คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [ คนเลว :: CH - 4 ] 100 %
Bad.. คนเลว (4) [100 %]
"อะไรนะ! แกทำแบบนั้นได้ไง บ้าไปแล้วเหรอ !?"
ร่างสูงยักไหล่อย่างไม่แยแสกับคำถามของหญิงสาวตรงหน้าที่พ่วงตำแหน่งพี่สาวและหุ้นส่วนบริษัทนาฬิการาคาแพงที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวานโดยมีพรีเซ็นเตอร์เป็นนายแบบหนุ่มหน้าสวยเบอร์หนึ่งของประเทศ ที่ตอนนี้ถูกกักขังอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าเรียบร้อย พี่สาวอย่างฮวังซูจินรู้เรื่องถึงกับปรี๊ดแตก
"แปลกตรงไหน"
"นี่! มินฮยอน แกรีบสั่งให้แม่บ้านไปปลดกุญแจบ้านั่นเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"ผมทิ้งกุญแจไปแล้ว"
"ฉันรู้ว่าแกชอบมินกิมานานแล้ว แต่ทำแบบนี้มันไม่ถูก.."
"คุณซูจินคะ.. นักศึกษาฝึกงานมาถึงแล้ว จะให้เข้าไปเลยไหมคะ?
"อืม เข้ามา"
เสียงเลขาสาวหน้าห้องดังขึ้นตามสายโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อ ขัดบทสนทนาที่กำลังจะกลายเป็นสงครามย่อมๆ ของพี่น้องตระกูลฮวัง ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูและร่างบอบบางของผู้มาใหม่ ถึงแม้จะมีผิวมีแทนแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความน่ารักบนใบหน้าลดลงเลย
"สวัสดีครับ"
"มาทำไม"
กลายเป็นเสียงแข็งที่เอ่ยทักตัดหน้าพี่สาว ทำให้ร่างบางนั้นใจหายวูบไปอยู่ตาตุ่ม ก้มหน้างุดเพราะดวงตาเรียวคมนั้นจับจ้องมาที่เขาไม่วางตา
"นี่คิมจงฮยอน นักศึกษาปี 4 เรียนทางด้านบริหาร ฉันเลยตั้งใจให้มาฝึกงานกับแก เป็นเลขาฝึกหัดหน่อยเป็นไง ? พอดีฉันว่าจะลากเลขาของแกไปดูงานด้วยหน่อย"
"จะเอานาราไปไหน"
"อิตาลี"
"แล้วทำไมเธอไม่เอาเด็กใหม่นี่ไป"
"จงฮยอนเพิ่งจะเรียนอยู่ปี 4 ฝึกงานในบริษัทไปก่อน นารามืออาชีพพอที่ฉันจะวางใจ"
"เพราะงั้นไง ผมเลยไม่ให้นารา"
"อ๋อ เพราะแกจะอู้งานหนีไปหานางฟ้าของแกไม่ได้สินะ"
"ซูจิน! อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น"
"เฮอะ อีกไม่นานก็คงมีข่าว ประธานบริษัทนำเข้านาฬิกายักษ์ใหญ่กักขังหน่วงเหนี่ยวนายแบบ.."
"ฮวังซูจิน !!"
"ชิ.. ยังไงก็ฝากจงฮยอนด้วยล่ะ"
พี่สาวคนสวยสะบัดหน้าออกไปจากห้องทำงานน้องชายทันที ทิ้งเด็กฝึกงานเอาไว้ สีหน้าเลิกลั่กอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ประธานบริษัทที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบนโต๊ะจึงต้องเงยหน้าขึ้นมา
"มีอะไรทำก็ไปทำ"
..ก็ไม่มีไง
"คือ.."
"อะไร"
เสียงนิ่งสงบส่งมาให้จงฮยอน ถึงแม้เจ้าตัวจะรู้ประวัติของมินฮยอนมาบ้าง แต่พอได้มาเจอหน้าแบบนี้ก็เกร็งไปมากเหมือนกัน ยิ่งมีภาระเป็นโซ่ตรวนผูกคอแบบนี้
..เสี่ยงตายเหลือเกินนะ จงฮยอน
"นารา หางานให้เด็กนี่ทำด้วย"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างสูงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ดวงตาเรียวหลับลงพร้อมกับยกมือขึ้นนวดที่ขมับเบาๆ ราวกับจะระบายความเครียดออกมา ตัวอักษรบนเอกสารมากมายทำให้เขาต้องใช้สายตาเยอะมากพอควร
"เอ่อ คุณมินฮยอนครับ.."
"อือ"
เขาแค่ครางตอบรับเลขาฝึกหัดเบาๆ โดยไม่ได้แม้แต่คิดจะเปิดเปลือกตามองคนตัวเล็กที่ถือแก้วกาแฟร้อนๆ เข้ามาให้เลยสักนิด
"ผมเอากาแฟมาให้ครับ"
“อือ วางไว้ตรงนั้นแหละ”
มินฮยอนคว้าเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเปิดอ่านข้อความ ทันทีที่เห็นเบอร์เจ้าของข้อความเขาแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งทันที ถ้าไม่ติดว่าผู้บริหารบริษัทคู่แข่งไม่ส่งข้อความย้ำเตือนกระตุ้นอารมณ์อีกคน
“เหมือนจะบังเอิญไปเจอคนดังเข้า ฉันเป็นแฟนคลับเขาน่ะ น่าสนใจดีจัง”
ข้อความแรกนั้นมาพร้อมกับรูปภาพของนายแบบชื่อดังในงานเปิดตัวนาฬิกาของบริษัทเขาเองเมื่อวันก่อน เพราะดูจากเสื้อผ้าแล้วเป็นเสื้อผ้าที่ชเวเร็นเปลี่ยนหลังจากเสร็จงาน ในมือเป็นกระเป๋าเสื้อผ้า โลเคชั่นรอบๆ ก็แสนจะคุ้นตาเหลือเกินก็คงไม่น่าแปลกใจนั่นคือโรงแรมหรูในเครือครอบครัวที่จัดงานวันนั้นยังไงล่ะ ตัวนายแบบเองกำลังยืนคุยโทรศัพท์ ไม่ได้สนใจว่ากำลังมีคนแอบถ่ายรูปตัวเอง
“ขอแล้วกัน”
...คังแบคโฮ
"กี่โมงแล้ว"
"ครับ? อะ.. อ๋อ จะสี่โมงแล้วครับ"
... อะไรที่เป็นของมินฮยอน มันก็จะเป็นของเขาตลอดไป เอาอะไรมาแลกก็คงจะไม่ได้ นอกเสียจากว่าเขาจะเบื่อและทิ้งไปเอง
"จะไปไหนเหรอครับ"
มินฮยอนคว้าเอาเสื้อโค้ทมาสวมทับและกำลังจะเดินสวนอีกคนออกจากห้องไป เสียงจากจงฮยอนเอ่ยถามแต่กลับไร้ซึ่งคำตอบ เขาเพียงแค่เดินผ่านและออกไปเท่านั้น
..แบบนี้ก็ดีกับจงฮยอนสินะ
ขายาวตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่งให้รถราคาแพงแสนแพงนั่นทะยานไปตามถนน แซงซ้ายทีขวาทีอย่างไม่กลัวตาย จุดหมายปลายทางคงจะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกเสียจากบ้านของเขานั่นเอง
ทันทีที่ล้อเบียดกับพื้นหน้าบ้านจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเจ้าตัวก็พุ่งออกจากรถตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง เดือดร้อนสาวรับใช้ต้องกระวีกระวาดวิ่งตามคุณชายเจ้าของบ้าน
"ทำไมวันนี้กลับเร็วจังคะ คุณมินฮยอน"
"เด็กนั่นยังอยู่บนห้องใช่ไหม?"
"ยังอยู่ค่ะ"
เมื่อได้รับคำตอบจากสาวใช้ก็รีบปรี่ตรงขึ้นไปบนห้องทันที ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกปรากฏร่างบางขาวยั่วยวนสายตานั่งอยู่บนเตียงกำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่พอได้ยินเสียงเปิดประตูนายแบบกลับหันมามอง ท่อนล่างปกปิดไว้ด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มเพียงเท่านั้นเพราะส่วนบนสวมไว้ด้วยเสื้อเชิ้ตที่สวมแขนไว้เพียงข้างเดียว เพราะอีกข้างถูกพันธนาการด้วยกุญแจเหล็กที่เสียดสีกับข้อมือบางนั้นจนเป็นรอยช้ำแดง ดูแวบเดียวก็รู้ว่าคนตัวเล็กนั้นพยายามมากแค่ไหนที่จะปลดล็อคเอากุญแจเหล็กนั้นออกจากข้อมือ
"คุณ.. ใจร้ายกับผมมากเลยนะ"
"..หึ"
"ผมแค่จะไปทำงาน ปล่อยผมไปเถอะนะ"
"ก็บอกแล้วว่าค่าตัววันนี้เท่าไหร่ฉันจะจ่ายเอง"
"ทำแบบนั้นไม่ได้.."
กริ๊ก !
มินฮยอนหยิบลูกกุญแจจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทปลดล็อคให้คนตัวเล็กได้มีอิสระ ข้อมือเล็กไร้ซึ่งกุญแจเหล็กผูกมัดแต่กลับกลายเป็นร่างสูงที่ดันอีกคนให้นอนราบแล้วโถมตัวขึ้นคร่อมมอบสัมผัสจาบจ้วงที่ริมฝีปาก เคล้าคลึงกับกลีบปากบางสวยก่อนจะสอดแทรกลิ้นชื้นเข้าไปกวาดต้อนน้ำหวานในโพรงปาก มือใหญ่กดข้อมือบางจนอีกคนต้องขมวดคิ้วเพราะความเจ็บปวดจากข้อมือ
"อือ.."
เสียงครางพร้อมกับมือเล็กพยายามปัดป่ายบอกให้อีกคนรู้ว่าออกซิเจนในปอดเริ่มจะหมด ร่างสูงจึงถอนริมฝีปากออกมากดจูบที่ต้นคอขาวแทน ใบหน้าสวยหวานส่ายไปมา
"อยะ.. อย่าครับ"
มินฮยอนยังคงโลมเลียกับไหล่บางที่โผล่พ้นเสื้อ เหมือนกับละเลียดชิมของหวานจนลืมไปว่าที่เขากลับมาบ้านเพราะอะไร กายขาวกำลังเชิญชวน ถึงแม้เจ้าตัวนายแบบจะไม่ได้ทำอะไรนอกเสียจากนอนเฉยๆ บิดตัวไปมาเพื่อหลบเลี่ยงสัมผัส
ริมฝีปากหยักเลื่อนขึ้นไปบดเบียดกับกลีบปากบางสวยได้รูปอีกครั้ง ปล่อยข้อมือบอบช้ำให้เป็นอิสระก่อนจะเลื่อนวงแขนขึ้นไปโอบรอบท้ายทอยคนตัวเล็กปรับเปลี่ยนองศาให้รับสัมผัสอย่างลึกซึ้ง
"คุณมิน.. อื้มม"
กลีบปากสวยละล่ำละลักออกเสียงห้ามทุกครั้งที่ร่างสูงยกริมฝีปากออกห่างเพียงชั่วครู่ก่อนจะทาบทับลงมาใหม่ เว้นวรรคบทจูบให้หายใจเพียงแค่เสี้ยววินาที มินฮยอนยอมถอนริมฝีปากออกมาจ้องมองใบหน้าหวาน กดจูบที่เปลือกตาจนอีกคนต้องก้มหน้างุด ผลิกตัวหนีไปอีกทาง สีแดงระเรื่อแผ่ซ่านไปทั่วแก้มขาวเนียน
"เมื่อวานไปเจอใครมา ?"
“เจอใคร? ก็เจอทุกคน นักข่าว ทีมงาน แฟนคลับ แล้วก็คุณไง”
“แฟนคลับ?”
“ก็ผมเป็นคนดัง ไม่แปลกนี่ ถ้าจะมีแฟนคลับมาคอยให้กำลังใจ”
"ลุกขึ้นไปแต่งตัวซะ"
"ฮะ?"
"หูหนวกหรือไง"
"แต่งตัวไปไหน"
"ให้เวลา 5 นาที"
ปึง!
มินฮยอนก้าวขาออกจากห้อง ทิ้งให้นายแบบยืนงงกับชีวิต คว้าเสื้อเชิ้ตสีเข้มมาใส่ให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมกับเสื้อโค้ทคลุมกันหนาว ไม่รู้ว่าไอ้ที่บอกให้แต่งตัวนี่จะพาไปไหน แต่ถ้าขืนชักช้าขัดใจเขาคืนนี้คงจบไม่สวยแน่
... เอาแต่ใจเป็นบ้า
ขาเรียวก้าวลงมาตามขั้นบันได หน้าหวานมุ่ยหงิกงอเหมือนเด็กๆ โดนขัดใจ ตรงเข้ามาหาประธานบริษัทจอมบงการชีวิตที่นั่งไขว่ห้างจมอยู่กับสมาร์ทโฟนเครื่องบาง นิ้วเรียวยาวเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์เครื่องนั้นไปมา จนไม่ได้สังเกตว่าเจ้าของโทรศัพท์นั้นมายืนหน้ามุ่ยอยู่ตรงหน้า
"ขอโทรศัพท์ผมคืนด้วย"
"นั่งลง"
"ขอคืน.."
"เบอร์นี้เบอร์ผู้จัดการของนายเหรอ"
ร่างสูงยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าคนตัวเล็ก บนหน้าจอปรากฏสายเรียกเข้าเป็นเบอร์ของผู้จัดการนายแบบคนดัง ชเวเร็นรีบเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ของตัวเอง แต่ด้วยความไวกับช่วงแขนคงเป็นรองท่านประธาน มินฮยอนกดรับสายหน้าตาเฉยอย่างเสียมารยาทราวกับเป็นโทรศัพท์ของตัวเอง
"นี่คุณ!"
"วันนี้มินกิไม่ว่าง เอาไว้เขาว่างเมื่อไหร่ผมจะให้โทรกลับ"
"ไม่มีใครสอนเรื่องมารยาทหรือไง"
"หุบปาก"
"เอาโทรศัพท์คืนมา!"
"อย่าทำตัวน่ารำคาญได้ไหม"
"คุณน่ะสิที่ทำตัวน่ารำคาญน่ะ"
"เหรอ? ฉันน่ารำคาญเหรอ แล้วทีเมื่อคืนกับเมื่อเช้าครางชื่อฉันล่ะ ไม่น่ารำคาญเหรอ"
มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กบอบช้ำจากกุญแจมือขึ้นมาบีบแน่น ความปวดช้ำวิ่งร้าวไปทั่วทั้งแขน ร่างบางเบ้ปากและพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม แต่ยิ่งเขาบิดหนีก็ดูเหมือนโซ่ตรวนเนื้อมนุษย์ชิ้นนี้จะยิ่งบีบรัดแน่นขึ้น
"เจ็บ.."
"ไปกันได้แล้ว"
"จะพาผมไปไหน"
"ถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"
รถสปอร์ตคันหรูพุ่งทะยานจนแทบจะบินขึ้นสูงขึ้นไปแข่งกับเครื่องบินบนน่านฟ้า ทำให้คนตัวเล็กต้องรีบกระชับเข็มขัดนิรภัย นั่งตัวแข็งอยู่ข้างคนขับด้วยความกลัว
.. ขับช้าๆ ไม่ได้หรือไงนะ
"จะพาผมไปไหน"
หน้าสวยสะบัดหน้าไปมองคนขับรถ เมื่อมาถึงเส้นทางที่แสนจะคุ้นตา มีเพียงความเงียบส่งมาเท่านั้นจนร่างบางต้องกัดฟันแน่น ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ เดี๋ยวจะเสียงาน เพราะวันนี้เขาเผลอใส่อารมณ์ไปตั้งหลายครั้งแล้ว
ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงรถคันหรูก็จอดหน้าคอนโดหรูใจกลางกรุงโซล สถานที่ๆ แสนจะคุ้นตานายแบบร่างบางเสียเหลือเกิน เพราะคอนโดหรูนี่คือที่ซุกหัวนอนของเขานั่นเอง มินฮยอนเปิดประตูลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งข้างคนขับแล้วกระชากแขนเล็กให้อีกคนเดินตามลงมา ขายาวก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเลราวกับเป็นเจ้าของคอนโดแห่งนี้
"คุณ..?"
คิ้วสวยขมวดจนแทบจะเป็นปมผูกกัน เมื่อร่างสูงลากเข้ามาในลิฟท์ กดขึ้นไปยังชั้นที่เป็นห้องพักของเร็น และลากเดินมาจนถึงหน้าห้อง คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แค่สืบหาประวัติของนายแบบคนดัง คนอย่างประธานบริษัทฮวังกรุ๊ปคงทำได้อยู่แล้ว
"เข้าไปซะ เก็บเสื้อผ้าของนาย ฉันให้เวลา 10 นาที จะรออยู่ตรงนี้"
"ฮะ?"
"อะไร"
"เก็บของ? ให้ผมเก็บทำไม"
"ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่"
"...??"
"นายต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านฉันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"
.. บิงโก !
ในเมื่อเหนื่อยเปิดทางให้เข้าถึงตัวง่ายขนาดนี้ มีเหรอที่นายพรานอย่างชเวเร็นจะไม่ตะครุบเหยื่อ
"ทำไมผมต้องไปอยู่บ้านคุณ ?"
"ไม่ชอบเหรอ อยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ดีกว่าไอ้ห้องคอนโดเเคบๆ แบบนี้"
"..."
"เข้าไปซะ 10 นาทีเจอกันที่ล๊อบบี้ข้างล่าง"
หลังจากที่ประธานบริษัทหันหลังเดินออกไปคนตัวเล็กก็รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องของตัวเองประหนึ่งแข่งวิ่งสี่คูณร้อย หันหลังพิงประตูก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง เปลือกตาสวยปิดลงช้าๆ ราวกับจะทบทวนเรื่องทุกอย่าง
ทุกอย่างมันดูรวดเร็วไปเสียหมด เขาคิดถูกแล้วใช่ไหม ?
#############################
จมูกรั้นคลอเคลียกับไหล่บางเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียวเท่านั้นที่ปกปิดส่วนล่าง คนตัวเล็กพยายามหลบเลี่ยงจะดันตัวออก แต่กลับโดนเกี่ยวเอวกลับมานั่งลงบนตักเหมือนเดิม ริมฝีปากหยักระดมประทับรอยรักสีสวยตามผิวกายจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง
"ปล่อยน่า"
เสียงขัดขืนไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทร่างสูงเลยสักนิด แบคโฮยังคงปรนเปรอซอกคอขาวด้วยจมูกโด่งรั้น สูดดมความหอมหวานจากกายอีกคนอย่างไม่รู้จักพอ
"แบคโฮ.. อื้อ พอแล้ว"
แขนเล็กดันอกแกร่งอีกคน เด้งตัวลุกขึ้นมายืนอยู่ปลายเตียง จัดแจงกางเกงให้เข้าที่เข้าทางเพราะตะขอกางเกงโดนปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"จะไปไหน"
"ทำงานน่ะสิ ฉันต้องกินต้องใช้ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนนาย"
"แล้วอยากให้ลูกเราเกิดมาอยู่บนกองเงินกองทองไหมล่ะ หื้ม~?"
"คังแบคโฮ!"
"อย่าขึ้นเสียงกับผมสิครับ อารอน.."
แบคโฮลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จับไหล่ทั้งสองข้างของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ เขี้ยวแหลมฝังบนผิวกายขาวใสจนเป็นรอยฟันกับเลือดซึมนิดๆ กลิ่นคาวของของเลือดทำให้เจ้าตัวรู้สึกกระหาย ผิดกับอีกคนที่กัดริมฝีปากแน่นระบายความเจ็บจากรอยเขี้ยว
..คังแบคโฮไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอะไรมากนัก ออกจะติดซาดิดส์เสียด้วยซ้ำไป แม้แต่กับคนที่รักก็ตาม
"เจ็บ.."
"อารอนจะได้จำไงครับ ว่าผมกลับมาหาแล้ว"
"ฉันจำมันได้อยู่ตลอดแหละแบคโฮ.. จำได้ดี.. ทุกอย่าง"
คำว่า 'ทุกอย่าง' ถูกส่งไปอย่างมีความหมาย นายแบบอารอนจ้องดวงตาเรียวคมของอีกคนไม่วางตา ความทรงจำแสนเจ็บปวดและน่าขื่นขม 'ทุกอย่าง' ไม่มีทางลืมราวกับต้องมนต์ให้ระลึกย้อนความคิดอยู่ทุกเวลา
"งั้นอารอนก็ยังจำได้ใช่ไหม ว่ารักผมมากแค่ไหน"
เมื่อร่างสูงเขยิบตัวเข้ามาใกล้ขึ้น มองลึกเข้าไปในแววตาที่กำลังเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำใสๆ ถ้าหากมีใครมากระตุ้นตอนนี้อารอนก็คงจะร้องไห้ได้ง่ายๆ เลย เขาที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งมาตลอด แต่ทำไมกลับผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ถึงพร้อมทำให้จิตใจเขาว้าวุ่นอยู่ตลอดเวลา
"อืม.."
ริมปากหยักทาบทับปิดเสียงครางตอบรับในลำคอเบาๆ ไม่เหลือช่องว่างใดๆ ให้อากาศภายนอกหลุดเข้าไปได้ กลีบปากบางสวยโดนบดคลึงจนเจ่อช้ำ เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงระงับอารมณ์กดความรู้สึกดีที่มีให้กลับลึกลงไปมาที่สุดเท่าที่จะทำได้..
..เจ็บมาครั้งนึงแล้ว เลยไม่อยากซ้ำเติมความรู้สึก แต่เสียงหัวใจของเขาตอนนี้เกินกว่าจะควบคุม
การสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ทำให้ร่างบางต้องยกมือดันขึ้นอกแกร่งออกให้พ้นทาง แต่แขนยาวยังโอบรอบเอวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้อารอนหลุดจากอ้อมแขนจนคนตัวเล็กต้องผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ กลอกตาไปมาในอ้อมแขนอย่างเบื่อหน่ายกับการเอาตัวรอด
"..ครับ"
อารอนกดรับสายทั้งๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมกอดชวนสยิว เมื่อคนตัวเล็กให้ความสนใจกับโทรศัพท์มากกว่าแบคโฮเลยเคลื่อนริมฝีปากกัดใบหูเล็กเบาๆ ให้อีกคนขนลุกเกลียว
"..กำลังไปครับ"
ร่างบางส่งสายตาเชิงห้ามปรามมาให้อีกคนหยุด เพราะดูจากท่าทางแล้วไม่หยุดแค่นั้น จมูกรั้นกดลงบนแก้มใสฉกชิงกลิ่นหอมจากตัวอีกคน
สมาร์ทโฟนเครื่องหรูถูกยัดเก็บใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ และกลับมาพยายามแกะมือปลาหมึกออกจากเอวอีกครั้ง
"ปล่อยน่าแบคโฮ ฉันจะไปทำงาน"
"ก็ไปสิ"
ก็พูดมาได้ว่าไปสิ จะไปยังไงในเมื่อมีหนวดปลาหมึกหนุบหนับอยู่รอบเอว !
"พอแล้ว"
"เดี๋ยวไปส่ง"
"ไม่ต้อง"
"จะดื้อกับผมเหรอ ?"
ลมหายใจเฮือกใหญ่ผ่อนออกมาอย่างขัดใจกับนักธุรกิจรุ่นน้องที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่คิดถึงคนรอบข้างอย่างอารอน นายแบบผละออกมาเดินไปหยุดยืนแต่งตัวหน้ากระจก แต่ก็ไม่วายมีมือหยุบหยับตามมาเกาะแกะอยู่ที่เอวบาง แบคโฮสวมกอดจากด้านหลัง คางมนเกยอยู่บนไหล่เล็ก เขาสบตาอีกคนผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือมาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้คนตัวเล็กในอ้อมแขน ริมฝีปากหยักกดจูบที่ซอก ทำให้อีกคนต้องย่นคอหนีเบือนหน้าไปทางอื่น
"นะ.. นายกำลังทำให้ฉันไปทำงานสาย"
"ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่ง"
"แบคโฮ.. ฉันกับนายเราควรมีขอบเขตนะ"
"ขอบเขตอะไร"
"เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว นายก็รู้นี่.. แค่ฉันยอมให้นายกลับมาวนเวียนอยู่แบบนี้มันก็มากพอแล้วนะ!"
"ยังอยากไปทำงานอยู่ไหม"
Bad..
..บ้าที่สุด
สุดท้ายแล้วอารอนก็ทำอะไรคนอย่างแบคโฮไม่ได้ จำใจต้องยอมนั่งรถคันหรูมาเกยจนถึงหน้าสตูดิโอแห่งหนึ่งย่านคังนัม ด้วยเพราะเป็นเวลาเลิกเรียนทำให้ย่านเศรษฐกิจแห่งนี้ยิ่งดูคึกคัก เหล่านักเรียนหรือแม้แต่คนวัยทำงานต่างพากันเดินดูนู่นนี่ให้ขวักไขว่ไปเสียหมด ทันทีที่รถคันหรูเลี้ยวเข้าจอดหน้าสตูดิโอ กลุ่มนักเรียนหญิงที่ดักรออยู่หน้าสตูดิโอต่างลุกฮือ มองผ่านกระจกมืดเข้ามาในรถ
"ส่งแค่นี้แหละ"
แขนเล็กกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูรถกลับโดนกระชากกลับมานั่งที่เดิม จมูกโด่งรั้นอาศัยความไวแตะที่แก้มขาว คนถูกกระทำเบิกตาโตหันไปค้อนให้วงใหญ่ แต่เจ้าตัวก่อเรื่องกลับแค่ยักคิ้วท้าทายอารมณ์
"ตั้งใจทำงานนะครับ อารอน"
คนตัวเล็กไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาปั้นสีหน้าเฉยชาลงไปจากรถพร้อมแว่นกันแดดสีดำสนิทเพื่อปกปิดแววตาที่ดูอิดโรย หากแต่ทางเดินเพื่อเข้าไปถึงประตูสตูดิโอมีคนมามุ่งมากเกินไปจากกลุ่มเด็กนักเรียนกลายเป็นว่าพอพวกเธอเห็นอารอนก็ส่งเสียงกรี๊ด เรียกผู้คนให้มาร่วมชุมนุมได้เป็นอย่างดี แรงเบียดเสียดจากกลุ่มคนรอบตัวเพื่อที่จะได้ใก้ชิดนายแบบรนดังเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างบางเซถลาจนเกือบจะล้มพับ ถ้าหากว่าไม่มีมือมาฉุดเขาไว้
"เป็นอะไรไหมครับ?"
ใบหน้าขาวซีดช่างตัดกับผมสีแดงเพลิงนั่นเสียเหลือเกิน มือใหญ่พยุงแขนอารอนเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปซะก่อน นายแบบเบิกตาโตและลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง แต่กลับถูกเบียดเสียดจนต้องเซเข้าไปเกาะแขนอีกคนเอาไว้
"ขอโทษครับ"
"ไม่ระวังตัวเลย"
"บะ.. แบคโฮ"
การปรากฏตัวของร่างสูงกำยำน่าเกรงขามสามารถสลายกลุ่มแฟนคลับได้อย่างรวดเร็ว กลุ่มนักเรียนหญิงเริ่มถอยหลังแหวกทางให้คนทั้งคู่ได้เดินเข้าสตูดิโอ เกรงว่าถ้าไม่หลบมีหวังไม่ได้กลับไปเรียนม.ปลายแน่
แบคโฮโอบรอบเอวอีกคนพาเดินเข้ามาจนถึงประตูสตูดิโอ โดยไม่สนใจผู้ชายผมสีแดงสดเลยสักนิด ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามข่วนจิกให้เขาปล่อยแขนออกจากตัว แต่ก็อย่างว่า อารอนจะไปสู้อะไรแบคโฮได้ สุดท้ายก็ต้องยอมทำตามใจอีกคนไปเสียหมดทุกอย่าง
"อารอน ทำไมมาช้าแบบนี้ ไปๆ รีบไปแต่งตัว"
"ครับ"
เมื่อรับคำเสร็จอารอน เรียวขาสวยกำลังจะก้าวเข้าห้องแต่งตัว ถ้าไม่ติดว่าผู้ชายผมแดงที่ช่วยเขาไว้เมื่อกี้เข้ามาทักเสียก่อน พร้อมกับมองหน้าแบคโฮผู้ที่กลายเป็นคนนอกสำหรับสตูดิโอถ่ายทำแห่งนี้
"คุณอารอนไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ"
"ครับ ขอบคุณนะครับ เอ่อ.."
"ฟู่หลงเฟย.. ถ้าออกเสียงยากเรียกเจสันก็ได้นะ"
"ผมอารอน คุณน่าจะรู้จัก..ใช่ไหม"
คนตัวเล็กพูดไปก็หัวเราะไป ภาพตรงหน้านี่มันขัดใจคนนอกอย่างแบคโฮ
"อะ แฮ่ม!"
อารอนสะบัดหน้าไปมองคนที่กำลังเรียกร้องความสนใจอยู่ไม่ห่าง ร่างสูงยืนกอดอกจ้องหน้าคนตัวเล็กให้เลิกคุยกับไอ้หัวแดงนี่ได้แล้ว และอารอนก็รู้ดีว่าแบคโฮเป็นพวกที่เกลียดการถูกเมิน
"ผมขอตัวไปแต่งตัวก่อนนะครับ"
"ครับ"
"อารอน"
"กลับไปได้แล้วแบคโฮ ฉันต้องทำงาน"
"กลับน่ะกลับอยู่แล้ว แต่ก่อนกลับขอจูบทีนึง"
ร่างสูงเดินเข้าไปคว้าคออีกคนแล้วประกบริมฝีปากทาบทับลงไปต่อหน้าเจสัน จนเขาต้องยกมือเหาต้นคอแก้เก้อแล้วเดินหลบออกไปทางอื่น ทิ้งให้คู่รักยืนพลอดรักกันตามประสา
อารอนดันไหล่อีกคนออก เม้มริมฝีปากเเน่นจนเป็นเส้นตรง ผิดกลับอีกคนที่ยกยิ้มหน้าระรื่น
"ไปนะครับ"
..ไอ้เด็กบ้า
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผมเสร็จเจ้าของร่างเพรียวก็ปรากฏตรงหน้า โดยมีสไตล์ลิสตามมาจัดแต่งเสื้อผ้าให้ดูเข้ารูป เสื้อแจ็คเก็ทหนังสีดำถูกใส่ทับลงบนเสื้อยืดสีเข้มอีกตัวขับผิวขาวนั้นให้สว่างขึ้นอีก ผมสีดำขลับถูกปัดขึ้นให้เปิดหน้าผาก ต้อนรับฤดูหนาวที่ใกล้มาถึง
แชะ !
เสียงลั่นชัตเตอร์เรียกความสนใจจากนายแบบ เจสันยกยิ้มให้กับรูปในกล้อง
"อ้าวคุณเจสันนี่"
"ครับ~ ผมเอง ผมคงลืมบอกไปว่าตากล้องวันนี้คือผมเองนะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยล่ะ"
"ผมต่างหากล่ะที่ต้องพูดประโยคนั้น"
"คุณเจสันคะ พอดีนายแบบอีกคนมาไม่ได้ค่ะ ยังไงคุณถ่ายส่วนของคุณอารอนไปก่อนนะคะ"
สต๊าฟสาวเดินเข้ามาบอก ด้วยระยะห่างระหว่างเขากับเจสันก็ไม่ได้มากนักทำให้อารอนได้ยินชัดเจน และนายแบบอีกคนที่พูดถึงก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาด้วย
"คุณติดต่อเร็นไม่ได้เหรอ"
"ค่ะ.. เราโทรหาผู้จัดการของเขาก็บอกว่าคุณเร็นป่วยกระทันหันเลยพาไปนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล อีกสักสองสามวันถึงมีคิวว่างมาถ่ายซ่อมได้"
"แปลกแฮะ.. เมื่อวันก่อนผมยังเห็นข่าวเขาไปออกงานอยู่เลยนี่"
"ยังไงฉันจะพยายามจัดคิวมาให้ใหม่นะคะ"
"ขอบคุณครับ"
ที่เร็นไม่มาทำงานไม่ใช่ว่าป่วยจนเข้าโรงพยาบาล อารอนรู้ดี มันเป็นคำแก้ตัวง่ายๆ ของผู้จัดการทั่วๆ ไป สิ่งที่เขาคิดคือ นายแบบรุ่นน้องนั่นคงจะไปหาเหยื่อรายใหม่ หารายได้เสริม แต่ที่น่าแปลก.. ถึงแม้เร็นจะไปหาเหยื่อที่ไหนก็ตามแต่ก็ไม่เคยถึงขั้นเสียงานแบบนี้
..เกิดอะไรขึ้น ?
"เหมือนจะเหลือแค่เรานะครับ"
การทำงานดำเนินต่อไป เสียงลั่นชัตเตอร์พร้อมแสงแฟรชสว่างวาบทั้งสตูดิโอ นายแบบชื่อดังยังคงโพสท่าอย่างต่อเนื่องอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งยาว แขนเรียวพาดกับพนักพิง เอียงใบหน้าเล็กน้อย และจับจ้องสายตาเรียบเฉยไปยังตากล้องมือโปร
"ดีครับ.. ดีมากครับ สายตาดุกว่านี้.. นั่นแหละครับ ดีครับดี เท่มาก"
เสียงชมจากตากล้องไม่ขาดปาก กระตุ้นให้นายแบบแสดงอารมณ์ออกมาตามที่ต้องการ ก่อนจะลดกล้องลงมา เดินไปหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูรูปภาพ
"พัก 15 นาทีครับ"
อารอนลุกขึ้นเดินไปหลังสตูดิโอโดยไม่ลืมที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือพร้อมกับบุหรี่หนึ่งมวลในกระเป๋าคาบไว้ในปาก
หลังบางเอนพิงกำแพง ความมืดและเงียบสงบปลอดจากคนแบบนี้แหละที่เขาชอบ มือเล็กประคองจุดไฟที่ปลายมวลบุหรี่ อัดควันสีขุ่นเขาปอดแล้วพ่นออกมาช้าๆ มืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหานายแบบรุ่นน้อที่ไม่เคยคิดจะแยแสอะไร แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมวงการแล้วกัน
"ว่าไงครับ นึกอะไรคุณรุ่นพี่คนดังถึงได้โทรหาผม หื้มม?"
"เฮอะ เสียงดีงี้คงไม่ได้เป็นอะไรสินะ"
"แล้วจะให้ผมเป็นอะไรล่ะ"
"วันนี้ตารางงานนายมีถ่ายกับฉัน แคนเซิลงานทำไม"
"ผู้จัดการผมคงคุยกับทีมงานไปแล้ว"
"อืม เขาบอกว่านายขอลางานกลับไปหาแม่ที่ปูซาน ไง? คิดถึงแม่กระทันหันเลยเหรอ"
"ก็.. ก็ใช่ไง พี่ไม่เคยคิดถึงแม่เหรอครับ ผมกลับมาหาแม่ผิดอะไร"
"อ้ะ! เมื่อกี้ฉันพูดว่านายกลับไปหาแม่เหรอ"
"ใช่.."
"โอ๊ะ.. โทษทีนะ พูดผิด เหมือนผู้จัดการนายบอกว่า นายป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน"
"..."
..หึ ติดกับแล้ว
ปลายสายเงียบไปถนัดตา คนเป็นพี่ยกบุหรี่ขึ้นมาดูดอีกครั้ง ยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
"ไง.. ตกลงไปไหนมากันแน่นะ ชเวเร็น"
"ระ.. เรื่องของผม มีอะไรอีกไหมถ้าไม่มีแค่นี้นะครับ!"
อารอนมองโทรศัพท์ราวกับจะเยาะเย้ยอีกคนที่เขาจับผิดได้ ในวงการเห็นจะมีแต่เขาละมั้งที่จับได้ไล่ทันเล่ห์เรียบนายแบบรุ่นน้องคนนี้น่ะ
"ออกมาทำอะไร ไม่หนาวเหรอ"
เสียงทุ้มปรากฏพร้อมกับร่างสูงของตากล้อง ในมือเรียวนั้นมีแก้วกาแฟร้อนๆ ควันฉุย กลิ่นหอมของคาเฟอีนลอยคละคลุ้ง ความร้อนของกาแฟรสขมให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้ดีพอๆ กับการสูบบุหรี่ของอีกคน ก้นบุหรี่ที่เหลือถูกบี้กับพื้นถนนด้วยรองเท้าราคาแพง อารอนชอบสูบบุหรี่ก็จริง แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นนายแบบเขาเลยไม่ค่อยชอบสูบบุหรี่ให้ใครเห็นมากนัก
"กำลังจะเข้าแล้วล่ะ"
"อารอนสูบบุหรี่ด้วยเหรอครับ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย"
"ก็.. ครับ บางครั้งน่ะ"
"ผมก็เคยสูบนะ แต่เลิกแล้วล่ะ"
"หื้ม ทำไมล่ะ"
"ก็มันไม่ดีต่อสุขภาพ"
"เรื่องนั้นผมก็รู้น่า แต่ก็ดีแล้วที่เลิกได้ เลิกบุหรี่เลิกยากจะตายไป ผมเคยคิดจะเลิกนะ แต่ไม่มีแรงจูงใจ ไม่รู้จะเลิกทำไม จะ.. เจสัน"
ตาโตเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าตา เมื่อคนตัวสูงกว่าวางแก้วกาแฟลงแล้วเอามือทั้งสองข้างมาแนบที่แก้มตอนที่เขากำลังพูดอยู่ ไอร้อนจากแก้วแผ่ซ่านอยู่ทั่วฝ่ามือและใบหน้า ไม่รู้ว่าเขินหรือหนาวทำให้แก้มขาวเห่อขึ้นสี นายแบบก้มหน้างุดจนคางแทบจะชิดอก แต่ก็หลบมือตากล้องไม่พ้น เจสันคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับความน่ารักของอีกคน ภาพลักษณ์ช่างแตกต่างกับบนเวทีเสียเหลือเกิน
"อุ่นไหม?"
"..อื้อ"
"อารอนเรียกผมว่า ฮยอง ก็ได้นะ"
"คุณแก่กว่าผมเหรอ"
"ครับ~"
"ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากเรียกฮยอง"
"อ้าว"
"อาเฟย"
"อาเฟย?"
"เรียกได้ใช่ไหม?"
"แล้วแต่เลยครับ~"
"อารอนกลับบ้าน !!"
ไม่ใช่เสียงตากล้อง ไม่ใช่เสียงทีมงานหรือใครๆ ในสตูดิโอนี้ แต่เป็นเสียงของ 'คนนอก' เมื่อเช้านี้ แบคโฮก้าวขาเข้ามาคว้าข้อมือเล็กออกแรงฉุดให้คนตัวเล็กเดินตาม อารอนพยายามยื้อ สะบัดข้อมือออกจากมือหนาอย่างทุลักทุเลต่อหน้าเจสัน
"แบคโฮ! ปล่อยนะ"
"กลับบ้าน!!"
"ฉันยังทำงานไม่เสร็จ"
"เหรอ? เพราะมัวแต่ให้ท่ากันอยู่แบบนี้ใช่ไหมล่ะ งานถึงไม่เสร็จสักทีน่ะ"
"แบคโฮ !! อย่าพูดแบบนั้นนะ"
"คุณกลับไปก่อน งานของผมยังไม่เสร็จ.."
"เสือก"
แบคโฮตวัดสายตาไปมองตากล้อง เจมันกลอกตาอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับผู้ชายป่าเถื่อนที่กำลังทำร้ายนายแบบของเขา
"แบคโฮกลับไป" อารอนพูด
"กลับกับผม!"
สิ้นประโยควาจาสิทธิ์ ร่างบางก็ถูกกระชากลากขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนนหน้าสตูดิโอ ฝ่ามือเย็นเชียบจนน่าตกใจทำให้อารอนฉุกคิดขึ้นมาว่าแบคโฮคงจะมารอเขาอยู่นานแล้ว
นายแบบถูกเหวี่ยงตัวขึ้นรถด้วยแรงจากร่างสูง ขายาวก้าวฉับๆ มาขึ้นฝั่งคนขับก่อนที่รถคันหรูจะทยานสู่ท้องถนน ไม่เกรงกลัวกฎจราจร ผ่าไฟแดงทุกแยกถนนจนรถหลายคนต้องเบรก พร้อมกับเสียงแตรรถดังไล่หลังไม่ขาดหู แต่คนขับยังคงขับรถนิ่งๆ ต่อไป อารอนเลือกที่จะปิดปากเงียบ เขารู้ดีว่าถ้าแบคโฮนิ่งเงียบนั่นแปลว่าเขากำลังโมโหเอามากๆ ทางเดียวคือการอยู่เฉยๆ อย่าพูดอะไร เพราะคำพูดอาจกลายเป็นอาวุธทิ่มแทงตัวเอง
"ใคร"
ประโยคคำถามสั้นๆ ทำเอาร่างบางขนลุกเกลียว น้ำเวียงเย็นเชียบจนแถบจะแช่แข็งรถคันนี้
"อะไร"
"ไอ้หัวแดงนั่น"
"แบคโฮ เรียกเขาดีๆ"
"มันเป็นใคร"
"ช่างภาพ"
"เหรอ ? ยืนให้ท่ามันขนาดนั้นอยากได้มาเป็นช่างภาพส่วนตัวหรือไง"
"แบคโฮ !"
"ผมพูดอะไรผิดเหรอ ยืนมองอยู่นานแล้ว เห็นทุกอย่างนั่นแหละ!"
ร่างสูงกระทืบเบรกจนรถจอดหยุดนิ่งอยู่ข้างทาง ไม่ได้กีดขวางทางจราจรแต่อย่างใดเพราะเวลานี้ก็มืดเกือบจะเที่ยงคืนบวกกับอากาศหนาวเย็นทำให้ผู้คนต่างอยู่ตามร้านอาหารหรือในบ้านมากกว่าการออกมาเดินตากลมข้างนอก
"ถ้าเห็นทุกอย่างนายก็น่าจะเห็นว่าฉันไม่ได้ให้ท่าใครทั้งนั้นแหละ ทำไมชอบมองฉันในด้านแย่ๆ นัก ในสายตานายเคยมองฉันดีๆ มั่งไหม!? ..หึ แต่คงไม่เคย คงไม่เคยแม้แต่เห็นฉันด้วยซ้ำ เพราะถ้านายมองแต่ฉันคงไม่ทิ้งฉันไปหาคนอื่นหรอก"
"อารอน! จะรื้อฟื้นอดีตทำไม ผมบอกว่าผมกลับมาแล้วนี่ไง !!"
ร่างสูงกระชากแขนอีกคนเข้ามาใกล้ ออกแรงบีบต้นแขนจนความเจ็บวิ่งริ้วไปทั่ว คนตัวเล็กกัดฟันสู้สายตาอย่างท้าทาย
"ทีแบบนี้ทำเป็นโกรธ"
"จะกวนประสาทใช่ไหม ฮะ? ควักอารอน!"
แบคโฮผลักนายแบบออกจะหลังบางกระแทกกับประตูรถ ร่างสูงชำเลืองมองต้นแขนที่แดงช้ำเป็นรอยมือเขาเองกับสีหน้าดื้อรั้นท้าทายอารมณ์ ก็อยากจะสงสาร แต่ใครจะสนล่ะ คนอย่างอารอนอดทนการกระทำของเขาได้อยู่แล้ว ใครจะด่าว่าเขาเลวก็ตามใจ
ร่างสูงเหยียบคันเร่งจนรถเคลื่อนมาจอดถึงหน้าคอนโดที่เป็นที่ซุกหัวนอนแสนคุ้นเคยของคนตัวเล็ก แบคโฮเลี้ยวรถเข้าจอดชั้นใต้ดิน กระชากประตูรถเปิดออกดึงนายแบบร่างบางให้ลงมาจากรถตรงขึ้นห้องทันที
"เจ็บ! แบคโฮ!! กลับบ้านของนายไปซะ เอาไว้อารมณ์ดีแล้วเราค่อยมาคุยกัน"
"เลิกอวดดีแล้วเก็บเสียงไว้ครางนะ"
[CUT]
>>@0652CHANii<<
"พอแล้ว.."
“อย่าลืมตัวบ่อยสิครับว่าอารอนเป็นของผมคนเดียว”
. . t o b e c o n t i n u e . .
ช่วยกันสกรีมลงทวิต
ติดแท็ก #ฟิคคนเลว
มาแล้วจ้าา แปะปาบบ!!
เพิ่งลงได้ 4 ตอน กระแสตอบรับค่อนข้างดี.. มั้งนะ 555
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ทั้งในทวิตและเด็กดีเลย
มีน้องรีดเดอร์วาดแฟนอาร์ตคุณควักอารอน
ขอบคุณมากๆ เลย ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวจะขออนุญาตเอามาให้ดูกันนะ
เหมือนเดิมนะตัวเอง ฉากที่ถูกตัดออกอยู่ในไบโอทวิต @0652CHANii
อาอิ้งงง เลิ้ปปป
ความคิดเห็น