ป้ายแถวนั้นบอกว่าอะไรมั่ง”

     

                       น้ำเสียงที่ดูเดือดเนื้อร้อนใจของแบคโฮนั่นทำให้อารอนรู้สึกผิดจริงๆ มาขออยู่ร่วมห้องแล้วยังจะสร้างปัญหาอีก อารอนนะอารอน

     

                       “รอแป๊บนึงนะ” อารอนเดินหาป้ายที่พอจะบอกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน แล้วก็เจอกับป้ายแผ่นใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณนั้น

     

                       “สวนสาธารณะคูริ มันติดอยู่กับแม่น้ำฮันด้วยล่ะ”

     

                       “พี่รอผมอยู่ที่นั่นนะ อย่าไปไหนล่ะ เดี๋ยวผมไปรับ” แบคโฮกดตัดสายไป ส่วนอารอนก็นั่งรออยู่ริมแม่น้ำฮันไม่ลุกไปไหนตามที่แบคโฮบอกจริงๆ ก็กลัวว่าถ้าลุกไปไหนแล้วจะหลงอีกนี่ สู้นั่งทนให้ยุงกัดอยู่แถวนี้ก็ได้

     

                       ส่วนทางด้านแบคโฮพอรู้ว่าอารอนอยู่ที่ไหนเขาก็รีบออกมาจากหอพักทันที โชคดีที่สวนสาธารณะนั้นอยู่ไม่ไกลจากโซลมากนัก ทำให้ใช้เวลาไม่นานที่จะมาถึง เขาเข้ามาในสวนสาธารณะ และวิ่งไปตามทางที่นานไปกับแม่น้ำฮัน ผู้คนในสวนสาธารณะนี้แทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว แน่สิ ก็นี่มันปาเข้าไปตีสามกว่าแล้วใครจะมาอยู่ตามสวนสาธารณะล่ะ

     

                       อยู่ที่ไหนกันนะ...

     

                       ไม่นานแบคโฮก็วิ่งมาจนเกือบสุดทางของสวนสาธารณะ ผู้ชายคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี กำลังนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ที่เก้าอี้ สายตาเหม่อมองไปที่แม่น้ำฮัน เขาหยุดวิ่งแล้วค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหารุ่นพี่ช้าๆ และ... สวมกอดจากด้านหลัง

     

                       “แบค... แบคโฮ”

     

                       “พี่อารอน... พี่รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงมากแค่ไหน”

     

                       “ขอโทษ”

     

                       “ดึกป่านนี้แล้วพี่ยังไม่กลับห้อง ผมแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”

     

                       “แบคโฮ.. ฉันขอโทษ”

     

                       “อย่าทำให้ผมเป็นห่วงแบบนี้อีกนะครับ”

     

                       “ขอโทษจริงๆ” เวลานี้อารอนไม่มีคำพูดอื่นใดนอกจากขอโทษ แค่มาหาเพื่อน และกลับหอพักแค่นี้ยังหลงเลย เขานี่มันงี่เง่าจริงๆ เฮ้อออ ยังไงก็เถอะ รู้ผิดต่อแบคโฮจริงๆ นะ

     

                       “พี่กินอะไรหรือยัง” แบคโฮคลายอ้อมกอด และจับให้อารอนหันมาทางเขา

     

                       อารอนส่ายหัวน้อยๆ แทนคำตอบ

     

                       “อ่า~ พี่นี่มันเด็กอนุบาลจริงๆ เลย”

     

                       “อย่ามาว่ากันดิ ฉันโตแล้วน่า”

     

                       “เหรอครับบบ โตแล้วแต่ยังหลงทางอยู่เลย~

     

                       “มันก็ต้องมีบ้างล่ะน่า เกาหลีไม่ใช่บ้านเกิดฉันนี่หว่า ไปเถอะ หิวข้าวจะแย่แล้ว!!

     

                       อารอนหมุนตัวจะเดินหลบแบคโอออกไป แต่ขาดันพลาดไปเหยียบก้อนหินจนเกือบหน้าฟาดพื้น ดีนะแบคโฮรับทัน ไม่งั้นหน้าตาแหกไปแล้ว

     

                       “โอ้วว~ โตแล้วจริงๆ ฮ่าๆๆ” แบคโฮล้อตอนที่เขารับตัวอารอนไว้ได้ทัน

     

                       “น่าขายหน้าจริงๆ เว้ย...”

     

                       “พี่พูดว่าอะไรนะ?”

     

                       “เปล่า ^^   อารอนดันตัวเองออกจากแบคโฮและเดินนำไป

     

                       “ฮ่าๆๆ”

     

                       “จะยืนขำอยู่ตรงนั้นทั้งคืนเลยไหมล่ะ”

     

                       “ไม่ขำครับไม่ขำ 5555555”

     

                       ไอ้เลววว อย่าพลาดมั่งก็แล้วกัน T_T

     

                       “เฮอะ!!” อารอนสะบัดหน้าเดินหนีไป แต่เดินไปสองสามก้าวก็ต้องหยุด... มันต้องเดินไปทางไหนล่ะ -.-

     

                       “มาครับ” แบคโฮอมยิ้มน้อยๆ เมื่ออารอนหันกลับมาทำหน้างงๆ ใส่ เขาเลยเดินไปหาอารอนและจับมือพาเดินไปยังร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ เพื่อซื้อบะหมี่ถ้วยให้อารอนกินรองท้องไปก่อน เพราะระหว่างทางเดินได้ยินเสียงท้องร้องของทั้งคู่แข่งกันดังไปตลอดทาง

     

                       “อร่อยดีเนอะ... เฮ้ย แบคโฮ! อย่าแย่งสิ TT

     

                       “ของพี่อร่อยกว่าของผมอีกอ่ะ” 

     

                       “ไปซื้อใหม่เด้ อย่ามาแย่งกัน” แบคโอเอื้อมมือจะมาคีบเส้นบะหมี่จากถ้วยอารอนไปอีก เขาเลยต้องรีบยกถ้วยหนีไอ้เสือหิวนี่

     

                       “แบ่งผมหน่อยสิครับ ที่ผมยังไม่ได้กินอะไรเพราะผมเป็นห่วงพี่นะ”

     

                       “...”

     

                       “จริงๆ นะ”

     

                       “ก็ได้” อารอนยื่นถ้วยบะหมี่ไปตรงหน้าคนตัวโต แต่พอแบคโอตั้งท่าจะคีบเส้น อารอนก็ยกถ้วยหนี

     

                       “พี่อารอน -__-“

     

                       “ใครจะแบ่งเล่า~ 5555555”

     

    +++++++++++++++++++++++++++++

     

                       ข้อสอบเชี่ยอะไร...

     

                       สาบานป่ะว่าภาษามนุษย์...

     

                       ไอ้เชี่ยยย แคลคูลัสทำกูมึนตึบแล้วววว TT

     

                       เร็นนั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่ในห้องสอบ ก่อนสอบเขาว่าก็อ่านมาดีแล้วนะ อ่านแล้วโคตรๆ เข้าใจ แต่พอเจอข้อสอบ... ชิบหาย กูไปดรอปดีกว่าป่ะ TT   

     

                       ทั้งห้องสอบเหลือเพียงแค่เร็น แบคโฮ และก็เจอาร์ ส่วนมินฮยอนน่ะเหรอ เอาตัวรอดไปแล้ว ไอ้บ้านั่นมันเก่งเลขจะตายไป

     

                       เร็นชะเง้อคอมองแบคโฮที่นั่งถัดจากตัวเองไปสามสี่โต๊ะ แต่ก็มองไม่เห็น เห็นเพียงแค่แบคโฮวาดรูปสัตว์ต่างๆ นานาลงไปในกระดาษคำตอบเรียบร้อย คือมึง... ไปเรียนสถาปัตย์มะ เดี๋ยวกูทำเรื่องย้ายคณะให้ -____- ส่วนเจอาร์ มันถูกจับให้ไปนั่งอยู่มุมหลังห้องเพียงลำพัง ความหลังเลยเท่ากับศูนย์

     

                       “เหลือเวลาอีกห้านาที” อาจารย์คุมสอบประกาศออกมา ทั้งสามคนเลยรีบจัดการกับกระดาษคำตอบของตัวเอง เร็นใช้วิธีคิดแบบมั่วๆ แบคโฮก็ทำข้อง่ายๆ ที่คิดว่าทำได้ ส่วนเจอาร์ก็เขียนชื่อพร้อมกับส่งกระดาษเปล่า อาเมน...

     

                       “พวกมึงทำเชี่ยอะไรกันอยู่วะ โคตรนานเลย” มินฮยอนบ่นอุบพอเห็นทั้งสามคนเดินออกมาจากห้องสอบในสภาพที่ไม่น่าเรียกว่าคนได้

     

                       “ใครมันจะไปเก่งเหมือนมึงล่ะ TT” เร็นเถียง

     

                       “ผิดตรงไหนที่กูเกิดมาหล่อแล้วกูจะฉลาดด้วย”

     

                       “เรื่องของมึงเถอะ กูจะกลับไปอ่านหนังสือต่อละ”

     

                       ทั้งสี่คนกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง พรุ่งนี้ยังมีสอบอีกหนึ่งตัว วิชาเคมี ดูท่าว่าจะเสร็จเร็นนะ เพราะในบรรดาวิชาด้านวิทยาศาสตร์เร็นดูจะเก่งเคมีที่สุดแล้ว

     

                       ฤดูกาลสอบเพิ่งเริ่มต้นไปได้1อาทิตย์ ก่อนหน้านั้นพวกเขาคลุกตัวกันอยู่แต่ในห้อง เพื่ออ่าหนังสือ เห็นบ้าๆ บอๆ แบบนี้พอถึงเวลาสอบก็จริงจังเหมือนกันนะ ตลอดเวลานั้นพวกเขาตื่นมา อ่านหนังสือ กินข้าว อ่านหนังสือ วนเวียนอยู่อย่างนี้ แต่ถ้าวันไหนมีสอบก็จะตื่นเช้าหน่อย เพื่อมาทบทวนก่อนจะไปสอบ

                      

                       เช่นเดียวกับวันนี้ เร็นตื่นแต่เช้า และเดินไปปลุกมินฮยอนให้ตื่น ก่อนที่ทั้งคู่จะออกมาสอบแคลคูลัส และกลับมาห้องเพื่ออ่านหนังสือต่อ เร็นเหวี่ยงกระเป๋าไว้บนโซฟา และตรงเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อหยิบหนังสือเคมี และแท็กบุ๊คเล่มใหญ่ออกมาวางไว้ที่โต๊ะกลางห้อง

     

                       “มินกิ.. กินข้าวก่อน แล้วค่อยไปอ่านต่อ” มินฮยอนเทข้าวใส่จานที่ซื้อมาจากร้านป้าข้างๆหอพักเมื่อก่อนขึ้นมาบนห้อง

     

                       “ไม่เอาอะ มึงกินเลย กูยังไม่หิว”

     

                       “ตั้งแต่เช้ามึงยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”

     

                       “เออ กูยังไม่หิวจริงๆ มึงกินไปเถอะ” เร็นนั่งลงกับโซฟา แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่ยังไม่ทันได้อ่านมินฮยอนก็เดินมาแย่งหนังสือไปจากมือซะก่อน

     

                       “ทำอะไรของมึง”

     

                       “กินข้าว”

     

                       “กูบอกว่าไม่หิว มึงฟังภาษาคนออกป่ะเนี่ย”

     

                       “ลุกมา” มินฮยอนดึงแขนเร็นให้ลุกจากโซฟา แต่ดูคนตัวเล็กนี่จะดื้อเสียจริง

     

                       “กูอยากอ่านหนังสือก่อน... เฮ้ย!” เมื่อฉุดแขนให้ลุกดีๆ ก็ไม่ยอมลุก มินฮยอนเลยจำเป็นต้องใช้ไม้ตาย อุ้มคนตัวเล็กออกมาจากกองหนังสือนั่น แล้ววางไว้ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว

     

                       “กินเข้าไป ก่อนที่มึงจะตายคากองหนังสือ” มินฮยอนตักเข้าขึ้นมาคำนึงแล้วยื่นไปตรงหน้าเร็น เขาเลยจำใจต้องยอมกินลงไป ไม่งั้นไอ้ตี๋นี่คงจับข้าวยัดปากแน่ๆ

     

                       “มินฮยอน สอบเสร็จวันสุดท้ายแล้ว วันรุ่งขึ้นกลับปูซานกัน กูคิดถึงแม่ใจจะขาดTT

     

                       “กูต้องไปหาพี่รหัสก่อนว่ะ กลับตอนเย็นๆ ได้ไหม”

     

                       “อื้ม ^^

     

                       แค่คิดว่าจะได้กลับไปหาแม่เร็นก็มีความสุขแล้ว ตั้งแต่เปิดเทอมมาเขายังไม่ได้มีโอกาสกลับไปบ้านไปหาแม่เลย เพราะติดทำงาน ทำแลปต่างๆ นี่แหละ ปิดเทอมนี้คงได้ไปหาสักที

     

                       หลังจากที่กินข้าวเสร็จทั้งคู่ก็ต่างคนต่างกลับไปอ่านหนังสือเหมือนเดิม เร็นลองทำโจทย์ในหนังสือ และแน่นอนว่าเขาทำได้สบายๆ แต่กลับมินฮยอนนี่สิ..

     

                       “มินกิอ่า~ กูทำข้อนี้ไม่เป็น”

     

                       ทีแคลคูลัสยากชิบหายมึงทำเป็น เคมีง่ายๆ แค่นี้มึงคิดไม่ออก

     

                       เร็นหยิบสมุดที่มินฮยอนส่งมาให้ เขาอ่านโจทย์แค่แป๊บเดียวก็คิดออกแล้ว

     

                       “มึงเปลี่ยนหน่วยให้เป็นโมลก่อนดิ”

     

                       “ยากชิบหาย มึงทำได้ไง TT

     

                       “ทีมึงยังทำแคลได้เลย”

     

                       “มันไม่เหมือนกันนี่หว่า”

     

                       “เอ้า มึงลองทำดู เดี๋ยวก็ได้”

     

                       และหลายนาทีต่อมา..

     

                       “โว้ยยย ทำไม่ได้เว้ย”

     

                       “ใจเย็นดิมึง ค่อยๆ คิด”

     

                       “เลิกอ่านกันเถอะ”

     

                       “อะไรของมึง เดี๋ยวก็สอบไม่ได้”

     

                       “ช่างแม่ง ไปทำลูกกันเถอะที่รัก ง่ายกว่าทำเคมีเยอะเลย” มินฮยอนวางหนังสือกับปากกาไว้ข้างๆ แล้วเขยิบตัวมากอดเอวเร็นเอาไว้ แต่ก็โดนคนสวยถีบเข้าให้ เกือบตกโซฟาแล้วไหมล่ะ

     

                       “ทะลึ่งใหญ่นะมึง”

     

                       “กูเจ็บนะ T^T

     

                       “ดี! มันใช่เวลาเล่นไหมล่ะ”

     

                       “แหม เมียก็... อย่าเครียดเลยน่า มามะ” มินฮยอนเขยิบตัวกลับเข้าไปหาเร็นแล้วฉวยหอมแก้มเข้าไปฟอดใหญ่ ก่อนจะวิ่งหนีหลบตีนเร็นเหมือนหลบระเบิด

     

                       “ไอ้เชี่ยมินนนน ถ้ากูไม่ได้จับมึงถีบตกหอวันนี้อย่ามาอยู่ร่วมห้องกับกูเลย!!!!





     

    .......................................................

    Talking*

    ไรเตอร์กลับมาแว้วววว
    เค้าหายไปทำงานมาแหละ ตอนนี้เสร็จแล้ววว ฮิ้วววว ♥

    ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ 555
    รักรีดเดอร์นะคะ ปย๊ง~ !!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×