ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( n u ' e s t ) My Friend | คนนี้กูขอ | MINREN [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #16 : :: CH.15 ความจำเสื่อมหรือไม่รู้จักกัน? :: 100%

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 55






    15



     

     

        100

     

                    [Minhyun’s Talk]

     

                      

                       ไอ้  เชี่ย  เอ้ย !!

     

                       ผมถีบบานประตูห้องตัวเองจนมันแถบจะหลุดคาตีนผมนี่แหละ สาเหตุที่ทำให้ผมโมโหมันไม่ใช่อะไรหรอกครับ ..

     

                       ผมแพ้!!

     

                       จะให้ผมย้อนเหตุการณ์ให้ดูเอาไหม? แต่อย่าดีกว่าครับ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเจ็บใจ อุตส่าตีเสมอกันมาจนถึง 99 คะแนนแล้ว ลูกสุดท้ายผมกำลังจะเอาชนะยูซังมันได้แล้ว แต่อยู่ๆ ในหัวผมมันก็วูบไป เงยหน้าขึ้นมามองอีกทีลูกบาสก็ถูกส่งเข้าห่วงไปแล้ว ..ลูกผู้ชายล่ะครับ แพ้คือแพ้ เช้านี้ไอ้หน้าแหยนั่นมารับเมียผมถึงห้องเลย! มันยิ้มเยาะเย้ยผมก่อนจะพามินกิออกไป แล้วผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากระบายอารมณ์กับบานประตูห้องตัวเองนี่แหละ

     

              ผมยัดยาแก้ปวดหัวเข้าไปสองเม็ดรวด ปวดจนกบาลจะแตกแล้วครับ หวังว่าผมจะมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนเย็นนะ โคตรปวดหัวเลยครับ ..

     

                       “โอยยย ปวดเชี่ยอะไรขนาดนี้วะ”

     

                       ผมกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง แต่ความปวดมันแล่นผ่านทุกส่วนของกบาลผมเลย ผมเลยต้องเดินถอยกลับไปนั่งพักบนโซฟาในห้อง พร้อมกับยกมือขึ้นนวดที่ขมับเพื่อคลายความปวด แต่ยิ่งนวดยิ่งปวด ผมว่าผมควรจะนอนพักอยู่ที่หอสักวัน ขาดเรียนไปแค่วันเดียวคงไม่เป็นอะไรมั้ง

     

     

     

     

     

                      

     

     

     

     

     

     

     

     

                       ทั้งวันที่ผมนอนซมอยู่บนเตียง เปิดตู้เย็นไปกะจะหาอะไรกินก่อนจะกินยา.. ความว่างเปล่ามาเยือนตู้เย็นเรา มีแค่น้ำเปล่า กับนมช็อคโกแลตสองกล่องของมินกิ สงสัยต้องเอานมมารองท้องก่อน จะให้เดินลงไปซื้อผมคงจะไปไม่ถึงร้านข้าว

     

                       หลังจากดูดนมในกล่องหมดผมก็กินยาเข้าไปและกลับไปนอนที่เตียงตัวเอง นี่ก็บ่ายกว่าแล้ว ป่านนี้มินกิมันจะกินข้าวหรือยัง แต่ก็คงจะกินแล้วล่ะมั้ง ไอ้เวรนั่นคงจะเลี้ยงดูอย่างดี เฮอะ! ผมเกลียดขี้หน้ามันชะมัด เอาเหอะครับ ตอนนี้ผมปวดหัว ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องบ้าๆ นั่น รอตอนที่มินกิกลับมาก็แล้วกัน คงมีแค่ช่วงเวลาตอนนั้นที่ผมจะได้อยู่กับมินกิเหมือนเดิม โดยที่เมียผมไม่ต้องตกเป็นของใครหน้าไหนทั้งสิ้น !!!!

     

     

                      

     

     

     

     

     

     

    +++++++++++++++++++++

     

     

     

     

     

     

     

                       บ่ายนี้แบคโฮกับเจอาร์เรียนคนละเซคกัน เพราะเป็นวิชาเลือกที่เจอาร์ไปลงเรียนกฎหมายกับเร็น ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้ความจำโคตรๆ แบคโฮไม่ค่อยถนัดเลยไปลงเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์กับมินฮยอนแทน แต่วันนี้ไอ้ห่านั่นดันไม่สบายอีก เขาเลยต้องมานั่งเรียนคนเดียวแบบเปลี่ยวๆ

     

                       เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นขณะที่แบคโฮกำลังจะเดินลงจากตึกเรียน และกลับไปหอพัก ว่าจะไปดูไอ้เพื่อนตัวสูงสักหนน่อยว่ามันตายคาห้องไปหรือยัง แต่ปลายสายที่โทรมาทำให้เขาไม่คิดจะเลี่ยง และเลี่ยงไม่ได้

     

                       “สวัสดีครับพี่ยุนโฮ”

     

                       “เออดี แบคโฮ ทำไมพี่โทรหามินฮยอนไม่ติดวะ แกอยู่กับมันหรือเปล่า พอดีมีเรื่องจะให้มันช่วยหน่อย”

     

                       “เปล่าครับ มินฮยอนวันนี้ไม่ได้มาเรียน เห็นมันบ่นว่าไม่สบาย ผมกำลังจะกลับไปดูมันอยู่นี่แหละ พี่ยุนโฮมีอะไรหรือเปล่า”

     

                       “แวะมาที่ห้องชุมนุมแป๊บนึงสิ พอดีมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนมาจากอเมริกา พี่กับแจจุงต้องไปคุยกับอาจารย์เรื่องค่ายอาสา...”

     

                       ...อเมริกา

     

                       คำๆ นี้ทำให้หัวใจแบคโฮกระตุกวูบไป ไม่รู้ว่าป่านนี้คนๆ นั้นจะเป็นยังไงบ้าง ลืมเขาหรือยัง... พี่อารอน 

     

                       “...เฮ้! แบคโฮ ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”

     

                       “ครับๆ ฟังอยู่ ห้องชุมนุมใช่ไหมครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” 

     

                       แบคโฮวางสายก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่ห้องชุมนุมในคณะ เขาเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง กวาดสายตาไปมองรอบๆ ก่อนจะพบแต่เพียงความว่างเปล่า มีเพียงแค่แฟ้มใสที่ใส่เอกสารต่างๆ นานาที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น บ่งบอกให้รู้นี่คงเป็นเอกสารของนักศึกษาแลกเปลี่ยน แบคโฮมองซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบแฟ้มใสนั้นขึ้นมาเปิดดู เปิดมาหน้าแรกก็เป็นใบคะแนน เกรด A กับ B ที่ปรากฏบนกระดาษแผ่นนั้นบอกถึงความฉลาดของเจ้าของได้เป็นอย่างดี เกรดรวมอยู่ที่ 3.57  แบบนี้ถ้าเรียนอยุ่ที่โซลคงคว้าเกียรตินิยมได้สบายๆ

     

                       แบคโฮเลื่อนสายตาขึ้นไปมองชื่อของเจ้าของคะแนนสวยๆ นั่น

     

    University of XXX, the United Stage

     

    Faculty of Fisheries

     

    Name Mr. Aron Kwak

    Date of Birth May 21,…

     

     

                        เดี๋ยวนะ... อารอน ควั๊ก งั้นเหรอ? มังคงไม่ใช่..

     

                       “ทำอะไรน่ะ” ก่อนที่แบคโฮ

    จะได้คิดอะไรๆ ไปมากกว่านี้เสียงของเจ้าของแฟ้มก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง เขาเลยรีบเก็บแฟ้มแล้ววางเอาไว้ที่เดิมก่อนจะหันหน้ากลับมาเผชิญกับคนที่มาใหม่ แบคโอหันมาก้มหัวขอโทษ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา...

     

                       ถึงแม้ว่าดวงตาจะฉายแววแข็งกร้าว แต่ใบหน้าและรูปร่างร่าง ทุกๆ อย่าง..เหมือนเดิม เหมือนกับอารอนคนที่แบคโฮรู้จัก เขาเผลอยืนจ้องหน้าคนที่มาใหม่ จนแทบไม่กระพริบสายตา หัวใจเต้นแรง และดึงอีกคนเข้ามากอดเอาไว้ ความคิดถึงถูกส่งผ่านอ้อมกอด แบคโฮกอดคนตัวเล็กว่าเอาไว้แน่น แต่คนถูกกอดกลับพยายามดันเขาออก

     

                       “เฮ้ย! มากอดทำไมวะ ไอ้บ้าเอ้ย!

     

                       อารอนที่ไม่รู้ว่าจะใช่อารอนคนเดิมของแบคโฮหรือเปล่าดันเขาออกออกไปให้พ้นตัว ก่อนจะปัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ทรงผมทรงเดิมแต่ตอนนี้มันกลับยาวขึ้น จนทำให้คนตัวเล็กคนนี้ดูน่ารักไปอีกแบบ มองยังไงก็ใช่.. ต้องใช่แน่ๆ

     

                       “พี่อารอน!

     

                       “มึง.. ไม่สิ นายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”

     

                    ฮะ? 

     

                       ทันทีที่คำถามนั้นหลุดออกมาจากปากอารอน เอ๋อก็กินแบคโฮทันที อารอนจำเขาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ

     

                       “พี่...จำผมไม่ได้เหรอ”

     

                       “อย่าว่าแต่จำเลย ฉันไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ เอาล่ะ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ...”

     

                       อารอนเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มของตัวเองขึ้นมาชูตรงหน้าแบคโฮ ก่อนจะยักไหล่เบาๆ

     

                       “ตอนนี้พาฉันไปสำนักทะเบียนก่อนที่มันจะปิด”

     

                       คนตัวเล็กว่าก่อนจะเดินนำออกไปจากห้อง แบคโฮยังสงสัยอยู่จริงๆ ทำไมอารอนถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเหลืออยู่เลย... ความจำเสื่อม? อุบัติเหตุ? อะไรวะเฮ้ย!!!

     

                       “จะอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” อารอนเรียกสติแบคโฮกลับมาได้ เขาเลยต้องรีบวิ่งตามอารอนนำทางไปยังตึกอธิการบดีเพื่อติดต่อเรื่องการเทียบโอนหน่วยกิต และทำเรื่องการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน

     

                       การมาแลกเปลี่ยนของนักศึกษาที่ชื่อกวั๊กอารอนคนนี้จะมีระยะเวลาอยู่ที่โซลถึง 1 ปี โดยที่อารอนจะเรียนระดับชั้นปีที่ 2

     

                       หลังจากที่ทั้งคู่ทำธุระเสร็จเรียบร้อยแบคโฮเลยชวนอารอนไปกินข้าวที่ร้านป้าหน้าปากซอยหอพักที่เขาพาอารอนไปกินคราวก่อนนู้น บางทีอารอนอาจจะจำร้านป้าหรือป้าคนขายก็ได้

     

                       แบคโฮนั่งโต๊ะตัวประจำที่เคยนั่ง และป้าคนขายก็ออกมาต้อนรับเหมือนเช่นเคย

     

                       “แบคโฮ~ มาแล้วเหรอ พักนี้ป้าไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลยนะ คิดถึงจะแย่~

     

                       “เรียนเยอะ งานเยอะครับผม”

     

                       “จ้า ยังไงก็แวะมาบ่อยๆ นะ ..อ้าวนี่! แฟนของแบคโฮนี่ ใช่ไหม ที่พามากินตอนนั้นน่ะ” ป้าเจ้าของร้านชี้อารอน คนถูกชี้หน้าเหวอทันที เขาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก่อนจะพยายามปฏิเสธ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อคนถามไม่ได้ฟังคำแก้ตัวจากเขาเลย ส่วนแบคโฮก็ยิ้มรับตามป้าไป

     

                        “แฟนแบคโฮนี่ก็หายไปนานเลยนะ ป้าไม่ค่อยเจอเลย ว่าแต่ชื่อะไรนะ..อา.. อา.. อาอะไรนะ ป้าลืม 5555”

     

                       “อารอนครับ” เจ้าของชื่ออาสาตอบแทนไปเลย

     

                       “อ่าใช่ อารอน! สบายดีไหมจ๊ะ”

     

                       “กะ.. ก็สบายดีสิครับ”  คนถูกถามเกาหัวแกรกๆ

     

                       “จ้า ว่าแต่จะสั่งอะไรกันล่ะ เอาเหมือนเดิมไหม”

     

                       “ครับผม” แบคโฮยิ้มรับก่อนที่ป้าจะเดินกลับเข้าครัวไป เขาเขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้ และยื่นหน้าเข้าไปมองหน้าอารอนให้ชัดๆ คนถูกมองก็ถอยหลังหนี บ้าหรือเปล่าวะ มองแบบนี้ก็แดกกูเข้าไปเลยสิ

     

                       “พี่อารอน!

     

                       “อะ..อะไร เอาหน้าออกไปไกลๆ ได้ไหม เหม็นขี้หน้า”

     

                       “ผมถามจริงๆ นะ”

     

                       “....”

     

                       “พี่ความจำเสื่อมหรือเปล่า”

     

                       “ฮะ?”

     

                       “พี่จำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ คังแบคโฮไง รุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าน่ะ”

     

                       “เท่าที่จำได้ตอนเรียนไฮสคูลในโรงเรียนมีคนเกาหลีเรียนอยู่แค่ไม่กี่คน และฉันก็จำเขาได้ทุกคน แต่กับนาย... เราเพิ่งเจอกันครั้งแรก”

     

              ในเมื่อเจ้าตัวย้ำขนาดนี้แล้ว แต่แบคโฮก็ยังไม่เลิกสงสัย ทั้งชื่อ ทั้งหน้าเหมือนกันขนาดนี้ มันจะมีอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ เหรอ ถึงแม้ว่าคนเกาหลีจะมีชื่อที่ซ้ำๆ กันหลายคนก็เถอะ แล้วอีกอย่าง..มาจากอเมริกาเหมือกันอีก

     

                       “แล้ว.. พี่ไม่ได้หนีมาเกาหลีใช่ไหม?”   

             

                       “จะหนีมาทำไมล่ะวะ ไอ้บ้านี่ก็แปลกคนจริงๆ”








    ++++++++++ 40% ++++++++++++

     

     

     

     

                      

     

                       “โอ๊ย!

     

                       ทันทีที่เร็นเหวี่ยงกระเป๋าลงไปบนโซฟาเสียงร้องประหลาดก็ดังตามมา ไม่ใช่เสียงใครหรอก นอกจากมินฮยอนที่นอนซมอยู่บนโซฟาตัวนั้น เร็นค่อยๆ ดึงผ้าห่มที่ปิดหน้าเขาออก คิ้วสวยๆ ขมวดเข้าหากัน

     

                       “ทำไมวันนี้มึงกลับเร็ว?”

     

                       “กลับเร็วห่าอะไร กูไม่ได้ไปเรียน” เขาว่าพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง สองมือยกขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อให้หายมึนหัวหลังจากที่นอนพักมาทั้งวัน

     

                       “อ้าว ทำไมไม่ไป เป็นอะไร”

     

                       “ปวดหัว แล้วทำไมมึงกลับเร็วล่ะ กูก็นึกว่าจะไปเดทที่ไหนกันต่อซะอีก”

     

                       “ปากมึงนี่น่าตบเนอะ”

     

                       “แต่ปากมึงน่ะน่าจูบ”

     

                       อ้าวไอ้เวร พูดงี้กูก็เขินตายเลยดิ !

     

                       “..ปวดหัวกินข้าวกินยามั่งหรือยัง”

     

                       “อืม กินแล้ว กินแต่ยา ขี้เกียจเดินลงไปซื้อข้าว”

     

                       “งั้นมึงก็ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าน่ะหรอ เฮ้ย อยู่ได้ไงวะ รอแป๊บนึง แบคโฮคงยังไม่กลับ เดี๋ยวฝากมันซื้อข้าวเข้ามาให้”

     

                       เร็นว่าแค่นั้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรหาแบคโฮ แต่ลืมไปว่าในเครื่องนั้นมีแค่เบอร์ของมินฮยอน กับยูซัง ..ชิบหายแล้ว! มินฮยอนมันห้ามไม่ให้เบอร์นี้กับใครนี่หว่า แล้วถ้ามันรู้ล่ะ.. ตายแน่มึงมินกิ T_____T  

     

                       “มินกิ เป็นอะไร”

     

                       “ปละ..เปล่า ลืมไปว่าไม่มีเบอร์ไอ้แบค ขอยืมโทรศัพท์หน่อย” เร็นยัดโทรศัพท์ตัวเองลงกระเป๋า แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มินฮยอนที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาโทรหาแบคโฮ

     

                       “..เออ โอเค รีบมาเร็วๆ ล่ะ เดี๋ยวเพื่อนมึงมันจะตายซะก่อน”

     

                       “เออมึง..”

     

                       “อะ..อะไร!” เร็นสะดุ้งทันทีที่มินฮยอนเรียก สีหน้าหวาดรีบเปลี่ยนทันทีก่อนจะโดนสงสัย

             

                       “ตกใจอะไรของมึง กูแค่จะบอกเพิ่มไข่ดาวให้กูด้วย”

     

                       “เหรอ เออ เดี๋ยวกูส่งโทรจิตตามไป เปลืองตังค์ อะ โทรศัพท์มึง กูไปอาบน้ำล่ะ” เร็นโยนโทรศัพท์ ไม่สิ เรียกว่าปาใส่หน้ามินฮยอนเลยดีกว่า เพราะรีบกลัวพิรุทออก เลยต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ

     

                       พอเข้ามาห้องน้ำปุ๊บ เร็นก็จัดการล้างหน้าแปรงฟัน ถอดเสื้ออกโยนกองไว้กับพื้นห้องน้ำ แต่เหมือนจะลืมอะไรไปป่ะ...

     

                       ลืมอะไรวะอีเร็น..

     

                       เชี่ย นึกไม่ออก -___-

     

                        กูลืม...

     

                       ไอ้ว้นตีน โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋านี่หว่า ไอ้ห่า ลืมปิดเสียงด้วยถ้าเกิด...

     

                       “เหมือนจะมีคนโทรหามึงนะ ชเวมินกิ!!

     

                       บรรลัยแล้วมึง TT

     

                       พอนึกได้เร็นก็รีบพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำ มินฮยอนยืนถือโทรศัพท์ของเร็นเอาไว้ในมือ หน้าจอปรากฏชื่อที่เขาเกลียดมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

     

                       ยูซัง 

     

                       เร็น... มึงตาย นี่กูพูดเลย มึงตายแน่ๆ T_____T

     

                       “เอ่อ.. คือ หมากูชื่อยูซังน่ะ มึง.. มึงอย่าคิดมากนะ”  เร็นยิ้มแหยๆ ก่อนจะพยายามแย่งโทรศัพท์มา คือก็รู้ใช่ป่ะ ว่าความสูงที่แตกต่าง มันค่อนข้างยาก มินอยอนชูขึ้นเหนือหัว อีคนตัวเตี้ยกว่าก็กระโดดแทบตายยังเอาไม่ถึง

     

                       “กูเตือนแล้วใช่ไหม ว่าห้ามใช้เบอร์นี้โทรหาคนอื่นนอกจากกู” ร่างสูงค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้เร็นมากขึ้น จนเขาต้องถอยหนี โอย คือไม่ได้จะนางเอกนะ แต่ถ้าไม่ถอยไอ้ห่านี่ก็งับหัวกูขาดสิครับ ดูหน้ามันสิ ดูหน้ามันนนนน TT

     

                       “กูป่าว มึงอย่าเข้ามาสิ” เร็นพยายามดันมินฮยอนเอาไว้ตรงปากประตูห้องน้ำ อีกนิดเดียว ถ้ามินฮยอนเข้ามาก็เข้าห้องเลย โอเค คืนนี้เร็นอาจจะตกเป็นเมียของมินฮยอนในห้องน้ำก็เป็นได้

     

                       “ป่าวแล้วมันมาได้ไง”

     

                       “มินฮยอนอ่า อย่าเข้ามา” ในที่สุดเร็นก็ถอยหนีมินฮยอนจนหลังชิดกับผนังห้องน้ำ ไร้ซึ่งการต่อสู้ ไร้ซึ่งทางหนี อย่างน้อยให้กูอาบน้ำก่อนก็ยังดีป่ะ TT

     

                       “กูโกรธนะ”

     

                       “กูรู้ๆ กูขอโทษ กูจะลบเดี๋ยวนี้เลย”

     

                       “พอลับหลังกูเดี๋ยวมึงก็ไปเมมใหม่อีก”

     

                       “กูไม่เมมแล้ว”

     

                       “เฮอะ”

     

                       เฮอะพ่อมึงสิ TT

     

                       “....”

     

                       มินฮยอนเงียบ.. นี่เร็นต้องอ่อย ใช้มารยาอีกแล้วใช่มะ มันถึงจะหายโกรธน่ะ

     

                       “มินฮยอนน~

     

                       “...”

     

                       “กูขอโทษจริงๆ กูรู้.. อ่า ไม่สิ มะ.. มินกิรู้ว่ามินกิผิด แต่ก็ขอโทษอยู่นี่ไง” เร็นใช้มารยา เอ้ย! ความแบ๊วเข้าครอบงำมินฮยอน สองมือขาวๆ ยกขึ้นมาวางบนไหล่คนตัวสูง เสื้อก็ไม่ใส่ ผมยาวๆ สีทองนั่นก็มัดรวบขึ้นจนเห็นต้นคอขาวได้ชัดเจน ...มินฮยอนพยายามเก็กขรึมต่อ โดยที่ไม่มองหน้าเร็น เดี๋ยวแม่งอดใจไม่ไหวทำไงล่ะ แค่กลืนน้ำลายลงคอยังยากเลย

     

                       คนตัวเล็กพอเห็นว่ามินอยอนยังตีหน้านิ่งก็ใส่มารยาเข้าไปอีก เร็นเขย่งตัวขึ้นจนจมูกรั้นแทบจะชิดกับริมฝีปากอีกคน

     

                       “หายโกรธมินกิเถอะนะ”

     

                       โอย อีเร็นทุเรศตัวเอง -____-

     

                       “กูทนไม่ไหวแล้ว”

     

                       ได้ยินเสียอะไรขาดป่ะ.. ความอดทนของมินฮยอนไง ขาดสะบั้น เขาดันไหล่เร็นให้ชิดกับผนังก่อนจะจู่โจมริมฝีปากบางที่เอ่ยคำเย้ายวนยั่วยวนเขาเมื่อกี้ เขากดจูบลงไปตามแรงอารมณ์และค่อยๆ เปลี่ยนจากจูบที่รุนแรงให้ร้อนแรง ลิ้นหนาที่ฉกชิมความหวานอย่างไม่รู้จักพอ มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวคนตัวเล็ก เอวบางที่ไม่เคยถูกชายใดสัมผัสมาก่อน (?) มินฮยอนละริมฝีปากออกมากดจูบตรงซอกคอขาวเพื่อให้เร็นได้พักหายใจ ทันทีที่มินฮยอนละริมฝีปากออกเร็นก็รีบกอบโกยอากาศเข้าไป กลัวว่าตัวเองจะขาดหายใจตาย และพยายามดันทั้งหัวและมือของไอ้ตัวสูงออก

     

                       “มิน.. มินฮยอน อื้อ..”

     

                       ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุไปแล้ว ณ จุดนี้ มินฮยอนรวบมือทั้งสองข้างเอาไว้ และก้มลงมากดจูบที่ริมฝีปากบางอีกรอบ มือข้างหนึ่งลดลงมาลูบหน้าท้องราบแบน และค่อยๆ เลื่อนมือลงมาลูบส่วนนั้นของคนตัวเล็กผ่านเกงเกงยีนส์ตัวหนา

     

                       “ยะ.. อย่า มินฮยอน”

     

                       ร่างสูงไม่ได้สนใจคำห้ามของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาจัดการปลดกระดุมกางเกงยีนส์ และ...

     

                       ก๊อกๆ

     

                       โอเค มินฮยอนพยายามไม่สนใจเสียงเคาะประตูนั่น ถ้ามันไม่ได้เคาะอย่างบ้าระห่ำแบบตอนนี้ มินฮยอนจิ๊ปากเบาๆ ก่อนจะถอยออกมาให้เร็นเป็นอิสระ พอได้อิสระปุ๊บเร็นก็รีบจัดการเอาเสื้อที่ถอดโยนทิ้งไปเมื่อกี้ขึ้นใส่ แล้วเดินไปเปิดประตู พอมินฮยอนเห็นว่าเป็นแบคโอที่ยืนยิ้มหน้าระรื่นพร้อมกล้องข้าวนั่นแทบอยากจะเอากล่องข้าวยัดใส่ปากแม่ง มาไม่ได้ดูเวล่ำเวลา !

     

                       “กูเอาข้าวมาให้”

     

                       “เออ ขอบใจ”

     

                       “เชี่ย นี่กูอุตส่าเอามาให้นะ ทำไมมึงทำหน้างี้อะ รู้งี้กูไม่ซื้อมาให้มึงก็ดีอะ”

     

                       “เออ มึงรีบไสหัวไปได้แล้ว กูจะได้นอน”

     

                       มินฮยอนเดินไปดันหัวให้แบคโฮออกจากห้องแล้วรีบปิดประตูดังปัง พร้อมกับโยนกล่องข้าวที่เพื่อนรักซื้อมาให้เมื่อกี้ไปไว้บนโซฟาอย่างไม่ใยดี ทำไมต้องสนใจในเมื่อของที่อร่อยกว่ามันอยู่ตรงหน้าขนาดนี้          ร่างสูงเดินเข้าไปหาเร็นแล้วรวบตัวเอาไว้ในอ้อมแขน

     

                       “กูไม่เล่นแล้วววว พอเถอะนะ กูขอร้อง”

     

                       “ทีเมื่อกี้อ่อยกูอยู่เลย”

     

                       “ก็มึงโกรธกูทำไมล่ะ~ กินข้าวเถอะ จะได้กินยาแล้วก็นอน”

     

                       “กูนอนไม่หลับแล้ว อารมณ์กูขึ้น!

     

                       งานหยาบแล้วมึง ชเวเร็น -_____-












     

    ......................................................

    Talking*


    เค้ากลับมาแย้ววววว คิดถึงกันไหมจ้ะ จุ๊บๆ ♥
    มาแค่ 60% ก่อนเน้อ ช่วงนี้งานยุ่ง คนยุ่ง ยุ่งไปทุกอย่าง
    แล้วเดี๋ยวจะมาเพิ่มให้ครบ100% เร็วๆ นี้เลยค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้ ((:


    ---------------------------------

    โอ้โห ทุกคนคิดว่าไรท์เตอร์ตายไปแล้วใช่ป่ะ 5555
    ขอโทษทีนะคะพอดีติดงานนิดนึง
    ไม่ว่างมาอัพเลย เน็ตก็โดนตัดเบาๆ -___-
    แค่นี้ล่ะค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้า
    ขอบคุณค่าาาา ^^


    รัก รัก รัก .
    ปย๊ง~ ♥.






    ♥.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×