คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : :: CH. 14 ศึกชิงนาง เอ้ย! ชิงเร็น ::
.
.
14
[Ren’s Talk]
กูมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้!! ...เฝ้ามินฮยอน? ใช่! ผมมานั่งเฝ้ามันตั้งเลิกเรียนแล้วล่ะครับ เราเลิกเรียนกันเมื่อตอนเที่ยง เพราะตอนบ่ายอาจารย์แม่งอู้งาน ไม่มาสอน เราสองคนเลยต้องหอบร่างกายไปกินข้าวที่โรงอาหาร หลังจากกินข้าวเสร็จมินฮยอนมันก็พุ่งเข้าหาสนามบาสที่อยู่หลังคณะทันที ผมเลยแวะกลับไปที่หอไปเอาชีทให้เจอาร์มันไปถ่ายเอกสาร และก็แอบเผลอหลับไปแป๊บนึง... แป๊บเดียวครับ ตื่นมา 5 โมงเย็นเลย ผมก็เลยเดินกลับไปหาไอ้บ้านั่นที่สนามบาส และมันก็ยังคงถือลูกบาสวิ่งไปวิ่งมาในสนาม แล้วชู๊ตบ้าง...
สวบ!
ลูกบาสสีส้มหม่นที่มินฮยอนเพิ่งโยนไปเมื่อกี้เข้าห่วงไปได้อย่างง่ายดายเหมือนจับวาง ผมเห็นมันเล่นแล้วเหนื่อยแทน เหงื่องี้ชุ่มหลังไปหมด นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วล่ะครับ หลังจากที่เจอาร์มันท้าแข่งไป แม่งไม่ปรึกษาผมเลย
“เฮ้ย!”
มินฮยอนวิ่งไปเก็บลูกบาสมาถือไว้ในมือแล้วทำท่าจะชู๊ตอีกรอบ แต่ก็ปล่อยลูกบาสร่วงพื้นไป เปลี่ยนไปกุมขมับแทน ผมเลยต้องรีบวิ่งเข้าไปหามันสิครับ เดี๋ยวตายห่ากลางสนามบาสขึ้นมา.. ผมยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย
“พอเถอะ มึงจะซ้อมหนักให้ได้อะไรขึ้นมาวะ”
“ได้มึงไง”
ไปต่อไม่ถูกสิครับ พูดเชี่ยอะไรไม่เคยปรึกษาหัวใจกูเลย แม่งเอ้ย เต้นจนจะระเบิดตัวตายอยู่แล้วเนี่ย !!
“มินฮยอน!”
“มึงกลับหอไปก่อนไป เดี๋ยวกูตามไป” มินฮยอนมันผลักหัวผมออก ผมล่ะอยากจะเอาหัวที่มันผลักเขกให้แม่งแตกไปซะ ความคิดโง่ๆ มันได้ไหลออกมามั่ง -___-
“ไม่ล่ะ มึงไม่กลับกูก็ไม่กลับ”
“นี่มึงจะดื้อทำไมฮะ? กูบอกให้กลับก็กลับไปก่อนสิ”
“ก็กู.. เป็นห่วงมึง”
ผมพูดอะไรออกไปวะ? เฮ้ย บ้าหรือเปล่าอีมินกิ พูดคำกระแดะๆ แบบนั้นออกไปได้ยังไงงงงงงง เดี๋ยวไอ้เวรนี่มันก็เอาไปล้ออีกอะ ดูสิ ดูหน้ามันสิ! รอยยิ้มคล้ายล้อเลียนแบบที่มันชอบยิ้ม เฮ้อออ ผมก็ทำไรไม่ได้นอกจากตบปากตัวเองแล้วเดินหนี แต่รูมเมทนี่มันอุตส่าจะเดินตามมา มินฮยอนขวางทางผมไว้ แล้วก็มองยิ้มๆ ผมเลยแกล้งชักสีหน้าใส่มันไป
“ยิ้มเชี่ยอะไร”
“เป็นห่วงกูหรอ”
“ห่วง.. ห่วงอะไร หูมึงฝาดแล้ว ไสหัวไปกูจะกลับหอแล้ว ไม่กลับก็เรื่องของมึงเถอะ”
ยอมรับเลย ตอนนี้ผมโคตรเขิน ถ้าไม่มาเจอเองจะไม่รู้หรอกครับ ทั้งสายตา ทั้งรอยยิ้ม ถ้าผมต้องทนยืนจ้องหน้ากับมันแบบนี้หวังผมต้องชักตายแน่ๆ ผมเลยเดินเบี่ยงมันออกไปอีกทางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย ไอ้มินฮยอนก็เลยยอมโยนลูกบาสทิ้งแล้ววิ่งไปหยิบกระเป๋าเดินตามผมมา ต้องแบบนี้สินะ บอกดีๆ ไม่ฟัง ต้องยั่วให้อยากได้แล้วค่อยหนี มันถึงจะยอมตาม
“รอกูด้วยสิ~”
เอ้อ! ผมลืมบอกไปใช่มะ ว่าผมไปถอดเฝือกมาแล้วล่ะครับ หมอแม่งแซวข้อความที่ไอ้มินมันเขียนไว้บนเฝือกด้วย อายชิบหายเลย สาบานได้ว่าชาตินี้จะไม่กลับไปโรงพยาบาลนั้นอีก
ผมกับมินฮยอนเดินกลับมาด้วยกันจนถึงหอพัก ตอนที่กำลังจะเดินเข้าลิฟต์ผมก็หันไปเห็นไอ้ลุงยามคนที่มันเคยจะจับผมทำเมียกำลังเดินมาทางเราสองคน ผมเลยรีบแอบไปยืนหลังมินฮยอน เดี๋ยวเกิดไอ้ลุงนี่คิดจะจับผมปล้ำอีกล่ะ โอ้ว ไม่ไหวนะ -___-
“ทำไมลุงยังอยู่ที่นี่อีก!” มินฮยอนถาม
“ลุงขอโทษ คราวที่แล้วลุงผิดไปแล้ว ฮืออ ลุงอ้อนวอนขอเจ้าของหอพักเขาทำงานต่อ ลุงไม่อยากตกงาน เมียลุงกำลังท้องลูกคนที่ห้า ฮือออ ลุงต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว”
อย่าร้องลุง โตๆ กันแล้ว ทุเรศจริงๆ - -
“ครับๆ ลุงไม่ต้องร้องนะ ผมไม่โกรธลุงก็ได้ แต่ลุง วันหลังหน้ามืดช่วยอย่ามองว่าผมเป็นผู้หญิงได้ป่ะ แหกตาดูนะครับ ผมเป็นผู้ชาย” ผมส่งกระดาษทิชชู่ให้ลุงยาม แกก็เอาไปเช็ดน้ำตาแล้วก็สั่งขี้มูก..
“ก็เอ็งสวยขนาดนี้.. ลูกสาวลุงยังสวยไม่เท่าเอ็งเลย”
“555555555 พอเถอะครับ เดี๋ยวผมจะลอย! -_______-“
ผมไม่ชอบจริงๆ นะเวลามีคนมาชมว่าผมสวยงั้นสวยงี้ เข้าใจอารมณ์ผมป่ะว่า เออ! กูเกิดมาเป็นผู้ชายนะเว้ย กูต้องหล่อสิ มาสงมาสวยอะไร
“นี่ต๊อกโบกี เมียลุงมันทำมาฝากเอ็ง ไถ่โทษที่ลุงทำบาปลงไป” ลุงยื่นกล่องข้าวที่ใส่ต๊อกมาให้ ผมหันไปมองหน้ามินฮยอน มันก็ยักไหล่ใส่ผมก่อนจะเอื้อมมือไปรับกล่องข้าวนั่นมา พอดีกับที่ลิฟต์มาเราเลยชิ่งเข้าลิฟต์ซะก่อน เดี๋ยวลุงยามแกจะมานั่งร้องห่มร้องไห้อีก
++++++++++++++++++++++
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า ลุกขึ้นมาจากเตียง และทำกิจวัตรตามปกติที่เคยทำในทุกๆ เช้าก่อนจะออกไปเรียน แต่ยังไม่เห็นหัวมินฮยอนเลยครับ ปกติมินฮยอนมันจะตื่นก่อนผมนะ
ผมเปิดประตูห้องมินฮยอนเข้าไป คือแบบกลอนล็อคประตูก็ไม่มี ถ้าจำได้ เมื่อตอนนั้นผมถีบประตูห้องมันพังไป ยังไม่ได้ซ่อมเลยครับ พอเดินเข้าไปผมเห็นก้อนขี้นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม ผมเลยเลิกผ้าห่มขึ้น ไอ้เวรนั่นยังหลับเป็นตายอยู่เลยครับ หรือว่ามันจะตายจริงๆ? เฮ้ย ไม่เอานะ ผมกลัวผี TT
“มินฮยอน”
“....”
เงียบ - -
“เฮ้ย มึง ตื่นไปเรียนได้แล้ว”
ผมเขย่าตัวมันเบาๆ แต่ผลที่ได้คือ นิ่งสนิท ผมเลยลองดึงปากห้อยๆ ของมันแทน แต่...
“เฮ้ยย!”
“ฮ่ะฮ่า~ เสร็จกูล่ะมินกิ”
ต้องให้ผมบอกป่ะว่าเกิดอะไรขึ้น - - มันลืมตาขึ้นมาแล้วฉุดแขนผมลงไปนอนทับบนตัวมัน พอผมดิ้มมันก็ยิ่งกอดผมเอาไว้แน่น ผมไม่เคยเข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเวลาผมอยู่กับมินอยอนผมต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้มันทุกที ผมก็ผู้ชายเหมือนมันนะ
“ปล่อย” ผมหยุดดิ้นและพูดด้วยเสียงนิ่งๆ เรียบๆ เผื่อมันจะกลัวขึ้นมาบ้าง แต่ก็อย่างที่คิดล่ะครับ ยิ่งผมไม่ดิ้นแม่งยิ่งเอาใหญ่เลย ทีนี้จับผมกดลงไปนอนบนเตียงแล้วมันก็ขึ้นคร่อมผม เจริญแล้วมินกิ มึงไม่รอดแล้ว
“มินฮยอน~”
ในเมื่อไม้แข็งไม่ได้ผลก็ต้องลองใช้ไม้อ่อนบ้างล่ะครับ ผมเรียกเสียงมันอ่อยๆ แล้วยกมือขึ้นคล้องคอมันไว้ พร้อมกับส่งสายตาหวานหยดย้อย ขนาดผมยังทุเรศตัวเองเลย แล้วมินฮยอนจะเหลือไหมล่ะครับ มันอ้าปากค้างจนน้ำลายจะหลดใส่หน้าผมอยู่แล้ว หึ ไม่คิดว่ากูจะทำอะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะ
“ห..หื้มม?”
โอ้ย ผมฮาหน้ามันอะ 55555555555555555555555555!!
“อรุณสวัสดิ์นะ ^^” ผมฉีกยิ้มแบบที่คิดว่ามันคงน่ารักสุดๆ ไปให้มินฮยอน ไอ้บ้านี่ก็แค่นหัวเราะออกมาก่อนจะยิ้มตาม เอาสิมึงเอาสิ เล่นเองเขินเอง ผมหยิบหมอนข้างตัวขึ้นมาดันหน้าไอ้มินฮยอนออก แต่มันก็จับตัวผมทุ่มลงไปบนเตียงอีกรอบ
“ทำตัวน่ารักเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
...ตั้งแต่มึงเริ่มมีอิทธิพลกับหัวใจกูนี่แหละ
“เออเรื่องของกูเถอะ ถ้ามึงยังไม่ไปอาบน้ำ...”
“ถ้าวันนี้กูแพ้ล่ะ...” มินฮยอนดึงผมเข้าไปกอด คำพูดกับสีหน้าเรียบเฉยของมันทำผมกลัวจริงๆ วันนี้ถึงวันที่มินฮยอนกับยูซังต้องแข่งกันแล้ว ไม่รู้สิครับ ยังไงผมว่ามินอยอนก็ชนะยูซังอยู่แล้ว เพราะไอ้บ้านั่นมันชอบเล่นบอลมากกว่าบาส แต่ฝีมือการเล่นบาสก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฟุตบอลเลยครับ
“แพ้ก็แพ้สิ”
“แพ้แล้วต้องเสียมึงไปเนี่ยนะ.. กูไม่เอาหรอก”
“รู้แบบนี้ก็อย่าแพ้”
“มินกิ กูถามตรงๆ นะ”
“อะไร”
“มึงกับมัน.. ไม่ใช่สิ มึงไม่ได้คิดกับมันเกินเพื่อนใช่ไหม”
“...”
“ตอบกูสิ”
“ชนะสิ.. ชนะให้ได้ แล้วกูจะบอกมึงตอนนั้น”
กอดมันแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่าตัวมันร้อนๆ หรือเปล่านะ ก็เมื่อหลายวันที่ผ่านมามันเล่นซ้อมจนไม่หลับไม่นอน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยได้กิน ผมเริ่มเป็นห่วงมันจริงๆ แล้วนะ
“ถ้าได้กำลังใจก็น่าจะชนะง่ายๆ นะ~”
มินฮยอนพูดแล้วมองหน้าผม ผมเลยรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงมัน ก่อนจะโดนอะไรไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็เปลืองเนื้อเปลืองตัวมากพอแล้วล่ะครับ
“กูไปล่ะ มึงก็รีบๆ.... เฮ้ยยยย”
โอยยย เอาอีกแล้วครับ เอาอีกแล้ว มันลุกขึ้นมาลากตัวผมเข้าไปกอด แม่งกอดจากด้านหลังด้วยครับ มืองี้โอบเอวผมซะแน่น มันจั๊กจี้นะ ถ้าไม่โดนกับตัว คือแบบ.. ปล่อยกูเถอะ ;_____;
“นี่มึงไม่คิดจะให้กำลังใจสามีมึงหน่อยเหรอ ถ้ากูแพ้ขึ้นมาแล้วมึงตกไปอยู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของมึงแล้วจะแย่นะ”
“แย่ตรงไหน มึงสิแย่ กูว่ามึงคงจะดิ้นทุรนทุรายที่เห็นกูเดินออเซาะกับมัน ฮ่าๆๆๆ”
“ปากมึงนี่ดีจริงๆ”
“เออ ดีพอให้มึงหลงได้ละกัน”
เฮ้ย พูดอะไรออกไปอีกแล้ว ปากดีเกินจริงๆ อ๊ากกกกกกก
“เออ กูหลง หลงหัวปักหัวปำเลยล่ะ รับผิดชอบกูด้วยนะ เรียนจบแต่งงานมีลูกกับกูเลย”
มึงไปเอาหมาข้างบ้านได้ป่ะ กูไม่มีมดลูก =________=
“บ้าป่ะวะ ปล่อยกู จะไปเรียนแล้ว...”
โอเคครับ ผมเสียตัวให้มันอีกแล้ว ฮื่อ!! ผมยังพูดไม่ทันจบมันก็จับตัวผมหันมาแล้วประกบปากลงมาเลย สงสัยจะรำคาญเสียงผม ผมพยายามดันมันออกแล้วนะ แต่เอาไม่ออกจริงๆ ยิ่งผมดันมินฮยอนก็ยิ่งรั้งเอวให้ผมเข้าไปใกล้มากขึ้น มือของผมเผลอไปวางไว้ที่บ่าของมินฮยอน และผมก็เผลอที่เอียงใบหน้าให้มินฮยอนได้จูบอย่างถนัดๆ ...
สาบานได้ผมเผลอ !!
มือไม้ของมินฮยอนเริ่มอยู่ไม่สุก มันเริ่มลูบเอวผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนเข้ามาใต้สาบเสื้อตัวบางของผม มันยิ่งเพิ่มความสยิวกิ่วกิ๊วเข้าไปใหญ่เลย ถ้าผมดันมันก็จะยิ่งดึงผมไว้ ผมก็เลยยอมตามเกมมันหน่อย ผมปล่อยให้มันลูบไล้เอวผม ส่วนผมก็จับที่แก้มมินฮยอน แล้วค่อยๆ ผละริมฝีปากออกมา มองหน้ามัน พร้อมกับยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก
“ทำไมวันนี้มึงทำตัวน่ารักจัง หื้มม?”
มินฮยอนยกมือขึ้นปัดผมหน้าม้าของผมที่มันเริ่มยาวลงมาปิดหน้าเอาไปทัดหูไว้ ถึงผมจะแกล้งยั่วมันอยู่แต่ตอนนี้หัวใจผมมันก็จะระเบิดแล้วครับ ใกล้ขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้ชายทั้งแท่งก็ตายคาอกไอ้บ้านี่แน่ๆ
“มินฮยอน”
“ครับเมียยย”
โอเค กูเป็นเมียมันจริงๆ แล้วใช่ไหม เรียกแต่เมียๆๆๆ จะไม่เรียกชื่อกูแล้วแล้วเนี่ย
“แค่จะบอกว่า..” ผมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ กับหูมัน ไอ้นี่ก็สูงเหลือเกิน ผมจะหลอกกัดหูมันนะ แต่เขย่งแล้วก็ไม่ถึงอะ แม่มึงให้กินอะไรตอนเกิดวะ สงสัยกัดได้แค่คอ ผมก็เลยงับเข้าไปที่คอมัน ฝั่งเขี้ยวด้วยนะครับ มันร้องจ๊ากจากนั้นก็ผลักทั้งหัวทั้งตัวผมออกเลย 5555555
“เชี่ย กัดกูทำไม TT”
“มึงทะลึ่งก่อนนะ มาลูบองลูบเอวกู ไม่เจอตีนฟาดเข้าหน้าก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“บอกกูดีๆ สิ บอกกูดีๆ ก็ปล่อยแล้ววว คอกู เลือดไหลไหม” มันยื่นคอเข้ามาหาผม ผมก็ส่อง ไม่ไหลอะครับ มันเป็นแค่รอยแดงๆ เฮ้ย! ผมกะเอาให้เลือดสาดเลยนะ มันจะได้จำ จะได้เลิกทะลึ่งกับผมสักที
“โว๊ะ ใจเซาะ แค่กัดนิดๆ หน่อยๆ ไม่ตายห่าหรอก อาบน้ำไปเรียนได้แล้ว”
“กูไม่ไป กูเจ็บ TT” มินฮยอนไปยืนส่องคอตัวเองที่กระจก สีหน้ามันบอกว่าเจ็บจริงๆ ผมเห็นมันยังลูบคอตัวเองไม่เลิกผมก็เลยเดินออกจากห้องมันไป แต่สักพักหลังจากที่มันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็เห็นมันเดินยิ้มร่าออกมา มันนี้มันใส่เสื้อคอกว้างผิดปกตินิดหน่อยนะ มันยิ่งเลยทำให้เห็นรอยแดงที่คอ ที่ผมเพิ่งจะกัดมันไปเมื่อกี้
เดี๋ยวนะ... ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ
“ไปเรียนกันเถอะ เมียสุดที่รัก” ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรออกมันก็ลากคอผมออกจากหอพักแล้วเดินไปยังคณะทันที พอเดินเข้ามาถึงตกเรียนที่มีคนอื่นๆ กำลังเดินกันให้ขวักเพราะเป็นช่วงใกล้เข้าเรียนแล้ว สายตาทุกคู่เริ่มจับจ้องมาที่เราสองคน คนที่เดินผ่านมินฮยอนไปก็มองแล้วก็หันไปหัวเราะคิกคัก
อะไรวะ? หรือมินฮยอนรีบรูดซิบ
“มึงลืมรูดซิบหรือเปล่า”
“เฮ้ย กูรูดแล้ว มึงจะบ้าหรือไง”
“กูจะไปรู้เหรอ เห็นคนอื่นๆ เขามองมึงแล้วก็หัวเราะ กูก็นึกว่ามึงลืมรูดซิบ”
“ไปเหอะ..”
“รอกูด้วยยยย” เสียงเป็ดๆ ลอยมาแต่ไกลเลยครับ เจอาร์กำลังวิ่งมาทางผมกับมินฮยอน ไม่มีแบคโฮ อย่าถามผมนะว่ามันไปไหน ผมก็ไม่รู้ สงสัยไปตามพี่อารอนที่อเมริกาแล้วมั้งป่านนี้
“แบคโฮไปไหนล่ะ” มินฮยอนถาม
“คยองกี ไปตามหาพี่อารอน กูห้ามแล้วแม่งก็ไม่ฟังกูเล้ย”
“ปล่อยมันไปเถอะ”
“กูก็คิดว่างั้น ไม่เจอเดี๋ยวแม่งก็กลับมาเอง อ้าวแล้วนี่... เฮ้ยยย!!” เจอาร์ตกใจเหมือนเห็นผี มันชี้ๆ ที่คอมินฮยอน ผมก็มองตาม มันชี้ที่รอยเขี้ยวผมนั่นเอง ..แล้วตกใจอะไร?
“มึง.. มึงสองคนได้กันแล้วเหรอ???”
ผลัวะ!
ผมจัดการฟาดมือลงไปบนหัวเจอาร์ทันที ไอ้ห่านี่คิดอะไรวะ
“55555555555555555555”
เอ้า! ไอ้มินฮยอนนี่ก็หัวเราะอะไร
“โอ้ยกูเจ็บ! แล้วมึงทำอะไรกัน มินฮยอนนน มึงบอกกูมา ว่ามึงทำอะไรมินกิตัวน้อยๆ ของกู”
“กูเปล่า ถ้ากูทำรอยก็ต้องอยู่ที่คอมันสิ แต่นี่...”
“อูยยย~ ร้อนแรงใช่เล่นนะจ๊ะน้องสาวว~”
สองคนนี้มันคุยอะไรกันวะเฮ้ย ขอติดแท็กนิดนึง กูไม่รู้เรื่อง!!
“มึง.. พูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่?”
“เปล่าๆ ไปเรียนไป เดี๋ยวเช็คชื่อไม่ทัน” มินฮยอนกับเจอาร์เดินกอดคอกันไปทิ้งให้ผมงงกับตัวเองอยู่ข้างหลัง อะไรวะ จะไม่ให้กูรู้เรื่องใช่ไหมมมมม
ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้ว ทั้งเร็น มินฮยอน และก็เจอาร์มาถึงสนามบาสหลังคณะประมงตามที่นัดกับยูซังเอาไว้ ท้องฟ้าเริ่มปลกคลุมไปด้วยความมืด มินฮยอนกับยูซังถือลูกบาสไว้คนละลูก และจับจองแป้นบาสไว้คนละฝั่ง ทั้งสองคนต่างผลัดกันโยนเข้าห่วงเพื่อซ้อมและวอร์มร่างกายก่อนจะแข่งจริง กติกาอยู่ที่ ใครทำแต้มได้ถึง 100 ก่อนเป็นผู้ชนะ
แต่คิดดูสิ ชู้ต 1 ครั้ง เท่ากับ 2 แต้ม ต้องชู้ตถึง 50 ครั้งกว่าจะแต้มครบตามที่กำหนด เร็นกับเจอาร์นั่งดูอยู่ที่แสตนข้างๆ สนาม ถึงจะมืดลงแล้วแต่ก็ยังมีคนที่อยู่รอบคณะแวะเข้ามาดู เพราะผู้เข้าแข่งขันหล่อระเบิดขนาดนี้
“เร็น! มินฮยอนกับผู้ชายคนนั้นจะแข่งบาสกันเหรอ?” จูฮยอนที่เป็นพี่รหัสมินฮยอนเดินเข้ามานั่งข้างๆ เร็น
“ครับ แล้วพี่รู้ได้ไง?”
“ก็เห็นพวกเด็กปีหนึ่งมันพูดกันว่าเมื่อตอนงานคณะได้ยินว่าพวกแกจะแข่งบาสกัน พี่ก็เลยรีบมาดูนี่ไง ว่าแต่มันแข่งกันเนื่องในโอกาสอะไร มีอะไรดีงั้นเหรอ”
“ปละ..เปล่านี่ครับ มันแข่งกันเฉยๆ”
“อ้าวเหรอ นึกว่ามีอะไรเป็นเดิมพันธ์ซะอีก จะได้หนุกๆ กว่านี้ แต่เอาเถอะ น้องรหัสพี่แม่งหล่อชิบหายเวลาอยู่ในมาดสปอร์ตกายส์แบบนี้ ><”
จูฮยอนวางของไว้ข้างๆ ตัวและตั้งใจมองไปที่น้องรหัสตัวเอง มองไปกรี๊ดไป เริ่มหลงน้องรหัสตัวเองซะแล้ว แอร๊ยยย ><
ปี๊ดดดด!
เสียงนกหวีดที่ถูกเป่าออกไปโดยเจอาร์ดังขึ้น ยูซังโยนลูกบาสออกไปข้างๆ สนามลูกหนึ่ง และเจอาร์ก็รับลูกบาสในมือมินฮยอนมาถือเอาไว้
“จะเริ่มแข่งแล้วนะ ตามกติกา ใครได้แต้มครบ 100 ก่อน ..ชนะไป”
ทั้งคู่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินมาเผชิญหน้ากันที่กลางสนาม สายตาจ้องมองกันอย่างไม่ลดละ บอกได้คำวเดียว่า มันส์!
ปี๊ดดดด!
เจอาร์เป่านกหวีดอีกรอบแล้วโยนลูกบาสขึ้นไปกลางอากาศ มินฮยอนและยูซังเลยรีบกระโดดปัด แต่เพราะความไวทำให้ยูซังปัดลูกและรับมือถือไว้ในมือได้ ก่อนจะค่อยๆ วิ่งเดาะลูกบาสไป มินฮยอนก็พยายามขวาง และ...
สวบ!
ชู้ตลงห่วงไปอย่างสวยงาม บอร์ดคะแนนที่อยู่ข้างๆ เจอาร์ถูกเปลี่ยนเป็น 2 ต่อ 0 ทันที ...
หลังจากนั้นมินฮยอนก็จับลูกบาสขึ้นมาถือไว้ เดินไปกลางสนามแล้วค่อยๆ เดาะเข้าใกล้แป้นบาสเรื่อยๆ เพราะใช้แป้นบาสเพียงฝั่งเดียว ทำให้จุดเริ่มต้นอยู่ที่กลางสนามทุกครั้ง สายตาที่จดจ้องอยู่ที่ยูซังไม่วาง เขายกยิ้มขึ้นมาที่มุมปากตามความเคยชิน..
เพิ่งจะเริ่มต้น อย่าเพิ่งดีใจ...
มินฮยอนวิ่งเดาะลูกบาสเข้าไปใกล้แป้นเรื่อยๆ ยูซังเลยรีบเคลื่อนตัวเข้าไปขวางทาง แต่สุดท้ายมินฮยอนก็หมุนตัวพลิกข้อมือชู้ตลงห่วงไปได้สำเร็จ ทันทีที่เขาชู้ตลงห่วงไปได้ก็หันไปมองหน้าเร็นทันที คนตัวเล็กก็ชูนิ้วโป้งพร้อมกับยิ้มเล็กๆ ให้ แน่นอนว่าภาพนั้นยูซังก็เห็น...
+++++++++++++++++++++++
แบคโฮกำลังเดินคอตกกลับมายังคณะหลังจากที่โทรหาเจอาร์ นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้วป่านนี้ยังไม่เลิกแข่งกันอีกเหรอ? ถ้าจะถามว่าแบคโฮทำไมเดินคอตก และเพิ่งมาถึงคณะ...
หลังจากที่เลิกเรียนในช่วงเช้าแบคโฮก็รีบตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปคยองกี บ้านของอลิซ หวังว่าจะรู้ข่าวเกี่ยวกับอารอนบ้าง แต่พอไปถึง.. กลับเจอแต่คุณแม่ของอลิซ
2 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น..
“สวัสดีครับคุณน้า”
“อ้าวแบคโฮนี่เอง!! มาหาอลิซเหรอ”
“ประมานนั้นครับ พี่อลิซอยู่ที่ไหนฮะ? ผมจะถามเกี่ยวกับเรื่องพี่อารอน”
“อลิซไม่อยู่หรอก กลับไปแอลเอตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว เห็นบอกว่าเปิดเทอมพอดี”
“เปิดเทอมเหรอครับ?”
“ใช่.. แต่คราวนี้เปิดเทอมเร็วแปลกๆ นะ”
“พี่อารอนกับพี่อลิซเรียนอยู่ที่เดียวกันใช่ไหมครับ”
“จ้ะ แต่น้าไม่รู้ว่าอารอนกลับแอลเอพร้อมอลิซหรือเปล่านะ เพราะก่อนหน้าที่เขาจะกลับไปโซลเหมือนพ่อของอารอนจะโทรมา”
พ่อ... ?
‘พ่อไม่รู้หรอกว่าฉันอยู่เกาหลีแล้ว ฉันแค่บอกพ่อว่า จะไปค่ายอาสากับมหาลัยที่อเมริกาสักเดือนนึง ฮ่าๆ ถ้าเขารู้ว่าฉันมาอยู่นี่คงโดนด่าเละ’
เสียงหวานใสที่บ่นถึงพ่อยังคงก้องอยู่ในหัวของแบคโฮ ถ้าพ่อของพี่อารอนโทรมา แสดงว่าพี่อารอนก็คงกลับไปอยู่บ้านที่อเมริกาแล้วจริงๆ สินะ ผมยังต้องห่วงอะไรอยู่ไหม.. อ่า ก็รู้ว่าตอนนี้พี่อารอนอาจจะกินอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ แต่ทำไมรู้สึกเป็นห่วงแบบนี้ล่ะ ? เพราะยังไม่ได้เห็นกับตาตัวเองมั้งว่าพี่อารอนอยู่อเมริกา
เพราะเหตุนี้แหละ แบคโฮเลยเดินคอตกกลับมาที่คณะ เขาเดินมาที่สนามบาสหลังคณะ คนเริ่มน้อยลง เหลือแต่รุ่นพี่ที่สนิทๆ เท่านั้นที่ยังคงนั่งดูการแข่งขัน พี่ยุนโฮ พี่แจจุง พี่จูฮยอน เร็น เจอาร์ ซึงซอล
บอร์ดคะแนนที่ตั้งไว้ข้างสนาม อยู่ที่ 88 ต่อ 86 แบคโฮเดินไปนั่งอยู่ข้างๆ เร็น สายตาก็ไม่ละจากการแข่งขันกลางสนามที่กำลังดุเดือน ผลัดกันรุก ผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร
“อ้าวมึง เพิ่งกลับเหรอ” เร็นทักแบคโฮ
“อืม”
“แล้วเป็นไงอะ ได้ข่าวอะไรมั่งไหม”
“กูคิดว่าพี่อารอนคงกลับอเมริกาไปแล้ว เพราะแม่พี่อลิซบอกว่าก่อนที่พี่อารอนจะกลับโซล พ่อของพี่อารอนโทรมา”
“เอาน่า อย่าเศร้า อย่างน้อยเราก็รู้ว่าพี่เขาไปอยู่อเมริกาอย่างปลอดภัย”
“กูก็ขอให้เป็นงั้น.. แล้วนี่ ใครนำใครอยู่วะ”
“..ยูซังนำ” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนเป็นเส้นตรง สีหน้าและแววตาที่เป็นมินฮยอนเผยให้คนรอบตัวได้เห็นอย่างชัดเจน หน้าของมินฮยอนซีดจนแทบจะไม่เลือดฝาดบนใบหน้าหล่อๆ นั่น เหงื่อมากมายผุดไหลออกมาตามร่างกาย เมื่อเช้าที่เร็นรู้สึกว่ามินฮยอนตัวร้อนๆ คงเป็นเรื่องจริง มินฮยอนกำลังไม่สบาย... ตั้งแต่เริ่มแข่งจนกระทั่งตอนนี้ ทั้งคู่ยังไม่ได้หยุดพักเลย
“เชี่ย หน้ามินฮยอนแม่งเหมือนหมาป่วยแล้วนะเว้ย จะตายห่ากลางสนามป่ะวะ” เจอาร์เดินมานั่งข้างๆ เร็นหลังจากที่วิ่งไปหยิบลูกบาสส่งให้ยูซัง
“เมื่อเช้ากูจับตัวมัน ก็ร้อนๆ นะเว้ย แต่กูไม่คิดว่ามันจะเป็นหนักขนาดนี้”
“อย่าตายห่าซะก่อนนะมึง”
ยูซังยังคงรุกวิ่งเข้าไปใกล้แป้นบาส และพร้อมที่จะโยนลงห่วง แต่กลับถูกมินฮยอนสกัดเอาไว้ ลูกเลยตกมาอยู่ที่มือของมินฮยอน เขาเดาะลูกบาสด้วยท่าทีนิ่งๆ พยายามเก็บอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเอาไว้ ยิ่งวิ่ง ก็ยิ่งปวด แต่พอเผลอแป๊บเดียวเท่านั้นลูกบาสกลับตกไปอยู่ในมือของยูซัง
“ยูซัง เห็นอะไรนี่มั้ย” มินฮยอนใช้มือข้างที่ว่างแตะที่คอตัวเอง ตรงรอยเขี้ยวที่เร็นฝากเอาไว้เมื่อเช้า แน่นอนว่ายูซังเห็นมันมานานแล้ว และเขาไม่ได้คิดว่านั่นจะเป็นฝีมือเร็น
“หึ อะไรล่ะ”
“ฝีมือเพื่อนมึงไง.. เข้ามาปลุกกูถึงในห้อง แล้วปากแดงๆ นั่นก็ฝากรอยนี้เอาไว้” มินฮยอนว่าพลางหันไปมองหน้าเร็นที่นั่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าสองคนนี้กำลังคุยถึงเรื่องตัวเอง ยูซังทุ่มลูกบาสลงกับพื้น จนมันกระเด้งลอยไปไกล ก่อนจะคว้าคอเสื้อมินฮยอน
“ฮวังมินฮยอน!!”
“ใจเย็น... ใจเย็นๆ นะ ชิมยูซัง” มินฮยอนแค่นหัวเราะออกมาเพราะเขาสามารถยั่วโมโหคู่แข่งได้สำเร็จ เร็นทำท่าจะลุกขึ้นไปหา แต่ถูกแบคโฮดึงแขนไว้ จนเจอาร์ต้องรีบมาแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“มีอะไรกัน”
“เปล่า”
“ถ้าเปล่าก็ปล่อยครับ จะได้แข่งต่อให้จบ”
ยูซังยอมปล่อยคอเสื้อมินฮยอน ก่อนจะเดินถอยลงไปอยู่หลังเส้น แล้วปล่อยให้มินฮยอนได้ลูก ถึงจะสะใจที่ปั่นหัวคู่แข่งได้ แต่ตอนนี้แรงจะยืนของมินฮยอนก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว เขาสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะค่อยๆ เดาะลูกบาสวิ่งเข้าไปหาแป้น
..........
......
...
..
ปี๊ดดดดด!
สวบ!
จังหวะที่เจอาร์เดินออกไปเป่านกหวีดกลางสนามเพื่อจะให้หยุดพักการแข่ง พอดีกับที่มินฮยอนสามารถตีตื้นขึ้นมาเสมอได้ 92 ต่อ 92 เร็นถือขวดน้ำสองขวดเอาไปให้มินฮยอนกับยูซัง ทั้งคู่รับมันไว้ในมือ เขายกมือขึ้นแตะหน้าผากมินฮยอนเพื่อวัดอุณหภูมิ แต่ถูกคนตัวสูงดึงเข้าไปหอมแก้มจนได้ เร็นอ้าปากค้างก่อนจะผลักตัวมินฮยอนออก
“ไอ้เชี่ย -___-“
“55555555 ทำไม?”
“มึงไหวป่ะ กูถามจริง ถ้าไม่ไหวก็จบตรงนี้เลย หน้ามึงแย่มากแล้วตอนนี้”
“เป็นห่วงกูเหรอ”
“ก็...”
“ถ้าไม่ไหวก็ยอมแพ้สิ พูดออกมาเลยว่า ยอม แพ้” ยูซังชิงพูดตัดหน้าเร็น มินฮยอนหลุบตาลงมองพื้น ก่อนจะก้มลงหยิบลูกบาสโยนส่งไปให้ยูซังแล้วยกยิ้มมุมปาก
“ยอมแพ้ไม่เป็น.. นั่นแหละ ฮวังมินฮยอน”
..............................................
Talking*
ค้างล่ะสิ! 5555555555 แกล้งรีดเดอร์คืองานของเรา
พาร์ทนี้อุทานได้คำว่าว่า อื้อหืออออ มันส์หยดติ๋งๆ
หรือไรท์เตอร์มันส์อยู่คนเดียว? 555555
ได้โปรดอย่ามองว่ามินฮยอนนั้นเป็นพระเอกที่จิตใจดี
ไม่ใช่ จ้ะ ไม่ใช่ ไปๆ มาๆ เริ่มร้ายกว่ายูซังซะแล้ว 55555
แล้วพี่อารอนหายไปไหน? กลับไปอเมิรกาจริงหรือเปล่า
แบบนี้ต้องติดตาม
รักนะคะ ชุ้บๆ ♥
♥.
ความคิดเห็น