ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( n u ' e s t ) My Friend | คนนี้กูขอ | MINREN [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #4 : :: CH.4 หวง ::

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 55



    4

     

     

              เวรกรรม... เวรกรรมของเร็นจริงๆ เลย !!  

                    อะไรน่ะเหรอ ก็พอขึ้นมาถึงห้องปุ๊บ วางข้าวเอาไว้ให้มินฮยอน ไอ้บ้านี่ก็กระแดะ บอกว่ากินเองไม่ได้ มือไม่มีแรง งานหนักเลยตกอยู่ที่เร็น ต้องมานั่งป้อนข้าวให้อย่างนี้ มันแฮงค์หรือว่าเป็นง่อยกันแน่วะเนี่ย

     

                    “เอาปลาหมึกด้วยๆ”

     

                    เร็นตักปลาหมึกตามที่คนป่วยขอ แล้วรีบยัดช้อนเข้าไปในปากอีกคน โดยไม่ได้รู้เลยว่าปากมินฮยอนมันอาจจะฉีกก็ได้

     

                    “โอยยย มึงนี่ จะฆ่ากูเหรอ”

     

                    “อย่าพูดมาก รีบๆ กินเข้าไป”

                    กวนตีนกูขนาดนี้... คงลืมแล้วล่ะมั้ง ว่าตอนเมาพูดอะไรไว้      

         

                    เร็นคิดในใจพลางป้อนข้าวให้มินฮยอนจนหมดจาน ก่อนจะเดินไปหยิบยาในห้องนอน พร้อมกับน้ำมาให้ มินฮยอนจัดการกับยาที่เร็นส่งให้อย่างว่าง่าย นึกว่าจะให้กูป้อนให้อีก

     

                    “เวลามึงไม่กวนตีนกู แล้วก็ว่าง่ายๆ แบบนี้ มึงก็น่ารักดีนี่”

     

                    “กูน่ารัก.. ก็รักซะเลยสิ”

     

                    “ไปนอนเลยไป วันนี้กูเหนื่อยกับมึงมากพอละ” 

                   

                       เร็นยกจานข้าวกับแก้วน้ำไปที่อ่างล้างในห้องน้ำ เพื่อที่จะล้าง แต่ไอ้ตัวสูงนี่ก็ยังอุตส่าจะเดินตามมาอีก ตามมาไม่เท่าไหร่ แม่งเสือกตามเข้ามาถึงในห้องน้ำแล้วปิดประตูอีก

     

                    “มินฮยอน! มึงจะเข้ามาทำสากกะเบืออะไรเนี่ย” เร็นวางจานในมือไว้ที่อ่าง แล้วหันหน้ามาด่าไอ้คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลัง

     

                    “ปวดฉี่”

                    “ให้กูล้างจานก่อนได้ไหมล่ะ -___-“

     

                    “อั้นไม่ไหว”

     

                      “เออๆ งั้นมึงฉี่ไปเลยไป” เร็นเบี่ยงตัวเพื่อจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่มินฮยอนก็เข้ามาขวางไว้ซะอีก เบี่ยงมาอีกทางมินฮยอนก็ยังคงตามมาขวางไว้ จนคนตัวเล็กกว่าอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปทำตาขวางใส่ มึงให้กูอยู่ดูมึงฉี่หรือไง ??

     

                    “หลบดิ”

     

                    “มินกิ”

     

                    เรียกกูอีกล่ะ เดี๋ยวแม่งต้องมีปัญหากับกูอีกอะ

     

                    “อะไร”

     

                    “กูจำได้”

     

                    “จำ... จำอะไรได้”

                    หรือมันจะจำได้ว่าตอนเมามันบอกชอบกู?

                        

                    “กู...”

     

                    “??” เร็นยืนลุ้นจนตัวโก่ง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถ้ามินฮยอนจำได้ว่าเพิ่งบอกชอบเขาเมื่อตอนเช้ามีหวังคงมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ

     

                    “กูยังไม่ได้จ่ายค่าเหล้าเมื่อคืน”

     

                    “โอ๊ะ นึกว่าเรื่องอะไร”

     

                    “มีเรื่องอื่นอีกเหรอ”

     

                    “เปล่า.. ไม่มี เจอาร์มันจ่ายให้แล้ว กูไปล่ะ”

     

    +++++++++++++++++++++

     

                    “พี่อารอนอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

     

                    “ไม่รู้สิ มีที่ไหนแนะนำไหมล่ะ” หลังจากที่ทั้งคู่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาจากร้านอาหารและเดินไปตามทางฟุตบาทเรื่อยๆ ส่วนเจอาร์... ไปผุดไปเกิดใหม่แล้วล่ะ หลอกกก~ แบคโฮโทรหาเจอาร์ก่อนออกจากร้าน และพบว่าเจอาร์กำลังถูกรายล้อมด้วยรุ่นพี่สาวๆ พวกหล่อนพาเธอไปเลี้ยงข้าวจนพุงแทบจะแตกตายไปแล้ว

     

                    “ไม่มีครับ”

     

                    “งั้นกลับห้องก็ได้”

     

                    “ฮ่าๆ ผมล้อเล่น เราลองกลับเข้าโรงเรียนกันไหมครับ วันนี้วันเสาร์ คงไม่มีใครในโรงเรียน”

                   

                    “โอเค (:

     

                    ทั้งคู่เลือกที่จะเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน เพราะโรงเรียนกับมหาวิทยาลัยอยู่ห่างจากกันไม่มากนัก จนกระทั่งเดินมาถึงโรงเรียน โรงเรียนเก่าของทั้งคู่แทบจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย

     

                    “ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ”

     

                    “นั่นสิครับ อ่า! นั่นโต๊ะม้าหินที่ประจำของผมกับเจอาร์เลยครับ” แบคโฮถือวิสาสะจับมือรุ่นพี่แล้วพาเดินไปยังโต๊ะม้าหินที่ถูกตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งร่มรื่น แล้วก็ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน ช่างเลือกโต๊ะได้ดีจริงๆ เลยนะ

                    แบคโฮนั่งที่เก้าอี้ตัวนึง และลืมที่จะฉุดมือรุ่นพี่ให้มานั่งข้างๆ

                    “เมื่อก่อน ช่วงตอนพักกลางวัน ฉันเห็นนายสองคนชอบมานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ ไม่สิ.. นายสองคนมานอนหลับกันต่างหาก ฮ่าๆๆ”

     

                    “หืออ? พี่เคยเห็นผมด้วยเหรอ?”

     

                    “แน่นอนสิ” 

     

                    “ถ้าเมื่อก่อนผมรู้ว่าในโรงเรียนมีรุ่นพี่น่ารักแบบพี่อารอนผมก็คงจะคอยเอาแต่มองหาพี่แน่ๆ”

     

                    “ฮ่ะๆๆ ในโรงเรียนเราคนน่ารักก็เยอะจะตายไป นายเองแหละมั้ง ที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างน่ะ”

                    “ก็ผมไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรน่าสนใจ.. แต่ตอนนี้ ผมว่าพี่อารอนน่าสนใจมากเลยล่ะ”

     

                    “เฮ้ พอได้แล้วน่า จะพูดให้เขินอีกนานป่ะ”

     

                    “ก็จนกว่าพี่จะชอบผมไงครับ”

     

                    “พอได้แล้วน่า”

     

                    “ฮ่าๆ... ผมอยากรู้เรื่องของพี่อารอน เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับ”

     

                    “เรื่องอะไรล่ะ”

     

                    “ก็ชีวิตพี่ไงครับ”

     

                    “จะอยากรู้ไปทำไม”

     

                    “คนเป็นแฟนกัน ก็ต้องรู้เรื่องของกันและกันเป็นธรรมดานี่”

     

                    “ใครจะไปเป็นแฟนนายกัน -//-“

                    เขินอีกแล้ว... พี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอครับ ว่าทุกสิ่งที่เป็นมันดูน่าสนใจสำหรับผมไปซะทุกอย่าง

     

                    “เล่ามาสิครับ ว่าทำไมพี่ถึงไปอยู่อเมริกา”

     

              “จริงๆ แล้วฉันเกิดที่อเมริกา แล้วก็กลับมาเรียนต่อที่เกาหลีช่วงม.ต้น จนถึงช่วงม.ปลายปี1ตอนเทอม 1 เท่านั้น จากนั้น.. พ่อฉันก็ตามให้กลับไปอยู่ที่นู่น”

     

                       “ทำไมล่ะครับ”

     

                       “ไม่รู้สิ จนถึงตอนนี้พ่อก็ยังไม่ยอมบอกเลย ว่าทำไมไม่ถึงให้อยู่ที่เกาหลี”

     

                       “อ้าว แล้วทำไมตอนนี้..?”

     

                       “ฉันหนีกลับมา”

     

                       “เฮ้ยจริงดิ ทำไมพี่เป็นเด็กแบบนี้อะ หนีออกจากบ้านมาได้ไง”

     

                       “แปลกตรงไหนล่ะ พ่อไม่รู้หรอกว่าฉันอยู่เกาหลีแล้ว ฉันแค่บอกพ่อว่า จะไปค่ายอาสากับมหาลัยที่อเมริกาสักเดือนนึง ฮ่าๆ ถ้าเขารู้ว่าฉันมาอยู่นี่คงโดนด่าเละ”

     

                       “ผมควรจะโทรหาพ่อพี่ แล้วบอกว่าลูกชายที่น่ารักหนีออกจากบ้านมาอยู่ที่เกาหลี”

     

                       “นายอยากให้ฉันกลับอเมริกาพรุ่งนี้หรือไง -_____-“

     

                       “ฮ่าๆๆ งั้นเดือนนึงต่อจากนี้ ผมจะทำให้พี่ใช้ชีวิตในเกาหลีอย่างสนุกนะครับ”

     

                       “อืม ก็คงจะสนุกนะ ฮ่าๆๆ”

     

                       เสียงพูดคุยระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนฟ้าเริ่มมืดลงอีกครั้ง แบคโฮมองหาอะไรบางอย่างที่พอจะเอามาขีดๆ เขียนๆ ได้ แต่ดูแล้ว คงมีแต่ก้อนหินแหลมในมือเพียงก้อนเดียวนี่แหละ ระหว่างที่อารอนขอตัวไปเข้าห้องน้ำในตึกเรียนที่อยู่ใกล้ๆ แบคโฮเอาก้อนหินนั้นมาขีดลงบนโต๊ะ อย่างที่เขากับเจอาร์ชอบทำเป็นประจำ  พออารอนเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เขารีบเอาแขนทับตัวหนังสือพวกนั้นไว้ เพื่อไม่ให้อารอนได้เห็น

     

                       “กลับกันเถอะ มันมืดแล้ว”

     

                       “ครับ (: 

     

    +++++++++++++++++++++++

     

                       เช้ารุ่งขึ้น

                       “กูออกไปหาเพื่อนนะ เดี๋ยวมืดๆ กลับ”  เร็นบอกกับมินฮยอนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา ก่อนสวมรองเท้าแล้วรีบวิ่งออกจากหอพักไป

                       เร็นออกมาหาเพื่อนเก่าสมัยมัธยม ชิมยูซัง ที่ขอร้องให้เร็นออกมาช่วยทำรายงาน เพราะมีเนื้อหาบางส่วนที่เกี่ยวกับภาควิชาประมงที่เร็นเรียนอยู่ เขาวิ่งกระหืดกระหอบมายังจุดที่ยูซังนัดไว้ นั่นคือหอสมุดสาธารณะที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยของทั้งคู่ พอมาถึงยูซังก็ยืนรออยู่หน้าหอสมุดอยู่ก่อนแล้ว

     

                       “โทษทีมึง ตื่นสายไปหน่อย”

     

                       “ไม่เป็นไร กูก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เข้าไปข้างในกันเถอะ” ทั้งคู่เดินเข้าไปในตัวอาคาร โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีไอ้คนตัวสูงแอบตามมาติดๆ มินฮยอนค่อยๆ เดินตามสองคนนั้นเข้าไปในตัวอาคาร เขาเลือกนั่งโต๊ะ ตัวที่อยู่ห่างจากคนทั้งคู่ไว้ระยะหนึ่ง และไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือเล่มหนาข้างๆ ขึ้นมาเปิดอ่าน เพื่อปิดบังใบหน้า

     

                       ทั้งยูซัง และเร็นต่างก็ช่วยกันทำรายงาน ส่วนมินฮยอนก็ยังคงจ้องทั้งสองคนไม่เลิกรา เรียกว่าไม่พ้นสายตาเลยดีกว่า และช่วงหนึ่งที่เร็นลุกขึ้นเดินมาทางมินฮยอน เพื่อไปหยิบแท็กบุ๊คเล่มหนาที่อยู่บนชั้นข้างหลังมินฮยอน เลือกที่นั่งผิดซะแล้วล่ะมั้ง

     

                       มาทำไมตรงนี้วะ...

     

                       เร็นไล่สายตาหาแท็กบุ๊คเล่มหนาอยู่แป๊บนึง ก่อนจะหันหลังกลับมา เขาเหลือบไปมองมินฮยอนแว๊บนึง ซึ่งมองแค่ข้างหลังก็รู้แล้วว่าเป็นมินฮยอน ก็รูมเมทอยู่ร่วมห้องกันมาตั้งหลายเดือน จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว เร็นแกล้งทำเป็นไม่เห็นมินฮยอน และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ แต่เปลี่ยนตำแหน่งจากที่เคยนั่งอยู่ตรงข้าม เขากลับไปนั่งข้างๆ ยูซังแทน... มึงตามมาดูใช่ไหมล่ะ ว่ากูกับยูซังจะมาทำอะไร หึ! ชอบแกล้งกู ชอบปั่นหัวกู เดี๋ยวกูนี่แหละ จะปั่นหัวมึงมั่ง ไอ้สูง!!

     

              “ยูซัง~ ทำรายงานมึงเสร็จแล้ว เราไปเดินเล่นที่คณะสถาปัตย์ฯ มะ วันนี้มีงานตลาดนัดศิลปะพอดีเลย กูหาเพื่อนไปอยู่”

     

                       กูนี่ไง รูมเมทมึงแท้ๆ ทำไมไม่ชวนไปวะ จะชวนคนอื่นทำไม เชี่ย กูงอนแล้ว !

     

                       “อ้อ เอาสิ กลับไปก็อยู่หอคนเดียว เบื่อๆ เหมือนกันว่ะ”

     

                       “จริงนะ อย่าเบี้ยวนะมึง ถ้าเบี้ยวกูงอนด้วย”

     

                       “เออครับๆ ไม่เบี้ยว มึงนี่ เมื่อไหร่จะโต ทำตัวเป็นเด็กไปได้”

     

                       กูโตแล้วไอ้ควาย อายุเท่ามึงเลย!!

     

                       “แฮะๆ ^^ 

     

                       เร็นยังคงเหลือบสายตาไปมองมินฮยอนอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่มองไปมินฮยอนก็ต้องยกหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาปิด แหม !! มึงจะตามมาก็ทำให้มันเนียนๆ หน่อยได้ไหม กูรู้แล้วเนี่ย

     

                       “เดี๋ยวกูมานะ” เร็นลุกเดินไปหยุดยืนที่โต๊ะตรงมินฮยอนนั่ง เขาลากเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามกับมินฮยอนออกมา แล้วนั่งเท้าคางจ้องปกหนังสือที่มินฮยอนใช้ปิดหน้า จนคนถูกจ้องหมดความอดทนและวางหนังสือไว้บนโต๊ะ

     

                       “อ้าวมึง มาได้ไง” มินฮยอนตีหน้าซื่อ แกล้งทำเป็นตกใจ เร็นอยากจะขำให้หนังสือร่วงตกใส่หัวตาย

     

                       “กูมาช่วยเพื่อนทำรายงาน มึงนั่นแหละ ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ”

     

                       “ก็.. กู.. เอ่อ กู... กูมาอ่านหนังสือ นี่ไง” มินฮยอนหยิบหนังสือที่ใช้ปิดหน้าตัวเองเมื่อกี้ให้เร็นดู มันเป็นแท็กบุ๊ควิชาฟิสิกส์เล่มหนาที่คนอย่างมินฮยอนไม่เคยคิดจะแตะมันด้วยซ้ำ

     

                       “อ๋อเหรอ กูเพิ่งรู้ว่ามึงรักเรียนนะเนี่ย”

     

                       “แหม ก็ต้องมีกันบ้างล่ะวะ กูอ่านอยู่ในห้อง มึงจะไปรู้อะไร”

     

                       “เออ กูจะไปรู้อะไร ในห้องมึงกูก็เห็นแต่หนังสือโป๊”    

     

                        “กูเปลี่ยนแล้วน่า มึงกลับไปทำรายงานกับเพื่อนมึงเถอะไป”

     

                       “ตอนเย็นกูกับยูซังจะไปงานศิลปะที่สถาปัตย์ฯ มึงอยากไปกับพวกกูไหม”

     

                       “ไม่ล่ะ เชิญมึงสองคนเที่ยวให้สนุก”

     

                       “เออ ตามใจ” เร็นเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม มินฮยอนก็เบ้ปากหน่อยๆ และลองตั้งใจอ่านแท็กบุ๊คในมือ โอยยย ถึงจะอ่านแล้วเข้าใจ แต่แม่งน่าเบื่อขนาดนี้เลยเหรอวะ กูทนเรียนมาได้ไงเนี่ย

     

                       “เพื่อนเหรอ”  ยูซังถามเร็น

     

                       “อืม รูมเมทน่ะ”

     

                       “อ๋ออ ดูเขาขยันเนอะ วันหยุดแบบนี้ยังออกมาอ่านหนังสือ”

     

                       “แม่งสร้างภาพ”

     

                        “ฮ่าๆ มึงกับเขาสนิทกันดีนะ”

     

                       “เลิกพูดถึงมันเถอะ มาๆ ทำรายงานต่อ จะได้เสร็จ”

     

                       ทั้งคู่ช่วยกันทำรายงานต่อไป จนฟ้าเริ่มมืดลง คนอื่นๆ ที่เคยอยู่ในหอสมุดก็ทยอยกลับบ้านกันเกือบจะหมดแล้ว แต่มินฮยอนก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน จะปล่อยให้คลาดสายตาได้ไงล่ะ

                       เร็นใช้ช่วงเวลาที่ยูซังทำรายงานส่วนของตัวเองแอบงีบหลับไป ผมหน้าม้าที่เร็นติดกิ๊บไว้อย่างลวก ตอนนี้มันหลุดลงมาปิดหน้าสวยๆ นั่น ยูซังวางปากกาในมือลง และหันไปสนใจเพื่อนรักสมัยมัธยม ...มึงนี่น่ารักไปเปลี่ยนเลยจริงๆ สองมือหนายกเกลี่ยผมที่ลงมาปิดใบหน้าหวานนั้นไปทัดหู มินฮยอนที่จ้องอยู่ก็ตาลูกวาวขึ้นมาทันที มันจะทำอะไรเร็นวะ ?

     

                       “ตื่นสิมินกิ... มึงจะนอนอ่อยเพื่อนมึงอีกนานป่ะ” มินฮยอนพูดกับตัวเอง

     

                       ยูซังยิ้มให้กับความน่ารักของเพื่อนตัวเองทีนึง ก่อนจะปลุกให้เร็นตื่น เพราะนี่มันก็มืดแล้ว ถึงไม่เสร็จยังไงก็ต้องพอก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้

     

                       “มินกิ.. มินกิ ตื่นเถอะ”

     

                       “อืออ เสร็จแล้วเหรอ” เร็นลืมตาขึ้นมาถามเพื่อนซี้ แต่หัวทุยๆ ทองๆ นั่นก็ยังวางพาดไว้บนโต๊ะ ยกไม่ขึ้น มันง่วงมากเลย TT

     

                       “ยังหรอก วันหลังค่อยมาทำใหม่”

     

                       “เหรอ โอเค” เร็นยกหัวขึ้นจากโต๊ะ ช่วยยูซังเก็บข้าวของ และก็หนังสือทั้งหมด แต่พอเร็นจะเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นก็ยังเห็นมินฮยอนนั่งอ่านแท็กบุ๊คเล่มเดิมอยู่... นี่มึงอ่านจริง หรือมึง.. รอกูเหรอ? ไม่มั้ง อย่าเข้าข้างตัวเอง

     

                       “มึง ยังไม่กลับหออีกเหรอ” เร็นถาม

     

                       “ยัง”

                       “มึงตั้งใจอ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆ เหรอ ?”

     

                       “อืม”

     

                       เป็นเชี่ยอะไรอีกวะ ถามคำตอบคำ ไม่ใช่นิสัยมันอ่ะ

     

                       “มินฮยอน”

     

                       “อะไร”

     

                       “มึงเป็นอะไร”

     

                       “เปล่า..”

     

                       “โกรธอะไรกูป่ะเนี่ย”

     

              “เปล่า มึงไปให้พ้นๆ หน้ากูไป”

     

                       ไม่ได้โกรธ แต่มึงมาเหวี่ยงใส่กูงี้เนี่ยนะ กูผิดอะไรวะ

     

                       “มินกิ ไปเถอะ” พอยูซังเก็บของจนเสร็จหมดเรียบร้อยก็หันมาเรียกเร็น เขาหันไปยิ้มให้มินฮยอนเล็กน้อย จะได้ไม่เสียมารยาท แต่ไอ้คนที่เสียมารยาทคือมินฮยอนต่างหาก กลับทำหน้ายักษ์ใส่ยูซังซะงั้น

                       “ลงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”

     

                       ยูซังลงจากอาคารไปก่อนตามที่เร็นบอก ส่วนเร็น เอาหนังสือไปเก็บที่ชั้น และเดินกลับมาหามินฮยอนอีกครั้ง

     

                       “ไม่ได้โกรธอะไรกูแน่นะ”

     

                       “อืม”

     

                       ไอ้เชี่ย แบบนี้อะ แถวบ้านกูเรียกโกรธ ถ้ามึงเป็นแฟนกูนี่กูคิดว่ามึงงอนที่กูไปเป็นชู้กับยูซังนะเนี่ย.. เฮ้ย! กูคิดอะไร

     

                       “งั้นกูไปนะ”

     

                       “อืม”

     

                       “กูไปจริงๆ นะ”

     

                       “-____-“

     

                       “เออ กูไปก็ได้”  เร็นสะบัดตูดงอนเดินตามยูซังลงไป ก่อนจะเดินออกจากบริเวณหอสมุดสาธารณะ เพื่อไปยังคณะสถาปัตย์ฯ ที่มีงานตลาดนัดศิลปะ ทั้งวงดนตรี ทั้งของกินของเล่น สนุกครึกครื้น แต่คนที่ไม่สนุกคือเร็นต่างหาก  ป่านนี้มินฮยอนมันจะกลับบ้านหรือยัง

     

                       “มินกิ กินนี่ดิ อร่อยดีว่ะ” ยูซังยื่นก้านที่มีสายไหมพันอยู่รอบๆ มาให้เร็น เขารับมาทำท่าเหนื่อยๆ ก่อนจะใช้ปากงับไปแบบเซ็งๆ จนคนเดินข้างสังเกตเห็น

     

                       “เป็นอะไร ไม่สนุกเหรอ?”

     

                       “เปล่าๆ สนุกดี”

     

                       “ดูมึงทำหน้าเข้าสิ”

     

                      มึงจะหายโกรธกูยังเนี่ย

     

                       “กินอะไรไหม”

     

                       แล้วมึงโกรธกูเรื่องอะไร ??   

     

                       “มินกิ!

                      

                       “ยูซัง ขอตัวก่อนนะ เอาไว้วันหลังเราค่อยเจอกันใหม่นะ”

     

                       เร็นเดินแยกตัวออกมาจากยูซังแล้วเดินย้อนกลับไปยังหอสมุด จากเดิน เปลี่ยนเป้นเดินเร็ว จากเดินเร็ว เปลี่ยนเป็นวิ่ง... จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าหอสมุด เร็นตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปหามินฮยอน หวังว่าคงไม่เหนื่อยฟรีนะ

     

                       และก็เป็นอย่างที่คิด มินฮยอนยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ตายังจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือพวกนั้น แต่สองมือที่กุมขมับแล้ว เร็นค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปใกล้มินฮยอน และหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง ร่างสูงเงยหน้าขึ้นจากหนังสือและจ้องใบหน้าหวานนั่น

     

                       “ยังไม่ไปอีก”

     

                       “ไปแล้ว กลับมาแล้ว”

     

                       “อะไรของมึง”

     

                       “เอาล่ะ มินฮยอน มึงบอกกูมา ว่ามึงโกรธกูเรื่องอะไร”

     

                       “...”

     

                       “มึงไม่บอกแล้วก็จะไปรู้กับมึงไหม มันทำบึ้งตึงใส่กูเนี่ย”

     

                       “...”

     

                       “ฮวังมินฮยอน!!  เร็นเผลอตวาดออกจนอย่างลืมตัว จนถูกบรรณารักษ์ประจำหอสมุดตักเตือน แต่ถึงอย่างนั้นมินฮยอนก็ยั่งนั่งนิ่งเหมือนเดิม เขาเลยดึงมือมินฮยอนทั้งฉุดกระชากลากถูให้ออกมานอกอาคาร จะได้ด่าได้ถนัดหน่อย

     

                       “บอกกูมาเถอะ ขอร้อง มึงอย่าเป็นแบบนี้ได้ป่ะ”

     

                       “เร็น”

     

                       เออ.. เรียกกูเร็นด้วย สรรพนามเปลี่ยนไป กูเริ่มกลัวมึงแล้วนะ

     

                       “อะไร”

     

                       “มึงอย่าทำแบบนั้นอีก”

     

                       “ทำ? กูทำอะไร?”

     

                       “ก็นอนอ่อยเพื่อนมึงคนนั้นไง”

     

                       “ฮะ? กูไปนอนอ่อยมันตอนไหน?”

     

                       “เมื่อกี้ มันมองมึงจนแทบจะแดกมึงเข้าทั้งตัวแล้ว”

     

                       “มึง...”

                       “...”

     

                       ฮ่าๆ กูขำมึงว่ะ เชี่ย ทำเหมือนว่าหึงกูงั้นอะ แกล้งมันหน่อยดีกว่า

     

                       “กำลังหึงกูเหรอ?”

                       

                       “เออ กูหึงมึง”

     

                       เห็นมะ มันหึง ฮะ? เฮ้ย มันหึง แล้วมันจะหึงทำไม อย่าบอกนะว่าที่มึงบอกว่ามึงชอบกูนั่นมึงพูดจริง? เหยดโด้ละครับ TT

     

                       “มึงยังไม่สร่างเมา?”

     

                       “กูหึงมึง กูหวงมึง จบป่ะ?”

     

                       “....”

                       เล่นแล้วแม่งเข้าตัว กูไม่น่าเล่นเลยจริงๆ

     

                       “กลับหอกันเถอะ”  

     

                       “มึงฟังกู... ต่อจากนี้ไป มึงห้ามเข้าใกล้คนอื่นๆ อีก กูไม่ชอบให้ใครใกล้มึง แล้วก็ไม่ชอบให้มึงอยู่ใกล้ใคร นอกจากกูคนเดียว”

     

                       อีกนิดกูจะเขินล่ะ นี่มึงบอกรักกูอยู่นะ  -//-

     

                       “กูคงทำให้ไม่ได้”

     

                       “มึงต้องทำให้ได้ เข้าใจป่ะ”

     

                       “...”

     

                       จะให้วันนึงๆ กูอยู่กับมึงแค่สองคนนี่นะ เฮ้ย กูเป็นมนุษย์ที่มีสังคมนะเว้ย ไอ้ห่า ทำไมไม่เรียกวิญาณกูเข้าไปสิงอยู่ร่างเดียวกับมึงซะเลยล่ะ

     

                       “เข้าใจไหม มินกิ!

     

                       “เออๆ”

     

                       “ดี! ไป กลับหอกันได้แล้ว” มินฮยอนลุกขึ้นยืน เขาเอื้อมมือไปดึงมือของอีกคนให้เดินตามมาด้วย เร็นก้มลงมองมือของมินฮยอนที่จับมือเขาไว้อยู่

     

                       ตึกตัก... ตึกตัก...

     

                        โอ๊ยยย นี่กูไม่ได้ชอบมึงนะ แต่ทำไมใจกูต้องเต้นวะ หรือว่ากูเป็นโรคหัวใจ อ่า ไม่นะ ไปตรวจร่างกายเมื่อปีก่อนหมอยังบอกว่าหัวใจของกูแข็งแรงดี แต่มึง... เพราะมึง ทำให้หัวใจกูผิดปกติ มินฮยอน!!!  

                       ระหว่างทางเดินกลับไปยังหอพัก ไร้ซึ่งเสียงการสนทนา เงียบกริบยิ่งกว่าป่าช้า ไอ้ตัวสูงก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ส่วนไอ้คนตัวเตี้ยก็เอาแต่ทึ้งหัวตัวเอง แล้วก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไร้สาระ แต่มือทั้งคู่นี่ยังจับกันอยู่แน่น ประหนึ่งว่าโดนกาวตาช้างทาเอาไว้งั้นแหละ

     

                       “มึง... กูหิวอะ TT

                      

                       “แทะรองเท้ากูไปก่อนมะ?”

     

                       กวนตีนกูขนาดนี้... คงหายโกรธแล้วล่ะมั้งน่ะ

     

                       “เก็บไว้ให้ลูกมึงแทะเถอะ”

     

                       “ลูกกู... ก็คนเดียวกับลูกมึงนั่นแหละ”

     

                       ไอ้เชี่ย !! -///-

     

                       “งั้นลูกคงตรอมใจตายอะ มีคนอย่างมึงเป็นพ่อ”

     

                       “ทำไม คนอย่างกูมันทำไม คนอย่างกูนี่แหละจะเป็นสามีของมึง”

     

                       มินฮยอนหยุดเดินแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เร็นมากกว่าเดิม เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะอ้าปากเถียงนั่นมันดูยั่วยวนเชิญชวนให้เขาเข้าไปหาซะจริง ผู้ชายบ้าอะไรวะ ปากแดงน่าจูบ

     

                       “กูหิวข้าว”

     

                       “ฮะ?... เออ ไปสิ”

     

                       เมื่อกี้เขาจะทำอะไรน่ะ... เกือบจะจูบไอ้คนตัวเล็กนี่ไปแล้ว ดีนะที่เสียงของเร็นเรียกสติเขากลับมาได้ทัน อยู่ใกล้ไอ้นี่แม่งน่ากลัวชะมัด

     

                       ทั้งสองคนเลือกร้านอาหารร้านประจำที่พวกแบคโฮมากินเมื่อเช้า จนสนิทกับเจ้าของร้านไปแล้ว ไม่ต้องอ้าปากสั่งป้าเจ้าของร้านกูรู้ว่าเด็กพวกนี้จะสั่งอะไรกิน

     

                       “มากันสองคนเหรอจ๊ะ” ป้ายกอาหารมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง เธอลากเก้าอี้นั่งลงข้างๆ เร็น ร้อยยิ้มสดใสของป้านี่แหละ ที่ดึงดูดลูกค้า

     

                       “ครับผม พอดีเราเพิ่งไปหอสมุดสาธารณะมา” เร็นตอบ

                      

                       “อ่ออ เออนี่! เมื่อกลางวันไอ้เจ้าแบคโฮกับจงฮยอนก็มาทานที่ร้านป้า มากับอีกคนนึง ใครก็ไม่รู้ป้าไม่เคยเห็นหน้าเลย แต่จงฮยอนยังไม่ทันจะได้กินก็รีบวิ่งออกไป ให้แบคโฮอยู่กับผู้ชายอีกคนนึง ป้ามัวแต่ยุ่งๆ กับหลังร้านเลยไม่ได้เข้าไปทักทาย พวกเธอรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ดูน่าตาน่ารักดีนะ”

     

                       “สงสัยจะเป็นรุ่นพี่ของเขาน่ะครับ ชื่อพี่อารอน เขาเพิ่งกลับจากอเมริกา”

     

                       “ใครวะ ทำไมมึงรู้จัก?” มินฮยอนกระซิบถามเร็น

     

                       “ก็คนที่เจอาร์มันไปรับที่สนามบินเมื่อวันก่อนไง น่ารักงี้” เร็นชูนิ้วโป้งขึ้นมาประกอบ บอกให้รู้ว่ารุ่นพี่คนนี้น่ารักจริงๆ

     

                       “น่ารักสู้มึงไม่ได้หรอก เนอะครับป้า” มินฮยอนหันไปพยักเพยิดกับป้า ป้าแกก็รับมุกซะจนเร็นแอบเขินไม่ได้

     

                       “ใช่~ เร็นน่ารักแบบเด็กๆ ส่วนอารอนเขาดูโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เอาน่า มินฮยอนดูแลเร็นดีๆ ล่ะ อย่าให้ใครคาบไปได้นา”

     

                       “โอเคครับป้า ฮ่าๆๆ ป้านี่น่ารักจริงๆ” 

     

                       “ฮ่าๆ ก็พอตัวจ้ะ อ้าว นั่นไงแบคโอกับรุ่นพี่คนนั้น” ป้าชี้ผ่านกระจกใสไปที่คนสองคนที่เดินจับมือกัน กำลังข้ามถนนมาที่ฝั่งนี้ ถึงขนาดเดินจับมือ คงไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะมั้ง ว่าความสัมพันธ์มันเป็นไง ครุคริงุงิซิเบเบ้ ><

     

                       หลังจากที่ทั้งคู่ข้ามถนนมาเขาก็เข้ามาในร้านอาหารของป้า แต่เร็นดันปากไวเผลอไปเรียกแบคโฮให้มานั่งด้วยกัน อดเลย... ป้า กับมินฮยอนจะแอบดูซะหน่อย

     

                       เร็นย้ายก้นนิ่มๆ ของตัวเองไปนั่งฝั่งเดียวกับมินฮยอน ส่วนแบคโฮกับอารอนก็ให้นั่งด้วยกัน โดยที่อารอนนั่งตรงข้ามกับมินฮยอน แบคโฮนั่งตรงข้ามกับเร็น 

     

                       “พี่อารอนครับ นี่มินฮยอน เพื่อนผมเอง”

     

                       “สวัสดีครับ ผมมินฮยอนครับ หล่อมากครับ หล่อกว่าแบคโฮอีกครับ”

     

                       “พอเถอะมึง กูเริ่มรำคาญความหล่อของมึงละ” เร็นปรามไว้ได้ทัน อารอนหันไปยิ้มน้อยๆ ให้มินฮยอน ก่อนที่ป้าจะยกอาหารมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ด้วยตนเองอีกครั้ง

     

                       “อ่ะนี่จ้ะ~ ทานเยอะๆ นะเด็กๆ จะได้โตไวๆ”

     

                       “พี่อารอนครับ อยู่กับแบคโฮระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ ไอ้นี่มันมือไวใจไว”

     

                       “มินฮยอน~ มึงนี่พูดมากจังนะ”  แบคโฮหันไปทำตาขวางใส่มินฮยอน

     

                       “ก็จริงของมินฮยอนนะ ฮ่าๆๆ”

     

                       “ผมยังไม่เคยทำอะไรพี่เลยนะครับ”

     

                       “ใช่ป่าวววว เมื่อกี้กูเห็นน้า ว่ามึงเดินจับมือพี่อารอนข้ามถนน” เร็นช่วยเสริม

     

                       “เวลามึงข้ามถนนมึงก็เกาะแขนกูซะแน่นเหมือนกันนะ”

                      
                       
    “ก็กูกลัวรถนี่หว่า ไอ้ห่า แค่นี้ต้องดุกูด้วย
    TT 

     

                       ท่ามกลางฟ้ามืด เสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหารก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่นานนักเจอาร์ที่หายหัวไปทั้งวันก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ทั้ง 5 คนได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักที มื้อนี้เจอาร์เลยอาสาเป็นเจ้ามื้อเลี้ยงไถ่โทษที่เขาหายไป ลาภปากเร็นนักล่ะ กูกินให้มึงจนเลยเจอาร์ -..-

     

                       “เร็น มึงจะแดกให้ท้องแตกตายคาร้านเลยหรือไง มินฮยอน เมียมึงนี่ไม่ไหวนะ” เจอาร์หันมาด่าเร็น

     

                       “กูไม่ได้เป็นเมียมัน ไอ้เชี่ย พูดงี้เดี๋ยวกูเอาส้อมถิ่มไข่แตก” เร็นเงื้อส้อมขึ้นมาทำท่าจะถิ่มเจอาร์จริงๆ งั้นแหละ

     

                       “มึงปล่อยมันให้มันกินไปเถอะ ช่วงนี้กำลังท้องกำลังไส้” มินฮยอนหันไปพูดกับเจอาร์ พลางตักเบคอนพันเห็ดเข็มทองอีกชิ้นนึงที่อยู่ในจานตัวเองให้เร็นกิน

     

                       “ใครเป็นพ่อเด็กวะ”

     

                       “กูเอง ฮ่าๆๆ”

     

                       “ท้องกับป้ามึงสิ โอยยย กูคิดผิดคิดถูกวะที่มาสนิทชิดเชื้อกับพวกมึงเนี่ย พี่อารอนครับ อย่าไปสนิทกับไอ้พวกนี้มากนะครับ”

     

                       “เฮ้ แต่ผมไม่เคยกวนตีนเหมือนไอ้พวกนี้นะ”

     

                       “เหรอออ แบคโฮ มึงน่ะตัวดีเลย ชอบแกล้งเมียกู”

     

                       เออ คำก็เมีย สองคำก็เมีย คืนนี้กูควรถอดเสื้อผ้าแล้วนอนอ่อยแม่งอยู่บนเตียงพลีกายให้ไอ้เชี่ยนี่เลยดีไหม จะได้เป็นเมียมันสมใจอยากสักที -___-


     

    ..............................................

    Talking*

    วันนี้ไรเตอร์หยุดเรียน อาจารย์ยกคลาส เย้~ ดีใจเบาๆ ว่างทั้งวันเล้ยย

    ทำความเข้าใจก่อนนะคะ
    หนุ่มๆ ทั้ง 4 คนของเราเรียนคณะเดียวกัน
    เจอาร์กับแบคโฮนั่นเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่มัธยม
    ส่วนมินฮยอนกับเร็นเป็นคนปูซานเหมือนกัน เลยทำให้สนิทกันเร็ว
    ส่วนพี่ใหญ่อารอนของเราเกิดที่อเมริกา และกลับมาเรียนที่เกาหลีตอนม.ต้น - ม.4 ปลายๆ
    จากนั้น เขาก็ย้ายกลับไปเรียนต่อที่บ้านเกิด และก็หนีพ่อกลับมาเกาหลีจ้าา
    ไม่งงเนอะ

    ขอบคุณรีดเดอร์ที่เข้ามาอ่านทุกคนนะคะ
    ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ด้วยยย
    ไรเตอร์จะตั้งใจเขียนให้สนุกสุดๆ เลยค่ะ =)
    ปย๊ง~ ♥



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×